TITLE : [Fic] THISMAN
CHAPTER : 8 'คนคนนี้ร้าวราน'
PAIRING : YANGYANG x
LIYIFENG
RATE : NC – 17 หรือมากกว่านั้น
RATE : NC – 17 หรือมากกว่านั้น
“ปวดหัวชะมัด”
หลังจากพี่สาวผู้จัดการแจ้งข่าวนั้นให้ทราบ ข่าวใหญ่สำหรับชีวิตนักแสดงของหยางหยาง
การย้ายบริษัทเป็นเรื่องใหญ่ เพราะถือเป็นการเริ่มต้นใหม่
กับอะไรที่ต้องไปเผชิญหน้า จากที่เขาอยู่ใต้ร่มชายคาบริษัทใหญ่งานจึงเข้ามาไม่ขาดสาย
และสาเหตุที่ทำให้เขาและต้นสังกัดเดิมที่อยู่ต้องแยกกัน
ก็เพราะทีมงานทั้งหมดที่เขาอยู่ร่วมทีมกันมาตั้งแต่แรก ไม่สามารถสานต่อความสัมพันธ์อันดีกับต้นสังกัดใหญ่ได้
เป็นปัญหาที่พวกผู้ใหญ่เขาจัดการกันมา
และหยางหยางนั้นเป้นผู้รับสารและทำตามเท่านั้น เขาแค่เด็กอ่อนประสบการณ์
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำตาม
เขาจะต้องออกไปผจญโลกใหม่
วงการบันเทิงที่โหดร้าย
แต่อย่างน้อยก็ยังมีทีมงานเดิมที่คอยห่วงใยและดีกับเขา ไม่รู้ว่าพี่ ๆ
ไปร้ายกับใคร นั่นเขาคงไม่สนใจมันหรอก
แค่พี่ ๆ ทีมงานดีกับเขา แค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว
“อืม...”
เรื่องต่อไปที่หยางหยางคิดต่อ
ที่จริงแล้วมันรบกวนจิตใจหยางหยางอยู่มาก แต่หยางหยางพยายามไม่คิดถึงมัน
นำเรื่องอื่นมาคิดและปัดมันลงซอกความทรงจำ
และในที่สุดเขาก็หมดเรื่องครุ่นคิด
ในที่สุดเรื่องนี้ก็กลับมาเป็นประเด็นให้ปวดหัวอีกครั้ง
หลี่อี้เฟิง
หลังจากนี้อีกไม่กี่เดือน หลี่อี้เฟิงก็จะกลายเป็นเส้นขนานกับเขา เพราะถ้าหากแยกบริษัทกันไป และตั้งแต่บริษทัใหม่ก็คงจะกลายเป็นคู่แข่งซึ่งกันและกัน จนไม่สามารถร่วมงานได้ หรือแม้แค่เฉียดมองหน้ากัน ก็ยังทำไม่ได้
อาจจะเป็นประเด็นใหญ่จนพวกเขาต้องโดนสื่อรุมถามจนไม่เป็นอันทำอะไร
หยางหยางเป็นห่วงที่สุดคือตัวเขาเองที่อาจจะระเบิดอารมณ์เพราะคำถามพวกนั้นเมื่อไหร่ก็ได้ รู้ตัวเองดีว่าไม่สามารถคสบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีนัก
ไม่เหมือนหลี่อี้เฟิงคนนี้ที่เก่งเหลือเกินเรื่องเสแสร้งหน้ากล้องต่อคนทั้งโลก
ว่าเขาก็ปวดใจเอง....หยางหยางยกมือแตะที่หน้าอกเขา
รู้ว่าตรงที่หัวใจปวดหนึบขึ้นมา เขารู้สาเหตุดีว่าเป็นเพราะอะไร อายุเขาก็ไม่ไดน้อยไม่ได้ด้อยประสบการณ์ขนาดนั้น
เขาคิดว่าเขาน่าจะมีความรู้สึกพิเศษอะไรบางอย่างกับหลี่อี้เฟิงคนนี้เสียแล้ว
แต่เขายกความรู้สึกนั้นทิ้งไป และบอกว่า
มันดีเสียอีกที่จะได้ไม่ต้องเจอกันอีกหลังจากนี้ เป็นเส้นขนานไปเลย
เห็นแค่ในโซเชี่ยล หรือแค่ปายโฆษณาก็เอียนหน้ากันแทบไม่อยากจะมอง
แต่ยิ่งคิดเช่นนั้น หัวใจของหยางหยางยิ่งแย่ลง
“หยางหยางถึงคิวแล้ว”
ดารารูปหล่อนอนคิดทุกอย่างในห้องพักของเขาเอง
วันนี้ก็คงเป็นวันสุดท้ายที่เขากับหลี่อี้เฟิงจะได้เจอกัน คนคนนี้ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกไปมากกว่าเกลียด...เขายืนยันกับตัวเอง
และหลังจากนี้ก็ยังคงความรู้สึกนี้ไปตลอด
หยางหยางหวังว่าตัวเองจะไม่เป้นซาตานที่อ่อนแอ
และพ่ายแพ้เพียงแค่รอยยิ้มเดียวของเทพบุตรหลอกลวง
เขาจะทำได้หรือเปล่า
“ทางนี้หยางหยาง”
ผู้กำกับที่อยู่ในจุดรอเตรียมพร้อมถ่าย
วันนี้เป็นวันปิดกล้องของละครเรื่องนี้ จึงมีสื่อเข้ามาทำข่าวกันมากพอสมควร
หลากลหายช่องก็อยากจะได้ภาพจากกองถ่ายละครนี้กันไปทั้งนั้น เพราะรวมดาราชื่อดังไว้มากมาย
และเป็นละครจากนิยายดัง
ฉากวันนี้เป็นฉากที่จะต้องนำไปใช้ในปฐมบทของเรื่องราวทั้งหมดของละคร
จากการอ่านบทแล้วเขาจะต้องเข้าฉากกับหลี่อี้เฟิงคนนั้นทั้งหมดในส่วนของคิวแสดงของเขาเอง
วันสุดท้ายแล้วก็ทนเอาหน่อยแล้วกัน
ในที่นี้ที่ว่าทน
เขาเองก็ไม่รู้ว่าทนกับอะไรกันแน่
“ฮัลโหล สวัสดีทุกคน อี้เฟิงมาแล้ว!”
หยางหยางส่ายหน้ากับคำทักทายที่ดูแสร้งว่าสดใส
รอยยิ้มนั้นมันโกหกทั้งเพ
ถึงแม้ว่าเขาจะตกหลุมพรางรอยยิ้มนั้น
แต่เชื่อเถอะว่าหยางหยางยังคงไม่ชอบใจกับความหลอกลวงของรอยยิ้มจอมปลอมนั่น แต่เขาไม่ปฏิเสธว่าหัวใจของตัวเองหน่วงหนักเหลือเกิน เหมือนอยากให้มันดำเนินไปต่อ
การต่อสู้ของซาตานและเทพบุตรนี้
เพราะหลังจากนี้
การแยกไปอยู่ในบริษัทใหม่
ก็เท่ากับการพบกันของทั้งสองจะกลายเป็นศูนย์แล้วนับจากนี้
หรืออาจจะเป็นเพราะหยางหยางคิดถึงเรือนร่างชวนฝันนั่นก็ได้ การร่วมรักกับหลี่อี้เฟิงเป็นอะไรที่น่าจดจำ
ทุกอย่างและทุกส่วนสัดของหลี่อี้เฟิงล้วนติดตาตรึงใจหยางหยางทั้งสิ้น
ทำเอาเขาลืมความเร่าร้อนของหนุ่มสาวที่เคยผ่านมือเขาทุกคนมาทั้งปวง และความคิดก็วนอยู่แต่กับเทพบุตรคนนี้ นี่ล่ะ หยางหยางคิดว่านี่เป็นความร้ายกาจของเทพบุตรหลี่อี้เฟิง
พอหันไปมองดูคนคนนี้ที่กำลังร่าเริงจนน่าหมั่นไส้ หยางหยางก็พบว่าเขามีช่วงเวลาไว้เพื่อจ้องจับผิดคนคนนี้มากเกินไปเสียแล้ว
เผลอก็ต้องมองเขา มันมากเกินไป
บางทีหยางหยางควรเลิกคิดเรื่องหลี่อี้เฟิงก่อนจะมีเขาไปก่อกวนในความครบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
ชั่วครู่หนึ่งที่ได้สบตาตาเขา
หลังจากที่หยางหยางลอบมองหลี่อี้เฟิงจากที่ไกล ๆ อยู่นาน
สายตาอีกฝ่ายก็มาพบกับหยางหยางกลางอากาศ
หยางหยางถามคำถามกับตัวเองว่าทำไมไม่เสหลบหรือหนีสายตานี้ไป ส่
งสายตาแบบนั้นมา หลี่อี้เฟิงเขาต้องการสื่ออะไร หยางหยางไม่อาจล่วงรู้ได้ แต่แววตานั้นมีความหมายมากกว่าที่เห็น
และเพียงนั้นทั้งคู่ก็หันหลบไปพร้อมกัน
หลังจากนั้นก็เป็นการเข้าคิวการแสดงของทั้งคู่
“แอคชั่น!”
