TITLE
: THISM<N
:: BLOSSOM
CHAPTER : 1 "คนบ้า"
PAIRING : YANGYANG x
LIYIFENG
RATE : NC -17
RATE : NC -17
ไม่... ไม่ได้
หลังจากที่อี้เฟิงเผลอใจเดินล่องลอยไปปลดล็อคประตู
และไม่นานก็รู้สึก และคิดทันเขาผลักประตูกลับเข้าที่เดิม
ล็อคมันไว้และกลับไปนั่งกับตัวเอง และถอยให้ห่างจากประตูห้องของตัวเอง
กลัวราวกับประตูเป็นของต้องห้ามของเขา
แต่ที่อี้เฟิงกลัวคือคนหลังประตูนั่นและกลัวหัวใจตัวเองด้วย
แกจะบ้าไปแล้วหรือ
หลี่อี้เฟิง
ห้ามเปิดออกไปอีก...
ถ้าประตูนั่นเปิดออกไป
ก็เท่ากับว่าอี้เฟิงว่าซาตานผู้นั้นเข้ามาในชีวิต
ไม่สิ
แบบนั้นคงจะทำให้เขาวนเวียนอยู่ในชีวิตตลอดไปเลย
ฉะนั้นเขาไม่ควรทำให้ใจของเขาเองล่องลอยและทำอะไรที่ไม่คาดคิดอีก
หลังจากนี้อี้เฟิงควรจะกลั่นความก่อนให้หัวใจนำพาไป
แต่..เวลา..
มันใกล้จะเช้าแล้ว...มันใกล้จะหมดแล้ว
THISM<N :: BLOSSOM
เมื่อครู่นี้....
หยางหยางนึกตัวเองกำลังฝันไปแต่ที่จริงเขาตื่นอยู่ตลอดและนั่งมองบานประตูนั้นและคิดถึงคนที่หลังประตูสุดหัวใจ
อี้เฟิงแง้มบานประตูออกมา
เขาที่กำลังจะลุกขึ้นและมุ่งไปหาอี้เฟิง แต่ไม่ทัน อีกฝ่ายปิดประตูไล่ใส่หยางหยางไม่นาน
เขาคิดว่าอี้เฟิงไม่ทันมองหน้าเขาด้วยซ้ำ
กำแพงนั้นไม่มีวันพังลงง่าย
ๆ
หยางหยางถอยกลับมาตั้งหลัก
เขาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง... มันเหมือนกับมีพลังอะไรบางอย่างที่ถูกปลุกขึ้นมา เขาหมุนข้อมือดูเวลาบนนาฬิกาเรือนสวย
อีกไม่กี่ชั่วโมงพระอาทิตย์ก็จะฉายแสงแล้ว
ถ้าเขาลองดู...
ลองใช้วิธีโง่ ๆ ลองพังกำแพงนั้นด้วยวิธีตรง
ๆ แบบไม่อ้อมค้อมอะไรเลย เขาไม่คิดว่ามันเป็นวิธีที่ดีเท่าไหร่
แต่ลองดูก็ไม่เสียหาย เพราะหยางหยางไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ที่จริงแรกเดิมที
เขาแทบจะยอมแพ้และสิ้นหวังแล้วด้วยซ้ำ แต่อี้เฟิงที่ปลดล็อคประตูและแง้มมันออกมา
เขารู้สึกอีกฝ่ายกำลังทำร้ายหัวใจตัวเองอย่างหนักอยู่ด้วย แบบนั้นอี้เฟิงจะเจ็บปวดมากกว่ามั้ย
หยางหยางอาจจะคิดไปเอง...
แต่เขาคิดว่าเขารู้ความรู้สึกของอี้เฟิงตอนนี้... อย่างน้อยก็ตอนนี้
เขายกมือเคาะประตูห้องอี้เฟิง
ให้เจ้าของห้องได้ยิน และรู้สึกตัวเอง
มือของเขาคู่นี้จะเคาะประตูร้องเรียกเทพบุตรคนนี้
จะเรียกอยู่นั่น จนกว่าจะหมดเวลา เพราะอย่างไร
เทพบุตรก็ให้ความหวังอันน้อยนิดแก่เขาแล้วมีเวลาไม่กี่ชั่วโมง...
จนกว่ามือคู่นี้จะไม่ไหวก็จะพยายามไปอย่างนี้เรื่อย
ๆ
“อี้เฟิง...คุณได้ยินผมมั้ย..............
ผมรู้ว่าคุณยังไม่หลับไป
และอยู่ใกล้บานประตู ... คุณได้ยินผม ผมรู้
คุณเองก็อย่าทำให้ตัวเองเจ็บปวดเลย
เมื่อกี้ที่คุณพยายามจะเปิดประตูออกมา คุณอยากทำอะไรซักอย่างให้มั้ย .....
ในห้องยังคงเงียบงันจนหยางหยางรู้สึกแปลกใจ
แต่เขายังร้องเรียกต่อไป โดยไม่สนใจว่าห้องอื่น ๆ
ที่เป็นแขกในโรงแรมจะรู้สึกเหมือนถูกรบกวนหรือไม่
หรือจะมีพนักงานโรงแรมหิ้วเขาไปก่อนหรือเปล่า
“อี้เฟิง...
