[FIC] OURSONG ~我們的歌 ~ หยางเฟิง / 10 : FINAL SONG ~ บทสรุปของบทเพลง
Pairing :: หยางหยาง x หลี่อี้เฟิง
Rating :: PG-13
Pairing :: หยางหยาง x หลี่อี้เฟิง
Rating :: PG-13
.... ที่บอกว่าให้เลิกยุ่งกับหยางเกอซะ ...
แถมยังเรียกตัวบอสตัวพ่อมาด้วยนี่....
เจ้าพวกเพื่อนบ้านี่เห็นหลี่อี้เฟิงคนนี้เป็นอะไรกัน ลูกชายเรอะ!
ถึงได้หวงขนาดนี้....หรือแค่หมั่นไส้ที่มีแฟนหน้าตาดี
อี้เฟิงคิดกับตัวเอง หลังจากที่ตื่นเช้าขึ้นมา โชคดีที่วันนี้เขาได้อยู่ห้องตัวเอง และหยางเกอของเขากลับห้องไป
เพราะมีเรียนเช้าแถมยังต้องเตรียมตาราบงการซ้อมให้กับน้อง ๆ ในชมรมเทควันโด้ในฐานะประธานด้วย ไม่เช่นนั้น
หยางหยางก็จะมาขลุกอยู่กับอี้เฟิงตลอดหากมีเวลาว่างแม้เพียงสิบนาทีก็จะมาหา หรือจะโทรถาม
ส่งข้อความผ่านโซเชี่ยลเนตเวิร์คที่รุ่นพีคนหล่อบอกให้อี้เฟิงเปิดใช้ไว้ซักอย่างบ้าง
อี้เฟิงก็เชื่อฟังเขา ก็อยากคุย
อยากยิ้มอยู่กับเขาตลอดเวลา
อารมณ์รักครั้งแรกที่หอมหวาน ที่ผ่านอุปสรรค์กันมา
ดอกไม้เบ่งบานในใจ
เป็นความรู้สึกที่ทำให้อารมณ์ดีไปทั้งวัน
คิดถึงหน้าหยางเกอก็เขินเสีย
รักเขามากขนาดนี้
กลับมาที่ตรงนี้หน้าประตูห้องเขา
“อี้ฝาน!”
คนบ้าที่สุดในโลกที่เขารู้จักดี
OURSONG ~我們的歌 --
อี้เฟิงยกมือตบหน้าผากตัวเองแปะ ๆ
ให้ระงับอารมณ์โกรธเล็ก ๆในความรู้สึก
เขามองหน้าแขกที่มาใหม่อย่างไม่พอใจนัก
นึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไป
“อะไรของนายเนี่ยอี้ฝาน”
“พี่อี้เฟิงนั่นล่ะอะไร ผมมาทั้งที
ทำไม่ไม่ให้เข้าห้อง”
“นายจำเรื่องคราวที่แล้วที่นายก่อไว้ได้มั้ยล่ะ นั่นล่ะที่ฉันไม่อยากให้นายมาเหยียบห้องฉันหรือมาหาฉันซักนิด”
“พี่กล้าพูดกับคนที่ตามดูแลพี่มาทั้งชีวิตแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย!”
พอเจออี้ฝานที่ไร
อี้เฟิงก็จะต้องกลายเป็นหนุ่มฝีปากล้างัดคำมาต่อล้อต่เถียงกับเขาทุกที โชคดีที่หยางเกอ ออกไปข้างนอก ก็น่าจะไปชมรม
เวลานี้..เย็นมากก็น่าจะยังซ้อมอยู่ ส่วนชมรมของอี้เฟิงวันนี้งดเพราะเพื่อน ๆ
ขอแยกย้ายไปทำการบ้านในเทอมนี้ให้เสร็จเสียก่อนจะเข้าสู่ช่วงสอบกัน
อี้เฟิงเองก็มาจัดการการบ้านของตัวเองเช่นกัน และก็พบกับคฃตัววุ่นวายหน้าห้อง
แต่ก็ว่าเขาแบบนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว คนที่คอยดูแลเขาอย่างดีมากตลอด
แทบไม่เคยห่างตัวแต่พออี้เฟิงเข้ามหาวิทยาลัยก็ต้องมาเมืองหลวง ห่างอี้ฝานมา
เจ้านี่ก็ยังตามที่ดูแล ถ้าอยู่ด้วยกัน ก็จะดูแลชนิดที่ยุงยังไม่มีช่องว่างกินเลือดได้ด้วยซ้ำ
“พี่อี้เฟิง! ให้ผมเข้าไป”
“ไม่”
“พี่”
“ไม่ กลับบ้านไป”
“พี่อี้เฟิง !”
พอสิ้นสุดการเรียกชื่อ
อี้ฝานก็คว้าเอวของอี้เฟิงรวบรัดอย่างแข็งแรงเอาไว้
หมอนี่แข็งแรงและมีกล้ามเนื้อไม่แพ้หยางเกอของเขาเลย เพราะอี้ฝานเป็นนักมวยชื่อดังแถบท้องถิ่นบ้านเกิดของเขา ฝีมือระดับภาคเหมือนกัน เคยไปแข่งต่างประเทศ เป็นที่จับตามองของนักกีฬาในคนในวงการมวยอีกเสียต่างหาก
“ไม่ให้เข้า!”
อี้เฟิงที่แม้จะโดนคว้าเอวรวบกอดเอาไว้ทั้งตัว
แต่ก็ไม่ยอมแพ้ยกขาเรียวดักทางไม่ให้อี้ฝานเข้าห้องให้ได้ อีกคนก็จะเข้าห้องอี้เฟิงเสียให้ได้
ปลุกปล้ำกันอยู่หน้าประตู จนคนร่วมหอพักเดินผ่านไปผ่านมาก็มีมองสงครามเล็ก ๆ
นี้ด้วยความสงสัย
“อี้ฝาน!”
“พี่อี้เฟิง!
มันไม่ได้ฉันเลยย...อี้เฟิงคิดในใจ
เขายังคงโดนมือแข็งแรงนั้นรัดกอดเอวอยู่ จึงใข้แรงทีมีดันให้ตัวใหญ่ ๆ
ของอี้ฝานถอยหลังออกไปให้พ้นธรณีระตู
แต่อีกฝ่ายก็เหลืออดอุ้มอี้เฟิงทั้งที่กอดดเอวอยู่ แล้วเขย่าร่างอี้เฟิงโดยใช้แรงนักกีฬาที่เขามี
คนเอาอี้เฟิงมึนหัวไปหมด
“ให้เข้าไปในห้องดี ๆ มั้ย อย่าให้ต้องใช้กำลัง”
“แล้วนี่นายไม่ได้ใช้กำลังกับฉันอยู่รึไง”
“ก็พี่ดื้ออะ”
“ก็แล้วทำไม ไม่ได้ฟังที่ฉันพูดใช่มั้ยห๊ะ!”
อี้เฟิงเถียงกับคอที่อุ้มร่างตัเวองอยู่ เขาถูกอุ้มเหมือนเด็กโดยใบหน้าหวานหันไปเผชิญหน้ากับอี้ฝานในระยะประชิด
ที่อี้เฟิงสามารถเอาหัวโขกให้มึนได้ และอี้เฟิงก็ทำแบบนั้นจริง
ๆเล่นเอาอี้ฝานตาลายไปพักหนึ่ง
“ปล่อยว้อย!”
“ปล่อยอี้เฟิงซะ”
มีเสียงประสานรับกับเสียงประท้วงของอี้เฟิงอีกเสียง
“หยางเกอ....”
ใบหน้าหวานแสดงอาการตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ปากพะงาบขึ้นลงเป็นปลาทองก่อฟองน้ำในตู้ปลา
ตากลมโตสังเกตความคุกกรุ่นในสายตาของแฟนหมาดๆของตัวเอง
ใบหน้าหล่อที่นิ่งสนิทและดูดุอยู่แล้วกลับดูน่ากลัวขึ้นไปอีกในสายตาของอี้เฟิง
ตายแล้ว...ตายตาย
“ปล่อยอี้เฟิงลง”
“ไม่ปล่อยแล้วมีอะไรมั้ยเฮียน่ะ”
ต่างคนต่างใช้สายตาดุดันฟาดฟัน คาดว่าคงจะสู้กันไปในความคิดกันแล้ว
อี้เฟิงหันมองคนที่อุ้มตัวเองอยู่กับแฟนรุ่นพี่ที่มองมาทางเขาสองคนอย่างไม่ลดละ ไม่คาดว่าจะต้องมีอะไรซักอย่างเกิดขึ้นแน่ ที่จริงอี้เฟิงทำอะไรไม่ถูกเลย
ท่าทางหยางเกอจะเป็นคนอารมณ์ร้อนน่าดูถ้าหากโกรธ ท่าทาง....ขี้หึงเสียด้วย เพราะแววตาของหยางเกอมองดูแล้ว
ถ้าไม่เห็นแกเขาที่ถูกอุ้มอยู่ด้วยวงแขนแข็งแรงของอี้ฝานแล้ว คงจะได้เข้ามาปะทะฝีมือกัน เทควันโดกับมวย คงจะได้สนุกกันแน่
“อี้ฝาน ปล่อยฉันลง”
“ไม่ปล่อย”
“เขาบอกให้ปล่อยก็ทำตามที่เขาบอกสิครับ”
หยางหยางแทรกขึ้นมากลางสนทนา อี้ฝานหันไปตามเสียงที่เขาได้ยิน ส่งสายตาพิฆาตแบบฉบับกวนเบื้องล่างไปให้
อี้เฟิงรู้นิสัยอี้ฝานดีอยู่แล้วเป็นเด็กอย่างไร
กวนเกรียนคนอื่นนี่ยกให้เขาเลย ใบหน้าทั้งสองนิ่งเหมือนกำลังมีอารมณ์ครุกรุ่นส่อเค้าจะระเบิดได้ทุกเวลา
“ไม่ปล่อย เฮียนั่นล่ะมีอะไร ยุ่งอะไรด้วย”
“ผมเป็นแฟนอี้เฟิง มีเหตุมากพอให้ยุ่งมั้ย”
“อ๋อ..ไอ้หมอนี่นี่เอง พี่อี้เฟิง คนนี้ใช่มั้ย!
