TITLE : THISM<N :: BLOSSOM
CHAPTER :
SPECIAL ‘At this MOMENT’
PAIRING : YANGYANG x
LIYIFENG
RATE : NC -17
RATE : NC -17
เขาคิดว่า..เมื่อค่ำคืนนี้...ซาตานอย่างเขาได้ไปเที่ยวสวรรค์มา
หลังจากที่ได้บอกว่าจะมอบความสุขให้
หยางหยางเริ่มทำอย่างที่ว่า การร่วมรักกันจนห้องของเฉินเสียงเละจนแทบเป็นเกิดสงครามในห้อง
หยางหยางจำได้ว่าห้องรับแขกก็มีสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ในห้องนอนนี่แทบดูไม่ได้
คราบของเหลวที่เปรอะเปื้อน เมื่อคืนไม่มีใครทั้งเขาหยางหยาง
หรืออี้เฟิงกินยาปลุกอะไรกันมาทั้งนั้น แต่ถ้าความสุขเรียกว่ายาปลุกก็อาจจะเป็นไปได้
หยางหยางยังคงยิ้มอยู่
เมื่อครั้งที่ได้มีความสุขกัน
อี้เฟิงหัวเราะออกมา
เขาไม่เชื่อหูตัวเองด้วยซ้ำที่ได้ยินครั้งแรก เพราะจากที่เคยทำอะไรเช่นนี้ ผ่านมา
อี้เฟิงมีแต่น้ำตาให้เขาเห็นจนปวดหัวใจ แต่ครั้งนี้
คนคนนี้ที่อยู่ในอ้อมกอดหัวเราะให้ได้ยิน
แค่เขา
แค่หยางหยางเพียงผู้เดียว รอยยิ้ม
ณ ขณะหัวเราะช่างสวยจับใจอย่างยิ่ง จนไม่สามารถละสายตาไปไหนได้
ยิ่งมอบความสุขวาบหวามให้ยิ่งมากก็ยิ่งมีรอยยิ้มสวย
อี้เฟิงปล่อยอารมณ์ส่วนไหนออกมา หยางหยางก็ไม่อยากคาดเดาให้ข้องใจ แต่นี่ ...ที่เขาได้รับมันมากมายที่สุดแล้ว
ตอนนี้คนน่ารักของเขากำลังหลับ
เพราะความเหนื่อยอ่อน สายตาคมของหยางหยางสำรวจเรือนร่างที่กำลังเข้าสู่นิทรา
โชคดีที่เขายั้งการแสดงความเป็นเจ้าของไว้ทัน รอยสีกุหลาบนั้น
ไม่ได้ชัดเจนมากและมีน้อยที่ เฉพาะที่ที่อยากทำเท่านั้น ใบหน้าหวานพริ้มตาหลับ
เหมือนรูปปั้นสวยที่เหนือจินตนาการ หยางหยางขยับร่างแข็งแรงให้ใกล้อีกครั้งหลังจากเมื่อคืนนี้ใกล้ชิดกันมาทั้งคืน ประทับจูบละมุนที่หน้าผาก
แต่เขาทำให้แมวน้อยตื่นนอนเสียแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“อื้อ”
อี้เฟิงตอบอย่างไร้เรี่ยวแรง ความเขินไม่หมดแถมมากยิ่งขึ้นอีก
เพราะ เช้านี้
ลืมตาตื่นขึ้นมาก็เจอใบหน้าหล่อเหลาระยะปลายจมูกชนกันนอนมองจ้องหน้าแบบนี้..คุณเทพบุตรทำอะไรไม่ถูกได้แค่นอนนิ่งสบตาบ้างไม่สบบ้าง
หนีสายตาของอีกคนบ้าง แถมยังบ่นงุ้งงิ้งเสียงหวานให้นึกเอ็นดู
“อย่ามาจ้องแบบนี้กันแต่เช้าซี่”
“ทำไมหรือ”
“นายไม่เห็นรึไง
นายจะทำให้ฉันลำบากใจนะ”
หยางหยางขมวดคิ้วงงเล็กน้อย ที่ลำบากใจนี่เป็นเพราะอะไร
แมวน้อยที่อยู่ตรงหน้าก้มงุดไม่สบตาหยางหยาง
ก่อนที่จะขยับเรืองร่างสวยมาแนบสนิทร่างแข็งแรงของหยางหยาง
อิงซบอกแกร่งแล้วบอกเสียงเบา
“ลำบากใจมาก นายรู้มั้ยว่าที่นายทำแบบนี้
ทำให้หัวใจลำบาก ต้องทำงานหนัก”
คำตอบน่ารักน้ำเสียงเบาหวิวจนต้องเงียบเสียงที่สุดเพื่อฟัง คนรูปหล่อเผยยิ้มอย่างสุขใจ
ก่อนก้มลงสูดความหอมของกลุ่มผมนุ่มนิ่มให้ชื่นใจ
ที่คนในอกพูดจาอะไรน่ารักที่ชวนหัวใจวายแต่เช้า
คนที่ลำบากใจต้องเป็นหยางหยางแล้วล่ะ
ถ้าหากหลี่อี้เฟิงจะน่ารักได้มากมายแบบนี้
“แค่เช้านี้
คุณก็น่ารักได้ขนาดนี้แล้ว”
“ฉันน่ารักอยู่แล้ว”
“น่ารักจนอยากจะ..รัก...อีกหลาย
ๆ ครั้ง”
พูดประโยคนั้นจบไม่พอวงแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
ยิ่งกอดรัดเนื้อตัวนุ่มนิ่มลื่นมืออีกให้แนบสนิทและแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งกัน เนื้อตัวเปลือยเปล่าของทั้งคู่ที่เปื้อนคราบรักมากมายจากเมื่อคืน
กอดเกยกันจนไม่มีที่ว่างแม้อากาศที่จะผ่านได้
ใบหน้าหวานที่อิงซบแผ่นอกหนาหลับตาพริ้ม อี้เฟิงชอบความอบอุ่นในอ้อมกอดนี้
“เมื่อคืนก็เยอะไปแล้ว”
“เยอะไม่พอ
มันอาจจะยังไม่ถึงทางเข้าหัวใจคุณด้วยซ้ำ อยากรักคุณให้มาก...มากกว่านี้”
ใบหน้าหล่อเหลาของหยางหยาง
ก้มลงมา และจัดการให้ใบหน้าหวานหันมองสบตาเขา เชยคางได้รูปให้หันมาพบสายตากัน
สองสายตาประสานกันอยู่เนิ่นนาน จนแก้มเนียนสวยขึ้นสี
และคนรูปหล่อดั่งซาตานก็เขินขึ้นมาแล้วเช่นกัน
แม้จะเป็นผู้เริ่มสถานการณ์ใจเต้นตั้งแต่เช้านี้เอง
“มากกว่านี้..
