วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2558

[Fic] THISMAN - หยางเฟิง CHAPTER : 'THIS IS A DREAM'





TITLE : THISMAN
CHAPTER : SPECAIL  ‘This is a dream’
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG – 13







อะไร....




หยางหยางตื่นขึ้นมากลางดึก เขายังคงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลหลังจากมีเรื่องชกต่อยจนได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งเขายังอ่อนเพลียจากการไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ...ที่จริงแล้วหัวใจของเขาก็อ่อนแอ 





ตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงเหมือนมีใครคนหนึ่งลอบเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยของเขา เขาที่ขยับตัวได้ลำบาก ก็ทำได้แค่มองดู แรงจะลุกขึ้นมาก็ยังต้องเค้น หยางหยางจึงแสร้งทำเป็นหลับก่อน เพื่อดูท่าที่คนปริศนาที่มาใหม่




“สวิตช์ไฟอยู่ไหนวะเนี่ย”




เสียงคนคนนี้.....เขาไม่ได้ฝันไป ..หรือกำลังฝันอยู่ เขาต้องฝันอยู่แน่นอน




“..อี้เฟิง”
“จะเสียงดังทำไม”




เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกเสียงดังนั้นหันมาทางหยางหยางที่นอนป่วยอยู่บนเตียงทันทีที่เปิดไฟห้องพักจนสว่างทั้งห้อง อี้เฟิงเดินตรงมาที่เตี ยง หยางหยางนอนตะลึงค้างอยู่ตรงนั้น มือเรียวถอดหมวกแกปที่ปิดบังใบหน้าออกวางไว้ตรงโต๊ะเล็ก ๆ ข้างเตียงผู้ป่วย





“นายห้ามพูดอะไรมาก ห้ามถามอะไรทั้งสิ้น เงียบปากไว้เลย ตอนนี้นายกำลังฝัน นายกำลังเมายาที่นายกินเข้าไปอยู่จำเอาไว้”





หยางหยางยิ้มกับทุกประโยคที่อี้เฟิงพูด ปากน่ารักที่เขาเคยสัมผัสเม้มเป็นเส้นตรงกลบเกลื่อบอารมณ์...เขาคิดว่าอี้เฟิงกำลังเขินอยู่  เจ้าตัวลากเก้าอี้ที่อยู่ริมผนังมานั่งข้างเตียงผู้ป่วย หยางหยางพยายามขยับเอียงมาทางที่อี้เฟิงนั่ง





“ระวังหน่อย แผลนายมันเยอะ “
“คุณมาได้ยังไงอี้เฟิง”
“บอกว่าห้าม! ห้ามถาม ฉันพูดไปได้ยินบ้างมั้ย”





หยางหยางเผยยิ้มมากขึ้นจนกลายเป็นหัวเราะ ทำให้กระทบแผลที่อยู่ริมฝีปาก คนรูปหล่อรุ่นน้องที่นอนป่วยอยู่ร้องโอดโอยขึ้นมาอย่างเผลอตัว อี้เฟิงทันเห็นก็ตกใจตีหน้าดุใส่





“เดี๋ยวเถอะ ระวังหน่อย”
“ครับ ๆ “




เขาคิดว่าเขาเริ่มเหมือนคนบ้า อี้เฟิงที่มานั่งตีหน้าตาน่ารักอยู่ใกล้ตา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า...






“นายกำลังฝัน หยางหยาง จำไว้ว่านายฝันอยู่”













เขาพยักหน้าตามอี้เฟิง และยังจ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตามากความรู้สึก คิดถึง โหยหา รักเหลือเกินทุกอย่างส่งให้ไป








เจ้าบ้านี่







อี้เฟิงนั่งชิดเตียงผู้ป่วยก่อนท้าวแขนวางคางได้รูปลงกับมือ ท้าวมองใบหน้าผู้ป่วยที่ยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาเห็นว่าผู้ป่วยบ้านี่ยิ้มมากเกินไป มีความสุขจนน่าหมั่นไส้ มือเรียวยกมือบีบจมูกให้อีกคนรู้สึกตัว




