วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2558

[FIC] OURSONG ~我們的歌 -- หยางเฟิง / เพลงที่ 7





[FIC] OURSONG ~我們的歌 -- หยางเฟิง / เพลงที่ 7
Pairing :: หยางหยาง x หลี่อี้เฟิง
Rating :: PG




*********************************************************************


“ราตรีสวัสดิ์นะ อี้เฟิง... ไม่สิ เฟิงเฟิง”
“หยางเกอ...”
“โอเค อี้เฟิง เกอไม่ล้อแล้ว แต่ชื่อนี้น่ารักดีไม่ใช่รึไง”



คำบอกลาฝันดีทางโทรศัพท์ที่กลายเป็นคำหยอกล้อกันก่อนนอน แบบนี้ทำเอาต่างฝ่ายต่างอมยิ้มกันเหมือนกินขนมหวานก่อนนอน


ขืนต้องฟังหยางเกอพูดแบบนี้ก่อนนอนทุกวัน เป็นเบาหวานตายกันพอดี  อี้เฟิงคิด คนอะไรชอบหยอกนั่นนี่ให้เขินใส่อยู่เรื่อย ไม่โอเคเลย หัวใจไม่โอเค


“หยางเกอทำไมต้องชอบทำให้เขิน”
“เพราะเวลาอี้เฟิงเขินมันน่ารักดีไงล่ะ”
“ฮึ ไม่ค่อยอยากเชื่อเลยว่าเกอไม่เคยทำแบบนี้กับใคร”
“เชื่อเถอะ ทุกอย่างที่บอก เป็นความจริง คนเราไม่เคยโกหกหัวใจตัวเองได้ “
“หือ ?”


อี้เฟิงอุทานใส่โทรศัพท์ อยู่ ๆ คุณพี่เขามาปรัชญาใส่ ก็จริงอย่างที่รุ่นพี่คนหล่อว่า ไม่มีใครโกหกใจตัวเองได้ อี้เฟิงเป็นอีกคนที่ทำไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้น วันเกิดเหตุที่ดันไปจูบเขาก่อน แถมซ้ำหอมแก้มเขาอีกก็คงไม่มีทางเกิด เพราะอี้เฟิงโกหกใจตัวเองไม่ได้ว่าชอบเขา และตอนนี้ก็คงไม่มานั่งนอน บิดหมอนจนเบี้ยวแบบนี้บนเตียงเหมือนกัน ไม่รู้รุ่นพี่ห้องถัดไปอีกห้องจะเป็นแบบเขาไหม


“เชื่อเถอะ ทุกอย่างที่บอก เป็นความจริง คนเราไม่เคยโกหกหัวใจตัวเองได้ “


พอพูดประโยคเท่ ๆ ออกไป หยางหยางก็รู้สึกโอ้โห.... นี่เราก็กล้าพูดอะไรแบบนี้กับน้องเขาไป  อย่างน้อยยิ่งอี้เฟิงกล้าเข้าใกล้เขา ยิ่งกล้าแสดงความรู้สึกจากหัวใจจริง ๆ ของตัวเขาเอง นั่นทำให้หยางหยางยิ่งกล้าที่จะเปิดเผยความรุ้สึกให้อี้เฟิงอยู่ใกล้ ๆ ใกล้กับคำว่า เป็นหัวใจของหยางหยาง คนนี้



“หือ ? “ พออี้เฟิงอุทานออกเสียงมาทางโทรศัพท์ปลายสาย เขาก็รู้ว่าเด็กน้อยยังงง ๆ แต่ก็เข้าใจความหมายอยู่ แต่ที่   หยางหยางจะพูดมันมีอะไรที่เท่กว่านั้นต่อท้ายด้วย ซึ่งอยากให้อี้เฟิงฟัง


อยากให้เขาเขินแล้วด่าเขาใส่โทรศัพท์ซักที หยางหยางมีความสุข แบบนี้ฝันดีไปอีกวัน


“คนเราไม่เคยโกหกหัวใจตัวเองได้ เกอไม่เคยโกหกอี้เฟิงได้ อี้เฟิงเป็นหัวใจของเกอ”
“หยางเกอ....”


