วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

[Fic] THISMAN - หยางเฟิง CHAPTER : 8 'คนคนนี้ร้าวราน'




TITLE : [Fic] THISMAN
CHAPTER : 8 'คนคนนี้ร้าวราน'
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : NC – 17  หรือมากกว่านั้น



***************************************************************************


“ปวดหัวชะมัด”





หลังจากพี่สาวผู้จัดการแจ้งข่าวนั้นให้ทราบ  ข่าวใหญ่สำหรับชีวิตนักแสดงของหยางหยาง การย้ายบริษัทเป็นเรื่องใหญ่ เพราะถือเป็นการเริ่มต้นใหม่ กับอะไรที่ต้องไปเผชิญหน้า จากที่เขาอยู่ใต้ร่มชายคาบริษัทใหญ่งานจึงเข้ามาไม่ขาดสาย และสาเหตุที่ทำให้เขาและต้นสังกัดเดิมที่อยู่ต้องแยกกัน ก็เพราะทีมงานทั้งหมดที่เขาอยู่ร่วมทีมกันมาตั้งแต่แรก  ไม่สามารถสานต่อความสัมพันธ์อันดีกับต้นสังกัดใหญ่ได้ เป็นปัญหาที่พวกผู้ใหญ่เขาจัดการกันมา และหยางหยางนั้นเป้นผู้รับสารและทำตามเท่านั้น เขาแค่เด็กอ่อนประสบการณ์ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำตาม  เขาจะต้องออกไปผจญโลกใหม่  วงการบันเทิงที่โหดร้าย  แต่อย่างน้อยก็ยังมีทีมงานเดิมที่คอยห่วงใยและดีกับเขา ไม่รู้ว่าพี่ ๆ ไปร้ายกับใคร  นั่นเขาคงไม่สนใจมันหรอก แค่พี่ ๆ ทีมงานดีกับเขา แค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว





“อืม...”




เรื่องต่อไปที่หยางหยางคิดต่อ  ที่จริงแล้วมันรบกวนจิตใจหยางหยางอยู่มาก แต่หยางหยางพยายามไม่คิดถึงมัน นำเรื่องอื่นมาคิดและปัดมันลงซอกความทรงจำ  และในที่สุดเขาก็หมดเรื่องครุ่นคิด ในที่สุดเรื่องนี้ก็กลับมาเป็นประเด็นให้ปวดหัวอีกครั้ง





หลี่อี้เฟิง





หลังจากนี้อีกไม่กี่เดือน หลี่อี้เฟิงก็จะกลายเป็นเส้นขนานกับเขา  เพราะถ้าหากแยกบริษัทกันไป  และตั้งแต่บริษทัใหม่ก็คงจะกลายเป็นคู่แข่งซึ่งกันและกัน  จนไม่สามารถร่วมงานได้  หรือแม้แค่เฉียดมองหน้ากัน ก็ยังทำไม่ได้  อาจจะเป็นประเด็นใหญ่จนพวกเขาต้องโดนสื่อรุมถามจนไม่เป็นอันทำอะไร  หยางหยางเป็นห่วงที่สุดคือตัวเขาเองที่อาจจะระเบิดอารมณ์เพราะคำถามพวกนั้นเมื่อไหร่ก็ได้  รู้ตัวเองดีว่าไม่สามารถคสบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีนัก  ไม่เหมือนหลี่อี้เฟิงคนนี้ที่เก่งเหลือเกินเรื่องเสแสร้งหน้ากล้องต่อคนทั้งโลก



ว่าเขาก็ปวดใจเอง....หยางหยางยกมือแตะที่หน้าอกเขา รู้ว่าตรงที่หัวใจปวดหนึบขึ้นมา เขารู้สาเหตุดีว่าเป็นเพราะอะไร  อายุเขาก็ไม่ไดน้อยไม่ได้ด้อยประสบการณ์ขนาดนั้น  เขาคิดว่าเขาน่าจะมีความรู้สึกพิเศษอะไรบางอย่างกับหลี่อี้เฟิงคนนี้เสียแล้ว






แต่เขายกความรู้สึกนั้นทิ้งไป และบอกว่า มันดีเสียอีกที่จะได้ไม่ต้องเจอกันอีกหลังจากนี้ เป็นเส้นขนานไปเลย เห็นแค่ในโซเชี่ยล หรือแค่ปายโฆษณาก็เอียนหน้ากันแทบไม่อยากจะมอง







 มันก็ดี






แต่ยิ่งคิดเช่นนั้น หัวใจของหยางหยางยิ่งแย่ลง








“หยางหยางถึงคิวแล้ว”










ดารารูปหล่อนอนคิดทุกอย่างในห้องพักของเขาเอง  วันนี้ก็คงเป็นวันสุดท้ายที่เขากับหลี่อี้เฟิงจะได้เจอกัน  คนคนนี้ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกไปมากกว่าเกลียด...เขายืนยันกับตัวเอง และหลังจากนี้ก็ยังคงความรู้สึกนี้ไปตลอด  หยางหยางหวังว่าตัวเองจะไม่เป้นซาตานที่อ่อนแอ และพ่ายแพ้เพียงแค่รอยยิ้มเดียวของเทพบุตรหลอกลวง







เขาจะทำได้หรือเปล่า






“ทางนี้หยางหยาง”





ผู้กำกับที่อยู่ในจุดรอเตรียมพร้อมถ่าย วันนี้เป็นวันปิดกล้องของละครเรื่องนี้ จึงมีสื่อเข้ามาทำข่าวกันมากพอสมควร หลากลหายช่องก็อยากจะได้ภาพจากกองถ่ายละครนี้กันไปทั้งนั้น  เพราะรวมดาราชื่อดังไว้มากมาย และเป็นละครจากนิยายดัง  ฉากวันนี้เป็นฉากที่จะต้องนำไปใช้ในปฐมบทของเรื่องราวทั้งหมดของละคร  จากการอ่านบทแล้วเขาจะต้องเข้าฉากกับหลี่อี้เฟิงคนนั้นทั้งหมดในส่วนของคิวแสดงของเขาเอง 



วันสุดท้ายแล้วก็ทนเอาหน่อยแล้วกัน



ในที่นี้ที่ว่าทน  เขาเองก็ไม่รู้ว่าทนกับอะไรกันแน่ 







“ฮัลโหล สวัสดีทุกคน อี้เฟิงมาแล้ว!








หยางหยางส่ายหน้ากับคำทักทายที่ดูแสร้งว่าสดใส รอยยิ้มนั้นมันโกหกทั้งเพ  ถึงแม้ว่าเขาจะตกหลุมพรางรอยยิ้มนั้น แต่เชื่อเถอะว่าหยางหยางยังคงไม่ชอบใจกับความหลอกลวงของรอยยิ้มจอมปลอมนั่น  แต่เขาไม่ปฏิเสธว่าหัวใจของตัวเองหน่วงหนักเหลือเกิน   เหมือนอยากให้มันดำเนินไปต่อ






การต่อสู้ของซาตานและเทพบุตรนี้  เพราะหลังจากนี้  การแยกไปอยู่ในบริษัทใหม่ ก็เท่ากับการพบกันของทั้งสองจะกลายเป็นศูนย์แล้วนับจากนี้






หรืออาจจะเป็นเพราะหยางหยางคิดถึงเรือนร่างชวนฝันนั่นก็ได้  การร่วมรักกับหลี่อี้เฟิงเป็นอะไรที่น่าจดจำ ทุกอย่างและทุกส่วนสัดของหลี่อี้เฟิงล้วนติดตาตรึงใจหยางหยางทั้งสิ้น  ทำเอาเขาลืมความเร่าร้อนของหนุ่มสาวที่เคยผ่านมือเขาทุกคนมาทั้งปวง  และความคิดก็วนอยู่แต่กับเทพบุตรคนนี้  นี่ล่ะ หยางหยางคิดว่านี่เป็นความร้ายกาจของเทพบุตรหลี่อี้เฟิง




พอหันไปมองดูคนคนนี้ที่กำลังร่าเริงจนน่าหมั่นไส้ หยางหยางก็พบว่าเขามีช่วงเวลาไว้เพื่อจ้องจับผิดคนคนนี้มากเกินไปเสียแล้ว เผลอก็ต้องมองเขา  มันมากเกินไป  บางทีหยางหยางควรเลิกคิดเรื่องหลี่อี้เฟิงก่อนจะมีเขาไปก่อกวนในความครบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ 







ชั่วครู่หนึ่งที่ได้สบตาตาเขา หลังจากที่หยางหยางลอบมองหลี่อี้เฟิงจากที่ไกล ๆ อยู่นาน สายตาอีกฝ่ายก็มาพบกับหยางหยางกลางอากาศ  หยางหยางถามคำถามกับตัวเองว่าทำไมไม่เสหลบหรือหนีสายตานี้ไป ส่ งสายตาแบบนั้นมา หลี่อี้เฟิงเขาต้องการสื่ออะไร หยางหยางไม่อาจล่วงรู้ได้  แต่แววตานั้นมีความหมายมากกว่าที่เห็น





และเพียงนั้นทั้งคู่ก็หันหลบไปพร้อมกัน หลังจากนั้นก็เป็นการเข้าคิวการแสดงของทั้งคู่


“แอคชั่น!