“ยิ้มอะไรนักหนา”
“ผมฝันดีมากเลยนะเนี่ย”
“เออ”





คำตอบรับสั้น ๆ แค่นั้นหยางหยางก็ยิ้มไม่หยุด มืออีกข้างของอี้เฟิงว่างอยู่พาดวางอยู่ใกล้ ๆ มือของหยางหยางที่วางอยู่ข้างตัว หยางหยางพยายามขยับมือตัวเองให้คว้ามือนุ่มนิ่มอีกข้างของอี้เฟิงไว้ได้ แต่อี้เฟิงขยับหนี









หยางหยางนึกแปลกใจ แต่ก็เข้าใจในครู่ต่อมา เขาไม่ควรสัมผัสแตะต้องอี้เฟิง ตามที่เคยได้ยินอี้เฟิงบอกมา







แต่อี้เฟิงทำอะไรมากกว่านั้น








มือข้างที่ขยับหนีหยางหยาง เขายกมือนั้นมาครอบปิดปากของหยางหยางไว้ เบามือเบาแรงเพราะกลัวหยางหยางเจ็บ ใบหน้าหวานที่อยู่ไกลจากก่อนหน้า โน้มเข้ามา ริมฝีปากน่ารักนั้นประทับจูบหลังมือของตัวเองแต่ตรงตำแหน่งริมฝีปากของหยางหยางที่อยู่ใต้ฝ่ามือของอี้เฟิงที่ครอบปิดปากหยางหยางไว้







หยางหยางเบิกตาเลิกคิ้วเล็กน้อย ประหลาดใจ ดีใจ หลากหลายระคนกันไป












เป็นฝันดีจนไม่อยากตื่น















หยางหยางยังคงอึ้งกับสถานการณ์ชวนใจเต้นที่อี้เฟิงทำไปเมื่อครู่ พอคนน่ารักทำให้เขาใจเต้นตูมตามเสร็จก็กลับไปปั้นหน้านิ่งอยู่ท่าเดิมท้าวแขนแต่มองไปรอบห้อง ไม่สนใจเขา












“อี้เฟิง”
“อะไร”
“อี้เฟิง...
“เรียกทำไมเล่า”













หยางหยางเห็นคนน่ารักแก้มแดงระเรื่ออยู่ข้าง ๆ ใจของหยางหยางเต้นผิดจังหวะไปมากจนห้ามไม่อยู่ เขายกมือช้า ๆ จนอี้เฟิงจะต้องหันไปมองเพราะสังเกตเห็นพอดี พอยกมือแตกหน้าอก แมวน้อยก็นึกว่าเขาเจ็บปวด






“เปล่า ใจผมเต้นแรงมากเกินไป ก็เพราะคุณนั่นล่ะ”
“บ้า”




คำสั้น ๆ เพราะเขินส่งมาให้ อี้เฟิงยกยิ้มมุมปาก แต่แค่นั้นหยางหยางก็รู้แล้วเขาเขิน






น่ารักเหลือเกิน..ฝันของเขาตอนนี้เป็นฝันที่ดีมากจริง ๆ






หยางหยางหันมานอนตะแคงข้าง ส่งสายตาจ้องมองอี้เฟิงด้วยแววตารักใคร่โดยไม่ปิดบัง อีกฝ่ายก็สบตามองหยางหยางเป็นพัก ๆ ครู่หนึ่งก็หันมองจ้องด้วย แล้วก็หันเสไปทางอื่นแก้เขิน แล้วก็กลับมามองตาหยางหยางอีกครั้ง วนกันอยู่แบบนี้อยู่นาน





“จะแกล้งกันรึเปล่านะ คุณเทพบุตร”
“ซาตานอย่างนายจะมากลัวอะไรกับฉัน”
“กลัวจะใจเต้นจนวายไปซักก่อน”
“พูดอะไรเลี่ยนชะมัด”
“ผมพูดแบบนี้กับคุณคนเดียวนะ”
“ไม่น่าเชื่อซักนิด”
“เชื่อเถอะครับ เพราะผมรักคุณ เลยอยากให้เชื่อไว้ ไม่โกหกเลยนะ”
“พูดอยู่นั่น รัก ๆ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
“ถ้าอย่างนั้นอยากเข้าใจมากขึ้นมั้ย”