คราวนี้อี้เฟิงเอ่ยชื่อเขาผ่านโทรศัพท์เสียงอึ้ง ๆ ที่เขาพูด น้องเขาว่าอย่างไร ระดับความเขินที่น่ารักของน้องเขาล่ะ ?
“หยางเกอไปจำจากละครที่ไหนมา ละครไทยหรือ? อะไรกัน ทำไมเลี่ยนได้ทุกวันแบบนี้”


น่าจะเขินในระดับสูงลิบ ด่าไปเสียงลอย ๆ ล่ะมั้ง ?


“ไม่ได้จำมาจากไหนซักหน่อย โธ่ ไม่อินด้วยเลยหรือ”
“ไม่ซักนิด”
“จริง?”
“พอ เลิกซักไซ้ผม  ผมจะนอนแล้วเกอ”
“อี้เฟิง”

อยู่ ๆ อีกคนตัดบทพูดง่าย ๆ หรือไม่ชอบหรืออย่างไร พอคิดแล้ว หยางหยางก็เปลี่ยนท่านอนเป็นผุดนั่งขึ้นมาทันที เตรียมตัวจะไปเคาะห้องอีกฝ่าย กลัวว่าน้องเขาจะไม่ชอบจริง ๆ  

“หยางเกอ...เลิกพูดแบบนี้กับผม หรืออย่างน้อยก็แค่วันละครั้ง เกอไม่สงสารน้องหรอ? ผมต้องฟังเกอพูดแบบนี้ทุกวัน ผมจะละลายเป็นไอติมทุกวันก่อนนอนแบบนี้ ใจร้ายชะมัด”


หยางหยางที่กำลังจะก้าวออกจากประตูห้องชะงักก้าวไว้จนประโยคหลังจบประโยค คนรูปหล่อหัวเราะร่าออกมา เด็กคนนี้ที่กลายเป็นคนซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ช่างน่ารักเหลือเกิน น่ารักมากมาย จนทำให้เขาอยากเก็บคน ๆ นี้ไว้เชยชมไม่อยากให้ใครเห็นความน่ารักนี้เลย

“อี้เฟิง เกอว่า เกออยากจับอี้เฟิงมาขังในห้องเกอจริง ๆ  อี้เฟิงทำตัวน่ารักเกินไปแล้ว”
“ผมก็น่ารักอยู่แล้วหน่า แต่ไม่เอาหรอก เกอโรคจิต!
“ก็ที่เป็นแบบนี้เพราะเราทำให้เกอเป็นแบบนี้”


พูดอะไรกันไม่รู้เรื่อยเปื่อย สุดท้ายหยางหยางก็ก้าวออกจากห้องไปเคาะประตูห้องอี้เฟิงอยู่ดี อีกคนที่รู้งานอยู่แล้ว พูดโทรศัพท์กันอยู่นานสองนาน คิดว่าจะทนคิดถึงกันได้ ก็ต้องออกมาเปิดรับ


ไม่มีใครทนคิดถึงอีกคนได้เลย



“ผมคิดอยู่แล้วว่าเกอต้องมาเคาะห้องผม นับถอยหลัง 1-100 ไว้เลยล่ะ”
“แล้วเกอมาตอนที่อี้เฟิงนับถึงเท่าไหร่”
“ถอยหลังถึง 94 เกอก็มาเลย หยางเกอนี่น้า”


เมื่อทันเปิดประตูหยางหยางลดโทรศัพท์ลง และจัดการมันใส่ไว้ในฮู้ดตัวเก่งที่เขาใส่ออกมาด้วย อี้เฟิงก็ลดโทรศัพท์ลงและเอาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง ท่าทางอีกคนมีอะไรอยากพูดให้เขาฟังกับหู  อี้เฟิงจึงก้าวเล็ก ๆ ออกไปหารุ่นพี่อีกหน่อย



“ราตรีสวัสดิ์ครับ”



อี้เฟิงพยักหน้ารับคำ แต่ไม่ทันไรก็โดนจมูกโด่งเป็นสันของรุ่นพี่เฉียดตรงแก้มผ่านไป มือเรียวตะปบแก้มตัวเองเหมือนโดนขโมย หันไปค้อนใส่รุ่นพี่ที่ยิ้มร่าเริงเหมือนได้แกล้งก็พอใจแล้ว


“หยางเกอ”
“ก็ทีเราแอบขโมยหอม ขโมยจูบบ้าง นานแล้วนะ เกอยังไม่ได้เอาคืน”
“ฝันไปเหอะ อีกนานก็เอาคืนไมได้หรอก”