. จนกว่าผมจะเข้าไปในใจคุณได้ ..ให้โอกาสผมนะ “
“..อืม
ยังไงดีน้า”
อี้เฟิงเม้มปากเป็นเส้นตรง
อมยิ้มแก้มป่องพลางทำท่าใช้ความคิด
มันน่ารักเกินไปจนหยางหยางต้องขอฝากสันจมูกให้จมแก้มนิ่ม ๆ
เสียซักทีให้หายหมั่นเขี้ยวแต่อี้เฟิงรู้สึกจั๊กจี้ และส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ
เสียงใส ๆ นั่นเข้าโสตประสาทหยางหยางไปอีกครั้ง นั่นทำให้ซาตานพอใจ
หันกลับมาที่อี้เฟิงที่แอบเขินซาตานรูปหล่อตรงหน้า
เขากำลังตัดสินใจ
อี้เฟิงตกผลึกความคิดบางอย่างได้
เมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดของหยางหยาง แต่นั่นเขาจะเก็บไว้ใจก่อน
คิดอีกทีเผื่อให้แน่ใจ แต่นั่นไม่ใชตอนนี้ การใช้ความคิดดหนักหนาเช่นนั้น
ไม่ควรทำในช่วงที่มีความสุขเช่นนี้
“ไว้ค่อยว่ากันนะ
คุณซาตาน”
คนที่ถูกเรียกเช่นนั้นรับทราบ
คิดไว้แล้วว่ะต้องไม่ได้รับคำตอบ แต่ก็เข้าใจว่าทำไมจึงเป็นเช่นนนั้น
เขาไม่เร่งรัด และขอบคุณที่อีกฝ่ายยังรับไปพิจารณาบ้าง
เขาจึงขอบคุณโดยการโน้มใบหน้ามอบจูบหวานเบาบางให้ที่ริมฝีปากอวบอิ่ม อีกคนที่รับจูบยิ้มพราวให้
“จะอาบน้ำแล้ว”
“งั้นไปอาบด้วยกันมั้ย”
“เสียงแบบนี้คงไม่ได้อาบดี ๆ แน่ๆ “
“เสียงแบบนี้คงไม่ได้อาบดี ๆ แน่ๆ “
“อย่ารู้ทันสิแมวน้อย”
แมวน้อยน่ารักเอียงคอค้อนดังตามที่เรียก
และอีกไม่นานแมวน้อยก็ถูกอุ้มจนตัวลอย อยู่ในวงแขนล่ำ อี้เฟิงตกใจเล็กน้อยจึงโอบรอบคอหยางหยางเอาไว้เพราะกลัวตก
แต่หยางหยางไม่มีทางให้เป็นแบบนั้นแน่ มือหนึ่งช้องร่างสวยไว้
อีกมือช้อนต่างให้โอบอุ้มได้พอดี เขาสบตากับแมวน้อยอีกครั้ง
ก่อนพาแมวน้อยไปทำความสะอาดเสียหน่อย
“อะ..อือ..หยางหยาง..จะทำอะไร”
“ก็..ทำความสะอาด
ผมทำคุณเลอะนะ”
แววตาแทบกลืนกินให้หมดตัวของหยางหยางขณะที่พูด
ทำให้อี้เฟิงเขินหนักจนแก้มแดงระเรื่อ แถมมือใหญ่นั้นยังอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง
ที่เขาบอกว่าทำความสะอาดมันก็ใช่ แต่จะกลายเป็นทำรักเสียอีก
ถ้าเขายังเล้าโลมอยู่แบบนี้
หยางหยางจับอี้เฟิงช้อนขึ้นนั่งบนตัก
ให้ซ้อนหลังและโอบกอดกันอยู่ในอ่างอาบน้ำที่มีน้ำอุ่นผสมเครื่องหอมจากดอกไม้นานาพรรณอบอวลส่งความหอมไปทั่วห้อง
มือข้างหนึ่งรัดเรือนร่างสวยไม่ให้ห่างไปไหน อีกมือช่วยทำความสะอาดดังที่ปากว่า
แต่นั่นทำให้อี้เฟิงรู้สึกเหมือนถูกเล้าโลมเพื่อกิจกรรมอื่นมากกว่า
“อือ..อืม
มัน..อ๊ะ..อย่า..แตะตรงนั้นซี่”
“ไม่ชอบหรือ ?
“
“ก็มันน่าอาย”
เถียงกันเล็ก
ๆ น้อย ๆ เพราะมือซาตานไม่นิ่งเลย ตอนนี้เลื่อนมาตรงส่วนล่าง
เค้นบีบบั้นท้ายงอนงามก่อนจะไล่ไต่นิ้วบนเนื้อตัวของอี้เฟิงที่อยู่ใต้น้ำไปจนถึงช่องทางที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
นิ้วมือเรียวสวยของหยางหยางสอดเข้าช้า ๆ ที่ช่องทางนั้น
ก่อนเกลี่ยทางให้น้ำรักที่ได้ปลดปล่อยคั่งค้างไว้ให้ย้อนไหลออกมา
เพื่อให้แมวน้อยสบายตัวขึ้น แต่ก็เหมือนไปปลุกอารมณ์วาบหวามให้เขาอีกกันตอนสาย ๆ แบบนี้ เรือนร่างบนตัวหยางหยางบิดเร้าช้า ๆ
ไปมาอย่างสุขสม นิ้วที่สอดเข้าไปเร่งให้น้ำรักย้อนไหลออกให้หมด
จนในที่สุดการบิดเร้าจนหยาดสุดท้ายของน้ำรักที่หยดออกมาจากร่างของอี้เฟิงก็หมดลง
แต่เพราะหยางหยางเองที่ให้คนน่ารักนั่งซ้อนบนตัวเขาเอง ยิ่งขยับตัวยิ่งเหมือนทำให้ซาตานพุ่งพล่าน
เร่งอารมณ์เขาเหมือนกัน
แม้ว่าหยาดหยดน้ำรักจะหมดสุดท้ายหยางหยางก็จัดการให้มันเติมเต็มเข้าไปใหม่ในช่องทางรักของอี้เฟิงอยู่ดี
“อ๊ะ..อา”
แมวน้อยครางหวานให้ได้ยิน
เมื่อหยางหยางสอดใส่ความคับใหญ่เข้าช่องทาง เพราะทนไม่ไหวอีกต่อ เขาจึงทำมัน อี้เฟิงเองก็ไม่คัดค้านเพราะความต้องการก็พุ่งสูงทยานขึ้นไปไม่ต่างกัน
มือเล็กกำแน่นไว้ เพื่อระบายอารมณ์อีกข้างหนึ่งจิกลงที่ท่อนแขนล่ำของหยางหยาง
หลังจากการสอดใส่เสร็จ แต่หยางหยางไม่ขยับซักที
ก็เข้าใจว่านั่นเป็นสัญญาณให้อี้เฟิงลองขยับเองบ้าง
“อะ..อา
อี้เฟิง..”
