วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

[Fic] THISMAN 2:: BLOSSOM - CHAPTER : 2 "คนใจง่าย"





 TITLE : THISM<N :: BLOSSOM
CHAPTER :  2 "คนใจง่าย"
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : NC -17





“เธอดูสับสนนะอี้เฟิง”



นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อี้เฟิงถูกถามแบบนี้  เพราะความรู้สึกที่สับสนอย่างที่ผู้จัดการของเขาว่าดังตามนั้นจริง ๆ  เขาไม่สามารถระบุความรู้สึกที่แท้จริงต่อคนคนนี้.... หยางหยาง ไม่สามารถทำได้เลย  ความรู้สึกมันดูคาบเกี่ยวไปหมด อยากจะเกลียดเขา แต่มือคู่นี้ของอี้เฟิงก็อยากเช็ดน้ำตาให้ซาตานผู้นั้น อยากจะเป็นผู้ลงโทษเขาให้สาสมที่ทำ  แต่ก็ทนเห็นเขาทรมานจนแตกสลายไม่ได้  อี้เฟิงยังยืนยันว่าเขาไม่ได้ รัก หยางหยาง....




ยัง.... อี้เฟิงยังไม่รักเขาหรอก
ยังยืนยันอยู่ว่าแค่เกือบ และอยู่ตรงปากเหว
แม้จะเป็นจุดอันตราย
แต่อี้เฟิงยังขอยืนยันกับตัวเองว่า ไม่.. เขาไม่ได้รักหยางหยาง คนนั้น





แต่อย่างที่ได้คิดไปก่อนหน้า ความรู้สึกย้อนแย้งในตัวเอง นั้นยิ่งเพิ่มพูน มากเท่าทวียิ่งเมื่อคิดถึงเขา ใบหน้าของหยางหยาง ซาตานที่หล่อเหลาร้ายกาจ ที่ชวนให้อี้เฟิงใจเต้นระส่ำตั้งแต่แรกพบเมื่อนานมา นั้นไม่เคยเปลี่ยน ความรู้สึกแรกเริ่มนั้น      อี้เฟิงยังคงเป็นแบบนั้นอยู่ แม้ว่าจะไม่เคยลืมว่าหยางหยาง เคยทำอะไรร้ายแรงไว้กับหลี่อี้เฟิงคนนี้มากขนาดไหน



สับสน  ย้อนแย้ง   เป็นความรู้สึกที่น่ารำคาญใจเหลือเกิน




ผู้จัดการมองอี้เฟิงที่นั่งหน้าเครียดทุกครั้งเมื่อถามถึงความรู้สึกของอี้เฟิง เด็กในความดูและหยางหยาง ปีศาจคนนั้นที่เธอไม่ต้องการให้เข้ามาใกล้เทพบุตรตัวน้อยของเธออีกแล้ว


หลังจากได้ทราบเรื่องราวที่เลวร้าย ที่หยางหยางทำกับอี้เฟิงมา แม้ไม่หมดทุกเรื่อง แต่เดาได้จากความร้าวรานใจที่เคยได้เห็นเมื่อก่อนหน้านี้หลายเดือน แต่ตอนนี้ อี้เฟิงกลับให้เขากลับมาแตะต้องตัวได้อีกครั้ง



เจ้าเด็กคนนี้ กำลังพาตัวเอง กลับไปนรก แทนที่จะอยู่บนสวรรค์ดี ๆ มีคนคอยดูแล โดยไม่มีปีศาจร้ายอย่าง หยางหยาง   เธอไม่เข้าใจเด็กคนนี้เลยจริง  ๆ  ทั้งที่เธอเป็นห่วงเป็นใยอี้เฟิง แม้นั่นจะให้ฐานะที่เป็นคนร่วมงานกัน แต่ก็เป็นห่วงในฐานะที่เป็นครอบครัวเดียวกันด้วย และหลี่อี้เฟิงก็เป็นคนที่น่าห่วงใยที่สุดในครอบครัว   ดีแค่ไหนแล้วที่พ่อแม่ของเขาไม่รู้เรื่องนี้ เพราะถ้ารู้ถึงหู  พวกเขาก็คงไม่ยอมให้ลูกชายมาเจอกับอะไรแบบนี้อีกและคงเป็นเรื่องราวใหญ่โต นั่นอาจจะทำให้อี้เฟิงยิ่งแย่ไปใหญ่



แล้วทำไมยังต้องเอาตัวเองลงไปเกลือกกลั้วกับซาตานผู้นั้นอีก....




เธอเคยถามอี้เฟิงไป  แต่เด็กคนนี้ของเธอไม่มีคำตอบที่ดีให้และเอาแต่นั่งเงียบใช้ความคิด แต่ไม่ยอมตอบเธอ แต่เขาคงตอบตัวเองในใจ



“อี้เฟิง ---
“ยัง.....ยังน่ะพี่ ผมยัง ...สับสน”



ตัวเขาสับสน เธอเองก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกซับซ้อนของอี้เฟิงมากนัก แต่เธอเข้าใจในตอนนี้สั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า


“ ไม่ว่าเธอจะคิดอย่างไร ฉันคงจะให้เธอเข้าใกล้ปีศาจอย่างหยางหยางไม่ได้อีก ฉันรักเธอเหมือนเป็นครอบครัว และฉันจะไม่ยอมเห็นเธอเป็นคนไร้วิญญาณ ตายทั้งเป็นอย่างที่เคยเห็นอีก”


อี้เฟิงเงยหน้ามองผู้จัดการที่ตีหน้าจริงจัง บอกกับเขา เธอคงอาจจะหมายถึงตอนที่เขาและหยางหยางมีความรู้สึกเกลียดกันในระดับหนักที่ไม่สามารถแม้จะฟังชื่อของอีกฝ่ายได้เลย  แต่ตอนนี้....อี้เฟิงไม่สามารถตอบใครได้แล้วว่า หยางหยางเป็นอะไรสำหรับเขา



เป็นซาตานตัวจริง หรืออย่างอื่นที่มอบความพองโตในหัวใจให้



ไม่ปฏิเสธว่าเมื่อนึกถึงเขา จะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะไป ยิ่งเมื่อคิดถึงเรื่องหวาน ๆ บนเตียงในครั้งล่าสุด ที่หยางหยางทำให้ห้องหัวใจของอี้เฟิง เต็มไปด้วยผีเสื้ออีกครั้ง อี้เฟิงคิดแล้วคิดอีกที่จะเปิดประตูต้อนรับหยางหยางเข้ามา และข้ามสิ่งที่ขวางกั้นนั่นมาได้  ใบหน้าหวานยู่ลง คิดหนักและบอกตัวเองว่า แค่อยากทำ เป็นความรู้สึกแรกที่อี้เฟิงใช้มันจัดการในสถานการณ์ที่คิดไม่ตก และไม่อยากคิดอะไรต่อไป ใช้สิ่งที่ใจทำแล้วไม่เจ็บ... นั่นล่ะ สิ่งที่อี้เฟิงใช้มันตัดสินใจ เกี่ยวกับ หยางหยาง


ความรู้สึกแรกในใจ




อี้เฟิงหันไปมองผู้จัดการ ไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไรหยางหยางไหม หรือจัดการหยางหยางอย่างไร แต่นั่นอี้เฟิงไม่อยากเก็บมาคิดอีกแล้ว


“พี่จะทำอะไรเขาหรือ?”
“จะไม่ให้เขาทำอะไรเธอไง “
“แต่ผม...”
“อี้เฟิง ปีศาจก็คือปีศาจอยู่วันยังค่ำ ไม่รู้จะลุกขึ้นมาบีบให้นายตายคามือเขาเมื่อไหร่ อย่าเผลอทำให้ตัวเองทำอันตราย  หลี่อี้เฟิง”




เธอบอกซ้ำเช่นนั้น และถอนหายใจออกมา สำหรับเธอ ผู้จัดการของเขา หยางหยางคงไม่ใช่คนที่ปลอดภัยสำหรับอี้เฟิงนัก ผู้จัดการของอี้เฟิงส่ายหัวซ้ำอีกครั้ง เธอหน่ายที่จะถามคำถามนี้และพูดเรื่องนี้กับอี้เฟิงแล้ว จึงตัดเข้าเรื่องงาน  ส่งตารางงานใหม่อัพเดตล่าสุดให้ อี้เฟิงรับมาดู จดจำรายละเอียด และก็ต้องประหลาดใจและระคนกับความรู้สึกแรกที่ปรี่แล่นพุ่งแซงความรู้สึกอื่น ๆ  บางอย่างที่อี้เฟิงไม่ทราบ แต่ทำให้เขาตื่นเต้น