คุณได้ยินผมมั้ย”
หยางหยางยังคงร้องเรียกอย่างนั้นไปเรื่อย
ๆ ราวครึ่งชั่วโมง แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับจากอี้เฟิงเลย
คนในห้องใจแข็งกว่าที่เขาคิดมาก
เขาหมุนข้อมือดูนาฬิกาอีกครั้ง
เหลือแค่รางสองชั่วโมงที่เขาจะพยายามทำอะไรโง่ ๆแบบนี้ได้
เคาะเรียกร้องให้คนในห้องออกมาให้ความหวังแก่เขาอีกครั้ง
อย่างน้อยก็ถือว่าหยางหยางได้พยายามแล้ว
เพราะความหวังจากการปลดล็อคประตูของอี้เฟิงแท้
ๆ ที่ทำให้หยางหยาลุกขึ้นมาทำแบบนี้
ไม่รู้จะเป็นผลหรือไม่
แต่เขาก็จะทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
“อี้เฟิง... “
“เลิกทำอะไรน่ารำคาญแบบนี้ได้มั้ย”
บานประตูนั้นเปิดออก
เมื่อหยางหยางจะยกมือเคาะอีกครั้งก็กลายเป็นว่ามือเรียวสวยนั้นมาคว้ากำปั้นของหยางหยางที่กำไว้หลวมๆ
เสียแล้ว เจ้าของมือคว้าเอากำปั้นคนที่สร้างความรำคาญหน้าห้องคนนี้ไปดู
มือของหยางหยางเคาะประตูเรียกร้องอี้เฟิงอยู่นาน ทำซ้ำๆ แบบนี้มาก็เป็นชั่วโมงแล้ว
จนตรงข้อนิ้วชช้ำจนห้อเลือดน่ากลัว แต่คนใจแข็งแสร้างไม่สนใจ ตัดความสงสารไป
แถมกดลงไปที่ข้อนิ้วห้อเลือดนั้นที่มือหยางหยางจนอีกฝ่ายนิ่วหน้าเจ็บ อี้เฟิงได้ยินซาตานบ้าคลั่งนี่ยืนเคาะห้องร้องเรียกชื่อเขา
เรียกอยู่อย่างนั้น มีบอกอีกว่าเข้าใจเขา รู้ใจเขาดี
อย่ามาทำเป็นรู้อะไรดีไปหน่อยเลย
อี้เฟิงเจ็บปวดกว่านั้นมากมาย เขาเป็นคนกระทำ เขาน่าจะรู้ดี
“นายทำบ้าอะไร”
“ผมกำลังพยายามอยู่..ในส่วนเวลาที่เหลือของผม”
“ทำอะไรไร้ประโยชน์”
“..แต่อย่างน้อยคุณก็ออกมา”
หยางหยางรู้สึกเหมือนได้เข้าใกล้อี้เฟิงได้อีกนิด
เพราะอีกฝ่ายมาคว้ามือเขาไว้ก่อน
แม้ว่าจะแกล้งเจ็บแสบโดยกดนิ้วเรียวของเขามาที่แผลช้ำของหยางหยางจนรู้สึกเจ็บปวด
แต่แค่นั้น หยางหยางไมได้สนใจอะไรอยู่แล้ว
เขาได้เห็นใบหน้าหวานของอี้เฟิงอีกครั้งก็ดีใจมากแล้ว
มันเหมือนทำให้เขามีความหวังอยากจะสู้ขึ้นมาอีก พลังใจมันกลับมาแทบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ เขายอมให้เทพบุตรคนนี้ลงโทษ
จะให้จองจำที่ไหนเขาก็พร้อมตาย
หรือจะให้แตกสลายไปคามือของเทพบุตรคนนี้ก็ยอมทุกอย่างแล้ว
“ตาคุณบวม...”
มืออีกข้างหนึ่งที่มีรอยช้ำจากการเคาะประตูห้องเช่นกัน
เขายกมือแกร่งแตะที่ส่วนใบหน้าของอี้เฟิง ไล่ตั้งแต่แก้มไป
เมื่อเข้าใกล้ดวงตาคาสวย อี้เฟิงหลับตาลงรับสัมผัสนั้น
ปลายนิ้วของหยางหยางคลึงตรงบริเวณหางตา ไม่แน่ใจว่าที่ทำอยู่จะช่วยอะไรได้
แต่เพียงอยากทำ มองใบหน้าน่ารักนี้แล้ว ไม่เหมาะกับความโศกเศร้าทั้งหลายเลย
หยางหยางที่ย้อนนึกไปถึงเรื่องราวในอดีต เขาอยากจะเอาตัวเองไปประหารเสียจริง
ทำไมถึงทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้น ทำให้คนนี้ร้องไห้ มันช้าไปแล้ว
ถ้าหากเขาล่วงรู้ว่าจะตกหลุมรักคนคนนี้จนหมดหัวใจ
เขาจะไม่มีวันทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาด
เขาจะรักคนคนนี้
ทนุถนอมอย่างดี
และปกป้องรอยยิ้มและดวงตาคู่นี้ด้วยชีวิต
“อี้เฟิง..ฟังผมซักนิด”
ดวงตาคู่นั้น
ตื่นขึ้นมามองสบตาตรงมาทางเขา หยางหยางจ้องเข้าไปในดวงตานั้นอย่างลึกซึ้ง
พยายามสัมผัสความรู้สึกในนั้น
เขาอยากเข้าข้างตัวเองเหลือเกินว่า
อีกคนมีความรู้สึกบางอย่างต่อเขาเช่นกัน แต่เขาไม่กล้า
กลัวอีกฝ่ายจะรู้เหลือเกิน
ถึงความในใจ แต่คิดว่าหยางหยางคงไม่กล้าคิดอะไรแบบนั้น
ไม่กล้าคาดคิดว่าอี้เฟิงมีความรู้สึกบางอย่างถึงเขา เขาไม่ควรคิดแบบนั้นด้วยซ้ำ
อี้เฟิงเอียงคอนิดหน่อย
และตั้งใจฟังตามที่เขาจะบอก
"ขอบคุณ"
ตากลมเบิกกว้างเล็กน้อย แต่ไมไ่ด้ตกใจ นั่นเป็นสิ่งที่เขาควรเ่อยแล้ว อย่างที่ก่อนหน้านี้ที่อี้เฟิงจะเปิดประตูออกมา
ตลอดเวลาชั่วโมงกว่านั้น หยางหยางทำบ้าทำอะไรที่เขาไม่เข้าใจ เคาะห้อง
ร้องเรียกชื่อเขาอย่างกับคนบ้า เขาน่าจะบ้าไปแล้วจริง ๆ เขาคงไม่มีหนทางอะไรแล้ว
เวลาที่เหลือน้อยกดดันให้เขาพยายามด้วยวิธีงี่เง่า
และบ้าที่สุดก็คือ
อี้เฟิงยอมรับวิธ๊งี่เง่าแบบนี้
ที่จริงอี้เฟิงคิดว่า
เขาบ้ากว่าหยางหยางด้วยซ้ำที่ยอมเปิดประตูรับเขาให้เขามาเป็นบ่วงกับหัวใจของเขาอีก
เหมือนคนบ้าที่ยอมให้หัวใจงี่เง่านำพามาเจอกับคนเดิมที่ทำให้หัวใจเจ็บปวด
เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นวนเวียนผ่านมาหาเขาซ้ำๆ
แต่อี้เฟิงแปลกใจที่ตัวเองไม่ถอยหลังหนีหยางหยาง หลังจากเปิดประตูออกมาเจอเขา
ไม่แน่ใจว่าอี้เฟิงอยากเห็นอะไรจากคนคนนี้กันแน่
แต่ที่รู้ก็คือ
ความปรารรถนาในใจของอี้เฟิงลึก ๆที่อยู่ก่อนหน้านี้ที่บอกว่า
อยากเห็นหยางหยางหยุดร้องไห้ มันเป็นจริง คนคนนี้หยุดร้องไห้แล้ว กำลังสัมผัสเขาอยู่และยิ้มให้
บางอย่างเริ่มผลิบานขึ้นอีกครั้ง
“นายทำอะไรไร้ประโยชน์”
“ก็ในเมื่อผม...ไม่มีวิธีไหนแล้ว”
“อับจนหนทางขนาดนั้นแล้วสิ”
“ผมไม่มีทางไหนแล้ว
แต่คุณออกมาหาผม จะด้วยความรำคาญหรืออะไรแต่ขอบคุณมาก..จริง ๆ”
เขาอยากกอดอี้เฟิงจนใจแทบขาด
อยากสัมผัสมากกว่านี้ทุกส่วน
แต่แค่ได้มองหน้าและสัมผัสเพียงแค่ปลายนิ้วที่ได้รับก็มากเกินได้แล้วจริง ๆ
เขาอยากรักอี้เฟิงให้ได้มากกว่านี้ มากกว่าที่ทำอยู่ มากได้เท่าที่คนคนนี้
คนใจร้ายของอี้เฟิงจะทำได้
อยากให้เขารู้สึกถึงความรักของหยางหยางถึงหลี่อี้เฟิง
“ผมรักคุณ..”