“อื้อ..อ๊ะ
อ๊ะ อื้ม”
ยิ่งขยับเร่งจังหวะให้ถึงเส้นชัย
ยิ่งทำให้ทรมารอยากให้ปลดปล่อยซักที แมวน้อยที่ซ้อนทับตักหยางหยางอยู่
ขยับขึ้นลงให้ความคับใหญ่กระแทกตรงส่วนที่อยากให้ปลดปล่อยความต้องการ
ปลายยอดของส่วนนั้นของหยางหยาง โดนตรงจุดจนเสียงหวานครางสะท้านลั่นห้องน้ำ
ผสมไปกับเสียงผิวเนื้อกระทบกัน จนน้ำจากอาบน้ำกระเซ็นไปรอบทิศ
ทั้งเสียงผิวเนื้อทั้งเสียงน้ำที่กระทบความเคลื่อนไหวของร่างกาย
ส่งเสียงสลับกัน แม้น่าอายแต่ก็ต้องฟังมันและทำต่อ แมวน้อยต้องการหยางหยางมากแค่ไหน
ก็รู้ได้จากจังหวะที่เรือนร่างสวยกระแทกให้ส่วนนั้นของหยางหยางเข้าไปลึกขึ้น ๆ
จนเจ้าของความคับใหญ่มีความสุขจนล้นหัวใจ ส่วนอ่อนไหวของอี้เฟิงก็ชันขึ้นเพราะความต้องการ
มือที่กำระบายอารมณ์เปลี่ยนให้มันไปมอบความสุขปลดปล่อยส่วนอ่อนไหวของตัวเองแทน
รูดรั้งจัดการตัวเอง และในที่สุด ทั้งเขาและหยางหยางก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน
น้ำรักของหยางหยงถูกฉีดเข้าช่องทางรักซ้ำอีกเติมเต็มอีกครั้งให้เต็มความรู้สึก น้ำรักของอี้เฟิงก็ถูกปลดปล่อยออกมาปนไปกับน้ำในอ่าง
แต่หยางหยางไมได้นึกรังเกียจอะไร
อารมณ์คล้ายว่าน้ำรักของคนน่ารักบนตัวเขาเป็นของดี
แถมหยางหยางยังยื่นมือไปช่วยให้น้ำรักของอี้เฟิงออกมาเพิ่มอีกเขากอบกุมส่วนอ่อนไหวของอี้เฟิงไว้เต็มมือ
เมื่อน้ำรักนั้นถูกปลดปล่อยออกมาอีก เขากำมือแน่น กอบโกยน้ำรักได้บ้างก็ยกมาลิ้มรส
ลิ้นร้อนเลียหยาดน้ำนั้นจนรู้รสชาติ เขาจุดยิ้มอย่างสมใจปรารถนา
อี้เฟิงหันไปตามมือแข็งแรงนั้นทีเปื้อนน้ำรักของตนจ่ออยู่ที่ปากหยางหยาง
นั่นทำให้อี้เฟิงรู้สึกอายมากกว่าเดิม
จนหันกลับไปมองอย่างอื่นแทบที่จะเป็นท่วงท่าที่เซ็กซี่ทำร้ายใจของอี้เฟิงของหยาง
หยางแบบนั้น
“อี้เฟิง..”
“อะ..อะไร”
“ผมรักคุณจัง”
อี้เฟิงเบี่ยงตัวออก
พอได้ยินคำนั้น ก็ทำแบบพองามให้อีกรู้ว่าเขาทำเป็นไม่ได้ยิน หยางหยางยิ้มขำ
มันก็เป้นแบบนี้ทุกครั้งที่หยางหยางบอกรัก เขานึกไม่พอใจในครั้งแรก แต่หลาย ๆ
ครั้งก็เป็นเช่นนี้ เขาจึงต้องพยายามให้อี้เฟิงรับฟังมันได้ ด้วยการบอกมันไปซ้ำ ๆ แบบนี้ จนกว่าอี้เฟิงจะฟังเขา
“บอกรักไม่พอหรอก
จะทำให้รู้มากกว่านี้ด้วย ว่าตอนนี้ผมรักคุณมากแค่ไหน”
พูดจบก็โน้มลงต่ำเล็กน้อย
จูบที่หัวไหล่ของอีเฟิง
แมวน้อยที่นั่งหันหลังซ้อนนั่งอยู่บนตักของหยางหยางอยู่ยู่ไหล่หลบเพราะจั๊กจี้
ส่วนนั้นของหยางหยางยังไม่ถอนออกไปเสียหน่อย
เขาแกล้งอี้เฟิงโดยการขยับให้ร่างของตัวเองกระแทกเข้าช่องทางอีกครั้ง
“ที่จริงซาตานตกเป็นทาสเทพบุตรแล้ว..อืม
เทพบุตรที่เหมือนแมวน้อย”
อี้เฟิงยกยิ้มกับคำหยอกล้อแต่เพียงได้ไม่นานร่างสวยก็ถูกพลิกให้ไปนั่งบนพื้นอ่างน้ำแทน
เพราะเก้าอี้จำเป็นของอี้เฟิงจะมอบความสุขให้
หยางหยางคงเบื่อกับการเป็นเก้าอี้ให้เสียแล้ว
“อ๊ะ..อื้อ”
หยางหยางเร่งจังหวะให้เร็ว
เพิ่มแรงให้เร้าใจ ใส่ความต้องการให้มากขึ้น มากเท่าที่อยากรักอี้เฟิง
เขามองใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ของอี้เฟิงที่อยู่ตรงหนา
หลังของคนน่ารักพิงอยู่ตรงขอบอ่าง กลายเป็นท่วงท่ามอบความรัก
ขาเรียวยาวที่อยู่ใต้น้ำกางออกให้หยางหยางสอดใส่ได้ถนัดขึ้น เขาปรับมุมนิดหน่อย
เมื่อพอดีก็เร่งให้ถึงสวรรค์ และก็ปลดปล่อยออกมาเต็มช่องทางนั้นอีก ซึ่งอี้เฟิงก็ปลดปล่อยออกมาหลังจากนั้นอีกไม่นาน
ใบหน้าหลอโน้มไปจูบที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่ยังไม่หายแดงบวมหลังจากกิจกรรมเมื่อคืน
เขามาสังเกตว่าเขาทำรอยรักกุหลาบไว้บนเรือนร่างสวยไว้ไม่น้อยเช่นกันแต่โชคดีที่มันเป็นร่องรอยใต้ร่มผ้า
คราวขาวขุ่นจากน้ำรักบางส่วนก็ถูกชำระโดยน้ำในอ่างไปบ้างแล้ว
“พะ..พอแล้ว..
ให้ฉันอาบน้ำซักที หิวแล้วด้วย..อะ..อืม ถอนตัวนายออกไปได้แล้ว..หยางหยาง”
เมื่อถูกไล่ออกมาแล้ว
หยางหยางก็ทำอย่างที่เทพบุตรสั่งว่า ถอนกายอย่างเชื่องช้า
เขาได้ยินเสียงครางเล็กน้อยในช่วงที่ถอนกายออก น้ำรักย้อนล้นออกมาจากช่องทางของอี้เฟิง
หยางหยางยิ้มพอใจกับผลงาน คนน่ารักค้อนงอนให้เห็นพองาม
ก่อนอยยิ้มให้และตีไหล่ให้ซาตานเลิกมองเขาแบบกลืนกินเสียที
“ออกไปได้แล้วคุณซาตาน ขอให้ฉันอาบน้ำหน่อยเถอะ
ไปจัดการตัวเองซะแล้วคุณซาตานที่เป็นทาสของฉัน ก็ทำอาหารให้เทพบุตรคนนี้ด้วยล่ะ!”