บทสนทนาประโยคสั้นแต่ต่อความกันยาวนานสองนาน พอจบคำนั้นอี้เฟิงเบิกคิ้วสงสัย หยางหยางบุ้ยใบ้ทางสายตาว่าให้คนน่ารักขยับเข้ามาหาเขาซักหน่อย











ในฝัน...ของเขา....เขาจะทำอะไรตามใจก็ได้สินะ











เมื่อใบหน้าหวานเข้ามาใกล้เรื่อย แก้มใสเนียนอยู่ในระยะพอดี หยางหยางขยับตัวดันให้ร่างกายลุกขึ้นมาเหนือเตียงเล็กน้อย ประทับริมฝีปากแม้แห้งผากไปหน่อยลงที่แก้มใสนั่นแค่นั้น เขาก็ละริมฝีปากออกไป ก่อนเปลี่ยนทิศไปกระซิบข้างหู















“ผมอยากบอกรักให้คุณฟัง ให้ฟังจนคุณจะเบื่อกันไปข้างหนึ่งเลย “















อี้เฟิงนิ่งสนิทไปแล้ว เพราะไม่คิดว่าคนร้ายกาจดั่งซาตานอย่างที่เขาคิดว่าจะทำอะไรให้ชวนใจเต้นได้ขนาดนี้ ดวงตากลมโตเบิกกว้างตกตะลึง และเขินออกทางสีหน้า เมื่อถูกหอมแก้ม แถมกระซิบหวานแบบนั้น ก็ต้องแก้เก้อค้อนใส่ตาคว่ำ เม้มปากกลั้นอารมณ์เขินอีกครั้งแล้วรีบผลักออกมานั่งที่เดิมตรงเก้าอีข้างเตียง










“ซาตานขี้ขโมย”
“ก็คุณเทพบุตรน่ารักจนห้ามใจลำบาก”














คนน่ารักหน้าแดงขึ้นสีมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้เป็นประโยคธรรมดาแต่น้ำเสียงอันน่าหลงใหล และแววตาที่ชวนให้เขินมากขึ้นตามระดับ อี้เฟิงทนไม่ไหว ให้จ้องหน้าหยางหยางต่อไม่ได้แล้วจึงเสหลบตาไป นี่เขาป่วยอยู่ยังทำร้ายใจอี้เฟิงมากขนาดนี้เลย












“อี้เฟิง...”
“อะไรไม่ต้องมาเรียกเลย หลับๆ ไปซะไป”
“คุณมาทำตัวน่ารักแบบนี้กับผม ผมจะไปหลับลงได้ยังไงกันเล่า”
“หยางหยาง!
“ครับ ~~~











อี้เฟิงถอนหายใจ เจ้าบ้านที่นอนป่วยอยู่นี่ ขนาดเขาขยับตัวแทบไม่ได้ ลำบากลำบนก็ยังทำให้เขาเขินขนาดนี้ ไม่รู้จะมาทำอะไรที่นี่กัน อี้เฟิงคิดกลับตอนก่อนจะมาที่นี่ เขารู้อยู่แล้ว่าอีกฝ่ายเจ็บหนักเพราะอะไร แม้ทิฐิมากมาย แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้ใจนำพา แล้วก็พามาหาหยางหยางที่นี่











แค่อยากมาดูว่าเป็นอย่างไร












ที่จริงแล้ว.....อี้เฟิงคิดถึงหยางหยาง..ก็เท่านั้น














แต่คิดแล้วก็ไม่น่ามาเลย ซาตานก็ยังเป็นซาตาน  กลั่นแกล้งเทพบุตรได้สารพัดอย่าง







หัวใจเริ่มแย่เสียแล้ว















“เเกล้งกันแบบนี้จะกลับแล้ว”
“เดี๋ยวสิ”





