หือ....
หยาดฝนโปรยปรายลงมา
..อากาศที่เซี่ยงไฮ้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว
อี้เฟิงมานั่งรอใครคนหนึ่งฆ่าเวลา
ก็เพราะนัดกันไว้ แต่เขามีคิวละครยาวกว่าอี้เฟิง ถ่ายต่อกันจนดึก
ก็เพราะสภาพอากาศวันนี้กองของอี้เฟิงยกเลิกไปกลางคันแต่ของอีกคนเขาถ่ายในร่มถึงไม่มีปัญหาอะไร
นานอยู่เหมือนกัน
เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว...แต่ก็ไม่เป็นไร
ก็เพราะอยากเจอล่ะนะ....ยอมรอหน่อยแล้วกัน
แต่วันนี้หนาวนิดหน่อยแฮะ
วันนี้แม้ว่าอี้เฟิงจะแต่งตัวด้วยแจ็คเกตดำ
กางเกงขายาวสีดำ แม้ตอนค่ำเขาก็ยังต้องใส่แว่นกันแดดปิดบังใบหน้าของตัวเองเพราะเขาเป้นคนของประชาชนที่มานั่งทำอะไรก็ไม่รู้ที่ริมทางเท้า
ทางเดินระหว่างโรงแรมที่เขาพักกับโรงแรมของอีกคนที่อยู่ในถนนใหญ่สายเดียวกัน
อุตสาห์ให้พี่ผู้จัดการขับมาส่งตรงนี้ แอบมากัน และเตี๊ยมเวลานัดรับส่งกันแล้ว ไม่อยากเจอจริง ๆ จะไม่ทำอะไรลับ ๆ ล่อ
ๆให้เสี่ยงปาปารัซซี่เลยเชียว
แต่เจ้านั่นทำให้อี้เฟิงรอนานเกินไปแล้ว
หือ.....
อี้เฟิงร้องอุทานในใจอีกที
พร้อมเบิกตากว้างนิดหน่อย เพราะตกใจ เขานั่งเฉย
มองท้องฟ้ายามค่ำคืนไปพร้อมกับร้องทำนองฮัมฮือ ๆ ไม่รู้ว่าเพลงอะไรที่ติดหูมา แต่ซักครู่หนึ่งมีอะไรซักอย่างมาสอดไว้ที่หู
มีทำนองเพลงคลอมา จนรู้สึกตัวก็รู้ว่ามันคือหูฟังเสียงดีของยี่ห้อไหนซักยี่ห้อ
พร้อมเพลงเพลงหนึ่ง ซึ่งคนที่มาใส่หูฟังให้ก็ใจตรงกันกับอี้เฟิง เพราะมันคือเพลงเดียวกันกับที่เขาฮัมอยู่เลย
รู้อยู่แล้วว่าใคร
“ช้านะ”
“คิวงานผมเยอะ
ผมดังแล้วนะเดี๋ยวนี้น่ะ”
“จ้า พ่อพระเอกคนหล่อ”
อีกฝ่ายที่มาใหม่ทรุดนั่งข้าง
ๆ เขา ไม่ได้ใกล้กันขนาดนั้น
แค่สายหูฟังเชื่อมกันถึง เมื่อนั่งลงข้าง ๆ อี้เฟิงหันไปหาอีกฝ่าย
แต่งตัวมา...เหมือนกันเด๊ะ....
แว่นดำยี่ห้อเดียวกัน
รองเท้าไนกี้ จำได้นี่เขาซื้อหลังเจ้านี่เลยโดนแซวว่าแอบซื้อตาม เสื้อแจ็คเกตยี่ห้อเดียวกัน ลายคล้ายกันมาก กางเกงสีดำกัน
ทรงผม โครงหน้า ก็คล้ายกันอยู่แล้ว
“เดี๋ยวก็ถูกว่าว่าเป็นแฝดกันหรอก
หยางหยาง”
“นี่ผมตั้งใจแต่งมาให้เหมือนกัน
โรแมนติคดีออก แล้วก็ถ้าปาปารัซซี่มาเจอ พอวิ่งหนีเขาก็ไม่รู้หรอกว่าใครคนไหนเป็นใคร
พี่หรือผม”
หยางหยางพูดจบก็กลั้วหัวเราะ
กลบเสียงเพลงนิดหน่อย อี้เฟิงก็ขำเหมือนกัน มันก็จริงแบบนั้นดูบันเทิงดีไม่น้อย
ดาราหนุ่มสองคนวิ่งหนีแต่ปาปารัซซี่ตามจับมาถ่ายรูปไม่ได้
เพราะไม่รู้ใครคนไหนเป็นใครกันแน่ หน้าตา โครงหน้า แต่งตัวก็เหมือนกันยันปลายเท้า
หยางหยางก็ช่างคิดดี
“แล้วนี่ต้องตื่นเช้าไปถ่ายอีกมั้ย”
“ก็เหมือนพี่นั่นล่ะ
เริ่มกองเวลาใกล้ๆ กัน”
“ไว้จะเมลไปบอกว่าแต่งอะไรไปทำงาน”
“จะให้เป็นแฝดกันอีกหรอ
เดี๋ยวก็ถูกจับคู่หรอก โดนดุอีกนะ”
“สนุกดี
เป็นแฝดกับแฟนตัวเองมันไม่ดีตรงไหน”
คราวนี้ถึงครั้งที่หยางหยางเขินมาบ้าง
หลังจากที่อี้เฟิงแอบเขินจนใจเต้นนิดหน่อยกับโมเม้นท์เสียบหูฟังส่งเพลงหวานที่เขาก็ฮัมติดปากอยู่