หลังจากที่ถูกไล่ออกมา
เป็นหยางหยางที่อาบน้ำและจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยก่อน เข้าใจว่าเรือนร่างสวย ๆ
นั้นจะต้องดูแลหลายอย่างจนกว่าจะพอใจ แมวน้อยก็อยากดูแลความงดงามของตัวเองเป็นธรรมดา
หยางหยางปล่อยให้อี้เฟิงดูแลเรือนร่างตามใจแม้จะไปหยอกเย้าบ้างให้สนุกแต่ก็ต้องออกมา
เพราะเกือบโดนฟ้อนเล็บแมวน้อยใส่มาหนหนึ่ง เพราะหิวมากเลยพาลโมโห
เขาหัวเราะใส่แมวน้อยไปก่อนจะวิ่งหนีเล็บแมวออกมาเตรียมอาหารให้
“เจ้าเฉินเสียงไม่ได้ตุนของกินไว้ด้วยน่ะสิ”
หยางหยางเอ่ยกับตัวเอง
เพื่อนสนิทของเขาแทบไม่ค่อยได้อยู่ห้อง เพราะค้างที่ร้านเอาซะเป็นส่วนมากเพราะลูกค้าเยอะ
จำได้ว่าเนฉินเสียงเคยบอกว่านานทีจะได้ทำอาหาร ส่วนมากกินก็ไม่ที่บาร์ก็นอกคอนโด เขาจึงลองค้นของห้องครับของเพื่อนดูว่ามีอะไรที่เขาพอจะทำได้และกินได้บ้าง ก็พบว่ามีวัตถุดิบของเพนเค้กที่ยังพอมีเหลือให้ทำกินกันได้คนสองคน
เขาจึงตัดสินใจลงมือทำมื้อแรกของวัน..ที่จริงก็เป็นมื้อแรกของอี้เฟิง
ก็เพราะเขากินมื้อแรกเช้านี้ไปแล้วอย่างไรล่ะ
“หอมจัง”
“รออีกแป๊บหนึ่งนะคุณ จวนจะได้ที่แล้ว”
อี้เฟิงพยักหน้ารับคำ
หลังจากที่หยางหยางถาม เพราะเขาลอบลักพาตัวอี้เฟิงมา หนีตามกันโดยไม่บอกใคร
เขาตะโกนบอกกับอี้เฟิงในห้องน้ำก่อนไปทำมื้อเช้าว่าให้อี้เฟิงเลือกเสื้อผ้าจากตู้เสื้อผ้าเองได้เลย
เขาพอมีเสื้อผ้าเก็บไว้ที่ห้องเฉินเสียงบ้าง เพราะเคยพาสาว ๆ หนุ่ม ๆ
แอบมาเล่นสนุกที่ห้องของเพื่อนจนโดนว่า บางทีก็หนีผู้จัดการมาค้างกับเฉินเสียงด้วย
จึงมีเก็บไว้ในตู้ไม่น้อย เขาเตรียมเสื้อผ้าที่พอจะให้อี้เฟิงใส่ได้ แต่ไม่ยากนะ
และคิดว่าน่าจะเดาความชอบของอี้เฟิงถูก เพราะเขากับอี้เฟิงก็มีรูปร่าง
ความสูงพอกันเสื้อผ้าจึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล สไตล์การแต่งตัวก็คล้ายกัน แม้จะเป็นชั้นในด้วยก็ตาม (อย่างน้อยเขาก็เก็บของพวกนี้ไว้ที่ห้องเฉิงเสียงยามฉุกเฉิน)
แต่ไม่แน่ใจว่าแมวน้อยตั้งใจจะยั่วยวนเขาหรือเปล่า ทำไมถึงได้ประหยัดเสื้อผ้า
ใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวทีเขาเตรียมไว้ให้ในท่อนบน แล้วปล่อยให้เรียวขาสวยปรากฏสู่สายตาซาตานแบบเขากัน
ยังดีที่คนช่างยั่วใส่ชั้นในบ้าง กางเกงขายาวสีดำอีกตัวที่เตรียมไว้ให้
ไม่ได้ถูกใยดีและได้รับอนุญาตให้มาอยู่บนตัวอี้เฟิง แบบนี้ตั้งใจชัด ๆ
แต่หยางหยางยังทำใจดีสู้แมวน้อย ไม่เช่นนั้นวันนี้ก็คงไม่ต้องกินอะไรกันแล้ว เพราะ
หยางหยางคงขลุกบนเตียงกับอี้เฟิงทั้งวัน
จนเมื่อเพนเค้กใกล้เสร็จในขั้นตอนสุดท้าย
หยางหยางอยากตกแต่งมันด้วยวิปครีมที่ยังพอมีอยู่ในขวดที่เคยซื้อไว้ อี้เฟิงเห็นว่าน่าสนุกดีจึงขอทำเอง ในที่สุดเพนเค้ก
อาหารง่าย ๆ สำหรับมื้อแรก แม้จะไม่ใช่อาหารที่ดีสำหรับเวลาเกือบค่อนเที่ยง
แต่ห้องของเฉินเสียงก็ไม่มีอะไรตุนไว้ เพนเค้กจึงเป็นอาหารที่ถูกเลือกในมื้อนี้
“อร่อยดี”
มือเล็กตัดชิ้นหนึ่งเข้าปากไปตั้งแต่ยังไม่ทันยกเปลี่ยนที่วาง
พอวางมือจากเล่นแต่งหน้าเพนเค้กด้วยวิปครีมจากขวดเสร็จก็ทดลองชิมทันที
กินเสร็จก็อมยิ้มแก้มป่องชอบใจ
ความน่ารักที่ดูเปิดเผยมากขึ้นของอี้เฟิงทำให้หยางหยางอดใจไม่ไหวต้องขอขโมยความหอมจากผิวแก้มนิ่มเสียซักครั้ง
“นายนี่ขี้ขโมย”
“นั่นก็เพราะว่าคุณน่ารักเหลือเกิน
”
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว”
ยิ่งเปิดเผยใจออกมา
ยิ่งเปิดความรู้สึก อี้เฟิงยิ่งน่ารัก หยางหยางชอบและยิ่งตกหลุมรัก
หลงใหลในเทพบุตรคนนี้มากยิ่งขึ้น และเปิดเผยออกมาหมดทางสายตา อี้เฟิงสบสายตาก็รู้หมดแล้วถึงความนัยนั้น และเผยยิ้มขวยเขินให้ไม่แพ้กัน
ทั้งสองที่ยังไม่ย้ายที่ไปไหน ยังคงยืนอยู่หน้าเค้าเตอร์ทำครัวอยู่ตรงนั้น
กับบรรยากาศเขิน ๆ ที่เริ่มต้นขึ้น พวกเขาสองคนไม่เคยมีบรรยากาศแบบนี้เลย
ก่อนหน้าที่อี้เฟิงเปิดประตูรับเขาเข้ามา อย่างน้อยก็มีไม่บ่อยที่จะทำใจให้ชินกับสถานการณ์หวาน
ๆแบบนี้
และเพราะเขินกันอยู่นั่น
อี้เฟิงจึงยืนกินเพนเค้ก ตักเข้าปากลิ้มรสไปเงียบ ๆ ไม่พูดอะไร สลับกับป้อนคนข้าง