หยางหยางขืนให้มือที่ยังระบมปวดคว้าอี้เฟิงไว้ทัน ข้อมือของคนน่ารักอยู่ในพันธนาการอันบอบบางของหยางหยาง เขาปล่อยมือลงให้อี้เฟิงเป็นอิสระ และให้อี้เฟิงทำตามใจ และเขาก็ดีใจเมื่ออี้เฟิงเลือกที่จะนั่งลงที่เดิม






“เออ อยู่ต่อก็ได้”
“ขอบคุณที่มาหาผม”
“ไม่ได้อยากมา มีอย่างอื่นนำมาที่นี่”






หยางหยางประหลาดใจนิดหน่อย สิ่งที่สามารถนำให้อี้เฟิงมาอยู่ที่นี่ มาเจอกับเขาที่เกลียดมากมาย มานั่งให้เขาละเมอเพอ้พก อี้เฟิงนั่งข้าง ๆ เขา ตีหน้าแป้นแล้นยิ้มออกมาให้เขานึกหมั่นเขี้ยว บางทีก็รู้สึกอยากหยิกแก้มใสนั่นซักที





“เดาเอาเอง”
“อ้าว”
“บอกแล้วว่าห้ามถามมาก”
“อี้เฟิง”
“ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนั้นใส่ ฉันไม่ใจอ่อน”
“ก็แค่บอกผมหน่อย ผมโง่จะตายไป”
“แน่ใจนะ ? แววตานายไมได้บอกแบบนั้นเลย ไม่ได้บอกเลยว่านายไม่รู้”







กลับไปที่แววตาของหยางหยาง มองอี้เฟิงอยู่เช่นเดิม แถมยิ้มกริ่มให้เสียด้วย เขาคิดว่าอี้เฟิงคิดถึงเขา




ง่ายดายดีไหม ? เข้าข้างตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า ? หยางหยางคิดว่าทุกอย่างทั้งหมดนั่นก็ใช่ทุกอย่าง เขาทั้งคิดเข้าข้างตัวเองและง่ายดายที่จะสรุปไปแบบนั้น แต่อี้เฟิงเองก็น่าจะรู้ดีว่า ดวงตากลมโตของตัวเองนั้นฉายบอกเขาหมดเปลือกแบบไม่ปิดไว้ซักอย่าง







“คุณคิดถึงผม”










หยางหยางพูดไปตามที่อ่านจากแววตาของอี้เฟิง และเมื่อคำตอบนั้นออกมาจากปากของหยางหยาง ใบหน้าหวานนั้นก็ฟุบลงกับของเตียงตรงนั้นไปเลย หยางหยางตกใจนิดหน่อย เขินรุนแรงไม่เบา หลบหน้าหลบตากัน เขาอยากเห็นหน้าตาตอนอี้เฟิงเขินมากๆแบบนี้ คงน่ารักจนอยากฝังจมุกสูดกลิ่นหอมๆของแก้มใส แต่แมวน้อยดันไม่อยากให้เห็น










“แล้วนายล่ะ ?”
“ผม ?”







เสียงอู้อี้ถามทะลุมาจากที่ที่อี้เฟิงฟุบอยู่ หยางหยางนิ่วหน้าสงสัยเมื่อคนถามถูกเปลี่ยนฝ่าย และไม่นานเขาก็เข้าใจคำถามที่ถูกาสวนมาของอี้เฟิง










“ผมคิดถึงคุณทุกเวลา”








เสียงหัวเราะใส ๆ ดังออกมากน้อย ๆจากอี้เฟิง ร่างข้าง ๆหยางหยางสั่นเทิ้ม เพราะการหัวเราะ หยางหยางนึกเอ็นดูแมวน้อยข้างตัวตอนนี้ไม่น้อย จึงขืนยกมือขึ้นมาลูบหัวลุบกลุ่มผมนิ่ม ๆ พ่วงด้วยกลิ่นดอกไม้อ่อน ๆนี้เบา ๆ อีกคนไม่ขืนอะไร และรับสัมผัสอย่างดี