“งานนี้ เธอต้องควบคุมตัวเอง ไม่งั้นฉันอาจจะต้องควบคุมเธอ อี้เฟิง”





THISM<N :: BLOSSOM




“นายต้องควบคุมตัวเองให้ได้ อย่าเถลไถลเข้าไปหาอี้เฟิงอีกแล้วกัน   ถึงฉันจะรู้ความรู้สึกของนาย แต่ฉันปล่อยให้นายทำอะไรตามใจไม่ได้อีกแล้ว ”


หลังจากที่หยางหยางได้ทราบตารางใหม่ เขาถึงกับร้องอุทาน เพราะงานที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือการได้เจอกับคนที่เป็นที่รักของเขาอีกครั้ง หลังจากที่ถูกแยกย้ายกันมานาน ในงานการกุศลของนิตยสารเล่มหนึ่ง ซึ่งอี้เฟิงและเขาได้ร่วมงานกับนิตยสารเล่มนี้มามากมาย


“ผม...เข้าใกล้เขาไม่ได้สินะ”
“แค่มอง ที่จริงแค่นั้นก็ไม่อยากให้ทำ แต่รู้ว่าห้ามไม่ได้ ก็ให้มันน้อยหน่อยแล้วกัน”





หยางหยางถอนหายใจหนักออกมา ตั้งแต่วันนั้น เขาไม่ได้เจออี้เฟิง ทั้งอยากสัมผัส อยากสบตาด้วย แต่แม้อยากทำมากแค่ไหน แม้รู้ว่าเขาอยู่ไหน แต่ก็ไปหาไม่ได้ หยางหยางคิดถึงสัมผัสอบอุ่นนั้น  หลังจากที่อี้เฟิงกับหยางหยางเจอกันครั้งเมื่อเขาย้ายเข้าไปโรงแรมที่อี้เฟิงพักอยู่ และกระทำเกินเลยเกินคำสัญญา เพราะเขาไม่อยากห้ามใจ กลัวเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้สัมผัส เขาหวงแหนทุกโอกาสที่ได้มา แต่นั่นทำให้หยางหยางถูกยื่นคำขาด  ฝั่งผู้จัดการของอี้เฟิงยิ่งเพิ่มมาตรการในการดูแลเทพบุตรแห่งชาติ ซุปเปอร์สตาร์ของแผ่นดินใหญ่ มากเป็นสองเท่า หรืออาจจะหลายเท่าหากเขายิ่งเข้าไปใกล้อี้เฟิง


เข้าใจดีว่า อีกฝ่ายก็คงจะรู้เรื่องราวที่เขาทำกับอี้เฟิงมาบ้าง อาจจะไม่หมดแต่ก็พอที่จะให้อีกฝ่ายกันเขาออกจากอี้เฟิงแบบนี้ หยางหยางเข้าใจในเจตนานั้น ฉะนั้นนี่คือการต่อสู้ครั้งสำคัญ  ที่หยางหยางจะต้องฝ่าด่านเข้าไปเป็นเจ้าของหัวใจของอี้เฟิงให้



และในงานเดียวกันในไม่กี่วันข้างหน้านี้   แม้เขาจะ...หรืออาจจะเข้าใกล้อี้เฟิงไม่ได้ แต่สายตา ...หยางหยางมั่นใจว่าเราสองคนจะต้องมองจ้องตา จนเข้าใจกันแล้ว นั่นจะเป็นตัวบอกเรื่องราวของสองเราเอง





THISM<N :: BLOSSOM








ใกล้ไปมากกว่าไปนี้ไม่ได้...... จึงทำได้แค่ส่งสายตา





อี้เฟิงที่รู้ดีว่าอีกฝ่าย....หยางหยางคนนี้ นั่งอยู่เพียงไม่กี่ก้าว ห่างกันไปแค่สองโต๊ะจัดเลี้ยง แต่ถ้าหาก เขาก้าวไปทางนั้น  ทุกสายตาจะต้องหันมาจับจ้องพวกเขา ไม่ว่าจะใคร ไม่ว่าใครก็ต้องสนใจเรื่องดารา คนดัง อี้เฟิงรู้ดีว่าชื่อเสียงของตัวเองไม่ได้เบาหรือด้อยไปกว่าใครเลย   ทำอะไรซักอย่าง เพียงแค่ขยับตัวไปในทิศทางไหน คุยกับใครเพียงแค่เรื่องพื้น ๆ ทั่วไป ก็ยังถูกจับจ้องเป็นข่าว เขาเบื่อเหลือเกิน




ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงประเด็นหยางหยางเลย พวกเขาสอคนมีประเด็นต่าง ๆ มากมายที่พูดออกสื่อไม่ได้ เป็นประเด็นอ่อนไหวต่อทุกฝ่าย นั่นก็อ่อนไหวสำหรับอาชีพการงานของเขาสองคน ทำอะไร  ไม่ได้ จึงทำได้เพียงแค่มอง...



...อืม...



และเมื่ออี้เฟิงกลับมาทบทวนตัวเองว่า ทำไมสายตาคู่นี้จึงมีไว้จับจ้องซาตานผู้นั้นเสียแล้ว  สุดท้ายอี้เฟิงก็ไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้  และทำได้เพียงใช้ความรู้สึกแรกนำพาไปอีกครั้ง  อี้เฟิงอ้างเรื่องความรู้สึกแรกบ่อย ๆ เมื่อคิดถึงหยาง หยาง  เพราะนั่นเป็นข้ออ้างที่ขัดแย้งในใจน้อยที่สุดแล้ว




วันนี้ซาตานที่อยู่ตรงนั้น ช่างสง่าเหลือเกิน... อี้เฟิงคิดวนเวียนอยู่ในใจ พร้อมกับกำมือแน่นเพื่อผ่อนคลายอารมณ์



และเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาในใจ










เพราะเป็นเราสองคน เพียงเท่านั้น คือคุณกับผม  ผมจึงทำได้แค่มอง หากเข้าใกล้คุณไปมากกว่านี้ในท่ามกลางคนมากมาย สุดท้ายก็จะเปลี่ยนการชิดใกล้นี้เป็นการทำให้เราห่างไกลกันอีก





หยางหยางเข้ามาอยู่ในงานซักพักแล้ว และเขากำลังพยายามอย่างหนัก..เพื่อที่จะไม่มองอีกคนที่อยู่ไม่ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึง แต่เขาจะต้องพยายามมากที่จะไม่ส่งสัญญาณอะไรที่ทำให้รอบข้างรู้ว่า เขามีความรู้สึกกับเทพบุตรคนนั้นอย่างไร



อืม....



แม้เขาจะเป็นซาตาน แต่ในตอนนี้ก็สิ้นฤทธิ์อยู่ในมือของเทพบุตรอย่างอี้เฟิงแล้ว เขายอมทุกอย่างเพื่อที่จะให้อี้เฟิงมองเห็นความรักและเขาสามารถสัมผัสอี้เฟิงได้อีกครั้ง  แม้นวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ผู้จัดการของอี้เฟิงโทรมาย้ำเตือนแบบไม่ให้อี้เฟิงรู้ตัวว่า อย่าทำอะไร ห้ามมีปฏิกิริยาอะไรกับอี้เฟิง แม้แค่นิดก็ไม่ได้ จะมองก็ให้แอบไว้ จะมีความรู้สึกอะไรต่อหลี่อี้เฟิงก็ห้ามเด็ดขาด ให้คิดเสียว่าไม่มีเทพบุตรคนนี้อยู่ใกล้กัน




ใครจะไปทำได้ แค่แสงสว่างจากเทพบุตรแม้แค่เพียงนิด ก็ส่องสว่างถึงหยางหยางแล้ว




เพราะรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายนั่งอยู่ไม่ไกล หยางหยางจึงต้องใช้ความพยายามอย่างหนักหนามากจริง ๆ เขาอยากเข้าไปหา      อี้เฟิงและโอบกอดให้หายคิดถึงแต่ทำไม่ได้  สายตาคนนับร้อยพัน ที่ต่างจ้องมองจับผิด คนดังทั้งหลายมาอยู่รวมกันอยู่งานวันนี้  ทำให้ความรู้สึกของหยางหยางต้องซ่อนเก็บเอาไว้ในใจ เขามันเป็นพวกรู้สึกอะไรก็แสดงออกไป บางทีก็ชัดเจนจนรู้ว่านั่นเขากำลังคิดอะไร ทั้งหมดนั้นต้องเก็บไว้ และเพียงแค่ตอนนี้หยางหยางข่มใจไม่ให้มองใบหน้าที่เขาคิดถึงมากสุดหัวใจ