ๆ ที่ทำเพนเค้กให้ บรรยากาศเงียบงันที่หวานสู้เพนเค้กและวิปครีม ทำให้สองคนไม่มีอะไรที่จะพูดกันนอกจากอมยิ้มแทนคำพูดต่าง
ๆ เพราะเขินกันเกินไปที่จะเอ่ยอะไรออกมา
พวกเขายังไม่ชินกับความหวานที่มีให้กันและกัน
แต่พอเมื่อยแล้ว
แมวน้อยก็เริ่มซน ยกตัวเองขึ้นไปนั่งบนเค้าท์เตอร์ครัว
และรั้งให้หยางหยางหันมาหาตัวเอง ใช้แขนเรียวสวยคล้องคอเขาไว้ ส่งยิ้มแกมเขินให้
แต่แววตาซุกซนเหมือนกำลังนึกสนุกอะไรอยู่
มือเรียวละจากคอของหยางหยาง
เมื่อเขายืนตรงมุมที่ต้องการ
มือข้างนึงอี้เฟิงจัดการฉีดวิปครีมออกจากขวดจนเต็มจากเพนเค้กที่อี้เฟิงจัดการกินไปหมดแล้ว
ไดตามใจก็วางขวดลงและใช้นิ้วมือเรียวเล็กแตะวีปครีมละเลียดขึ้นมาตามต้องการ
“อยู่นิ่ง ๆ
นะ ซาตานน้อย~”
เรียกด้วยฉายาที่ตั้งตามใจเสียงหวาน
มืออีกข้างกลับไปรั้งคอให้หยางหยางยืนชิดใกล้เขามากกว่าเดิม
ซาตานน้อยของอี้เฟิงตกใจและประหลาดใจระคนกันว่าแมวน้อยกำลังจะซุกซนอะไร
นิ้วเรียวใช้วิปครีมต่างหมึกปากกา
เขียนบางอย่างบนแก้มซ้ายของหยางหยาง ใบหน้าหล่อที่ถูกแต่งแต้มด้วยวิปครีมที่เขียนอะไรซักอย่างด้วยนิ้วเรียวนั้น
พอสมใจ เขียนสิ่งที่ต้องการบนแก้มของหยางหยางจนครบ ก็ส่งยิ้มให้ แลบลิ้นล้อใส่
และวิ่งลงจากเค้าทเตอร์ไปหน้าทีวี โดยไม่หันมาสนใจหยางหยางอีกเลย
หยางหยางประหลาดใจกับความเขินมากมายของคุณเทพบุตร
และสงสัยว่าอี้เฟิงเขียนอะไรบนแก้มเขา
จึงเดินเข้าไปในห้องน้ำอีกห้องที่อยู่ข้างห้องครัว
เมื่อได้เห็นก็รู้เลยว่า
เขาคงไม่สามารถถอนตัวจากบ่วงนี้ได้แต่เขายินดีอยู่แล้ว จะเป็นจะตายก็ไม่ไปไหน
เทพบุตรจะทำให้ซาตานคลั่งตาย
และตกเป็นทาสตลอดไป
รอยยิ้มหล่อเหลาถูกจุดขึ้นมาอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นข้อความแสนซุกซนบนแก้มที่อี้เฟิงเขียนไว้ อะไรง่าย ๆที่เขาคิดไม่ถึง
อักษรภาษาอังกฤษสามตัวแทนตัวย่อชื่อของอี้เฟิง
ครับ
ครับ คุณหลี่อี้เฟิง ผมเป็นของคุณแล้ว
ทุกอย่างเลย
หลังจากเห็นข้อความชวนเขินนั้น
อี้เฟิงก็นั่งเขินแก้มแดงไม่พูดไม่จาอะไรกับหยางหยางอีก และพาตัวเองมานั่งหน้าทีวี
กดดูอะไรเรื่อย ตั้งใจสนใจรายการที่ฉายอยู่ในทีวีอย่างจริงจังเกินเหตุ
เพราะไม่อยากหันไปพบกับสายตาที่มองอยู่ไกล ๆ หยางหยางเองก็ไม่กล้าเดินมานั่งใกล้ ๆ
อี้เฟิงเท่าไหร่ ถ้าหากอยู่ใกล้อี้เฟิง
ในระยะซักหนึ่งช่วงเขิน ยังนับไม่ทันถึงสามด้วยซ้ำ เขาจะต้องคว้าอี้เฟิงมาทำอะไรแน่
บ่ายวันนั้นก็เลยกลายเป็นช่วงเวลาเขิน ๆ
อีกครั้งที่ทั้งสองทำได้แค่ส่งสายตาจากอีกมุมห้องให้กันและกัน อี้เฟิงนั่งนิ่งแสร้งเป็นปกติ
แต่มือข้างหนึ่งบิดหมอนอิงบนโซฟาจนแทบขาดระบายอารมณ์ ส่วนหยางหยางก็ไปไม่เป็น
เพราะไม่เคยเป็นแบบนี้จึงทำตัวไม่ถูก จึงไปลงกับการเดินไปเดินมารอบห้อง
ไม่กล้าเข้าใกล้อี้เฟิงในระยะเอื้อมคว้ามาจูบได้
ซึ่งแม้จะไม้ได้ใกล้กันเลยตลอดบ่าย แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่น่ารักอีกแบบอย่างที่สองคนคิด
“ว่าแล้ว
ที่นิ่งไปก็หลับไปแล้วสินะ”
หยางหยางไปเดินระบายอารมณ์วนไปวนมาอยู่ในห้องครัว
และจัดการละเลียดวิปครีมที่ถูกแมวซน ๆ
เขียนบนใบหน้าจนหมดด้วยปลายนิ้วเรียวสวยของเขาเอง แม้นึกเสียดายแต่จะไว้แบบนั้นตลอดก็ไม่ได้
เมื่อหมดแล้ว เขาก็กลับไปดูแมวน้อยเสียหน่อย
พบว่าอี้เฟิงนอนขดร่างอยู่บนเตียงกอดหมอนอิงไว้แนบกับตัว
ใบหน้าหล่อโน้มจูบที่หน้าผากเบา ๆ
“ตื่นได้แล้ว
คุณเทพบุตร เย็นแล้ว ผมรู้หน่า คุณน่าจะหิว”
ที่จริงอี้เฟิงตื่นก่อนหน้าที่หยางหยางจะเดินมาแล้ว
แต่พอรู้ว่าซาตานกำลังย่างมาหาก็แกล้งหลับไป จนพอเขาทำอะไรเขิน ๆ
จึงต้องตื่นขึ้นมาเพราะทนเขินไม่ได้
รอยยิ้มน่ารักถูกส่งให้หยางหยางเท่าความเขินจนทำเอาคนรูปหล่อเขินตามไปด้วย
ส่ายหน้าไล่ไปมาบอกอารมณ์ ไปพร้อมกับโอบร่างสวยให้ลุกจากโซฟาอย่างเชื่องช้า
อีกฝ่ายยืนมาส่งมาให้เป็นสัญญาณบอกว่าให้อุ้มไปหน่อย
หลี่อี้เฟิงกลายเป็นแมวขี้อ้อนเพิ่มอีกหนึ่งบุคลิคที่หยางหยางไม่เคยเห็น
เขาช้อนร่างนั้นขึ้นมา
ให้กระชับมือชิดอก ก่อนจะหอบร่างสวยไปที่โต๊ะอาหาร แต่ก็คิดอะไรได้จึงขอแกล้งซักหน่อย
“อ๊ะ..เดี๋ยว”
“ว่าไง?”
