TITLE
: THISMAN
CHAPTER
: 9 'คนคนนี้แสนทรมาน'
PAIRING
: YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG – 15
RATE : PG – 15
********************************************************************************
“ผม...รักคุณ”
“----นาย...”
แม้ไม่ได้ทวนคำ
แต่ที่อุทานเสียงเบาครางต่ำออกไป อี้เฟิงได้ยินเต็มสองหู
แต่แค่อยากให้อีกฝ่ายยืนยันคำที่เขาพุดอีกครั้ง
เขาไม่เชื่อว่าจะได้ยินคำคำนี้ออกจากคนที่ได้ถูกเขาตีหน้าไว้ว่าเป็นคนที่ใจร้ายและเลวที่สุดในชีวิตของหลี่อี้เฟิง
“ผม....”
“ฉันให้นาย.....พูดใหม่อีกครั้ง ...”
หยางหยางไม่พูด เหมือนเขาพูดออกไปอย่างเผลอตัวและไม่เชื่อตัวเองเหมือนกัน
อี้เฟิงเปิดโอกาสให้
“..ถ้าฉันฟังผิดไป ก็ดี แต่ถ้าเป็นคำคำนั้นจริง ๆ นายไม่ควรพูดออกมาส่งเดช
คำคำนั้นไม่ใช่คำที่นายควรจะมาพูดให้ฉันได้ยิน*---“
“ผมรักคุณ”
หยางหยางสวนทะลุกลางประโยคขึ้นมา
อี้เฟิงจากที่ก้มหน้าอยู่ตลอด น้ำตานองอาบแกมนิ่มนวลที่เป็นรอยช้ำ น้ำตาที่ไหลซ้ำหยาดลงตามความเร็วของน้ำหนักหยดน้ำตามความโน้มถ่วง
ไหลซ้ำและทับคราบน้ำตาเดิมที่แห้งไป ในช่วงเวลา..ในเหตุการณ์หนักอึ้งหัวใจตอนนี้
อี้เฟิงร้องไห้เวลา..ต่อหน้าหยางหยางที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา
“นายต้องการให้--.. ฉันรู้สึกยังไง”
“คุณได้ยินสิ่งที่ผมบอกคุณไป...เมื่อครู่ใช่มั้ย...”
หยางหยางพูดคำถามช้า
ๆ นั่นกลั่นออกมาจากใจเขาโดยตรง
เขาไม่มีอะไรที่จะต้องเสแสร้งแกล้งทำอีกต่อไป
เมื่อความรู้สึกที่แท้จริงนั้นได้ปรากฏด้วยคำพูดของเขาถึงหลี่อี้เฟิงแล้ว
หยางหยางรักหลี่อี้เฟิง
ในที่สุดหยางหยางก็ยอมรับความรู้สึกรักนี้ที่แผ่วงกว้างและตอนนี้ทับทามความรู้สึกเกลียดในแรกเริ่มไปแล้วจนหมดสิ้น
ทับวงความเกลียดจนไม่เหลือร่องรอย
เขารักหลี่อี้เฟิงหมดหัวใจแล้ว
มารู้ตัวตอนนี้ เขาก็ไม่สามารถถอนทั้งตัวและหัวใจได้ทัน
เขาพ่ายแพ้ต่อความรักและหัวใจตนเอง หัวใจของหยางหยางเป็นของหลี่อี้เฟิงแล้ว
“ฮึ....สะอิดสะเอียน”
“คุณ.....เกลียดคำว่ารัก....ของผมหรือ “
“นายกล้าพูดออกมา...ได้ยังไง”
“ผม..ผมแค่บอกความจริงแก่คุณว่าผม---“
“ห้ามพูดซ้ำออกมาให้ฉันได้ยินนะ!”
อี้เฟิงตวาดลั่นห้องใส่หน้าหยางหยางทั้งน้ำตาอาบแก้ม
เสียงหวานสั่นเครือไปด้วยความเจ็บช้ำและไม่อยากรับฟังความจริงอะไรของเขาทั้งนั้น
หยางหยางได้สัมผัสจากเสียงนั้น และอยากสัมผัสอีกคนให้ถึงหัวใจ
แต่ดูเหมือนตั้งแต่เขาบอกว่ารักให้อี้เฟิงได้ยินออกไป ก็เหมือนอีกฝ่ายยกกำแพงใหญ่ที่สูงเสียดสวรรค์ปิดหัวใจแล้ว
“ห้าม....พูดออกมาแล้ว” ก้อนสะอึกจุกลำคอ
อี้เฟิงพูดแล้วติดขัด หยางหยางสบตาอีกคนให้มากกว่าเดิม พบว่าน้ำตาที่ไหลยังไม่หยุด
นองใบหน้าเปียกปอนด้วยน้ำตา แต่แค่เพียงเขายกมือจะเกลี่ยหยดน้ำใสใบแก้ม
ร่างที่สั่นเทิ้มเพราะการร้องไห้ก็เอียงหลบเบี่ยงออกไป
เพียงแค่นั้นเขาก็รู้แล้วว่าไม่ทางอีก
“นายมัน...---”
“ผมแค่อยากจะพูด”
“แล้วคิดว่ายังไง ฉันจะทนฟังได้อย่างนั้นหรอ นายมันหน้าด้าน
กล้าดียังไงถึงได้กล้าพูดคำคำนั้นออกมา “
พอจัดการกับการร้องไห้ของตัวเองได้
แม้จะไม่สนิทดี แต่อี้เฟิงร่ายยาวให้อีกคนได้ยินอย่างชัดเจน
หยางหยางยังคงหยุดสายตาที่ใบหน้าหวานตรงหน้า
เขารู้สึกว่าการพูดว่ารักกันหลังจากที่ทำให้อีกคนเจ็บปวด มันเป็นอะไรที่ยากลำบากที่อีกคนจะเชื่อและยอมฟัง
แต่น้ำตาของอี้เฟิงเหมือนเป็นตัวกระตุ้นใจของเขาจากก้นบึ้ง
หลังจากที่หนีความจริงมานาน
แค่น้ำตาเพียงไม่กี่หยดก็ทำเขาใจร้าวรานยิ่งกว่าการทำร้ายใด ๆ ทั้งหมด
หัวใจเจ็บปวด ทำให้แม้แต่ร่างกายที่แข็งแรงก็ทรุดฮวบเพราะความเจ็บปวดทางใจ
“ผมทำ ทำให้ร่างกายคุณเจ็บปวด....ใจก็ด้วย ใจคุณก็เจ็บ... ผมขอโทษ”
“ขอโทษหรอ ? ...ไอสารเลว”
อี้เฟิงตบฝ่ามือที่มีแรงเพียงน้อยนิดเข้าที่ใบหน้าหล่อของคนที่นั่งตรงหน้า
แน่นอนว่ามันไม่เจ็บเท่าไหร่ รอยมือที่ฟาดบนใบหน้านั้นแทบไม่ลงแรงอะไรมาก
แต่ความเจ็บปวดทางใจต่อหยางหยางเป็นหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์
แม้ขนาดไม่มีแรงก็ยังอยากทำให้เขาเจ็บปวด
แค่สายตาที่มองก็มากพอที่หยางหยางจะรู้ว่าอีกคนเกลียดเขาจากก้นบึ้งมากแค่ไหน อย่างน้อยก็ขอบคุณที่ทำให้เขารู้เสียทีว่าเขาทำอะไรลงไปกันแน่
ทำร้ายเขามากมาย