หยางหยางทำท่าจะยื่นหน้าไปขโมยหอมแก้มใสเนียนนั่นอีกครั้ง อี้เฟิงเบี่ยงหลบเป็นพัลวัน เอามือบังไว้ด้วย พอเริ่มหลบไม่ทัน ก็เอามือที่กันตีเข้าที่ไหล่รุ่นพี่จนต้องยอมแพ้

“ไปนอนไป๊”
“คร๊าบ ๆ ยอมแพ้แล้ว ยอมให้กันหน่อยก็ไม่ได้ พรุ่งนี้เกอต้องไปแข่งเทควันโด้ จะไม่เจออี้เฟิงเกือบอาทิตย์ ไม่สงสารเกอหรือ”

“ผมก็สงสารเกออยู่หรอก แต่ก็สงสารตัวเองด้วยเหมือนกัน”



หยางหยางเลิกคิ้ว เขาไม่ได้แปลกใจที่อีกคนทำหน้าตาหงอยเป็นแมวซึม หรือเพราะคำพูดที่เปิดเผยความรู้สึกเมื่ออยู่กับเขา หยางหยางได้รับรู้ความรู้สึกของอี้เฟิง มากขึ้น มากขึ้น หลังจากวันที่เขาโดนแมวน้อยขโมยจูบ หลี่อี้เฟิงปล่อยความรู้สึกออกมาแทบหมดหัวใจ หยางหยางประสบความสำเร็จในการคว้าหัวใจของรักแรกมาได้ ทำให้หลงรักหยางหยางได้ ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว นี่คือความสุขอีกอย่างของหยางหยางในชีวิต


แม้บางที เดินไปไหนจะโดนล้อบ้างก็ตามแต่ โดนอี้เฟิงฟ้องมาบ้างว่าตัวน้องเขาก็โดนล้อจากคนอื่น ๆ แต่เพราะสองคนก็รู้ว่าพวกคนเหล่านั้นแค่ล้อและที่จริงแล้วก็สนับสนุนความรักของพวกเขา และสองคนก็มีกันและกัน


“ไว้จะรีบกลับมา ที่เมืองนั้นมีของฝากอร่อย ๆ ด้วย จะซื้อมาฝากอี้เฟิง”
“เห็นผมเป็นคนเห็นแก่กินรึไง”
“ก็พอเกอทำกับข้าว อี้เฟิงก็มาตั้งทัพรอกินเลยนี่หน่า”
“เวอร์แล้ว”



พอได้หยอกล้อกันเช่นนี้ อาจจะทำให้รู้สึกใกล้กันมากขึ้น ลดทอนความรู้สึกที่รู้ว่าจะต้องอยู่ห่างกันหลายวัน หยางหยางขออนุญาตอี้เฟิงทางสายตา ขอคว้ามือนุ่มนิ่มมากอบกุมไว้ และขอความอบอุ่นพร้อมกลิ่นแป้งหอม ๆ จากอี้เฟิง รุ่นน้องคนเก่งปล่อยให้รุ่นพี่ทำตามใจ เพราะเขาไม่ทำอะไรที่เสียมารยาทเลย หยางหยางคนนี้เป็นสุภาพบุรุษมากกว่าที่คิดไว้มาก จนบางทีก็คิดว่าเขาเองก็เล่นตัวมากเกินไปในบางครั้ง พอบอกว่าไม่ได้ หรือไม่อนุญาตรุ่นพี่คนนี้ก็ทำตาม แค่จับมือยังขออนุญาตเขา อืม..นี่คืออีกจุดที่อี้เฟิงประทับใจในตัวรุ่นพี่คนนี้


“พรุ่งนี้เกอต้องไปแต่เช้า นอนได้แล้ว”
“ครับ เกอบอกฝันดีเราไปหลายรอบแล้วนี่เนอะ”
“อื้อ”

หยางหยางก็ต้องปล่อยมือให้อี้เฟิงไปนอนแล้วเหมือนกัน  รุ่นพี่แทบไม่อยากปล่อยมือนุ่มนิ่มนี้ไป แทบอยากจะชวนไปนอนให้กอดที่ห้อง แต่มันก็ข้ามขั้นมากเกินกว่าที่อี้เฟิงจะทำได้ น้องเขาอาจจะไม่ปฏิเสธ แต่หยางหยางอาจไม่สามารถทำตามลำดับขั้น และไม่มีทางที่เขาจะอดทนอารมณ์อย่างอื่นไว้ และนอนกอดอี้เฟิงจนเช้าได้แน่ เขาก็พอรู้ตัวเองอยู่