ซึ่งในฉากสุดท้ายนี้เป็นฉากที่พี่จั่วและอี้เฟิงได้ต่อสู้กันมาพักใหญ่มีกลุ่มชายคนร้ายวิ่งไล่หลังตามมา
และเขาก็เป็นคนไปช่วยให้เหตุการณ์นั้นคลี่คลายไป จุดใหญ่ของฉากนี้ก็คือการพบกันของตัวละครเขาและตัวละครหลี่อี้เฟิงในเรื่อง
ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะเริ่มในตอนที่หนึ่งในละคร
ช่วงที่ถ่ายทำมีเวลาเนิ่นนานที่ให้มองตากัน
เพื่อไม่ให้ผิดพลาดจึงจำเป็นต้องซักซ้อมคิวกันก่อน
โดยมีพี่จั่วคอยยืนช่วยทั้งคู่
ในตอนนั้นไม่มีบทพูดอะไรไปมากกว่าไถ่ถามว่าเป็นใครมาจากไหน ซึ่งเป็นบทของหลี่อี้เฟิง
และเป็นทีของหยางหยางที่จะต้องหันไปมองหน้าตาเขา และเมื่อซ้อมตามบทไป บรรยากาศของหลี่อี้เฟิงและหยางหยางดูเหมือนจะเป็นบรรยากาศที่อ่านไม่ออก นักแสดงรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ
ไม่กล้าแม้แต่จะขัด
เพราะเมื่อทั้งคู่สบตาสายตากัน มันเหมือนมีอะไรกันมากกว่านั้น แต่ไม่สื่ออกมาทางอื่นเลย นอกจากสายตา
หยางหยางก็ไม่รู้ว่าเขาบอกความรู้สึกอะไรผ่านสายตาส่งไปหาหลี่อี้เฟิง
และ เพราะอีกคนนั้นส่งสายตาที่เขาไม่เข้าใจมาให้เหมือนกัน
อ่านได้คือความหน่วงหนักในใจเมื่อได้รับรู้สายตา เมื่อหมดเวลาซ้อม และเข้าฉากจริง
มันเนิ่นานกว่าที่ซ้อมไว้ และสายตานั้นก็หน่วงหนักยิ่งกว่าเดิม
จนเมื่อหมดคิวนั้น
หยางหยางก็จะต้องเดินจากหลี่อี้เฟิงและรุ่นพี่อีกคนในฉากนั้นไป หันหลัง
และไม่กลับมามองเขาอีก
พอได้ถ่ายฉากนี้จริง ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็เข้ามาปะปนด้วย ทำให้บรรยากาศรอบตัวของหยางหยางในขณะถ่ายทำมันดูแปลกไป
จนผู้กำกับมาทักว่า
อย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวมาใส่ในฉาก แต่เขาก็ไมได้ถ่ายใหม่
เพราะที่ถ่ายไปนั่นก็พอดีแล้ว
หยางหยางก็กลั้นความรู้สึกส่วนตัวได้พอดีไม่มากไม่น้อยเกินไป ที่จริงผู้กำกับไม่อยากให้เกิดขึ้น
แต่เพราะคนที่รับบทตัวละครหนึ่งที่หยางหยางเดินจากมาเป็นหลี่อี้เฟิง นั่นกำลังพอดี
พอดีที่หยางหยางจะใช้ความรู้สึกนั้นสร้างสายสัมพันธ์กลางอากาศกับอีกคนในละคร
ถือว่าเป็นผลพลอยได้ให้คนดูซึมซาบกับเรื่องราวและระหว่างตัวละครด้วย
เมื่อเดินหันหลังจากมาแบบนั้น
แม้เป็นแค่ในละครก็ยังรู้สึกร้าวราน...เขาอาจจะใช้คำนี้ได้ หยางหยางกำลังคิดว่า
หัวใจของเขาเหมือนแก้วใบนึงที่ดูบอบบางเหลือเกิน
THISMAN
“ขอบคุณดูแลกันมา หลังจากนี้ก็คงไมได้เจอกันแล้วนะ”
“ก็หวังว่าเราจะไม่มาทับไลน์
ทับที่ทางหรือเส้นทางอนาคตกันและกันหรอกนะ ฉันก็จะพยายามไม่ให้มีเรื่อง”
“นั่นมันก็แล้วแต่ฝั่งคุณว่าคุณจะทำอย่างไรเมื่อจะต้องเผชิญกับพวกเราทุกคน
แต่เอาเป็นว่า..ลาก่อน”
บทสนทนาระหว่างหัวหน้าทีมงานของทั้งหยางหยางและหลี่อี้เฟิง
ภายหลังงานเลี้ยงปิดกล้องเล็ก ๆ กันภายในกอง หลังจากที่ถ่ายทำกันเสร็จ
หยางหยางและอี้เฟิงก็ไมได้พบหน้ากันอีกเลย จนเข้างานเลี้ยงเล็ก
ๆมาก็ต้องไปพบปะกับทีมงานทุกคนที่ทำงานกันมา
เป็นไปตามมารยาทที่เด็กอย่างพวกเขาควรทำและในที่สุดก็มาเจอกันในช่วงสุดท้ายหลังงานเลิกรา
และก็ต้องเลิกรากันจริง ๆ
ซึ่งในเมื่อทีมงานของพวกเขาสองคนสั่งลากันแบบนั้น ดูท่าทางไม่ได้มีเยื่อใยอะไรด้วยกันเลย หยางหยางกับอี้เฟิงรู้ดีว่ามันเกิดจากทั้งเรื่องทางธุรกิจ
และเรื่องความไม่เข้าใจกันในเรื่องการทำงานที่มีความเห็นไม่ตรงกัน
และนั่นทำให้ทีมงานของหยางหยาง ขอแยกตัวออกมาและตั้งบริษัทและบริหารตัวเอง
ที่จริงพวกเขาได้เตรียมกันมาล่วงหน้าแล้วพักใหญ่แลต่ได้คุยกับหยางหยาง
เกริ่นมาเรื่อยและวันนี้ก็เป็นของจริง สั่งลากันและคงไม่เจอกันอีก นอกจาก
ตามงานใหญ่ ๆ บ้างบางครั้งที่จำเป็นต้องส่งเด็กในสังกัดของตัวเองไป
“ขอให้โชคดี”
“เช่นกัน”
หัวหน้าทีมทั้งสองฝ่ายบอกลากกัน และส่งสายตาประจันกันซึ่ง ๆ หน้า
พวกเขาต่างรู้ไส้รูพุงกันหมดแล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีอะไรต้องปิดบังกัน
เพราะทำงานกันมาหลายปี
และถึงทีจะแยกย้ายกันไปก็ต่างมีพันธะที่จะต้องปิดเรื่องของอีกฝ่ายกันและกันไว้
ก็ถือเสียว่า เป็นเพื่อนเก่าไม่เอาไปแฉ
หยางหยางมองดูทั้งสองฝ่ายปะทะคารมกัน แม้ไม่อยากฟังก็เข้าหูมา
เขาเสหลบไปอย่างไม่สนใจ และหันไปพบกับหลี่อี้เฟิงที่เสมองไปทางอื่นเช่นกัน
เขายืนอยู่หลังผู้จัดการหญิงคนสนิทอีกคน
และไม่นานตากลมดตคู่นั้นก็หันมาทางหยางหยาง
และนั่นเป็นการสบตาซึ่งหน้ากันและกันครั้งสุดท้าย
เหมือนบอกลากันทางสายตาแล้ว
แววตาที่มองหยางหยางคิดว่าอีกฝ่ายรู้สึกเหมือนกันกับเขา แต่ไม่รู้ว่ามันมีความหมายว่าอะไร
จนในที่สุดเราก็หันหลังให้กัน
THISMAN
หลังจากนั้นเขาไมได้เจอหลี่อี้เฟิงเป็นเวลานาน
ให้นับตอนนี้ก็เป็นเดือนที่สามแล้ว หลังจากที่บอกลาผ่านสายตาและความหมายในแววตาของทั้งคู่ไม่ออกเลยจนถึงตอนนี้
บอกได้เลยว่าเขาคิดถึงหลี่อี้เฟิง จะเป็นคิดถึงในแง่ไหนก็ช่างมันแล้ว
แต่ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ได้พบและสัมผัสร่างนั้นกับมือตัวเองซักครั้ง
ก็อาจจะผ่อนความคิดถึงไปบ้าง หรืออาจจะเป็นบ้ามากกว่าเดิม
เขาเรียกได้ว่าเขากำลังจะเป็นบ้าก็เพราะหลังจากที่แยกกัน
หยางหยางมีตารางชิวิตที่เปลี่ยนไป เขาไมได้พวกสังคมจัด ๆ เหมือนเมื่อก่อน
ไม่ควงหนุ่มสาวไม่ซ้ำหน้าขึ้นเตียงเป็นว่าเล่นให้นักข่าววิ่งหาตัวจับภาพกันให้วุ่น
ไม่ออกไปเที่ยวไม่หนีไปไหนจนผู้จัดการตามตัวไม่ได้
ตอนนี้จะร้ายแรงที่สุดก็คงจะเป็นการอยู่กับบ้านระหว่างที่เขาไม่มีงาน
มีงานก็ไปทำงานตามปกติและตรงกลับบ้านเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
และเมื่อมีวันหยุดยาวสิ่งที่เขาทำก็คือ
ดื่มเหล้าเบียร์อยู่กับบ้านเปิดอะไรดูไปแก้เซ็ง และจินตนาการ
ที่บอกว่าเปิดอะไรดูก็มีหลายอย่างแต่หลายอย่างนั้นทุกอย่างจะถูกก่อกวนโดยหลี่อี้เฟิง
และสุดท้ายมือของเขาก็มักจะไปกดเปิดข่าของคนคนนี้ดู
รูปภาพที่อยู่ในสื่ออนไลน์ทุกสื่อ
เผลอกดเซฟเก็บไว้บางรูปที่สามารถเอาไปจินตนาการได้
เขาจินตนาการว่าเขากับอี้เฟิงคนนี้อยู่ด้วยกันตราบนานเท่านาน ทำอะไรตามต้องการ
ได้ยินเสียงครางหวานหูและเขาดูมีความสุขกับการมอบการปรนเปรอให้
แค่จินตนการถึงหลี่อี้เฟิงหยางหยางก็เสร็จและจัดการตัวไปได้แล้ว
และรวมกับรูป เสียง และคลิปที่เก็บไว้ เขายังไม่เอาไปเผยแพร่ให้ใคร และจะไม่มีวันทำแบบนั้นอย่างที่เคยคิด เขาไม่อยากให้ใครได้เห็นหรือได้ยิน
เรือนร่างแสนสวยและเสียงหวานปานน้ำผึ้งของอี้เฟิง
จะใครก็ไมได้ทั้งนั้น
มือถือและเครื่องเพลงสองอย่างนี้จึงเป็นสมบัติสุดหวงของหยางหยางไป
ชนิดที่ใครก็ห้ามยุ่งวุ่นวาย แม้จะเป็นผู้จัดการสาว
แม้บางครั้งที่เธอสงสัย
แต่สุดท้ายก็คิดว่ามันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของหยางหยาง
แต่แค่จินตนการมันไม่พอเติมเต็มความต้องการให้กับเขา
และไม่มีอารมณ์จะไปหาใครที่ไหนมาปลดปล่อยอารมณ์นี้ด้วย