ซึ่งในฉากสุดท้ายนี้เป็นฉากที่พี่จั่วและอี้เฟิงได้ต่อสู้กันมาพักใหญ่มีกลุ่มชายคนร้ายวิ่งไล่หลังตามมา  และเขาก็เป็นคนไปช่วยให้เหตุการณ์นั้นคลี่คลายไป  จุดใหญ่ของฉากนี้ก็คือการพบกันของตัวละครเขาและตัวละครหลี่อี้เฟิงในเรื่อง  ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะเริ่มในตอนที่หนึ่งในละคร 




ช่วงที่ถ่ายทำมีเวลาเนิ่นนานที่ให้มองตากัน  เพื่อไม่ให้ผิดพลาดจึงจำเป็นต้องซักซ้อมคิวกันก่อน โดยมีพี่จั่วคอยยืนช่วยทั้งคู่  ในตอนนั้นไม่มีบทพูดอะไรไปมากกว่าไถ่ถามว่าเป็นใครมาจากไหน  ซึ่งเป็นบทของหลี่อี้เฟิง  และเป็นทีของหยางหยางที่จะต้องหันไปมองหน้าตาเขา  และเมื่อซ้อมตามบทไป  บรรยากาศของหลี่อี้เฟิงและหยางหยางดูเหมือนจะเป็นบรรยากาศที่อ่านไม่ออก  นักแสดงรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะขัด  เพราะเมื่อทั้งคู่สบตาสายตากัน มันเหมือนมีอะไรกันมากกว่านั้น  แต่ไม่สื่ออกมาทางอื่นเลย  นอกจากสายตา




หยางหยางก็ไม่รู้ว่าเขาบอกความรู้สึกอะไรผ่านสายตาส่งไปหาหลี่อี้เฟิง และ เพราะอีกคนนั้นส่งสายตาที่เขาไม่เข้าใจมาให้เหมือนกัน  อ่านได้คือความหน่วงหนักในใจเมื่อได้รับรู้สายตา เมื่อหมดเวลาซ้อม และเข้าฉากจริง มันเนิ่นานกว่าที่ซ้อมไว้  และสายตานั้นก็หน่วงหนักยิ่งกว่าเดิม





จนเมื่อหมดคิวนั้น หยางหยางก็จะต้องเดินจากหลี่อี้เฟิงและรุ่นพี่อีกคนในฉากนั้นไป หันหลัง และไม่กลับมามองเขาอีก  พอได้ถ่ายฉากนี้จริง ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็เข้ามาปะปนด้วย ทำให้บรรยากาศรอบตัวของหยางหยางในขณะถ่ายทำมันดูแปลกไป จนผู้กำกับมาทักว่า  อย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวมาใส่ในฉาก แต่เขาก็ไมได้ถ่ายใหม่ เพราะที่ถ่ายไปนั่นก็พอดีแล้ว หยางหยางก็กลั้นความรู้สึกส่วนตัวได้พอดีไม่มากไม่น้อยเกินไป ที่จริงผู้กำกับไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เพราะคนที่รับบทตัวละครหนึ่งที่หยางหยางเดินจากมาเป็นหลี่อี้เฟิง นั่นกำลังพอดี พอดีที่หยางหยางจะใช้ความรู้สึกนั้นสร้างสายสัมพันธ์กลางอากาศกับอีกคนในละคร  ถือว่าเป็นผลพลอยได้ให้คนดูซึมซาบกับเรื่องราวและระหว่างตัวละครด้วย






เมื่อเดินหันหลังจากมาแบบนั้น  แม้เป็นแค่ในละครก็ยังรู้สึกร้าวราน...เขาอาจจะใช้คำนี้ได้  หยางหยางกำลังคิดว่า หัวใจของเขาเหมือนแก้วใบนึงที่ดูบอบบางเหลือเกิน








THISMAN


“ขอบคุณดูแลกันมา หลังจากนี้ก็คงไมได้เจอกันแล้วนะ”
“ก็หวังว่าเราจะไม่มาทับไลน์ ทับที่ทางหรือเส้นทางอนาคตกันและกันหรอกนะ ฉันก็จะพยายามไม่ให้มีเรื่อง”
“นั่นมันก็แล้วแต่ฝั่งคุณว่าคุณจะทำอย่างไรเมื่อจะต้องเผชิญกับพวกเราทุกคน แต่เอาเป็นว่า..ลาก่อน”




บทสนทนาระหว่างหัวหน้าทีมงานของทั้งหยางหยางและหลี่อี้เฟิง ภายหลังงานเลี้ยงปิดกล้องเล็ก ๆ กันภายในกอง หลังจากที่ถ่ายทำกันเสร็จ หยางหยางและอี้เฟิงก็ไมได้พบหน้ากันอีกเลย  จนเข้างานเลี้ยงเล็ก ๆมาก็ต้องไปพบปะกับทีมงานทุกคนที่ทำงานกันมา เป็นไปตามมารยาทที่เด็กอย่างพวกเขาควรทำและในที่สุดก็มาเจอกันในช่วงสุดท้ายหลังงานเลิกรา และก็ต้องเลิกรากันจริง ๆ





ซึ่งในเมื่อทีมงานของพวกเขาสองคนสั่งลากันแบบนั้น  ดูท่าทางไม่ได้มีเยื่อใยอะไรด้วยกันเลย  หยางหยางกับอี้เฟิงรู้ดีว่ามันเกิดจากทั้งเรื่องทางธุรกิจ และเรื่องความไม่เข้าใจกันในเรื่องการทำงานที่มีความเห็นไม่ตรงกัน และนั่นทำให้ทีมงานของหยางหยาง ขอแยกตัวออกมาและตั้งบริษัทและบริหารตัวเอง ที่จริงพวกเขาได้เตรียมกันมาล่วงหน้าแล้วพักใหญ่แลต่ได้คุยกับหยางหยาง เกริ่นมาเรื่อยและวันนี้ก็เป็นของจริง สั่งลากันและคงไม่เจอกันอีก นอกจาก ตามงานใหญ่ ๆ บ้างบางครั้งที่จำเป็นต้องส่งเด็กในสังกัดของตัวเองไป



“ขอให้โชคดี”
“เช่นกัน”




หัวหน้าทีมทั้งสองฝ่ายบอกลากกัน และส่งสายตาประจันกันซึ่ง ๆ หน้า พวกเขาต่างรู้ไส้รูพุงกันหมดแล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีอะไรต้องปิดบังกัน เพราะทำงานกันมาหลายปี และถึงทีจะแยกย้ายกันไปก็ต่างมีพันธะที่จะต้องปิดเรื่องของอีกฝ่ายกันและกันไว้ ก็ถือเสียว่า เป็นเพื่อนเก่าไม่เอาไปแฉ




หยางหยางมองดูทั้งสองฝ่ายปะทะคารมกัน แม้ไม่อยากฟังก็เข้าหูมา เขาเสหลบไปอย่างไม่สนใจ และหันไปพบกับหลี่อี้เฟิงที่เสมองไปทางอื่นเช่นกัน เขายืนอยู่หลังผู้จัดการหญิงคนสนิทอีกคน และไม่นานตากลมดตคู่นั้นก็หันมาทางหยางหยาง 









และนั่นเป็นการสบตาซึ่งหน้ากันและกันครั้งสุดท้าย เหมือนบอกลากันทางสายตาแล้ว แววตาที่มองหยางหยางคิดว่าอีกฝ่ายรู้สึกเหมือนกันกับเขา  แต่ไม่รู้ว่ามันมีความหมายว่าอะไร จนในที่สุดเราก็หันหลังให้กัน








THISMAN







หลังจากนั้นเขาไมได้เจอหลี่อี้เฟิงเป็นเวลานาน ให้นับตอนนี้ก็เป็นเดือนที่สามแล้ว หลังจากที่บอกลาผ่านสายตาและความหมายในแววตาของทั้งคู่ไม่ออกเลยจนถึงตอนนี้ บอกได้เลยว่าเขาคิดถึงหลี่อี้เฟิง จะเป็นคิดถึงในแง่ไหนก็ช่างมันแล้ว แต่ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ได้พบและสัมผัสร่างนั้นกับมือตัวเองซักครั้ง ก็อาจจะผ่อนความคิดถึงไปบ้าง หรืออาจจะเป็นบ้ามากกว่าเดิม






เขาเรียกได้ว่าเขากำลังจะเป็นบ้าก็เพราะหลังจากที่แยกกัน หยางหยางมีตารางชิวิตที่เปลี่ยนไป เขาไมได้พวกสังคมจัด ๆ เหมือนเมื่อก่อน ไม่ควงหนุ่มสาวไม่ซ้ำหน้าขึ้นเตียงเป็นว่าเล่นให้นักข่าววิ่งหาตัวจับภาพกันให้วุ่น ไม่ออกไปเที่ยวไม่หนีไปไหนจนผู้จัดการตามตัวไม่ได้  ตอนนี้จะร้ายแรงที่สุดก็คงจะเป็นการอยู่กับบ้านระหว่างที่เขาไม่มีงาน มีงานก็ไปทำงานตามปกติและตรงกลับบ้านเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ และเมื่อมีวันหยุดยาวสิ่งที่เขาทำก็คือ ดื่มเหล้าเบียร์อยู่กับบ้านเปิดอะไรดูไปแก้เซ็ง และจินตนาการ







ที่บอกว่าเปิดอะไรดูก็มีหลายอย่างแต่หลายอย่างนั้นทุกอย่างจะถูกก่อกวนโดยหลี่อี้เฟิง และสุดท้ายมือของเขาก็มักจะไปกดเปิดข่าของคนคนนี้ดู รูปภาพที่อยู่ในสื่ออนไลน์ทุกสื่อ  เผลอกดเซฟเก็บไว้บางรูปที่สามารถเอาไปจินตนาการได้  เขาจินตนาการว่าเขากับอี้เฟิงคนนี้อยู่ด้วยกันตราบนานเท่านาน ทำอะไรตามต้องการ ได้ยินเสียงครางหวานหูและเขาดูมีความสุขกับการมอบการปรนเปรอให้  แค่จินตนการถึงหลี่อี้เฟิงหยางหยางก็เสร็จและจัดการตัวไปได้แล้ว และรวมกับรูป เสียง และคลิปที่เก็บไว้ เขายังไม่เอาไปเผยแพร่ให้ใคร  และจะไม่มีวันทำแบบนั้นอย่างที่เคยคิด  เขาไม่อยากให้ใครได้เห็นหรือได้ยิน เรือนร่างแสนสวยและเสียงหวานปานน้ำผึ้งของอี้เฟิง  จะใครก็ไมได้ทั้งนั้น มือถือและเครื่องเพลงสองอย่างนี้จึงเป็นสมบัติสุดหวงของหยางหยางไป ชนิดที่ใครก็ห้ามยุ่งวุ่นวาย  แม้จะเป็นผู้จัดการสาว แม้บางครั้งที่เธอสงสัย  แต่สุดท้ายก็คิดว่ามันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของหยางหยาง





แต่แค่จินตนการมันไม่พอเติมเต็มความต้องการให้กับเขา  และไม่มีอารมณ์จะไปหาใครที่ไหนมาปลดปล่อยอารมณ์นี้ด้วย  เขาไม่รู้สึกคล้อยตามและอยากทำแบบนั้นกับใครซักนิด ไม่ต้องถึงขนาดมองหน้า  ถ้าหากหยางหยางไปมีสัมพันธ์กับใคร ๆจะชายจะหญิง แค่แตะผิวกายก็รู้ได้แล้วว่านี่ไม่ใช่คนของเขา ไม่ใช่เรือนร่างที่ฝันหา   และพาลจะอารมณ์เสีย ตัดปัญหาโดยการมาจินตนการเอา ก็ดีกว่าไปทำร้ายร่างกายคนอื่นเอาความต้องการไปลงกับใครเพราะถ้าเขาโมโหแล้ว  หยางหยางก็จะเป็นคนที่รุนแรงมากไม่ว่าจะทำอะไรอยู่  ณ ขณะนั้นและเรื่องบนเตียงก็ด้วย