เมื่อได้ฟังอี้เฟิงเบี่ยงหน้าหลบคำ
ๆ นั้นและ สายตานั่นทันที เขาไม่อยากฟังคำว่ารักของหยางหยาง
เขาจะใช้คำนั้นเล่นงานหัวใจอี้เฟิงอีกแล้ว
เป็นคนที่ใช้คำว่ารักได้สิ้นเปลืองเท่าที่อี้เฟิงรู้จัก
“นายพูดแต่คำคำนั้น”
“ผมจะพูดจนกว่าคุณจะได้ยิน”
อี้เฟิงเม้มปากเป็นตรงตรงและถอนหายใจออกมาครั้งใหญ่
หยางหยางเลิกคิ้วแปลกใจ แต่เมื่ออี้เฟิงหันมาสบตาเขา หยางหยางยิ่งตกตะลึง
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเทพบุตรกับซาตาน เข้าใจกันผ่านสายตากันอย่างไร
คลื่นบางอย่างในหัวใจอาจจะตรงกัน แต่แค่ครู่เดียวเท่านั้น ใบหน้านั้นก็ก้มต่ำลง
หยางหยางพยายามช้อนแตะปลายนิ้วที่คางได้รูปนั้นให้เงยหน้ามามองกันอีกซักครั้ง
“อี้เฟิง...”
“นายใช้เวลาไปอย่างไร้ประโยชน์ “
เหมือนอี้เฟิงยังพูดไม่จบ
หยางหยางลดมือลงไว้ข้างตัว เขาตั้งใจฟังอี้เฟิง
อีกฝ่ายเหมือนกำลังต่อสู้อย่างหนักกับบางอย่างในใจ
“นายยังมีเวลาอีกเท่าไหร่”
“อีก..ราวสองชั่วโมงที่ผมจะพยายามได้”
อี้เฟิงเงยหน้ามาแล้ว
ตามที่หยางหยางปรารถนา จ้องมองดวงตากันและกันไปมา
และอาจจะเพราะว่าพวกเขาได้สัมผัสกันมากกว่าใครทั้งทางกาย ทางใจ อาจจะเป็นความเข้าใจกันและกันโดยที่ไม่มีใครเข้าใจพวกเขาทั้งคู่
ความรู้สึกย้อนแย้งกันสิ้นดี ความเกลียดชัง
ไม่อยากให้อภัยและความรู้สึกบางอย่างที่วนกลับมาที่เดิม
อี้เฟิงเอ่ยปากอย่างไม่น่าเชือว่าจะเอ่ยอะไรเช่นนี้ออกมา
“นายควรทำอะไรที่มีประโยชน์มากกว่านี้”
หลังจากนั้นหยางหยางได้สบดวงตาคู่สวยนั้นอีกครั้ง
ความรู้สึกมากมายที่หยางหยางแจกแจงไม่หมดในเวลาย่ำรุ่งแบบนี้แน่นอน
แต่ร่างกายและความรู้สึกแรกของเขาคือ ขอสัมผัสอี้เฟิงซักครั้ง
เมื่อสิ้นคำจากเสียงหวาน ๆ นั้น หยางหยางดันตัวเองเข้าพ้นธรณีประตูมาในห้องอี้เฟิง
และผลักประตูปิดและล็อคมันเสียและอีกมือหนึ่งโอบเอวของร่างเพรียวที่คุ้นเคยเอาไว้
และแม้เขายังช่างใจว่าอี้เฟิงจะขัดขืนหรือไม่แต่ไม่มีสิ่งนั้นเกิดขึ้น
เวลาที่เป็นประโยชน์ของหยางหยางได้เริ่มต้น
“อะ..อื้ม”
จูบหวานในรอบหลายเดือนที่เขาไม่ได้สัมผัสคนคนนี้ในความเป็นจริง
แม้ความฝันหยางหยางจะไม่กล้า แต่ตอนนี้เขากลับได้ทำ เหมือนฝันไปแต่นี่คือความจริง
หยางหยางได้จูบอี้เฟิงอีกครั้ง ความหวังทุกอย่างเริ่มกลับมา
ไม่แน่ใจนักว่าอี้เฟิงรู้สึกแบบนั้นจริง ๆหรือไม่ แต่เทพบุตรคนนี้เมตตาซาตานเช่นเขาเหลือเกิน
ต่อให้แตกสลายตายไปก็ยอมแล้ว
“อี้เฟิง”
“อะ..อ๊ะ.อื้อ”
มือแกร่งรู้จักร่างกายนี้เป็นอย่างดี ลากไล้ไปทุกที่ได้รู้จัก
ทักทายกันเบามือก่อนตรงใต้ร่มผ้าของเสื้อตัวเก่งของอี้เฟิง
แตะที่ยอดอกที่เริ่มชูชันตั้งรับ เขาหยอกล้อกับยอดอกของอี้เฟิงอยู่ครู่นึ่งก็สมใจ
และมาใส่ใจกับจูบที่ดำนเนินไปพร้อมกัน และมือแกร่งเปลี่ยนจากโอบเอวคอดนั่นเป็นอุ้มให้ร่างทั้งหมดมาอยู่แนบชิดและเร่งพาไปยังที่ที่ควรทำอะไรแบบนี้
“...อี้เฟิง...”
เขาเรียกชื่อซ้ำ
ๆ จนอีกฝ่ายเบื่อจะฟัง ยกมือปัดป้องและปิดใบหน้าหวานที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อเพราะจูบมาธอนหน้าประตูเมื่อครู่นี้
ตอนนี้ทั้งคู่อยู่บนเตียงนุ่มของโรงแรม
อี้เฟิงถูกเขาอุ้มมาวางไว้ร่างเพรียวยังไม่ทันถูกผลักลงเตียงไปก็ถูกดูดวิญญาณด้วยจูบหวานล้ำอีกครั้ง
จนเมื่อถอนออกมา ก็ต่างหายใจหอบโยนกันทั้งคู่ แต่เหมือนหยางหยางยั้งคิดอะไรได้
เขาหยุดทุกอย่างและขยับทิ้งระยะจากอี้เฟิงไป
“นายมีสัญญากับผู้จัดการของฉันใช่มั้ย”
“แต่ผมแมนพอที่จะทำอะไรไปแล้วก็รับในผลที่ตามมานะ”
อี้เฟิงเบะปากลง
เบี่ยงหน้าให้พ้นระยะสบสายตา ไม่ชอบสายตาไล่ล่าของหยางหยางตอนนี้เลย เขาแทบจะละลายอยู่แล้ว
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่ยอมให้อีกฝ่ายเข้าพ้นประตูมา
ให้เวลาอีกนิดไม่ทำอะไรไร้ประโยชน์อย่างนั้น นี่เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้วหรือไม่
ความเจ็บปวดในอดีตก็วิ่งวนซ้ำไม่หยุดและสวนทางกับความรู้สึกและอาการของอี้เฟิงในตอนนี้ ความรู้สึกบางอย่าง
ในห้องนี้มีผีเสื้อด้วยหรือ...อี้เฟิงคิด
พอเห็นคนน่ารักจมกับความคิดของตัวเองเช่นนั้น หยางหยางก็อยากจะทำความพยายามของตัวเองให้เป็นผลซักครั้ง
“อื้อ..