แค่เพียงตอนนี้ก็พอ




THISM<N :: BLOSSOM




เวลาในงานเหมือนจะผ่านไปอย่างเชื่องช้า  ทั้งหยางหยางและอี้เฟิงที่นั่งอยู่กับดาราชื่อดัง และเซเลปผู้มีชื่อเสียงมากมาย พวกเขาสองคนต่างก็เป็นคนโด่งดัง ไม่แปลกที่จะมีคนมากมายเข้ามาทักทายระหว่างงาน และในงานก็ยังมีกิจกรรมให้ร่วมกันสนุกสนาน  ทั้งคู่ร่วมทำ และสร้างความสนุกให้กับทุกคนในงาน ทั้งผู้ชมอีกด้วย และนั่นคืองานของพวกเขาในวันนี้ 





อี้เฟิงลงมาจากเวทีหลังจากไปเล่นเกมส์กีฬาสีกับทุกคนในทีม  เขาสามารถสร้างความสนุกสนาน และเอาเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งนิสัย และ บุคลิกไปใช้บนนั้นทำให้ทุกคนหลงรักได้มากขึ้น  บนเวทีมีคนมาก เป็นดารา เซเลปที่อี้เฟิงรู้จัก แต่สุดท้าย เขาก็ไม่มีใครที่สามารถนั่งพูดคุยและยิ้มให้กัน 



แต่มีอีกคนที่อี้เฟิงมองเห็นจากบนเวที เขาจ้องมองอี้เฟิงไม่วางตา  หยางหยางคนนั้นกำลังมองมาที่เขา แม้จะพยายามแสร้งว่าไม่ แต่สายตานั่นส่งมาถึงเขาไม่ผิดแน่




ดีใจ.... นั่นคือความรู้สึกแรก...ที่มีต่อหยางหยางเมื่อพบสายตานั้นของเขาที่ส่งมา  อี้เฟิงรู้สึกดีที่หยางหยางกำลังมอง  อย่างน้อยก็มีคนที่รู้จักที่สุด...ว่าตามจริง บรรยากาศในงานวันนี้ทำให้อี้เฟิงรู้สึกเหงาขึ้นเล็กน้อย เพราะท่ามกลางคนมากมาย แต่เขาไม่มีใครที่ใกล้ชิดได้ และคนที่ทำแบบนั้นได้ เขาก็ไม่สามารถใกล้ชิด




หยางหยางคนนี้ รู้สึกอย่างไรบ้าง เขาก็ไม่รู้ใจอีกฝ่าย แต่อี้เฟิงละความรู้สึกเกลียดต่อคนคนนี้ไปมากแล้ว อาจจะเหลือแค่ความรู้สึกตกค้าง และความรู้สึกใหม่ที่ผลิบานเกิดขึ้น อี้เฟิงเองก็พยายามอย่างมากที่จะเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง แต่นั่นไม่ง่ายเลยที่จะทำ  เขาสับสน  อาจฟังดูเกินไป แต่หัวใจของอี้เฟิงไม่เคยเป็นเช่นนี้



เขาสับสนมากมายเพราะหยางหยาง ซาตานผู้นั้น








หลังจากที่อี้เฟิงลงมาจากเวที เขาใช้เวลานั้นที่สายตาเราสองคนจะมองตรงถึงกันได้ชัดเจนมากขึ้น เขาใช้สายตาคมกริบจ้องมองไปอย่างไม่ปิดปัง อี้เฟิงมองเห็นเขา แม้จะแสร้งแกล้งหลบไปบ้าง แต่รู้ได้ว่าอี้เฟิงรับรู้ถึงมันแล้ว อย่างน้อยเทพบุตรคนนี้ก็ยังมองเห็นมีเขาอยู่ในสายตา


คนรูปหล่อลูบคางไล้ตามโครงหน้ารางรูปปั้น พลางคิดว่า....อี้เฟิงกำลังพยายามพังกำแพงบางอย่าง..กำแพงที่ว่านั่นก็อ่อนตัวลงมากและ เขามั่นใจว่า ซักวันของหยางหยางจะมาถึง บางที เขาอาจจะได้ยินสิ่งที่ฝันไว้..แม้ว่าต้องต่อสู้กับอะไรก็ตาม...แต่ถ้าเป็นเรื่องหัวใจของอี้เฟิงและเพื่อคำคำนั้น ก็คุ้มทุกอย่างที่เสียไป

แม้ไม่แน่ใจว่าหวังเกินตัวไปไหม หากนับจากสิ่งที่ทำกับอี้เฟิงเมื่อในอดีต แต่เพียงให้เขาได้ดูแลหัวใจที่บอบช้ำของเทพบุตรคนนี้ด้วย... อยากให้คิดเสียว่าเป็นการไถ่โทษทั้งปวงของซาตานผู้นี้








“หยางหยาง..ขึ้นมาเร็วเข้า”


เขาคิดอะไรอยู่นาน จนเมื่อทีมสีน้ำเงินของหยางหยางถึงคิวขึ้นโชว์บ้าง เขาจึงเป็นคนที่ช้าที่สุด คนรูปหล่อรีบเดินขึ้นไป  ช่วงนี้เป็นคิวของทีมของเขาต้องโชว์ฝีมือในเกมส์และหลังจากนั้น หยางหยางเองก็มีของประมูลเพื่องานการกุศลในครั้งนี้เป็นขนมไหว้พระจันทร์ ตามวันเวลาของเทศกาลที่ใกล้มาถึง  




เมื่อมาอยู่บนเวที สลับกัน เขามองเห็นอี้เฟิงจากตรงนี้ สายตานั้น แววตากลมโตดูไร้เดียงสามองมาที่หยางหยาง ทำให้เขาใจเต้นขึ้นมา เพียงแค่สายตาของอี้เฟิงนั้นทำให้หยางหยางเกิดอาการเหมือนคนตกหลุมรักอีกครั้ง  




ซาตานจากนรกผู้ตกหลุมรักเทพบุตรแห่งสวรรค์ผู้งดงาม เป็นความรักต้องห้ามที่เหมือนไม่มีทางเป็นไปได้




หยางหยางมองเห็นสายตาคู่นั้น  และเหมือนอีกฝ่ายก็เหมือนส่งอะไรมาให้เขาผ่านทางสายตา แต่เขาเองก็ไม่อยากตีความให้เข้าข้างตัวเอง แต่เขาก็ดีใจได้แล้วว่า เขาอยู่ในสายตาของคนคนนี้แล้ว... หลังจากที่กลัวมาตลอดว่า เขาจะกลายเป็นอากาศธาตุของอี้เฟิงอีก เหมือนอย่างที่เคยประสบมา




ไม่นานนัก งานการกุศลวันนี้ก็จะจบลง  หยางหยางถูกเหล่าบรรดาคนดังและเซเลปรุมล้อมมากมาย รวมถึงสาวใหญ่เซเลปดังในวงการบันเทิงคนหนึ่ง ผู้ประมูลขนมไหว้พระจันทร์ของเขาในราคาสูงลิบ แถมยังขอกอดเขาบนเวทีด้วย เขาไม่ได้ขัดอะไร แต่ก็คิดมากอยู่เหมือนกัน เพราะมีสายตาคู่หนึ่งที่เขาไม่อยากให้เจ้าของสายคู่นั้นเข้าใจอะไรผิด  และหลังจากนั้นสิ่งที่หยางหยางกลัว.. อี้เฟิงไม่สนใจเขาอีกเลย เพราะเขามองสังเกตอี้เฟิงอยู่ไม่ขาดจึงรู้ว่าท่าทีของอี้เฟิงเปลี่ยนไป  เขาคิดว่า  อี้เฟิงกำลังต้องการคำอธิบาย  เทพบุตรคนนั้นหัวใจสั่นคลอนได้ง่ายนักและเขากำลังสับสน



..หืม



แต่เทพบุตรคนนี้ไม่อยู่ในงานเสียแล้ว เมื่อหยางหยางเผลอตัว คุยกับเหล่าบรรดาคนดังทั้งหลายที่มาทักทาย ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นคืออี้เฟิงที่นั่งอยู่ถัดไปหนึ่งโต๊ะคั่น เพราะเขาเข้าใกล้มาอีกหน่อยโดยไปนั่งร่วมวงกับเหล่ารุ่นพี่ในวงการ และคุยกันอย่างสนุกสนาน อี้เฟิงเบื่อ เขาพอรู้ แต่สุดท้ายก็หายไป  ไม่นานนักจากที่เขาเห็น  เห็นว่ายังคุยสนุกอยู่  เขาลอบมองและหันกลับไปตามเสียงเรียก แต่หันกลับมาอีกทีเทพบุตรก็อันตธานหายไป  