สุดท้ายก็มาตกหลุมเสียเอง พ่ายแพ้หมดรูป
ซาตานที่สุดท้ายก็ย่อมพ่ายแพ้ต่อเทพบุตร
ความดีความชั่ว ความมืดแสงสว่าง ขาวกับดำ
เขาอยู่ตรงกันข้ามกับอี้เฟิงทุกอย่าง
และเขาแพ้หมดทุกทาง
การหลงรักอีกฝ่ายคือความพ่ายแพ้
เขาแพ้แล้ว
แต่หยางหยางยอมแพ้เอง
ถ้ายื้อรั้งจะเอาชนะสุดท้าย
เขาอาจจะไมได้แม้แต่ฝันถึง
ความรักของเขา
ซาตานที่หลงรักเทพบุตรอย่างสุดหัวใจ
อย่างไรก็พ่ายแพ้
“ผมแพ้แล้ว”
หยางหยางหลุดเข้าห้วงความคิดเงียบหายไปซักครู่
และพูดคำนี้ออกมาลอย ๆ อี้เฟิงได้ยินก็เบิกตากว้าง
เมื่อดวงตาสีดำขลับของหยางหยางสบตา
อีกฝ่ายรับรู้ได้ว่าเขายอมแพ้จากใจจริง ๆ จึงแสดงอาการเช่นนั้นออกมา
“แพ้แล้ว?....ฉันชนะแล้วฉันได้อะไร
ความเจ็บปวดนี้หรือ? หรือหัวใจนาย ? ไม่เลยฉันไม่อยากได้ซักอย่าง”
“ถ้าเช่นนั้นขอหัวใจของคุณ ให้ผมรักษาแผลที่ผมทำกับคุณได้ไหม
ในฐานะที่ผมแพ้ ....” เขาทิ้งเสียงท้ายประโยคให้เบาลง
เป็นเชิงถามเผื่ออีกคนจะเห็นใจ
แต่...เมื่อจบประโยคอี้เฟิงนั่งค้างนิ่งตะลึงในคำพูดของอีกฝ่าย ทั้งที่ยังเบิกตากว้างตกใจ
และครู่หนึ่งน้ำตาก็เอ่อล้นอีกครั้ง ใบหน้าหวานเหยเก
อาการสะอื้นที่เกิดจากการร้องไห้ ควบคุมไม่อยู่
อี้เฟิงร้องไห้ออกมาอย่างเหลืออดเหลือทนอีกครั้ง
หยางหยางนั่งมองทั้งหมดด้วยความสงบแต่ไม่เชื่อสายตา
ว่าเขาจะทำให้อีกคนเจ็บปวดจนต้องระเบิดออกมามากมาย
แม้กระทั่งคนที่เรียกว่าเกลียดกันสุดหัวใจแบบเขา ก็ยังแสดงออกมาต่อหน้า
ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มโศกเศร้าตาม
เขาอ้าปากค้างอยากจะพูดแต่ไม่มีอะไรที่พูดแล้วอีกฝ่ายไม่เจ็บปวด ไม่มีอะไรเลย
เขาคิดว่าแม้แค่เสียงของเขาอาจจะทำร้ายอี้เฟิงได้ ตอนนี้หยางหยางจะทำอะไรได้อีก
อีกคนร้องไห้ออกมาสุดเสียง เสียงหวานสะอื้นจนหยางหยางอยากกอดปลอบแต่ทำไม่ได้
มือเขาที่ทำร้ายจะกอดปลอบเขาได้อย่างและเมื่ออี้เฟิงหยุดสะอื้นไห้
อีกครู่ใหญ่ที่เงียบลง
เขาก็พูดประโยคที่ทำให้หยางหยางแทบใจสลายออกมา
“นายยังกล้าพูดอีกหรือว่านายรักฉัน ? นายอยากได้หัวใจของใครซักคนนายทำกับคนคนนั้นอย่างนี้หรือ?
หัวใจคือของรางวัลของคนที่รักกัน แต่นายเกลียดฉัน
และฉันก็เกลียดนายเหมือนกัน นายก็ยังกล้าขอหัวใจกับฉัน คนที่นายคอยทำร้ายหัวใจ
กล้าดียังไงกัน..."
อี้เฟิงพูดจบประโยคด้วยความยากลำบาก
เพราะก้อนสะอื้นจากการร่ำไห้ จากเพียงแค่หลั่งน้ำตา
กลายเป็นสะอื้นร้องจนกลั้นไม่อยู่ เสียงหวานที่ได้ยินพูดไปสลับกับการสะอึกสะอื้น
แม้หยางหยางจะก้มหน้าไม่มองแล้ว
เพราะไม่อยากเห็นใบหน้าของคนที่เขาเพิ่งยอมรับว่ารักหมดหัวใจ
แต่หากได้ยินเสียงสะอื้นใกล้ ๆ แบบนี้ก็ปวดร้าวไม่แพ้กัน
“....นายยังกล้ามาพูดคำว่ารักยังกล้าพูดว่าขอหัวใจฉัน นายกล้าดียังไง หยางหยาง
กล้าพูดได้ยังไง...”
ฟังที่อีกฝ่ายพูดจนจบ
หยางหยางไม่กล้าพูดไม่กล้าอย่างที่อีกฝ่ายว่าอีกแล้ว ผิดทุกประตู
และไม่มีวิธีไหนที่จะสามารถฟื้นความรู้สึกกันขึ้นมาได้ มันติดลบไปทุกทาง
จะหาอะไรช่วยได้ ก็เพียงแค่เขาต้องไปให้พ้นเสีย แต่เขายังอยากมองหน้าด้วยสายตาตรง
ๆ แบบนี้ มองหลี่อี้เฟิงแบบนี้ไปอีก
“ออกไป”
“ขอโอกาสให้ผมได้ไหม”
“โอกาสของนาย ฮึ นายขออะไรที่มันเป็นไปไมได้
และจากนี้ไม่มีอะไรที่นายจะได้จากฉันไปอีกแล้ว มีแค่เพียงความเกลียดเท่านั้น
และฉันขอให้นายออกไปจากห้องของฉันซะ”
แม้อยากจะมองใบหน้านี้ให้นานแต่เพียงวินาทีเดียวเขาก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว
สิ้นเสียงสุดท้ายหยางหยางทำตามที่อีกฝ่ายพูดและไล่ด้วยสายตา
เขาลุกขึ้นจากเตียงนอนหนานุ่มช้า ๆ สายตายังคงมองอีกฝ่าย
แม้อยากเอื้อมมือไปสัมผัสแต่สายตานั้นสั่งห้ามเอาไว้แล้ว
อยากจะทำทุกอย่างที่จะให้น้ำตาของอี้เฟิงหายไป
แต่ตอนนี้หยางหยางที่เพียงแค่มองเขาก็ผิด และถูกห้ามทำแล้ว อี้เฟิงก้มหน้านิ่ง
และเมื่อหยางหยางเดินออกไป เกือบถึงประตูห้องนอน
เขาขอทิ้งท้ายย้ำให้หยางหยางฟังอีกรอบ
“ออกไป อย่ามาเจอกันอีก แม้หากเจอกัน ก็ห้ามแตะเนื้อต้องตัวฉัน
ใกล้แค่ไหนก็ห้ามสัมผัส ฉันเกลียดนายเต็มทนจนระเบิดออกมา ..นายน่าจะพอใจแล้ว
น้ำตาของฉัน ถึงนายจะบอกว่าแพ้ แต่ฉันมีน้ำตา นั่นไม่ใช่ชัยชนะอะไรเลย
ฉันรุ้สึกเจ็บปวดมากกว่าคนที่อ้างว่าแพ้แบบนายเสียอีก”
“แล้วคุณรู้หรือ ว่าผมเจ็บปวดมากขนาดไหน?”