แต่มันคิดถึงสุด ๆ ไปเลย ยิ่งรู้ว่าต้องอยู่ห่างกันหลาย ๆ วัน


“ทนคิดถึงเกอให้ได้ล่ะ”
“ว่าแต่คนอื่น หยางเกอนั่นล่ะจะขาดใจเสียก่อน”

สิ้นเสียงของอี้เฟิง หยางหยางก็ปล่อยมือคืนให้เจ้าของไป และส่งยิ้มเพื่อบอกลาของวันนี้ให้อีกครั้ง จะทนคิดถึงได้อย่างไร จะอยู่ห่างหัวใจได้อย่างไร นานไปหยางหยางคงตายเสียก่อน อี้เฟิงไม่ปล่อยให้หยางหยางส่งยิ้มให้เสียเปล่า เขาก็ยิ้มหวานคืนไปให้ รุ่นพี่จึงรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง เสียงหวานน่ารักบอกสมทบไปอีกว่า กลับมาจะให้กอด รุ่นพี่จึงสดใสขึ้นมาอีกเท่าตัว


“อี้เฟิง อย่าลืมสัญญานะ หยางเกอคนนี้จะกลับมากอดให้หายคิดถึง ต้องคิดถึงเกอมาก ๆ แล้วก็ห้ามไปยิ้มน่ารักแบบนั้นให้คนอื่นด้วยนะ”




คนอะไรงกจริง ๆ อี้เฟิงคิด พลางขำไป และมองดูรุ่นพี่ที่ไม่ยอมเดินดี ๆ เหมือนคนอื่นเขา แต่กลับถอยหลังเพื่อมองอี้เฟิงให้นานขึ้นอีกหน่อยก็ยังดี




ภาพก่อนหลับฝันดีของวันนั้นคือรอยยิ้มของกันและกัน








  




“อี้เฟิง วันนี้พี่หยางไม่อยู่ เหงาเลยล่ะสิ “


เพื่อนสาวในชมรมที่เริ่มรู้เรื่องราวบ้างแล้ว ก็แก๊งค์ที่เป็นแฟนคลับของรุ่นพี่หยางหยางทีมเดิม อี้เฟิงค้อนใส่ ทำหน้าตาเบื่อโลก แล้วหันไปเขินกับกลองชุดที่อยู่ด้านหลังแทน เพื่อนสาวกลุ่มนั้นก็ยิ่งแซวอี้เฟิงใหญ่โต จนอี้เฟิงต้องหันไปบอกให้หยุดเสียที แต่ไม่ทันไร เพื่อนชายกลุ่มสนิท ที่เพื่อนสาวของอี้เฟิงตั้งชื่อให้ขำ ๆว่า 4 หนุ่มพิทักษ์แมวอย่าง ดาซุน จิ้งฝู เหวินหลงะลเทียนห้าวก็ดันเสริมทัพล้ออี้เฟิงเสียอย่างนั้น

แต่พวกนี้นี่ล่ะทำให้อี้เฟิงเข้มแข็งได้ คำแนะนำของเจ้าพวกนี้ใช้ได้ทีเดียว





“อี้เฟิง แกแน่ใจกับรุ่นพี่เค้าแล้วนะว่าใช่ เพราะฉันดูว่าแกจะชอบเขามากเลย”
เทียนห้าวนั่งลงใกล้ ๆ อี้เฟิง ที่พื้นห้องชมรม เขาเคาะหัวอี้เฟิงให้ร้องลั่นเล่นๆ ก่อนนั่ง พอนั่งก็ถามสมทบ ที่จริงเพื่อน ๆเป็นห่วงอี้เฟิงมาก เขารู้ดี แต่ไม่เป็นไรหรอกหน่า


เขารู้ใจตัวเองดีอยู่แล้ว จะเจ็บก็เตรียมใจ..ไว้บ้างแล้วเหมือนกัน



“ไม่เป็นไรหน่า ฉันก็พอเข้าใจที่พวกนายเป็นห่วง แต่ฉันน่ะไม่เป็นไร”