เขาไม่รู้สึกคล้อยตามและอยากทำแบบนั้นกับใครซักนิด ไม่ต้องถึงขนาดมองหน้า ถ้าหากหยางหยางไปมีสัมพันธ์กับใคร ๆจะชายจะหญิง
แค่แตะผิวกายก็รู้ได้แล้วว่านี่ไม่ใช่คนของเขา ไม่ใช่เรือนร่างที่ฝันหา และพาลจะอารมณ์เสีย
ตัดปัญหาโดยการมาจินตนการเอา
ก็ดีกว่าไปทำร้ายร่างกายคนอื่นเอาความต้องการไปลงกับใครเพราะถ้าเขาโมโหแล้ว
หยางหยางก็จะเป็นคนที่รุนแรงมากไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ ณ ขณะนั้นและเรื่องบนเตียงก็ด้วย
“ถ้าได้พบซักครั้ง..ก็ดี”
หยางหยางบ่นแบบนี้อยู่หลายครั้ง หลังพบว่าคิดถึงเขาขนาดไหน
ไม่รู้ว่าตอนนี้เขายังรู้สึกเกลียดหลี่อี้เฟิงเท่าเดิมอยู่หรือไม่
เพราะบางความรู้สึกที่แทรกกลางเข้ามาในความเกลียดนั้น มันเริ่มขยายวงใหญ่ขึ้นเรื่อ
ย ๆ ในตอนนี้ไม่รู้วงใหญ่ขนาดไหน
เหมือนเป็นโรคร้าย
“บ้าเอ๊ย”
ใบหน้าหล่อก้มซุกใบหน้าลงกับฝ่ามือ เขานั่งอยู่กับพรมที่ปูบนพื้น
นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยในวันว่าง มีเหล้ามีหนังสือ และมือถือก็พออยู่ได้
แต่นั่งไปซักพัก หลี่อี้เฟิงก็เข้ามาวนเวียนให้ความคิดของเขาอีก ตอนนี้เขาจวนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
“หืม? ใครโทรอะไรป่านนี้”
เขาบ่น
เพราะว่าเวลานี้ก็เป็นยามค่ำคืนที่ควรจะเลิกงานกันแล้ว
ถ้าเป็นเรื่องงานหยางหยางก็จะกดรับและด่าลงสายไปซักครั้ง
แล้วก็วางสายไป แต่นี่เป็นสายจากพี่ชายที่เคยร่วมงานกัน เขานึกแปลกใจที่พี่ชายคนนี้โทรมาหา
“ครับ เหว่ยถิงเกอ หยางหยางพูดครับ”
“เออ สวัสดี หยางหยาง ไม่เจอกันนานเลยนะ”
หลังจากรับสายก็พอรู้ว่าวันนี้เหว่ยถิงเกอก็ว่างอยู่เหมือนกัน
และมีน้ำใจที่จะชวนเขาไปนั่งดดื่มกัน ที่ไหนซักที่ซึ่งยังคิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหนดี
หยางหยางเสนอเป็นบาร์ของเพื่อนเขาที่อยู่ใกล้ ๆ คอนโดของหยางหยาง
และไม่ไกลที่จากที่พักของเหว่ยถิงมากเท่าไร่นัก
“ก็ดี ไม่ไกล กลับกันง่ายหน่อย เพื่อนายด้วย
ใครเมามากก็จะได้มีคนไปส่ง “
“ตามนั้นนะครับ ว่าแต่พี่นี่รู้ใจผมจริง ๆ กำลังเบื่อ ๆ อยู่เลย”
เขาสารภาพบอกว่าช่วงฟุ้งซ่านไปมาก ก็เลยอยากอะไรเปิดหหูเปิดตาบ้าง
เหว่ยถิงเหมือนจะมีใครอยู่ด้วยหลายคน แสดงว่าวงสนทนาวันนี้ก็อาจจะค่อนข้างใหญ่
“พอดีก็คุย ๆกันในไลน์ นายก็ไม่เห็นตอบอะไรเลย ไม่ได้อ่านหรือ?”
“ไม่เปิดอะไรเลยครับ
ผมก็ดูหนังอยู่ที่บ้านไม่ได้แตะมือถือเลย จนมันมีเสียงที่เกอโทรเข้ามานี่ล่ะ”
“ก็เออ ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง
ได้ข่าวช่วงนี้หมาป่าหยางหยางไม่ค่อยออกท่องราตรี
แต่วันนี้แค่ดื่มนะเว้ยไม่มีต่อ
พรุ่งนี้มีงานเช้า ฉันยิ่งมีกรณีไม่ได้เลย
“
หลังจากนั้นก็มีร่ายชื่อคนที่จะไปด้วย
เหว่ยถิงนึกไปมาทีละคนและบอกหยางหยางผ่านปลายสาย
“มีเจ้าฮั่น ป๋อหรัน เอ้อ อี้เฟิงก็มานะ นายสองคนก็น่าจะรู้จัก
สนิทกันดีอยู่แล้ว”
“เอ๋?? ...รุ่นพี่อี้เฟิงน่ะครับ”
“อือ ก็เจ้านี่มาบ่นใส่ว่าเบื่อนั่นเบื่อนี่ แล้วทุกคนก็สมทบกันมา
บอกว่าไปหาที่ดี ๆ ดื่มกัน ก็กเลยก็เป็นงี้ ก็เลยโทรมาชวนนายไง”
จากที่ลังเลเมื่อก่อนหน้า แต่ตอนนี้หยางหยางตอบรับเหว่ยถิงอย่างมั่นใจ
และกดวางสาย เขาตรงไปแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน และออกไปตามคำชวนโดยทันที
เพราะมีหลี่อี้เฟิงอยู่ที่นั่น
หัวใจเขาออกไปก่อนที่ร่างกายจะก้าวออกจากห้องไปเสียอีก
THISMAN
หยางหยางมาถึงก่อนทุกคน เพราะเป็บาร์ของเพื่อนตัวเอง
เส้นทางที่มาจึงรวดเร็วและไม่ผิดพลาด
เหมือขบวนที่นำโดยเหว่ยถิงจะมาช้ากว่าหน่อยเพราะหลงทาง
วันนี้หยางหยางปรากฏตัวด้วยเสียงกรีดร้องของสาว ๆ ในบาร์
กริ๊ดออกมากันอย่างไม่อาย
แค่เชิ้ตขาวเรียบพับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอกกับสแลชดำ หยางหยางไม่ลืมที่จะคว้าแจ็คเกตสีดำหนังอย่างดีของตัวเองมาด้วย เขาถอดมันออกก่อนจะเข้าบาร์มา
สาวน้อยใหญ่หนุ่มน้อยทั้งหลายมองเขาเป็นตาเดียว
วันนี้เขามั่นใจเป็นพิเศษ พิถีพิถันการแต่งตัว เพราะใครบางคน
“หยางหยาง!”
เหว่ยถิงและคนอื่น ๆ มาพร้อมกันแล้ว
เมื่อเปิดประตูเข้ามา สาวๆก็ได้กริ๊ดกับอีกรอบ
เพรามีดาราหนุ่มเหมือนจะรวมทั้งวงการเข้ามานั่งที่บาร์นี้ก็ถือเป็นแจคพอตของพวกเธอแต่เจ้าของบาร์เพื่อนหยางหยางกล่าวว่า
ออกจากร้านไป พวกเธอต้องไม่เอ่ออะไรที่เห็นในบาร์นี้ เพื่อแลกกับลายเซ็นของหนุ่ม
ๆทุกคน ซึ่งพวกเธอก็รับคำอย่างดีและคอยมองหนุ่ม ๆ สุดหล่อกันไม่คลาดสายตา
ใครบางคนที่เขาแต่งตัวอย่างพิถีพิถันเพื่อมาพบเขา อีกคนก็คงเตรียมตัวมาอย่างดีไม่แพ้กัน
วันนี้หลี่อี้เฟิงดูเปล่งประกายและเย้ายวนในสายตาหยางหยางเป็นอย่างยิ่ง
เพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีดำ เมื่อเขาใส่แล้วตัดกับสีผิวขาวเนียนนั้น
กางเกงยีนส์รัดรูปจนเผยสัดส่วนช่วงล่างที่ชวนให้สัมผัส
แค่ชุดธรรมดาไม่ได้มีอะไรตบแต่งมากมาย เพราะเขาเปล่งประกายอยู่แล้ว แต่เสื้อเชิ้ตดำนั้นทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมาด้วย
แถมยังเย้ายวนด้วยการติดกระดุมแค่เพียงสามสี่เม็ด ปล่อยให้กระดุมเม็ดแรก ๆ
คาไว้ที่เสื้อแบบนั้น
เผยให้เห็นผิวขาวบางส่วนของเนินอกที่หยางหยางเคยทำรอยรักเอาไว้
เขามองแล้วก็คิดถึงเมื่อครั้งได้เล่นสนุกกับร่างกายนี้ หยางหยางเผลอมองอี้เฟิงอย่างไม่ละสายตา
อี้เฟิงหันมาพบกันสายตานั้นก็เสหลบไปทางอื่น และเข้าไปหลบหลังเหว่ยถิง
เหมือนกลัวเขา
หยางหยางเริ่มไม่สบอารมณ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
“แล้วแกเป็นยังไงบ้างหยางหยาง ช่วงนี้”
“ก็เรื่อย ๆ ล่ะครับ”
“ก็เริ่มดังแล้วนี่หน่า งานก็มาเองล่ะ เรื่อยๆ ที่ไหนแกก็ถ่อมตัวไป”
เหว่ยถิงพูดไปเรื่อย ๆ กลั้วเสียงคุยต่อสนทนาของ จางฮั่น เฉินเสียง
ป๋อหรัน เทียนอวี่ และอี้เฟิงที่ร่วมวงสนทนาปนแอลกอฮอลวันนี้
แค่นี้ก็เป็นที่ดึงดูดสายตาสาว ๆจนทำเอาเพื่อนหยางหยางต้องย้ายให้พวกเขาเข้าห้องพิเศษไปเมากับส่วนตัวดีกว่า
ก่อนที่สาวจะเป็นบ้าตายกันหมด
“ว่าไปอี้เฟิงกับหยางหยางก็เคยร่วมงานกันแล้วนี่”
“ก็อื้อ แล้วทำไม”
“คุยกันหน่อยดิ๊ เห็นนั่งมองกันไปกันมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว พวกนายว่ามั้ย”
“คุยกันหน่อยดิ๊ เห็นนั่งมองกันไปกันมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว พวกนายว่ามั้ย”
เหมือนเทียนอวี่จะเริ่มเมาแล้ว ซึ่งคนอื่น ๆก็เหมือนกัน
หยางหยางไม่ได้ดื่มไปมากมายขนาดนั้น
เพราะรู้ตัวเองดีว่าคอไม่ถึงและเขาอยากมีสติไว้เพื่อเฝ้ามองอีกคน รอเวลาเผื่อโชคดีอาจจะสัมผัสกันอย่างถึงใจ อีเฟิงไม่ยอมอยู่ใกล้เขา
และกลับไปติดแจกับเหว่ยถิงที่ดูแลอี้เฟิงเสียดิบดี เขาเองก็ไม่พอใจกันมาตั้งแต่เริ่มปาร์ตี้
ตอนนี้ยิ่งไม่พอใจมากยิ่งขึ้น
“อี้เฟิง อย่าดื่มเยอะหน่า เกอไปส่งอี้เฟิงไมได้แน่ ๆ
ก็เมาด้วยกันเลยเนี่ย”
“เกอดื่มเยอะแล้ว เดี๋ยวอี้เฟิงไปส่งเองก็ได้”
“งั้นนอนบ้านเกอมั้ยล่ะ ?”
