[FIC] OURSONG ~我們的歌 -- หยางเฟิง / เพลงที่ 7
Pairing :: หยางหยาง x หลี่อี้เฟิง
Rating :: PG
*********************************************************************
“ราตรีสวัสดิ์นะ อี้เฟิง... ไม่สิ เฟิงเฟิง”
“หยางเกอ...”
“โอเค อี้เฟิง เกอไม่ล้อแล้ว แต่ชื่อนี้น่ารักดีไม่ใช่รึไง”
คำบอกลาฝันดีทางโทรศัพท์ที่กลายเป็นคำหยอกล้อกันก่อนนอน
แบบนี้ทำเอาต่างฝ่ายต่างอมยิ้มกันเหมือนกินขนมหวานก่อนนอน
ขืนต้องฟังหยางเกอพูดแบบนี้ก่อนนอนทุกวัน เป็นเบาหวานตายกันพอดี อี้เฟิงคิด
คนอะไรชอบหยอกนั่นนี่ให้เขินใส่อยู่เรื่อย ไม่โอเคเลย หัวใจไม่โอเค
“หยางเกอทำไมต้องชอบทำให้เขิน”
“เพราะเวลาอี้เฟิงเขินมันน่ารักดีไงล่ะ”
“ฮึ ไม่ค่อยอยากเชื่อเลยว่าเกอไม่เคยทำแบบนี้กับใคร”
“เชื่อเถอะ ทุกอย่างที่บอก เป็นความจริง
คนเราไม่เคยโกหกหัวใจตัวเองได้ “
“หือ ?”
อี้เฟิงอุทานใส่โทรศัพท์ อยู่ ๆ คุณพี่เขามาปรัชญาใส่
ก็จริงอย่างที่รุ่นพี่คนหล่อว่า ไม่มีใครโกหกใจตัวเองได้
อี้เฟิงเป็นอีกคนที่ทำไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้น วันเกิดเหตุที่ดันไปจูบเขาก่อน
แถมซ้ำหอมแก้มเขาอีกก็คงไม่มีทางเกิด เพราะอี้เฟิงโกหกใจตัวเองไม่ได้ว่าชอบเขา
และตอนนี้ก็คงไม่มานั่งนอน บิดหมอนจนเบี้ยวแบบนี้บนเตียงเหมือนกัน ไม่รู้รุ่นพี่ห้องถัดไปอีกห้องจะเป็นแบบเขาไหม
“เชื่อเถอะ ทุกอย่างที่บอก เป็นความจริง
คนเราไม่เคยโกหกหัวใจตัวเองได้ “
พอพูดประโยคเท่ ๆ ออกไป หยางหยางก็รู้สึกโอ้โห....
นี่เราก็กล้าพูดอะไรแบบนี้กับน้องเขาไป
อย่างน้อยยิ่งอี้เฟิงกล้าเข้าใกล้เขา ยิ่งกล้าแสดงความรู้สึกจากหัวใจจริง ๆ
ของตัวเขาเอง นั่นทำให้หยางหยางยิ่งกล้าที่จะเปิดเผยความรุ้สึกให้อี้เฟิงอยู่ใกล้
ๆ ใกล้กับคำว่า เป็นหัวใจของหยางหยาง คนนี้
“หือ ? “ พออี้เฟิงอุทานออกเสียงมาทางโทรศัพท์ปลายสาย
เขาก็รู้ว่าเด็กน้อยยังงง ๆ แต่ก็เข้าใจความหมายอยู่ แต่ที่ หยางหยางจะพูดมันมีอะไรที่เท่กว่านั้นต่อท้ายด้วย
ซึ่งอยากให้อี้เฟิงฟัง
อยากให้เขาเขินแล้วด่าเขาใส่โทรศัพท์ซักที หยางหยางมีความสุข
แบบนี้ฝันดีไปอีกวัน
“คนเราไม่เคยโกหกหัวใจตัวเองได้ เกอไม่เคยโกหกอี้เฟิงได้
อี้เฟิงเป็นหัวใจของเกอ”
“หยางเกอ....”
คราวนี้อี้เฟิงเอ่ยชื่อเขาผ่านโทรศัพท์เสียงอึ้ง ๆ ที่เขาพูด
น้องเขาว่าอย่างไร ระดับความเขินที่น่ารักของน้องเขาล่ะ ?