ที่ทำให้พี่ต้องวุ่นวาย”
“ผมไม่คิดว่าผมไปวุ่นวายอี้เฟิงนะ แต่ผมว่ามันเป็นคุณต่างหากที่วุ่นวาย”
อี้ฝานหันขวับไปหาหยางหยาง ที่พูดประโยคนั้นออก
สีหน้านิ่งก็จริงอยู่แต่แววตาดุดันแทบจะเข้าโรมรันกันอยู่แล้ว อี้ฝานก็ไม่แพ้กัน
ทั้งสองคนมองหน้ากันเหมือนประเมินคู่ต่อสู้ในสนามอย่างไรอย่างนั้น
“หยุดเลยทั้งคู่แหละ แล้วนายก็ปล่อยพี่ลง”
“ไม่ปล่อย “
“เห้ย เดี๋ยว!”
ไม่พูดเปล่า อี้ฝานทำตามใจ
อุ้มอี้เฟิงเข้าห้องไปหลังจากกันได้ไม่ถึงสุดก็ต้องให้เขาเข้าไปวุ่นวายในห้องจนได้
แต่หยางหยางก็วิ่งเข้ามาทันที่อี้ฝานจะปิดประตูไล่ มือแข็งแรงดันประตูไว้เปิดออก
และพยายามจะเข้าห้องของอี้เฟิงมา
อี้ฝานที่แข็งแรงไม่แพ้กัน และอีกมือหนึ่งที่อุ้มอี้เฟิงอยู่
ตอนนี้เขาเปลี่ยนให้อี้เฟิงไปพาดอยู่บนไหล่แล้ว
แขนแกร่งคว้าโอบรอบเอวไว้กันไม่ให้อี้เฟิงตกลงพื้นกลิ้งไปไหน และอีกมือใช้ยันประตูปิดให้ได้
กันไม่ให้หยางหยางเข้ามา
“อี้เฟิง คนคนนี้เป็นใคร”
“ก็เป็น....”
“อย่ามายุ่งได้มั้ย เป็นแฟนพี่อี้เฟิง ? รู้จักพี่อี้เฟิงขนาดไหนกัน ?
มันก็ยังสู้ผมที่รู้จักพี่เขาทั้งชีวิตไมได้หรอก”
“อี้ฝานหยุดฃักใบให้เรือเสียได้มั้ย
และหยางเกอฟังอี้เฟิงนะคือ---โอ๊ย ไอบ้าอี้ฝาน”
อี้ฝานรำคาญเสียงเจื้ยแจ้วที่อยู่ข้างหู เพราะอุ้มอี้เฟิงพาดบ่าไว้
จะพูดอะไรก็จะได้ยินอยู่ใกล้
เขาจึงแก้รำคาญโดยการเขย่าอี้เฟิงเหมือนเขย่าขวดนม
จนอี้เฟิงเวียนหัวไปครู่หนึ่ง
พอได้สติอี้เฟิงก็ฟาดคำด่าใส่อี้ฝานชนิดที่หยางหยางได้ยินยังหลุดขำ แต่ก็ต้องกลับมาสู้กับคนคนนี่ก่อน
เขาเป็นใครกัน ?
หยางหยางที่กลับมาจากการซ้อมที่ชมรม เขาปลีกตัวมาแค่ซักครู่
จึงรีบกลับมาที่หอ เพราะรู้ว่าแฟนคนน่ารักของเขา
อี้เฟิงอยู่ที่หอทำการบ้านอยู่
จึงอยากมาเห็นหน้าให้ชื่นใจก่อนออกไปซ้อมเทควันโดต่อ
แต่ก็มาพบกับเหตุการณ์ชวนงุงงง และเขาไม่เข้าใจซักอย่าง
ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงแตะต้องตัวอี้เฟิงได้ถึงขนาดโอบอุ้มกันแบบนี้
ถ้าเขาจำไม่ผิดเพื่อนของอี้เฟิงทั้งหลายหวงอี้เฟิงยิ่งกว่าอะไร
หวงในระดับที่ใครหน้าไหนก็มาทำอะไรอี้เฟิงไมได้ ตามดูแลกันชนิดที่ไม่ให้อี้เฟิงต้องกลัวอะไรเลย ถ้าหากยิ่งเป็นช่วงอี้เฟิงเกิดเนื้อหอมมีใคร ๆ
มารุมขอความรัก ตามจีบกันเป็นพัลวัน เหล่าเพื่อน ๆ ของอี้เฟิงก็จะลุกฮือ
แทบไม่ให้อี้เฟิงต้องอยู่คนเดียว
..แต่เขาจำได้ว่าเพื่อนคนหนึ่งของอี้เฟิงที่ชื่อจิ้งฝู บอกว่า
ยังมีลาสบอสอีกคนที่หวงอี้เฟิงพอกัน แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้คำตอบว่าเป็นใคร
แล้วในตอนนี้ คนคนนี้ล่ะ ? เป็นข้อยกเว้นหรือ เพราะดูจากปฏิสัมพันธ์ของอี้เฟิงแล้ว
เขารู้จักคนที่ชื่ออี้ฝานนี้เป็นอย่างดี
แถมไมได้รังเกียจหรือกลัวที่เขาโอบอุ้นแนบสนิทขนาดนี้
ในระยะประชิดถึงขนาดที่ใบหน้าหวานประชิดหน้าหล่อของบุคคลปริศนานี่แล้ว
อี้เฟิงก็แทบไม่หลบสายตาเขาเลย
ชักไม่สบอารมณ์แล้วสิ ..... หยางหยางคิดพลางมองดูเหตุการณ์ของทั้งคู่ตรงหน้า
คิ้วเข้มได้รูปบนใบหน้าหล่อเริ่มขมวดปม
แสดงออกชัดเจนว่าเขาไม่พอใจขนาดไหนที่นายอี้ฝานคนนี้มาแตะต้องอี้เฟิง และเกิดความไม่เข้าใจแฟนตัวเองอย่างอี้เฟิงที่ทำไมถึงได้ปล่อยให้เขาแตะเนื้อต้องตัว
แม้จะเห็นว่าขัดขืนบ้างก็ตามแต่ความสนิทสนมจากบทสนทนานั้นเป็นของจริง
หยางหยางเบ้หน้า คิ้วเข้มหนาเริ่มขมวดเป็นปม
เขาชักไม่สบอารมณ์เสียแล้วสิ
หยางหยางไม่อยากแสดงอารมณ์หึงหวงให้อี้เฟิงรู้สึกอึดอัด
แต่ในกรณีที่เขาไม่เข้าใจอะไรเลยในเหตุการณ์ของสองคนตรงหน้าเขา มันอดไม่ได้ที่จะมีอาการแบบนี้ออกมา
และอี้เฟิงก็รับรู้แล้วว่าเขากำลังหึงหวงอี้เฟิงอย่างมาก
สังเกตเห็นได้จากแววตาไหวหวั่นนั้น
อยากรู้เหมือนกันว่าเด็กคนนั้นจะอธิบายกับหยางหยางว่าอย่างไร
“หยางเกอ..ใจเย็น ๆ ก่อนนะ “
“พี่อี้เฟิงทำไมต้องพูดเสียงหวานกับเฮียคนนั้นล่ะ!”
“ก็แล้วทำไมเล่า เรื่องอะไรของนาย แล้วก็ปล่อยฉันลงจะไหล่นายซักที
เมื่อยนะเว้ย”
อี้ฝานไมได้ทำตามที่บอกเลย
แถมเปลี่ยนท่าอุ้มร่างแมวน้อยมาเป็นท่าอุ้มเหมือนกำลังเด็กเล็ก โอบรอบเอว
ช้อนตัวให้อี้เฟิงอยู่ในระดับพอดีแขนแกร่งนั้น โชคดีที่ตอนเปลี่ยนท่าอี้เฟิงโอบรัดรอบคำอี้ฝานไว้ทัน
จึงไม่พลัดตกลงไปกลิ้งกับพื้นเสียก่อน
ใบหน้าหวานเผลอตัวซุกที่คอของร่างสูงใหญ่ ทำเอาหยางหยางเบิกตากว้าง
กำหมัดแน่น ท่าทีเริ่มมีน้ำโห จนอี้เฟิงนึกกลัว
“อี้เฟิง..มีอะไรจะบอกเกอมั้ย”
“พี่อี้เฟิงไม่มี เฮียน่ะ ไปได้แล้ว คนเค้าจะคุยกันแบบ ‘ส่วนตัว’ ”
สิ้นคำท้ายประโยค หยางหยางไม่ทันคุมสติอะไรได้
เจ้าเด็กตัวโตนี่กวนโมโหเขาเกินไป
เขาถลาเข้าไปคว้าร่างทั้งที่อี้เฟิงยังคาคางเติ่งอยู่บนอกของอี้ฝาน
มือของหยางหยางทั้งคู่โอบจนรอบและรัดแน่น เพื่อจะแย่งร่างของอี้เฟิงจากการพันธนาการของอี้ฝานมาให้ได้
ยื้อแย่งกันอยู่แบบนี้พักใหญ่ จนอี้เฟิงรู้สึกว่านี่มันไปกันใหญ่แล้ว
เขาเองก็รู้สึกเจ็บเพราะแรงรัด ทั้งคู่แรงเยอะเป็นบ้า เพราะเป้นนักกีฬากันทั้งคู่
ตัวจะขาดอยู่แล้ว
“นี่ ! หยุด! ทั้งคู่เลย!”