“ไม่รู้ แต่ฉันไม่ได้รู้สึกว่านายเจ็บปวดอะไรเลย เพราะนายกระทำฉันมาตลอด
..ที่ผ่านมา ฮึ นายก็เห็นผลงานของนายนี่ สาแก่ใจนายแล้ว ก็พอซักที
นายจะยอมรับความแพ้ เพราะนายอ้างว่ารักฉันก็เรื่องของนาย
แต่ฉันรู้สึกแพ้และเจ็บปวดยิ่งกว่า ....อย่ามาอ้างว่าตัวเองแพ้และเจ็บปวด
มันน่าสะอิดสะเอียน”
อี้เฟิงเงยหน้าจากที่ก้มมองดูตักตัวเองอยู่นาน
แต่ไมได้มองหน้าหยางหยาง เขามองไปยังจุดอื่น
พ้นหน้าต่างที่มีกระจกบานใสเผยเห็นทิวทัศน์ด้านนอกในบรรยากาศยามนี้ เขาแค่อยากพักสายตาหลังจากที่ร้องไห้ไปนาน
“พอกันซักที “
หยางหยางอยู่ฟังจนจบ
และคิดว่า
แม้จะย้ำว่ารักให้หมดเสียงหลี่อี้เฟิงคนนี้ก็ไม่มีวันจะเชื่อคำว่ารักของเขา
แต่แม้ไม่อยากฟัง
หยางหยางก็จะพูดซ้ำ
“หลี่อี้เฟิง ผมรักคุณ...นั่นคือความจริงที่ผมอยากจะบอก”
เสียงนั้นจบและไม่นาน
เขาก็พ้นออกประตูคอนโดและออกจากห้องพักของอี้เฟิงไปจริง ๆ เสียที
อี้เฟิงทรุดลงกับเตียงนอนอย่างหมดแรง
ไม่มีเรี่ยวแรงทำอะไรอีกแล้ว ทั้งการกระทำป่าเถื่อนนั้น ทั้งร้องไห้จะเป็นจะตาย
“ไปตายซะ ไอสารเลว.. ฮึก ไปตายซะ”
เขาพูดกับตัวเอง
แม้น้ำตาจะไหลอาบแก้ม แต่ทุกอย่างมันสำเร็จลุล่วง
อี้เฟิงระเบิดเสียงร้องไห้อีกครั้ง ความรู้สึกปะปนกันไปหมด ทั้งเหลืออดเหลือทน
ดีใจที่พ้นเงื้อมมือซาตาน สะใจที่แผนการที่วางไว้มันสำเร็จทุกขั้นตอน
เขาร้องไห้ด้วยความรู้สึกทั้งหมดนี้ปะปนกัน ในที่สุดเขาจะไม่ต้องมานั่งระแวงกันอีก
กลัวอยู่ตลอดว่าจะถูกทำร้าย หรือทำอะไรต่าง ๆนานาเท่าที่หยางหยางคนนั้นจะคิดได้
แผนการที่คิดว่าคือการล่อลวงให้ซาตานตกหลุม
ในที่สุดมันก็ใช้ได้ผล
ร่างบอบบางไร้เรี่ยวแรงยังคงทรุดนอนไปกับเตียงแต่เพลาเสียงร้องไห้สะอื้นลงเหลือเพียงน้ำตาที่ไหลอย่างเงียบ
ๆอาบแก้มทั้งสองข้าง โล่งใจเหลือเกิน เขาเอ่ยอยู่ในใจ
และคิดต่อถึงเรืองราวที่ผ่านมา
อี้เฟิงที่ถูกหยางหยางทำร้ายทั้งกายทั้งใจมาโดยตลอดแม้จะเอาคืนเขาได้บ้างตามความสามารถที่มี
แต่สุดท้ายก็โดนกระทำหยาบช้าชนิดที่อี้เฟิงไม่สามารถให้อภัยได้ กระทำทั้งกายทั้งใจ
หยาบย่ำคนคนนี้ให้เหมือนตายทั้งเป็น
เหมือนที่เขาทำ..ทุกอย่างทั้งบังคับขืนใจกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
อี้เฟิงอยากจะลบสัมผัสนั้นออกให้หมด ทั้งที่มีหลักฐานเก็บไว้ คำพูดถามถางน้ำใจ
หรือสายตาที่มอบให้ด้วยความเกลียดชัง
นั่นทำร้ายกันไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงมาบอกรัก
ในก่อนหน้านี้
อี้เฟิงสัมผัสความรู้สึกของหยางหยางได้บางอย่าง
เขาคิดว่ามีบางอย่างในช่วงหลังที่คิดว่าดูแปลกไปเมื่อเขาเจอหยางหยาง
ในตอนแรกที่คิดเอาเอง แต่ครั้งหลังที่กองถ่ายที่มีสัมพันธ์กัน
เขาสัมพันธ์ในแววตาของหยางหยาง เมื่อเขาเดินย้อนกลับมา
เขาเหมือนจะทำอะไรซักอย่าง แต่ที่พบคือในตอนนั้นสายตาของเขาเปลี่ยนไป
มันไม่ใช่ความรู้สึกเหมือนเมื่อก่อนในครั้งที่ซาตานกระทำหยาบช้า
แต่อี้เฟิงอ่านไม่ออกแค่เพียงคาดการณ์เอาไว้ แต่มาชัดเจนมากขึ้น ๆ
ในตอนที่เขาแสร้งทำเป็นไม่สบายเป็นลมไปกลางป่ากลางเขา หายตัวไปจากกองถ่าย อันนั้นอี้เฟิงเพียงสร้างสถานการณ์
ทำให้ตัวเองบาดเจ็บ ถ้าเขาตกผาหรือลื่นไถลมาจริง
มันจะต้องมีบาดแผลมากกว่านั้นแน่ แต่ความป่วยและอ่อนเพลียนั้นเป็นของจริง
เพราะฤทธิ์ยาปลุกที่หยางหยางให้เขากิน ในตอนนั้นอี้เฟิงคิดเอาในครั้งสุดท้ายว่า
ไหน
ๆ ก็บาดเจ็บเสียทุกส่วนแล้ว กับแค่แสร้งตกเขาไปอีกนิดคงไม่ตาย
อี้เฟิงแกล้งเดินสะดุดให้หกล้มลงไป แต่ก็ยังกะระยะไม่ให้เป็นอะไรมากเท่าที่ทำได้
อี้เฟิงรู้ดีว่าวันนั้นฝนจะตก
เพราะฟังพยากรณ์และบรรยากาศก่อนหน้าไม่ค่อยดีอยู่แล้ว เขาพกขวดน้ำหอมเล็ก ๆ
ติดตัวไปด้วย ถ้าแสร้งตกและจะทำให้คนอื่นหาไม่เจอ
เพราะอี้เฟิงคาดไว้ว่าจะหลบจนคนอื่นหายไป เลิกตามหา
และมั่นใจว่าหยางหยางคนนี้จะต้องจำทุกอย่างของเขาได้ เพราะไหน ๆ
ก็จับต้องทุกส่วนของเขา แม้ไม่มั่นใจแต่ก็ลองให้น้ำหอมกลิ่นนี้นำพาเขามา และได้ผล
ถ้าไม่ได้ผลเขาก็มีวิธีอื่นรองรับ เมื่อหยางหยางมา เขาแสร้งสลบไม่ได้สติ
แกล้งส่งยิ้มให้ พูดประโยคหวานลอย ๆขึ้นมา คนคนนั้นมีปฏิกิริยา และสลบไปกับอกเขา
คนคนนี้ทั้งโอบกอด ทั้งขโมยจูบ
ซึ่งมีความอบอุ่นที่ไม่คิดว่าจะได้รับแม้ฝนจะกระหน่ำก็ยังรู้สึกว่าจูบนี้นิ่มนวลกว่าครั้งไหน
ครั้งที่เขากลับมาเยี่ยมไข้ที่เต้นท์ครั้งหลัง
หยางหยางนั่งมองอี้เฟิงที่แกล้งหลับ แกล้งคว้ารั้งเสื้อเขาไว้
แกล้งพูดประโยคนั้นลองใจ ปฏิกิริยาต่อเนื่อง เขาเป็นมันอีกครั้ง