เดี๋ยว...”
“หืม ?
ว่าไงครับ”
ไม่ทันคิดอะไรต่อ
อี้เฟิงก็รู้สึกถึงสัมผัสของหยางหยางที่เริ่มรุกล้ำมาทุกที
กางเกงของอี้เฟิงถูกปลดเปลื้องออกไปกองไว้ข้างเตียงมีแค่ชั้นในที่ยังเป็นปราการขวางกั้น
จึงรั้งห้ามไว้ทัน
ความทรงจำในอดีตที่แสนรวดร้าวส่งความเจ็บปวดมาย้ำเตือนว่าคนคนนี้ล่ะที่ทำใหอี้เฟิงเจ็บปวดมาเพียงใด
“ผมสาบานว่าจะไม่ทำ
หากคุณไม่พร้อมไปด้วยกับผม”
ใบหน้าหวานขมวดคิ้วคิด
น้ำตาไหลออกมาด้วยความรู้สึกท่วมท้น แตกต่างกันราวกับฟ้าและเหว จากที่เคยได้รับก่อนหน้านี้
แต่เขายังไม่อยากปักใจว่าซาตานผู้นี้จะไม่กลับมาร้ายกาจแบบเมือก่อนอีก
แต่อี้เฟิงอยากกอดเขาเหลือเกิน
ยิ่งเมื่ออยู่ตรงหน้ากันแล้ว ยิ่งอยาก…
“ไม่ร้องไห้นะ....ผมขอโทษ”
หยางหยางหยุดมือไว้แค่นั้น
เขาจะไม่ทำอะไรที่ฝืนใจอี้เฟิงหากไม่พร้อม
เขาไม่อยากเดินไปด้วยกันแต่หยุดอยู่ตรงนี้ให้หยางหยางได้มองอย่างเต็มตาและซึบซับใบหน้าที่รักเหลือเกินไว้เพียงแค่นี้ก็ถือว่ามาไกลเกินไปแล้วสำหรับความผิดที่เคยก่อไว้
มือแกร่งเปลี่ยนมาเป็นเกลี่ยน้ำตาที่หยดลงที่แก้มเนียนสวยนั้นออกมา
เขามองใบหน้าหวานด้วยความรักใคร่ อี้เฟิงต้องรับทราบแน่นอน
แววตาของคนตรงหน้าเปลี่ยนไปแม้เล็กน้อยก็คือเปลี่ยน
อย่างน้อยความรู้สึกที่หยางหยางส่งไปให้ก็กระทบถึงใจแข็งแกร่งของอี้เฟิงบ้าง
“นายเอง...ก็หยุดร้องแล้ว”
“แต่ถ้าคุณยังร้องไห้อยู่
ผมก็จะร้องตามคุณไปอีกคนนะอี้เฟิง”
อี้เฟิงยิ้มเยาะกับประโยคนั้น
เหมือนจะเอาใจและก็เหมือนหยอกล้อกัน มือแกร่งนั้นยังวนเวียนอยู่ที่แก้มนุ่มนิ่มนั้น
ปลายนิ้วสัมผัสแตะซ้ำ ๆ ตรงนั้นตี้
จนเจ้าของแก้มต้องเบี่ยงหลบเพราะรู้สึกจั๊กจี้
หยางหยางคิดว่าเขากำลังฝันอยู่หรือเปล่า
ที่ได้มองเห็นกิริยาน่ารักและได้รับสัมผัสเนียนนุ่มนี้ใกล้ ๆ แต่เมื่อหยางหยางได้รู้ว่านี่คือความจริงก็เป็นอย่างที่ได้เอ่ยบอกอี้เฟิง
น้ำตาของหยางหยางซึมออกมาจากหางตาอีกครั้ง
หือ...
เมื่อเห็นดังนั้นก็เหมือนไปกระตุ้นบางสิ่งในใจของอี้เฟิงอีกครั้ง ทีนี้อี้เฟิงขยับตัวเข้าไปใกล้หยางหยางมากกว่าที่เป็นอยู่
ร่างเพรียวอขงอี้เฟิงยกตัวเองให้สูงกว่าเดิม
โน้มไปประทับจูบที่หางตาของใบหน้าหล่อเหลา หยางหยางแทบแข็งทื่อไปทั้งตัว
เขาทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่เคยได้รับสัมผัสอบอุ่นมากเช่นนี้มาก่อน
และนี่เป็นสัมผสัจากอีเฟิง ซึ่งอี้เฟิงเป็นผู้เริมทำก่อน
“อี้เฟิง...”
“นายต้องหยุดร้องไห้”
เสียงหวานพูดอ้อมแอ้ม
เมื่อละริมฝีปากอวบอิ่มนั้นออกไปและกลับไปนั่งที่เดิม
ขาเรียวขาวที่พ้นร่มผ้าของกางเกงตัวสวย นั้นยั่วยวนให้หยางหยางอยาทกอะไรมากขึ้น
ถ้าเป็นเขาในเมื่อก่อนคงจะทำอะไรลงไปแล้ว แต่ตอนนี้ เขามีสติ
และจะไม่เป็นซาตานที่ไร้หัวใจแบบนั้นอีก
เขาอาจจะเป็นซาตานกับผู้อื่นแต่อย่างที่สุดเขาจะไม่มีทางไร้หัวใจกับคนที่เขารักอีกแล้ว
“คุณทำอะไรกับผม..อี้เฟิง”
“นายหยุดร้องไห้แล้ว”
อี้เฟิงย้ำประโยคเดิมไป
แล้วเบือนหน้าหนี ขยับร่างถอยห่างหยางหยางไปที่หัวเตียง
ในขณะที่หยางหยางนั่งอยู่ปลายเตียง หันหลังให้ซาตานรูปหล่อที่นั่งไปไม่เป็นอยู่ตรงนั้น
ว่ากันไปแล้ว ตอนนี้ทั้งคู่ที่ไม่เคยมีสถานการณ์ชวนเขินกันมาก่อน
แต่ในเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่รู้จะเอาอารมณ์ไหนวางลงไป ทำอะไรไม่ถูกด้วยกันทั้งคู่
กลายเป็นนิ่งไปกันทั้งสองคน ทิ้งเวลาไว้นานพักใหญ่ เมื่ออี้เฟิงหันไปมองที่นาฬิกาเรือนสวยเรือนเดิมข้างผนังห้อง
ร่างเพรียวที่ในชุดเสื้อผ้าล่อแหลมขยับร่างเล็กน้อยคล้ายปวดเมื่อย
หันเบี่ยงใบหน้าหวานเพียงเสี้ยวมาให้คนที่ทอดมองอยู่ตลอดอย่างหยางหยางใจเต้น
เมื่อรู้ว่าเขาแอบมองอยู่ก็หันกลับไปทันที แต่เสียงหวานเอ่ยเบาหวิว
“นายเหลือเวลาอีก
1ชั่วโมงนะ”
หยางหยางพลันหมุนข้อมือดูนาฬิกาของตัวเองด้วย...