เหว่ยถิงพูดทีเล่นทีจริงกับอี้เฟิง ก่อนโอบก่อนน้องสาวแนบแน่น
จนหยางหยางต้องเสหน้าหลบไปทางอื่นเพราะความอิจฉาและหวง เขาจะต้องใช้นี้ เขาหวงเรือนร่างนั้นจริง ๆ เขาอยากสัมผัสร่างนั้นแต่กลับเป็นเหว่ยถิงเกอที่ได้ครอบครองกอดร่างนั้นแค่เพียงผู้เดียวในตอนนี้ คนที่เป็นเจ้าของหลี่อี้เฟิงคนนั้นอย่างแท้จริงก็คือเขาต่างหาก
เมื่อเหว่ยถิงเริ่มเมาหนักขึ้น มือไม้เขาเริ่มไม่อยู่นิ่ง
และผิวลื่นมือของอีเฟิงก็เป็นจุดสัมผัสที่มือของเหว่ยถิงละลามไปทั่ว ทั้งโอบทั้งกอด
เผลอลูบไล้ร่างนั้นก็ดี
หรือบางทียื่นใบหน้าเข้ามาใกล้จนหยางหยางเกือบเผลอตัวเข้าไปผลักอกรุ่นพี่คนนั้นออกไป
เขาชักทนไม่ไหว จะให้ทนนั่งดูคนอื่นสัมผัสหลี่อี้เฟิงที่เป็นของเขาได้อย่างไร
ทั้งที่คนเป็นเจ้าของนั่งอยู่ตรงหน้า แต่คนที่สัมผัสกลับเป็นคนอื่น
อี้เฟิงไม่หันมาสบตากับเขาอีกหลังจากที่เหว่ยถิงเอ่ยทักเรื่องที่นั่งมองกันอยู่ แต่หยางหยางยังมองอี้เฟิงไม่ละสายตาเลย มือแกร่งของหยางหยางกำหมัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
รอให้ระเบิดเวลาทำงาน หากมีอะไรมากกว่าที่เห็นเขาอาจจะระเบิดตรงนี้และแย่งร่างกายนั้นมาโอบกอดเสียเอง
“เกอ เมาแล้วนะ”
“ยังเลย อี้เฟิงคนเก่งของเกอ ดื่มด้วยกัน ๆ”
ทั้งคำสรรพนามที่ฟังแล้วไม่ลื่นหู
หลี่อี้เฟิงออดอ้อนกับคนทุกคนแต่ไม่ใช่กับเขา อาจจะเพราะเกลียด
แต่นั่นก็ทำให้หยางหยางโมโหอยู่ดี แถมสถานการณ์ในตอนนี้ เขาไม่อยากใช้คำว่าออดอ้อน
ให้ว่ายั่วยวนในสายตาเขาเห็นเช่นนั้นมากกว่า
ทั้งสะโพกสวยที่บดเบียดเข้าไปใกล้เหว่ยถิง ไม่เห็นแก่หน้าคนในวงเหล้าที่แซวกันดังสนั่น
รอยยิ้มนั่นที่ยิ้มออกมาอย่างง่ายดายเมื่อถูกใคร ๆแซวเข้า ตากลมโตนั้นเริ่มเฉิ่มเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล อี้เฟิงยังไม่เมาแต่ก็มีบ้างที่สติขาดหายไป
เผลอไปซบไหล่ซุกอกเหว่ยถิง
“เห้ย หยางหยางจะไปไหน”
“ห้องน้ำ เดี๋ยวมา”
หยางหยางทนมองภาพเหล่านั้นต่อไปไม่ไหว
คนคนนี้ไม่ได้สนใจเขาและยังทำยั่วยวนคนอื่นต่อหน้าอีก หยางหยางอยากลงโทษหลี่อี้เฟิงคนนั้นซักครั้งให้หลาบจำว่ามีเขาเป็นเจ้าของก็จะไปทำอะไรแบบนั้นกับใครหน้าไหนไมได้ พอสงบสติอารมณ์แล้ว
หยางหยางจึงเดินออกมาจากห้องน้ำ
เพื่อไม่ให้คนในวงสนทนาสังเกตอาการผิดปกติของเขา
แต่ใจหยางหยางกระตุกวูบเมื่อออกมาพ้นห้องน้ำไม่กี่ก้าว
เขาพบเหว่ยถิงที่กำลังเมาและเริ่มแยกใครเป็นใครไม่ออก
กอดรัดฟัดจูบตรงทางเดินก่อนถึงห้องน้ำ ซึ่งร่างที่ถูกเหว่ยถิงดันให้อยู่ในวงล้อมของแขนแกร่งและกำลังกอดรัดฟัดจูบอยู่นั้นก็คือ
“หลี่อี้เฟิง....”
เขาเอ่ยอฃชื่ออีกคนกับปากด้วยเสียงกระซิบ และสบถออกมาไม่ทิ้งห่างกัน
เขาเดินเข้าไปแยกร่างสองคนนั้นออกจากกัน
เหว่ยถิงที่กำลังเมาไม่ได้สติถูกอุ้มไปโดยเพื่อนของหยางหยางที่เป็นเจ้าของบาร์
เพื่อนของเขาเห็นหยางหยางที่เริ่มโมโห และเริ่มเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนักเมื่อหยางหยางเป็นเช่นนี้
หยางหยางเอ่ยเสียงเรียบให้เพื่อนเขาแจ้งกลุ่มดาราหนุ่มที่เหลือว่าให้กลับกันได้แล้ว
และเขาจะไปส่งหลี่อี้เฟิงเอง เพื่อนของหยางหยางรับคำไปบอกตามนั้น
และเหลือเพียงแค่เขาและหลี่อี้เฟิง
“จะไปไหน”
เสียงทุ้มเอ่ยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงความโมโหไว้เต็มเปี่ยมเหมือนซาตานพิโรธ
อี้เฟิงถูกรั้งแขนไว้ และจับคว้าเอวไว้ด้วยอีกมือจากด้านหลัง
เขาพูดรั้งไว้เช่นนั้น พอสบโอกาสที่เรือนร่างที่คิดถึงได้มาอยู่ในอ้อมอก
เขากอดอีกคนไว้เพียงครู่หนึ่งก่อนจะถ่าโถมความโมโหเป็นการพรมจูบทั่วลำคอขาว ไหล่ลาดแสนสวย
และไล่ไปจนถึงส่วนอื่นที่ใบหน้าหล่อเหลาสามารถไปถึง
“ปล่อยฉันนะ!”
“ตะโกนไปก็ไม่มีประโยชน์ทีนี่เป็นบาร์ของเพื่อนผม จะรอดไปก็ยาก”
อี้เฟิงมองเห็นความอันตรายที่มาเยือน
หลังจากหลายเดือนที่หลีกหนีพ้น เขาไม่สามารถถอยออกไปได้อีกแล้ว
THISMAN
หยางหยางลากถูร่างของอี้เฟิงมาด้วยความทุลักทุเล เพราะอี้เฟิงดิ้นรนจะหนีเขาท่าเดียว
จนต้องรั้งจูบให้ดอีกฝ่ายสิ้นฤทธิ์และอุ้มร่างนั้นขึ้นมา
เขาบอกให้เพื่อนเปิดห้องทิ้งไว้ให้
และบอกเพื่อนว่า รุ่นพี่หลี่อี้เฟิงรู้สึกไม่ค่อยสบายแต่ยังไม่อยากกลับบ้านก็เลยขอพักผ่อนที่นี่ก่อน
เพื่อนของหยางหยางก็ส่งกุญแจให้โดยดี
แต่นั่นก็รู้กันว่าสุดท้ายแล้วก็แสร้งเป็นพูดไป เขารู้จักหยางหยางดี และหลี่อี้เฟิงคนนี้ล่ะ
เป็นผู้ที่จับหัวใจซาตานเย็นชาแบบหยางหยาง เทพบุตรผู้ดงามคนนั้น แต่แค่เขารอให้เพื่อนคนหล่อของเขารู้แก่หัวใจเองเสียก่อนว่ากำลังทำอะไร
“โอ๊ย เจ็บนะ”
เมื่อลากมาจนถึงห้อง
หยางหยางเหวี่ยงร่างอี้เฟิงลงกับเตียงอย่างไม่ปรานี ใส่แรงตามความโกรธเกรี้ยว
เขาก็ไม่เว้นให้อีกฝ่ายได้ทำอะไร หยางหยางโถมร่างกายตัวเองทาบทามอี้เฟิงทันที
และมอบจูบเร่าร้อนให้
“อื้อ..อื้ม”
เสียงหวานที่รอคอยจะได้ฟัง หยางหยางได้ยินกับหู
จึงยิ่งเพิ่มความหวานโดยจูบรั้งดึงให้อีกคนเดินทางตามเข้ามา
ดูดดึงความรู้สึกและวิญญาณออกมา
ด้วยทั้งฤทธิ์แอลกอฮลในเลือดทั้งคู่
บรรยากาศในการร่วมรักจึงลื่นไหวไปได้ง่ายขึ้น หยางหยางจูบซ้ำที่ปากเรียวเล็กจนบวมเห่อ
และจูบย้ำอีกครั้ง เก็บเกี่ยวความหวานในโพรงปาก ดึงรั้งดูดรสชาติที่เขาคิดถึงให้เท่ากับที่เขาอดทนรอมานาน
ลิ้นร้อนพันเกี่ยวกันไม่รู้จบ
เหมือนเล่นไล่จับกับในสวน
และเมื่อเริ่มหายใจติดขัดหยางหยางก็ถอนจูบออกมาสบตามองใบหน้าหวานที่คิดถึงแต่ไม่ทันได้มองเต็มตา
เพี๊ยะ
เขาถูกตบด้วยฝ่ามือเล็กเข้าทีใบหน้าหล่ออย่างจัง เพราะความโกรธ ที่ถูกทำร้ายซ้ำอีกครั้ง
“นายมันบ้า”
“ก็ใช่ เป็นบ้า
แต่ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะคุณ คุณทั้งหมด