และแม้จะหันหลังกับไปเขายังกลับมาจูบที่หน้าผาก
ชัดเจนไปอีกระดับว่าคนคนนี้มีความรู้สึกหนึ่งเพิ่มเข้ามาแล้ว และแม้ว่าจะแน่ใจว่าใช่
ช่วงวันที่ถ่ายฉากสุดท้าย ความรู้สึกของหยางหยางต่อเขา
บรรยากาศรอบตัวหมอนั่นเปลี่ยนไป แต่เขายังไม่อยากฟันธง แม้จะยิ้มกระย่องอยู่ในใจ
และอี้เฟิงก็ทดลองอีกครั้งด้วยการให้เฉินเหว่ยถิงรุ่นพี่ของเขาลองนัดกลุ่มมาดื่มกัน
เขาพูดให้รุ่นพี่ลองชวนคนที่รู้จักกันมา รุ่นพี่รู้จักหยางหยางและสนิทกันมาก
เขาไม่ลืมเพื่อนรุ่นน้องคนนี้แน่หากนัดหมายกัน และอี้เฟิงก็พูดรบเร้าว่าอยากดื่ม
อยากสังสรรค์แม้ไมได้เอ่ยมามาตามตรงแต่รุ่นพี่เขาของรำคาญใจจึงตามใจอย่างเสียไม่ได้
วันนั้นอี้เฟิงเตรียมใจไว้ว่าอาจจะได้รับการกระทำรุนแรง
เพราะรู้แล้วว่าเขานั้นมีอิทธิพลต่อหยางหยางมากในระดับหนึ่ง
วันนั้นอี้เฟิงเตรียมการมาด้วยตัวเองทั้งหมด ทั้งการลองใจ แสร้งแกล้งทำ
ยั่วยวนสารพัด พิถีพิถันการแต่งตัวให้ดูน่ารักกว่าทุกวัน
ยิ่งเขาเพิ่มความชิดใกล้และสนิทสนมกับรุ่นพี่ หยางหยางยิ่งโมโห จนเขารู้สึกถึงสายตาที่ส่งมา
แม้เรื่องที่ถูกรุ่นพี่ปล้ำจูบจะเกินไปหน่อย แต่ก็ประจวบเหมาะที่หยางหยางเดินออกมา
และบนเตียงเมื่อคืนอี้เฟิงก็ได้รู้ว่าหยางหยางพ่ายแพ้อย่างแท้จริง
ซาตานที่ตกหลุมรักเทพบุตรนั่นก็ถือว่าพ่ายแพ้แล้ว
แม้จะเจ็บกายเจ็บใจที่โดนข่มเหงซ้ำ
แต่นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะทำให้อี้เฟิงทรมาณและต่อไป
คนที่จะมรมาณทั้งกายทั้งใจยิ่งกว่าอี้เฟิง
ก็คือ
หยางหยางคนนั้น
ไม่มีวัน
ไม่มีทาง หัวใจมันมีไว้ให้เพื่อคนที่รัก
แต่เขาเกลียดคนคนนี้มากกว่าใคร
แม้จะมีครั้งหนึ่งแรกเจอที่เกือบจะส่งให้ใจเขาไป
อี้เฟิงรู้สึกแปลกประหลาดกับใจตัวเองเมื่อแรกเจอกับหยางหยางเมื่อนานมาแล้ว
แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้รู้ว่าคนคนนี้ร้ายกาขและคิดเกลียดเขามากขนาดไหนและมากขึ้นเรื่อย
ยิ่งเมื่อเจอกัน
ความรู้สึกเหมือนผีเสื้อโบยบินในท้องน้อยของอี้เฟิงต่อหยางหยางนั้นหายไป
แต่กลับเป็นซาตานคนนี้ที่ตกหลุมรักอี้เฟิงเสียเอง
“สลับกันให้นายเจ็บปวดบ้าง แต่ครั้งนี้นายอาจจะเจ็บปวดมากและยาวนานกว่าฉัน
เพราะที่เจ็บมันคือหัวใจ”
อี้เฟิงยิ้มเบาบาง
แม้แค่น้อยนิดแต่ก็สาแก่ใจเขา
“นายจะต้องตายทั้งเป็น”
เสียงหวานที่แหบพร่าเพราะอาการไม่สบายตัว
และร้องไห้จนแทบหมดเสียงหมดแรง เปล่งออกมาให้เหมือนกับการระบายอารมณ์
อี้เฟิงคิดถึงการเจ็บปวดในครั้งแรกของเขา
เพรามีความรู้สึกที่ดีให้แต่เขาทำให้อี้เฟิงเจ็บ
จากแค่ระดับหนึ่งกลายเป็นติดลบจนเยือกแข็ง
ไม่มีวันแล้วที่อี้เฟิงจะมอบความรู้ที่ดีให้
,
มันคงไม่มีอะไรที่จะทำให้อี้เฟิงรู้สึกรักเขา
ซาตานคนนั้นจิตใจไม่มั่นคงและไขว้เขวต่อการกระทำของตนเอง
คนคนนี้เสพย์ติดร่างกายและสัมผัสของอี้เฟิง ทำไมจะไม่รู้
เพราะเขาทำทุกอย่างบนร่างกายเขานี่ ฉะนั้นคนที่รู้ดีที่สุดก็คือเขาเป็นแน่
หลังจากนี้แม้แต่ปลายนิ้วก็ไม่มีวันจะได้สัมผัส
แค่มองตากันก็จะไม่มีโอกาส ยิ่งหัวใจนั้นยิ่งยาก เขาไม่มีวันยกให้
ซาตาก็จงไร้หัวใจต่อไป
หัวใจที่ให้มา
เทพบุตรก็จะเหยียบย่ำให้แตกสลายและหัวใจของเทพบุตรคนนี้ก็จะไม่มีวันให้ไปเช่นกัน
มือสวยเอื้อมไปสุดตัวอย่างอ่อนแรง
คว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ โชคดีที่คนคนนี้ก็ยังใจดีคว้ามาคืน
อี้เฟิงนึกถึงหลักฐานที่หยางหยางมี
อี้เฟิงมั่นใจว่ามันจะไม่มีวันได้ออกไปสู่สายตาใคร
หยางหยางที่พ่ายแพ้จนแทบใจสลายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาเมื่อครู่นี้จะไม่มีวันทำ
เขามองออก
ว่าคนคนนี้รักเขาอย่างที่พูดจริง ๆ อี้เฟิงแสร้งทำเป็นไม่ยอมรับ
แต่ในใจสะใจที่เหตุการณ์กลับเป็นเช่นนี้ สาแก่ใจที่อีกคนหลงรักเขาหมดใจ
ดูจากสายตาแล้ว คำพูดทั้งหมด ที่เขาพูดว่ารักนั้นคือความจริง
ไม่คิดว่าน้ำตาของอี้เฟิงจะเป็นอาวุธลับ แต่ไม่ผิดจากอี้เฟิงคาดการณ์ไว้
เพราะคนคนนี้ตกหลุมรักอี้เฟิงมาก่อนหน้า น้ำตาของอี้เฟิงถือว่าเป็นจุดสำคัญ
อาจจะเป็นเพราะคนที่เกลียดกันมักไม่แสดงด้านอ่อนแอ อี้เฟิงเป็นคนแบบนั้น
หยางหยางที่ดูทิฐิแรงกล้าก็เช่นกัน แต่เมื่ออี้เฟิงเสแสร้งทำก็เป็นไปตามที่คาด
แต่ไม่คิดเหมือนกันว่าอีกคนจะพูดคำว่ารักออกมาไวขนาดนี้
แต่ที่ร้องไห้ไปมากมายเมื่อครู่นี้ก็ไม่ใช่การแสร้งทำทั้งหมด
ก็บางส่วนที่มาจากใจจริง มันจบสิ้นกันแล้ว
เขาหวังว่าหยางหยางจะไม่มาทำร้ายอะไรเขาอีกต่อไป
แต่ตอนนี้เขายังบาดเจ็บ
ยังเจ็บปวดเหลือเกิน
“ทำไมฉันยังไม่หยุดร้องไห้อีก....”