“หยางเกอไปจำจากละครที่ไหนมา ละครไทยหรือ? อะไรกัน
ทำไมเลี่ยนได้ทุกวันแบบนี้”
น่าจะเขินในระดับสูงลิบ ด่าไปเสียงลอย ๆ ล่ะมั้ง ?
“ไม่ได้จำมาจากไหนซักหน่อย โธ่ ไม่อินด้วยเลยหรือ”
“ไม่ซักนิด”
“จริง?”
“พอ เลิกซักไซ้ผม
ผมจะนอนแล้วเกอ”
“อี้เฟิง”
อยู่ ๆ อีกคนตัดบทพูดง่าย ๆ
หรือไม่ชอบหรืออย่างไร พอคิดแล้ว หยางหยางก็เปลี่ยนท่านอนเป็นผุดนั่งขึ้นมาทันที
เตรียมตัวจะไปเคาะห้องอีกฝ่าย กลัวว่าน้องเขาจะไม่ชอบจริง ๆ
“หยางเกอ...เลิกพูดแบบนี้กับผม หรืออย่างน้อยก็แค่วันละครั้ง
เกอไม่สงสารน้องหรอ? ผมต้องฟังเกอพูดแบบนี้ทุกวัน ผมจะละลายเป็นไอติมทุกวันก่อนนอนแบบนี้
ใจร้ายชะมัด”
หยางหยางที่กำลังจะก้าวออกจากประตูห้องชะงักก้าวไว้จนประโยคหลังจบประโยค
คนรูปหล่อหัวเราะร่าออกมา
เด็กคนนี้ที่กลายเป็นคนซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
ช่างน่ารักเหลือเกิน น่ารักมากมาย จนทำให้เขาอยากเก็บคน ๆ
นี้ไว้เชยชมไม่อยากให้ใครเห็นความน่ารักนี้เลย
“อี้เฟิง เกอว่า เกออยากจับอี้เฟิงมาขังในห้องเกอจริง ๆ อี้เฟิงทำตัวน่ารักเกินไปแล้ว”
“ผมก็น่ารักอยู่แล้วหน่า แต่ไม่เอาหรอก เกอโรคจิต!”
“ก็ที่เป็นแบบนี้เพราะเราทำให้เกอเป็นแบบนี้”
พูดอะไรกันไม่รู้เรื่อยเปื่อย
สุดท้ายหยางหยางก็ก้าวออกจากห้องไปเคาะประตูห้องอี้เฟิงอยู่ดี
อีกคนที่รู้งานอยู่แล้ว พูดโทรศัพท์กันอยู่นานสองนาน คิดว่าจะทนคิดถึงกันได้ ก็ต้องออกมาเปิดรับ
ไม่มีใครทนคิดถึงอีกคนได้เลย
“ผมคิดอยู่แล้วว่าเกอต้องมาเคาะห้องผม นับถอยหลัง 1-100 ไว้เลยล่ะ”
“แล้วเกอมาตอนที่อี้เฟิงนับถึงเท่าไหร่”
“ถอยหลังถึง 94 เกอก็มาเลย หยางเกอนี่น้า”
เมื่อทันเปิดประตูหยางหยางลดโทรศัพท์ลง และจัดการมันใส่ไว้ในฮู้ดตัวเก่งที่เขาใส่ออกมาด้วย
อี้เฟิงก็ลดโทรศัพท์ลงและเอาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง
ท่าทางอีกคนมีอะไรอยากพูดให้เขาฟังกับหู
อี้เฟิงจึงก้าวเล็ก ๆ ออกไปหารุ่นพี่อีกหน่อย
“ราตรีสวัสดิ์ครับ”
อี้เฟิงพยักหน้ารับคำ แต่ไม่ทันไรก็โดนจมูกโด่งเป็นสันของรุ่นพี่เฉียดตรงแก้มผ่านไป
มือเรียวตะปบแก้มตัวเองเหมือนโดนขโมย
หันไปค้อนใส่รุ่นพี่ที่ยิ้มร่าเริงเหมือนได้แกล้งก็พอใจแล้ว
“หยางเกอ”