จนในที่สุดอี้เฟิงทนไม่ไหว เสี้ยงหวานเปล่งออกมาทั้งที่ยังอยู่ในสงครามแย่งแมวกัน
หยางหยางและอี้ฝานชะงักไปทันทีที่ได้ยิน
ตากลมโตส่งสัญญาณเป็นเชิงบอกให้อี้ฝานปล่อยเขาลงได้แล้ว
และเอาจริงถ้าไม่ปล่อยจะอาละวาดให้ตึกระเบิดไปเลย อี้ฝานกระซิบเบา
ๆกับตัวเองว่าองค์ติสส์แตกลงอี้เฟิงเสียแล้ว อี้เฟิงได้ยินแว่วๆจึงฟาดไปทีหนึ่งดังป้าบใหญ่จนหยางหยางยืนอยู่ในเหตุการณ์ใกล้
ๆก็ต้องหัวเราะสะใจ
“โอ๊ย อี้เฟิง ตีเกอด้วยทำไม”
“เกอนี่ก็บ้าเหมือนไอ้บ้าอี้ฝาน มาทำอะไรกันตรงนี้เนี่ย”
หยางหยางโดนอิทธิฤทธิ์อี้เฟิงไปด้วยเหมือนกัน โดนฟาดเสียแรงแบบนั้น
เขาเจ็บอยู่แล้ว อีกฝ่ายที่กลายเป็นคู่แค้นของหยางหยางมองด้วยความสะใจแบบที่เขาใช้สายตามองอีกฝ่ายเหมือนกันเมื่อครู่
หลังจากนั้นอี้เฟิงก็เหมือนเห็นชายหนุ่มบ้าบอสองคนส่งกระแสไฟฟ้าเปรี๊ยะกันกลางอากาศสู้กันอยู่ในความคิดอยู่แล้วและป่านนี้คงสู้กันจนเลือดท่วมจอ
“นายไม่มีซ้อมรึไงอี้ฝาน ?”
“ไม่มี ถึงมีก็จะมาหาพี่อ่ะ”
“แล้วหยางเกอล่ะ ชมรมเป็นยังไ ทำไมถึงมาหาผม?”
“ก็อยากมาหา ถึงไม่ว่างก็จะมา”
ไม่ได้ลดราวาศอกกันเล๊ย....อี้เฟิงนึกปวดหัว
ขบคิดว่าจะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์ตรงหน้านี้
หยางเกอผู้สุขุมและสงบคนนั้นกลายเป็นคนบ้าหึงจนหน้าดำหน้าแดง
อี้ฝานก็บ้าอีกคนขี้หวงจนเลือดขึ้นหน้า
“อี้เฟิง..นายคนนี้เป็นใคร ?”
“แล้วเฮียล่ะ
เฮียมาถามพี่อี้เฟิงแบบนี้คิดว่ามามโนว่าเป็นแฟนพี่อี้เฟิงแล้วจะมาถามเรื่องส่วนตัวอะไรเขาได้รึไง”
เสียงทุ้มของทั้งคู่เริ่มเถียงกัน เปิดสงครามน้ำลายกันอีก สรุปแล้ว
พอหึงพอหวงกันก็เป็นบ้ากันไปหมด ไอพวกนักกีฬาบ้ากล้ามพวกนี้
“หยางเกอ อี้ฝาน พอกันทั้งคู่ แล้วออกไปจากห้องฉันให้หมดเลย
ถ้าคิดว่ายังญาติดีกันมาเจอหลี่อี้เฟิงคนนี้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาคุยกัน ปวดหัว!”
ปัง!
อา... แมวน้อยองค์ลง
ทั้งสองคนโดนดันอกออกมาจากห้องของอี้เฟิงและหลังจากนั้นก็ถูกสั่งห้ามให้มาเจออีกจนกว่าเขาสองคนจะเคลียร์กันได้
ใบหน้าหวานส่งออร่าทะมึนมาให้ แบบนี้หยางหยางไม่เคยเจอ น้องอี้เฟิงไม่ค่อยโมโห
จนมาวันนี้...อา เขาหึงจนหลุด ควบคุมสติตัวเองไม่ได้ ส่วนไอหมอนี่ข้าง ๆก็กวนประสาทเป็นบ้า
อี้ฝานหันไปมองอีกฝ่ายข้างอย่างหัวเสีย
เพราะเขาโดนอีกฝ่ายโมโหใส่อีกแล้ว พอได้มองตาส่งกระแสปะทะกันซักพัก เขาก็ผลักออกไป
“เป็นนักกีฬาเหมือนกันสินะเฮียน่ะ มาประลองกันมั้ยล่ะ
ชนะก็มายุ่งกับพี่อี้เฟิงได้ แต่ถ้าแพ้ก็หายไปจากชีวิตพี่เขาเลยแล้วกัน ว่าไง”
หยางหยางฟังคำท้าทายแบบนั้นแล้วคิ้วกระตุกขึ้นมา
เขาเป็นนักกีฬาและชอบการแข่งขัน ยิ่งเรื่องแบบนี้ยิ่งโดนท้าทายยิ่งยอมให้กันไมได้
“ก็ไม่เลวครับ ยังไงขอเชิญเป็นที่ยิมมหาลัยของผมมั้ยล่ะ
ที่กว้างพอที่เราจะอาละวาดกันในนั้นได้สนุก”
“ก็ดี....อย่าลืมที่บอกไว้ล่ะ ถ้าแพ้น่ะ”
“ผมไม่คิดว่าผมจะแพ้ และคุณก็เหมือนกัน
ถ้าหากแพ้ผมก็ต้องหายไปจากชีวิตอี้เฟิง”
“ผมหายไปไม่ได้หรอกนะ เขาร้องไห้เสียใจแย่เลย ฮึ เอาชนะให้ได้แล้วกัน”
พูดจบมือแข็งแรงของคนตัวสูง จัดหมวกแกปเท่ ๆ
ที่ใส่ให้เข้าที่และเดินผลักออกไป
โบกมือส่งให้หยางหยางอย่างท้าทายและดูกวนประสาทหนักหนา
ยิ่งเห็รหยางหยางยิ่งคิ้วกระตุก ถ้าเป็นเด็กในชมรมเขา อาจจะสั่งลงโทษไปแล้ว
หยางหยางประเมินจากท่าที เขาน่าจะเป็นนักกีฬาสายต่อสู้เช่นเดียวกัน อืม..อาจจะเป็นมวย ที่มือมีร่องรอยและใบหน้ารอยแผลต่าง ๆ
ก็พอดูออกว่าเป็นคนที่เชี่ยวชาญสังเวียน และเจ้าตัวเขาคงมั่นใจในฝีมือน่าดู
และแววตาที่ดูมั่นใจอีกเหมีอนกันว่าจะชนะหยางหยางได้แน่
“เฮีย เอาเป็น1ทุ่มที่ยิมมหาลัยเฮีย มันที่ไหนนะ?”
“ที่ชมรมเทควันโด้มหาลัย นายตามไปได้เลย จะรออยู่ที่นั่น”
“ตามนั้น “
เขาพูดติดน้ำเสียงกวนใจได้ตามบุคลิค
และทิ้งห่างเลี้ยวออกจากเส้นทางของชั้นนี้ลับหายสายตาไป
แม้จะย่ามใจว่าตัวเองต้องเป็นต่อเพราะสถานที่
แต่ประโยคที่นายอี้ฝานคนนี้พูดทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาดในใจ
ที่บอกว่าอี้เฟิงจะร้องไห้เสียใจ เขาสัมผัสได้ว่านั่นอาจจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ
เขาอยากรู้ความสัมพันธ์ของคนคนนี้กับอี้เฟิง แต่ท่าทางอี้เฟิงจะโกรธหนัก
และนายคนนี้ก็เดินจากไป และเขาก็ไม่อยากไปถามให้เสียเชิง ถ้าเอาชนะแล้วค่อยคาดคั้นเสียก็ไม่ช้าเกินไป
“ตายล่ะ จะมีมวยคู่ใหญ่ เจ้าบ้าอี้ฝานกับรุ่นพี่สุดหล่อหยางหยาง”
“วางข้างกันเลย จะลงข้างไหน ไปเปิดโต๊ะ!”
“เล่นพนันในมหาลัยเดี๋ยวกโดนเรียกหรอก”
“โหย หรือไม่อยาก?”