เพื่อน ๆ ของอี้เฟิงย่อมรักเพื่อนและเป้นกำลังใจให้เสมอ แต่อย่างไรแล้วอีกฝ่ายดกรีเป็นถึงระดับดเดือนมหาลัยและหล่อเข้าขั้นไอดอลชั้นยอดในวงการได้เลย พวกเขาที่เป็นเพื่อนอี้เฟิงเป็นห่วงใจอี้เฟิงว่าจะทานสาว ๆ ของรุ่นพี่คนนี้ได้มั้ย


“เขามั่นคงนะ พวกนายต้องเห็นสายตาเขา”
“อันนั้นรู้แล้ว รู้ตั้งแต่เขามาถามหาแกถึงที่ชมรม”
“อือ”


จิ้งฝูสังเกตได้ว่าอี้เฟิงดูเหงาหงอยลงไปนิดหน่อย แม้ว่าบางยิ้มร่าเริงให้เพื่อน  พูดคุยเป็นปกติ แต่สนิทกันมานานทำไมจะไม่รู้


“กังวลอยู่เหมือนกันล่ะสิ แกน่ะ อีเฟิง”
“ช่างเหอะหน่า มันก็คือความกังวลในช่วงแรก ๆเท่านั้นล่ะ “



เพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่รอบตัวอี้เฟิง รวมทั้งเพื่อนสาวที่นั่งคอยมองสถานการณ์หัวใจอี้เฟิงด้วย ทุกคนในชมรมต่างรักและเป็นห่วงกันและกัน และรวมถึงอีเฟิงด้วย เพื่อนย่อมเข้าใจและดูแลกันและกัน พวกเขาก็ขอดูแลอี้เฟิงในขอบเขตที่ทำได้

“เอาหน่า ทุกคน ฉันโอเค แค่เหงาเพราะเกอเขาไม่อยู่เท่านั้นล่ะ”
“กลัวพี่เขาไปติดหญิงอื่นสิท่า”
“ไม่ก็เผื่อใครมายุ่มย่ามกับรุ่นพี่เขา”
“อี้เฟิงเอ๊ย”

สุดท้ายวงเพื่อนที่จากปลอบกันเมื่อครู่ก็กลายเป็นล้ออี้เฟิงเสียอีกแล้ว แต่อย่างน้อยก็ทำให้อี้เฟิงสนุกและเลิกคิดฟุ้งซ่านอะไรได้บ้าง แถมยังร้องเพลงรักกันแบบเมดเลย์ลั่นสนั่นชมรมให้อี้เฟิงเขินจนทำได้แค่ค้อนใส่และหาอะไรปาหัวเพื่อนรักแต่ละคน คนละทีสองที

ที่จริง อี้เฟิงที่อยู่คนเดียว มักจะนั่งกังวลเรื่องเขาอยู่เสมอ รุ่นพี่คนนั้น อาจเป็นเพราะรักครั้งแรกเช่นกัน เลยคิดมากไปหลายเรื่อง สุดท้ายก็วนกลับมาตรงที่ อี้เฟิงหลงรักเขามากเกินไปกว่าที่จะกลับไปทำให้ตัวเองไม่รักได้แล้ว สุดท้ายก็ได้แค่ทำหัวใจของตัวเองให้มั่นคงและบอกว่า


ความรักครั้งแรกในชีวิต อย่างน้อยก็รักให้สุดหัวใจ...แค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว


แต่ก็กลัวชะมัด...ความรักเนี่ย









“หืม..”

อี้เฟิงพาตัวเองกลับมาจากมหาวิทยาลัยด้วยสภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่ เขาถูกเพื่อน ๆในชมรมแกล้งเอา เพราะเป็นคนล่าสุดที่มีความรัก เลยถือว่าเป็นธรรมเนียมที่จะโดนแกล้งทุกวัน เพราะอี้เฟิงก็เคยทำแบบนี้กับเพ่าอนคนอื่นแล้ว ดันทำไว้หนักเสียด้วย พอถึงคราวตัวเองโดนล้อกลับโดนแกล้งบ้างก็หน้าแดง เขินหนักจนกลับมาหอ พี่ยามก็ยันทักว่าเป็นไข้ไม่สบายหรือ เขาได้แต่ตอบปัดไปว่า อากาศร้อน ทั้งที่ฝนตกโครม ๆ