มือที่ยังคว้าโทรศัพท์ค้างไว้
กดเบอร์ผู้จัดการคนสนิทค้างไว้และโทรออก
“พี่ครับ หลังจากนี้อย่าให้หยางหยางเขาใกล้ผมอีก เป็นอันขาด”
ปลายสายที่สงสัยถึงความเกลียดชังต่อกันของอี้เฟิงและหยางหยางถามกลับมาว่ามีเหตุอะไรที่จะต้องให้เป็นมากถึงขนาดต้องกันไม่ให้เจอ
อี้เฟิงตอบกลับไปเพียงว่า
“แค่เกลียดกัน....ก็เหมือนเดิมล่ะครับแต่แค่ไม่อยากเจอกันอีกแล้วต่อจากนี้
ถ้าเป็นไปได้”
THISMAN
หลังจากนั้นหยางหยางก็ไม่ได้พบหน้าอี้เฟิงอีก
ทิ้งช่วงห่างนานอีกครั้ง นานมากกว่าเดิม จนเขาแทบเป็นบ้า และทรมาณไปถึงขั้วหัวใจ
เพราะบอกรักเขาไปแล้ว ยิ่งทำให้หัวใจย่ำแย่ลงไปอีก
อี้เฟิงไม่แม้แต่แสดงปฏิกิริยาตอบสนองในคำว่ารักของเขาในตอนนั้น ไม่สนใจมันด้วยซ้ำ
และไล่เขาให้ไปไกล ๆ ถ้าหากมีเหตุที่เลี่ยงไม่ได้ด้วยงาน
มาเจอกันหยางหยางคงขาดใจด้วยอีกคำสั่งที่บอกว่าใกล้แค่ไหนก็ห้ามสัมผัส
“ไหวนะ หยางหยาง”
เพื่อนสนิทคนเดิมที่บาร์เอ่ยอย่างเป็นห่วง
เพื่อนหนุ่มดาราสุดหล่อของสาว ๆตอนนี้แทบเหมือนเป็นคนบ้า
ดูจมกับความผิดและเสียใจของตัวเองยิ่งนาน ยิ่งดิ่งลงไปเรื่อย ๆ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หยางหยางมาเมาหยำแปแบบนี้
เป็นเดือนแล้วที่เขาเห็นเพื่อนสุดหล่อมาเมาที่บาร์ นั่งงเงียบบ้าง โวยวายเสียงดัง
บางครั้งหลุดชื่อบางคนที่อยู่ในใจที่ทำให้เจ็บปวดออกมา
โชคดีที่เมื่อหยางหยางพุดชื่อ หลี่อี้เฟิง ออกมา
เขาก็อยู่ในห้องพิเศษที่มีแค่หยางหยางคนเดียวที่เมามาย
บ้างบางครั้งนั่งนิ่งน้ำตาไหล จนเขาสงสารเพื่อนจับใจ แต่เพราะเหตุการณ์ทั้งครั้งที่หยางหยางหอบเอาสาวหนุ่มขึ้นห้อง
รวมทั้งล่าสุดและอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อหยางหยางพบคนที่รักจริง ๆ
อย่างหลี่อี้เฟิง เขาเห็นทุกอย่าง ครั้งของหลี่อี้เฟิงนี่ถึงขั้นได้ยินเสียง
ทั้งเถียงกันเป็นไฟ ทั้งแว่วครางหวานของอี้เฟิงและเสียงทุ้มที่สมใจกับความต้องการหลุดออกมาจากห้อง
เขาที่เดินไปดูสถานการณ์หลังจากที่เห็นเพื่อนลากดาราหนุ่มคนนั้นผ่านสายตาไป
เขาห้ามไม่ทันเพราะติดลูกค้า พอไปดุเหตุการณ์ก็อย่างที่เกิดขึ้น
ทำกับเขาเสียขนาดนั้น
เขาจะมอบหัวใจให้ก็คงจะบ้าเต็มที
“หยางหยาง โอเคนะ”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร ให้มันสมกับที่ทำไว้กับเขาเถอะ
คิดดูแล้วก็มากเหลือเกินจริง ๆ จะเป็นแบบนี้ก็ไม่แปลกหรอก”
พูดจบด้วยเสียงแหมแห้ง
น้ำตาหน่วงคลอที่เบาตาก็เริ่มเอ่ออีกครั้ง เขาไม่เคยเห็นเพื่อนคนหล่อเป็นขนาดนี้
ไม่รู้จะสงสารอย่างไรแล้วจึงทำได้แค่เลี้ยงเหล้าทั้งบาร์ จนกว่าเพื่อนของเขาจะทำใจได้
“เฉินเสียง ขอบใจ ทุกอย่าง”
“เป็นเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อน”
หยางหยางเอ่ยชื่อเพื่อนและขอบคุณอย่างจริงใจ
แม้ตัวเองปวดจวนเจียนจะตาย แต่เพื่อนก็ต้องรักษาน้ำใจ
เฉินเสียงเป็นเพื่อนรักที่ดูแลน้ำใจกันมานาน เป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของหยางหยาง
“วันนี้จะเข้าไม่ห้องพิเศษหรอ?”