“ถ้าได้พบซักครั้ง..ก็ดี”





หยางหยางบ่นแบบนี้อยู่หลายครั้ง หลังพบว่าคิดถึงเขาขนาดไหน  ไม่รู้ว่าตอนนี้เขายังรู้สึกเกลียดหลี่อี้เฟิงเท่าเดิมอยู่หรือไม่  เพราะบางความรู้สึกที่แทรกกลางเข้ามาในความเกลียดนั้น มันเริ่มขยายวงใหญ่ขึ้นเรื่อ ย ๆ ในตอนนี้ไม่รู้วงใหญ่ขนาดไหน  เหมือนเป็นโรคร้าย 




“บ้าเอ๊ย”


ใบหน้าหล่อก้มซุกใบหน้าลงกับฝ่ามือ เขานั่งอยู่กับพรมที่ปูบนพื้น นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยในวันว่าง มีเหล้ามีหนังสือ และมือถือก็พออยู่ได้ แต่นั่งไปซักพัก หลี่อี้เฟิงก็เข้ามาวนเวียนให้ความคิดของเขาอีก ตอนนี้เขาจวนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว



“หืม? ใครโทรอะไรป่านนี้”


เขาบ่น  เพราะว่าเวลานี้ก็เป็นยามค่ำคืนที่ควรจะเลิกงานกันแล้ว  ถ้าเป็นเรื่องงานหยางหยางก็จะกดรับและด่าลงสายไปซักครั้ง แล้วก็วางสายไป  แต่นี่เป็นสายจากพี่ชายที่เคยร่วมงานกัน  เขานึกแปลกใจที่พี่ชายคนนี้โทรมาหา






“ครับ เหว่ยถิงเกอ หยางหยางพูดครับ”
“เออ สวัสดี หยางหยาง ไม่เจอกันนานเลยนะ”





หลังจากรับสายก็พอรู้ว่าวันนี้เหว่ยถิงเกอก็ว่างอยู่เหมือนกัน และมีน้ำใจที่จะชวนเขาไปนั่งดดื่มกัน ที่ไหนซักที่ซึ่งยังคิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหนดี หยางหยางเสนอเป็นบาร์ของเพื่อนเขาที่อยู่ใกล้ ๆ คอนโดของหยางหยาง และไม่ไกลที่จากที่พักของเหว่ยถิงมากเท่าไร่นัก




“ก็ดี ไม่ไกล กลับกันง่ายหน่อย เพื่อนายด้วย ใครเมามากก็จะได้มีคนไปส่ง “
“ตามนั้นนะครับ ว่าแต่พี่นี่รู้ใจผมจริง ๆ กำลังเบื่อ ๆ อยู่เลย”




เขาสารภาพบอกว่าช่วงฟุ้งซ่านไปมาก ก็เลยอยากอะไรเปิดหหูเปิดตาบ้าง เหว่ยถิงเหมือนจะมีใครอยู่ด้วยหลายคน แสดงว่าวงสนทนาวันนี้ก็อาจจะค่อนข้างใหญ่





“พอดีก็คุย ๆกันในไลน์ นายก็ไม่เห็นตอบอะไรเลย ไม่ได้อ่านหรือ?”
“ไม่เปิดอะไรเลยครับ  ผมก็ดูหนังอยู่ที่บ้านไม่ได้แตะมือถือเลย จนมันมีเสียงที่เกอโทรเข้ามานี่ล่ะ”
“ก็เออ ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง ได้ข่าวช่วงนี้หมาป่าหยางหยางไม่ค่อยออกท่องราตรี แต่วันนี้แค่ดื่มนะเว้ยไม่มีต่อ  พรุ่งนี้มีงานเช้า ฉันยิ่งมีกรณีไม่ได้เลย  “





หลังจากนั้นก็มีร่ายชื่อคนที่จะไปด้วย เหว่ยถิงนึกไปมาทีละคนและบอกหยางหยางผ่านปลายสาย





“มีเจ้าฮั่น ป๋อหรัน เอ้อ อี้เฟิงก็มานะ นายสองคนก็น่าจะรู้จัก สนิทกันดีอยู่แล้ว”
“เอ๋?? ...รุ่นพี่อี้เฟิงน่ะครับ”
“อือ ก็เจ้านี่มาบ่นใส่ว่าเบื่อนั่นเบื่อนี่ แล้วทุกคนก็สมทบกันมา บอกว่าไปหาที่ดี ๆ ดื่มกัน ก็กเลยก็เป็นงี้ ก็เลยโทรมาชวนนายไง”



จากที่ลังเลเมื่อก่อนหน้า แต่ตอนนี้หยางหยางตอบรับเหว่ยถิงอย่างมั่นใจ และกดวางสาย เขาตรงไปแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน และออกไปตามคำชวนโดยทันที





เพราะมีหลี่อี้เฟิงอยู่ที่นั่น  หัวใจเขาออกไปก่อนที่ร่างกายจะก้าวออกจากห้องไปเสียอีก






THISMAN






หยางหยางมาถึงก่อนทุกคน เพราะเป็บาร์ของเพื่อนตัวเอง เส้นทางที่มาจึงรวดเร็วและไม่ผิดพลาด เหมือขบวนที่นำโดยเหว่ยถิงจะมาช้ากว่าหน่อยเพราะหลงทาง วันนี้หยางหยางปรากฏตัวด้วยเสียงกรีดร้องของสาว ๆ ในบาร์ กริ๊ดออกมากันอย่างไม่อาย  แค่เชิ้ตขาวเรียบพับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอกกับสแลชดำ  หยางหยางไม่ลืมที่จะคว้าแจ็คเกตสีดำหนังอย่างดีของตัวเองมาด้วย  เขาถอดมันออกก่อนจะเข้าบาร์มา สาวน้อยใหญ่หนุ่มน้อยทั้งหลายมองเขาเป็นตาเดียว  วันนี้เขามั่นใจเป็นพิเศษ พิถีพิถันการแต่งตัว เพราะใครบางคน



“หยางหยาง!


เหว่ยถิงและคนอื่น ๆ มาพร้อมกันแล้ว  เมื่อเปิดประตูเข้ามา สาวๆก็ได้กริ๊ดกับอีกรอบ เพรามีดาราหนุ่มเหมือนจะรวมทั้งวงการเข้ามานั่งที่บาร์นี้ก็ถือเป็นแจคพอตของพวกเธอแต่เจ้าของบาร์เพื่อนหยางหยางกล่าวว่า ออกจากร้านไป พวกเธอต้องไม่เอ่ออะไรที่เห็นในบาร์นี้ เพื่อแลกกับลายเซ็นของหนุ่ม ๆทุกคน ซึ่งพวกเธอก็รับคำอย่างดีและคอยมองหนุ่ม ๆ สุดหล่อกันไม่คลาดสายตา



ใครบางคนที่เขาแต่งตัวอย่างพิถีพิถันเพื่อมาพบเขา  อีกคนก็คงเตรียมตัวมาอย่างดีไม่แพ้กัน





วันนี้หลี่อี้เฟิงดูเปล่งประกายและเย้ายวนในสายตาหยางหยางเป็นอย่างยิ่ง






เพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีดำ เมื่อเขาใส่แล้วตัดกับสีผิวขาวเนียนนั้น กางเกงยีนส์รัดรูปจนเผยสัดส่วนช่วงล่างที่ชวนให้สัมผัส แค่ชุดธรรมดาไม่ได้มีอะไรตบแต่งมากมาย เพราะเขาเปล่งประกายอยู่แล้ว แต่เสื้อเชิ้ตดำนั้นทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมาด้วย แถมยังเย้ายวนด้วยการติดกระดุมแค่เพียงสามสี่เม็ด ปล่อยให้กระดุมเม็ดแรก ๆ คาไว้ที่เสื้อแบบนั้น เผยให้เห็นผิวขาวบางส่วนของเนินอกที่หยางหยางเคยทำรอยรักเอาไว้ เขามองแล้วก็คิดถึงเมื่อครั้งได้เล่นสนุกกับร่างกายนี้ หยางหยางเผลอมองอี้เฟิงอย่างไม่ละสายตา อี้เฟิงหันมาพบกันสายตานั้นก็เสหลบไปทางอื่น และเข้าไปหลบหลังเหว่ยถิง เหมือนกลัวเขา 




หยางหยางเริ่มไม่สบอารมณ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา





“แล้วแกเป็นยังไงบ้างหยางหยาง ช่วงนี้”
“ก็เรื่อย ๆ ล่ะครับ”
“ก็เริ่มดังแล้วนี่หน่า งานก็มาเองล่ะ เรื่อยๆ ที่ไหนแกก็ถ่อมตัวไป”




เหว่ยถิงพูดไปเรื่อย ๆ กลั้วเสียงคุยต่อสนทนาของ จางฮั่น เฉินเสียง ป๋อหรัน เทียนอวี่ และอี้เฟิงที่ร่วมวงสนทนาปนแอลกอฮอลวันนี้ แค่นี้ก็เป็นที่ดึงดูดสายตาสาว ๆจนทำเอาเพื่อนหยางหยางต้องย้ายให้พวกเขาเข้าห้องพิเศษไปเมากับส่วนตัวดีกว่า ก่อนที่สาวจะเป็นบ้าตายกันหมด 




“ว่าไปอี้เฟิงกับหยางหยางก็เคยร่วมงานกันแล้วนี่”
“ก็อื้อ แล้วทำไม”
“คุยกันหน่อยดิ๊ เห็นนั่งมองกันไปกันมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว พวกนายว่ามั้ย”



เหมือนเทียนอวี่จะเริ่มเมาแล้ว ซึ่งคนอื่น ๆก็เหมือนกัน หยางหยางไม่ได้ดื่มไปมากมายขนาดนั้น  เพราะรู้ตัวเองดีว่าคอไม่ถึงและเขาอยากมีสติไว้เพื่อเฝ้ามองอีกคน  รอเวลาเผื่อโชคดีอาจจะสัมผัสกันอย่างถึงใจ  อีเฟิงไม่ยอมอยู่ใกล้เขา  และกลับไปติดแจกับเหว่ยถิงที่ดูแลอี้เฟิงเสียดิบดี  เขาเองก็ไม่พอใจกันมาตั้งแต่เริ่มปาร์ตี้ ตอนนี้ยิ่งไม่พอใจมากยิ่งขึ้น





“อี้เฟิง อย่าดื่มเยอะหน่า เกอไปส่งอี้เฟิงไมได้แน่ ๆ ก็เมาด้วยกันเลยเนี่ย”
“เกอดื่มเยอะแล้ว เดี๋ยวอี้เฟิงไปส่งเองก็ได้”
“งั้นนอนบ้านเกอมั้ยล่ะ ?”



