[SFic] WHEN THE RAIN FALL
Pairing :: หยางหยาง x หลี่อี้เฟิง
Rating :: PG- 13
TALK :: ฟิคฉลองครบ 10,000 วิวค่า ขอบคุณที่คอยอยู่ด้วยกันนะ ^^/
************************************************************************************************************
ฝนในยามเย็น....
อี้เฟิงลงนั่งตรงเก้าอี้เล็กรูปทรงสี่เหลี่ยมที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบในบริเวณป้ายรอรถบัสประจำทาง
เขารู้สึกตัวเหนียวเหนาะเล็กน้อยเพราะทั้งอากาศชื้น ฝนตกปรอย ๆ
วันนี้เหมือนฟ้ารั่ว...
อี้เฟิงแหงนหน้ามองมองฟ้าที่ส่งฝนมาไม่หยุดแม้ไม่หนักแต่มาอย่างต่อเนื่อง
เขาเริ่มหนาวเสียแล้วซี
“วู้
หนาวแฮะ”
มือสองข้างโอบกอดรอบตัวเองไว้ผิวสวยเนียนที่ค่อนข้างเย็นเพราะอุณหภูมิจากเม็ดน้ำฝนที่กระเซ็นมาทีละนิดให้ตัวเขาที่แม้ห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าน่ารักตามสไตล์เปียกปอนทีละนิด
วันนี้อี้เฟิงจัดแจงให้ตัวเองถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าที่เป็นแบบประจำที่ใส่
เสื้อเชิ้ตสีอ่อน
คลุมด้วยฮู้ดสีดำตัดด้วยสีเหลืองที่ตรงเนื้อผ้าของฮู้ดด้านในเป็นฮู้ดเนื้อดีจากยี่ห้อดัง
ท่อนล่างเป้นกางเกงยีนส์ผ้าดีแต่แม้ว่าเขาไม่ได้ซักบ่อย ๆ
ทุกวันแต่วันนี้เขาคงได้เอามันลงเครื่องเสียแล้ว
และเท้าที่ถูกปกป้องด้วยรองเท้าผ้าใบคู่ใจสีขาวตัดเส้นแดงน้ำเงิน
เป็นคู่เก่งที่อี้เฟิงชอบใส่มันไปไหนมาไหน
ก็มาคนเดียว
..วันนี้เขาก็มารอบัสประจำทางจะกลับหอพัก
หลังจากทำงานที่ร้านหนังสือที่เป็นร้านทำมาหากินอันแสนสงบ
มือนุ่มนิ่มกอบกุมเครื่องเล่นเพลงสีสวยหูฟังคล้องอยู่ที่ลำคอสวยที่โผล่พ้นเสื้อ
หูฟังที่เปิดเพลงเบาสบายในหู อี้เฟิงฟังไปก็โยกตัวเบา ๆ ไป
ระหว่างรอรถบัสที่กำลังมาจากที่ไหนซักแห่งในเมือง
“ฝนตกไม่หยุดเลย”
ปากน่ารักที่ละจากการฮัมเพลงมาบ่นกับฟ้าฝนครู่หนึ่ง
ใบหน้าหวานมุ่ยลงค้อนก้อนเมฆคิดพลางคิดในใจว่าทำถึงให้ฝนตก
คิดว่ารถบัสที่มาช้าเพราะเขาต้องขับช้าลงและการจราจรบนถนนก็ติดขัดเพราะฝนตกเช่นนี้
แต่ที่จริงอี้เฟิงก็ไม่เกลียดฝน
มันก็เย็นสบายหรอกนะแม้จะแอบเหนอะหนะตัวไปบ้าง
“อืม...”