คุณทำให้ผมเป็นแบบนี้”
“ฉันไปทำอะไรให้นาย---อื้อ”
ไม่อยากให้เขาพูดต่อไม่อยากฟังคำว่าคำด่าอะไรอีกแล้ว สู้เอาเวลามาชิมความหวานกันดีกว่า
หยางหยางจูบอีกครั้งปิดปากเรียวเล็กที่ช่างพูด
และมือแกร่งว่องไวปลดเปลื้องเสื้อผ้าของอี้เฟิงทีละชิ้น
จากก่อนหน้าที่เขานั่งมองหยุดสายตาที่สะโพกสวยใต้กางเกงยีนส์อยู่นาน ตอนนี้ได้สัมผัสแล้ว เขาถอดส่วนล่างออกก่อน
รั้งดึงยีนส์รัดรูปให้พ้นทางรัก
และชั้นในก็ตามไป
เผยให้เห็นสัดส่วนที่คิดถึง หยางหยางมองทุกส่วนด้วยสายความต้องการกินเหยื่อ จนอี้เฟิงที่มองการกระทำของหยางหยางทั้งหมด
รู้สึกอายจนหน้าร้อน จนต้องใช้เท้าเตะให้อีกคนทำอะไรล่วงเกินแบบนี้
เขาอยากจะดิ้นรนหนี แต่มือข้างหนึ่งที่ปลดเปลื้องเสื้อผ้า
อีกมือหนึ่งไม่ได้ว่างก็รัดเกี่ยวกับเขาไว้ไม่ปล่อย หยางหยางจะทำร้ายเขาอีกครั้ง
“หยุด..อ๊ะ เดี๋ยวนี้”
“พูดให้หยุดอีกแล้วคุณ
แต่เสียงนั่นเชื้อเชิญผมเหลือเกิน”
หลังจากถอดเสื้อผ้าส่วนล่างออกไปให้พ้น
หยางหยางก็ใช้นิ้วเรียวยาวของตัวสอดเข้าช่องทางที่คุ้ยเคย เขาอยากทำแบบนี้
แต่ทำได้แค่ในจินตนาการเท่านั้นในก่อนหน้า แต่ร่างที่คิดถึงของหลี่อี้เฟิงมาอยู่ตรงหน้าตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
หยางหยางสอดนิ้วมือให้ลึกเข้าไปจนสุด
สร้างความเสียวซ่านให้กับอี้เฟิงอย่างมากจนร่างกายบิดเร่าร้อน
และส่วนอ่อนไหวเริ่มมีน้ำหยดเยิ้ม
เพราะอาจจะไม่ได้ทำอะไรแบบนี้บ่อย
เหมือนตอนอยู่กับเขาจึงมีความต้องการพุ่งสูงไวและปลดปล่อยได้ง่าย
“คุณคุ้นเคยกับนิ้วมือผมเหลือเกิน”
“นายมันไอ้ลามก “
“จะว่าอะไรก็ว่าไป ผมก็จะทำแบบนี้กับคุณจนกว่าผมจะพอใจ”
“นาย..อ๊ะ อื้อ..อื้ม อ๊ะ หยุด..อ๊ะ”
อี้เฟิงจะพูดอะไรก็พูดไม่เป็นประโยคเพราะหยางหยางเริ่มขยับนิ้วที่สอดเข้าช่องทางใต้ร่างสวยงามของอี้เฟิงแล้ว
นิ้วนั้นซุกซนเพิ่มลดความเร็วตามใจชอบโดยหยางหยาง
พาให้อี้เฟิงขึ้นลงสวรรค์เป็นว่าเล่น เสียงหวานร้องครางไม่เป็นภาษา
เพราะยิ่งสอดลึกก็ยิ่งเสียวซ่านไปทั้งร่างกาย และเขายังไม่หยุดง่าย
แถมยังเพิ่มความรุนแรงในการกระทำ มันมากกว่าที่ผ่านมา อี้เฟิงรู้สึกแบบนนั้น
เพราะเขาเริ่มเจ็บส่วนล่างเสียแล้ว
“อ๊ะ..อื้อ..อ๊ะ..เบา..อ๊ะเบากว่านี้”
“เลิกขออะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ หลี่อี้เฟิง คุณทำให้ผมโมโห”
เขาบอกสาเหตุที่ต้องกระทำรุนแรงตั้งแต่ยังสอดใส่แค่นิ้ว
ตอนนี้หยางหยางเพิ่มจำนวนนิ้วในช่องทางเข้าไปจากสองเป็นสามและขยับให้เร็วและใส่แรงมากยิ่งขึ้น
จนอี้เฟิงร้องเจ็บปวด ผสมกันไปกับครางหวาน
“โอ๊ย..อ๊ะ...อื้อ มันเจ็บ..เบากว่านี้..ขอร้องล่ะ อ๊ะ ...อ๊ะ”
หยางหยางไมได้สนใจคำขอนั้นเลยและเร่งจังหวะให้เร็วแรงขึ้นไปอีก
เมื่อรู้สึกเหมือนอี้เฟิงกำลังจะปลดปล่อยเขาเร่งความเร็บจนสุดแรง
ในที่สุดอี้เฟิงก็ปลดปล่อยครั้งออกมาให้เห็น
น้ำขุ่นสีขาวออกมาทะลักปลายยอดของส่วนอ่อนไหวของอี้เฟิง ร่างสวยหอบจากการปลดปล่อย
เพียงแค่รอบแรกก็เจ็บปวดมาขนาดนี้ เพียงแค่นิ้วนั้น
อี้เฟิงอยากออกไปจากตรงนี้ให้พ้นจากวาตานร้าย
แต่แค่คืบคลานเคลื่อนไหวออกจากอาณาเขตปีศาจก็โดนรั้งเอาไว้ และถูกกดลงกับเตียงอีกครั้ง
“อย่าคิดหนี บอกแล้วนี่วันนี้จนเช้าก็หนีไมได้”
“ทำไมนายยังไม่คิด..เลิกทำอะไรบ้าบอแบบนี้
ฉันไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ใคร่ของนายนะ”
พูดจบก็ยกมือตบตีหยางหยางตามแรงที่มี
ร่างของอี้เฟิงที่ถูดกดกับเตียงยิ่งถูกร่างแข็งแรงกดทับลงมาอีก เพียงมือเดียวก็รั้งร่างบอบบางของอี้เฟิงไว้ได้
อีกมือของหยางหยางปลดเปลื้องเสื้อผ้าท่อนบนของตัวเอง
“จะใช่ไม่ใช่ก็ไม่มีสิทธิ์อะไร ขอร้องอะไรก็ไมได้ผลแล้วอี้เฟิง
คุณเป็นของผม”
“เป็นของนาย บ้าอะไรกัน ฉันไปเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไหร่”
“หยุดเถียง! คุณเป็นของผม ทุกส่วนทุกอย่างของคุณ คือของผม อย่าพูดมาก!”
เขาขึ้นเสียงตะโกนเมื่ออี้เฟิงขึ้นเสียงดังมาก่อน อีกฝ่ายตกใจจนสะดุ้ง
เมื่อหยางหยางดุลั่นแบบนั้น ไม่กล้าเอ่ยปากต่อ ร่างของอีเฟิงเริ่มสั่นเทิ้ม แต่สายตาไม่ลดละความชังในดวงตา หยางหยางมองสบดวงตาแข็งกร้าวนั่น อวดดี
หยิ่งทนงค์ เขาจะทำให้สายตานั้นหายไป
หยางหยางไม่คิดใช้ยานั่นแล้ว วันนี้เขาจะงัดทุกอย่างมาใช้กับหลี่อี้เฟิง
เทพบุตรคนนี้จะต้องถูกจองจำกับซาตานคนนี้ตลอดกาล
เขากดจูบอีกครั้งที่ปาก และถอนจูบออกมาหลังจากที่จูบริมฝีปากนั้นอย่างบ้าคลั่ง
เขาไล่พรมจูบใบหน้านั้นอย่างกระหายความหวาน
มือแกร่งปลดกระดุมอย่างคล่องแคล่วเผยให้เห็นเรือนร่างที่เคยฝากรอยรักสีสวยเอาไว้
หยางหยางทั้งจูบทั้งดูดดึงทุกส่วนโดยเฉพายอดอกสีสวยทั้งสองข้าง
ดูดดึงให้เกิดความต้องการ
“อ๊ะ..อื้อ...ฮึก ...ตรงนั้น....ไม่นะ..อื้ม”
ปากบอกไม่แต่ครางซะเสียงหวาน ....หยางหยางคิดตามในใจ
และลงมือกระทำรักกับเรือนร่างที่คิดถึงต่อไป เขาไล่จูบและทำรอยไปทุกส่วน
ตอนนี้ร่างอขงอี้เฟิงเปลือยจนเห็นทุกสัดส่วนแล้ว
หยางหยางจึงเหมือนหมาป่าที่เลือกส่วนของเหยื่อนกิน
เขาใช้สายตาคมมองโลมเลียไปทั้งร่างกาย อี้เฟิงที่เพิ่งถูกจูบไปทั่วเรือนร่าง
สั่นไหวและเริ่มกลัว ไม่กล้ามองหยางหยางตรง ๆ ตอนนี้เขาเหมือนหมาป่า
หมาบ้าตัวหนึ่งที่พร้อมจะฉีกกระชากให้เป็นชิ้น
เหยื่อที่ขัดขืนคงตายเร็วและจะตายช้าก็ตายเหมือนกัน
ทำอย่างไรที่จะหลุดออกจากตรงนี้ไปเสียที
“อา...”
หยางหยางรู้สึกขึ้นความต้องการพูนนูนจากส่วนล่างดันกางเกงมาจนเห็นชัด
อี้เฟิงเสหลบไม่มองมันแม้จะยั่วยวนให้สนใจ
แก้มสีแดงระเรื่อตรงนั้นก็ถูกทำรอยเอาไว้
หยางหยางมองแก้มสีสวยนั้นจึงหมั่นเขี้ยวกดจูบและสั่งเสียงเรียบ
“ช่วยถอดให้ผม”
“ไม่!”