“ขอตัวซักครู่นะครับ”






THISM<N :: BLOSSOM




“เฮ้อ”


อี้เฟิงที่ผลักออกมาจากวงสนทนาได้ เขารีบเดินเข้ามาในห้องน้ำ และล้างหน้าล้างตาโดยไม่ได้สนใจเครื่องสำอางค์ที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้า มือเรียวไล้นิ้วมือลงช้าตามใบหน้าหวานของตัวเองและลดมือลง



อี้เฟิงกำลังสับสนอย่างมาก





แม้ตรงนั้นจะมีรุ่นพี่รุ่นน้องที่คุยกันอย่าถูกคอ แต่สุดท้ายอย่างที่ได้คิดไปก่อนหน้า เขาอยากได้คนที่ใกล้ชิดทั้งกายและหัวใจ  งานในวงการมันง่ายดาย แต่ยากที่จะหาคนจริงใจ รอบข้างดูเป็นมายาไปหมด  อี้เฟิงไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าใครเป็นของจริงของปลอมกันแน่ 



“เฮ้อ”




เสียงหวานถอนหายใจอีกครั้งก่อก้มหน้าลงสายตาจดจ้องสายน้ำที่ไหลผ่านลงสู่อ่างล้างหน้า  เขาลอบออกมาจากงาน และอย่างผ่อนคลายอารมณ์บ้างเท่านั้น โชคดีหน่อยที่พรุ่งนี้ไม่มีงาน  อี้เฟิงเบื่อบ้างเป็นบางครั้งที่จะต้องมานั่งปั้นหน้าแบบนี้ แม้บ้างบางครั้งมันจะเป็นเรื่องสนุก แต่คนเราทำอะไรฝืนตัวเองไม่ได้นานเหมือนกัน  และที่สำคัญกว่านั้นมันมีอีกอย่างรบกวนใจอี้เฟิงอยู่  อยู่ถัดไปอีกโต๊ะหนึ่งจากเขา 



หยางหยางที่กำลังไต่เต้าและโด่งดัง รวมทั้งความหล่อเหลาร้ายกาจนั้นของเขาเองก็ทำเอาสาว ๆ รุมล้อมหน้าหลังไม่ขาด บางครั้งที่อี้เฟิงมองภาพนั้นก็มองด้วยสายตาแกมหมั่นไส้ แต่อีกความรู้สึกนั้นบอกไม่ถูก แต่เบื้องต้นคือความไม่ชอบ ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งจน ความรู้สึกสะสม ทับถมจากความรู้สึกก่อนหน้า รวมทั้งเรื่องนี้ หยางหยางคนนั้นยิ้มแย้มให้กับคนอื่น อี้เฟิงไม่พอใจ นั่นคือจุดสำคัญที่ทำให้อี้เฟิงถึงที่สุดและลุกขึ้นจากที่นั่งขอตัวไปห้องน้ำออกมาจากวงสนทนาในยามค่ำคืนของงานเลี้ยงการกุศลไป










“อี้เฟิง”




เสียงคุ้นหูร้องเรียกเขาแผ่วเบา อี้เฟิงละสายตาจากที่เดิมที่ยืนมองสายน้ำตรงหน้ามาเป็นใบหน้าที่วนเวียนอยู่ในความคิดของเขาตลอดเวลา


“นาย...มาทำไม”
“ผมว่าผมน่าจะต้องอธิบายกับคุณ”
“ไม่มีอะไรที่ นายจะต้องทำแบบนั้นเสียหน่อย”



หยางหยางเดินย่ามสามขุมเข้าห้องน้ำมา มือที่ไล่หลัง ปิดประตูห้องน้ำล็อคเอาไว้ห้ามให้ผู้อื่นล่วงล้ำ



นั่นทำให้อี้เฟิงนึกถึงเหตุการณ์สำคัญที่เป็นจุดพลิกผันความสัมพันธ์ของเขาและหยางหยาง ศึกของซาตานและเทพบุตร





“ไม่....อย่า..เข้ามา”
“อย่ากลัวผม ... ผมสัญญา ผม...สาบาน ผมจะไม่มีวันทำอะไรคุณแบบนั้นอีกแล้ว ขอร้องให้ผมได้ทำให้คุณเชื่อใจผมซักครั้ง”




คนรูปหล่อเช่นซาตานขอร้องอี้เฟิง ที่ถอยห่างออกจากอีกคนห่างจนสุดผนังห้องน้ำ หยางหยางมองอี้เฟิงด้วยสายตาสุดคณานับ เขาคิดถึงเรื่องเลวร้ายที่เคยทำกับอี้เฟิงไปเมื่อก่อนหน้า นั่นมันคงทำให้อีกฝ่ายจดจำฝังใจมากเสียจนลบออกไปไม่ได้ จำได้แทบทุกเรื่องราวแน่นอน  มันไม่ใช่เหตุการณ์ที่ใครจะลืมกันง่าย ๆ เมื่อมันกระทบจิตใจของเขาแบบนั้น


“ผมขอโทษนะ ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ขอโทษ”
“จะให้ฉันรู้สึกอย่างไรกับคำขอโทษของนาย”


อี้เฟิงไม่ใช่คนที่จะรับคำขอโทษอะไรง่าย ๆ แบบนั้น และที่ถอยห่างออกไป มันอาจจะคล้ายกับสัญชาตญาณก็ได้ ที่เมื่อเจอสิ่งที่เคยกลัวมาตลอด และวนกลับมาในสถานการณ์คล้ายเดิมจึงทำให้กลัวอีกครั้ง และอยากหนีไป  แต่หยางหยาง ผู้เป็นซาตานที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาเปลี่ยนไป และยืนขอร้อง ขอโทษด้วยสายตาเว้าวอนตรงนั้น และไม่ได้แสร้ง การเป็นนักแสดง หรือ ของจริง หลี่อี้เฟิงทีเป็นนักแสดงที่ถือว่ามากประสบการณ์ไม่น้อย...เขาดูออก



นั่นเป็นเหตุผลที่อี้เฟิงในตอนนี้ กำลังขยับชิดหยางหยางเข้าไปอีกก้าว
อย่างเผลอใจ


“ผมไมได้ตั้งใจทำให้คุณกลัว”
“ก็...มัน พูดยาก...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เรื่องคำขอโทษนี่ ...”


อี้เฟิงก้มหน้าลงแม้ระยะห่างระหว่างสองคนจะลดลง แต่ใบหน้าหวานไม่เงยหน้า ไม่สบตาและครุ่นคิด และหยางหยางเห็นเขามือสั่น... กำลังกลัวเขาหรือ




เทพบุตรคนนั้นกำลังกลัว  ซาตานแบบเขา..ควรทำอย่างไร



พูดอะไรซักนิด..อี้เฟิง จะฟังเขาฟังไหม









“ผมอยากจะมีโอกาสทำให้คุณได้หายกลัว..หายขยาดซาตานคนนี้... โอกาสนั้นคุณมอบให้ผมได้มั้ย”














สายตาเว้าวอนหวานเคลือบน้ำผึ้งส่งมาให้อี้เฟิง   เขาใจอ่อนแทบไปกองกับพื้น  เคยคิดบอกตัวเองเมื่อก่อนหน้านี้แล้วว่า คนคนนี้เป็นคนที่ทำให้อี้เฟิงโบยบินเป็นผีเสื้อ ล่องลอยอยู่ในอากาศ และหยางหยางทำให้อี้เฟิงรู้สึกเช่นนั้นอีกครั้ง นี่ก็เป็นเหตุผลอีกอย่าง  ที่หยางหยางสามารถคว้ามือเขาไปสัมผัสได้
ในตอนนี้


“ผมอาจจะเรียกร้องมากเกินไป แต่ขอให้ผมได้ดูแลคุณ”
“นายเคยทำพลาดมาแล้ว ครั้งใหญ่ด้วย ฉันไม่มีทางไว้ใจนายหหรอกนะ”


อี้เฟิงสารภาพไปตรง ๆ ซึ่งความรู้สึกที่คิดและกลัวอยู่อยู่ทุกขณะ แต่อีกฝ่ายไม่ตอบอี้เฟิง และเขาทำเพียงแค่ส่งแววตายืนยันมาให้ และกอบกุมมือให้แนบแน่นส่งผ่านความอบอุ่นมาให้ เพิ่มความหมายของแววตา