“ก็ทีเราแอบขโมยหอม ขโมยจูบบ้าง นานแล้วนะ เกอยังไม่ได้เอาคืน”
“ฝันไปเหอะ อีกนานก็เอาคืนไมได้หรอก”
หยางหยางทำท่าจะยื่นหน้าไปขโมยหอมแก้มใสเนียนนั่นอีกครั้ง
อี้เฟิงเบี่ยงหลบเป็นพัลวัน เอามือบังไว้ด้วย พอเริ่มหลบไม่ทัน ก็เอามือที่กันตีเข้าที่ไหล่รุ่นพี่จนต้องยอมแพ้
“ไปนอนไป๊”
“คร๊าบ ๆ ยอมแพ้แล้ว ยอมให้กันหน่อยก็ไม่ได้
พรุ่งนี้เกอต้องไปแข่งเทควันโด้ จะไม่เจออี้เฟิงเกือบอาทิตย์ ไม่สงสารเกอหรือ”
“ผมก็สงสารเกออยู่หรอก แต่ก็สงสารตัวเองด้วยเหมือนกัน”
หยางหยางเลิกคิ้ว เขาไม่ได้แปลกใจที่อีกคนทำหน้าตาหงอยเป็นแมวซึม
หรือเพราะคำพูดที่เปิดเผยความรู้สึกเมื่ออยู่กับเขา
หยางหยางได้รับรู้ความรู้สึกของอี้เฟิง มากขึ้น มากขึ้น หลังจากวันที่เขาโดนแมวน้อยขโมยจูบ
หลี่อี้เฟิงปล่อยความรู้สึกออกมาแทบหมดหัวใจ หยางหยางประสบความสำเร็จในการคว้าหัวใจของรักแรกมาได้
ทำให้หลงรักหยางหยางได้ ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว
นี่คือความสุขอีกอย่างของหยางหยางในชีวิต
แม้บางที เดินไปไหนจะโดนล้อบ้างก็ตามแต่
โดนอี้เฟิงฟ้องมาบ้างว่าตัวน้องเขาก็โดนล้อจากคนอื่น ๆ
แต่เพราะสองคนก็รู้ว่าพวกคนเหล่านั้นแค่ล้อและที่จริงแล้วก็สนับสนุนความรักของพวกเขา
และสองคนก็มีกันและกัน
“ไว้จะรีบกลับมา ที่เมืองนั้นมีของฝากอร่อย ๆ ด้วย
จะซื้อมาฝากอี้เฟิง”
“เห็นผมเป็นคนเห็นแก่กินรึไง”
“ก็พอเกอทำกับข้าว อี้เฟิงก็มาตั้งทัพรอกินเลยนี่หน่า”
“เวอร์แล้ว”
พอได้หยอกล้อกันเช่นนี้ อาจจะทำให้รู้สึกใกล้กันมากขึ้น
ลดทอนความรู้สึกที่รู้ว่าจะต้องอยู่ห่างกันหลายวัน
หยางหยางขออนุญาตอี้เฟิงทางสายตา ขอคว้ามือนุ่มนิ่มมากอบกุมไว้ และขอความอบอุ่นพร้อมกลิ่นแป้งหอม
ๆ จากอี้เฟิง รุ่นน้องคนเก่งปล่อยให้รุ่นพี่ทำตามใจ
เพราะเขาไม่ทำอะไรที่เสียมารยาทเลย
หยางหยางคนนี้เป็นสุภาพบุรุษมากกว่าที่คิดไว้มาก
จนบางทีก็คิดว่าเขาเองก็เล่นตัวมากเกินไปในบางครั้ง พอบอกว่าไม่ได้
หรือไม่อนุญาตรุ่นพี่คนนี้ก็ทำตาม แค่จับมือยังขออนุญาตเขา
อืม..นี่คืออีกจุดที่อี้เฟิงประทับใจในตัวรุ่นพี่คนนี้
“พรุ่งนี้เกอต้องไปแต่เช้า นอนได้แล้ว”
“ครับ เกอบอกฝันดีเราไปหลายรอบแล้วนี่เนอะ”
“อื้อ”