“บอกให้ทำ!”
เมื่อถูกขึ้นเสียงอีกครั้ง ก็ต้องทำตาม อีเฟิงยื่นมือไปช้า
มือเล็กของเขาสั่นเทิ้มโดยไม่ต้องสังเกต แตะถึงขอบกางเกง และตากลมโตก้มองเห็นชัดถึงส่วนที่โป่งพองออกมาจนแทบดันกางเกงให้หลุด
อี้เฟิงปลดกระดุมกางเกงสแลชและรูดซิบลงมาช้า ๆ แต่ไม่ทันใจหยางหยาง มือแกร่งจึงฟาดเข้าที่บั้นท้ายงอนงามนั้นเป็นรอยแดง
“โอ๊ย มันเจ็บนะ!”
“ชักช้า!”
“ใครมันจะหื่นกามเท่านาย นายมันใจหยาบช้า วัน ๆ
ก็คิดแต่เรื่องแบบนี้สินะ—“
“ผมไม่เคยคิดอะไรแบบนี้ จะหื่นกามยังไงก็มีแค่คุณในความคิดผม”
หยางหยางพูดตามความจริงแต่ก็ยังเป็นเสียงดุลั่นให้ตกใจ
มือเล็กรูดซิบจนสุด หยางหยางบุ้ยใบ้ทางสายตาให้ทำต่อไป เขาต้องดึงกางเกงชั้นในของหยางหยางออกด้วย
เมื่อทำแบบนั้นก็เผยให้เห็นสัดส่วนใหญ่โตของหยางหยางที่แทบโดนหน้าหวานเมื่อถอดชั้นในตัวนั้นออกมา
หยางหยางยิ้มร้ายและสั่งอีกครั้ง
“ทำซะ ด้วยปาก”
“ห๊ะ”
“บอกให้ทำ !”
ไม่พูดเปล่า เขากดหัวอี้เฟิงให้ลงไปรับของใหญ่โตของตัวเอง
อี้เฟิงที่ถูกจ่อด้วยส่วนนั้นของหยางหยางปากเล้กเรียวจำต้องอ้าให้ส่วนนั้นเข้าไปอยู่ในปาก
มันพูดไม่ถูกแต่อึดอัด ไปทั้งตัวเลย
จนได้ยินหยางหยางสั่งให้เขาทำมันด้วยปากอีกครั้ง
เขานิ่งไปในคำสั่งแรกจนครั้งที่สองหยางหยางฟาดมือที่บั้นท้ายของอี้เฟิงอีกครั้ง
เจ็บจนน้ำตาซึม จึงต้องทำตาม
ปากเรียวเล็กรูดรั้งขึ้นลงไม่เป็นจังหวะที่ดีเท่าไหร่นักแต่หยางหยางก็เริ่มเคลิบเคลิ้มกับความหวานหอมคัร้งนี้ด้วยปากของอี้เฟิง
“อา...แบบนั้น ..เร็ว...อา..เร็วอีก”
เขาช่างเป็นคนเผด็จการ สั่งนั่นนี่แม้บนเตียง อี้เฟิงอยากแก้เผ็ดไม่ทำตาม
แต่ก็กลัวจะโดนฟาดลงมาอีก จึงขยับความเร็วให้เป็นอีกระดับ
รูดรั้งส่วนนนั้ของหยางหยางด้วยปาก เข้าออกให้ชายหนุ่มได้ลิ้มรสไปทางสวรรค์บ้าง
จนแล้วเสร็จหยางหยางปลดปล่อยออกมาน้ำขาวขุ่นเลอะเปรอะเต็มโพรงปากอี้เฟิงและเขาก็เผลอกลืนลงไปด้วย
รสชาติไม่สบอารมณ์มันแปลกเกินไปแต่ก็กินมันลงไปพอสมควร
“เป็นไง รสชาติผม”
“นายมันลามก โรคจิต”
“เดี่ยวจะเจอยิ่งกว่า อย่าปากดี”
เขาขู่อี้เฟิงอีกครั้ง เมื่อเสร็จทางปากไปแล้ว
หยางหยางเหวี่ยงรัดร่างของอี้เฟิงหวืดมาลงกับพื้นเตียงอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาขอทำรอยให้สาแก่การรอคอยเสพย์สมเรือนร่างชวนฝันนี้ หยางหยางไล่มาตั้งแต่ส่วนบน
ไหล่ลาด ไหปลาร้า เนินหน้า ส่วนหน้าอกก็แทบไม่มีพื้นที่ให้ตีตราอีกแล้ว แขนเล็ก
ๆนั้นหยางหยางก็ไม่ละเว้น สองแขนช่วงบนก็มีรอยแต่งแต้ม ไล่ลงมาส่วนไล่ สะโพกสวย
ขาหนีบ ส่วนน่องขาวสวยที่มีพื้นที่ให้หยางหยางตาราด้วยคิสมาร์คสสวยได้ตามใจชอบ
ลงมาส่วนข้อเท้า หยางหยางเคยลอบมองและพิจารณาเรือนร่างนี้โดยละเอียด
ข้อเท้าของหลี่อี้เฟิงก็ทำให้เขาสติกระเจิงได้เหมือนกัน จึงฝากรอยเอาไว้ไม่ละเว้น
พลิกให้ร่างขาวสวยกลับหลัง และแผ่นหลังสวยก็ถูกหยางหยางแต่งแต้มด้วยรอยสีสวยไปทั่ว บั้นท้ายงอนงาม ก็มีร่องรอยทั้งตีทั้งคิสมาร์ค
ทุกการแต่งแต้ม อี้เฟิงจะร้องคามงขึ้นมา
เสียงหวานผ่านหูหยางหยางยิ่งมากครั้งยิ่งชอบใจ เขาก็ยิ่งกดจูบให้รอยชัดขึ้นมาเท่านั้น
เขาวนกลับไปที่ที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษคือที่ลำคอ เขาย้ำอยู่หลายที่
มันชัดเนกว่าที่ไหน ๆ
คิสมาร์คบนคอของอี้เฟิงอาจจะจางช้าที่สุดในบรรดาหลายสิบรอยบนเรือนร่าง
“นาย..มัน..นายคลั่ง เป็นบ้า โรคจิต ไอ้สารเลว ชั่วเอ๊ย”
“ด่ามาอีกซี่
ที่ผมแตะต้องตัวคุณก้ด่าเอา แต่ทีกับคนอื่นก็ให้โดยไม่ว่ากันซักคำ ง่าย! “
“นายไม่มีสิทธิ์มาว่าฉัน นายเกลียดฉันแล้วมาแตะต้องตัวฉันทำไม
อย่ามายุ่งกับฉันสิ”
“ยิ่งเกลียดยิ่งต้องสัมผัส ผมจะทำให้คุณเกลียดผม
ยิ่งผมสัมผัสคุณจะยิ่งรู้สึกอัดอั้นในใจโกรธอยู่ในอก จนระเบิดและเป็นบ้า”
“ฉันก็กำลังเป็นอยู่และนายมันยิ่งกว่าฉัน”
“คุณทำให้ผมโกรธ”
“นั่นมันเรื่องของนาย จะโกรธก็โกรธไม่เกี่ยวกับฉัน”
“ก้ต้นเหตุมันมานายคุณ!”
“ก็จะโกรธฉันทำไมกันล่ะ นายไม่ใช่เจ้าของฉัน จำไว้
อย่ามาพูดเอาแต่ได้แบบนั้น ทุกอย่างบ้าบออะไร อย่าหวังไปเลย
ถึงนายจะมาบอกว่าได้ร่างกายฉันไป ทำอะไรเลวทรามแบบนี้ แต่ใจฉันน่ะไม่ใช่อะไรที่จะเอาไปง่าย
ๆแบบนั้น”
ต่อบทสนทนาเผ็ดร้อนกันอยู่นาน ประโยคสุดท้ายแทงใจดำหยางหยางมากที่สุด
อย่างไรก็ไม่มีทางได้ใจเขามา
หยางหยางเลือดขึ้นหน้าถึงที่สุด
เขาคว้าเอาส่วนนั้นของตัวเองจ่อและสอดเข้าช่องทางที่ชุ่มฉ่ำและเริ่มเข้าออกง่าย
อี้เฟิงไม่ทันตั้งตัว ร่างกระตุกวาบตัวโยน
เพราะมีตัวตนของอีกคนเข้ามาอย่างไม่สามารถต้านทานได้ ไม่ทันได้ร้องเจ็บปวดด้วยซ้ำ
อี้เฟิงกัดริมฝีปากไว้แน่น ระบายความเจ็บที่ริ้วเข้ามาในสมอง
ก่อนที่จะสบถด่าหยางหยางออกมาทุกถ้อยคำที่นึกออก อีกฝ่ายที่ได้ยิน
เขาไม่ยี่หระกับคำด่าเหล่านั้นแล้ว และเขากำลังจะลงโทษเทพบุตรที่ทำให้ซาตานอย่างเขาพิโรธ
“อ๊ะ..โอ๊ย เจ็บ อ๊ะ อื้อ”
หยางหยางขยับตามใจรุนแรงและหนักหน่วง
ตามความโกรธและเวลาแห่วงการรอคอยที่สะสมไว้
เขาคิดถึงคนคนนี้ตลอดเวลา แต่คิดว่าการเจอกันมันจะนุ่มนวล
แต่หลี่อี้เฟิงคนนี้กลับทำให้เขาโกรธและโมโห ไปยั่วยวนคนอื่นต่อหน้า
ถึงจะบอกว่าอีกฝ่ายเมและไม่ไดสติ ถ้าบอกปัดป้องไปก็น่าจะทำได้
“คุณมันง่ายยั่วเข้าไปทั่ว “
“ฉันไมได้เป็นแบบนั้น ถิงเกอเขาทำไปโดยไม่รู้และฉันก็ตั้งตัวไม่ทัน”
อีเฟิงบอกออกไปทันควันแม้ไม่เข้าใจว่าตัวเองจะอธิบายให้คนบ้าไร้หัวใจนี่ฟังทำไมแต่เขาต้องอธิบาย
“”อ้อหรอ นั่นคือไม่ทันตั้งตัว ถ้าตั้งตัวไม่เปิดทางรอเขาเลยหรือ?”