เทพบุตรเดาใจซาตานไม่ถูกเท่าไหร่ แต่มือคู่นี้ของเขาอบอุ่นดี



“ฉันแค่...”
“ผมจะอธิบายเรื่องแรกก่อน ผู้หญิงคนนั้นแค่เป็นแฟนคลับผม  สองคือ ผมมองคุณอยู่ตลอดเวลาไม่ละสายตาไปไหน แต่คุณอันตธานหายไป..ก็สมกับเป็นเทพบุตร แต่อย่าทำให้ผมใจหายแบบนี้อีกสิ”
“นายมาดุฉันทำไมเล่า”











“ก็เพราะผมรักคุณไง หลี่อี้เฟิง”



คำนี้อีกแล้ว.... อี้เฟิงเบี่ยงหน้าโดยอัตโนมัติเมื่อไดยินคำนี้  จงใจไม่มองหน้าหล่อนั้นตรง  ๆ อี้เฟิงจะไม่รับคำคำนี้เพียงคำเดียวเท่านั้นจากคนคนนี้  ยัง..เขาทำไมได้


 “ผู้หญิงคนนั้นแค่ประมูลของได้ แต่เขาไม่ได้เอาใจผมไปนะ มันอยู่ที่คุณนานแล้ว รู้สึกไหม”


หวานเลี่ยน...อี้เฟิงให้อีกคำถึงซาตานผู้นี้ ทำไมถึงเลี่ยนได้ขนาดนี้กันนะ ใบหน้าหวานเผลออมยิ้มออกมาให้ปรากฏสู่สายตาซาตาน  ยิ้มร้ายแสนเสน่ห์อีกฝ่ายก็เผลอให้เทพบุตรเห็นพร้อมกันด้วย  คุณเทพบุตรรีบเก็บอมยิ้มหวาน ๆ นั้นทันที ก่อนส่งค้อนงอนให้เช่นเดิม


“จะให้ผมทำอย่างไรดี  วันนี้ผมดูรู้ว่าคุณออกจะเบื่อเล็กน้อย ... และนี่ก็ไม่เลวเลยที่ผมจะมีโอกาสได้หายกลัวซาตานผู้นี้ได้  .... ขอโอกาสให้ผมได้ไหม เทพบุตรของผม”


อี้เฟิงลังเลอย่างมาก ความกลัวเกาะจับที่หัวใจอยู่ทุกขณะ แต่อยากโผเข้าไปหาเขาเหลือเกิน ช่วงเวลาหลังจากที่ได้เปิดประตูให้หยางหยางเข้ามาสัมผัสเขาอีกครั้ง  หลังจากวันนั้น...ความรู้สึกของอี้เฟิงไม่เคยมั่นคงซักครั้ง ซักอย่างเดียว มีแค่ความรู้สึกแรก เท่านั้นที่อี้เฟิงยึดมั่นกับมันอยู่ครั้งเมื่อคิดถึงหยางหยาง




ความรู้สึกแรกนั้น อาจจะทำให้อี้เฟิงติดบ่วงผูกพันกับซาตานผู้นี้ตลอดไปก็ได้
แต่อี้เฟิงก็ตัดความวุ่นวายใจนั้นออกไป คิดมากเท่าไหร่ยิ่งปวดหัวมาก หาทางออกให้อารมณ์ความรู้สึกตัวเองไม่ได้ และจมอยู่ในความคิด อึดอัดในอกจนแทบระเบิด  อี้เฟิงไม่ชอบความรู้สึกหนัก ๆ แบบนั้น







เเละสุดท้าย อี้เฟิงที่ได้ตัดสินใจ
เขาให้ใจพาไปเช่นเดิม
จะอย่างไรก็เเล้วแต่





ก็เหมือนทุกครั้งอีก เมื่อคิดถึงหยางหยาง









ความรู้สึกแรกนั้นเป็นสิ่งสำคัญ  อี้เฟิงจึงส่งมือคู่นั้นให้หยางหยางกอบกุมอย่างอบอุ่น







THISM<N :: BLOSSOM











“อะ..อื้ม”
“อา..อี้..อี้เฟิง




หลังจากที่ส่งมือให้เขากอบกุม เขาก็เหมือนตกลงไปโลกของซาตาน ครั้งหนึ่งที่ได้ไปท่องเที่ยวกับคนที่เขากลัว แต่ในใจรู้สึกสุขเต็มที่ ที่นี่อี้เฟิงไม่รู้จัก ไม่คุ้นเคย แต่หยางหยางรู้จักเป็นอย่างดี เป็นคอนโดของเพื่อนสนิทอย่างเฉินเสียง 
หลังจากทันปิดประตูไล่หลัง  หยางหยางจู่โจมด้วยสัญชาตญาณทันที  คนน่ารัก กลิ่นตัวเย้ายวนใจ และความรักที่หยาง หยางมีต่ออี้เฟิง ไม่สามารถทำให้เขาหักห้ามใจอะไรได้เลย เมื่ออยู่ใกล้หลี่อี้เฟิง


และเขาดีใจที่ครั้งนี้อี้เฟิงไม่ผลักไสเขา ก็อย่างที่คิดไว้ว่า หลังจากเหตุการณ์ที่หน้าประตูวันนั้น  เขามั่นใจอะไรได้อย่าหนึ่งว่า เขาจะได้มีโอกาสได้สัมผัสอี้เฟิงได้อีก แต่เขาก็ยังหวงแหนโอกาสมากมายแม้จะรู้ว่าอาจจะมีครั้งต่อไป

“ตัวคุณ... หอม..”
“อย่ามาพูดอะไรให้ชวนโมโหได้มั้ย”
“กำลังโมโหหรอ ?”
“อยากจะจับนายโยนไปข้างนอกเลย”




ประโยคหยอกล้อไม่มีความหมายแต่แฝงความรู้สึกบางอย่างไว้ ทั้งที่พูดกัน มือใหญ่แข็งแรงยังละลาม แตะต้องตรงนั้นตรงนี้ของเรือนร่างสวยที่คุ้นเคยไม่ขาด จนเจ้าของเรือนร่างนั้นต้องเบี่ยงหลบเป็นพัลวัน  ยังไม่ทันเข้าห้องไปถึงไหน  หน้าประตูหยางหยางก็จู่โจมอี้เฟิงเสียแล้ว คนน่ารักปัดป้องไปเรื่อย ๆ จนเหนื่อยใจ ให้เขาโอบกอด ไล้ลูบแบบนั้น เขาไม่ทำอะไรแล้ว นอกจากรับสัมผัส เพราะใจในส่วนลึกนั้นบอกเสียงดังว่า ให้ซาตานผู้นี้ทำอะไรที่เขาอยาก ให้เขาคล้องบ่วงที่จะรัดตัวเทพบุตรคนนี้ไปเสียเลย ไม่ต้องต่อต้าน เพราะสุดท้าย เทพบุตรก็ต้องคิดถึงบ่วงแสนหวานนี้ตราบที่เขายังหายใจ




“อี้เฟิง..”
“อะ..อื้ม”



จูบเร้าร้อนเพิ่มระดับขึ้น หลังจากหยางหยางเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเบาที่ใกล้ใบหูให้อี้เฟิงสะดุ้งเขิน   คนน่ารักเขินให้เขาเห็นอย่างที่เคยได้คิดว่าจะได้เห็นอาการน่ารัก  ๆ แบบนี้จากคุณเทพบุตรตัวน้อยของเขา หยางหยางเห็นเช่นนี้ก็ยิ่งย่ามใจ ไล่จูบไปเรื่อย ๆ ตามโครงใบหน้าหวานสวย มือแกร่งที่ละไล้ไปทั่วเรือนร่างและมืออีกข้างที่ค้ำยันผนังข้างตัวอี้เฟิงไว้ กันเทพบุตรน่ารักหนีเขาไปไหนเสียก่อน สายตาที่มี เสน่ห์เหลือร้ายบวกกับความน่าหลงใหล เมื่ออี้เฟิงจ้องมองตาเขาไปไหนเลยจะหนีพ้น อี้เฟิงถูกหยางหยางดึงดูดไว้ด้วยสายตาและความหวานของจูบอย่างที่เมื่อครั้งก่อนหน้าไม่เคยได้รับ  แม้จะเป็นการร่วมรักครั้งล่าสุด ก็ไม่หวานขนาดนี้ 


ลิ้นร้อนหยอกเย้ากับลิ้นเล็กในสถานที่เล็กที่เก็บน้ำหวานบ่อน้อยเอาไว้ ไล่จับกันเป็นเด็กน้อย ไม่สนใจผู้ใดนอกจากกันและ อี้เฟิงถูกดูดพลังจนแทบยืนไม่ไหว ต้องใช้มือทั้งสองข้างคว้าไหล่แข็งแรงเอาไว้ก่อนจะไปกองกับพื้น มือข้างหนึ่งของหยาง หยางละจากการสัมผัสเรือนร่างสวยมาโอบอุ้มให้อี้เฟิงยืนไหว แต่ริมฝีปากก็ยังดูดความหวานของร่างนี้ไม่ยอมหยุด