“ก็ดี ตื่นเต้นดี อี้เฟิงมันคงปวดหัวแย่ ให้ตายสิ
รุ่นพี่หยางหยางเจอบอสใหญ่ท้าสู้ จะไหวมั้ย
ไอ้บ้าอี้ฝานนี่ก็แชมป์มวยรุ่นเยาวชนของประเทศซะด้วย”
“พี่หยางเขาก็น้อยที่ไหน รายนั้นก็ชนะทั่วสารทิศเข้าคัดตัวโอลิมปิคอีกต่างหาก”
เหล่าบรรดาเพื่อน ๆ ที่มาแอบสังเกตการณ์ จิ้งฝูเป็นคนคิดแผนนี้
เหวินหลวโทรเรียกลาสบอสคนนั้น ส่วนคู้เทียนฮ้าวและต้าซุนเป็นนกรู้สอดส่อง
และในที่สุดก็เป็นอย่างที่คิดไว้ว่า
ไอบ้าอี้ฝานเกลอและองครักษ์ตัวพ่อลาสบอสตัวทอปพิทักษ์อี้เฟิง
ที่อุตส่าห์บินมาจากบ้านเกิดละการซ้อมไว้ก่อน เพื่อมาเจอแฟนของอี้เฟิง
อี้ฝานหวงอี้เฟิงอย่างกับอะไรดี
ก็เพราะรุ่นพี่หยางหยางรุกเร็วพ
วกเขารู้ว่าอี้ฝานจะต้องโมโหระเบิดแน่ถ้าหากแอบไปกระซิบและบอกอี้ฝานว่า
อี้เฟิงมีร่องรอยการสัมผัสมากกว่าจูบกอดไปแล้ว โดนกินไปแล้วน่ะสิ! พอเห็นข้อความที่บอกเล่าทางโซเชี่ยล
เท่านั้นล่ะ ลาสบอสของพวกเขาก็มา
รุ่นพี่ทำให้เพื่อน ๆ
อย่างพวกเขาเกิดความเป็นห่วงต่ออี้เฟิงอย่างมากมาย
รุ่นพี่เข้าไปในใจหัวใจอี้เฟิงได้ แต่ใช่ว่าจะฝ่าด่านพวกเพื่อน ๆ อย่างพวกเขาหมดได้ เพราะอี้เฟิงเป็นทั้งเพื่อนรักและน้องชายในคราวเดียวกัน ดูแลมาอย่างดี เพราเจ้านี่เป็นคนที่ใคร
ๆต้องดูแล ป้ำๆ เป๋อ ๆ เอ๋อบางครั้ง ติสไม่รู้เวล่ำเวลา
พวกเขานี่ล่ะที่มีหน้าที่ดูแลหลี่อี้เฟิงมัน
อี้เฟิงมีออร่าที่น่าเอ็นดู ดูแลและน่าปกป้องเหมือนแมวน้อยน่าเอ็นดู
ที่พวกเขาต้องดูและและคอยห่วง
ก็พอรู้ล่ะนะ พวกเขาตกเป็นทาสแมวกันไปหมดแล้ว
ไม่ใช่แค่สี่คนแต่เพื่อนทั้งเอกแทบจะไปกินหัวรุ่นพี่หยางหยาง
พอรู้เรื่องราวนี้กันแม้จะไม่ลึกล้ำมากไปกว่าแมวอี้เฟิงของพวกเราทุกโดนรุ่นพี่อุ้มไปถึงไหนต่อไหน
แม้แต่เพื่อนผู้หญิงก็ยังน้ำตาซึม รู้สึกหวง
ตอนเล่าและวิเคราะห์กันให้ฟังในฃ่วงประชุมลับก็เครียดกันมาก แต่ใจหนึ่งผู้หญิงก็ยังเป็นผู้หญิงก็ยังมีแอบเชียร์รุ่นพี่หยางหยางอยู่
แต่อดห่วงอี้เฟิงที่รวดเร็วกับรุ่นพี่เกินไป
เป็นห่วงว่าถ้าหากรุ่นพี่เขาไม่จริงใจด้วย
แม้อี้เฟิงจะยืนยันว่ารุ่นพี่หยางหยางเป็นคนดีและไว้ใจเชื่อใจได้
แต่นั่นก็แค่ในความคิดอี้เฟิง ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วหยางหยาง
รุ่นพี่สุดหล่อขวัญใจสาว ๆทั้งมหาลัยนอกมหาลัยด้วย เขามีตัวตนอย่างไร
ใคร ๆ ก็เป็นห่วงแมวน้อยกันทั้งนั้น
แต่รุ่นพี่จากสายตาการประเมินขององครักษ์พิทักษ์อี้เฟิงอย่างพวกเขาก็พอรู้อาจจะผ่านด่าน
กันไปง่าย ๆแต่อี้ฝานต้องให้แข็งแกร่งจริง ๆถึงจะผ่านไปได้
ยังคิดไม่ออกว่าอี้ฝานจะยอมให้รุ่นพี่หยางหยางแตะต้องอะไรอี้เฟิงได้อีกมั้ย เพรารู้เรื่องราวมาบ้างแล้ว
ก่อนหน้านี้เหล่าบรรดาผู้ชายผู้หญิงที่หนักข้อมากเข้ามาจีบอี้เฟิง
ก็ลาสบอสอย่างอี้ฝานนี่ล่ะที่เป็นคนจัดการให้คนพวกนั้นประเด็นหลับบ้านเก่าตัวเองไป อี้ฝานไม่ชอบให้ใครมายุ่งย่ามกับอี้เฟิง
เป็นแบบที่มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ แล้ว
“ก็รอแล้วกันว่ารักแท้อย่างรุ่นพี่หยางหยาง หรือ
คนที่อยู่ด้วยมาทั้งฃีวิตอย่างอี้ฝาน ใครจะชนะ
“
จิ้งฝูเสริมทัพให้เพื่อนช่วยกันคิด วิเคราะห์ พวกเขาหวงอี้เฟิงกันมากพอตัวแต่ไม่เท่าอี้ฝานแน่นอน
ก็เจ้านั่นรักอี้เฟิงที่สุดในโลกรองจากพ่อแม่เลยนี่หน่า เขาว่ามาอย่างนั้น
ที่ทำแบบนี้ก็เพราะรุ่นพี่ทำให้พวกเขาระแวงในความรักของรุ่นพี่เองนะ ถ้าทำอะไรกันเงียบ
ๆไม่ให้เห็นรอยที่คอตรงนั้นก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นปล่อยให้ผ่านไปง่าย ๆ แท้ ๆ
แต่ยังไงรุ่นพี่ก็ต้องเจออี้ฝานอยู่ดี ไม่ว่าช้าหรือเร็ว
ก็เพราะอี้เฟิงเป็นพี่ชายสุดรักสุดหวงสุดเทิดทูนของอี้ฝานเลยนี่หน่า
OURSONG ~我們的歌 ~
“นึกว่าจะหนีไปไม่กล้ามาซะแล้ว”
“นี่ยิมของชมรมที่ผมเป็นประธานอยู่ คุณจะให้ผมไปไหนล่ะ”
ข่าวล่ามาไว ของศึกชิงนาง (?) นี้ไปเร็วมาก เพราะมีสาว ๆ
ของชมรมดนตรีสากลล่วงรู้ หากพวกเธอรู้คือโลกรู้ แค่พูดว่าอย่าไปบอกใครเชียวนะว่าวันนี้จะมีการแข่งขันชิงนางกันที่ยิม
รุ่นพี่หยางหยางกับหนุ่มหล่อจากต่างเมืองซึ่งอี้ฝานเองก็มีชื่อเสียงในด้านกีฬาและด้านการเป็นนายแบบไม่น้อยที่ถือว่าเป็นอาชีพเสริมอีกที
นอกจาการเป็นนักศึกษาของตัวเอง
“ผมไม่มีทางออมมือให้หรอกนะครับ เฮีย อย่าสลบตอนผมฮุกหมัดใส่ล่ะ”
“คุณก็เหมือนกัน ระวังผมจะฟาดเข้าจนคุณหลับไม่รู้เรื่องนะ”
ทั้งสองคนก็ยังไม่วายเกทับกันก่อนเข้าสนาม
เรื่องราววันนี้ในสนามแข่งคนที่ปั่นการบ้านจนหัวฟูอยู่ที่ห้องพักอย่างอี้เฟิงยังไม่รู้เรื่อง
เพื่อน ๆ ในชมรมช่วยปิดข่าวกันสุดหัวใจ
ถ้าอี้เฟิงรู้ว่าคนที่เขารักสองคนมาสู้กันเพราะเขาก็คงหัวเสียน่าดู และสองคนนี้ก็ไม่พยายามจะบอกอะไรด้วย ก็เพราะถูกบอกว่าให้มาปรองดองกัน(?)
ทั้งสองก็มีวิธีปรองดองกันในแบบวิธีหนุ่มนักกีฬา ก็ใช้กำลังปรองดองกันเลยแล้วกัน
กองเชียร์จากทั้งฝั่งเด็กในชมรมของหยางหยางเองต่างก็มาเชียร์ประธานสุดหล่อของตัวเองกันอย่างเต็มที่
แต่เพราะรุ่นพี่หยางหยางเป็นเจ้าถิ่น เล่นในบ้านตัวเอง
กองเชียร์เยอะกว่าย่อมเป็นเรื่องธรรมดา
แฟนคลับของี้ฝานในมหาวิทยาลัยก็มีไม่น้อย
ทางฝั่งของชมรมดนตรีสากลของอี้เฟิงก็มาดูกันครบทุกคน
กลายเป็นสองฝั่งข้างสนามเต็มไปด้วยผุ้ชมที่อยากดูการต่อสู้ที่มีหนุ่มหล่อสองคนมาประจัญกันแบบนี้
บางคนไม่รู้สาเหตุที่ต้องมาเปิดลานประลองกัน บางคนก็ได้ยินข่าวลือกัน
บางคนก็รู้อยู่เต็มอก อย่างคนในชมรมทั้งสองฝ่าย ฝั่งหยางหยางเองก็พอรู้ดี
เพราะเพื่อนสนิทของหยางหยางเองก็รู้เรื่องราวความรักของทั้งอี้เฟิงและหยางหยางพอกับที่ทางฝั่งชมรมดนตรีสากลรู้
หยางหยางก็มีที่ปรึกษาที่ดีเป็นเพื่อน ๆ
ของเขาที่ก็คอยสนับสนุนเพื่อนให้จีบน้องอี้เฟิงหลังจากชอบมาเป็นปี ๆ
และในที่สุดก็ได้ใจเขามาครอง
แต่ไม่วายเจออุปสรรคใหญ่เป็นผู้ชายที่ชื่ออี้ฝานนี่เสียอีก
“รุ่นพี่หยางหยางสู้ ๆ “
“อี้ฝาน~~~ สู้ ๆ “
เสียงเชียร์ดังก้องทั่วโรงยิม ทั้งสองฝ่ายเข้าสนามแล้ว
และการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น กรรมการในสนามวันนี้ก็เป็นคนจากชมรมข้างเคียงข้างเคียงซึ่งมาช่วยดูแลและประเมินการแข่งนขันด้วย
นอกจากเรื่องของอี้เฟิงแล้ว
ทั้งหยางหยางและอี้ฝานก็ถือว่านี่เป็นเรื่องของศักดิ์ศรี
ทั้งคู่ที่เป็นคนมากฝีมือ เห็นกันและกันว่าต้องเป็นคู่ต่อสู้ในด้านกีฬาที่ดีได้แน่
ๆ พอมีประเด็นเรื่องอี้เฟิงให้โยงเข้ามา
จึงเป็นเหตุจูงใจอย่างแรงกล้าให้พวกเขาสู้กัน
เรื่องอี้เฟิงจึงเป็นของรางวัลที่ยอดที่สุดแล้วหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะไป
อี้ฝานวาดหมัดแรกไป แต่หยางหยางใช้ความคล่องตัวหลบได้และสวนคืนทันทีด้วยท่าฟาดเท้าโดยวาดเท้าเหนือขึ้นไปและเหวี่ยงวงให้ตรงคู่ต่อสู้
แต่งอี้ฝานก็ประเมินทิศทางและหลบได้ทันอย่างฉิวเฉียด อี้ฝานเดินหน้าต่อยอีกหมัด
โดนเข้าที่ท้องของหยางหยาง ใบหน้าหล่อเหยเกเล้กน้อย และใส่แรงเต็มที่
โค้งตัวหลบหมัดที่อี้ฝานส่งมา และมีหมัดเป็นของตัวเองเช่นกันและส่งเข้าไปที่ใบหน้าหล่อของอี้ฝานอย่างไม่ยอมกัน
คนรูปหล่อร่างใหญ่ แสดงอาการใบหน้าแหยเกไม่ต่างกัน
และเขาก็เหวี่ยงหมัดออกไปสร้างรอยแผลและความเจ็บแก่อีกฝ่ายอย่างเอาคืน ทั้งคู่ใช้วิชาที่ตนรำเรียนมา
เข้าโรมรันอีกฝ่ายไม่ลดละ ทั้งหมัด ทั้งวงเตะที่วาดออกไป
การหลบหลีกที่คล่องตัวและเฉพาะทางของแต่ละคนซึ่งเรียนวิชามาไม่เหมือนกัน
ถือเป็นการต่อสู้ที่มันส์ไม่น้อย
เพราะศิลปะการต่อสู้ที่ต่างกันมาเปิดลานสู้กันแบบนี้ ก็มีไม่บ่อย
“เห้ย!”