แต่กลับมาจนถึงหน้าห้องก็พบกับความประหลาดใจตรงหน้าห้องของตัวเอง



“หลี่อี้เฟิง?...ใช่มั้ย ...พี่สาวคนนี้ขอคุยด้วยหน่อยสิคะ”



สุดท้ายพี่สาวคนนี้ขอให้เขาพาเธอเข้าห้องมา เขาประหลาดใจที่สุดที่เป็นผู้หญิงแต่จะขอเข้าห้องผู้ชาย แถมยังรู้จักชื่อเขาอีกด้วย พอพี่สาว..คนนั้นเข้ามาในห้อง เธอใช้สายตาของเธอสำรวจไปทั่ว แถมพื้นที่ห้องกว้างไม่มาก แต่เธอสำรวจด้วยสายตาจนครบทุกพื้นที่ และด้วยท่าทางที่สง่าและความสวยของเธอ อี้เฟิงจึงมองตามเธอและแอบเคลิ้มความสวยของเธอไปเช่นกัน จนเมื่อรู้สึกอีกที พี่สาวคนนี้ เข้ามาใกล้อี้เฟิงมากจนแทบปลายจมุกชนกัน


เธอเอ่ยประโยคสั้น ๆ



“เลิกยุ่งกับหยางหยางเถอะค่ะ ฉันเองก็ผิดที่ปล่อยเขาไว้ที่นี่นานเกินไป อย่างน้อยน้องก็น่าจะรู้ว่าคนหล่อร้ายกาจแบบเขา ก็น่าจะมีคนรู้ใจอยู่แล้ว น้องอี้เฟิงว่าแบบนั้นมั้ยคะ?”




อี้เฟิงอึ้งกับประโยคยาว ๆ รวดเดียวที่เธอพูดด้วยถ้อยคำฉะฉานและเสียงหวานปานน้ำผึ้งของเธอ ยิ่งทำให้อี้เฟิงต้องตั้งใจฟัง อี้เฟิงฟังไม่ผิด...เธอมาทวงคนของเธอคืนอย่างนั้นหรือ



“ที่คุณพูด มันหมายความว่าอะไรหรือครับ” อี้เฟิงไม่เข้าใจที่เธอพูดซักคำ แม้ตั้งใจฟังก็ตาม ด้วยมารยาท เขาถอยหลังออกมาเว้นระยะเพื่อให้หญิงสาวห่างกับเขาที่เป็นผู้ชายเสียหน่อย


แม้จะรักคนคนเดียวกัน


“ฉันว่าเธอคงเข้าใจดีอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่แสดงแววตาแบบที่ทำอยู่ตอนนี้ออกมา”
“ไม่ครับผมไม่เข้าใจ”


อี้เฟิงยืนกรายปฏิเสธ แต่ก็เป็นอย่างที่สาวสวยตรงหน้าพูด อี้เฟิงฟังแล้วหัวใจสั่นคลอน เหมือนแผ่นดินไหวในใจ และเขาก็คงเผลอแสดงออกไปให้เธอคนนั้นเห็น



“ถ้าผมไม่ทำตามที่คุณพูด คุณจะทำยังไง”
“พี่สาวคนนี้คงปล่อยให้หนูน้อยแบบเธอ ทำอะไรแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ ฉันยังไม่อยากเป็นหม้ายตอนนี้”



ใบหน้าของอี้เฟิงเริ่มแสดงสีหน้ามากยิ่งขึ้น เมื่อพี่สาวคนนั้นเดินเข้ามาหาอี้เฟิงอีกก้าว เพื่อให้เข้าใกล้ในระยะที่ชิดจนแทบมองเห็นแววตาที่หวาดหวั่นของอี้เฟิง เธอยิ้มสวยหวานออกมา แต่อี้เฟิงไม่ชอบยิ้มนั้นเลย


“ฉันไม่ได้เพิ่งรู้จักเธอหรอกนะ หลี่อี้เฟิง แต่ว่าฉันติดตามข่าวโดยมีสายอยู่มหาวิทยาลัยนี้ คนที่ฉันรักเรียนที่นี่ ก็ต้องดูแลมีคนเป็นหูเป็นตากันหน่อย ล่าสุด ก็ได้ข่าวเรื่องเธอ ...ไม่คิดว่าหยางหยางเขาจะมาชอบคนแนวนี้”