ถ้าเป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ก็คงดี







“นายอย่าลืมนะ นี่ในฝัน นายกำลังฝัน โอเคนะ”














เสียงอู้อี้ดังขึ้นมาอีกครั้ง หยางหยางพยักหน้ารับและยังคงลุบหัวอี้เฟิงต่อไปเรื่อย ๆ
















“จูบผ่านฝ่ามือเมือกี้ก็ความฝันหรอ  เสียดายแย่”
“อย่ามาเรื่องมากได้มั้ย”















พอได้เรื่องเถียงอี้เฟิงก็ผุดลุกขึ้นมาตีหน้ายุ่งอีก หยางหยางงอนง้ออีกฝ่ายอย่างใจเย็น และหลังจากนั้นก็หาเรื่องเถียงไปเรื่อย จนต้องหยุดเถียงกันไปเองเพราะเริ่มเสียงดังขึ้น ๆ และเหนื่อยอ่อนกันทังคู่ โดยเฉพาะหยางหยางที่เป็นผู้ป่วย เราเถียงกันเรื่อยไม่เป็นเรื่อง หยอกล้อกันตามประสา หยางหยางหาเรื่องรอบตัวมาล้ออี้เฟิงจนอีกฝ่ายหัวเสียอยากเข้าไปจู่โจมอย่างแมวน้อยใส่หยางหยางหลายรอบแต่ต้องใจเย็นไว้เพราหยางหยางเจ็บอยู่ จึงได้แค่ตีหน้าดุให้ไป หยางหยางชอบแกล้งอี้เฟิง เพราะสนุกดีที่ได้เห็นใบหน้าน่ารักเปลี่ยนอารมณ์ไปหลากหลาย หัวเราะ ยิ้ม หน้างอ ดุใส่ อะไรก็ตาม













ถ้าเป็นหลี่อี้เฟิงก็น่ารักทั้งนั้น













อี้เฟิงมองเห็นอีกฝ่ายยิ้มได้เพราะเขา ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหัวใจพองโตมากขนาดไหน แต่รู้สึกคับอกจนหายใจไม่ออกไปหมด ในท้องก็รู้สึกมวลแปลก ๆเหมือนมีอะไรมาบินในท้อง อาจจะเป็นผีเสื้อหรืออะไรทำนองนั้น รอยยิ้มของหยางหยางช่างดูอบอุ่นและทำให้อี้เฟิงรู้สึกปลอดภัยอย่างนึกประหลอดใจ และดูน่าหลงใหล เพราะความรูปงามของเจ้าตัวเอง พอเผลอเข้าอี้เฟิงก็ทอดสายตามองเขาด้วยความหลงใหลไปแล้วเพราะความเผลอ





















“นายควรจะนอนนะ นายดูเหนื่อยแล้ว”















หยางหยางรู้สึกตามนั้นจริง ๆ เพราะฤทธิ์ เขาตื่นขึ้นมากลางดึกทั้งที่ฤทธิ์ยาแรง ๆยังไม่หมด ทั้งยังตื่นมาใช้กำลังทำให้ใจทำงานหนัก เขาไม่นึกโทษอี้เฟิงหรอก แต่รู้สึกมากพอตัว












“จนกว่าผมจะหลับ..อยู่ด้วยกันก่อนนะ”










สายตาอ้อนวอนส่งไปหาอี้เฟิง และอี้เฟิงก็ใจอ่อนในที่สุด คนน่ารักนั่งในท่าทางเดิมที่เดิมและเฝ้ามองจนหยางหยาง หลับไปในที่สุด




“นายแค่ฝัน..จำเอาไว้ “





















อี้เฟิงกระซิบบอกหยางหยางข้างหู เขาคิดว่าหยางหยางยังไม่หลับสนิทดีอาจจะรับรู้ประโยคของเขาได้บ้าง