ใช่..เป็นแฟนกัน
แต่งตัวเหมือนกันไม่ดีหรอ ? สนุกเสียอีก ?ไม่มีใครรู้ความสัมพันธ์ของเราเท่าเราสองคน
แต่ไม่รู้เด็กนี่จะเข้าใจมั้ยว่าเราทำอะไรกันอยู่
“เข้าใจว่าพี่สนุก
แต่ว่าพี่จะโดนดุ”
“เป็นห่วงฉันด้วยแล้วก็ความรู้สึกตัวนายด้วยสินะ”
“ก็ทั้งสองอย่าง บางทีผมก็อยากเปิดเผยหรอกนะ”
“ได้ที่ไหนเล่า
เจ้าเด็กนี่”
อี้เฟิงขยับเข้าไปใกล้หยางหยางอีกนืดหน่อย
รู้สึกถึงผิวสัมผัสที่ต้องกันที่มืออบอุ่นของอีกฝ่าย
แต่ไม่มีใครคว้ามือใครจับไว้
รู้สึกว่า...ไว้แค่นี้ก่อนดีกว่า
ต่างคนก็ต่างเป็นห่วงกัน
เอาเป็นว่าแค่หูฟังที่ฟังเพลงกันคนละข้าง เชื่อมเราสองคน อันนี้ก็ถือว่าโรแมนติคมากแล้วสำหรับความรักของผุ้ชายเกรียนๆ
สองคน
เพราะยังไงก็เป็นผู้ชายทั้งคู่
จะให้มีนั่งโรแมนติคกันก็ไม่ไหว พาลจะเป็นบ้าตายเอา
แต่จะให้ห่างเหินกันจนเกินไปก็ไม่ดี มันไม่ได้สัมผัสถึงหัวใจของอีกฝ่าย
แค่นี้ก็ดีแล้ว
“เพลงนี้เพราะดีเนอะพี่”
“อือ
ฟังในรถทุกวันแต่ไม่ยักจำได้ว่าเพลงใครแต่เพราะ ฮัมจนติดปาก”
“ว่าไปเราก็ชอบอะไรเหมือนกัน เยอะนะเนี่ย”
“เพราะนั่นน่ะเเหละ ไม่อย่างนั้นเราจะมารักกันหรือ
หยางหยาง”
อีกครั้งที่คนพี่ทำให้หยางหยางยิ้ม
เพราะอี้เฟิงเป็นคนเปิดเผยมากเรื่องความรู้สึกหากอีกฝ่ายคิดเหมือนกัน ใบหน้าหล่อเหลาหันไปหาอีกคน คนข้าง
ๆ ใบหน้าของเทพบุตรแห่งชาติแฟนของเขาแดงไปหมดทั้งแก้มแดงหูแดงไปแล้ว ไม่รู้เพราะอากาศหนาว หรือเขินมากกว่ากัน เพราะคำพูดน่ารัก ๆของตัวเองแท้ ๆ แต่นั่นทำให้หยางหยางใจเต้นระส่ำไม่หยุด ..
เขายกมือแตะปลายจมูกแดง
ๆ ของรุ่นพี่คนรักคนน่ารัก และแซวหยอกล้อไปว่า จมูกแดงเป็นกวางเรนเดียร์
อีกฝ่ายปัดป้องมือออกและส่งค้อนมาให้ตามนิสัยคนปากไม่ตรงกับใจ
“เพลงนี้จบแล้วจะกลับละนะ”
“เอ๋
ผมเพิ่งมานะ”
“ส่งเครื่องเล่นเพลงมาซิ”
หยางหยางส่งไปให้ตามที่แฟนขอ
อี้เฟิงกดเข้าเมนู กดฟังก์ชั่นให้เพลงเพลงนี้เล่นซ้ำไปมา
พอหยางหยางเห็นว่าอีกฝ่ายทำอะไรก็ยิ้มออก
เมื่อเสร็จสรรพอี้เฟิงก็ส่งเครื่องเล่นเพลงคืนเจ้าของ
พร้อมขยับให้ร่างของตัวเองชิดกับหยางหยาง
และก็นั่งเอามือล้วงกระเป๋ามองฟ้ามองดาวไปเรื่อย ๆ ฮัมเพลงในหูที่เป็นเพลงโปรดไปเสียแล้ว
หยางหยางเห็นอีกคนปล่อยอารมณ์สบายใจเช่นนั้น เขาก็เริ่มฮัมเพลงคลอไปกับอี้เฟิงด้วย
ทั้งคู่จุดรอยยิ้มปรากฏยามค่ำคืน ใต้ท้องฟ้าที่เริ่มโผล่พ้นดาวให้เห็นบ้างแล้ว
“หนาวอ่ะพี่
กอดหน่อยได้มั้ยอ่ะ”
“โน่น ต้นไป
ไปกอดซะ”
“ไม่เอาอ่ะ
พี่น่าจะอุ่นช่วงนี้เริ่มอ้วน”
“ไอ้เด็กนี่หนิ!”
เพลงหวานเพลงเดิมวนซ้ำไปมา
ไม่จบเสียที พอทิ้งไว้ไม่กิวินานทีก็วนเริ่มหนึ่งจังหวะเข้าเพลงใหม่
จนกว่าแบตเครื่องเล่นเพลงหมดลง..ทั้งคู่คงได้มอบความอบอุ่นใจให้กันและกันจนหัวใจละลาย
------------------------------------------------------------------------------ END LOOP ----------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น