เหว่ยถิงพูดทีเล่นทีจริงกับอี้เฟิง ก่อนโอบก่อนน้องสาวแนบแน่น จนหยางหยางต้องเสหน้าหลบไปทางอื่นเพราะความอิจฉาและหวง เขาจะต้องใช้นี้  เขาหวงเรือนร่างนั้นจริง ๆ   เขาอยากสัมผัสร่างนั้นแต่กลับเป็นเหว่ยถิงเกอที่ได้ครอบครองกอดร่างนั้นแค่เพียงผู้เดียวในตอนนี้  คนที่เป็นเจ้าของหลี่อี้เฟิงคนนั้นอย่างแท้จริงก็คือเขาต่างหาก




เมื่อเหว่ยถิงเริ่มเมาหนักขึ้น มือไม้เขาเริ่มไม่อยู่นิ่ง และผิวลื่นมือของอีเฟิงก็เป็นจุดสัมผัสที่มือของเหว่ยถิงละลามไปทั่ว ทั้งโอบทั้งกอด เผลอลูบไล้ร่างนั้นก็ดี หรือบางทียื่นใบหน้าเข้ามาใกล้จนหยางหยางเกือบเผลอตัวเข้าไปผลักอกรุ่นพี่คนนั้นออกไป 





เขาชักทนไม่ไหว  จะให้ทนนั่งดูคนอื่นสัมผัสหลี่อี้เฟิงที่เป็นของเขาได้อย่างไร ทั้งที่คนเป็นเจ้าของนั่งอยู่ตรงหน้า แต่คนที่สัมผัสกลับเป็นคนอื่น  อี้เฟิงไม่หันมาสบตากับเขาอีกหลังจากที่เหว่ยถิงเอ่ยทักเรื่องที่นั่งมองกันอยู่  แต่หยางหยางยังมองอี้เฟิงไม่ละสายตาเลย  มือแกร่งของหยางหยางกำหมัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ รอให้ระเบิดเวลาทำงาน   หากมีอะไรมากกว่าที่เห็นเขาอาจจะระเบิดตรงนี้และแย่งร่างกายนั้นมาโอบกอดเสียเอง





“เกอ เมาแล้วนะ”
“ยังเลย อี้เฟิงคนเก่งของเกอ ดื่มด้วยกัน ๆ”



ทั้งคำสรรพนามที่ฟังแล้วไม่ลื่นหู  หลี่อี้เฟิงออดอ้อนกับคนทุกคนแต่ไม่ใช่กับเขา  อาจจะเพราะเกลียด แต่นั่นก็ทำให้หยางหยางโมโหอยู่ดี แถมสถานการณ์ในตอนนี้ เขาไม่อยากใช้คำว่าออดอ้อน ให้ว่ายั่วยวนในสายตาเขาเห็นเช่นนั้นมากกว่า  ทั้งสะโพกสวยที่บดเบียดเข้าไปใกล้เหว่ยถิง ไม่เห็นแก่หน้าคนในวงเหล้าที่แซวกันดังสนั่น  รอยยิ้มนั่นที่ยิ้มออกมาอย่างง่ายดายเมื่อถูกใคร ๆแซวเข้า ตากลมโตนั้นเริ่มเฉิ่มเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล  อี้เฟิงยังไม่เมาแต่ก็มีบ้างที่สติขาดหายไป เผลอไปซบไหล่ซุกอกเหว่ยถิง 




“เห้ย หยางหยางจะไปไหน”
“ห้องน้ำ เดี๋ยวมา”


หยางหยางทนมองภาพเหล่านั้นต่อไปไม่ไหว คนคนนี้ไม่ได้สนใจเขาและยังทำยั่วยวนคนอื่นต่อหน้าอีก  หยางหยางอยากลงโทษหลี่อี้เฟิงคนนั้นซักครั้งให้หลาบจำว่ามีเขาเป็นเจ้าของก็จะไปทำอะไรแบบนั้นกับใครหน้าไหนไมได้  พอสงบสติอารมณ์แล้ว หยางหยางจึงเดินออกมาจากห้องน้ำ  เพื่อไม่ให้คนในวงสนทนาสังเกตอาการผิดปกติของเขา








แต่ใจหยางหยางกระตุกวูบเมื่อออกมาพ้นห้องน้ำไม่กี่ก้าว







เขาพบเหว่ยถิงที่กำลังเมาและเริ่มแยกใครเป็นใครไม่ออก กอดรัดฟัดจูบตรงทางเดินก่อนถึงห้องน้ำ ซึ่งร่างที่ถูกเหว่ยถิงดันให้อยู่ในวงล้อมของแขนแกร่งและกำลังกอดรัดฟัดจูบอยู่นั้นก็คือ





“หลี่อี้เฟิง....”


เขาเอ่ยอฃชื่ออีกคนกับปากด้วยเสียงกระซิบ และสบถออกมาไม่ทิ้งห่างกัน เขาเดินเข้าไปแยกร่างสองคนนั้นออกจากกัน เหว่ยถิงที่กำลังเมาไม่ได้สติถูกอุ้มไปโดยเพื่อนของหยางหยางที่เป็นเจ้าของบาร์ เพื่อนของเขาเห็นหยางหยางที่เริ่มโมโห และเริ่มเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนักเมื่อหยางหยางเป็นเช่นนี้  หยางหยางเอ่ยเสียงเรียบให้เพื่อนเขาแจ้งกลุ่มดาราหนุ่มที่เหลือว่าให้กลับกันได้แล้ว และเขาจะไปส่งหลี่อี้เฟิงเอง เพื่อนของหยางหยางรับคำไปบอกตามนั้น




 และเหลือเพียงแค่เขาและหลี่อี้เฟิง













“จะไปไหน”






เสียงทุ้มเอ่ยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงความโมโหไว้เต็มเปี่ยมเหมือนซาตานพิโรธ อี้เฟิงถูกรั้งแขนไว้ และจับคว้าเอวไว้ด้วยอีกมือจากด้านหลัง เขาพูดรั้งไว้เช่นนั้น พอสบโอกาสที่เรือนร่างที่คิดถึงได้มาอยู่ในอ้อมอก เขากอดอีกคนไว้เพียงครู่หนึ่งก่อนจะถ่าโถมความโมโหเป็นการพรมจูบทั่วลำคอขาว ไหล่ลาดแสนสวย และไล่ไปจนถึงส่วนอื่นที่ใบหน้าหล่อเหลาสามารถไปถึง


“ปล่อยฉันนะ!
“ตะโกนไปก็ไม่มีประโยชน์ทีนี่เป็นบาร์ของเพื่อนผม  จะรอดไปก็ยาก”







อี้เฟิงมองเห็นความอันตรายที่มาเยือน  หลังจากหลายเดือนที่หลีกหนีพ้น เขาไม่สามารถถอยออกไปได้อีกแล้ว






THISMAN




หยางหยางลากถูร่างของอี้เฟิงมาด้วยความทุลักทุเล  เพราะอี้เฟิงดิ้นรนจะหนีเขาท่าเดียว จนต้องรั้งจูบให้ดอีกฝ่ายสิ้นฤทธิ์และอุ้มร่างนั้นขึ้นมา เขาบอกให้เพื่อนเปิดห้องทิ้งไว้ให้  และบอกเพื่อนว่า รุ่นพี่หลี่อี้เฟิงรู้สึกไม่ค่อยสบายแต่ยังไม่อยากกลับบ้านก็เลยขอพักผ่อนที่นี่ก่อน เพื่อนของหยางหยางก็ส่งกุญแจให้โดยดี แต่นั่นก็รู้กันว่าสุดท้ายแล้วก็แสร้งเป็นพูดไป เขารู้จักหยางหยางดี  และหลี่อี้เฟิงคนนี้ล่ะ






เป็นผู้ที่จับหัวใจซาตานเย็นชาแบบหยางหยาง เทพบุตรผู้ดงามคนนั้น  แต่แค่เขารอให้เพื่อนคนหล่อของเขารู้แก่หัวใจเองเสียก่อนว่ากำลังทำอะไร 

















“โอ๊ย เจ็บนะ”


เมื่อลากมาจนถึงห้อง หยางหยางเหวี่ยงร่างอี้เฟิงลงกับเตียงอย่างไม่ปรานี ใส่แรงตามความโกรธเกรี้ยว เขาก็ไม่เว้นให้อีกฝ่ายได้ทำอะไร หยางหยางโถมร่างกายตัวเองทาบทามอี้เฟิงทันที และมอบจูบเร่าร้อนให้ 




“อื้อ..อื้ม”



เสียงหวานที่รอคอยจะได้ฟัง หยางหยางได้ยินกับหู จึงยิ่งเพิ่มความหวานโดยจูบรั้งดึงให้อีกคนเดินทางตามเข้ามา ดูดดึงความรู้สึกและวิญญาณออกมา  ด้วยทั้งฤทธิ์แอลกอฮลในเลือดทั้งคู่ บรรยากาศในการร่วมรักจึงลื่นไหวไปได้ง่ายขึ้น หยางหยางจูบซ้ำที่ปากเรียวเล็กจนบวมเห่อ และจูบย้ำอีกครั้ง เก็บเกี่ยวความหวานในโพรงปาก ดึงรั้งดูดรสชาติที่เขาคิดถึงให้เท่ากับที่เขาอดทนรอมานาน ลิ้นร้อนพันเกี่ยวกันไม่รู้จบ  เหมือนเล่นไล่จับกับในสวน และเมื่อเริ่มหายใจติดขัดหยางหยางก็ถอนจูบออกมาสบตามองใบหน้าหวานที่คิดถึงแต่ไม่ทันได้มองเต็มตา