นั่นเพราะกว่าจะมาพบกันใกล้ตากันขนาดนี้   หลังจากงานการกุศลนั้นก็ไม่ได้ง่ายเท่าไรนัก



เมื่อหยางหยางได้ฟังคำดังนั้น เขายกมือเรียวสวยของอี้เฟิงมาย้ำจูบครั้งหนึ่ง  ไม่ลืมที่จะขอช่องทางติดต่อสื่อสารหลังจากได้ตัดขาดกันไปและครั้งก่อนก็มีโอกาส ที่นี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไมได้คุยกันอีกแล้ว เสร็จอย่างนั้นหยางหยางก่อนจะวิ่งออกนอกห้องน้ำไป  ไม่นาน อี้เฟิงก็ได้รับข้อความว่าให้ไปรอที่ที่หนึ่งเป็นหลังตึกจัดงานการกุศลนี้ และก็พบกับหยางหยางที่รออยู่ก่อนแล้วแต่เขามีบางอย่างปิดบังใบหน้าแต่อี้เฟิงย่อมจำได้อยู่แล้วว่านั่นเป็นหยางหยาง ก็เป็นคนที่ทำให้ชีวิตอี้เฟิงเปลี่ยนไปมากมาย เรื่องราวของเขาที่กระทำต่ออี้เฟิง  มันย้ำให้ทุกอย่างของหยางหยางอยู่ในความทรงจำแม้กระทั่งกลิ่นน้ำหอมเจ้าประจำที่หยางหยางใช้



และอี้เฟิงก็ได้ทำอะไรสนุกและไม่เคยทำ  เพราะทั้งสองคนที่มีใบหน้าคล้ายกัน รูปร่างและความสูงแทบไม่ต่าง แม้ชุดที่แต่งมาในวันนี้จะต่างกันบ้าง แต่เมื่อปิดใบหน้า ถอดสูททตัวนอกออกไป ก็พอทำให้เดาได้ยาก ทั้งสองคนใส่หน้ากากอนามัยบังครึ่งหน้าล่าง แว่นตากันแดด และยังมีหมวกแก๊ปซ้ำอีกครั้ง  เล่นเอาคนขับแท็กซี่ที่หยางหยางเรียกใช้บริการงงไปตาม ๆ กัน อุปกรณ์เหล่านี้ หยางหยางได้มาจากเฉินเสียง โดยให้เพื่อนสนิทนำมาส่งถึงที่บวกกับกุญแจคอนโดของเขา  แต่ไม่ยอมให้เฉินเสียงไปส่ง ก่อนขจะคว้ามือนุ่มนิ่มต่อหน้าเฉินเสียงให้อี้เฟิงรู้สึกเขินที่มีคนมอง และขึ้นแท็กซี่ไป ไม่วายบอกให้เฉินเสียงหมั่นไส้เล่น ๆ ที่ให้มาช่วย พอสมใจก็ผลักไสเพื่อนกันไปเสียดื้อ ๆ
“หลังจากนี้เป็นเวลาของเราแล้ว”
เฉินเสียงขำเพื่อนก็พลางคิดว่า ถ้าเป็นไปได้ ชีวิตนี้หยางหยางมันคงมอบให้หลี่อี้เฟิงหมดไปแล้ว ถ้าอีกฝ่ายต้องการ

“อ๊ะ..เดี๋ยว.. “
“ครับ ?”



คิดว่าตรงหน้าประตูคอนโดไม่ใช่ที่ที่ดีที่จะมีความสุขกัน หยางหยางย้ายที่ไปเป็นโซฟาหรูเนื้อดีของเฉินเสียง เจาแทบทนไม่ไหวที่จะสัมผัสร่างกายนี้  ขณะโอบอุ้มร่างอี้เฟิงมายังโซฟา หยางหยางก็ยังระดมจูบไม่หยุดไปทั่วทุกส่วน เล่นเอาให้อี้เฟิงแทบไม่ทันหอบหายใจ จูบทุกที่มีความหมายความร้อนแรงและแสนหวานที่สุดก็ที่ริมฝีปาก ที่มอบความหวานจากแชมเปญในงานการกุศลที่เพิ่งดื่มกันมา ขนมต่าง ๆ สองคนแลกรสหวานกัน แม้มากมายแต่ก็ไม่เพียงพอ



“ตรงนั้น...คือ..ไปปิดม่านตรงนั้นก่อน”



หยางหยางลอบขำ เพราะอีกฝ่ายขี้อาย  ที่จริงม่านที่เปิดอยู่ก็ไม่ไดทำให้มันดูประเจิดประเจ้ออะไรเพราะคอนโดของเฉินเสียงอยู่สูงมากมายระดับธรรมดา เขาจึงไม่สนคำขอของแมวน้อยใต้ร่าง เขาเริ่มจังหวะต่อไป



มือใหญ่เร่งปลดเปลื้องเสื้อผ้า ให้ทันและเร็วตามความต้องการ หยางหยางเริ่มอดทนไม่ไหว เมื่อเห็นใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อ เนื่องจากการจูบตรงหน้าห้อง แลกความหวานกันเมื่อก่อนหน้า ดวงตาฉ่ำน้ำกำลังบอกความต้องการมาผ่านแววตาเหมือนกัน เช่นนั้นหยางหยางจึงไม่อยากเสียเวลา  เขาปลดเปลื้องเสื้อของอี้เฟิงจนหมด แต่วันนี้ คนน่ารักของเขาขี้อายเหลือเกิน แมวน้อยทันคว้าเสื้อเชิ้ตตัวสุดท้ายที่หยางหยางจะปลดเปลื้องออกทัน สุดท้ายก็มีเชิ้ตขาวยาวแค่น่องเนียนสวย อยู่บนร่าง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้กิจกรรมรักของทั้งคู่ลดความหวานแต่พาให้ตื่นเต้น  เรือนร่างสวยงามที่ชวนให้จินตนาการ กับความเซ็กซี่ที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อตัวนี้   หยางหยางคิดเตลิดไปไกล มองอีกฝ่ายด้วยสายตากลืนกิน  จนอี้เฟิงไม่ทนมองสบสายตาด้วย  และหันไปทางอื่นเสีย


“วันนี้..คุณดู..อืม”
“ไม่ต้องแสดงความเห็นนะ พอเลย”
“แบบนี้ ...ผมคงอดใจไม่ไหว...ในหลายอย่าง”
“มาตั้งขนาดนี้แล้ว มันจะห้ามอะไรทันเล่า สายตานายมันบอกฉันแทบทุกอย่างแล้ว”



คนรูปหล่อหัวเราะเสียงทุ้มอีกครั้ง เสียงนั้นทำให้อี้เฟิงยกอมยิ้มแก้มตุ่มเขินอีกรอบ  มือเรียวยกสูงฟาดเข้าที่อกแกร่งอีกฝ่าย พอรู้สึกถึงแรงตีน้อย ๆ นั่น หยางหยางก็ปราบแมว้อยด้วยจูบรั้งดึงและดูดดื่มไปอีกหลายนาที พอละออกมา อี้เฟิงก็หน้าแดงคล้ายเลือดทั้งร่างมารวมกันที่ใบหน้าจนหยางหยางอดทนไม่ยิ้มขำไม่ได้อีก และจนในที่สุดก็ต้องหัวเราะออกมา เพราะความน่ารักน่าเอ็นดูของอี้เฟิงแท้ ๆ เขาตกหลุมรักอีกครั้ง ตกหลุมรักเทพบุตรคนนี้จนหมดใจ



“อะไรเล่า”
“คุณน่ารักจนผมต้องระบายความสุขออกมา”
“ขี้โกงชะมัด”
“อะไรครับ ?”


