TITLE : THISMAN
CHAPTER : 11 'คนคนนี้อยู่ในที่มืด'
PAIRING : YANGYANG x
LIYIFENG
RATE : PG – 13
RATE : PG – 13
“งั้นหรือ.... "
"และนายไม่ต้องถามต่อ...จะบอกนายแค่นี้ล่ะ"
"อือ ...ขอบใจ"
หยางหยางฟื้นจากอาการป่วยและออกจากโรงพยาบาลมาได้ไม่กี่วัน
ก็รับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงที่เขาไม่สบาย ครั้งหนึ่งที่เขาหลับใหล อี้เฟิงมาที่โรงพยาบาลที่เขาพักรักษา..
เขาอยากรู้เรื่องราวรายละเอียดทั้งหมด แต่ผู้จัดการและเฉินเสียงยังเล่าไม่หมด
พวกเขาไม่ยอมเล่าบางอย่าง แต่ได้แค่บอกว่า
“หัวใจนายที่ให้เขาไปแล้ว ไปเอาคืนมาเถอะ ก่อนที่เขาจะทิ้งไป”
เป็นประโยคของเฉินเสียงที่เอ่ยบอกเขา
ดูเหมือนเพื่อนสนิทของหยางหยางจะสรุปความทั้งหมดภายในประโยคเดียว
มันทั้งสั้นได้ใจความและเจ็บปวด
เพื่อนของเขาและพี่สาวผู้จัดการเลือกจะไม่บอกรายละเอียดทั้งหมด
อาจะเป็นเพราะเขาบอบช้ำมามากพอ เขาไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น
แต่อาจจะเพราะเป็นเรื่องของหลี่อี้เฟิง เขาถึงได้เป็นผู้บาดเจ็บถึงขนาดนี้
“เป็นเรื่องของพี่อี้เฟิง นายก็จะเป็นบ้าทุกที”
“ก็เพราะ..รักเขามากล่ะมั้ง แล้วก็หลายเรื่อง”
“นายเลือกที่จะทำแบบนั้นกับเขา และนายทำไปแล้ว อดีตแก้ไขไม่ได้
อยู่ที่นายแล้ว”
หยางหยางเงยหน้ามองเพื่อน วันนี้เขาไม่ได้ไปที่บาร์ของเฉินเสียง
แต่เรียกให้เพื่อนสนิทมานั่งปรับทุกข์กันที่คอนโดของเขาเอง เพราะความเหนื่อยล้าและต้นสังกัดที่สั่งห้ามไม่ให้เขาออกไปไหนจนกว่าจะหายบ้าซักที
“อยู่ที่นายแล้วหยางหยางว่านายจะเลือกเจ็บมากขนาดไหน
ถอนตัวไม่ทันแล้วสินะ”
“ก็งั้นล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น...ก็แล้วแต่นาย อยากเจ็บมากน้อยก็แล้วแต่
นี่ไม่ใช่การซ้ำเติม แต่แค่บอกความจริงว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย”
เขาสบตามองเพื่อนอีกที รับรู้ถึงสถานการณ์ความเป็นจริง
และยิ้มรับกับมัน
“รู้อยู่แล้ว แต่ยังไงฉันก็ยังมีโอกาส แม้อยู่ในที่มืด
ก็ยังมีแสงสว่างส่องผ่านช่องมา
โอกาสของฉัน..มาเเล้วนี่ไง”
เขาบอกเพื่อน ไม่นานหลังจากออกจากโรงพยาบาล
เขาได้รับตารางงานใหม่ล่าสุดที่บอกถึงคิวในเดือนถัดไป
หยางหยางมีคิวร่วมงานแถลงข่าวและสัมภาษณ์เกี่ยวกับละครที่เขาและอี้เฟิงเล่นร่วมกัน
ถือว่าเหมือนสวรรค์เมตตา
ซาตานที่ร้องขอโอกาสจากสวรรค์ ดูไม่สมเหตุสมผล แต่เขาก็สมหวัง และได้มันมา
อาจจะเป็นโอกาสเดียวแล้วจริง ๆ
แค่ครั้งนี้ ไม่รู้จะได้พบเขาในรูปแบบไหน
แต่ยังไงก็ได้มองเห็นอี้เฟิงด้วยสายตาคู่นี้ด้วยตัวเอง และ เขาอยู่ตรงหน้า
หยางหยางก้มหน้าซบกับฝ่ามือตัวเอง ไม่มีความมั่นใจเอาซะเลย หวังลมๆ
แล้ง ๆเหลือเกินว่าเขาจะยิ้มให้ซักครั้ง