เขานับเวลาอยู่ด้วย ตาคมกริบลอบมองอีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง
แก้มเนียนน่าจะขึ้นสีอยู่ด้วย
พอได้เห็นกิริยาน่ารักอย่างที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เห็น
หยางหยางหัวใจพองโตมากที่สุด ขยับร่างแข็งแรงเปลี่ยนไปหาอี้เฟิง
แต่อยากจะทำให้อะไรแปลกใจ
หือ
อีกครั้งที่อี้เฟิงอุทานดังก้องในใจ
ใบหน้าหวานยู่คิ้วเป็นโบว์ผูกกัน ตากลมโตฉายแววประหลาดใจ
เขา...หยางหยางจะทำอะไร
ร่างเพรียวขยับให้องศาตรงกับอีกคน
ขยับไปใกล้อีกหนึ่งระยะ แต่ไม่ได้ใกล้มากเท่าไหร่นัก อยู่ ๆหยางหยางคนนี้ก็ลงไปนั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้นห้องข้างเตียงนอน
อี้เฟิงไม่เข้าใจ ถึงได้ขยับไปหา จนใกล้ได้แค่นี้
หยางหยางวางมือท้าวคางตัวเองตรงขอบเตียงตรงนั้น
ตรงหน้าที่อี้เฟิงนั่งพับขาอยู่ตรงริมเตียงนุ่ม เฝ้ามองเขาอยู่ ใจจริงก็อยากตั้งคำถามกับเขา
แต่สุดท้ายก็ไม่เอ่ยออกไป รอดูว่าเขาจะทำอะไร ซาตานกำลังจะเล่นอะไรกับหัวใจเทพบุตรคนนี้กัน
“อี้เฟิง”
ในรอบหลายครั้งที่หยางหยางเอ่ยเรียกชื่อนั้นด้วยเสียงทุ้มมั่นใจได้ว่าจะส่งความรู้สึกไปถึง
แววตาอี้เฟิงหวั่นไหวเล็กน้อยเมื่อได้ยิน คนบนเตียงหันหน้ามาหา ก้มลงมองสบตากับเขา
เห็นว่าสงสัยและประหลาดใจ เหมือนกำลังถูกลูกแมวน้อยสงสัย
มือแกร่งคว้ามือเรียวเนียนนุ่มขึ้นมาแนบใบหน้าหล่อเหลา
และจูบหนักหน่วงในลำดับถัดมา
เงยหน้ามองด้วยสายตาบ่งบอกความรู้สึกในตอนนี้
“จะทำอะไรหรือ
คุณซาตาน”
“กำลังสงสัยผมอยู่ใช่มั้ยล่ะ
คุณเทพบุตรของผม”
“ ‘ของผม’ ?
นายนี่ขี้ตู่ชะมัด”
คนที่นั่งอยู่ข้างเตียงไม่ได้ตอบอะไรแต่เขาเปลี่ยนกิริยาบางอย่าง
อี้เฟิงจำได้ว่าตัวเขาเองถูกปลดเปลื้องกางเกงเหลือเพียงชั้นในตัวเดียว
ขาเรียวสวยถูกลูบไล้ด้วยมือแกร่งแรงของคนที่นั่งอยู่ด้านล่างอย่างย่ามใจ
คนที่ถูกกระทำมองค้อนใส่คนมือไว
“อื้อ..”
จนในที่สุดก็ถูกล่วงล้ำ
มือแกร่งนั้นใช้กำลังเพียงเล็กน้อยก็ลักลอบไปสร้างความสุขกับส่วนอ่อนไหวของอี้เฟิง
เขาร่นชั้นใจลงและทำอย่างที่ต้องการ เรือนร่างสวยงามเริ่มบิดเร้า
เพราะความต้องการที่เริ่มพุ่งสูงตามความเร็วของมือแกร่งที่รูดรั้งอยู่
“อ๊ะ..อา..อ๊ะ
อื้ม”
เสียงครางหวานดังเบาหวิวใกล้
ๆ เขา หยางหยางดีใจอยู่ลึก ๆ
ที่ได้ยินเสียงหวานเช่นนี้อีกครั้ง
เขาเร่งมือให้สุดความเร็วและอี้เฟิงก็ปลดปล่อยออกมาขั้นหนึ่ง
น้ำขุ่นขาวเลอะเปรอะเต็มฝ่ามือของเขา และครั้งนี้หยางหยางเองเป็นผู้ละเลียดลิ้มชิมรสความหวานจากเทพบุตรเองไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้กระทำกับคนคนนี้ที่บังคับขู่เข็ญให้คุณเทพบุตรกินสิ่งนี้เข้าไป
จนเมื่อลิ้นร้อนของหยางหยางละเลียดน้ำขุ่นขาวที่เลอะนั้นจนเกลี้ยงมือ ก็เงยไปสบตาคุณเทพบุตรที่มองอยู่..นานแล้วตั้งแต่แรกเริ่ม
ใบหน้าหวานแดงจนสุด เหมือนเลือดทั้งร่างไหลไปรวมกัน ส่วนความคิดของเจ้าของใบหน้าแดงนั้นคือไม่คิดว่าหยางหยางจะทำแบบนี้ต่อหน้าเขา
อี้เฟิงทั้งรู้สึกเขินและอายจนแทบแทรกผ้าห่ม
สายตาเร้าร้อนนั้นก่อนหน้าที่เคยทำอะไรแบบนี้ด้วยกันก็เคยเห็น
แต่ตอนนั้นอี้เฟิงถูกขืนถูกบังคับแต่ตอนนี้เปลี่ยนไป
หัวใจดวงน้อยระส่ำไม่เป็นจังหวะ
และในช่วงเวลาที่เงียบงันแต่เหมือนมีผีเสื้อบินอยู่รอบ
ๆ ใบหน้าของอี้เฟิงยังคงแดงอยู่ไม่ลดลง
หยางหยางไม่ทิ้งเวลาให้อารมณ์สุขสวาทนี้หายไป
เขาใช้ปากครอบครองส่วนนั้นของอี้เฟิงและรูดรั้งซ้ำให้ความสุขกับคนที่เป็นรัก
“อ๊ะ..ดะ..เดี๋ยวสิ
..อื้อ...หยางหยาง...อ๊า”
เพราะใส่แรงกว่าการใช้มือ
อี้เฟิงจึงร่ำร้องเรียกชื่อเขาออกมารั้งห้าม ไม่ทันได้ตั้งตัวก็แทบละลายเพราะความเร่าร้อนของหยางหยาง
ใบหน้าหวานนิ่วหน้ารับอารมณ์ความต้องการ มันมากขึ้นจนแทบเป็นบ้า อี้เฟิงทนไม่ไหว
มือเรียวเลื่อนไปคว้าศีรษะคนที่กำลังทำความรักอันวาบหวามให้อยู่รั้งทึ้งผมเขาไปด้วยระบายความหวามนั้น
ยิ่งรูดรั้งแรง เป็นจังหวะเร่งให้เร็ว หยางหยางก็ยิ่งรู้สึกสุขสม
อี้เฟิงก็ยิ่งครางร้องลั่นปนกับการร้องเรียกชื่อหยางหยางไปด้วย
“อ๊ะ..อ๊า
อื้ม”
น้ำขุ่นขาวที่อี้เฟิงปลดปล่อยออกมามากกว่าเดิมและเปรอะไปทั่วเสื้อผ้าของหยางหยาง เขาถอดมันออกไป เงยหน้ามองผลงานที่น่ารัก
ใบหน้าหวานน่ารักนั้นชุ่มฉ่ำด้วยความต้องการมากมาย แววตาเว้าวอนนั้นส่งมาถึงเขา
“หยางหยาง....”