เมื่อถามกลับก็เก็บเอากำไรอีกครั้ง โดยการฝังจมูกโด่งหอมที่แก้มเนียนใสของอี้เฟิง อีกคนค้อนใส่ให้เห็น หยางหยางก็หอมอีกครั้ง อี้เฟิงหมดแรงจะท้าทาย จึงเอ่ยต่อ


“ขี้โกง..  หัวเราะอยู่คนเดียว”


เสียงหวานเอ่ยบอกเบาจนหยางหยางต้องก้มโน้มไปฟังให้ชัด เมื่อฟังแล้ว หยางหยางก็ประหลาดใจที่อี้เฟิงพูดเล่นได้น่ารักเช่นนี้ เขาใจเต้นระส่ำ และนึกอยากมอบความสุขให้อีกฝ่ายมามีความสุขเหมือนกับเขาบ้าง



หยางหยางเร่งถอดเสื้อผ้าท่อนบนของตัวเองออก เผยให้เห็นร่างรูปสมส่วนที่ชวนให้วาบหวิวใจ อี้เฟิงไม่มองมันอีกครั้งแน่ เพราะนี่ทำให้เขาหัวใจแทบจะหลุดออกมา หลังจากนั้นหยางหยางก็ก้มโน้มไปจูบย้ำ ที่ริมฝีปากสวยอิ่มนั้นอีกครั้ง ที่บวมช้ำก็เพราะจูบของเขา และทำให้คนใต้ร่างมีความสุขขึ้นเรื่อย มือแกร่งไล้ไปทุกส่วนบีบเค้นบั้นท้ายงอนงามเต็มไม้เต็มมือให้สมใจ เมื่อพอใจแตะลากนิ้วมือพาย้ายกลับมาด้านหน้า ส่วนอ่อนไหวของอี้เฟิงที่เริ่มมีปฏิกิริยา หยางหยางทำให้ส่วนนี้ของอี้เฟิงรู้สึกมากกว่าเดิม มือแกร่งนี้ลากช้า ๆ มากอบกุมให้ความสุข


“อ๊ะ..อื้ม..อึก”



มือแกร่งเร่งจังหวะเรื่อย ๆ ให้อีกฝ่ายที่หลับใหลอยูได้ตื่นขึ้นมา แมวน้อยที่ถูกปลุกเร้า บิดเร่าอยู่ใต้ร่างบนโซฟาสีสวย หยางหยางขยับมือให้เร็วขึ้น เร็วขึ้น ส่วนอ่อนไหวของอี้เฟิงชันสู้มือและพร้อมในขั้นตอนต่อไป  คนรูปหล่อที่อยู่ดานบน โน้มร่างลงมาครอบครองส่วนอ่อนไหวของอี้เฟิงด้วยปากใช้ฟันซี่สวยรูดรั้งเพิ่มอารมณ์หวามในใจให้เพิ่มขึ้นอีก


“อ๊า...อ๊ะ หยาง..หยาง อ๊ะ..เร็ว”



เหมือนจะถูกสั่งเสียแล้ว ซาตานที่ตอนนี้กลายเป็นทาสเทพบุตรก็ไม่ยอมให้อีกคนรอนานนัก เขาเร่งความเร็วมอบความสุขจากริมฝีปากให้เรือนร่างสวย รูดรั้งช้าเร็วให้จังหวะคล้องกับเสียงหวานที่ครางออกมาไมได้เบาขนาดนั้นแต่ไมได้เสียงดังจนน่าอาย แถมยังเสียงหวานน่ารัก หยางหยางรู้สึกชอบเสียงนั้น จึงขอปรนเปรอให้แมวน้อยอีกเร็วขึ้นจนในที่สุดก็ปลดปล่อยครั้งแรกของครั้งนี้ออกมา น้ำขุ่นสีสวยแย้มจากปลายยอด และคลักคลุ้งในปากของหยางหยาง เขากลืนมันไปบางส่วนที่ทันได้ลิ้มรส บางส่วนไหลย้อนออกมาเละทั้งตัวอี้เฟิง ทั้งเขาด้วย และย้อนไหลลงไปเปื้อนโซฟาตัวหรูของเฉินเสียง



“นาย..อืม...กะ...กลืนมัน..เข้าไปเหรอ”
“คุณหวานเหลือเกิน อี้เฟิง”



เขาตอบไม่ตรงคำถามแต่บอกรสชาติมาแทน นั่นยิ่งทำให้อี้เฟิงหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม  จึงยกมือที่โรยแรงตีเบา ๆ ที่ไหล่ หยางหยางจุดยิ้มที่มุมปาก อี้เฟิงเห็นแล้วว่ายิ้มนี้ของหยางหยางร้ายที่สุด และก็ไม่ได้ทันคิดอะไรต่อ อีกคนก็เริ่มทำอะไรต่อแล้ว




“อ๊ะ..อ๊า...อื้อ “
“อา..อี้เฟิง..คุณ.”.




หยางหยางทนไม่ไหวแล้ว เขาต้องการปลดปล่อยมาบ้าง เขาเริ่มมีความรู้สึกตั้งแต่เจออี้เฟิงที่ห้องน้ำแล้ว แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ตอนนี้ได้ เขาจึงขอทำบ้าง  มือแกร่งปลดกระดุมกางเกง และถอดมันออก มีแค่ชั้นในที่ยังค้างอยู่ และมือแกร่งข้างนั้นก็นำความคับใหญ่ของตัวเองออกมา สอดเข้าประตูสวรรค์ ช่องทางความสุขที่หยางหยางโหยหา  เขาอยากสัมผัส  อี้เฟิงให้มากเท่าที่มีโอกาส เขาบอกแล้วว่าเขาหวงแหนโอกาสยิ่งนัก เริ่มขยับเข้าออกให้ได้จังหวะที่ต้องการ เสียงผิวเนื้อดังพอกับเสียงครางหวาน สลับกันไปมา  หยางหยางได้ยินเสียงร้องเจ็บของอี้เฟิงบ้าง ทุกครั้งที่ได้ยินก็จะมอบจูบในหลายที่ทั้งลำคอสวย เนินอก ยอดอกที่คุ้นมือชูชัน หรือจูบหวานละมุนตรงทีหน้าผาก หรือแก้มสวย  บางทีก็เป็นริมฝีปากบ้าง เพื่อให้      อี้เฟิงต้องลดเสียงร้องที่แทนความเจ็บปวด และผ่อนคลายแก่เทพบุตรคนน่ารักของเขา


“อ๊ะ..อ๊า..อึ่ก”

“อา...”



เมื่อเข้าถึงทางสวรรค์ หยางหยางเองก็ปลดปล่อยออกมาบ้าง เขาปล่อยน้ำรักขาวขุ่นในเรือนร่างสวยของอี้เฟิง คิดไว้ว่าเช้านี้ก็จะจัดการให้ แต่ตอนนี้การปล่อยด้านในนั่นทำให้หยางหยางตื่นเต้น และอี้เฟิงเคยบอกว่านั่นเติมเต็มเขา หยางหยางจึงทำมันให้อีกคนชอบใจ


“....อือ...หยางหยาง ปิดม่านเถอะนะ...”
“เขินหรือ ? ”


อีกฝ่ายไม่ตอบแต่ส่งสายดุเป็นแมวโกรธมาให้ เพราะเวลาดึก ท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิท กระจกหน้าต่างบานใสแม้จะไม่มีใครมอได้ แต่กระจกมันสะท้อนทุกท่วงท่าที่กำลังทำรักกันอยู่บนโซฟา อี้เฟิงที่เหลือบไปเห็นหลายครั้งก็เขิน ไม่อยากมอง ย้ำให้หยางหยางปิดม่านอีกครั้ง


“ไปก็ได้...”
“อ๊ะ..อ๊า ..หยาง...”




พูดแบบนั้น เขาก็ไม่ได้ไปเปล่า แต่ยกอุ้มร่างอี้เฟิงไปที่หน้าตางด้วย ความคับใหญ่ของหยางหยางยังสอดใส่ในร่างของอี้เฟิงไม่ถอนออกไปเลย เมื่อขยับเคลื่อนไหวร่างกายก็เหมือนการเข้าจังหวะ มันก็ยิ่งกระแทกจุดกระสันนั้นให้วาบหวามเพิ่มมากขึ้น ของเหลวสีขาวขุ่นที่อยู่ในร่างของอี้เฟิงยังมีอยู่อีกมาก พอเปลี่ยนท่านั่งและยังถูกอุ้มโอบมาแบบนี้ น้ำสีขาวขุ่นเหล่านั้นยิ่งทะลักทะล้นออกมา หยดไปตามที่เดินไปจนถึงหน้าต่าง เมื่อหยางหยางพามาถึงหน้าหน้าต่าง มือแกร่งช้อนร่างไว้ข้างหนึ่งแต่เขาไม่ได้ใช้มืออีกข้างปิดม่านหน้า เขาใช้มันยันกับกระจกหน้าต่าง บอกให้อี้เฟิงลงยืนเองดู แต่เขาจะช่วยพยุงแน่นอน ส่วนอ่อนไหวยังไม่ถอนออกไป


“ลองเปลี่ยนวิวดูนะครับ”
“อ๊ะ...ไม่นะ..มัน..อ๊า น่าอาย”