รู้ดีว่าทำผิดกับเขาไว้มาก แต่เขาเองเสียอีกต่างหากที่ผิดพลาด พ่ายแพ้
ตกหลุมรัก อี้เฟิงไม่ได้ผิดอะไร
เขาทำอะไรผิดพลาดไปแล้ว เขาเลือกเองที่จะเดินทางนี้
ใครก็ช่วยไม่ได้ พระเจ้าก็ย้อนเวลาให้ไม่ได้
อย่างน้อยความมืดนี้ก็มีแสงเพียงเล็กน้อย... โอกาสครั้งนี้
THISMAN
โอกาสเดียวของเขาก็มาถึง.... หยางหยางพบคนคนนี้แล้ว
คนที่เขามอบหัวใจให้
หลี่อี้เฟิงที่ยืนอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมมือไปก็สัมผัสถึง
แต่ดูเหมือนหยางหยางจะคิดผิดถนัดที่เขาหวังอะไรมากเกินที่ควรจะเป็น
อี้เฟิงมางานแถลงข่าวหลังหยางหยาง มาถึงในช่วงที่ใกล้จะต้องขึ้นเวทีสัมภาษณ์แล้ว แทบไม่เปิดโอกาสให้เขาไปทักทาย
และสายตาที่เขาเห็น.... ไม่สิ หยางหยางไม่ได้ทันสบตาอี้เฟิงด้วยซ้ำ
เหมือนเขาถูกมองข้ามไป
สัมผัสถึงอะไรบางอย่าง
เมื่อเริ่มเข้างาน บรรยากาศการทำงานเริ่มขึ้น การเป็นดาราต้องรู้จักการปั้นหน้าและการปกปิดอารมณ์ตัวเอง
ทุกคนที่มาในงานวันนี้ ต่างยิ้มแย้มแจ่มใส และทักทายกันเมื่อไม่ได้พบกันนาน
อี้เฟิงทักทายทุกคนอย่างเป็นมิตรคงความแน่นแฟ้น แต่ไม่ใช่เขา
แม้อยู่ต่อหน้าเวทีอี้เฟิงก็แสร้งดีกับเขาได้เนียนนัก ยิ้มให้แต่ดวงตาของเขาไม่ฉายแววอะไรเลยนอกจากที่หยางหยางสัมผัสได้คือความว่างเปล่า
เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย
หลังจากนั้นมีช่วงให้นักแสดงทุกคนได้เล่นเกมส์
อี้เฟิงมีปฏิสัมพันธ์กับหยางหยางบ้าง เขาช่วยใบ้คำ ข้าง ๆ อี้เฟิงมีพี่สาวดาราคนสวยอีกคนที่หยางหยางสนิท
อี้เฟิงกับเธอคอยช่วยหยางหยางใบ้คำ แม้จะดูเป็นปกติสำหรับทุกคนในงาน
แต่กับหยางหยาง มันดูแห้งเหี่ยวและไร้ความมีชีวิตชีวา
หลี่อี้เฟิงเป็นนักแสดงที่ดีเสมอเมื่ออยู่หน้ากล้อง
หยางหยางไม่อยากพูดแบบนั้น แต่ที่เขาเห็นเป็นความจริง
หลังงานหยางหยางก็สังเกตได้ว่าอี้เฟิงพยายามตีห่างเขาจนพี่สาวนักแสดงคนสนิทที่สนิททั้งกับหยางหยางและอี้เฟิง
ผลักให้อีกฝ่ายมายืนใกล้หยางหยาง แต่อี้เฟิงก็ยังไม่พยายามจะเข้ามาใกล้เขา
จนพี่ชายนักแสดงอีกคนต้องจับโอบคอมาถ่ายรูป
หยางหยางพอเข้าใจถึงความเป็นไปในตอนนี้
เหมือนอี้เฟิงพยายามจะตัดขาดจากเขา ไม่อยากใกล้และรับรู้อะไร
เขายังมีเวลาอีกหนึ่งวันสำหรับการร่วมงานในครั้งนี้
THISMAN
เขาจะไม่ให้โอกาสให้คนคนนี้อีก
ทำร้ายแล้วจะมาขอโอกาสหรือ ง่ายไปหรือเปล่า ซาตานใจร้าย
ฉันไม่อยากมีนายอยู่ในชีวิตของฉันแล้ว
อย่าให้ฉันต้องเปื้อนน้ำตาไปมากกว่านี้เลย
อี้เฟิงมองอีกฝ่าย..มองก็รู้แล้วว่าสายตาเว้าวอนแค่ไหน
แม้อีกคนจะส่งสายตาแบบนั้นมา วันงานแถลงข่าวอีกวัน เป็นเมืองหลวงใหญ่
อี้เฟิงอาศัยการจราจรติดขัด อ้างมาสาย เพราะเขาไม่อยากมีเวลาให้หยางหยางสามารถมีโอกาสที่เข้าถึงตัวเขาได้