ใบหน้าหวานผันหันไปดู
เจอคุ่รักคู่หนึ่งเดินมาด้วยกัน
และนั่งถัดไปจากเขาสองที่นั่งดูท่าทางเป็นคู่รักที่ดูเหมาะสมและน่ารักกันดี
เขายู่คิ้ว เม้มปากไป
แอบเขินนิดหน่อยเมื่อเห็นเขาเธอแอบจับมือและหัวเราะกันด้วยความสุขระหว่างการอยู่ด้วยกัน
อี้เฟิงอาจจะกำลังอิจฉาเขาเธอคู้นี้
เพราะอี้เฟิงก็ขยับออกมายืนดีกว่า
ท่าทางว่าถ้าไม่เขาเธอคานั้นก็อี้เฟิงที่อาจจะเขินกันไปก่อนแต่เดาว่าเป็นตัวเอง
ร่างโปร่งที่เปียกปอนก็ทำให้ตัวเองยิ่งเปียดปอน
เพราะลุกจากที่นั่งไปยืนก็แทบออกชายคาที่รอรถบัสประจำทาง
เมื่อไร่จะหยุดก็ไม่รู้ฝนนี่ อี้เฟิงแหงนหน้าอีกครั้งไปมองดูฟ้า
คงอีกยาวนาน..งั้นหาอะไรแถวนี้ทำก่อนดีมั้ย
แต่ก็คิดออกว่า
เขาไม่อยากตากฝน เพราะก็ไม่อยากมไสบาย ขาดงานก็ลำบาก
ฉะนั้นคำตอบสุดท้ายคือการยืนรอตรงนี้แหละ
เพราะเดี๋ยยวคู่รักคู่นั้นก็เดินออกไปล่ะมั้ง
ตากลมโตเสมองไปรอบ ๆ
อย่างช้า ๆ มือข้างหนึ่งยกฮู้ดคลุมหัว ให้ปกปิดกันน้ำฝน
มีเพียงใบหน้าหวานล้ำน่ารักคอยโผล่พ้นและสาดส่องหาอะไรฆ๋าเวลาเพื่อมอง
หืม ?.....
หันไปหันมา
หาที่หยุดสายตาเพื่อฆ่าเวลา
ตากลมโตของอี้เฟิงพลันไปพบกับสายตาอีกคู่หนึ่งที่เขาเองก็เพิ่งหันมาจากทิศอื่น
และมาพบกันพอดี
นั่นเทวดาหรือ ? .....
เป็นผู้ชายรูปร่างหน้าตาดี
ถนนเส้นนี้ไม่ได้กว้างมากขนาดนั้น ทำให้อี้เฟิงมองเห็นเขาชัดในระดับที่เม้ดฝนเล็ก
ๆ ไม่สามารถบดบังความหล่อเหลาทะลุสายฝนนั้น เขาเองก็มองตรงมายังอี้เฟิง
เอ่อ...
เจอคนรูปหล่อเป็นเทวดาแบบนี้มองก็เขินไม่ใช่น้อย
เขารูปหล่อจนทำเอาสาว ๆ
ที่ยืนรอรถบัสในอีกฝั่งตรงป้ายประทางฝั่งที่เขายืนนี่ตื่นเต้นกันยกใหญ่
เขาก็พอมองสถานการณ์ออก แต่สาว
ๆเหล่านั้นก็เว้นระยะไว้เผื่อเป็นลมล้มไปเพราะใกล้หนุ่มหล่อนั้นเกินไปด้วย
เขายังมองมาที่อี้เฟิงอยู่....
ที่ถนนสายตานี้เป็นถนนสายเล็กไม่มีรถราที่ผ่านเข้าออกมาขนาดนั้น
เมืองนี้ไม่ใช่เมืองหลวง แต่ก็ไม่ใช่เมืองที่เงียบจนไม่มีอะไร
รถราแม้น้อยก็ยังผ่านมา อย่างน้อยสายนี้ก็มีบัสประจำทาง
อี้เฟิงก็ไม่แน่ใจว่าหนุ่มรุปหล่อคนนั้นยืนรอบัสเหมือนเขามั้ยแต่ดูท่าทาง..อืม คงจะรออย่างอื่น
ดูจากบุคลิกเขาแล้ว
การแต่งตัว...ตอนนี้เขาอยู่ในชุดเชิ้ตขาวผูกไทด์แต่เขาปลดมันให้หลวม ๆ
ก็คงเพราะอึดอัด อากาศก็อบอ้าวเพราะฝนแต่ยังเหนาะหนะ ชื้นไม่น้อย
ท่อนล่างเป็นสแลชสีดำ
เขาสะพายกระเป๋าที่แม้จะดูขัดกับชุดที่ค่อนข้างเป็นทางการและสุภาพแต่พอทุกอย่างรวมที่ตัวเขา
สุดยอด..มันเข้ากันและลงตัว
ไล่ไปที่รองเท้าก็เป็นผ้าใบกึ่งสปอร์ตสุดเท่ยี่ห้อดังที่อี้เฟิงอยากได้แต่มันแอบแพงเพราะเป็นรุ่นลิมิตเตด
มีเงินน่าดูนะเนี่ย
ตากลมโตมอง
พินิจและสำรวจเขาคนนั้นเบื้องต้น ประเมินว่าเขาทั้งหล่อและรวย..น่าจะเช่นนั้น
อา...แต่เขายังมองมายังอี้เฟิง
แม้บางครั้งจะละสายตาไปบ้าง แต่หันไปหันมาเขาก็ยังมาหยุดพักสายตาที่อี้เฟิงอยู่ดี
หนุ่มรูปหล่อยกมือขึ้นมาเกาตรงแก้ม
เผยยิ้มเท่ละลายใจสาวตรงนั้น เพราะอี้เฟิงแอบเห็นเธอหลายคนกริ๊ดกร๊าดเบา ๆ
อยู่ข้าง ๆ
พอ ๆ อี้เฟิง
เลิกมองเขา....