เมื่อได้ฟังอี้เฟิงก็เริ่มมีน้ำโหบ้าง เธอคนนี้พูดอะไรแปลก ๆ มาตั้งแต่เมื่อครู่ พูดคำแปลก ๆที่ทำให้อี้เฟิงคิดกลัวไปไหนต่อไหน และยังมาทำใหอี้เฟิงต้องรู้สึกผิด และยอมแพ้เธอ


ความรักของหลี่อี้เฟิงคนนี้ก็มีความหมาย อย่าดูถูกกัน



“ผมไม่เข้าใจที่คุณพูดเลยซักประโยคเดียว  และเชิญคุณออกจากห้องผมไปได้แล้ว”

หญิงสาวอีกฝั่งเริ่มอารมณ์เสีย ผลักอกอี้เฟิงเบา ๆ และพูดให้ฟังอีกครั้ง บรรยากาศในตอนนี้กำลังมาคุ อี้เฟิงเองก็ไม่ยอมลงให้เช่นกัน รุ่นพี่ไม่เคยพูดอะไรเลย ไม่เคยกล่าวอะไรทำนองนี้ให้เขาฟัง  


“เธอนี่ไม่รู้จักฟังคนอื่นเขาบ้าง”
“ผมไม่คิดจะฟังคนอื่นนอกจากคนที่ผมรัก”
“อ๋อ เธอคิดว่าหยางหยางเป็นคนดีนักหรือไง เพอร์เฟคขนาดนั้น?  ไม่หรอก หลี่อี้เฟิง เขาก็แค่ผู้ชายที่ว่าง ๆ   ก็จะหาอะไรทำสนุก ๆ”
“คุณน่ะ....”


หญิงสาวยิ้มให้อี้เฟิง ถ้าเป็นในสถานการณ์ทั่วไปอี้เฟิงคงเคลิบเคลิ้มเพราะเป็นรอยยิ้มที่งดงามน่ามอง แต่ตอนนี้เธอกำลังจะปะทะอารมณ์กับเขา ซึ่งสถานกาณ์ของอี้เฟิงตกเป็นรองด้วยซ้ำ


“เธอคิดว่าเขารักเธองั้นสิ?”
“เขาบอกผมว่าผมเปนรักแรกของเขา”


หญิงสาวหน้ากระตุกไปชั่วครู่...และเธอคนนั้นก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง แต่อี้เฟิงไมได้คิดว่านั่นเป็นรอยยิ้มที่สวยอีกต่อไป เขาคิดว่ามันมีความนัยและแฝงความโมโหของเธอ ณ ตอนนี้



“จะบอกอะไรให้ฟัง หลี่อี้เฟิง “


เธอคนนั้นก้าวมาตรงหน้าอี้เฟิงและพูดให้ได้ยินชัดเจน

“ฉันชื่อถังเยี่ยน เป็นคู่หมั้นของหยางหยาง และหลังเรียนจบเราก็จะแต่งงานกัน ทีนี้ รักแรกที่เขาวาดฝันไว้ให้เธอ ปล่อยให้มันสลายไปได้แล้ว เด็กโง่เอ๊ย”



ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร....แต่แม้ไม่รู้จักทำไมคุ้นหน้าเหลือเกิน




**************************************************************************************************TBC 8




TALK :: ตอน 8 ไม่นานค่ะ ไม่น่าจะเกินกลางอาทิตย์นี้ อาทิตย์นี้สามตอนจนถึง ตอน 9 เลยค่ะ เป็นไปได้จะรีบปั่นเลย จะได้มีเวลาปั่น #THISMAN เพิ่มด้วย /เอ๊ะ/ 

ตอนนี้เริ่มฝนตั้งเค้าแล้ว นี่ถึงขั้นต้องกราบเจ๊เยี่ยนมาลงในฟิคเลยค่ะ
ติดตามพี่หยางน้องเฟิงต่อตอนต่อไปนะคะ ว่าหยางจะแก้เกมส์ยะอย่างไร /ฮึฮึฮึฮึ

ฝากสครีมในเเทก #OURSONG ด้วยนะคะ ส่วน #THISMAN ก็เเทกนี้




และ รอประกาศจากเวย์เรื่อง #OURSONG พรุ่งนี้นะคะ แฮ่ ขอบคุณที่ติดตามความรักระหว่างเพลงของคู่นี้เนอะ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น