และสัมผัสอบอุ่นนี้ด้วย





















ก่อนหน้านี้ที่อี้เฟิงใช้มือคั่นกลาง แต่ครั้งนี้ไม่มีอีกแล้ว





ริมฝีปากเรียวเล็กประทับจูบที่ริมฝีปากได้รูปที่แห้งผากเล็กน้อย อี้เฟิงจูบอย่างแผ่วเบาที่สุดเพื่อไม่ให้กระทบอาการเจ็บและรบกวนให้หยางหยางตื่นขึ้นมา






















“วันนี้นายฝันดีที่สุดในชีวิตแล้วหยางหยาง”











THISMAN :: THIS IS A DREAM


















“หยางหยาง ตื่นแล้วหรอ”



ผู้จัดการสาว  และข้าง ๆมีเฉินเสียงอยู่ด้วย วันนี้สองคนมาแต่เช้าเพื่อมาเยี่ยมไข้เขาวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลังจากที่พักอยู่เพื่อรักษาตัวและดูอาการป่วยไปด้วย คุณหมอรั้งตัวไว้เพิ่มอีกวันเพราะหยางหยางยังดูอ่อนเพลีย จนคุณผู้จัดการต้องปวดหัวเพราะจะต้องโทรศัพท์ต่อหาผู้กำกับขอให้หยางหยางลาได้อีกซักวัน




“ครับ “
“นายยังดูอ่อนเพลียอยู่เลย แต่ว่าลาไมได้ซะแล้วล่ะ อดทนหน่อยแล้วกัน”





หยางหยางพยักหน้าตามคำไป เขาอ่อนเพลียก็จริง แต่เป็นเพราฝันดีๆ น่ารัก ๆ เมื่อคืนนี้ เขาตื่นมาก็ยังอารมณ์ดีจนเฉินเสียงแอบมองอยุ่หลายครั้งอย่างสงสัย จนเขาต้องบอกไปว่า




“แค่ฝันดีน่ะ”





เฉินเสียงไม่สนใจ คำนั้น และช่วยพี่สาวผุ้จัดการเก็บของต่อไป  หยางหยางแต่งตัวช้า ๆ ไม่พยายามขยับตัวมาก เนื่องเพราะยังเจ็บอยู่ แต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มากแล้ว และพาลนึกไปถึงเสียงกระซิบที่เหมือนจริงในฝัน เสียงหวานที่ได้ยิน ย้ำซ้ำ ๆ ว่าเขากำลังฝัน ให้เขาจำฝันนี้ไว้






ฝันได้หวานมากมายขนาดนี้ แต่ในความจริง..เป็นไปไม่ได้เลย
ในฝันก็ยังดี










“เอ๊ะ ไอนี่น่ะ ? ของหยางหยางหรอ? หรือของนาย เฉินเสียง”








เขาหันไปหาตามเสียงที่จู่ ๆ ก็ทำลายพะวงความคิดของเขา ผู้จัดการสาวร้องทักขึ้นเมื่อเห็นของบางอย่างที่แปลกที่แปลกทางวางอยู่ในห้อง














หยางหยางมองครั้งเดียวก็จำได้



หมวกแกปใบสวยใบหนึ่งที่อยู่ผิดที่ผิดทาง หมวกใบนี้น่าสงสาร เพราะถูกเจ้าของทิ้งไว้เสียแล้ว















...รอยยิ้มของซาตานจุดขึ้นมาอย่างได้ใจ ...













เขาจะเชื่อว่านั่นเป็นฝันก็ได้ เป็นฝันที่เขาได้รับทั้งรอยยิ้มสดใส ได้ฟังเสียงหัวเราะน่ารัก เสียงกระซิบที่ชวนให้สัมผัสเจ้าของเสียง และประทับจูบที่ติดตรึงหัวใจ















หยางหยางจะเชื่อว่านั่นเป็นความฝัน แต่ตอนนี้เขาหยุดยิ้มไม่ได้เลย
















เป็นฝันที่น่ารักมากเหมือนคนที่มาเยือนเขาในความฝัน















------------------------------------------------ END THISMAN :: THIS IS A DREAM


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น