เพี๊ยะ





เขาถูกตบด้วยฝ่ามือเล็กเข้าทีใบหน้าหล่ออย่างจัง  เพราะความโกรธ ที่ถูกทำร้ายซ้ำอีกครั้ง






“นายมันบ้า”
“ก็ใช่  เป็นบ้า แต่ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะคุณ  คุณทั้งหมด คุณทำให้ผมเป็นแบบนี้”
“ฉันไปทำอะไรให้นาย---อื้อ”






ไม่อยากให้เขาพูดต่อไม่อยากฟังคำว่าคำด่าอะไรอีกแล้ว สู้เอาเวลามาชิมความหวานกันดีกว่า หยางหยางจูบอีกครั้งปิดปากเรียวเล็กที่ช่างพูด และมือแกร่งว่องไวปลดเปลื้องเสื้อผ้าของอี้เฟิงทีละชิ้น จากก่อนหน้าที่เขานั่งมองหยุดสายตาที่สะโพกสวยใต้กางเกงยีนส์อยู่นาน  ตอนนี้ได้สัมผัสแล้ว   เขาถอดส่วนล่างออกก่อน รั้งดึงยีนส์รัดรูปให้พ้นทางรัก  และชั้นในก็ตามไป  เผยให้เห็นสัดส่วนที่คิดถึง หยางหยางมองทุกส่วนด้วยสายความต้องการกินเหยื่อ  จนอี้เฟิงที่มองการกระทำของหยางหยางทั้งหมด รู้สึกอายจนหน้าร้อน จนต้องใช้เท้าเตะให้อีกคนทำอะไรล่วงเกินแบบนี้ เขาอยากจะดิ้นรนหนี แต่มือข้างหนึ่งที่ปลดเปลื้องเสื้อผ้า อีกมือหนึ่งไม่ได้ว่างก็รัดเกี่ยวกับเขาไว้ไม่ปล่อย หยางหยางจะทำร้ายเขาอีกครั้ง



“หยุด..อ๊ะ เดี๋ยวนี้”
“พูดให้หยุดอีกแล้วคุณ  แต่เสียงนั่นเชื้อเชิญผมเหลือเกิน”



หลังจากถอดเสื้อผ้าส่วนล่างออกไปให้พ้น  หยางหยางก็ใช้นิ้วเรียวยาวของตัวสอดเข้าช่องทางที่คุ้ยเคย เขาอยากทำแบบนี้ แต่ทำได้แค่ในจินตนาการเท่านั้นในก่อนหน้า แต่ร่างที่คิดถึงของหลี่อี้เฟิงมาอยู่ตรงหน้าตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว หยางหยางสอดนิ้วมือให้ลึกเข้าไปจนสุด สร้างความเสียวซ่านให้กับอี้เฟิงอย่างมากจนร่างกายบิดเร่าร้อน และส่วนอ่อนไหวเริ่มมีน้ำหยดเยิ้ม  เพราะอาจจะไม่ได้ทำอะไรแบบนี้บ่อย เหมือนตอนอยู่กับเขาจึงมีความต้องการพุ่งสูงไวและปลดปล่อยได้ง่าย




“คุณคุ้นเคยกับนิ้วมือผมเหลือเกิน”
“นายมันไอ้ลามก “
“จะว่าอะไรก็ว่าไป ผมก็จะทำแบบนี้กับคุณจนกว่าผมจะพอใจ”
“นาย..อ๊ะ อื้อ..อื้ม อ๊ะ หยุด..อ๊ะ”




อี้เฟิงจะพูดอะไรก็พูดไม่เป็นประโยคเพราะหยางหยางเริ่มขยับนิ้วที่สอดเข้าช่องทางใต้ร่างสวยงามของอี้เฟิงแล้ว นิ้วนั้นซุกซนเพิ่มลดความเร็วตามใจชอบโดยหยางหยาง พาให้อี้เฟิงขึ้นลงสวรรค์เป็นว่าเล่น เสียงหวานร้องครางไม่เป็นภาษา เพราะยิ่งสอดลึกก็ยิ่งเสียวซ่านไปทั้งร่างกาย และเขายังไม่หยุดง่าย แถมยังเพิ่มความรุนแรงในการกระทำ มันมากกว่าที่ผ่านมา อี้เฟิงรู้สึกแบบนนั้น เพราะเขาเริ่มเจ็บส่วนล่างเสียแล้ว




“อ๊ะ..อื้อ..อ๊ะ..เบา..อ๊ะเบากว่านี้”
“เลิกขออะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ หลี่อี้เฟิง คุณทำให้ผมโมโห”




เขาบอกสาเหตุที่ต้องกระทำรุนแรงตั้งแต่ยังสอดใส่แค่นิ้ว ตอนนี้หยางหยางเพิ่มจำนวนนิ้วในช่องทางเข้าไปจากสองเป็นสามและขยับให้เร็วและใส่แรงมากยิ่งขึ้น จนอี้เฟิงร้องเจ็บปวด ผสมกันไปกับครางหวาน





“โอ๊ย..อ๊ะ...อื้อ มันเจ็บ..เบากว่านี้..ขอร้องล่ะ อ๊ะ ...อ๊ะ”





หยางหยางไมได้สนใจคำขอนั้นเลยและเร่งจังหวะให้เร็วแรงขึ้นไปอีก เมื่อรู้สึกเหมือนอี้เฟิงกำลังจะปลดปล่อยเขาเร่งความเร็บจนสุดแรง ในที่สุดอี้เฟิงก็ปลดปล่อยครั้งออกมาให้เห็น น้ำขุ่นสีขาวออกมาทะลักปลายยอดของส่วนอ่อนไหวของอี้เฟิง ร่างสวยหอบจากการปลดปล่อย เพียงแค่รอบแรกก็เจ็บปวดมาขนาดนี้ เพียงแค่นิ้วนั้น อี้เฟิงอยากออกไปจากตรงนี้ให้พ้นจากวาตานร้าย แต่แค่คืบคลานเคลื่อนไหวออกจากอาณาเขตปีศาจก็โดนรั้งเอาไว้ และถูกกดลงกับเตียงอีกครั้ง




“อย่าคิดหนี บอกแล้วนี่วันนี้จนเช้าก็หนีไมได้”
“ทำไมนายยังไม่คิด..เลิกทำอะไรบ้าบอแบบนี้ ฉันไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ใคร่ของนายนะ”



พูดจบก็ยกมือตบตีหยางหยางตามแรงที่มี ร่างของอี้เฟิงที่ถูดกดกับเตียงยิ่งถูกร่างแข็งแรงกดทับลงมาอีก  เพียงมือเดียวก็รั้งร่างบอบบางของอี้เฟิงไว้ได้ อีกมือของหยางหยางปลดเปลื้องเสื้อผ้าท่อนบนของตัวเอง





“จะใช่ไม่ใช่ก็ไม่มีสิทธิ์อะไร ขอร้องอะไรก็ไมได้ผลแล้วอี้เฟิง คุณเป็นของผม”
“เป็นของนาย บ้าอะไรกัน ฉันไปเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไหร่”
“หยุดเถียง! คุณเป็นของผม ทุกส่วนทุกอย่างของคุณ คือของผม อย่าพูดมาก!





เขาขึ้นเสียงตะโกนเมื่ออี้เฟิงขึ้นเสียงดังมาก่อน อีกฝ่ายตกใจจนสะดุ้ง เมื่อหยางหยางดุลั่นแบบนั้น ไม่กล้าเอ่ยปากต่อ ร่างของอีเฟิงเริ่มสั่นเทิ้ม แต่สายตาไม่ลดละความชังในดวงตา  หยางหยางมองสบดวงตาแข็งกร้าวนั่น อวดดี หยิ่งทนงค์  เขาจะทำให้สายตานั้นหายไป   





หยางหยางไม่คิดใช้ยานั่นแล้ว วันนี้เขาจะงัดทุกอย่างมาใช้กับหลี่อี้เฟิง  เทพบุตรคนนี้จะต้องถูกจองจำกับซาตานคนนี้ตลอดกาล





เขากดจูบอีกครั้งที่ปาก และถอนจูบออกมาหลังจากที่จูบริมฝีปากนั้นอย่างบ้าคลั่ง เขาไล่พรมจูบใบหน้านั้นอย่างกระหายความหวาน  มือแกร่งปลดกระดุมอย่างคล่องแคล่วเผยให้เห็นเรือนร่างที่เคยฝากรอยรักสีสวยเอาไว้ หยางหยางทั้งจูบทั้งดูดดึงทุกส่วนโดยเฉพายอดอกสีสวยทั้งสองข้าง ดูดดึงให้เกิดความต้องการ 



“อ๊ะ..อื้อ...ฮึก ...ตรงนั้น....ไม่นะ..อื้ม”



ปากบอกไม่แต่ครางซะเสียงหวาน ....หยางหยางคิดตามในใจ และลงมือกระทำรักกับเรือนร่างที่คิดถึงต่อไป เขาไล่จูบและทำรอยไปทุกส่วน ตอนนี้ร่างอขงอี้เฟิงเปลือยจนเห็นทุกสัดส่วนแล้ว หยางหยางจึงเหมือนหมาป่าที่เลือกส่วนของเหยื่อนกิน เขาใช้สายตาคมมองโลมเลียไปทั้งร่างกาย อี้เฟิงที่เพิ่งถูกจูบไปทั่วเรือนร่าง สั่นไหวและเริ่มกลัว ไม่กล้ามองหยางหยางตรง ๆ ตอนนี้เขาเหมือนหมาป่า หมาบ้าตัวหนึ่งที่พร้อมจะฉีกกระชากให้เป็นชิ้น เหยื่อที่ขัดขืนคงตายเร็วและจะตายช้าก็ตายเหมือนกัน




ทำอย่างไรที่จะหลุดออกจากตรงนี้ไปเสียที





“อา...”




หยางหยางรู้สึกขึ้นความต้องการพูนนูนจากส่วนล่างดันกางเกงมาจนเห็นชัด อี้เฟิงเสหลบไม่มองมันแม้จะยั่วยวนให้สนใจ แก้มสีแดงระเรื่อตรงนั้นก็ถูกทำรอยเอาไว้ หยางหยางมองแก้มสีสวยนั้นจึงหมั่นเขี้ยวกดจูบและสั่งเสียงเรียบ



“ช่วยถอดให้ผม”
“ไม่!
“บอกให้ทำ!