แต่ไม่ทันที่จะรู้ผล หลังจากสู้กันไป นานอยู่เหมือนกันที่ทั้งคู่สู้กัน
คนรูปหล่อทั้งคู่ได้แผลได้รอยกัน มา
และต่างเริ่มเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อนี้เพราะฝีมือดีกันทั้งคู่ แต่หากว่าไฟในโรงยิมกลับดับสนิท กองเชียร์สาว ๆ
ส่งเสียงตกใจดังระงมไปทั่ว เริ่มมีคนโวยวายบอกให้ไฟติดได้แล้ว
เพราะพวกเขากำลังดูการต่อสู้ที่สนุกสนานอยู่
ไฟฟ้ายังคงดับอยู่ สองคนที่กำลังจะเข้าตะลุมบอนกันในช่วงไม่กี่วินาที
ก็ต้องหยุดลงเพราะความประหลาดใจ ทั้งโรงยิมยังโวยวายต่อเนื่อง เพราะผ่านไปหลายนาทีแล้ว
ไฟฟ้ากลับมายอมติดเสียที มีเด็ก ๆ
ในชมรมเทควันโด้ของหยางหยางนั้นรีบโทรไปตามชข่างไฟ ไม่ยอมให้พื้นที่ของตัวเองไฟฟ้าดับนาน ถือว่าเป็นเจ้าบ้านจะเสียหน้าได้
แต่ไม่ทันจะได้ไปตามช่างอีกไม่กี่นาทีอีกเช่นกัน
ไฟฟ้าก็กลับมาติดสว่างดังเดิม และ
“เห้ย รุ่นพี่หยางหยาง กับอี้ฝานคนนั้นหายไปไหนน่ะ!”
OURSONG ~我們的歌 --
“อี้เฟิง เดี๋ยว ๆ ฟังกันก่อน อย่าเพิ่งตีโมโหใส่แบบนี้”
“พี่อี้เฟิงอย่าองค์แม่ลงสิวะ ผมยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยอ่ะ”
พอได้ทีช่วงเวลาที่ไฟดับ อี้เฟิงเดินสามขุมเข้าไปหา
คู่ต่อสู้ที่เป็นทั้งน้องทั้งแฟนของเขา แล้วพูดเบา ๆ บอกว่านี่หลี่อี้เฟิงเอง
ทำเอาสองคนสะดุ้งไปตาม ๆ กัน และเดินตามออกไปเงียบ ๆโดยดี หลังจากนั้น
ก็ส่งสัญญาณโทรไปหาให้เพื่อนสี่คนที่เฝ้าอยู่ เปิดไฟฟ้าให้ติดอีกที
คิดอะไรไม่ออกก็ต้องเอาวิธนี้ละวะ แม้มันจะดูอลังการไปหน่อย
แต่จะเข้าไปห้ามทัพกลางวงกลางคนดูก็ไม่ใช่เรื่อง พอได้ตัวสองคนมาก็ลากมืออกมาจากโรงยิมและต้อนให้สองคนเข้ามาหลบในชมรมของอี้เฟิงเสียก่อน
“พวกคนบ้าสองคนนี่นะ”
ตอนแรกที่อี้เฟิงผู้ไม่รู้อะไรเลย นั่งปั่นการบ้านหัวฟูอยู่คนเดียว
โดยที่ไม่รู้ว่าจะมีไอบ้าสองคนไปสู้กันเพราะเรื่องของเขาที่สนามใหญ่แถมมีคนเชียร์กันสั่น
มีพนันขันต่อกันด้วย เป็นเรื่องใหญ่ไปอีก อี้เฟิงทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นสองคนทำตัวบ้าบอมาสู้กันแบบนี้
ถึงจะบอกว่าสู้กันในเกมส์ แต่เพราะทั้งสองคนเป็นนักกีฬาคนสำคัญ! ทั้งหยางเกอของเขาที่เป็นนักกีฬาที่จะเข้าไปคัดตัวทีมชาติ
จะบาดเจ็บหรือเสียเรี่ยวแรงไปเยอะไมได้ ในระหว่างเก็บตัว
และอี้ฝานเองก็มีการแข่งขันหนักหน่วงรออยู่
ไม่สามารถที่จะบาดเจ็บหรือเป็นอะไรไปได้เลย ถ้าไม่อยากเจ็บใจ
อี้เฟิงจึงคิดว่าควรให้การต่อสู้นี้
เสมอกันแค่นั้นให้พอรู้ฝีมือและสนุกสนานกับคนดู
และเขาก็โทรสั่งไปที่เจ้าสี่คนที่ประจำตรงที่คัตเตอร์ไฟและสับมันลง
“หยางเกอ! อี้ฝาน! พวกบ้า ! จะสู้ให้บาดเจ็บกันทำไม”
“ก็.... “ทั้งสองคนจะพูดแก้ตัวพร้อมกัน แต่ก็ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้
เอ่ยคำไหนก็ดูท่าทางจะผิดทุกคำ
อี้เฟิงไม่อยากไปตะโกนห้ามทั้งคู่ในสนาม และมองเห็นแล้วว่าสองคนนี้ทิฐิไม่ลดละ ถ้าใครคนใดแพ้
อีกฝ่ายก็ต้องได้ใจ และคนแพ้ก็ต้องขอสู้ ซึ่งไอฝ่ายชนะก็รับคำท้าแน่นอน
เขารู้นิสัยอี้ฝานดี
และหยางเกอที่แม้เพิ่งได้เรียนรู้กันแต่เข้าใจได้แน่ว่าเขาจะเป็นแบบนั้น
ดูจากรูปการแล้ว
“ถ้าบาดเจ็บไปจะว่าไง คิดเยอะ ๆหน่อยสิ สองคนจะต้องไปเข้าแข่งขัน
ไปคัดเลือดเข้าทีม จะทำให้ตัวเองเจ็บกับเรื่องแบบนี้ทำไม
อี้เฟิงบ่นเพราะเป็นห่วงหรอกนะ”
หยางหยางเข้าใจที่อี้เฟิงสื่อ
เขาที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามมองเข้าไปในตากลมโตดวงนั้น ท่าทางดูเศร้าและเหมือนจะร้องไห้อยู่แล้ว
เขายิ่งรู้สึกผิดที่ทำให้หัวใจของตัวแองต้องมีความรู้สึกแบบนี้
น้องอี้เฟิงของเขาคงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นต้นเหตุ
เขานี่มันใช้มาได้ที่พาลโกรธและทำอะไรไม่คิด ความเป็นผู้ใหญ่หาดไป
แทนที่ด้วยความโฏรธและหึงหวงอย่างที่สุดแทน
“ขอโทษนะอี้เฟิง นายด้วย
ชื่ออี้ฝานใช่มั้ย”
“ช่างเถอะเฮีย ขอโทษคุณด้วยที่ไปท้าทาย ขอโทษพี่อี้เฟิง ผมมันเป็นน้องชายที่ไม่ดี
ทำพี่เศร้าอีกแล้ว อย่าร้องนะ หม่าม๊ารู้ต้องฆ่าผมแน่”
หยางหยางได้ยินคำขอโทษดังกล่าว ในช่วงแรกก็ยิ้มรับ
แต่พอกลับมาคิดอีกที
“อะไรนะ? น้องชาย ? “
หยางหยางเอ่ยออกมา ตั้งคำถาม เขารู้สึกประหลาดใจ นี่มันเรื่องอะไร
เขาพลาดอะไรไปหรือ ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วแสดงความสงสัยอย่างยิ่ง หันไปทางอี้เฟิงที
ทางอี้ฝานที
“หยางเกอคนบ้า
อี้ฝานเป็นน้องชายผม น้องที่คลานตามกันออกมานี่ล่ะ
ผมถึงได้ไม่ขัดขืนมันเวลามันทำอะไรผมแต่จะฆ่ามันแทนเวลามันทำอะไรไม่คิด เกอเสียอีกไปบ้าจี้กับมัน ถ้าทั้งพี่ทั้งอี้ฝานเป็นอะไร
ผมจะทำยังไง”
ใบหน้ารูปหล่อของหยางหยางก้มลงซุกใบหน้าของตัวเองกับฝ่ามือใหญ่
เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าและโง่ได้ขนาดนี้มาก่อน
อารมณ์ความรู้สึกที่เป็นตัวนำพาให้เขาต้องทำอะไรไม่ยั้งคิด แถมยังทำให้คนรักเสียใจ
ไม่ยอมถาม และเพราะทิฐิที่มีมากเกินไป
“หยางเกอขอโทษอี้เฟิง หยางเกอผิดไปแล้ว ขอโทษ จริง ๆ “
“หยางเกอไม่เป็นไร ผมก็ดีใจแล้ว
ไว้ไปแก้ตัวกับทุกคนแล้วกันว่าเกอหายไปไหนหลังจากไฟดับน่ะ”
อี้เฟิงพูดแล้วหัวเราะติดตลก
ปลายหางตามีน้ำตาซึมออกมาจากความเศร้าใจและรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุและดีใจที่หยางเกอยอมลดทิฐิและความหึงหวงลงและยังเอ่ยขอโทษออกมาก่อน สมกับที่เป็นรุ่นพี่ทีดี
และสมกับความเป็นผู้ใหญ่ที่อี้เฟิงได้ยอมรับ
“นายล่ะอี้ฝาน พี่เขาพูดมาขนาดนี้แล้ว—“
“อาเจ๊ อย่าเทศน์ก่อนได้มั้ย
ผมก็อยากขอโทษพี่เฮียเขาอยู่เหมือนกันหน่า ผมก็ผิดไปแล้ว
และไม่คิดว่าอาเจ๊จะรักเขาขนาดนี้ ผมสัมผัสเอาจากเสียง อาเจ๊รักเขามาแล้วก็ ทำไม ! ไปแอบจับมือเขาด้วยอ่ะ!”