หยางหยางเอ่ยถามเสียงกระซิบทุ้มหล่อข้าง
ๆ หู อี้เฟิงถูกวางลงบนโต๊ะอาหารกลางห้องครัว
เขานึกขอบคุณเฉินเสียงที่มีเจ้าโต๊ะนี้ซึ่งมันทั้งตัวใหญ่และแข็งแรงพอจะรับในคนไปนั่งบนมัน อี้เฟิงถูกกดให้เอนนอนลงบนเตียง ก่อนหยางหยางจากทาบทามตัวทับลงมา
และมอบจูบให้เป็นการเริ่มต้นอาหารเย็น
“อือ..อื้ม”
แต่เขาก็หยุดไว้แค่จูบหวานจนแทบสิ้นใจ
ปล่อยให้อี้เฟิงเป็นอิสระ และอุ้มร่างไปนั่งที่เก้าอี้เช่นเดิม
แม้นึกเสียดายแต่ใบหน้าหวานเริ่มกังวลนิดหน่อย
และแถมด้วยความหิวที่เริ่มทำให้หงุดหงิด เขาไม่อยากแกล้งไปมากกว่านี้
“นายนี่!”
“ขอโทษนะ
แค่อยากแกล้งคุณ แต่ก็หยุดแกล้งแล้วไง ก็รู้ว่าหิวแล้ว”
หลังจากนั้นหยางหยางก็โทรสั่งอาหารให้มาส่งที่ห้อง
เขาสั่งเป็นอาหารง่าย ๆ อย่างอาหารจำพวกร้านฟาดฟู้ดแม้มันไม่ดีต่อสุขภาพ
แต่เขาสองคนก็คงออกไปกินอะไรด้วยกันข้างนอกแบบเดินเคียงข้างกันไปด้วยกันไมได้
ทั้งสื่อทั้งแฟน ๆ ไหนจะบรรดาผู้จัดการที่คิดว่าคงหาตัวเขาสองคนกันให้ควั่ก
ทั้งสองคนปิดโทรศัพท์ปิดช่องทางการติดต่อกันไปหมดแล้ว
เฉินเสียงก็ถูกหยางหยางกำชับว่าห้ามพูดและให้หนีออกนอกเมืองไปเลย
จนกว่าจะเช้าแล้วค่อยกลับ
ให้ค่าจ้างเฉินเสียงเป็นเบอร์คนน่ารักคนหนึ่งที่เฉินเสียงแอบชอบ ซึ่งเป็นคนในวงการ
หยางหยางได้มันมาต่อรองกับเฉินเสียง ใช้เป็นค่าเช่าห้องวันนี้ได้ แต่จริง ๆ
แล้วเพื่อนสนิทของเขากำชับแลวอย่าทำให้ห้องเละ แต่น่าเสียดายที่เพื่อนรักแบบหยางหยางไม่ได้ฟังที่เฉินเสียงกำชับไว้ซักนิด
หยางหยางนั่งกินมื้อเย็นไป เขาก็ชดเชยคืนที่อี้เฟิงป้อนเพนเค้กให้ตอนมื้อเที่ยง
เขาจึงสลับกินเองและป้อนอี้เฟิงที่นั่งเล่นมือถืออยู่ข้าง ๆ
พร้อมมองไปรอบห้องสลับกันกับใบหน้าหวาน คราบความรักของพวกเขาที่เลอะเทอะในบางที่ยังไม่ได้ทำความสะอาด
แม้แห้งไปแล้ว มันก็ยังดู..อืม...ไม่ดี
เขาอาจจะต้องให้แม่บ้านมาทำความสะอาดเสียหน่อย
“อิ่มแล้วหรอ
?”
ซักพักมือน้อย
ๆยื่นมาแตะห้าม หลังจากที่หยางหยางส่งไก่ทอดอีกชิ้นให้ แต่อี้เฟิงบอกว่าอิ่มแล้ว
และบอกหยางหยางว่าให้กินซะบ้าง จะว่าไปที่บอกว่าสลับกันกิน
มันคือการที่เขาส่งให้อี้เฟิงกินคนเดียวเสียมากกว่า เขาเองได้กินแทบนับคำได้ เขาจึงทำตามที่คุณเทพบุตรว่า กินอะไรเข้าไปบ้าง
“ไม่ป้อนนะ”
“ผมก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”
“ก็นายส่งสายตามาหนิว่า
ช่วยดูแลผมหน่อย ๆ แบบนั้นน่ะ”
“ก็ผมอยากให้คุณดูแลจริง
ๆ นี่ แต่ถ้าเป็นอย่างเช่น ดูแลหัวใจผม รับความรักผมไปแบบนั้นดีกว่าป้อนข้าวเยอะ”
ใบหน้าน่ารักเบ้ปากใส่
ยกไหล่ไม่สนใจและหันกลับไปกดมือถือต่อเหมือนไม่ได้ยิน หยางหยางลอบถอนหายใจ
ที่ลองหยอดไปบ้างก็ใช่ว่าจะไม่หวังผล แต่เข้าใจว่ามันยาก เขายอมให้อยู่ใกล้ได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว
เขาคิด เขาอาจจะต้องพยายามมากกว่านี้
เจ้าบ้าเอ๊ย....