แค่เรียกชื่อก็เหมือนร้องขอแล้ว
ร่างแข็งแรงลุกจากพื้นข้างเตียงโถมแรงให้ร่างที่อยู่บนเตียงเอนนอนลงไปก่อนที่เขาจะทาบร่างตามไปให้แนบชิดที่สุด
การเรียนกชื่อเมื่อครู่เขาถือว่าเป็นการอนุญาตจากอี้เฟิงให้คว้ามือคู่นั้นที่น่าปกป้องเดินไปพร้อมกัน
เขาสัญญาว่าจะนุ่มนวลอย่างที่สุด และไม่มีการฝืนใจอย่างเด็ดขาด
“คุณ..พร้อมมั้ย”
ใบหน้าหวานเบี่ยงไม่ตอบ
แต่ยกมือขึ้นสูงเล็กน้อย บุ้ยใบ้ชี้นิ้วไปทางนาฬิกาที่ผนังให้เขาดูเวลาอีกครั้ง
เป็นคนตรงเวลาเหลือเกิน
หยางหยางเอ่ยในใจ
แกมยิ้มขำ เมื่ออีกฝ่ายส่งค้อนมาให้
ริมฝีปากอวบอิ่มนั้นอยุ่ตรงหน้า
หยางหยางประทับจูบก่อนและค่อยล่วงล้ำลักเอาความหวานมาครอบครอง
ขโมยน้ำหวานจากอี้เฟิงมามากโข จูบนี้ใช้เวลานาน จนอี้เฟิงประท้วงขออากาศ
น้ำตาหยาดใสเปื้อนหางตาหยางหยางซับจูบให้หายไป
“อือ..”
มือแกร่งเลื่อนลงไปต่ำ
อี้เฟิงก้มมองว่าเขาไปรุกล้ำถึงส่วนไหนก็ยังเป็นส่วนเดิม
แถมยังปลุกปั่นความต้องการของอี้เฟิงให้พุ่งทยาน อาจจะเพื่อรอรับเขาไปด้วย
จนพอสมควร และหยุด อี้เฟิงค้างเติ่งอยีที่ระดับความต้องการนั้น
แมวน้อยหงุดหงิดจึงยกกำมือทุบอกให้อีกฝ่ายร้องโอดโอยแกล้งเจ็บจนน่าหมั่นไส้ หยางหยสงกำลังจะปลดเปลื้องเช่นกัน
จนเมื่อให้ส่วนนนั้นของตัวเขาออกมาด้านนอกร่มผ้า
อี้เฟิงใช้ดวงตากลมโตสังเกตทุกสัดส่วนของร่างกายซาตานผู้นี้ จากที่ไม่เคยได้สนใจอะไรเลย
ทั้งรูปร่างที่สวยงามไปด้วยกล้ามเนื้อที่ผ่านการดูแล มือน้อย ๆ
อยากรู้ว่าหากสัมผัสแล้วจะเป็นอย่างไร
จึงแตะต้องไปอย่างที่นึกอยากดวงตาคมลอบมองอยุ่ก่อนแล้ว ก็ชอบใจ
ลูกแมวขี้วงสัยเริ่มสำรวจร่างกายแข็งแรงนี้ จนพอใจดวงตานั้นก็พลันไปมองส่วนนั้นของหยางหยางที่อยุ่ตรงเบื้องล่าง
แม้ไม่มองโดยตรงแต่คงเห็น ส่วนนั้นของหยางหยางใหญ่โต
ซึ่งพาลให้รู้สึกวาบในท้องน้อย หน้าแดง
ริมฝีปากอวบอิ่มถูกฟันขบกัดอยุ่เพราะความรู้สึกปั่นป่วน
ซาตานรูปหล่อองแมวน้อยจนพอใจก็ได้เวลามอบความสุขที่แท้จริง
เขาใช้มือข้างหนึ่งแตะเบาๆ ที่หน้าผากให้อีกคนหันมาสบตาเขา
หยางหยางมองความมั่นใจว่าจะไม่ทำให้อี้เฟิงเจ็บปวดอีกแล้ว
และก็เริมจังหวะที่ต้องการ
หยางหยางสอดใส่ความใหญ่คับช่องทางของอี้เฟิง
ช่องทางนั้นชุ่มฉ่ำเพราะผ่านการปลุกเร้ามาก่อนแล้ว
ขาเรียวกางออกทีละน้อยเปิดทางให้อีกฝ่ายสอดเข้าไปจนสุดตัว
ร่างแข็งแรงนั้นขยับด้วยความนุ่มนวล
มือของอี้เฟิงที่อยากหาอะไรยึดเหนี่ยวและระบายอารมณ์ตอนนี้ คว้าได้แค่ผ้าปูที่นอน
อีกฝ่ายเร่งจังหวะถี่ขึ้นใส่แรงเพิ่มความเร้าใจอีกหน่อย
“อ๊ะ..อ๊ะ...อีก.....อีกนิด..อ๊า”
ได้รับคำร้องจากคุณเทพบุตร
ซาตานที่กลายเป็นทาสเขาไปเรียบร้อยก็ทำตามต้องการ
อีกนิดก็อาจจะหมายถึงให้เร่งความเร็ว เขาทำตามที่คิด และก้ถูกต้อง
เรือนร่างสวยงามบิดเร้าอารมณ์พุ่งทยานปลดปล่อยความต้องการน้ำขุ่นสีขาวออกมาอีกครั้ง
และเพราะส่วนอ่อนไหวของอี้เฟิงที่ตั้งชันอยู่แล้ว
น้ำขุ่นเหล่านั้นจึงปลดปล่อยออกมาเลอะเปื้อนทั้งตัวเจ้าของและหยางหยางที่อยู่ด้านบน
“อื้อ..ขอ..ขอโทษ”
“คุณหวานขึ้นรึเปล่านะ”
“บ้า”
“บ้า”
ด้วยประโยคชวนเขินนั้น
อี้เฟิงใช้แรงที่มีอยู่ยกตีที่แขนล่ำของหยางหยางให้เกิดรอยมือ ด้วยความหมั่นไส้ใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจเช่นซาตานรูปงามและรอยยิ้มที่ส่งมาให้
มันทำให้หัวใจหวั่นไหวมากเหลือเกิน
“เวลาของผมใกล้จะหมดแล้ว”
“อ๊ะ..อื้อ
..ก็รู้อยู่แล้ว ทำอะไรก็..อ๊า ..ทำ..”