“นายมันก็คิดเอาเองบ้าไปเอง ใครจะมาคิดอะไรต่ำช้าแบบนาย”
“ฮึ ก็คุณไง เรามันเป็นพวกแบบเดียวกันนี่”
“ไม่ใช่! ฉันมันเทพบุตร ส่วนายมันเลว ..ซาตานมาจากนรกแท้ ๆ “
“ถ้าเช่นนั้น ผมจะไม่พาคุณไปสวรรค์
เราก็ไปนรกอย่างที่คุณเกลียดแทนแล้ว กัน วันนี้คุณจะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้”
หยางหยางเอ่ยกระซิบข้างหู และเริ่มท่วงท่าบนเตียง
ร้อนและรุนแรงเขาไม่ผ่อนปรนกำลังให้อี้เฟิงได้พักหายใจ
เร่งเร้าจังหวะเข้าออกให้ถี่และเท่าความต้องการของตัวเอง รุนแรงจนอี้เฟิงร้องครางหวานและไปจนถึงกรีดเสียงร้องออกมาเพราะความเจ็บปวด
“อ๊ะ..อื้อ โอ๊ย ไม่นะไม่ ..ฮ๊ะ อ๊า...มันเจ็บโอ๊ย ไอเลว นายมัน..เลว”
จะด่ากี่ครั้งหยางหยางก้ไม่มีวันสะท้านอีกแล้ว เขาสอดใส่ร่างกายและตัวตนอันเผ็ดร้อนเข้าไป
ซาตานที่กำลังเผาเทพบุตรคนนี้ทั้งเป็นลากลงนรกไปด้วยกัน
“อ๊ะ...อ๊า..ฮื้อ อึด...อัด ร้อน.. โอ๊ย มันเจ็บ..อ๊ะ อื้ม”
หยางหยางปลดปล่อยในร่างของอี้เฟิงไปหลายครั้งจนของเหลวเต็มช่องทาง
ไหลย้อนออกมาไม่ขาดสาย ของเหลวของหยางหยางที่ไหลหยดและเปื้อนไปทั่วเตียง
ส่วนอี้เฟิงก็ปลดปล่อยมามากครั้งพอกับหยางหยาง ของเหลวชองทั้งคู่ปะปนผสมกันไปหมด
เตียงเละเทะเหมือนเพิ่มผ่านสงครามมา
แต่แค่นี้ยังไม่สาแก่ความโกรธที่เขาเห็นเรือนร่างนี้ไปอยู่ในอ้อมอกคนอื่น
“อย่า..พอ..ไม่ไหวแล้ว”
“ผมบอกคุณแล้วว่าคุณไม่มีสิทธิ์ร้องขอ”
หลังจากถอนตัวออกมาไม่นาน ก็ใส่กลับเข้าไปอีกครั้ง
หยางหยางสอดส่วนนั้นเข้าไป แม้มีน้ำรักขุ่นขาวเต็มทางแต่ก็พยายามสอดให้ลึกที่สุดจนพอใจ
ความเสียวซ่านริ้วแล่นไปถึงสมอง
ทั้งหยางหยาวงทั้งอี้เฟิงส่งเสียงครางสมใจออกมาแทบจะพร้อมกัน
“อ๊ะ..อื้ม..แน่น..อึดอัด”
“อา....อืม”
“อา....อืม”
หยางหยางขยับตัวเองอีกครั้งที่นี้เขาผ่อนความโกรธสุดท้าย
หันไปดูเวลานี่ก็เกือบจะเช้าแล้ว ถ้าเช่นนั้นความโกรธนี้ก็จะลงในครั้งนยี้ทิ้งท้ายให้สาแก่ใจ ร่างแข็งแรงขยับถี่และแรงมากกว่าเดิม
เร่งให้ได้สุขสม ช่องทางที่เต็มไปด้วยน้ำรักร้อนนั้น เมื่อหยางหยางกระแทกตัวเองเข้าไป
ของเหลวนั้นก็จะหยดย้อนออกมาภายนอก อี้เฟิงก็ครางเสียงหวานออกมาศซ้ำให้พอใจ
หยางหยางกระแทกกระทั้นร่างซ้ำ ๆ มีเสียงดังของผิวเนื้อกระทบกันลั่นห้อง
อี้เฟิงที่ยังมีสติรู้สึกอายจนไม่มีที่ซุกหน้าหนี
“อ๊ะ..อ๊ะ! มันเจ็บ โอ๊ย เจ็บ อ๊ะ.เกินไปแล้ว”
ร่างแข็งแรงกระแทกเร่งความเร็วจนเหมือนจะขาดใจทั้งคนทำคนรับ
เมื่อสุขสมก็ปล่อยน้ำขุ่นขาวออกมาอีกรอบ
และช่องทางด้านในเจ้าของร่างอย่างอี้เฟิงรู้สึกเจ็บปวดระบทมากเหลือเกิน
น้ำรักที่เข้าไปใหม่ผสมกับของเก่าที่มีอยู่แล้วเต็มที่และไหลย้อนออกมา
ครั้งนี้มีของอื่นปะปนมาด้วย
เป็นเลือดที่อาจจะเกิดจากการกระแทกรุนแรงจนมีการฉีกขาดเป็นแผล อี้เฟิงร้องเจ็บปวดจนจะขาดใจ
“โอ๊ย..ฮึก เจ็บ..มันเจ็บ นายมัน..นายมันเลว.”
หยางหยางไม่ตอบโต้ ปล่นยให้ได้ด่าไป เขามองเห็นผลงานบนเรือนร่างและปริมาณของเหลว
ถึงแม้จะพอใจแต่ครั้งนี้มีเลือดออกมาด้วย มันรุนแรงเกินไป
เขาไม่เคยทำให้ใครเจ็บปวดจนมีแผลแบบนี้ เขาอาจจะโกรธมากจริง ๆ
กเพราะเจ้าตัวที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้น หยางหยางนึกโทษอี้เฟิงในใจย้ำอยู่ตลอด
"คุณผิดเองนะ
หลี่อี้เฟิง"
THISMAN
หยางหยางอุ้มร่างสลบไสล หลังจากที่ทำกิจกรรมบนเตียงกันย่ำเช้าไม่หยุด
เขาเองก็เหนื่อยแต่อีกคนหนึ่งสลบไปทั้งที่ยังคั่งค้าง ระโหยโรยแรง แทบไม่ได้สติเลย
หยางหยางจึงต้องพารุ่นพี่ตัวดีมาส่งถึงที่คอนโด โชคดีที่อี้เฟิงอยู่คอนโด้ส่วนตัวซึ่งเป็นส่วนและไม่มีใครรบกวน
เขาลอบเอาคีย์การ์ดจากในกระเป๋าของอี้เฟิงออกมาและเปิดประตูเข้าไปในห้อง
“อืม..”
หยางหยางไม่เคยเข้าจนถึงห้องนอน ครั้งเมื่อเก่าก่อน
เคยเข้ามากับทีมงานเพื่อมาเยี่ยมรุ่นพี่ตามมารยาท แต่วันนี้เขากลับอุ้มพี่ส่งถึงเตียงนอน
เพราะสลบไม่ได้สติ ก็สาเหตุเป็นเพราะเขา
มองร่างที่หลับใหล้อยู่บนเตียงนั้น เขาไล่มองไปทุกส่วน
เสื้อผ้าทุกตัวมาอยู่ครบบนตัวอี้เฟิงแล้ว
หลังจากนั้นหยางหยางกระชับผ้าห่มให้ร่างบอบช้ำนั้น และเมื่ออีกคนหลับใหล้
เขาจึงขอทำตามใจแบบไม่ต้องช่างใจคิด
หยางหยางประทับจูบแผ่วเบา นิ่มนวลและแสนหวาน ทั้งหน้าผาก
แบะริมฝีปากที่บวมช้ำ เพราะฝีมือตัวเองเมื่อคืนนี้
เขารู้สึกว่าความโกรธของเขาเองทำให้อี้เฟิงต้องบอบช้ำเกินไป
ความขาดสติทำให้ลงมือทำอะไรไม่ยั้งคิด
อีกคนคงเกลียดเขายิ่งกว่าอะไรทั้งหมดบนโลกแล้ว ตื่นขึ้นมาคงจะสาปส่งเขา แต่เขากลับรู้สึกต่างกันกลับกัน
มีความรู้สึกที่ทะลุแทรกกลางความเกลียดในใจหยางหยาง ความรู้สึกนั้นตีวงกว้างแทบเต็มหัวใจ
“ให้ตาย”
ละจากความคิดที่คิดไม่ตก หยางหยางมองไปรอบห้อง
เป็นห้องที่เรียบง่ายไมได้ตกแต่งอะไรป็นพิเศานอกจากโปสเตอร์รูปตัวเองและอื่น ๆ
ที่เกี่ยวกับงาน มองพาดผ่านไปทั่วห้องก็พบกับรุปถ่ายสะดุดตา
เป็นรูปที่ถ่ายรวมที่กองถ่ายที่เขากับอี้เฟิงถ่ายด้วยกัน
ทุกคนยิ้มส่วงให้กล้องและเขาสองคนยืนอยู่แนบชิด
ถ้าได้ยิ้มแบบนี้ซักครั้งโดยที่ไม่ต้องแสร้งทำให้กันก็คงดี..
แม้จะพาลนึกไปถึงรอยยิ้มเมื่อตอนที่เขาไปช่วยอี้เฟิงจากอุบัติเหตุแต่ไม่รู้เจ้าตัวรู้รึเปล่าว่าส่งยิ้มให้มา อาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
หยางหยางฝันถึงยิ้มนั้นตลอด และหวังว่าซักวันจะได้
“ออก..ไปจากห้องฉัน”
อีกฝ่ายลืมตาตื่นมา เช้านี้เป็นเช้าที่ทรมาณกับอี้เฟิงเหลือเกิน
เพราะร่างระบมและเจ็บปดวไปหมด
ทั้งในช่องทางที่ยังคั่งค้างของเหลวและเขาพอรู้ว่ามันอาจจะมีอะไรอื่นเพิ่มเตมข้างในนั้นที่ทำให้เขาเจ็บปวดจนน้ำตาซึมขนาดนี้
ร่องรอยสีกุหลาบบนตัวประดับเต็มร่างกายแม้จะปิดด้วยเสื้อผ้าแบบไหนก็ไม่ได้
โชคดีที่วันนี้เขาไม่มีงานถ่ายแบบแต่มีแค่งานสัมภาษณ์นิตยสารจึงอาจจะปกปิดและอธิบายไปแบบข้าม
ๆโดยไม่ให้สื่อเจาะลึกอะไรได้ แต่ก็ต้องในสภาพเหมือตายทั้งเป็น
“ออกไป”
“ไมได้อยากอยู่นักหรอก”
อี้เฟิงลุกขึ้นดันตัวเองขึ้นมาจากหมอน เขากลับมาห้องตัวเองแล้วและคงเป็นไอคนใจร้ายนี้ที่อุ้มร่างเขามาส่ง อี้เฟิงส่งสายตาเคืองแค้นไปให้ ชับไล่อีกทาง
หยางหยางทรุดนั่งลงกับขอบปลายเตียง
“บอกให้ไป”
“ออกไปไล่กันอย่างเดียวเลยรนึไง ทั้งที่เมื่อคืนจนเช้าก็มีความสุขกันในนรกแท้
ๆกับซาตานอย่างผมแท้ ๆ คุณเทพบุตร”
หยางหยางพูดติดยิ้มร้ายออกมา อี้เฟิงปาหมอนที่อยู่ใกล้มือใส่
“ออกไป!”