มองนานกว่านี้อาจเก็บไปคิด..และคิดถึงเขา...เขาหล่อเหลามาขนาดที่เป็นจุดสนใจคนที่เดินผ่านไปมา
และคนที่อยู่โดยรอบ หนึ่งในนั้นมีหลี่อี้เฟิง หนึ่งคนด้วย
“เอ้า
..ไม่ใช่เเฮะ"
ภาพของหนุ่มคนนั้นถูกบดบังด้วยรถบัสประจำทางที่มาจอดรับผู้โดยสาร
แต่อี้เฟิงมองเห็นว่ามันไม่ใช่บัสหมายเลขที่อี้เฟิงจะใช้มันพาเขากลับไปถึงบ้าน อาจจะต้องรออีกซักครู่หนึ่ง
รถบัสเคลื่อนตัวออกไปแล้ว
“เอ้า
หายไปแล้ว”
ชายหนุ่มรูปงามคนนั้นก็หายไปด้วย..อี้เฟิงเลิกคิ้วแปลกใจ
มองหาอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ตบกลับมายังความคิดเป็นปัจจุบันที่สุดว่าจะมองหาเพื่ออะไรกัน เพราะคอยแอบมองเขาอยู่พักหนึ่ง นานเกินจนได้เขาไปอยุ่ในความคิดของอี้เฟิง
แถมบวกด้วยความหลอ่เหลาระดับเทพ
ทำให้อี้เฟิงมีภาพเทวดาฝั่งตรงข้ามถนนติดตาและวนอยู่ในหัว
พอเขาก็ไปรู้สึกว่าง..เหงานิดหน่อย
ดวงตาไม่มีที่หยุดพักให้มองแล้ว
แม้พบกันครั้งแรก็ทำให้คิดถึงกันเสียแล้ว
มองนานเกินไปจริง ๆด้วย
แต่ถ้าเป็นไปได้
เจอเขาอีกซักครั้งก็ดี
~~~~~
“หยางหยางครับ”
“เอ๊ะ ?”
อี้เฟิงตกใจตัวโยนจนทำเครื่องเล่นเพลงเครื่องสวยพลัดพลาดตกจากมือแต่อีกฝ่ายที่เอ่ยนามให้ฟังกลับคว้าได้และนั่นก็เป็นการคว้ามือนุ่มนิ่มของอี้เฟิงด้วย
หันไปหาผู้มีพระคุณที่เอ่ยนามให้ฟัง
กลับเป็นเทวดาฝั่งตรงกันข้ามถนน ที่อันตราธานและมาอยู่ข้าง ๆ ...เขา
“ห๊ะ ?”
“หยางหยาง..ชื่อผม”
“อ่ะ...เอ่อ...ยังไงดี...
หลี่อี้เฟิง”
เพื่อเป็นการไม่เสียมารยาทเขาจึงบอกชื่อหนุ่มรูปหล่อราวเทพนิยายไปด้วย
ตากลมโตหรี่มองเขาที่ตอนนี้กลายเป็นยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว
หลังจากอีกฝ่ายปล่อยมืออี้เฟิงให้เป็นอิสระ คืนเครื่องเล่นเพลงให้
เทวดา...จริง ๆ น่ะล่ะ
“เอ่อ...มีเหตุผลที่ดีที่จะทำให้ผมไม่งงมั้ยว่า
คุณเดินมาบอกชื่อผมทำไม”
หนุ่มหล่อนามหยางหยางคนนั้นยิ้มออกมาก
หล่อเหลาแสนเท่ในสายตาอี้เฟิงมากมาย จนเขาต้องยิ้มเขินตามคนคนนี้ไปด้วย
เขายกมือเกาท้ายทอย เขากำลังเขินหรือ ?
“เห็นคุณจากฝั่งโน้นแล้ว
คิดว่าผมควรมายืนตากฝนกับคุณ.”
หา ?