ถูกสั่งมาเช่นนั้น
หยางหยางยกยิ้มขำ ตอนนี้บนโลกคงไม่มีใครที่มีความสุขเท่าเขาอีกแล้ว
และไม่ขัดคำสั่งนั้น เขาขยับร่างกายให้เร่งจังหวะเพื่อให้ถึงสวรรค์
ตอนนี้เขาอยากไปสวรรค์กับเทพบุตรบ้าง
ที่จริงหยางหยางใจแข็งที่ไม่ยอมถอดเสื้อที่อยู่บนเรือนร่างสวย เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายทำงานแล้วมีปัญหามาจากการต้องมาตบแต่งรอยจูบหนักหน่วงสีกุหลาบที่เขาทำ
เขาจะถูกว่านั่นไม่เป็นไรแต่อีเฟิงจะถูกมองไม่ดี รอยพวกนั้นไมได้ปกปิดกันง่าย
ๆ และเขามั่นใจว่าถ้าได้ทำรอยซักครั้ง เขาจะต้องประทับตีตราไปทั่วร่างแน่นอน
ฉะนั้นห้ามเริ่ม มันก็จะไม่มีสองสามต่อมา
“อา..
..อี้เฟิง”
“อ๊ะ..อื้อ..อื้ม”
“อ๊ะ..อื้อ..อื้ม”
เมื่อใกล้สุดทางแล้ว
อี้เฟิงเริ่มไม่ไหวดิ้นบิดเร้าไปจนหยางหยางต้องจูบซับความเจ็บปวดที่ริ้วแล่นเพราะกิจกรรมนี้
เมื่อสงบลงแล้วอี้เฟิงสบตามองอีกฝ่ายที่มองตรงมายังตัวเองด้วยความหมายลึกซึ้ง
อี้เฟิงรู้ดีว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
“อี้เฟิง..ผมรักคุณ
รัก..รักคุณ”
พอพูดแบบนั้นอี้เฟิงก็เบี่ยงหน้าหนี
เหมือนไม่ได้ยินหยางหยางพูดบอกคำว่ารักนั้น แม้จะใจเสียที่เขาไม่รับฟังคำนั้นเลย
แต่หยางหยางจะพยายามให้คำคำนี้ซึมลึกจนไปอยู่ในหัวใจของอี้เฟิงได้
อย่างตอนนี้เขาก็ได้สัมผัสอี้เฟิงแล้ว เพราะความต้องการของเราสองคนตรงกัน
“อา...อืม”
“อ๊ะ..อื้อ..อ๊า”
และเมื่อถึงปลายทางขึ้นสวรรค์
หยางหยางจะถอนกายออกจากร่างอี้เฟิงแต่ถูกอี้เฟิงแตะมือที่แขนล่ำห้ามเอาไว้แม้หลับตาอยู่ก็ตาม
เขาไม่เข้าใจในตอนแรกแต่อีกครู่อี้เฟิงบอกความต้องการ
“ไม่เป็นไร..”
“แต่คุณจะอึดอัดนะ”
“นายเคยทำกับฉันไว้แบบนั้นนี่หน่า...ฉันจะไม่เติมเต็มถ้านายไม่ทำแบบนั้น”
หยางหยางเบิกตากว้าง
...ตกใจ...เพราะอี้เฟิงซื่อตรงเกินไป เทพบุตรไม่โกหกเลย
เขาจึงปลดปล่อยความต้องการปล่ยอน้ำสีขาวขุ่นออก เติมเต็มให้อี้เฟิงจนล้นช่องทาง
“อ๊ะ..อ๊า..ฮึ่ก”
เสียงหวานครางออกมาอย่างสมใจ
อาจจะเพราะเหตุการณ์เมื่อครั้งเก่าก่อนทำให้ร่างกายของอี้เฟิงชินและอยากรับความต้องการเช่นนั้นอีก
เขาทำกับอี้เฟิงไว้มาก
มันก็เลยไม่ทำให้เขาแปลกใจที่ร่างกายของอี้เฟิงจะตอบสนองเช่นนั้นแต่แปลกใจที่อี้เฟิงกล้าบอกออกมา
“ผมรักคุณจังอี้เฟิง.”
และก็เป็นเช่นเดิม
แต่แม้จะเบี่ยงหลบไปแต่ไม่ขัดขืนเมื่อหยางหยางจูบอีกครั้ง
และหยางหยางก้ถอนกายออกมาทำให้ของเหลวย้อนล้นออกมาด้านนอก เสียงหวานครางลั่นร้องได้ยินอีกครั้ง
“เวลาของจะหมดแล้วนะ”
“อีกไม่นาน
ผมต้องไปแล้ว”
อี้เฟิงที่กลายเป็นคนตรงเวลา
และเพราะผู้จัดการของเขาก็ตรงเวลามากเช่นกัน ใกล้ 7 โมงเช้าแล้ว หยางหยางรีบเร่ง
เขาอุ้มโอบร่างอี้เฟิงที่อ่อนแรงขึ้นมา ฝากจูบที่หน้าผากให้เพิ่มเติม
“ผมจะพยายาม...พยายามให้หนักขึ้น”
“เพื่ออะไร”
หยางหยางยิ้มทอให้
รอยยิ้มนี้ที่อี้เฟิงแพ้นัก เขาบอกต่อ
“เพื่อให้ผมไล่ตามคุณทัน
ผมอยากจะมองคุณให้ชัดเจนขึ้น ผมอยากไปอยู่ใกล้คุณ จะพยายามให้มากกว่านี้
..ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะ...”