หยางหยางก็ต้องปล่อยมือให้อี้เฟิงไปนอนแล้วเหมือนกัน รุ่นพี่แทบไม่อยากปล่อยมือนุ่มนิ่มนี้ไป
แทบอยากจะชวนไปนอนให้กอดที่ห้อง แต่มันก็ข้ามขั้นมากเกินกว่าที่อี้เฟิงจะทำได้
น้องเขาอาจจะไม่ปฏิเสธ แต่หยางหยางอาจไม่สามารถทำตามลำดับขั้น
และไม่มีทางที่เขาจะอดทนอารมณ์อย่างอื่นไว้ และนอนกอดอี้เฟิงจนเช้าได้แน่
เขาก็พอรู้ตัวเองอยู่
แต่มันคิดถึงสุด ๆ ไปเลย ยิ่งรู้ว่าต้องอยู่ห่างกันหลาย ๆ วัน
“ทนคิดถึงเกอให้ได้ล่ะ”
“ว่าแต่คนอื่น หยางเกอนั่นล่ะจะขาดใจเสียก่อน”
สิ้นเสียงของอี้เฟิง หยางหยางก็ปล่อยมือคืนให้เจ้าของไป และส่งยิ้มเพื่อบอกลาของวันนี้ให้อีกครั้ง
จะทนคิดถึงได้อย่างไร จะอยู่ห่างหัวใจได้อย่างไร นานไปหยางหยางคงตายเสียก่อน
อี้เฟิงไม่ปล่อยให้หยางหยางส่งยิ้มให้เสียเปล่า เขาก็ยิ้มหวานคืนไปให้
รุ่นพี่จึงรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง เสียงหวานน่ารักบอกสมทบไปอีกว่า กลับมาจะให้กอด
รุ่นพี่จึงสดใสขึ้นมาอีกเท่าตัว
“อี้เฟิง อย่าลืมสัญญานะ หยางเกอคนนี้จะกลับมากอดให้หายคิดถึง
ต้องคิดถึงเกอมาก ๆ แล้วก็ห้ามไปยิ้มน่ารักแบบนั้นให้คนอื่นด้วยนะ”
คนอะไรงกจริง ๆ อี้เฟิงคิด พลางขำไป และมองดูรุ่นพี่ที่ไม่ยอมเดินดี ๆ
เหมือนคนอื่นเขา แต่กลับถอยหลังเพื่อมองอี้เฟิงให้นานขึ้นอีกหน่อยก็ยังดี
ภาพก่อนหลับฝันดีของวันนั้นคือรอยยิ้มของกันและกัน
“อี้เฟิง วันนี้พี่หยางไม่อยู่ เหงาเลยล่ะสิ “
เพื่อนสาวในชมรมที่เริ่มรู้เรื่องราวบ้างแล้ว ก็แก๊งค์ที่เป็นแฟนคลับของรุ่นพี่หยางหยางทีมเดิม
อี้เฟิงค้อนใส่ ทำหน้าตาเบื่อโลก แล้วหันไปเขินกับกลองชุดที่อยู่ด้านหลังแทน
เพื่อนสาวกลุ่มนั้นก็ยิ่งแซวอี้เฟิงใหญ่โต จนอี้เฟิงต้องหันไปบอกให้หยุดเสียที
แต่ไม่ทันไร เพื่อนชายกลุ่มสนิท ที่เพื่อนสาวของอี้เฟิงตั้งชื่อให้ขำ ๆว่า 4
หนุ่มพิทักษ์แมวอย่าง ดาซุน จิ้งฝู เหวินหลงะลเทียนห้าวก็ดันเสริมทัพล้ออี้เฟิงเสียอย่างนั้น
แต่พวกนี้นี่ล่ะทำให้อี้เฟิงเข้มแข็งได้
คำแนะนำของเจ้าพวกนี้ใช้ได้ทีเดียว
“อี้เฟิง แกแน่ใจกับรุ่นพี่เค้าแล้วนะว่าใช่
เพราะฉันดูว่าแกจะชอบเขามากเลย”
เทียนห้าวนั่งลงใกล้ ๆ อี้เฟิง ที่พื้นห้องชมรม
เขาเคาะหัวอี้เฟิงให้ร้องลั่นเล่นๆ ก่อนนั่ง พอนั่งก็ถามสมทบ ที่จริงเพื่อน