เมื่อถูกขึ้นเสียงอีกครั้ง ก็ต้องทำตาม อีเฟิงยื่นมือไปช้า มือเล็กของเขาสั่นเทิ้มโดยไม่ต้องสังเกต แตะถึงขอบกางเกง และตากลมโตก้มองเห็นชัดถึงส่วนที่โป่งพองออกมาจนแทบดันกางเกงให้หลุด อี้เฟิงปลดกระดุมกางเกงสแลชและรูดซิบลงมาช้า ๆ แต่ไม่ทันใจหยางหยาง มือแกร่งจึงฟาดเข้าที่บั้นท้ายงอนงามนั้นเป็นรอยแดง





“โอ๊ย มันเจ็บนะ!
“ชักช้า!
“ใครมันจะหื่นกามเท่านาย นายมันใจหยาบช้า วัน ๆ ก็คิดแต่เรื่องแบบนี้สินะ—“
“ผมไม่เคยคิดอะไรแบบนี้ จะหื่นกามยังไงก็มีแค่คุณในความคิดผม”





หยางหยางพูดตามความจริงแต่ก็ยังเป็นเสียงดุลั่นให้ตกใจ มือเล็กรูดซิบจนสุด หยางหยางบุ้ยใบ้ทางสายตาให้ทำต่อไป เขาต้องดึงกางเกงชั้นในของหยางหยางออกด้วย เมื่อทำแบบนั้นก็เผยให้เห็นสัดส่วนใหญ่โตของหยางหยางที่แทบโดนหน้าหวานเมื่อถอดชั้นในตัวนั้นออกมา หยางหยางยิ้มร้ายและสั่งอีกครั้ง



“ทำซะ ด้วยปาก”
“ห๊ะ”
“บอกให้ทำ !




ไม่พูดเปล่า เขากดหัวอี้เฟิงให้ลงไปรับของใหญ่โตของตัวเอง อี้เฟิงที่ถูกจ่อด้วยส่วนนั้นของหยางหยางปากเล้กเรียวจำต้องอ้าให้ส่วนนั้นเข้าไปอยู่ในปาก มันพูดไม่ถูกแต่อึดอัด ไปทั้งตัวเลย จนได้ยินหยางหยางสั่งให้เขาทำมันด้วยปากอีกครั้ง  เขานิ่งไปในคำสั่งแรกจนครั้งที่สองหยางหยางฟาดมือที่บั้นท้ายของอี้เฟิงอีกครั้ง เจ็บจนน้ำตาซึม จึงต้องทำตาม ปากเรียวเล็กรูดรั้งขึ้นลงไม่เป็นจังหวะที่ดีเท่าไหร่นักแต่หยางหยางก็เริ่มเคลิบเคลิ้มกับความหวานหอมคัร้งนี้ด้วยปากของอี้เฟิง



“อา...แบบนั้น ..เร็ว...อา..เร็วอีก”




เขาช่างเป็นคนเผด็จการ สั่งนั่นนี่แม้บนเตียง อี้เฟิงอยากแก้เผ็ดไม่ทำตาม แต่ก็กลัวจะโดนฟาดลงมาอีก จึงขยับความเร็วให้เป็นอีกระดับ รูดรั้งส่วนนนั้ของหยางหยางด้วยปาก เข้าออกให้ชายหนุ่มได้ลิ้มรสไปทางสวรรค์บ้าง จนแล้วเสร็จหยางหยางปลดปล่อยออกมาน้ำขาวขุ่นเลอะเปรอะเต็มโพรงปากอี้เฟิงและเขาก็เผลอกลืนลงไปด้วย รสชาติไม่สบอารมณ์มันแปลกเกินไปแต่ก็กินมันลงไปพอสมควร




“เป็นไง รสชาติผม”
“นายมันลามก โรคจิต”
“เดี่ยวจะเจอยิ่งกว่า อย่าปากดี”






เขาขู่อี้เฟิงอีกครั้ง เมื่อเสร็จทางปากไปแล้ว หยางหยางเหวี่ยงรัดร่างของอี้เฟิงหวืดมาลงกับพื้นเตียงอีกครั้ง ครั้งนี้เขาขอทำรอยให้สาแก่การรอคอยเสพย์สมเรือนร่างชวนฝันนี้ หยางหยางไล่มาตั้งแต่ส่วนบน ไหล่ลาด ไหปลาร้า เนินหน้า ส่วนหน้าอกก็แทบไม่มีพื้นที่ให้ตีตราอีกแล้ว แขนเล็ก ๆนั้นหยางหยางก็ไม่ละเว้น สองแขนช่วงบนก็มีรอยแต่งแต้ม ไล่ลงมาส่วนไล่ สะโพกสวย ขาหนีบ ส่วนน่องขาวสวยที่มีพื้นที่ให้หยางหยางตาราด้วยคิสมาร์คสสวยได้ตามใจชอบ ลงมาส่วนข้อเท้า หยางหยางเคยลอบมองและพิจารณาเรือนร่างนี้โดยละเอียด ข้อเท้าของหลี่อี้เฟิงก็ทำให้เขาสติกระเจิงได้เหมือนกัน จึงฝากรอยเอาไว้ไม่ละเว้น พลิกให้ร่างขาวสวยกลับหลัง และแผ่นหลังสวยก็ถูกหยางหยางแต่งแต้มด้วยรอยสีสวยไปทั่ว  บั้นท้ายงอนงาม ก็มีร่องรอยทั้งตีทั้งคิสมาร์ค ทุกการแต่งแต้ม อี้เฟิงจะร้องคามงขึ้นมา เสียงหวานผ่านหูหยางหยางยิ่งมากครั้งยิ่งชอบใจ เขาก็ยิ่งกดจูบให้รอยชัดขึ้นมาเท่านั้น เขาวนกลับไปที่ที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษคือที่ลำคอ เขาย้ำอยู่หลายที่ มันชัดเนกว่าที่ไหน ๆ คิสมาร์คบนคอของอี้เฟิงอาจจะจางช้าที่สุดในบรรดาหลายสิบรอยบนเรือนร่าง





“นาย..มัน..นายคลั่ง เป็นบ้า โรคจิต ไอ้สารเลว ชั่วเอ๊ย”
“ด่ามาอีกซี่  ที่ผมแตะต้องตัวคุณก้ด่าเอา แต่ทีกับคนอื่นก็ให้โดยไม่ว่ากันซักคำ ง่าย!
“นายไม่มีสิทธิ์มาว่าฉัน นายเกลียดฉันแล้วมาแตะต้องตัวฉันทำไม อย่ามายุ่งกับฉันสิ”
“ยิ่งเกลียดยิ่งต้องสัมผัส ผมจะทำให้คุณเกลียดผม ยิ่งผมสัมผัสคุณจะยิ่งรู้สึกอัดอั้นในใจโกรธอยู่ในอก จนระเบิดและเป็นบ้า”
“ฉันก็กำลังเป็นอยู่และนายมันยิ่งกว่าฉัน”
“คุณทำให้ผมโกรธ”
“นั่นมันเรื่องของนาย จะโกรธก็โกรธไม่เกี่ยวกับฉัน”
“ก้ต้นเหตุมันมานายคุณ!
“ก็จะโกรธฉันทำไมกันล่ะ นายไม่ใช่เจ้าของฉัน จำไว้ อย่ามาพูดเอาแต่ได้แบบนั้น ทุกอย่างบ้าบออะไร อย่าหวังไปเลย ถึงนายจะมาบอกว่าได้ร่างกายฉันไป ทำอะไรเลวทรามแบบนี้ แต่ใจฉันน่ะไม่ใช่อะไรที่จะเอาไปง่าย ๆแบบนั้น”




ต่อบทสนทนาเผ็ดร้อนกันอยู่นาน ประโยคสุดท้ายแทงใจดำหยางหยางมากที่สุด



อย่างไรก็ไม่มีทางได้ใจเขามา









หยางหยางเลือดขึ้นหน้าถึงที่สุด เขาคว้าเอาส่วนนั้นของตัวเองจ่อและสอดเข้าช่องทางที่ชุ่มฉ่ำและเริ่มเข้าออกง่าย อี้เฟิงไม่ทันตั้งตัว ร่างกระตุกวาบตัวโยน เพราะมีตัวตนของอีกคนเข้ามาอย่างไม่สามารถต้านทานได้ ไม่ทันได้ร้องเจ็บปวดด้วยซ้ำ อี้เฟิงกัดริมฝีปากไว้แน่น ระบายความเจ็บที่ริ้วเข้ามาในสมอง ก่อนที่จะสบถด่าหยางหยางออกมาทุกถ้อยคำที่นึกออก อีกฝ่ายที่ได้ยิน เขาไม่ยี่หระกับคำด่าเหล่านั้นแล้ว และเขากำลังจะลงโทษเทพบุตรที่ทำให้ซาตานอย่างเขาพิโรธ





“อ๊ะ..โอ๊ย เจ็บ อ๊ะ อื้อ”




หยางหยางขยับตามใจรุนแรงและหนักหน่วง ตามความโกรธและเวลาแห่วงการรอคอยที่สะสมไว้  เขาคิดถึงคนคนนี้ตลอดเวลา แต่คิดว่าการเจอกันมันจะนุ่มนวล แต่หลี่อี้เฟิงคนนี้กลับทำให้เขาโกรธและโมโห ไปยั่วยวนคนอื่นต่อหน้า ถึงจะบอกว่าอีกฝ่ายเมและไม่ไดสติ ถ้าบอกปัดป้องไปก็น่าจะทำได้



“คุณมันง่ายยั่วเข้าไปทั่ว “
“ฉันไมได้เป็นแบบนั้น ถิงเกอเขาทำไปโดยไม่รู้และฉันก็ตั้งตัวไม่ทัน” อีเฟิงบอกออกไปทันควันแม้ไม่เข้าใจว่าตัวเองจะอธิบายให้คนบ้าไร้หัวใจนี่ฟังทำไมแต่เขาต้องอธิบาย




“”อ้อหรอ นั่นคือไม่ทันตั้งตัว ถ้าตั้งตัวไม่เปิดทางรอเขาเลยหรือ?”
“นายมันก็คิดเอาเองบ้าไปเอง ใครจะมาคิดอะไรต่ำช้าแบบนาย”
“ฮึ ก็คุณไง เรามันเป็นพวกแบบเดียวกันนี่”
“ไม่ใช่! ฉันมันเทพบุตร ส่วนายมันเลว ..ซาตานมาจากนรกแท้ ๆ “
“ถ้าเช่นนั้น ผมจะไม่พาคุณไปสวรรค์  เราก็ไปนรกอย่างที่คุณเกลียดแทนแล้ว กัน วันนี้คุณจะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้”