“ไปแน่ แค่มาดูว่าเทพบุตรคนนี้เป็นอย่างไร แล้วผมก็พอใจกับผลงานของตัวเองนะ”
พูดไปก็ยิ้มกลั้วหัวเราะ อี้เฟิงทนไมได้ยกมือปิดหูไม่ฟัง
หยางหยางเห็นแล้วก็อยากจะปราบพยศอีกรอบ
จะตายอยุ่แล้วก็ยังส่งสายตาหยิ่งทนงค์ อวดดีและท้าทายมาให้
ไมได้กลัวเขาเลยหรือ หยางหยางพุ่งเข้าไปใกล้ร่างบอบบางที่เจ็บปวอยู่อีกครั้ง
คว้ามือทั้งสองข้างไว้
“ห้ามแตะต้องฉัน”
หยางหยางไมได้ทำตาม นอกจากคว้ามือทั้งสองข้างและยังโน้มไปใกล้อีก
“อย่ามาใกล้ชิดฉัน”
เขาก็ไม่ไดฟังอีกเช่นเคย คว้ามือสองข้างแล้วก็ซ้ำโอบร่างนี้ไว้กับอก
“ห้ามจูบ...”
สิ้นคำหยางหยางก็ประทับจูบลงให้อี้เฟิงสิ้นฤทธิ์เสียที
เป้นคนที่สิ้นเยอะต้องให้ออกแรงอยู่ตลอด หยางหยางย้ำจูบซ้ำออยู่นาน
เพราะอี้เฟิงไม่ยอมให้เข้าไปสำรวจความหวานเหมือนอย่างที่เคย ปล้ำจูบอยุ่นาน หยางหยางก็รู้สึกถึงบางอย่าง
น้ำตา...หลี่อี้เฟิงกำลังร้องไห้
หยดน้ำตาเล็ก ๆ ไหลหยาดมาจนถึงแก้ม แตะหยดใส่ปลายจมูกหยางหยางเมื่อเขาย้ำจูบ เขาผ่อนแรงลง
และละถอนจูบจากปากเล็กช้ำบววมออกมาช้า ๆ
ใบหน้าหวานก้มหน้าไม่ให้มอง แต่น้ำตาหยดมาเรื่อย ๆ ไม่ขาดสาย
จนผ้าห่มเบื้องล่างที่หน้าตักของอี้เฟิงเปียกด้วยหยดน้ำตา
หยางหยางมองอย่างตกตะลึง
เขาไม่คิดว่าอี้เฟิงจะร้องไห้ออกมา
ทั้งที่เป็นคนที่หยิ่งทนงค์ในศกดิ์ศรีมาก
และจะไม่แสดงความอ่อนแอต่อหน้าคนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นศัตรูอย่างหยางหยาง
แต่เขาร้องไห้ออกมา
“ฮึก...ออกไป”
“ผม..”
เขาไม่สามารถพูดอะไรได้ สมองมันตื้อตันไปหมด เขาทำให้อี้เฟิงร้องไห้ สิ่งนี้เป็นอะไรที่เขาคาดไม่ถึง และไม่มีวันคิด
เพราะเขาแน่ใจว่าหลี่อีเฟิงผู้หยิ่งในศักดิ์ศรีจะไม่เป็นแบบนี้
จะไม่อ่อนแอต่อหน้าเขา
“ผม..ควรทำยังไง” หยางหยางถามออกไป
เขาไม่คิดเหมือนกันว่าจะใช้คำถามนี้ถามอีกคนที่กำลังร้องไห้ออกมาเป็นวรรคเวร
น้ำตายังหยดหยาดไม่หยุด แก้มใสมีสีแดงแต่งแต้ม เปราะน้ำตา
หยางหยางพยายามจะใช้มือปาดป้องน้ำตาให้ออกไปจากแก้มเนียนแต่อี้เฟิงเบียงหลบหยางหยางจะไม่มีหน้าทำแบบนั้นซ้ำอีกครั้ง
เขาทำอะไรไม่ถูก เหมือนใจแตกสลาย
เหมือนทำคนที่รักร้องไห้
รัก... ?
หยางหยางเผลอพลั่งคำนั้นมาแล้ว ถึงแม้มันจะอยู่ในใจ เขาก็ยอมรับหัวใจตัวเอง
ว่าความรู้สึกที่แท้จริงที่ตีวงกว้างทะลุความเกลียดชังขึ้นมานั้นคือความรู้สึกนี้
เขาหลงรักหลี่อี้เฟิงเข้าแล้ว และหมดหัวใจจนเพิ่งรู้ตัวในตอนนี้
“อี้เฟิง...ผม”
หยางหยางเอ่ยติดขัด เขาอยู่ในระยะใกล้ที่แม้แต่พูดเสียงดังเท่าการกระซิบให้อี้เฟิงฟังก็ได้ยิน
แต่ตอนนี้เสียงเขาเบายิ่งกว่านั้นเสียอีก
อี้เฟิงเงยใบหน้าขึ้นมานิดหน่อยมองอีกคนทั้งน้ำตา เขารู้สึกว่าบรรยากาศอรบตัวของหยางหยางเปลี่ยนไปตั้งแต่เขาร้องไห้
“ผม..”
อี้เฟิงมองหยางหยางด้วยสายตาหวาดประหวั่น
โดยที่หยางหยางแสดงอาการไม่เชื่อตัวเองออกมาหลังจากพูดประโยคต่อไป
“ผม....รักคุณ”
***************************************************************************************************************TBC9
TALK :: ดราม่า!
อ่านฟิคดิสแมนตอนนี้ตั้งแต่เช้าเมื่อวานแล้วค่ะแต่เพิ่งจะได้มาเปิดคอมและว่างพิมพ์ยาวๆสักที
ตอบลบตอนแรกแอบหากล่องคอมเมนต์ไม่เจอนึกว่าคุณเวย์ผิดเพราะสะพรึงเมนต์เรา กร๊ากกก
พอเปิดจะเมนต์ก็เลยถือโอกาสอ่านอีกรอบ ที่จริงดิสแมนตอนนี้เราอ่านครั้งแรกร้องไห้ด้วย
เพราะช่วงหลังๆมันบีบมากจนแบบนอนอ่านแล้วน้ำตาไหลพราก 555555
ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องอินอะไรขนาดนี้ กรี๊สสสสส
แต่ๆๆๆ นี่อี้เฟิงไม่ได้ตั้งใจจะยั่วโมโหหยางจริงๆใช่ไหมคะ ;---;
คืออ่านฟิคเรื่องนี้ไปแล้วยังไม่ค่อยเห็นด้านความรู้สึกอี้เฟิงเท่าไหร่เราเลยไม่มั่นใจอะ
ว่าที่จริงเฟิงชอบหยางจริงๆ รึเปล่าหรือแค่แค้นจริงๆ เพราะเขานิ่งมาก นิ่งจนเราคิดว่า
ที่จริงแล้วฟิคเรื่องนี้หยางน่ะคิดเองเออเองและตกหลุมรักเขาเองไปคนเดียวหมดเลย
/กลัวมากร้องไห้ดราม่ารอ 5555555555555555
ที่จริงแล้วเข้าใจหยางนะ ตอนนี้ไม่ด่าว่าโรคจิตแล้วก็ได้ คือหลายคนอ่านอาจเกลียดหยาง
แต่เราว่าเพราะสองคนนี้มาสนิทและสานสัมพันธ์กันบนกองเพลิงแค้นอะคะ /ดูใช้คำ ;-;
แล้วที่จริงหยางในเรื่องนี้เหมือนเด็กอนุบาลที่อยากจะแก้แค้นนะ ทั้งที่รักนั่นล่ะ
มันเหมือนกับเป็นเด็กผู้ชายที่ไม่รู้จะแสดงออกยังไง เพราะมันเริ่มต้นด้วยโกรธแค้น
ก็เลยคิดว่าการเรียกร้องความสนใจจากเฟิงเกอก็คือการแสดงความแค้นใส่ให้สาสม
ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วมันก็ได้ผลในแง่หนึ่งนะ ... แต่เฟิงเกอสนใจในแง่แบบ...ไม่อยากเจอ
ตอนที่หยางพูดว่ารักเราว่ามันโคตรบีบเลยอะค่ะ คือนึกภาพผช.พูดน้อยๆ โต้กลับหนัก
ด้วยอารมณ์ที่แบบไม่อยากยอมรับแต่เพราะเห็นน้ำตาเขาก็เลยคิดว่าเออต้องพูดแล้ว
เราว่าคำนี้สำหรับหยางมันไม่ใช่แค่บอกว่ารักอะ มันเหมือนกับจะบอกคนตรงหน้าว่า
ทั้งรักด้วย อยากขอโทษด้วย ทุกอย่าง คือเหมือนอารมณ์มันได้มาก แง่งงงงง
ที่จริงเราสงสารเฟิงเกอนะ แต่เราก็สงสารหยางด้วยเพราะดูเป็นคนที่แบบจัดการไม่ถูก
แต่ตอนเฟิงเกอสงสารเราก็แบบสงสารมาก จริงๆร้องไห้เพราะตรงนี้แหละค่ะ
คือเราว่ามันคงเหลืออดเหลือทน แต่ตอนนั้นหยางก็คงหน้ามืดจริงๆ
เราเป็นเฟิงเราก็คงโกรธอะ แต่เพราะนี่เป็นคนอ่านและเข้าใจอารมณ์หยางมาก
ก็เลย...ไบแอสมาทางหยางในตอนนี้แบบช่วยไม่ได้ ฮาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ยังรอดิสแมนตอนใหม่อยู่นะคะ ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆค่ะ