ๆเป็นห่วงอี้เฟิงมาก เขารู้ดี แต่ไม่เป็นไรหรอกหน่า
เขารู้ใจตัวเองดีอยู่แล้ว จะเจ็บก็เตรียมใจ..ไว้บ้างแล้วเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรหน่า ฉันก็พอเข้าใจที่พวกนายเป็นห่วง แต่ฉันน่ะไม่เป็นไร”
เพื่อน ๆ ของอี้เฟิงย่อมรักเพื่อนและเป้นกำลังใจให้เสมอ
แต่อย่างไรแล้วอีกฝ่ายดกรีเป็นถึงระดับดเดือนมหาลัยและหล่อเข้าขั้นไอดอลชั้นยอดในวงการได้เลย
พวกเขาที่เป็นเพื่อนอี้เฟิงเป็นห่วงใจอี้เฟิงว่าจะทานสาว ๆ ของรุ่นพี่คนนี้ได้มั้ย
“เขามั่นคงนะ พวกนายต้องเห็นสายตาเขา”
“อันนั้นรู้แล้ว รู้ตั้งแต่เขามาถามหาแกถึงที่ชมรม”
“อือ”
จิ้งฝูสังเกตได้ว่าอี้เฟิงดูเหงาหงอยลงไปนิดหน่อย
แม้ว่าบางยิ้มร่าเริงให้เพื่อน
พูดคุยเป็นปกติ แต่สนิทกันมานานทำไมจะไม่รู้
“กังวลอยู่เหมือนกันล่ะสิ แกน่ะ อีเฟิง”
“ช่างเหอะหน่า มันก็คือความกังวลในช่วงแรก ๆเท่านั้นล่ะ “
เพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่รอบตัวอี้เฟิง
รวมทั้งเพื่อนสาวที่นั่งคอยมองสถานการณ์หัวใจอี้เฟิงด้วย
ทุกคนในชมรมต่างรักและเป็นห่วงกันและกัน และรวมถึงอีเฟิงด้วย
เพื่อนย่อมเข้าใจและดูแลกันและกัน พวกเขาก็ขอดูแลอี้เฟิงในขอบเขตที่ทำได้
“เอาหน่า ทุกคน ฉันโอเค แค่เหงาเพราะเกอเขาไม่อยู่เท่านั้นล่ะ”
“กลัวพี่เขาไปติดหญิงอื่นสิท่า”
“ไม่ก็เผื่อใครมายุ่มย่ามกับรุ่นพี่เขา”
“อี้เฟิงเอ๊ย”
สุดท้ายวงเพื่อนที่จากปลอบกันเมื่อครู่ก็กลายเป็นล้ออี้เฟิงเสียอีกแล้ว
แต่อย่างน้อยก็ทำให้อี้เฟิงสนุกและเลิกคิดฟุ้งซ่านอะไรได้บ้าง แถมยังร้องเพลงรักกันแบบเมดเลย์ลั่นสนั่นชมรมให้อี้เฟิงเขินจนทำได้แค่ค้อนใส่และหาอะไรปาหัวเพื่อนรักแต่ละคน
คนละทีสองที
ที่จริง อี้เฟิงที่อยู่คนเดียว มักจะนั่งกังวลเรื่องเขาอยู่เสมอ
รุ่นพี่คนนั้น อาจเป็นเพราะรักครั้งแรกเช่นกัน เลยคิดมากไปหลายเรื่อง
สุดท้ายก็วนกลับมาตรงที่
อี้เฟิงหลงรักเขามากเกินไปกว่าที่จะกลับไปทำให้ตัวเองไม่รักได้แล้ว
สุดท้ายก็ได้แค่ทำหัวใจของตัวเองให้มั่นคงและบอกว่า
ความรักครั้งแรกในชีวิต
อย่างน้อยก็รักให้สุดหัวใจ...แค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว
แต่ก็กลัวชะมัด...ความรักเนี่ย
“หืม..”