อี้เฟิงเสหลบใบหน้าไป
เขาอยากแค่ปลอบให้คนรักของเขาหายเศร้าใจและให้กำลังใจ
เพราะว่านั่งอยู่ตรงหน้าไม่ไกลกันจึงเอื้อมมือไปคว้ามือแข็งแรงนั้นไว้ มีรอยช้ำอยู่เนือง
ๆจากการต่อสู้เมื่อครู่ อี้ฝานน้องชายตัวเสบของเขาจับได้เสียแล้ว
และแกล้งทำเป็นงอนเป็นเด็ก ๆ จนอี้เฟิงต้องใช้มือที่ว่างเขกเข้าที่หัวซักที
“เขาเป็นแฟนฉัน และฉันก็รักเขา และหยุดเรียกฉันว่าอาเจ๊
ไม่งั้นได้ตายจริง ๆ “
หยางหยางขำออกมาจนอี้เฟิงได้ยิน
จากที่กลั้นไว้นาน ใบหน้าหวานหันไปส่งสัญญาณค้อนและบอกให้หยุดหัวเราะ
เดี๋ยวได้ทะเลาะกันอีก
รุ่นพี่รูปหล่อจึงหยุดและเปลี่ยนเป็นอ้อนแฟนดีกว่าโดยการกระชับมือเล็กนุ่มนิ่มให้แน่นขึ้น
“พี่อี้เฟิงจับมือผมบ้างดิ่ อะไรว้า ห่วงแต่แฟน”
“นายอยู่กับฉันมาทั้งชีวิตไม่เบื่อรึไงต้องมาตามห่วงแบบนี้”
“มีพี่สาวต้องตามดูแล”
“ไอ้เด็กบ้าอี้ฝาน”
“ครับ ๆ ไม่ล้อแล้ว ผมแค่รักพี่ แค่นั้นเอง”
“เอามือมานี่มา ดูซิ ได้แผลมาทั้งสองคนเลย”
อี้ฝานยื่นมือให้พี่ชายตามคำขอ อี้เฟิงละปล่อยมือของหยางหยางออกก่อน
ซึ่งหยางหยางไม่ขัดอะไรอยู่แล้ว นั่นมันน้องชายเขา
อี้เฟิงจะห่วงน้องชายมากกว่าและมาก่อนเขานั่นไม่แปลกเลย คนในครอบครัวย่อมสำคัญกับจิตใจมาก เขาก็ผิดมากที่ไปรับคำท้า โดยขาดสติ
เมื่อครู่ก็ทำน้องชายคนนี้เป็นแผลเจ็บไปหลายที่อยู่เหมือนกัน
“ขอโทษที่ทำนายเจ็บ “
“ไม่เป็นไร ผมก็ต่อยเฮียไปหลายจุดเหมือนกัน ไงล่ะ หมัดหนักดีใช่มั้ย”
“ก็ไม่เลว”
สองคนพูดไปแล้วกลั้วหัวเราะไปด้วย อี้เฟิงมองเห็นบรรยากาศดี
ๆท่ามกลางสองคน
อย่างน้องกีฬาก็ทำให้สานสัมพันธ์ได้ง่ายขึ้น ได้สู้กันจนรู้ฝีมือ
ก็ถือว่าดีแล้วที่ไม่เคืองกัน พวกนักกีฬาอาจจะต้องสู้กันใช้กำลังคุยกัน
น่าจะเข้าใจกันได้เร็วกว่าคำพูดก็อาจจะเป็นเช่นนั้น
“ที่จริงก็ต้องขอโทษทั้งสองคนด้วยที่ไม่บอกอะไรเลย
ไม่บอกอี้ฝานว่าพี่ชายมีแฟนแล้ว
และไม่บอกหยางเกอให้รู้เรื่องกันไปเรื่องอี้ฝาน
แต่อยากให้ทั้งคู่รู้ไว้ว่า ผมรักทั้งสองคนมาก อย่าทำให้ตัวเองบาดเจ็บแบบนี้อีกนะ”
หลังจากพลิกตัว ให้สองคนหมุน ไป ๆ มา
ๆดุแผลของทั้งคู่ไม่มีอะไรบุบสลายไปมากกว่าแผลบนใบหน้า และตามร่างกายอื่น
ๆที่ไม่ร้ายแรง ทั้งคู่ก็หมัดหนักพอกัน พลางพูดประโยคนั้นไปด้วย สองคนรับฟังแล้วก็ยืนนิ่ง ไม่เอ่ยออะไรกัน
จนอี้เฟิงแปลกที่เงียบกันไปแบบนี้
“ซึ้งกันมากกรึไง อี้เฟิงคนนี้แค่พูดตามความจริง---โอ๊ย อี้ฝาน
จะพุ่งมากอดทำไม”
อี้ฝานไวกว่าเข้ารวบตัวกอดพี่ชายที่รักเสียแน่น
ซบไหล่พี่ชายพลางทำเสียงสะอื้นให้ และพบว่าอี้ฝานร้องไห้จริง ๆ หยางหยางยิ้มขำและประหลาดใจที่อี้ฝานที่ดูภายนอกเข้มแข็งและเป็นเทพพิทักษ์อี้เฟิงขนาดนี้
ต่อหน้าพี่ชายที่แสนหวงก็อ้อนเอาเป็นเอาตายกับเขาเหมือนกัน
“อย่าตกใจนะเกอ เจ้าบ้านี่ก็เป็นแบบนี้ล่ะ
อี้ฝานเป็นห่วงผมเพราะเราก็มีกันแค่สองพี่น้อง พ่อแม่ก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ทำแต่งาน
พอไปไหนมาไหนผมก็ถูกแกล้งบ่อยก็มีอี้ฝานที่ดูแลผมมาตลอด
ผมถึงได้รักและเป็นห่วงอี้ฝานมาก ก็น้องชายผมนี่”
อี้เฟิงอธิบายความเป็นมาของความรักพี่น้องให้หยางหยางฟัง
เขาพอเข้าใจแม้ไม่มีพี่น้องกับเขา
แต่สายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่แนบแน่นเป็นสิ่งที่ดี และเขารับถือที่อี้ฝานอุตส่าห์ข้ามฟ้ามาหาพี่ชายก้เพราะเรื่องแค่พี่ชายมีแฟน แต่เขาก็เกือบจะเอ็นดูเจ้าเด็กนี่แล้วเชียว
ถ้าไม่เห็นว่าเจ้าอี้ฝานตัวแสบนี่ส่งสายตาเหนือกว่าล้อเลียนแกมกวนประสาทมาบอกเขาว่า
ฉันได้กอดพี่อี้เฟิงด้วย
เขาทำยิ่งกว่านี้มาแล้ว หยางหยางจึงปล่อยให้เจ้าเด็กนี่กวนประสาทต่อไป
“เฮียขอผมคุยกับส่วนตัวกับเฮียซักครู่ได้มั้ย อาเจ๊ไม่ต้องมาแอบฟังนะ”
พอพูดจบอี้ฝานก็ต้องเอี้ยวตัวหลบฝ่ามือฟ้อนเล็บ
เพราะพี่ชายเขาวาดมือจะตีเพราะเผลอเรียกฉายาที่ติดปากออกไป หลบพ้นก็คว้าแขนให้หยางหยางออกจากโซนนี้ไปก่อน
พอออกมาได้ก็หาที่เงียบ ๆคุยเปิดใจอย่างลูกผู้ชาย ออกมานอกชมรม
อี้ฝานยืนเก๊กท่าอย่างไว้เชิง หยางเกอ ก็เริ่มจริงจัง
อยากรู้เด็กคนนี้จะพูดอะไร
“เฮียชื่อหยางหยางใช่มั้ย ทำไมถึงตกหลุมรักพี่ชายผม”
คำถามแรกฮุกเข้าหนักกว่าหมัดของเขาแต่หยางหยางไม่ยี่หระกับหมัดนั้น เขาตอบความจริงไป
“ทุกอย่างของพี่ชายนาย
รักทุกอย่างแต่เริ่มจากหนึ่ง ก็คือรอยยิ้มของพี่ชายนาย”
“รอยยิ้ม ?”
“รอยยิ้มของอี้เฟิง..สำหรับฉันเหมือนแสงสดใสของดวงอาทิตย์”
อี้ฝานไม่คิดว่ารุ่นพี่คนนี้จะเปรียบรอยยิ้มของใครคนหนึ่งได้เลี่ยนสมใจขนาดนี้
เขาเผยยิ้มออกมาและถามต่อ
“แล้วพี่อี้เฟิงเป็นอะไรสำหรับเฮีย ? “
“หัวใจ”
สั้น ๆ ง่าย ๆ อี้ฝานไม่เคยเจอคนจริงขนาดนี้มาก่อน
มันอาจจะดูทื่อมะลื่อและไม่ค่อยได้ความหมายเท่าไหร่
แต่คำว่าเป็นหัวใจมันก็มีความมหายในตัวมัน
ก่อหน้านี้หลายคนที่เข้ามารุมล้อมจีบอี้เฟิง
ผ่านการคัดกรองของอี้ฝานมาทุกคน แม้ไม่ได้เยอะขนาดนั้น
แต่อี้ฝานก็ไม่ให้ใครผ่านด่านเขาเข้าไปถึงตัวพี่ชายอย่างแท้จริงได้ คนเหล่านั้นเอาแต่พูดคำหวาน
เอาแต่สร้างภาพให้อี้ฝานติดตาเห็นว่าดี
ก็ใช่ว่าอี้ฝานจะไม่รู้จักหยางหยางเสียเลย เคยได้ยินอยู่เหมือนกันว่าเขามีชื่อเสียงด้านกีฬา
และพวกเพื่อนของพี่ชายเขาก็เล่าให้ฟังว่าคนคนนี้เป็นที่มาจีบอี้เฟิงคนล่าสุด
แม้ทั้งสี่คนจะยอมรับหยางหยางว่าคนนี้ไม่เหมือนคนอื่นที่เข้ามาจีบอี้เฟิงเลย กว่าจะได้จับมืออี้เฟิงก็ยังต้องขออนุญาต
และเขาก็เป็นคนเปิดเผย เรื่องที่เขาชอบอี้เฟิง เขาไม่เคยปิดบัง
ไม่ก็ไม่ถึงขั้นไปป่าวประกาศใคร ๆ ไม่ได้กลัวความนิยมของตัวเองตกไปด้วย
เวลาที่หยางหยางแวะมาหาอี้เฟิงที่ชมรมหรือที่ห้องเรียนบ้าง
เขาจะเข้าไปหาอย่างเปิดเผย ไม่กลัวสายตาใคร
อี้เฟิงเองก็ชอบคนที่เปิดเผยลักษณะนี้ ทำให้รู้ไปเลยว่าชอบว่ารู้สึกเช่นไร
ถือว่าเป็นการเข้าทางที่ดี ก่อนหน้านี้ก็มีคนดังมาจีบ แต่ดันกลัวความนิยมตก
คนคนนี้จึงถูกอี้ฝานสวนหมัดไปครั้งที่เรียกมาคุยกัน
“เฮียไม่สนใจว่าแฟนคลับเฮียจะลดลงอะไรงี้หรอ?”