อี้เฟิงเลิกคิ้ว
ต้องประหลาดใจอยู่แล้ว
เหตุผลคือออะไรอย่างนั้นหรือที่เขาจะและคนคนนี้ต้องมายืนตากฝนข้างกัน
แต่ยังไม่ทันให้เขาตอบอะไรกลับมา
รถคันหนึ่งที่ขับมาด้วยความเร็ว รถคันนั้นไม่หลบแม้กระทั่งแอ่งน้ำขังบนถนน
จึงขับตรงและพุ่งพาดผ่านแอ่งน้ำทำให้น้ำในแอ่งสาดกระเซ็นขึ้นมา
อี้เฟิงมองเห็นแล้วแต่คิดว่าน่าจะเปียกลับบ้านไม่มากก็น้อยแน่ ๆ ดวงตากลมโตหลับปี๋
อย่างน้อยน้ำนั่นก็ไม่ควรกระเซ็นเข้าตา
แต่เขาไม่เปียก..ซักนิด
“เอ่อ..”
หนุ่มคนนั้นทำอะไรที่อี้เฟิงไม่อยากเชื่อ
อย่างกับถอดแบบมาจากนิยาย เขาเอาตัวมาบังน้ำที่กำลังจะกระเซ็นมาทางอี้เฟิง
เบื้องหลังของเขาเปียกปอนไปหมด ชุ่มน้ำ ร่างที่ถูกบังเบี่ยงตัวไปดูสภาพ ไม่ไหว
เปียกขนาดนี้ ใบหน้าหวานยู่หน้าอีกครั้ง แล้วเงยหน้ามามองพระเอกนิยายของตัวเอง
“เปียกไปหมดเลย
คุณหยางหยาง ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลยครับ”
“แต่เห็นคุณเปียกแบบนั้นก็ไม่ดีเหมือนกัน”
ไร้เหตุผลอีกแล้ว
ผู้ชายคนนี้ ตอนนี้ที่รอรถบัสประจำทางฝั่งของอี้เฟิงไม่มีใครแล้ว
มีเพียงเขาสองคนเท่านั้น เหตุการณ์นี้จึงไม่มีใครสังเกตเห็นมากนัก
อี้เฟิงมองผู้ชายคนตรงหน้าอีกรอบ ไม่เข้าใจว่าเขาจะสุภาพบุรุษกับบุรุษเหมือน ๆ
กันอย่างอี้เฟิงทำไม
“คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้กับคนที่เพิ่งรู้จักกัน”
“ผมรู้จักคุณก่อนหน้านี้แล้ว
ไม่เช่นนั้นผมจะตกหลุมรักคุณได้อย่างไร”
หา ?
“ผมมองตาคุณจากฝั่งตรงกันข้ามตรงนั้น
เรารู้จักกันแล้วสำหรับผม และคิดว่าผมต้องรักคุณอย่างแน่นอนหากรู้จักกัน
ฉะนั้น..ผมควรตกหลุมรักคุณเสียตั้งแต่แรกเจอ และตอนที่เราพบสายตากันวินาทีแรก...”
อะไรรรรร กันเนี่ยยยยยย ผู้ชายคนนี้่ อี้เฟิงโอดครวญในใจ
จากนั้นเขาเอื้อมมือมาคว้ามือนุ่มนิ่มของอี้เฟิง
มือของเขาดู..ปกป้องใครซักคนได้ แต่เขาก็แค่คว้าเอาไว้
เหมือนแค่อยากสัมผัสเพียงแค่นั้น
“ผมก็ตกหลุมรักคุณแล้ว”
ใบหน้ารูปหล่อนั้นก้มระงับอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง
และกลั้นยิ้มแบบเขิน ๆ เอาไว้..อี้เฟิงไม่เข้าใจหนักขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ปล่อยให้เขาทำอยากรู้เหมือนกันว่าต่อจากประโยคหวานเลี่ยนเหมือนในนิยายแล้วเขาจะทำอะไรต่อ
“คุณรู้มั้ยครับ
การสบตากันในวินาทีก่อนหน้าที่คุณเจอพบผมยืนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ที่ผมเดินมาตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ...เพราะผมรอคุณอยู่”
ยิ้มหวานสดใสปรากฏบนใบหน้าหวานน่ารักที่กำลังเขินด้วยประโยคเสมือนในนิยายที่ถูกพูดด้วยคนในนิยาย
ฟังหวานหู เลี่ยนลิ้น แต่อี้เฟิงชอบมันมาก ในเมื่อมันเป็นประโยคของอี้เฟิง
“คุณกำลังจีบผมอยู่หรือ?”