อี้เฟิงพาตัวเองกลับมาจากมหาวิทยาลัยด้วยสภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่
เขาถูกเพื่อน ๆในชมรมแกล้งเอา เพราะเป็นคนล่าสุดที่มีความรัก เลยถือว่าเป็นธรรมเนียมที่จะโดนแกล้งทุกวัน
เพราะอี้เฟิงก็เคยทำแบบนี้กับเพ่าอนคนอื่นแล้ว ดันทำไว้หนักเสียด้วย
พอถึงคราวตัวเองโดนล้อกลับโดนแกล้งบ้างก็หน้าแดง เขินหนักจนกลับมาหอ
พี่ยามก็ยันทักว่าเป็นไข้ไม่สบายหรือ เขาได้แต่ตอบปัดไปว่า อากาศร้อน
ทั้งที่ฝนตกโครม ๆ
แต่กลับมาจนถึงหน้าห้องก็พบกับความประหลาดใจตรงหน้าห้องของตัวเอง
“หลี่อี้เฟิง?...ใช่มั้ย ...พี่สาวคนนี้ขอคุยด้วยหน่อยสิคะ”
สุดท้ายพี่สาวคนนี้ขอให้เขาพาเธอเข้าห้องมา
เขาประหลาดใจที่สุดที่เป็นผู้หญิงแต่จะขอเข้าห้องผู้ชาย
แถมยังรู้จักชื่อเขาอีกด้วย พอพี่สาว..คนนั้นเข้ามาในห้อง
เธอใช้สายตาของเธอสำรวจไปทั่ว แถมพื้นที่ห้องกว้างไม่มาก
แต่เธอสำรวจด้วยสายตาจนครบทุกพื้นที่ และด้วยท่าทางที่สง่าและความสวยของเธอ
อี้เฟิงจึงมองตามเธอและแอบเคลิ้มความสวยของเธอไปเช่นกัน จนเมื่อรู้สึกอีกที
พี่สาวคนนี้ เข้ามาใกล้อี้เฟิงมากจนแทบปลายจมุกชนกัน
เธอเอ่ยประโยคสั้น ๆ
“เลิกยุ่งกับหยางหยางเถอะค่ะ
ฉันเองก็ผิดที่ปล่อยเขาไว้ที่นี่นานเกินไป
อย่างน้อยน้องก็น่าจะรู้ว่าคนหล่อร้ายกาจแบบเขา ก็น่าจะมีคนรู้ใจอยู่แล้ว
น้องอี้เฟิงว่าแบบนั้นมั้ยคะ?”
อี้เฟิงอึ้งกับประโยคยาว ๆ รวดเดียวที่เธอพูดด้วยถ้อยคำฉะฉานและเสียงหวานปานน้ำผึ้งของเธอ
ยิ่งทำให้อี้เฟิงต้องตั้งใจฟัง
อี้เฟิงฟังไม่ผิด...เธอมาทวงคนของเธอคืนอย่างนั้นหรือ
“ที่คุณพูด มันหมายความว่าอะไรหรือครับ” อี้เฟิงไม่เข้าใจที่เธอพูดซักคำ
แม้ตั้งใจฟังก็ตาม ด้วยมารยาท
เขาถอยหลังออกมาเว้นระยะเพื่อให้หญิงสาวห่างกับเขาที่เป็นผู้ชายเสียหน่อย
แม้จะรักคนคนเดียวกัน
“ฉันว่าเธอคงเข้าใจดีอยู่แล้ว
ไม่อย่างนั้นคงไม่แสดงแววตาแบบที่ทำอยู่ตอนนี้ออกมา”
“ไม่ครับผมไม่เข้าใจ”
อี้เฟิงยืนกรายปฏิเสธ แต่ก็เป็นอย่างที่สาวสวยตรงหน้าพูด
อี้เฟิงฟังแล้วหัวใจสั่นคลอน เหมือนแผ่นดินไหวในใจ
และเขาก็คงเผลอแสดงออกไปให้เธอคนนั้นเห็น
“ถ้าผมไม่ทำตามที่คุณพูด คุณจะทำยังไง”
“พี่สาวคนนี้คงปล่อยให้หนูน้อยแบบเธอ ทำอะไรแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ ฉันยังไม่อยากเป็นหม้ายตอนนี้”
ใบหน้าของอี้เฟิงเริ่มแสดงสีหน้ามากยิ่งขึ้น
เมื่อพี่สาวคนนั้นเดินเข้ามาหาอี้เฟิงอีกก้าว
เพื่อให้เข้าใกล้ในระยะที่ชิดจนแทบมองเห็นแววตาที่หวาดหวั่นของอี้เฟิง
เธอยิ้มสวยหวานออกมา แต่อี้เฟิงไม่ชอบยิ้มนั้นเลย
“ฉันไม่ได้เพิ่งรู้จักเธอหรอกนะ หลี่อี้เฟิง