“ฉันไม่ใช่ดารา และบอกอีกครั้งว่าฉันรักอี้เฟิง”
“ฉันไม่ใช่ดารา และบอกอีกครั้งว่าฉันรักอี้เฟิง”
“อืม ชัดเจนดี แต่ที่ผมโมโหมากคือคุณล่วงเกินพี่ชายผมไปแล้ว
นี่ล่ะที่ผมยอมให้ไม่ได้จริง ๆ “
หยางหยางรับทราบข้อกล่าวหานี้
ในวันนั้นบรรยากาศมันเป็นใจเหลือเกิน และเขาก็คิดถึงอี้เฟิงมาก
บวกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เขาล่วงเกิน
และพยักหน้ารับสารภาพกับอี้ฝานที่ได้ล่วงเกินพี่ชายที่รักของเขาไป
และหมัดหนักของอี้ฝานก็ฟาดแรงเข้าที่ใบหน้าหล่อ
หยางหยางไม่หลบและปล่อยให้ใบหน้าของเขารับหมัดนั้นเต็มกำลัง จนเกิดบาดแผลที่มุมปาก
เลยไปที่แก้มของคนรูปหล่อช้ำไปเป็นจ้ำจนน่ากลัว เลือดไหลออกจากแผลที่มุมปากไม่หยุด
แต่เขาไม่สนใจมัน
“ผมจะทำมากกว่าถ้าพี่อี้เฟิงไม่ยืนดูอยู่ตรงนั้น คุณจำเอาไว้ว่า
อย่าได้ทำอะไรล่วงเกินหากพี่ผมไม่ได้เต็มใจ ไม่ว่ากรณีไหน
ผมเข้าใจความรักคุณแต่ผมก็รักพี่ชายผมเหมือนกัน
ผมไมได้มาบอกว่า ฝากพี่ชายด้วยนะ
ไม่มีทางเสียหรอก
แต่แค่บอกว่าให้ดูแลเท่าที่คุณจะทำได้ และทำให้ดีที่สุด ผมสามารถเตะคุณออกจากชีวิตพี่อี้เฟิงได้ทุกเมื่อ
ผมรู้ความเคลื่อนไหวคุณ ตลอดเวลา อย่าให้พี่ชายผมต้องเสียใจ ผมรู้ว่าเขารักคุณ..มาก แค่เห็นแววตาก็รู้แล้ว
ผมเป็นน้องเขาย่อมมองเห็นความรู้สึกของเขาชัดเจน
ที่ผมปล่อยให้คุณเข้ามาเป็นส่วหนึ่งในชิวตพี่อี้เฟิงได้ถึงขนาดนี้ อย่าได้คิดว่าเพราะคุณฝ่ามาได้
นี่มันยังไม่พอด้วยซ้ำ
แต่เพราะว่าพี่อี้เฟิงรักคุณ ผมถึงยอมให้คุณคว้ามือพี่ชายผมมากอบกุมได้”
อี้ฝานที่นิ่งเงียบหลังจากฟาดหมัดเข้าที่ใบหน้าหล่อนั่นแล้ว
เขาเอ่ยความรู้สึกออกมาทั้งหมด ยาวแต่หยางหยางรับรู้และเข้าใจทุกคำ และรับมันเข้ามาจดจำไว้
อย่างน้อยเขาก็ต้องยอมฟังน้องชายที่อี้เฟิงรักมาก
แม้เขาเองก็ยังไม่ลดทิฐิลลงไปมากเท่าไหร่ แต่มันก็จำเป็นหากเขารักอี้เฟิง คนในครอบครัวของอี้เฟิง ความเห็นของอี้ฝานที่เป็นน้องชายของเขาก็ย่อมสำคัญ
“ฉันไม่มีวันปล่อยมืออี้เฟิงแน่นอน และยืนยันว่าพี่ชายของนายเป็นหัวใจของฉันจริง ๆ “ หยางหยางไม่อยากประดิษฐ์คำอะไรให้สวยหรู
เขายืนยันคำคำเดิม ว่าอี้เฟิงเป็นหัวใจของเขา ใครคนใดไม่มีหัวใจ ย่อมไม่ใช่คน
และตายไปแล้ว เขามีอี้เฟิงเป็นหัวใจ นั่นเหมายถึง สำคัญมากและเป็นองค์ประกอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต
สำคัญกับเขา และครอบครัวของหยางหยางเข้าใจดี
“ก็ดีแล้ว ผมจะกลับบ้านแล้ว แต่วันนี้จะไปส่งพี่อี้เฟิง ก็กลับด้วยกัน
แต่คุณห้ามแตะต้องพี่ชายผม หนึ่งอาทิตย์ ทำได้มั้ย อีกอย่างสัญญากับผมว่า
จะไม่ทำให้พี่อี้เฟิงร้องไห้ ไม่นับกรณีดีใจนะ เพราะอาเจ๊แกเซนสิทีฟเกิน บางทีก็มีเหมือนกัน”
“ได้ ฉันเองก็ยังมีระยะหนึ่งที่เคยสัญญาไว้กับอี้เฟิงเหมือนกัน “
OURSONG ~我們的歌 ~
หลังจากหยางหยางรับคำแล้ว เขาก็ทำตามอย่างที่บอก
หลังจากที่แผลที่ถูกต่อยล่าสุดด้รับการดูแล ก็เดินกลับหอพัด้วยกันสามคน ระหว่างทางอี้เฟิงสั่งให้สี่คนไปรับหน้าบอกทุกคนว่าในโรงยิมว่าสองคนไปสู้กันที่อื่นและจบแล้ว แต่กำฃับห้ามบอกผลแพ้ชนะ
และให้แยกย้ายกลับไปบ้านเสียที
ทั้งสี่คนนั้นเป้นหัวโจกใหญ่ที่ทำให้อี้ฝานต้องทิ้งงานทิ้งซ้อมมาหาเขา ที่จริงเขาตั้งใจจะบอกอี้ฝานหลังจากนี้
จะบินกลับไปบ้านหลังปิดเทอม
เพราะสี่คนนั้นบอกอี้ฝานเรื่องราวจึงกลายเป็นแบบนี้
แต่ก็ดีที่จะได้รู้กันไป และเข้าใจกันซักที
หยางหยางบอกว่าเขาสัญญากับอี้ฝานไว้สองข้อ แต่ไม่แจงว่าเป็นอะไร
อี้เฟิงพยักหน้ารับ แต่หยางหยางเดินห่างเขาและอยู่ในระยะหนึ่งช่วงแขน
อี้เฟิงนึกประหลาดใจที่หยางเกอของเขายังยึดถือไว้
แต่ไม่เป็นไรหรอก ระหว่างทางกลับ มีคนที่รักของเขาเดินอยู่ด้วยกัน
แม้มีเขม่นกันบ้างก็ช่างเถอะ
“อาเยี่ยน!”
กลับไปถึงหอก็พบถังเยี่ยนที่ยืนรออยู่หน้าประตูใหญ่ของหอพัก
เธอวิ่งเข้ามาหาอี้เฟิงและสวมกอดอย่างแนบแน่น จนอี้ฝานตกใจต้องรีบแยกอาเจ๊คนนี้ออกไปเสียก่อนพี่ชายจะขาดอากาศ
“รู้ว่ามีเรื่องก็เลยมาหา
คนนี้หรอที่ท้าสู้นายหยางหยาง”
ถังเยี่ยนเงยหน้าสบตาอี้ฝาน
แม้อี้ฝานจะแพ้พ่ายความสวยของเธอแต่ก็ต้องใจแข็งไว้ก่อน
เพราะท่าทางจะเป็นเพื่อนกับหยางหยาง
“แพ้หรือชนะ ?”
“ไม่รู้สิ อี้เฟิงมาห้ามไว้ก่อน”
“ก็คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้”
ถังเยี่ยนไถ่ถามเพื่อนสนิทของเธอ และเมื่อได้คำตอบก็นสมใจ
เพราะเธอก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าอี้เฟิงต้องทำเช่นนี้ตามนิสัยที่เธอประเมิน
จะผิดคาดเสียอีก ถ้าอี้เฟิงปลาอยให้สองคนนี้สู้กันจนรู้ผล เธอมั่นใจว่าอี้เฟิงไม่สนุกกับอะไรแบบนั้น แต่ที่คาดผิดคือ คนที่สู้กัน
เหมือนจะเข้าใจกับไว
หรืออาจจะเป็นเพราะความเป็นนักกีฬาที่สู้กันก็เข้าใจกันมากกกว่าพูด
“ มาพบเพราะอยากรู้แค่นี้เหละ ก็ดีแล้วที่หยางหยางไม่เป้นไร อีกฝ่ายก็สบายดีใช่มั้ยล่ะ”
เธอเอ่ยไปพลางดุแผลของเพื่อนสนิทเธอ
ที่ใบหน้าเหมือนจะได้รับการปฐมพยาบาลมาแล้ว
เธอโล่งใจที่เพื่อนไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่านี้
เธอคว้ามือเพื่อนมาจับไว้และบีบให้กำลังใจ และบอกลากลับบ้านของเธอ
“พี่สาวเยี่ยนนี่ไปไวมาไวดีนะหยางเกอ”
“ยัยนี่ก็เป็นแบบนี้ล่ะ”
“ผมก็ต้องกลับเหมือนกัน”
อี้ฝานเอ่ยขึ้นกลางปล้อง
เขาสวมกอดพี่ชายให้แนบแน่นให้สมกับความคิดถึงที่สะสมไว้
“อย่าลืมที่พูดล่ะ เฮียหยาง ผมจะมาเอาคืนแน่ถ้าเฮียไม่ทำตาม”
“รู้แล้ว”
น้องชายของอี้เฟิงเดินหันหลังกลับออกไป ตากลมโตมองตามน้องชาย
รู้สึกเศร้านิดหน่อยที่เห็นชายต้องกลับ ทั้งที่ยังไม่ได้คุยอะไรกัน
แต่คร่หนึ่งเขาเห็นไอ้เด็กบ้านั่นแอบยิ้ม เห็นตั้งแต่เจอพี่สาวเยี่ยนแล้ว
มองตามเขาตาละห้อย นั่นคงจะเดินตามพี่สาวเยี่ยนไป น่าจะตบให้กบาลแยก
“ส่งตรงนี้นะอี้เฟิง”
“ไม่เข้าไปหรอ?”