อี้เฟิงคิดอยู่ในใจ ก็ใช่ว่าจะไม่สะทกสะท้านอะไร
แต่ปราการบางอย่างในใจแข็งแรงมากกว่าที่คำพูดที่แม้ดูจริงจังมากนั้นจะพังมันลงมา
มันต้องมากกว่านี้ มากกว่าที่ซาตานผู้นี้ทำอยู่ ต้องแข็งแรงมากกว่านี้
เพื่อจะทำลายปราการที่เป็นความกลัวที่อยู่ในใจ
อี้เฟิงในบางครั้งก็สับสนในความรู้สึกตัวเอง
ตอนนี้แม้ยังนึกกลัวเขาแต่ก็อยากอยู่ใกล้ ๆ เขา
อาจจะเป็นความกลัวที่ดูย้อนแย้ง
อี้เฟิงกลัวซาตานใจร้ายจะกลับมาอีก
อดีตนั้นอี้เฟิงไม่มีทางลืม แม้ว่าอยากจะตัดบ่วงแต่อี้เฟิงเลือกรับเขา
เปิดประตูเข้ามาแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่คิดที่ทำ
และต้องหยั่งใจตัวเองให้ลึกมากกว่านี้ แม้ว่าความกลัวจะยังเกาะกุมหัวใจเช่นเดิม
แต่อี้เฟิงคิดว่าความอึดอัดในอกนั้นผ่อนคลายไปมาก เมื่อได้ทำตามใจ
และความรู้สึกแรกที่อยากทำเมื่อคิดถึงและอยู่ใกล้ ๆ หยางหยาง มันไม่วุ่นวายใจ
ไม่ต้องคิดอะไรมาก
ก็แค่ความต้องการของใจ
ความรู้สึกแรก เป็นว่าเอาแค่นั้นก็พอในตอนนี้
บ่วงอะไรนี่
มันไม่มีทางคลายเงื่อนออกได้อีกแล้ว
จะเป็นจะตายก็หลังจากนี้แล้วกัน
เพราะถ้าหากความหวานเปลี่ยนยาพิษ
หรือสิ่งที่ผลิบานในใจส่งผลร้ายเมื่อไหร่ อี้เฟิงจะไม่ลงมือจัดการเอง
เขาปล่อยให้รอบข้างช่วยถอดถอนความร้ายกาจนั้นออกไปดีกว่า
เพราะถ้าหากซาตานกลายร่างอีกครั้ง
อี้เฟิงที่คิดเห็นแก่ตัวหน่อยคือไม่จัดการอะไรด้วยตัวเองแล้ว
เขาจะไม่ทำให้ตัวเองมือเปื้อน รอบตัวเขามีเพชฌฆาตอยู่แล้วนี่
นั่นล่ะมีไว้เพื่อจัดการกับซาตานกลายร่าง
มีเพชฌฆาตข้างตัว
ก็ควรใช้ให้เป็นประโยชน์
“อี้เฟิง ...”
เพราะตกในห้วงความคิดและก้มมองอยู่ที่หน้าจอมือถือเครื่องสวยโดยไม่สนใจหยางหยาง
คนที่ถูกเมินจึงส่งเสียงเรียกให้สนใจด้วยเสียงทุ้มที่ชวนจั๊กจี้
กระซิบอีกครั้งที่ข้างหู มือสอข้างโอบกอดเอวคอด สันจมูกโด่งฝังไล่หอมตรงนั้นตรงนี้
เรียกร้องใหแมวน้อยมามองเขาบ้าง
อี้เฟิงเบี่ยงหลบไปมาแต่ก็ถูกเขาขโมยความหอมไปอยู่ดี
จึงเลิกทำอะไรไร้ประโยชน์และนั่งให้หยางหยางขโมยไป ลักความหอมได้ทุกส่วน
จนอี้เฟิงรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขออาบน้ำอีกครั้ง
จึงบอกให้หยางหยางปล่อยเอวได้แล้ว คนรูปหล่อบอกจะตามไปด้วย
แต่อี้เฟิงก็วิ่งหนีเข้าห้องนอนไป และล็อคห้องไว้ด้วย
สุดท้ายอี้เฟิงก็กลับออกมาอีกเกือบชั่วโมงหนึ่ง
ตัวหอมฉุยเพราะเปลี่นเสื้อผ้าอาบน้ำใหม่ในรอบเย็น และไล่ให้หยางหยางไปจัดการตัวเองด้วย
“รีบไปอาบน้ำ
วันนี้มีฟุตบอลคู่ใหญ่ เดี๋ยวมาดูด้วยกัน!”
เข้าช่วงค่ำ
บอลคู่สำคัญกับทีมโปรดของอี้เฟิง กำลังจะลงเตะ
หยางหยางเองก็ติดตามกีฬาชนิดนี้อยู่ด้วยแม้ไม่เข้าขั้นแบบอี้เฟิงแต่ก็พอรู้จักและโชคดีที่ทั้งหยางหยางและอี้เฟิงชอบทีมเดียวกัน
จึงนั่งเชียร์กันสนุกสนาน
“อีกนิดนึง
วิ่งไป เร็วเข้า ! “ เสียงใสเอ่ยเชียร์ทีมโปรดลั่นห้อง
ยิ่งเป็นไอดอลนักฟุตบอลคนโปรดก็ยิ่งตื่นเต้น และเมื่อเขาทำแต้มได้
อี้เฟิงก็ส่งเสียงร้องดีใจพร้อมกันกับหยางหยางและโผเข้ากอดร่างแข็งแรงเต็มรัก
และแสดงความดีใจมากยิ่งขึ้นโดยการหอมแก้มหยางหยางไปอีกหนึ่งครั้ง
มือแกร่งสองข้างโอบรอบเอวไว้ตั้งแต่ครั้งที่แมวน้อยโผกอด
พอถูกหอมแก้มก็หยุดนิ่งไปนาน อึ้งที่อีกคนจู่โจมแบบนี้
“หยางหยาง!”
“อะ..ครับ”
“ที่หอมแก้มตะกี้น่ะ ไม่ได้แค่ดีใจที่ทีมฉันได้แต้ม
แต่ตั้งใจหอมแก้มนายเลยต่างหาก”
แกล้งกันนี่..หยางหยางคิด พอคุณเทพบุตรสารภาพจบก็วิ่งหนีซาตานอีกครั้ง
วันนี้อี้เฟิงวิ่งหนีหยางหยางด้วยความเขินอีกรอบของวันแต่ครั้งนี้หยางหยางวิ่งไล่แมวน้อยแล้วบ้าง
จนสุดท้ายก็สองคนก็วิ่งไล่จับกันไปทั่วห้อง แข่งกับนักฟุตบอลในสนามที่ฉายอยู่ในทีวีจนเหนื่อยหอบรับยามค่ำคืน มีตะโกนเสียงดังจนถูกผู้ดูแลคอนโดของเฉินเสียงโทรมาเตือนสองรอบเพราะทำความรบกวนผู้อื่นด้วยเสียงดังเกินปกติ
แต่ทั้งคู่สนใจเสียที่ไหนกัน
“จะหมดวันแล้วสินะครับ..”