คนรูปหล่อนามหยางหยางหัวเราะดังออกมาสู้เสียงฝนที่ยังตกไม่หยุด
แถมเพิ่มแรงกระหน่ำหยาดจากฟ้าสู่พื้นดิน เขาเหมือนกำลังประมวลผล
อยากตอบอะไรซักอย่าง
“ครับ”
แต่ก็รับคำออกมาคำเดียว
และยิ้มอีกครั้ง ยิ้มของเขาทำให้ดวงตาของอี้เฟิงพร่ามัวยิ่งนัก
เดี๋ยวก็แกล้งเป็นลมแล้วให้พาไปนอนที่บ้านเลย
พ่อเทวดา
“อย่ามองผมแบบนั้น
คนน่ารัก ดวงตากลมโตของคุณกำลังทำผมหลงใหล”
อี้เฟิงแทบอยากพาเขาไปเดินในร้านหนังสือที่อี้เฟิงทำงาน คำเลี่ยนๆนี่อยู่ในเล่มไหนกัน เพราะอี้เฟิงไม่ค่อยอ่านนิยายรักโรมแนติค
แต่เป็นวรรณกรรมเยาวชนและนิยายสืบสวนที่เป็นเทสของอี้เฟิง
ประโยคเลี่ยนลิ้นนี่จึงไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
“ผมทำงานร้านหนังสือแต่ไม่คุ้นกับประโยคในนิยายแบบนี้
คุณหยางหยางแนะนำหน่อยว่ามันอยู่ในเล่มไหน”
เป็นวิธีการแซวแรง ๆ
กัดเจ็บแบบอี้เฟิงคนเก่ง หนุ่มคนนี้เอาแต่ขำเพราะโดนรู้ทันเสียแล้ว
เขายกมือเกาแก้มอีกครั้ง ขัดเขินแต่ก็ยังรูปหล่อเหลือเกิน
เกินห้ามใจไม่ให้อี้เฟิงตกหลุมรักเขาด้วย
“นิยายของน้องสาวผมที่ซื้อจากร้านที่คุณทำงาน
คุณใส่ถุงห่อให้เธอเอง แต่นั่นเงินผม
เขาเล่าต่ออีกนิดว่าเขาทำงานอยู่บริษัทข้าง
ๆเป็นวิศวกรของบริษัทดังเสียด้วยเพิ่งสร้างตึกที่อยู่ในละแวกเมืองนี้เป้นตึกดังของบริษัทค้าขายชั้นนำ
น่าจะเป็นคนเก่งพอตัว พอเขาเล่าเรื่องราวอย่างย่อ
อี้เฟิงยิ้มหวานใส่ผู้ชายรูปหล่อคนนี้อีกครั้ง
และโค้งคำนับเชิงเหมือนขอบคุณที่เป็นลูกค้าอุดหนุนกัน อีกฝ่ายโค้งตอบ ก็ไม่เข้าใจกันทั้งคู่ว่าจะมาทำอะไรกันแบบนี้ตรงริมถนน
ฝนตกพรำขนาดนี้
“คุณหยางหยางมีร่มรึเปล่า ? “
“ไม่มีครับ
ผมก็ฝ่าฝนอีกฝั่งมาหาคุณ”
“อดโรแมนติคใต้ร่มเลยเนอะ”
คนรูปหล่อมองหน้าหวานยิ้มทะเล้น
เขานึกอยากหยิกแก้มตุ้ยที่อมลมอมยิ้มจนพองลม ดูน่ารักน่าชังในสายตาเขา
อยากดูแลเจ้าของแก้มนุ่มนิ่มนี้จริง ๆ
“ถ้าอย่างนั้น
เราก็มานั่งรอฝนซาด้วยกันมั้ย”
หยางหยางคนนั้นไม่ตอบแต่เขาลากมือให้อี้เฟิงไปนั่งด้วยกัน
พอปล่อยมือ
เขาใช้มือปัดหยดน้ำบนที่นั่งก่อนเชิญให้อี้เฟิงนั่งลงและเขานั่งเก้าอี้ตัวถัดไป
“ฝนซาแล้ว
แต่ถึงเสื้อคุณจะแห้งพอดีแต่อยากแนะนำว่าไปทำตัวให้อุ่น ๆ ที่บ้านผมดีกว่า
หยางหยางเลิกคิ้วแปลกใจบ้าง
คำชวนดูนัยยะเเฝงเร้น ฟังดูน่าสนใจ น่าคิดมากไม่น้อย