“วันนี้ของเจอคนเยอะ ๆ บ้าง อยู่ในห้องนั้นคนเดียวจะฟุ้งซ่าน เป็นบ้าเอา”
“ก็ดี แต่นายอย่าละเมอหลุดชื่อเขาคนนั้นออกมาอีกแล้วกัน”
หยางหยางยิ้มเบาบาง
เฉินเสียงตบบ่าเพื่อนรัก เพื่อนรูปหล่อของเขาซูบผอมลงไปเยอะ
ใบหน้าตอบลงและโทรมอย่างเห็นได้ชัด พิษรักทำร้ายเพื่อนของเขาขนาดนี้
แต่นั่นก็เพราะเขาไม่เคยรักใครจริงจัง
และเมื่อมีความรักเข้าก็ดันไปทำร้ายความรักนั้นอีก
ก็ต้องปล่อยให้ชดใช้จนหลาบจำด้วยตัวเอง
“อืม”
เฉินเสียงละจากเขาไปดูแลลูกค้าด้านอื่น
ๆหลังจากที่ต้องมาดุแลอาการเพื่อนไม่เอาไหนอย่างเขานานสองนาน
หยางหยางจิบเหล้าแรงรสบาดคออีกอึกใหญ่และวางแก้วลงบาร์
และฟุบใบหน้าลงกับขอบบาร์อย่างหมดแรง
เมื่อไหร่เขาจะหยุดเศร้าและร้องไห้เสียที
เขามองไปที่มือของตัวเอง
มันดูผอมลงอย่างเห็นได้ชัด
หยางหยางได้ได้สังเกตและดูแลตัวเองเท่าที่ควรเหมือนเมื่อก่อน
มือคู่นี้ที่เคยสัมผัส เขานึกถึงเสียงหวานที่เคยได้ิยน
แม้เวลาไหนก็ตามแต่เขาคิดถึงมัน ใบหน้าหวานที่เคยได้มองด้วยสายตาคู่นี้ตรง ๆ
แววตาที่มีแค่หลี่อี้เฟิงแล้ว
จากที่เมื่อก่อนนั้นคิดว่าเพราะเป็นคู่แข่งคู่แค้นถึงจะต้องให้อยู่ในสายตา
แต่ต่อมาก็กลับตกหลุมรัก
รอยยิ้มที่แม้อีกฝ่ายเผลอพลั้งมอบให้อย่างไม่ตั้งใจนั่นก็ทำให้หยางหยางเก็บไปเพ้อได้นานเท่าานาน
แต่ที่ติดตรึงในใจเหมือนมันถูกย้ำและบันทึกไว้ตลอดกาล คือเสียงสะอื้นให้เและใบหน้าที่เปรอะเปื้อนหยดน้ำตา
อี้เฟิงร้องไห้เพราะเขานั่นเป็นเรื่องจริง
คนที่หยิ่งทนงค์ในตัวเองกลับร้องไห้ให้กับคนที่ตราหน้าว่าเป็นคนที่เกลียดกันสุดหัวใจได้เห็น
คนที่พังทลายคือหยางหยาง มันสิ้นสุดแล้วความเกลียดชังที่เขามีให้คนคนนี้
แต่เหมือนมันถูกโอนถ่ายไปอยู่ที่อีก เหมือนเท่าทวี
อี้เฟิงเกลียดเขาและย้ำลึกว่าเกลียดซ้ำ ๆ
แม้แต่เศษเสี้ยวหัวใจหยางหยางก็ไม่หวังอะไรอีกต่อไปแล้ว
หลังจากนี้เขาอาจจะต้องทรมาณกับสิ่งทีทำลงไป
และทนทรมาณกับการที่รักใครซักคนหนึ่งแต่สัมผัสเขาไมไ่ด้อีกต่อไปแล้ว
แต่เขาก็จะย้ำกับตัวเองว่า
เขาจะรักหลี่อี้เฟิงคนนั้นต่อไป จนกว่าหัวใจจะแหลกสลายกันไปข้างหนึ่ง
“สวัสดี”
เสียงหวานแหลมเอ่ยเบาอยู่ข้าง
ๆ ใบหู หยางหยางไม่คุ้นเสียงนี้แต่ไม่หันไปตามเสียง แต่เขารู้ว่าเป็นเสียงหญิงสาว
และหญิงสาวคนนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เขาไม่สนใจเธอ
จึงคว้าเชยคางหยางหยางที่ฟุบอยู่กับบาร์มองมองเธอ
“จำกันไมได้หรือ”
เขาก็ยังนึกคุ้นหน้าแต่คิดไม่ออกว่าเคยเจอกันที่ไหน
หญิงสาวเขม่นโกรธจนตากระตุก เธอมั่นใจในความสวยของเธอว่าชนะขาดหญิงสาวทั้งบาร์
แม้วันนั้นในชุดแดงก็ด้วย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาจดจำ
“นายมัน..”
“เธอ....?”
หยางหยางสะบัดหลุดจากมือของเธอ
แต่เธอไม่ยอมให้หยางหยางออกจากการรบกวนนี้ไปง่าย ๆ
เธอรั้งให้ร่างของหยางหยางมาชิดใกล้และจูบเขา
เธอจูบและบดขยี้ริมฝีปากบางฉาบด้วยลิปสติกสีสวยของเธอ
ดูดดึงให้หยางหยางมีอารมณ์ร่วม เขาตอบรับและจูบตอบ แต่ดูเหมือนไร้สติมากกว่าที่จะรู้ว่าเขากำลังจูบกับใครที่ไหน
แต่เมื่อมีมาให้จึงตอบสนองเสียหน่อยหลังจากที่ห่างมือกับเรื่องเช่นนี้ไปนาน
“อืม...”
จูบยังคงเร่าร้อนเมื่อเขายกร่างหญิงสาวนั่งบนตักและโอบรัดร่างสะโอดสองค์นั้น
เล้าโลมทุกส่วนด้วยมือแกร่ง
“อื้อ...ตรงนั้น”
หยางหยางไล้ไปทีละจุด
เรื่อย ๆจนถึงจุดพิเศษที่หญิงสาวปกป้อง
เขาสอดมือเข้าไปใต้กระโปรง..ทั้งที่ยังจูบเธออยู่ มือก็ดำเนินการไปด้วย
แต่ยังไม่ทันจะแตะจนถึงที่ ....
“อี้เฟิง..ไม่..ไม่ใช่”
“ห๊ะ”
หญิงสาวร้องอุทานดัง
คนทั้งร้านที่สนใจเหตุการณ์อยู่แล้วก็พลันตกใจตามหญิงสาวไปด้วย
เธออุทานลั่นร้านอย่างตกใจ
กำลังเข้าถึงอารมณ์แต่ชายหนุ่มที่เธอหมายปองไว้นานแสนนาน
ฮุ่ยเหวินที่เข้าวงการมาเพราะหลงรักหยางหยาง เธอติดตามงานสารพัด
ใช้เส้นสายเข้ามาในวงการเพื่อให้ได้มาพบเจอ แม้จะที่ไหน ฐานะไหนเธอก็ยอม
แต่สุดท้ายเธอไม่สามารถแทนคนที่หยางหยางเอ่ยทุกครั้ง เอ่ยออกมาจากปากให้ได้ยิน
เธอสงสัยในชื่ออี้เฟิงนี้เหลือเกิน
แม้ขนาดร่วมรักกับเธอ เขายังนึกถึง
ทำไมคนคนนั้นถึงมีอิทธิพลกับใจของหยางหยางมากนัก ทำไมกัน
ทั้งที่เธอเสนอให้ตัวเธอไปมอบความสุขกับกับเขาแล้วแท้ ๆ
“อี้เฟิง..ฮึ ชื่อนั้นอีกแล้ว”
เธอไม่สบอารมณ์เดินเข้าไปผลักอกหยางหยางจนเขาแทบล้มเซไปกับพื้นร้าน
แต่เขาคว้าขอบบาร์ไว้ทัน หยางหยางจึงผลักไหล่เธอออกไปบ้าง หวังให้เธออย่ามารบกวนอีก
“ออกไป”
“นายมัน..ไอ้บ้าเอ๊ย!”