หยางหยางเอ่ยกระซิบข้างหู และเริ่มท่วงท่าบนเตียง ร้อนและรุนแรงเขาไม่ผ่อนปรนกำลังให้อี้เฟิงได้พักหายใจ เร่งเร้าจังหวะเข้าออกให้ถี่และเท่าความต้องการของตัวเอง รุนแรงจนอี้เฟิงร้องครางหวานและไปจนถึงกรีดเสียงร้องออกมาเพราะความเจ็บปวด





“อ๊ะ..อื้อ โอ๊ย ไม่นะไม่ ..ฮ๊ะ อ๊า...มันเจ็บโอ๊ย ไอเลว นายมัน..เลว”


จะด่ากี่ครั้งหยางหยางก้ไม่มีวันสะท้านอีกแล้ว  เขาสอดใส่ร่างกายและตัวตนอันเผ็ดร้อนเข้าไป ซาตานที่กำลังเผาเทพบุตรคนนี้ทั้งเป็นลากลงนรกไปด้วยกัน




“อ๊ะ...อ๊า..ฮื้อ อึด...อัด ร้อน.. โอ๊ย มันเจ็บ..อ๊ะ อื้ม”



 หยางหยางปลดปล่อยในร่างของอี้เฟิงไปหลายครั้งจนของเหลวเต็มช่องทาง ไหลย้อนออกมาไม่ขาดสาย ของเหลวของหยางหยางที่ไหลหยดและเปื้อนไปทั่วเตียง ส่วนอี้เฟิงก็ปลดปล่อยมามากครั้งพอกับหยางหยาง ของเหลวชองทั้งคู่ปะปนผสมกันไปหมด เตียงเละเทะเหมือนเพิ่มผ่านสงครามมา แต่แค่นี้ยังไม่สาแก่ความโกรธที่เขาเห็นเรือนร่างนี้ไปอยู่ในอ้อมอกคนอื่น




“อย่า..พอ..ไม่ไหวแล้ว”
“ผมบอกคุณแล้วว่าคุณไม่มีสิทธิ์ร้องขอ”


หลังจากถอนตัวออกมาไม่นาน ก็ใส่กลับเข้าไปอีกครั้ง หยางหยางสอดส่วนนั้นเข้าไป แม้มีน้ำรักขุ่นขาวเต็มทางแต่ก็พยายามสอดให้ลึกที่สุดจนพอใจ ความเสียวซ่านริ้วแล่นไปถึงสมอง ทั้งหยางหยาวงทั้งอี้เฟิงส่งเสียงครางสมใจออกมาแทบจะพร้อมกัน




“อ๊ะ..อื้ม..แน่น..อึดอัด”
“อา....อืม”



หยางหยางขยับตัวเองอีกครั้งที่นี้เขาผ่อนความโกรธสุดท้าย หันไปดูเวลานี่ก็เกือบจะเช้าแล้ว ถ้าเช่นนั้นความโกรธนี้ก็จะลงในครั้งนยี้ทิ้งท้ายให้สาแก่ใจ  ร่างแข็งแรงขยับถี่และแรงมากกว่าเดิม เร่งให้ได้สุขสม ช่องทางที่เต็มไปด้วยน้ำรักร้อนนั้น เมื่อหยางหยางกระแทกตัวเองเข้าไป ของเหลวนั้นก็จะหยดย้อนออกมาภายนอก อี้เฟิงก็ครางเสียงหวานออกมาศซ้ำให้พอใจ หยางหยางกระแทกกระทั้นร่างซ้ำ ๆ มีเสียงดังของผิวเนื้อกระทบกันลั่นห้อง อี้เฟิงที่ยังมีสติรู้สึกอายจนไม่มีที่ซุกหน้าหนี

“อ๊ะ..อ๊ะ! มันเจ็บ โอ๊ย เจ็บ อ๊ะ.เกินไปแล้ว”


ร่างแข็งแรงกระแทกเร่งความเร็วจนเหมือนจะขาดใจทั้งคนทำคนรับ เมื่อสุขสมก็ปล่อยน้ำขุ่นขาวออกมาอีกรอบ และช่องทางด้านในเจ้าของร่างอย่างอี้เฟิงรู้สึกเจ็บปวดระบทมากเหลือเกิน  น้ำรักที่เข้าไปใหม่ผสมกับของเก่าที่มีอยู่แล้วเต็มที่และไหลย้อนออกมา ครั้งนี้มีของอื่นปะปนมาด้วย เป็นเลือดที่อาจจะเกิดจากการกระแทกรุนแรงจนมีการฉีกขาดเป็นแผล  อี้เฟิงร้องเจ็บปวดจนจะขาดใจ 



“โอ๊ย..ฮึก เจ็บ..มันเจ็บ นายมัน..นายมันเลว.”




หยางหยางไม่ตอบโต้  ปล่นยให้ได้ด่าไป เขามองเห็นผลงานบนเรือนร่างและปริมาณของเหลว ถึงแม้จะพอใจแต่ครั้งนี้มีเลือดออกมาด้วย มันรุนแรงเกินไป เขาไม่เคยทำให้ใครเจ็บปวดจนมีแผลแบบนี้ เขาอาจจะโกรธมากจริง ๆ กเพราะเจ้าตัวที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้น หยางหยางนึกโทษอี้เฟิงในใจย้ำอยู่ตลอด



"คุณผิดเองนะ หลี่อี้เฟิง"



THISMAN





หยางหยางอุ้มร่างสลบไสล หลังจากที่ทำกิจกรรมบนเตียงกันย่ำเช้าไม่หยุด เขาเองก็เหนื่อยแต่อีกคนหนึ่งสลบไปทั้งที่ยังคั่งค้าง ระโหยโรยแรง แทบไม่ได้สติเลย หยางหยางจึงต้องพารุ่นพี่ตัวดีมาส่งถึงที่คอนโด โชคดีที่อี้เฟิงอยู่คอนโด้ส่วนตัวซึ่งเป็นส่วนและไม่มีใครรบกวน เขาลอบเอาคีย์การ์ดจากในกระเป๋าของอี้เฟิงออกมาและเปิดประตูเข้าไปในห้อง


“อืม..”


หยางหยางไม่เคยเข้าจนถึงห้องนอน ครั้งเมื่อเก่าก่อน เคยเข้ามากับทีมงานเพื่อมาเยี่ยมรุ่นพี่ตามมารยาท แต่วันนี้เขากลับอุ้มพี่ส่งถึงเตียงนอน เพราะสลบไม่ได้สติ ก็สาเหตุเป็นเพราะเขา




มองร่างที่หลับใหล้อยู่บนเตียงนั้น เขาไล่มองไปทุกส่วน เสื้อผ้าทุกตัวมาอยู่ครบบนตัวอี้เฟิงแล้ว  หลังจากนั้นหยางหยางกระชับผ้าห่มให้ร่างบอบช้ำนั้น และเมื่ออีกคนหลับใหล้ เขาจึงขอทำตามใจแบบไม่ต้องช่างใจคิด





หยางหยางประทับจูบแผ่วเบา นิ่มนวลและแสนหวาน ทั้งหน้าผาก แบะริมฝีปากที่บวมช้ำ เพราะฝีมือตัวเองเมื่อคืนนี้





เขารู้สึกว่าความโกรธของเขาเองทำให้อี้เฟิงต้องบอบช้ำเกินไป ความขาดสติทำให้ลงมือทำอะไรไม่ยั้งคิด  อีกคนคงเกลียดเขายิ่งกว่าอะไรทั้งหมดบนโลกแล้ว ตื่นขึ้นมาคงจะสาปส่งเขา แต่เขากลับรู้สึกต่างกันกลับกัน มีความรู้สึกที่ทะลุแทรกกลางความเกลียดในใจหยางหยาง  ความรู้สึกนั้นตีวงกว้างแทบเต็มหัวใจ

“ให้ตาย”


ละจากความคิดที่คิดไม่ตก  หยางหยางมองไปรอบห้อง เป็นห้องที่เรียบง่ายไมได้ตกแต่งอะไรป็นพิเศานอกจากโปสเตอร์รูปตัวเองและอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับงาน มองพาดผ่านไปทั่วห้องก็พบกับรุปถ่ายสะดุดตา เป็นรูปที่ถ่ายรวมที่กองถ่ายที่เขากับอี้เฟิงถ่ายด้วยกัน ทุกคนยิ้มส่วงให้กล้องและเขาสองคนยืนอยู่แนบชิด





ถ้าได้ยิ้มแบบนี้ซักครั้งโดยที่ไม่ต้องแสร้งทำให้กันก็คงดี..






แม้จะพาลนึกไปถึงรอยยิ้มเมื่อตอนที่เขาไปช่วยอี้เฟิงจากอุบัติเหตุแต่ไม่รู้เจ้าตัวรู้รึเปล่าว่าส่งยิ้มให้มา  อาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ หยางหยางฝันถึงยิ้มนั้นตลอด และหวังว่าซักวันจะได้
















“ออก..ไปจากห้องฉัน”



อีกฝ่ายลืมตาตื่นมา เช้านี้เป็นเช้าที่ทรมาณกับอี้เฟิงเหลือเกิน เพราะร่างระบมและเจ็บปดวไปหมด ทั้งในช่องทางที่ยังคั่งค้างของเหลวและเขาพอรู้ว่ามันอาจจะมีอะไรอื่นเพิ่มเตมข้างในนั้นที่ทำให้เขาเจ็บปวดจนน้ำตาซึมขนาดนี้ ร่องรอยสีกุหลาบบนตัวประดับเต็มร่างกายแม้จะปิดด้วยเสื้อผ้าแบบไหนก็ไม่ได้  โชคดีที่วันนี้เขาไม่มีงานถ่ายแบบแต่มีแค่งานสัมภาษณ์นิตยสารจึงอาจจะปกปิดและอธิบายไปแบบข้าม ๆโดยไม่ให้สื่อเจาะลึกอะไรได้ แต่ก็ต้องในสภาพเหมือตายทั้งเป็น


“ออกไป”
“ไมได้อยากอยู่นักหรอก”