ซาตานจับร่างเทพบุตรตัวน้อยหันหน้าสู้วิวด้านนอก วิวสวยภายนอกคอนโดอาจจะทำให้ผ่อนคลาย หรือไม่แน่ใจว่าจะทำให้อี้เฟิงอายมากกว่าการชมวิวหรือเปล่า  เรือนร่างสวยแอ่นตัวรับความหวานเพิ่มเติม หยางหยางกระแทกตัวเข้าไป เพิ่มความแรงและจังหวะที่ชวนตื่นเต้น  ยิ่งอยู่ในท่ายืน การกระแทกยิ่งทางพลัง  ถึงจุดที่จะไปสวรรค์ได้อีกไม่ช้า หยางหยางเร่งขยับให้รีบไปถึงเพราะเขาก็ทนไม่ไหวแล้ว
 

“อ๊ะ..อ๊า อ๊าอ๊า... อื้อ..อื้ม”



เสียงร้องไม่เป็นภาษา เมื่อหยางหยางทดลองเร่งความเร็วแบบสุดตัว อี้เฟิงกัดปากเปล่งเสียงเล็ดลอดฟันออกมา ความต้องการของอี้เฟิงกระเพื่อมปริ่มขอบอยู่และในที่สุดก็ปลดปล่อยออกมาให้น้ำขุ่นขาวออกมาอีกครั้ง  ครั้งนี้เลอะเทอะเปื้อนไปทั่วทั้งหน้าขาของอี้เฟิง มีที่กระเด็นไปโดนกระจกด้วย แถมหยาดลงที่พื้นพรมที่ปูห้องอีกส่วนหนึ่ง 



“อี้เฟิง..ผมรักคุณนะ ผม..รัก ...คุณ... ผมจะพูดไปจนกว่าคุณจะได้ยิน”


เช่นเคย อี้เฟิงเบี่ยงหลบไป แต่ได้ยินชัด พร้อมกับความสับสน



แต่สุดท้ายอี้เฟิงก็เลือกใช้ความรู้สึกแรก ที่มีหยางหยางแค่เพียงคนเดียวที่ได้รับมัน และตอนนี้




ตอนนี้...กำลังหวาน..กำลังหวานมาก ๆ
เรากำลังหวานกันมากเลย





ความคิดของอี้เฟิงหยุดเพียงแค่ตอนนั้น ก็ถูกอุ้มอีกครั้ง เข้าห้องนอน อี้เฟิงเตรียมใจว่าวันนี้อาจจะต้องเจ็บ แต่เมื่ออี้เฟิงถูกหยางหยางอุ้มวางบนเตียง  หยางหยางพูดเสียงเบา เสียงทุ้มนั่นทำให้อี้เฟิงต้องตั้งใจฟัง



“ผมทำให้คุณหายกลัวผมได้บ้างหรือยัง..? หืม”


อี้เฟิงตกใจกับคำถามนี้นิดหน่อยเมื่อได้ยิน ตอนนี้ให้ตอบกันตามที่คิดมาจากใจเลยว่ายังคงกลัวอยู่ แต่อยากอยู่ใกล้ อยากให้หัวใจพองโตแบบนี้  ความเปลี่ยนแปลงมันเข้ามาไวเหลือเกิน ยิ่งเป็นความรักที่หยางหยางพร่ำบอกมาเรื่อย ๆ นั่นใช่ว่าจะไม่ส่งผล มันทำให้อี้เฟิงแปลกใจในประสิทธิภาพของมันที่แม้อี้เฟิงจะบอกปัด ปฏิเสธอยู่ร่ำไปแต่คำคำนี้รุนแรงเหลือเกิน 


“ถ้ายัง..ผมอาจจะแกล้งคุณมากกว่านี้ นั่นเผื่อว่าจะทำให้คุณหายกลัวซาตานแบบผมได้”



หยางหยางเอ่ยจบก็มอบจูบหวานอีกครั้ง เก็บเกี่ยวความหวานให้พอใจ เมื่อละออกมาก็ใช้ลิ้นร้อนลากมาตามโครงหน้าหวานมาจนถึงที่ใบหู ไล่มาถึงลำคอระหงส์   อี้เฟิงคิดว่าหยางหยางคงชอบตรงนี้เป็นพิเศษจึงทำให้ที่คออาจจะเป็นที่ที่ได้รับจูบมากที่สุดรองจากริมฝีปาก แต่เขาก็ไม่ได้ทำร่องรอยแต่อย่างใด เพียงซุกไซ้ให้ชื่นใจเพราะความหอมอบอวลของน้ำหอมประจำกายของอี้เฟิง และความเนียนนุ่มของผิวกายที่เทพบุตรแห่งชาติภูมิใจ จมูกโด่งไซร้ไปตามลำคอช้า ๆ ซ้ายทีขวาที 



“อ๊ะ...นาย..มันจั๊กจี้น้า”



เสียงหวานร้องบอก ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงจนไม่มีที่ว่างให้พื้นที่สีขาวปรากฏ ริมฝีปากอวบอิ่มที่บวมช้ำเพาะจูบหนักหน่วงหวานหอมยิ้มแย้มออกมาไม่ได้อมยิ้มเหมือนครั้งก่อน  และเพิ่มความน่ารักด้วยเสียงใสที่หัวเราะออกมาเพราะจั๊กจี้ที่มีจมูกโด่งซุกไซร้ตรงลำคอไม่ห่าง




หยางหยางแทบเป็นบ้า เหมือนได้ยินเสียงใสหัวเราะ
เป็นครั้งแรกที่ได้ยิน
เขาจะคิดได้ว่าเทพบุตรผู้นี้กำลังมีความสุขกับเขาและหัวเราะอยู่..ได้ไหม
เขาหายกลัวหรือยัง




“หายกลัวผมหรือยังครับ”
“เกือบแล้ว..อ๊ะ อย่าซี่ จมูกนาย เอาออกไปห่าง ๆ เลย~



เสียงหวานออดอ้อนอีกครั้ง หยางหยางเริ่มมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าการร่วมรักครั้งนี้ เขาทำให้อี้เฟิงมีความสุข เขาคาดไว้











“อ๊ะ..อื้อ”


อี้เฟิงก็ไม่เข้าใจที่ตัวเองหัวเราะออกมา ในขณะที่อีกคนกำลังอึ้งไม่หยุด แต่ก็ทำรักไปด้วย หยางหยางเอ่ยเบา ๆ ว่าเขาตกใจ อี้เฟิงก็แค่อยากทำแบบนี้    




“อ๊า...อ๊ะ”



ณ ขณะที่คิด ท่วงท่าแห่งการมอบความสุขของหยางหยาง กำลังดำเนินไป เขากระแทกกระทั้นส่วนนั้นมาเรื่อย ๆ ไม่หยุดแต่อี้เฟิงไม่ได้เจ็บอะไร   ริมฝีปากของเขาสำรวจทั่วไปจูบแทบทุกตารางนิ้วของเรือนร่าง จมูกโด่งก็หยอกเย้าเหลือเกิน ก็ดำเนินต่อ ความคิดของอี้เฟิงที่ซับซ้อนอยู่ในใจ จึงไม่ประติดประต่อเท่าไหร่ แต่จำได้ว่าหวานเหลือเกิน


และอี้เฟิงก็หัวเราะอีกครั้ง และอีกครั้งในการพบกันของความสุขของทั้งสองคนในค่ำคืนนี้
 ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามหัวใจ อี้เฟิงไม่ชอบทำอะไรฝืนใจตัวเอง แม้ว่ามันจะขัดกับมุมหนึ่งของอี้เฟิงที่มีความรู้สึกกลัวปรากฏชัด อี้เฟิงแต่มองข้ามผ่านมัน และ ความรู้สึกแรกต่อหยางหยาง สำคัญนัก ตอนนี้....





อี้เฟิงกำลังมีความสุข



และหยางหยางย้ำบอกซ้ำ  ๆ  หลังจากคืนนี้อาจจะไม่ได้มีโอกาสส่งความหวานเช่นนี้ให้กันอีก แม้ว่าจะอยาก เราอาจจะต้องลำบากกันมากขึ้น แต่เขาย้ำกับตัวเองเสมอเช่นกันว่า ความพยายามของเขาจะเป็นผล เริ่มต้นคือ ทำให้เทพบุตรคนนี้เลิกสั่นกลัวเมื่ออยู่กับเขา และเขาคิดว่า เขาทำได้












“ขอให้ผมได้มอบความสุขให้คุณ  และในที่สุดเทพบุตรของผมจะเลิกกลัวซาตานผู้ร้ายกาจแบบผมเสียที”

















___________________________________________________________________ TBC 3

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น