เขาทิ้งท้ายด้วยคำว่าขอโทษแทนอย่างอื่นที่อยากพูด
อี้เฟิงรู้ว่าเขามีอีกหลายอย่างอยากบอกแต่เลือกขอโทษอาจจะเพราะเรื่องเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
และ เรื่องเก่าก่อนที่เจ็บปวด เมื่อไปสะกิดมัน ทั้งคู่เปลี่ยนสีหน้าไป
แต่หยางหยางรู้สึกตัวทันจึงเกลียนแก้มใสขึ้นสีด้วยปลายนิ้ว
“ผมจะไม่บอกให้คุณรอ
แต่ผมจะพยายามไปคว้าคุณไว้เอง คุณเทพบุตร..ของผม”
พุดจบก็จุดยิ้มให้อย่างไม่ปิดบัง.....อี้เฟิงไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับเรื่องราวตรงนี้
นอกจากหัวใจที่เปลี่ยนจังหวะและ..อี้เฟิงเห็นผีเสื้อบินวนอีกแล้ว
....จนเมื่อเวลาหมดลง
ผู้จัดการของอี้เฟิงตรงเวลา
เวลาไหนเวลานั้น แต่เมื่อมาถึง อี้เฟิงและหยางหยางยังคงอยู่ในห้องด้วยกัน
แม้จะอยู่กันคนละฝั่งห้อง...แต่ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเมื่อคืนผ่านอะไรกันมา
ร่องรอย
แถมใบหน้าของทั้งสองคนเปลี่ยนไป
แม้จะโล่งที่ไม่มีอะไรรุนแรง
แต่
เด็กคนนั้นผิดสัญญา
และเธอให้โอกาสกับหยางหยางมากพอแล้ว
และหลังจากนี้เป็นเวลาที่ควรจะให้อะไรมันเข้าที่เข้าทาง
เรื่องไร้สาระมันความจะจบลงได้แล้ว อี้เฟิง เทพบุตรน้อยของเธอที่ถูกทำร้ายจากซาตานใจร้าย
เด็กคนนี้มากพอที่จะให้กลับย้อนไปหา แม้อี้เฟิงจะดูอ่อนลง
ไม่มีอะไรรับประกันว่าซาตานร้ายจะไม่แสดงตนอีก
“ออกไปซะ
นายอยู่เกินเวลาอยู่ที่นายควรได้รับแล้ว”
หยางหยางอ้อยอิ่งแต่ก็ออกไปตามที่ผู้จัดการของอี้เฟิงบอก
เขามองใบหน้าหวานนั้นอีกครั้ง และอี้เฟิงก็สบตาเขา
แววตาบอกความหมายตรงกันแต่อธิบายไม่ได้ว่าอะไร จนเดินออกไปสุดสายตา
เขาก็ออกจากห้องของอี้เฟิงไป
เขามั่นใจว่าหลังจากนี้จะไม่มีอะไรง่ายอีก
เขาสัญญาไว้กับผู้จัดการของอี้เฟิงแล้วว่าจะไม่แตะต้องอี้เฟิงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเต็มใจหรือก็ตาม
และเขาผิดสัญญาที่ให้ไว้ จะไม่มีอะไรที่เขาไม่ต้องพยายามอีก
ซ้ำยังต้องฝ่าฟันมากกว่าเดิม
ทางเดียวก็คือจะต้องพังกำแพงรอบเทพบุตรและกำแพงของเทพบุตรทิ้งไป
ให้รับคำว่ารักและให้รอบข้างรู้ว่าเขารักอี้เฟิงมากแค่ไหน
อาจจะเรียกว่าต่อสู้ก็ได้ เขาก็ว่ามันใกล้เคียงเหมือนกัน
“อี้เฟิง..รู้นะว่าที่ทำไป
จะทำให้เธอกลับไปสู่วังวนเดิม ๆ “
“ครับ...”
อี้เฟิงรับคำแค่นั้น
รู้ดีว่าที่ทำไป นั่นใช้หัวใจนำพาไปทั้งนั้น อี้เฟิงที่นั่งเป็นจนแทบคลั่งตาย
เขานั่งทบทวนด้วยตัวเองนานหลายชั่วโมง ก่อนที่หยางหยางจะมาด้วยซ้ำว่า
หากพบหยางหยางแล้ว เขาจะกลายเป็นเช่นไร
และก็เป็นเช่นนี้
อี้เฟิงกลับเอาตัวเองไปผูกพันกับบ่วงที่แน่ใจว่าจะไม่มีคลายออกไปตลอดชีวิตแล้ว
แต่เขาทนไม่ไหวจริง
ๆ ที่ในอกมันสะเทือนไปหมด มันหนักจนแทบกระอักออกมา
จากความต้องการจากใจภายในที่ร่ำร้อง หนักขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเมื่อเห็นน้ำตาของหยางหยางก็ยิ่งหนักหนา เมื่อได้พบกันอี้เฟิงก็คลายความคับอกคับใจนั่นออกไป
ตอนนี้เขาโล่งใจมากขึ้นแล้ว
แต่ไม่ได้คิดผลภายหลังว่าเขาจะต้องติดบ่วงนี้ไปตลอดชีวิต นอกจากนั้น ยังมีคำคำนั้นอีกที่หยางหยางพร่ำบอกเรื่อย ๆ ไม่ให้ขาด....
“หากเธอมานั่งทุกข์ทนเพราะหยางหยางอีก
ฉันจะไม่สนใจเธออีกแล้ว อี้เฟิง”
เธอลั่นวาจาไว้เช่นนั้นและกลับออกนอกห้องไปด้วยความโมโห
เธออาจจะกลับไปจัดการกับหยางหยางก็ได้ หรืออะไรมากกว่านั้น
อี้เฟิงนั่งลงกับเตียงที่เกิดเหตุการณ์ชวนวาบหวามก่อนหน้า
เขาทอดมองมัน พลางยกมือลูบไล้ต้นคอเปลี่ยนท่าแก้ปวดเมื่อย
เขารู้แล้วว่าบางอย่างที่หายไปจากเขา กลับผลิบานขึ้นมาใหม่....
เขารู้แล้วว่าทำไมจึงมีผีเสื้อที่บินวนอยู่รอบตัว
"อืม"
แต่อยากเตือนผีเสื้อให้ระวังความตายไว้...เพราะไม่แน่ใจว่าที่สิ่งผลิบานออกมาใหม่นั้น
จะเป็นอะไรกันแน่
---------------------------------------------------------------------------------------TBC THISM<N :: BLOSSOM 2
TALK ::: ตกใจล่ะสิทำไมมาเร็ว หลังจากนี้จะทิ้งช่วงไว้นานค่ะ เอาไว่้ให้ผู้อ่านไปขบคิดกันต่อ แปลกใจใช่มั้ยทำไมหวาน 55555 อ่านไว้หลายๆ รอบนะคะ อาจจะไม่มีอีกเเล้ว 5555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น