เธอตวาดเสียงแหลมใส่และเดินจากไปจริง
ๆ เขาจึงได้หลุดจากการรบกวนนี้เสียที ไม่อยากให้เธอจะต้องมาวุ่นวายอะไร
ตอนนี้เขาทั้งอารมณ์ไม่ดี และเศร้าใจ เธอละจากเขาไป อย่างก็ดีกับตัวเธอเองด้วย
หลังจากไล่เธอไป
หยางหยางก็ขอนั่งอย่างสงบ ปล่อยรังสีที่ใครก็ตามก็ไม่กล้าเดินเฉียด
แม้อยากจะลิ้มลองซาตานหนุ่มหล่ออย่างไรก็ตาม
“ดาราคนนั้น ? ไอ้ไอดอลอะไรนั่นน่ะหรอ”
มีกลุ่มชายหนุ่มที่เมามายไม่ต่างจากเขาแต่ไม่ได้สติกว่านั่งออกไปไม่ห่างจากเค้าทเตอร์บาร์ที่หยางหยางนั่งอยู่มากเท่าไหร่นัก
เหมือนหัวข้อสนทนาจะใกล้ตัวหยางหยาง เกี่ยวกับคนในวงการ ไอดอล แต่เขาไม่สนใจมัน
ต่อให้จะมีบทสนทนาถึงเขา จะว่าจะด่า เขาก็ไม่สนใจ
“หลี่อี้เฟิง ? โอ๊ยอะไรกัน กูล่ะเบื่อแฟน
กริ๊ดกร๊าดกับไอ้หน้าหงิมนี่ ไม่รู้จะอะไรหนักหนา “
“เห็นอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง เบื่อจะตายห่าอยู่แล้ว
ไอบอกว่าหล่อก็ไม่ได้ยี่หระอะไร
แต่แฟกูนี่ซื้อโน่นซื้อนี่พาลจะเกลียดขี้หน้าแล้วเนี่ย”
“หน้าหวานหยั่งกะผู้หญิง เป็นอะไรแบบนั้นรึเปล่าวะ---“
“เห้ย!”
จนในที่สุดก็วงสนทนาคนเมาก็เงียบลงเพราะมีแก้วใบสวยลอยข้ามฝั่งมาตกแตกกลางวง
นั่นมาจากหยางหยางนั่นเอง เขาทนฟังอยู่นาน แต่ซักพักที่มีชื่ออี้เฟิงขึ้นมา
เขาไม่สามารถทนฟังได้จนมือต้องขว้างแก้วให้ไปตกแตกกลลาวงวง
ให้พวกนั้นเงียบและหยุดว่าคนที่เขารักซักที จะไม่ว่าเหตุผลไหนก็ตาม จะเรื่องอะไร
ห้ามใครแตะต้องคนคนนี้
“อะไรวะมึง หาเรื่องหรอวะ”
ชายหนุ่มที่เห็นตัวต้นเหตุที่ทำให้พวกเขาต้องโดนแก้วบาดเพราะมีแก้วที่ลอยข้ามหัวตกแตกกลางวง
พอหันหาก็เจอหยางหยางที่นั่งรอรับสถานการณ์อยู่แล้ว เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ว่าอี้เฟิงให้เขาได้ยินเดินก้าวออกมา
“หยุดพูดจาว่าร้ายคนอื่นได้แล้ว พวกมึงน่ะ”
“แล้วมึงเดือดร้อนอะไรด้วยล่ะวะ คู่ขามันรึไง”
ชายหนุ่มคนที่ก้าวออกมาพูดจบก็กลั้วหัวเราะใส่หน้าหยางหยาง
ซ้ำยังหันไปหาเพื่อน ๆ และคุยกันประเด็นเดิมอย่างสนุกปาก
และเขาไม่มีวันที่จะทนได้ ทั้งพูดจาว่าร้ายคนที่เขารัก ซ้ำยังทำกิริยาหยาบคาย
“มึง!”
หมัดลุ่น
ๆ ออกจากหยางหยางไป และพุ่งเข้าใบหน้าชายหนุ่มตรงหน้าหยางหยางอย่างแรง
เขาไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ ยิ่งได้ยินแบบนั้นยิ่งไม่ชอบใจ
เขาเองที่มีเรื่องทุกข์ใจกับอี้เฟิงอยู่แล้ว ยิ่งมาได้ยินอะไรไม่สบหู ยิ่งมีน้ำโห
พอหมัดนั้นเข้าใบหน้าชายหนุ่มคนนั้น เขาก็ไมได้รีรอ และการต่อสู้กันกลาย
ๆของชายหนุ่มสองคนก็เริ่มขึ้น จนได้แผลกันไปทั้งคู่
หยางหยางหัวแตกและเลือดไหลมุมปาก ใบหน้าชกช้ำ แขนขาก็มีร่องรอยการต่อสู้
เพื่อนของหยางหยางแจ้งตำรวจและมาแยกได้ทัน แต่ก่อนนั้นที่ชายหนุ่มกลุ่มนี้จะจากไป
ก็ยังส่งผรุสวาทคำต่าง ๆนานามาไม่หยุด
“อ๋อ แก หยางหยาง เคยเห็นหน้า อ๋อ นี่คู่ขากันสินะ สมแล้ว
หน้าตาแม่งก็เหมือนพวกเกย์เหมือนกัน “
ชายหนุ่มหนึ่งคนในกลุ่มนั้นยังทิ้งท้ายด้วยความคับแค้น
เพราะโดนหยางหยางที่เชิงมากกว่าต่อยได้แผลมากเยอะ
แม้หยางหยางจะเจ็บตัวแต่อีกคนก็หนักกว่าเพราะหยางหยางมีวิชาติดตัว
ในขณะที่อีกคนไม่มีอะไร
“หยางหยาง เดี๋ยวนายจะถูกเพ่งเล็งนะ มีเรื่องแบบนี้ แล้วไหนหน้านายอีก”
“ช่างมันเถอะเฉินเสียง ได้ยินแล้วไม่ชอบใจแล้วก็เหมือนได้ระบายอารมณ์ด้วย”
หลังจากเหตุการณ์นั้น
เมื่อทำแผลเรียบร้อยโดยได้เฉินเสียงช่วย หยางหยางยังคงนั่งอยู่ที่บาร์ซักพัก
ให้สร่างเมา เขาบอกเพื่อนว่าจะกลับบ้านเอง เพราะไมได้เมามายอะไรแบบนั้นแล้ว
แต่ขอฝากรถส่วนตัวไว้ก่อน แล้วจะมาเอาทีหลัง หยางหยางเลือกที่จะใช้บริการแท็กซี่
“ขอบใจเฉินเสียง”
“กลับดี ๆ ล่ะ”
เขาบอกลาเพื่อนและเดินออกมาจากร้าน
ดาราหนุ่มไมได้พกอะไรมาก แค่กระเป๋าเงินและมือถือเครื่องสวย
เขาเก็บมันเข้ากระเป๋ากางเกง ก่อนเดินออกมาไกลจากร้านของเพื่อน
เขาหันมองกลับไปที่ร้านอีกที วันนั้นเขาข่มเหงน้ำใจอี้เฟิงที่นี่
แม้รู้สึกไม่ดีที่เป้นร้านของเพื่อน แต่เขาทำลงไปแล้ว หลังจากนี้อาจจะมาไม่บ่อยนัก
เพราะพอนั่งลงที่นั่น ก็ทำให้นึกถึงวันที่อี้เฟิงกรีดร้องร่ำไห้ขอร้องให้เขาพอ
วันนั้นเขาทำรุนแรงมากจนอีกฝ่ายมีเลือดมีช้ำ
ซ้ำยังเจ็บที่ใจ และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้สัมผัสอี้เฟิง
ครั้งสุดท้ายกับการได้มีความสุขกับเรือนร่างนั้น
“ให้ตาย”
แต่ตอนนี้เขาไม่ได้คิดถึงเพียงแค่ความสุขเมื่อได้ร่วมรักกับคนคนนี้แต่คิดถึงความรักแล้ว
เขารักอี้เฟิงอย่างหมดหัวใจ