ปกติที่หยางหยางจะอ้อนขอเข้าไปนั่งไปนอนในห้องอี้เฟิง
เพราบอกว่าคิดถึง อยากจะเห็นหน้าจนกระทั่งหลับ
แต่วันนี้นอกจากระยะหนึ่งช่วงแขนที่รักษาบวกกับไม่อ้อนเข้าห้องแล้ว ก็รู้สึกแปลกใจ
อาจจะเป็นอะไรที่สัญญาไว้กับอี้ฝานอย่างนั้นหรือ ?
“โอเค งั้นผมว่าเกอไปพักก่อน แผลนี้โอเคแล้ว ไม่เจ็บแล้วใช่มั้ย”
“ครับ เกอสบายดีแล้ว เห็นหน้าอี้เฟิงก็รู้สึกดีแล้ว”
ยังไม่วายทิ้งคำหวาน สายตาของหยางหยางที่มองเขามากมายความรู้สึก
ความรักท่วมอยู่ในนั้น เขาทำได้แค่เขินรุ่นพี่ที่เป็นแฟนคนนี้เพียงเท่านั้น
และหลังจากนั้น อีกคนก็ทำได้แค่มอง และส่งยิ้มให้ก่อนลับตาเข้าห้องไป
หยางหยาง คนคนนี้ ..ไม่รู้สิ
..อี้เฟิงคนนี้ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
รักเขามากเหลือเกิน
หากมีวิธีที่จะทำให้เขารู้ว่ารักมากกว่าที่ทำอยู่จะทำให้หมดเลย
“เอาเป็นว่ทำได้แบบนี้ก็ส่งไปก่อนแล้วกัน”
อี้เฟิงส่งเพลงที่บรรเลงเสร็จสรรพไปให้หยางหยางผ่านข้อความ
เป็นเสียงเพลงบรรเลงที่อัดสด ๆ
หลังจากบอกลากจากกันด้วยรอยยิ้มแห่งความรักหน้าประตูเมื่อครู่นี้
เพลงเดิม ๆ ที่เป็นจุดเริ่มของความรักของเขาทั้งสองคน
我們的歌
อี้เฟิงอัดสดด้วยการบรรเลงกับกีตาร์ลูกรักที่ถนัด ท่วงทำนองที่ใส่ลงไปเต็มไปด้วยความรักทั้งสิ้น หวังว่าอีกฝ่ายที่ชื่นชอบเพลงนี้เหมือนกันคงจะซาบซึ้งไปกับท่วงทำนองนี้
情人总分分合合 可是我们却越爱越深
ธรรมดาที่คู่รักเดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิก แต่เราสองกลับยิ่งรักยิ่งซึมลึก
ธรรมดาที่คู่รักเดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิก แต่เราสองกลับยิ่งรักยิ่งซึมลึก
认识你让我的幸福 如此悦耳
การได้รู้จักคุณ
ทำให้เสียงความสุขของผม ไพเราะรื่นหูเพียงนี้
หยางหยางได้รับข้อความเสียงจากอีกคนข้างห้อง แฟนที่น่ารักส่งข้อความเสียงมาเป็นเพลงที่เขาชื่นชอบและเป็นเพลงที่เป็นจุดเริมต้นของความรักของเรา
บรรเลงด้วยกีตาร์เสียงใสของเจ้าตัวที่เป็นตัวโปรด
เสียงใสที่ฮัมตามเพลงไปจนจบ หยางหยางฟังเพลงนี้ซ้ำอีกครั้ง ให้จับหัวใจ
ตอนนี้เขาหลงรักเจ้าของเสียงนี้มากเกินกว่าจะบรรยาย ด้วยคำพูดใด อาจจะมีเพียงเพลงเดียวกันที่อาจจะบอกความรู้สึกได้ดี
คนรูปหล่อเดินไปที่เปียโนหลังสวยที่อยุ่กลางห้อง เขาเริ่มลงมือบรรเลงเพลงนี้
แน่นอนเขาเล่นมันจนถนัดมือและไม่พลาดคอร์ดซักคีย์เดียว อัดเสียงไว้ และส่งกลับไป
能不能不要切歌 继续唱我们的歌
ได้โปรดอย่าตัดเพลงไปตอนนี้ได้ไหม
ร้องเพลงของเราต่อไปเรื่อยๆ
让感动一辈子都记得
ให้ความซาบซึ้งนี้ตราตรึงใจไปชั่วชีวิต
บอกอีกครั้งว่า ความรักต่อหลี่อี้เฟิงของหยางหยาง
บรรยายด้วยคำพูดของหยางหยางได้ไม่หมด ไม่พอแก่ความรักที่มี จึงขอให้เพลงเพลงนี้เป็นสื่อแทนคำทั้งหมด
ท่วงทำนองที่ส่งผ่านไป
อี้เฟิงจะเข้าใจมันมากกว่าอื่นใด
“หืม ?”
ไม่นานอีกฝ่ายก็ส่งกลับมาเป็นข้อความเสียงเช่นกัน
ก่อนจะบรรเลงเพลง ฝั่งหยางเกอของเกอบอกรักเขามาก่อน ให้เขินเล่น ๆ และ
บรรเลงเพลงเดียวกันด้วย เปียโนกลางห้องสีขาวสะอาดตัวนั้น เป็นเปียโนชั้นดีเนื้อเสียงใส และไพเราะที่สุด
ก็อาจจะเป็นเพราะหยางหยางเป็นคนบรรเลงก็ได้ ถึงได้เพราะจนจับใจแบบนี้
ไม่ทันไร ส่งข้อความเสียงกันจบก็ทนคิดถึงกันไม่ได้
หยางหยางกดมือโทรออกมาหาอี้เฟิงก่อนและเมื่อรับสาย เสียงใสน่ารักก็หัวเราะใส่ปลายสายไป
ขอบอกความรู้สึกของตัวเองก่อนแล้วกัน
“อี้เฟิงเขินจังเลยเกอ ทำไงดี”
“เกอจะช่วยอะไรอี้เฟิงได้มั้ย เพราะหยางเกอของอี้เฟิงก็เป็นเหมือนกัน”
อี้เฟิงไม่ยั้งเสียงกลั้วหัวเราะ
จนอีกฝ่ายปลายสายก็ต้องหัวเราะออกมาบ้าง มือไม้วางไม่ถูกที่
หยางหยางก็เดินไปเดินมา หาที่หยุดไม่ได้ เขินกันมากเหมือนครั้งแรกที่เจอกัน
“เกอ ท่อนสุดท้าย เกอร้องเพี้ยนนิดนึงอะ”
“อย่างนั้นหรือ ?”
“อื้อ เดี๋ยวนักร้องคนเก่งจะร้องที่ถูกต้องให้ฟัง”
หยางหยางครางฮึในลำคอ เป็นเด็กที่ขี้อวดจริง ๆ เขารับคำแล้ว
อี้เฟิงก็กระแอมสองสามครั้ง วางโทรศัพท์เปิดลำโพงไว้ให้ดัง
“ฟังนะเกอ ..อ๊ะก่อนร้องให้ฟัง แฟร์ ๆ กัน ผมก็รักหยางเกอมากนะ”
“ครับ “ หยางหยางอมยิ้มกับความน่ารักช่างเจรจาของแฟนคนน่ารัก และเขากำลังตั้งใจฟัง
“อะแฮ่ม”
能不能不要切歌 继续唱我们的歌
neng bu neng bu yao qie ge ji xu chang wo men
de ge
เหนิง ปู้ เหนิง ปู๋ เย่า เชีย เกอ จี้ ซี่ว์ ชั่ง หว่อ เหมิน เตอ เกอ
ได้โปรดอย่าตัดเพลงไปตอนนี้ได้ไหม ร้องเพลงของเราต่อไปเรื่อยๆ
让感动一辈子都记得
rang gan dong yi ben zi dou ji de
รั่ง ก่าน ต้ง อี เป้ย จึ โตว จี้ เตอ
ให้ความซาบซึ้งนี้ตราตรึงใจไปชั่วชีวิต
เหนิง ปู้ เหนิง ปู๋ เย่า เชีย เกอ จี้ ซี่ว์ ชั่ง หว่อ เหมิน เตอ เกอ
ได้โปรดอย่าตัดเพลงไปตอนนี้ได้ไหม ร้องเพลงของเราต่อไปเรื่อยๆ
让感动一辈子都记得
rang gan dong yi ben zi dou ji de
รั่ง ก่าน ต้ง อี เป้ย จึ โตว จี้ เตอ
ให้ความซาบซึ้งนี้ตราตรึงใจไปชั่วชีวิต
บทเพลงรักของเราจะอบอวลในใจไปตลอดตราบนานเท่านาน
END OF OURSONG ~我們的歌 ~ **********************************************************
(ที่มาของแปลเพลงและเนื้อเพลง หวังลีฮอม OURSONG http://www.jiewfudao.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538846523&Ntype=14 )
TALK ::
เรียบง่าย น่ารัก คนรอบข้างก็น่ารัก มันจะน่ารักทั้งเรื่องเกินไปแล้ว
ตอบลบ(คำผิดมีพิมพ์ตก กับที่ผิดแบบพิมพ์รวนพิมพ์ไว พอสมควรเลย)
รักกันแบบนี้เนี่ยดีจังเลยนะ ไม่หวือหวาแต่จริงใจ เราไม่ควรอินกว่านี้แล้วล่ะ