“ก็นั่นสิเนอะ”
หยางหยางเอ่ยถามอีกฝ่ายในอ้อมกอดหลังจากที่วิ่งไล่จับกันจนเหนื่อยพอแล้ว
ทั้งคู่ก็หาอะไรดื่มก่อนนอนเพราะใช้แรงวิ่งไล่กันจนหิว
ยังดีที่เฉินเสียงมีนมกล่องที่ยังกินได้เก็บไว้ หยางหยางจัดการอุ่นมันด้วยไมโครเวฟ
ส่งให้อี้เฟิงและเป็นของตัวเองคนละแก้ว ก่อนจะเข้านอน และมาแอบอิงกอดกันแนบสนิทบนเตียงอีกครั้ง
ก่อนหมดวันแห่งความสุข
พวกเขาต่างรู้ดีว่าหลังจากวันนี้อาจจะไม่เป็นแบบนี้อีก
อาจจะถูกว่า ถูกกักบริเวณ หรือห้ามเจอกัน อี้เฟิงรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนขี้ขลาด
และหยางหยางพยายาม เขาจะทำให้เราสองคนมาพบกันอีกจนได้
ครั้งนี้อี้เฟิงจะให้หยางหยางวิ่งเข้ามาหาเขาแต่เพียงผู้เดียว ถือว่าเป็นการชดเชยกับสิ่งที่เคยทำมา
และแน่นอนหยางหยางเต็มใจที่รับผิดชอบ
แค่อี้เฟิงไม่หนีก็ดีเท่าไหร่แล้วกับสิ่งที่หยางหยางทำกับเขา
และเขาจะหยุดรอให้อีกฝ่ายมาหา ถือว่านี่คือการปรานีมากที่สุดแล้ว
แม้จะบอกตัวเองแบบนั้น
แต่ขาที่หยุดยืนอยู่รอซาตานผู้นั้นก็เป็นความตั้งใจของเทพบุตรเอง
แม้ว่าเขาจะหนีซาตานไปได้ แต่ไม่ยอมไป และรอให้เขาเอาบ่วงมาผูกพัน
“นายต้องเหนื่อยหน่อยนะ”
“คุณรอผมอยู่ตรงนั้นล่ะ
ผมจะไปหาคุณเอง”
เป็นประโยคสั้น
ๆ บอกใจความได้ชัดเจน ให้เทพบุตรรอเขาอยู่ตรงนั้น
ซาตานผู้ตกเป็นทาสหมดสิ้นแล้วทุกอย่างอย่างเขาจะวิ่งฝ่าอุปสรรคเข้าไปหาเอง
โดยที่เทพบุตรผู้งดงามผู้นี้ไม่ต้องทำอะไร ...หยางหยางคิดว่า
ที่เคยทำกับอี้เฟิงมาจากก่อนหน้านี้ มันสมควรแล้ว แค่อี้เฟิงไม่หนีเขาไปไกล
ไกลจนมองไม่เห็นความหวัง แค่นี้ก็ถือว่าปรานีกับเขามากพอแล้ว
มือสองข้างโอบกอดให้เรือนร่างนั้นเข้ามาแนบชิดมากขึ้นให้ใบหน้าของทั้งคู่ได้ใกล้กันที่สุด
ปลายจมูกแตะกัน และใกล้มากเสียจนได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย
สายตาที่สอดประสานกัน ทำให้รับรู้ความนัยที่อีกฝ่ายบอก หยางหยางบอกอี้เฟิงทางสายตา
ที่ฉายชัดที่สุดคือคำว่ารัก
ส่วนความฝั่งอี้เฟิงก็บอกถึงว่าจะรออยู่...หยางหยางอาจจะแปลความไม่เก่งนักแต่เขาคิดเช่นนั้น
และซักพักที่สายตาได้สอดประสานเนิ่นนาน ซาตานรูปหล่อก็เกิดความปรารถนาที่ถูกจุดขึ้นมา
เขาพลิกร่างให้อี้เฟิงนอนแนบหลังชิดติดเตียงและเขาจึงทาบร่างลงไป เพื่อเริ่มบทรักในวันนี้
หนึ่งวันของเราสองคน เริ่มด้วยจูบดูดวิญญาณที่เป็นของถนัดของหยางหยาง
ที่ดูดเอาพลังรวมทั้งวิญญาณไปหมดสิ้นทิ้งไว้เพียงความหวานหอมคลักคลุ้งปาก
ลิ้นเรียวร้อนตวัดผลัดเปลี่ยนส่งความน้ำหวานกัน
“อืม..อะ..อือ..อื้อ”
แรงจากร่างแข็งแรงกดให้ร่างของอี้เฟิงแทบจมเตียงมิด
หลังจากจูบหวานเขาก็ดำเนินต่อพื่อไม่ให้เสียเวลา
ส่งความต้องการความปรารถนาให้ซึ่งกันและกันให้เติมเต็มมากพอที่จะเก็บตุนไว้ให้คิดถึงกันได้ก่อนจะขาดใจ
เสียงจากบทรักหวานดังสลับกันไป
“อี้เฟิง..ขอบคุณ
ขอบคุณมากจริง ๆ “
แม้ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่ทำให้หยางหยางเอ่ยขอบคุณ
แต่อี้เฟิงรับมันด้วยรอยยิ้ม พร้อมด้วยเหงื่อหยดเล็กตามไรผม
ที่เกิดจากการเร่งบทรักร้อนแรงยามค่ำคืนก่อนที่ทั้งคู่จะแยกกันไป
หยางหยางดีใจที่ได้รอยยิ้มน่ารักรับคำขอบคุณที่จริงใจที่สุดจากเขา
แม้จะแตกสลายไป ก็ไม่เสียดายอีกแล้ว เขาจะสู้อุปสรรคทุกอย่าง เพื่อคนคนนี้เท่านั้น
หลี่อี้เฟิงคนนี้เท่านั้น
“ไว้นายทำบางอย่างได้
ฉันอาจจะได้มีโอกาสได้อะไรมากกว่านี้บ้าง”
บางอย่างที่เฝ้ารอ
วันหนึ่งที่อี้เฟิงแน่ใจว่าเขาสามารถอยู่ข้าง ๆ ซาตานได้โดยไม่กลัวเขากลายร่างไป
แต่อี้เฟิงก็กลัวอีกอย่างว่าเขาจะถูกเพชฌฆาตลงดาบเสียก่อน
เขาไม่แน่ใจว่าอนาคตเราทั้งคู่จะเป็นอย่างไร
แต่วันนี้เขามีความสุข ..พูดได้เต็มปากแล้ว
วันนี้เป็นหนึ่งวันที่ดีกับหัวใจ
แม้หลังจากนี้จะไมรู้ว่าเส้นทางจะเป็นเช่นไร
แค่ปัจจุบัน
เรามีวันที่ก็ควรจะเก็บเกี่ยวไว้ให้เป็นความทรงจำพิเศษที่ดี ๆ เก็บตุนเอาไว้แก้ความร้าวรานใจหากเราจะไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อีก
แต่ก่อนจะหมดวันแห่งความสุขของพวกเขา ช่วงเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงกอนจากกัน
พวกเขาจึงผลัดกันมอบความสุขจนสิ้นวินาทีสุดท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น