แต่ว่าฉันติดตามข่าวโดยมีสายอยู่มหาวิทยาลัยนี้ คนที่ฉันรักเรียนที่นี่
ก็ต้องดูแลมีคนเป็นหูเป็นตากันหน่อย ล่าสุด ก็ได้ข่าวเรื่องเธอ
...ไม่คิดว่าหยางหยางเขาจะมาชอบคนแนวนี้”
เมื่อได้ฟังอี้เฟิงก็เริ่มมีน้ำโหบ้าง เธอคนนี้พูดอะไรแปลก ๆ
มาตั้งแต่เมื่อครู่ พูดคำแปลก ๆที่ทำให้อี้เฟิงคิดกลัวไปไหนต่อไหน
และยังมาทำใหอี้เฟิงต้องรู้สึกผิด และยอมแพ้เธอ
ความรักของหลี่อี้เฟิงคนนี้ก็มีความหมาย อย่าดูถูกกัน
“ผมไม่เข้าใจที่คุณพูดเลยซักประโยคเดียว และเชิญคุณออกจากห้องผมไปได้แล้ว”
หญิงสาวอีกฝั่งเริ่มอารมณ์เสีย ผลักอกอี้เฟิงเบา ๆ
และพูดให้ฟังอีกครั้ง บรรยากาศในตอนนี้กำลังมาคุ อี้เฟิงเองก็ไม่ยอมลงให้เช่นกัน
รุ่นพี่ไม่เคยพูดอะไรเลย ไม่เคยกล่าวอะไรทำนองนี้ให้เขาฟัง
“เธอนี่ไม่รู้จักฟังคนอื่นเขาบ้าง”
“ผมไม่คิดจะฟังคนอื่นนอกจากคนที่ผมรัก”
“อ๋อ เธอคิดว่าหยางหยางเป็นคนดีนักหรือไง เพอร์เฟคขนาดนั้น? ไม่หรอก หลี่อี้เฟิง เขาก็แค่ผู้ชายที่ว่าง ๆ ก็จะหาอะไรทำสนุก ๆ”
“คุณน่ะ....”
หญิงสาวยิ้มให้อี้เฟิง ถ้าเป็นในสถานการณ์ทั่วไปอี้เฟิงคงเคลิบเคลิ้มเพราะเป็นรอยยิ้มที่งดงามน่ามอง
แต่ตอนนี้เธอกำลังจะปะทะอารมณ์กับเขา ซึ่งสถานกาณ์ของอี้เฟิงตกเป็นรองด้วยซ้ำ
“เธอคิดว่าเขารักเธองั้นสิ?”
“เขาบอกผมว่าผมเปนรักแรกของเขา”
หญิงสาวหน้ากระตุกไปชั่วครู่...และเธอคนนั้นก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง
แต่อี้เฟิงไมได้คิดว่านั่นเป็นรอยยิ้มที่สวยอีกต่อไป เขาคิดว่ามันมีความนัยและแฝงความโมโหของเธอ
ณ ตอนนี้
“จะบอกอะไรให้ฟัง หลี่อี้เฟิง “
เธอคนนั้นก้าวมาตรงหน้าอี้เฟิงและพูดให้ได้ยินชัดเจน
“ฉันชื่อถังเยี่ยน เป็นคู่หมั้นของหยางหยาง
และหลังเรียนจบเราก็จะแต่งงานกัน ทีนี้ รักแรกที่เขาวาดฝันไว้ให้เธอ
ปล่อยให้มันสลายไปได้แล้ว เด็กโง่เอ๊ย”
ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร....แต่แม้ไม่รู้จักทำไมคุ้นหน้าเหลือเกิน
**************************************************************************************************TBC 8
TALK :: ตอน 8 ไม่นานค่ะ ไม่น่าจะเกินกลางอาทิตย์นี้ อาทิตย์นี้สามตอนจนถึง ตอน 9 เลยค่ะ เป็นไปได้จะรีบปั่นเลย จะได้มีเวลาปั่น #THISMAN เพิ่มด้วย /เอ๊ะ/
ตอนนี้เริ่มฝนตั้งเค้าแล้ว นี่ถึงขั้นต้องกราบเจ๊เยี่ยนมาลงในฟิคเลยค่ะ
ติดตามพี่หยางน้องเฟิงต่อตอนต่อไปนะคะ ว่าหยางจะแก้เกมส์ยะอย่างไร /ฮึฮึฮึฮึ
ฝากสครีมในเเทก #OURSONG ด้วยนะคะ ส่วน #THISMAN ก็เเทกนี้
และ รอประกาศจากเวย์เรื่อง #OURSONG พรุ่งนี้นะคะ แฮ่ ขอบคุณที่ติดตามความรักระหว่างเพลงของคู่นี้เนอะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น