“เเค่ทำตัวให้อุ่น
เท่ากับผมจะให้คุณนั่งหน้าฮีตเตอร์ เสื้อโดนน้ำสกปรกจะหาเสื้อเปลี่ยนด้วย
อย่าคิดอะไรอื่นสิ”
คนรูปหล่อยิ้มขำออกมา
เพราะอี้เฟิงพูดเช่นนั้นจะไม่ให้คิดอย่างไรไหว คนน่ารักยิ้มเขินไปด้วยก็เพราะเพิ่งคิดออกว่ามันก็ฟังดูน่าอายที่พูดอะไรแบบนั้นกับคนที่เจอกันไม่นาน
ทั้งคู่นั่งข้าง ๆ
กัน และรอให้ฝนนี้ผ่านไป ดูยาวนาน เพราะอาจจะมีพายุเข้า ไม่มีทีท่าจะซาหยุดไป
แต่อี้เฟิงยินดีให้ตกแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จัง
แทบไม่อยากให้หยุดแต่เดี๋ยวน้ำจะท่วมเมืองเสียก่อน
อี้เฟิงหันมองคนข้าง
ๆ แน่นอนอี้เฟิงคิดอยู่แล้วว่าเจอสายตาคมกริบมองอยู่แน่นซึ่งก็จริง
คนน่ารักถอนหายใจเบาหวิว ก่อนปลดหูฟังที่ค้างอยู่ที่หูของอี้เฟิงข้างหนึ่งส่งให้
“มาฟังเพลงกัน”
มือแกร่งที่ดูอบอุ่นรับหูฟังข้างนั้นไป
ก่อนจะเชิญให้อี้เฟิงเป็นคนเลือกเพลง อี้เฟิงเลือกฟังเพลงสบาย
ๆเป็นเปียโนบรรเลงท่ามกลางสายฝน
“คุณอี้เฟิง”
“อื้อ”
“เรื่องที่ผมตกหลุมรักคุณ
นั้นเป็นเรื่องจริง”
“ไม่รู้สิ
ไม่เห็นเข้าใจเลย แบบนี้ไปเล่าที่บ้านยาว ๆ จะได้เข้าใจ”
หยางหยางยิ้มอีกครั้งเขาถูกชวนไปบ้านสองรอบแล้วก็ควรต้องตอบสนอง
อี้เฟิงอมยิ้มแก้มป่องไปแล้วที่จริงก็ที่ชวนผู้ชายแปลกหน้าไปบ้าน มันก็แปลก ๆ แต่เผลอใจไป
เผลอพูดไปแล้วด้วย คิดเสียว่าตอบแทนที่เป็นพระเอกให้อี้เฟิงเมื่อครู่นี้แล้วกัน
หลังจากนั้น
มือเรียวสวยข้างหนึ่งของอี้เฟิงยกขึ้นมาช้าทุบเบา
ๆ ตรงอกด้านซ้าย
หยางหยางพอรู้ว่าจะพูดถึงอะไร..
“เสียงดังจังเลยว่ามั้ย ?”
“ครับ
ผมก็คิดแบบนั้น”
“แต่จากผมดังกว่าคุณนะ คุณหยางหยาง”
“จะแข่งกันหรอ คุณอี้เฟิง”
แม้เสียงฝนและเสียงเพลงจะดังก้องในหูแต่เสียงหัวใจของทั้งสองคนดังกว่านั้น
เราชอบเรื่องเน้ จริงๆแล้วชอบฟิคฝนของคุณเวย์ทุกเรื่องเลยค่ะ ฮือทำยังไงดี
ตอบลบที่จริงบรรยากาศแบบ love at first sight นี่เราว่ามันโรแมนติคในตัวมันอยู่แล้วด้วยค่ะ
แต่ทีนี้พอมีฝนด้วยมันก็เลยดูโรมานซ์หนักเลย ;////; แพ้อะไรยังงี้มากๆ
อีกอย่างก็คือเราชอบฟีลการมองหน้ากันจากไกลๆ แต่บังเกิดความประทับใจมากค่ะ
ฮืออ แล้วเรื่องนี้หยางจะหล่อไปไหน หล่อไปเพื่อใคร หล่อทำไม ใครบอกให้หล่อหาาาา
ปล. ประโยคที่หยางพูดนี่เสี่ยวมาก 555555555
ปล2. แต่ก็ชอบนะคะ กริ๊บกริ๊วใจดี 5555