“ทำเขาเจ็บปวดขนาดนั้น ก็สมควรแล้ว หยางหยาง แกมันสมควรแล้ว”
ให้หลังหยางหยางไปไม่นาน หญิงสาวคนเดิมที่ยังไม่ออกจากบาร์ไป
เธอได้ยินและได้เห็นทุกอย่าง
“อี้เฟิง..อ๋อ อี้เฟิงคนนี้นี่เองสินะ”
เมื่อเธอรู้ว่าเป็นอี้เฟิงคนไหน
เป็นคนเดียวกันที่เธอรู้จัก เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่อี้เฟิงคนนี้ คือ หลี่อี้เฟิง ซุปเปอร์สตารืดังระดับชาติ หากเธอเข้าไปยุ่งย่ามมากเข้า
ก็อาจจะทำให้โลกที่สวยงามในวงการที่อุตส่าห์พยายามพังทลายเพราะเขาเป็นถึงเทพบุตรแห่งชาติ
หูตาไวคนรักมากมาย และสืบสาวถึงตัวเธอแน่หากเขาจะทำ ฉะนั้นก็ต้องเนหยางหยาง
เขามีชื่อเสียงไม่ดีนักในพักหลังๆ ในเมื่อปฏิเสธเธออย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้ก็
ก็ต้องเอาคืนกันบ้าง หากเธอเล่นหยางหยางแค่เพียงคนเดียว อาจจะได้
และสะใจสมกับที่เธออยากทำ
“ก็ลองเป็นข่าวตัวย่อแบบเมื่อครั้งก่อนที่มีคนปล่อยข่าวแล้วกัน ก็ไม่เลว
มากกว่านั้นคงไม่ดีไม่งั้นฉันจะแย่ไปด้วยน่ะซี~~”
THISMAN
“จอดที่นี่ครับ”
หยางหยางบอกให้แท็กซี่จอดที่หนึ่ง
ไม่ไกลจากบาร์มากนัก แต่ก็ยังไม่ถึงคอนโดส่วนของเขา ยังไม่อยากกลับ
หยางหยางคิดแบบนั้น แต่ก็ไม่อยากนั่งอยู่ในบาร์เพราะเหตุการณ์วันนั้นก็มักจะวนเวียนในรบกวนใจ
เขาจึงออกมาพักผ่อนสมองตรงริมแม่น้ำและพ่วงด้วยเบียร์ขวดหนึ่งจากตู้กดน้ำแถวนั้นมานั่งดื่มให้ลืมเรื่องราว
หลี่อี้เฟิงและรอยยิ้มที่เคยได้รับยังติดตาตรึงใจ
แต่หยางหยางกลับมีน้ำตาคลอหน่วง
เขาคิดถึงเหลือเกิน
เพล้ง...
เสียงแก้วแตกสนั่นไปรอบบริเวณ
หยางหยางถูกลอบทำร้าย เขาที่นั่งคิดถึงใครคนหนึ่งอยู่
กลับถูกวัตถุบางอย่างฟาดเข้าที่ศีรษะ จนเขาล้มลงไปกับพื้น แต่ยังมีสติ
เมื่อหันกลับมาก็พบกับชายหนุ่มกลุ่มเดิมที่ทะเลาะกับเขาที่บาร์ของเฉินเสียง
ลอบทำร้ายแบบนี้....
หยางหยางคิด เขาอาจจะต้องหนีเสียก่อน
เพราะเสียเปรียบทั้งจำนวนและร่างกายที่บาดเจ็บ
คนพวกนี้ตามเขามาอาจจะเพราะแค้นเคืองและฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ทำให้อารมณ์ครุกกรุ่มมากกว่าปกติ
“มึงนั่งคนเดียวทีนี้หมาที่ไหนก็มาช่วยไมได้แล้ว”
หยางหยางถูกรุมล้อมด้วยชายหนุ่มสี่คน
และเริ่มโรมรันกัน ในช่วงแรกที่หยางหยางยังมีแรงสู้
เขาล้มให้สองคนสลบได้ด้วยไม่กี่หมัด ไม่กี่เตะต่อย แต่อีกสองคนที่มีวิชาอยู่บ้าง
กลับไม่เป็นเช่นนั้นแต่ก็ได้รับบาดเจ็บจากฝีมือของหยางหยาง
“ตายซะมึง กวนตีนกูนัก”
อีกฝ่ายพูดหยาบคายและเข้าปะทะหน้ากับหยางหยางตรง
ๆ ดาราหนุ่มหลบหลีกได้
แต่หากก็เสียเชิง เพราะมีอีกคนเข้ามาคว้าด้านหลังไว้
และชายหนุ่มที่หยางหยางซัดจนสลบ
ก็กลับฟื้นมารั้งตัวและให้เพื่อนอีกคนได้ซ้อมเขาจนหายแค้นใจ
และสุดท้ายอีกคนที่มีเรื่องกับหยางหยางในเริ่มแรก
คว้าอาวุธออกมาเป็นมีดสั้นปลายแหลม
“เป็นคนหน้าหล่อที่น่ารำคาญ พวกกูเนี่ยรำคาญไอดอลอย่างพวกมึง
ไม่มีซักคนก็ไม่เป็นไรมั้ง ว่ามั้ยพวกเรา”
ชายหนุ่มคนนั้นหาเสียงสนับสนุนจากเพื่อนที่ยืนล้อมวง
และอีกคนที่รั้งตัวหยางหยางไว้ พร้อมให้อีกคนทำร้าย
ดวงตาคมแข็งกร้าว
มองฉายตรงไปยังศัตรู ชายหนุ่มอีกคนต่อยหมัดหนึ่งลงที่ใบหน้าจนเป็นแผลเลือดซิบเพราะไม่ชอบสายตานั้นของหยางหยาง
“มึงมองกูแบบนั้น ? แม่งเกลียดสายตา
กูขอซักหมัดด้วยแล้วกัน หมั่นไส้หน้าหล่อ ๆนี่ชิบหาย”
และอีกคนก็ทำตามกัน
จนคนถือมีดบอกให้พอ
ชายคนนั้นหันมามองหยางหยางด้วยแววตาที่มีชัยชนะได้ทีที่หยางหยางบาดเจ็บหนัก
คนพวกนี้รุมคน ๆเดียว ซึ่งเขาสู้ไมได้ ในบาร์นั้นยังเป็นตัวต่อตัว
แต่หากเป็นรุมกันแบบนี้ ด้วยร่างกายที่ไม่แข็งแรงหยางหยางเพลี้ยงพล้ำจนในที่สุด
เวลาเกิดวิกฤต
คนเรามักจะนึกถึงสิ่งสำคัญ สิ่งที่รัก
ของหยางหยางคือ
ครอบครัว ทีมงานที่ผูกพัน และล่าสุดที่สำคัญกับหัวใจ คือ
หลี่อี้เฟิง
คนถือมีดที่ยืนตรงหน้า
เดินเข้ามาหาหยางหยางที่ยังถูกพันธนาการไว้ด้วยชายอีกคน ร่างกายของหยางหยางบอบช้ำทุกส่วน
ใบหน้ามีแผลช้ำหลายที่ เลือดเปรอะเสื้อผ้าหรู
คนที่เดินตรงเข้ามายิ้มเหี้ยมและมองหยางหยางด้วยความเค่องแค้นที่ทำให้เขาอับอายและพ่ายแพ้ในก่อนหน้านี้
มีดสั้นที่ดูน่ากลัวนั้นจ่อตรงมาทางหยางหยาง
เมื่อถึงระยะที่เหมาะ คน ๆนั้นพูดกับหยางยางด้วยเสียงดังแต่ติดเมามาย
“เอาล่ะ ถึงตากูแล้ว “
*************************************************************************************TBC
10
TALK
:: พระเอกคะ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น