อี้เฟิงลุกขึ้นดันตัวเองขึ้นมาจากหมอน เขากลับมาห้องตัวเองแล้วและคงเป็นไอคนใจร้ายนี้ที่อุ้มร่างเขามาส่ง  อี้เฟิงส่งสายตาเคืองแค้นไปให้ ชับไล่อีกทาง หยางหยางทรุดนั่งลงกับขอบปลายเตียง




“บอกให้ไป”
“ออกไปไล่กันอย่างเดียวเลยรนึไง ทั้งที่เมื่อคืนจนเช้าก็มีความสุขกันในนรกแท้ ๆกับซาตานอย่างผมแท้ ๆ คุณเทพบุตร”




หยางหยางพูดติดยิ้มร้ายออกมา อี้เฟิงปาหมอนที่อยู่ใกล้มือใส่





“ออกไป!
“ไปแน่ แค่มาดูว่าเทพบุตรคนนี้เป็นอย่างไร  แล้วผมก็พอใจกับผลงานของตัวเองนะ”





พูดไปก็ยิ้มกลั้วหัวเราะ อี้เฟิงทนไมได้ยกมือปิดหูไม่ฟัง หยางหยางเห็นแล้วก็อยากจะปราบพยศอีกรอบ  จะตายอยุ่แล้วก็ยังส่งสายตาหยิ่งทนงค์ อวดดีและท้าทายมาให้ ไมได้กลัวเขาเลยหรือ หยางหยางพุ่งเข้าไปใกล้ร่างบอบบางที่เจ็บปวอยู่อีกครั้ง คว้ามือทั้งสองข้างไว้








“ห้ามแตะต้องฉัน”



หยางหยางไมได้ทำตาม นอกจากคว้ามือทั้งสองข้างและยังโน้มไปใกล้อีก






“อย่ามาใกล้ชิดฉัน”

เขาก็ไม่ไดฟังอีกเช่นเคย คว้ามือสองข้างแล้วก็ซ้ำโอบร่างนี้ไว้กับอก







“ห้ามจูบ...”


สิ้นคำหยางหยางก็ประทับจูบลงให้อี้เฟิงสิ้นฤทธิ์เสียที เป้นคนที่สิ้นเยอะต้องให้ออกแรงอยู่ตลอด หยางหยางย้ำจูบซ้ำออยู่นาน เพราะอี้เฟิงไม่ยอมให้เข้าไปสำรวจความหวานเหมือนอย่างที่เคย  ปล้ำจูบอยุ่นาน  หยางหยางก็รู้สึกถึงบางอย่าง





















น้ำตา...หลี่อี้เฟิงกำลังร้องไห้






















หยดน้ำตาเล็ก ๆ ไหลหยาดมาจนถึงแก้ม แตะหยดใส่ปลายจมูกหยางหยางเมื่อเขาย้ำจูบ  เขาผ่อนแรงลง และละถอนจูบจากปากเล็กช้ำบววมออกมาช้า ๆ  ใบหน้าหวานก้มหน้าไม่ให้มอง แต่น้ำตาหยดมาเรื่อย ๆ ไม่ขาดสาย จนผ้าห่มเบื้องล่างที่หน้าตักของอี้เฟิงเปียกด้วยหยดน้ำตา






หยางหยางมองอย่างตกตะลึง







เขาไม่คิดว่าอี้เฟิงจะร้องไห้ออกมา ทั้งที่เป็นคนที่หยิ่งทนงค์ในศกดิ์ศรีมาก และจะไม่แสดงความอ่อนแอต่อหน้าคนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นศัตรูอย่างหยางหยาง แต่เขาร้องไห้ออกมา







“ฮึก...ออกไป”
“ผม..”





เขาไม่สามารถพูดอะไรได้ สมองมันตื้อตันไปหมด  เขาทำให้อี้เฟิงร้องไห้  สิ่งนี้เป็นอะไรที่เขาคาดไม่ถึง และไม่มีวันคิด เพราะเขาแน่ใจว่าหลี่อีเฟิงผู้หยิ่งในศักดิ์ศรีจะไม่เป็นแบบนี้ จะไม่อ่อนแอต่อหน้าเขา






“ผม..ควรทำยังไง”  หยางหยางถามออกไป เขาไม่คิดเหมือนกันว่าจะใช้คำถามนี้ถามอีกคนที่กำลังร้องไห้ออกมาเป็นวรรคเวร น้ำตายังหยดหยาดไม่หยุด แก้มใสมีสีแดงแต่งแต้ม เปราะน้ำตา  หยางหยางพยายามจะใช้มือปาดป้องน้ำตาให้ออกไปจากแก้มเนียนแต่อี้เฟิงเบียงหลบหยางหยางจะไม่มีหน้าทำแบบนั้นซ้ำอีกครั้ง






เขาทำอะไรไม่ถูก เหมือนใจแตกสลาย  เหมือนทำคนที่รักร้องไห้






รัก... ?






หยางหยางเผลอพลั่งคำนั้นมาแล้ว ถึงแม้มันจะอยู่ในใจ เขาก็ยอมรับหัวใจตัวเอง ว่าความรู้สึกที่แท้จริงที่ตีวงกว้างทะลุความเกลียดชังขึ้นมานั้นคือความรู้สึกนี้







เขาหลงรักหลี่อี้เฟิงเข้าแล้ว และหมดหัวใจจนเพิ่งรู้ตัวในตอนนี้








“อี้เฟิง...ผม”





หยางหยางเอ่ยติดขัด เขาอยู่ในระยะใกล้ที่แม้แต่พูดเสียงดังเท่าการกระซิบให้อี้เฟิงฟังก็ได้ยิน แต่ตอนนี้เสียงเขาเบายิ่งกว่านั้นเสียอีก






อี้เฟิงเงยใบหน้าขึ้นมานิดหน่อยมองอีกคนทั้งน้ำตา  เขารู้สึกว่าบรรยากาศอรบตัวของหยางหยางเปลี่ยนไปตั้งแต่เขาร้องไห้



“ผม..”





อี้เฟิงมองหยางหยางด้วยสายตาหวาดประหวั่น โดยที่หยางหยางแสดงอาการไม่เชื่อตัวเองออกมาหลังจากพูดประโยคต่อไป





“ผม....รักคุณ”















 ***************************************************************************************************************TBC9


TALK :: ดราม่า!










1 ความคิดเห็น:

  1. อ่านฟิคดิสแมนตอนนี้ตั้งแต่เช้าเมื่อวานแล้วค่ะแต่เพิ่งจะได้มาเปิดคอมและว่างพิมพ์ยาวๆสักที
    ตอนแรกแอบหากล่องคอมเมนต์ไม่เจอนึกว่าคุณเวย์ผิดเพราะสะพรึงเมนต์เรา กร๊ากกก
    พอเปิดจะเมนต์ก็เลยถือโอกาสอ่านอีกรอบ ที่จริงดิสแมนตอนนี้เราอ่านครั้งแรกร้องไห้ด้วย
    เพราะช่วงหลังๆมันบีบมากจนแบบนอนอ่านแล้วน้ำตาไหลพราก 555555
    ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องอินอะไรขนาดนี้ กรี๊สสสสส

    แต่ๆๆๆ นี่อี้เฟิงไม่ได้ตั้งใจจะยั่วโมโหหยางจริงๆใช่ไหมคะ ;---;
    คืออ่านฟิคเรื่องนี้ไปแล้วยังไม่ค่อยเห็นด้านความรู้สึกอี้เฟิงเท่าไหร่เราเลยไม่มั่นใจอะ
    ว่าที่จริงเฟิงชอบหยางจริงๆ รึเปล่าหรือแค่แค้นจริงๆ เพราะเขานิ่งมาก นิ่งจนเราคิดว่า
    ที่จริงแล้วฟิคเรื่องนี้หยางน่ะคิดเองเออเองและตกหลุมรักเขาเองไปคนเดียวหมดเลย
    /กลัวมากร้องไห้ดราม่ารอ 5555555555555555
    ที่จริงแล้วเข้าใจหยางนะ ตอนนี้ไม่ด่าว่าโรคจิตแล้วก็ได้ คือหลายคนอ่านอาจเกลียดหยาง
    แต่เราว่าเพราะสองคนนี้มาสนิทและสานสัมพันธ์กันบนกองเพลิงแค้นอะคะ /ดูใช้คำ ;-;
    แล้วที่จริงหยางในเรื่องนี้เหมือนเด็กอนุบาลที่อยากจะแก้แค้นนะ ทั้งที่รักนั่นล่ะ
    มันเหมือนกับเป็นเด็กผู้ชายที่ไม่รู้จะแสดงออกยังไง เพราะมันเริ่มต้นด้วยโกรธแค้น
    ก็เลยคิดว่าการเรียกร้องความสนใจจากเฟิงเกอก็คือการแสดงความแค้นใส่ให้สาสม
    ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วมันก็ได้ผลในแง่หนึ่งนะ ... แต่เฟิงเกอสนใจในแง่แบบ...ไม่อยากเจอ

    ตอนที่หยางพูดว่ารักเราว่ามันโคตรบีบเลยอะค่ะ คือนึกภาพผช.พูดน้อยๆ โต้กลับหนัก
    ด้วยอารมณ์ที่แบบไม่อยากยอมรับแต่เพราะเห็นน้ำตาเขาก็เลยคิดว่าเออต้องพูดแล้ว
    เราว่าคำนี้สำหรับหยางมันไม่ใช่แค่บอกว่ารักอะ มันเหมือนกับจะบอกคนตรงหน้าว่า
    ทั้งรักด้วย อยากขอโทษด้วย ทุกอย่าง คือเหมือนอารมณ์มันได้มาก แง่งงงงง
    ที่จริงเราสงสารเฟิงเกอนะ แต่เราก็สงสารหยางด้วยเพราะดูเป็นคนที่แบบจัดการไม่ถูก
    แต่ตอนเฟิงเกอสงสารเราก็แบบสงสารมาก จริงๆร้องไห้เพราะตรงนี้แหละค่ะ
    คือเราว่ามันคงเหลืออดเหลือทน แต่ตอนนั้นหยางก็คงหน้ามืดจริงๆ
    เราเป็นเฟิงเราก็คงโกรธอะ แต่เพราะนี่เป็นคนอ่านและเข้าใจอารมณ์หยางมาก
    ก็เลย...ไบแอสมาทางหยางในตอนนี้แบบช่วยไม่ได้ ฮาาาาาาาาาาาาาาาาาา

    ยังรอดิสแมนตอนใหม่อยู่นะคะ ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆค่ะ

    ตอบลบ