และเขาก็กำชับให้ทีมผู้จัดการของเขาไว้อีกทาง แม้จะถูกถามซ้ำอีกครั้งว่า
เกลียดเขาขนาดนั้นเลยหรือ
“ผมไม่อยาก...ยุ่งกับเขาอีกแล้ว”
อี้เฟิงตอบไปเพียงแค่นั้น และกลับไปท่องสคริปส์ที่เป็นคิวสำหรับงานในวันนี้ งานแถลงข่าวของวันนี้มีแฟนคลับมากมายหลั่งไหลมาดูเหล่าดาราของตัวเอง งานครั้งก่อน ยังมีเพื่อนสาวคนสนิทที่ยังคอยกันให้เขา
แม้เธอจะไม่ชอบใจเท่าไหร่นักแถมยังบอกให้เขากับหยางหยางไปคุยกันให้จบว่าจะเอาอย่างไรกันแน่
ไม่มีทางเสียหรอก
วันนี้อี้เฟิงก็ไม่มีทางจะเปิดโอกาสให้แน่
และแม้เขาจะพยายามเข้าถึงให้ได้ หรืออี้เฟิงจำเป็นต้องไปใกล้ชิดกับหยางหยาง
เขาก็จะไม่มีวันรับรู้สายตาหรือความรู้สึกของหยางหยางไม่ว่าจะอะไรก็ตาม
ชีวิตของเทพบุตรไม่ควรจะมีซาตานมาทำให้ชีวิตมืดบอด
เขาอยู่ในความมืดมิดมามากพอแล้ว ที่ถูกกระทำมาก่อนหน้านี้
อี้เฟิงก็นั่งคิด เจ็บปวด และไม่มีทางออก ปล่อยให้เขาทำซ้ำจนไร้ความรู้สึกและชินชา
แม้เอาคืนก็ไม่สามารถเทียบเท่ากับที่เขากระทำกับอี้เฟิงได้เลย แน่นอนล่ะ
เทพบุตรจะชั่วร้ายได้เท่าซาตานได้อย่างไร
เขาเคยจำได้ว่าเกือบจะรักคนคนนี้ พอคิดได้หลังจากที่ถูกกระทำหยาบช้า
เขาก็รู้ว่าดีแล้วที่ไม่พลั้งเกือบตก จากเกือบรักกลายเป็นรัก
ไม่เช่นนั้นเขาก็จะต้องทนทุกข์กับซาตานอย่างนั้นหรือ
จะบอกว่าเขาใจร้ายที่ใช้ความรักทำให้ซาตานเจ็บ
แล้วที่หยางหยางทำกับเขาเล่า
ใช่ว่าเทพบุตรจะเจ็บปวดไม่เป็น ไม่สามารถยิ้มรับกับความเจ็บปวดเช่นนั้นได้หรอกนะ
อี้เฟิงไม่ใช่คนที่จะทนอะไรได้ขนาดนั้น
ขอให้ทุกอย่างมันว่างเปล่า
ระหว่างเรา ขอให้เป็นเพียงอากาศไปเลยก็ดี
ยิ่งวันนี้ก็ยิ่งทำให้หยางหยางรู้สึก...ว่าเขาถูกตัดขาดออกจากชีวิตของหลี่อี้เฟิงไปแล้ว
แม้มีสคริปส์ที่ต้องให้เขาและอี้เฟิงมีปฏิสัมพันธ์
อย่างน้อยก็ได้โอบกอด หรือหันมาช่วยในการตอบคำถามกันบ้าง
แต่เมื่อเขาจะหันไปหาและตอบสัมพันธ์ อี้เฟิงก็จะหันกลับไป ไม่สนใจ
เหมือนทำทุกอย่างให้มันเป็นไปตามที่รูปงานควรจะเป็น รุ่นพี่นักแสดงข้าง ๆ
ทำไมจะไม่รู้ไม่เห็น
แต่พวกเขาไม่อยากจะเข้ามายุ่งย่ามในเรื่องที่พวกเขาไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง
และเด็กสองคนก็โตพอแล้วที่จะจัดการความรู้สึก
ยิ่งเวลาดำเนินไปเรื่อย ๆ หยางหยางยิ่งหมดกำลังใจในการหาช่วงเวลาดี ๆ
และโอกาสที่จะได้สบตาอี้เฟิง อีกฝ่ายที่ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มให้ แค่เพียงรอยยิ้มที่เเสร้งทำ
โอกาสของหยางหยางกำลังจะหมด
แม้หยางหยางจะได้แตะต้องเนื้อตัวอีกฝ่ายบ้าง
แต่นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายเข้ามาหาก่อน ตามบทบาทที่ถูกวางไว้
ให้สมกับเป็นพี่น้องในวงการที่สนิทกัน แม้ว่าจะแยกจากกันทำงานกันคนละที่ แต่ไม่ได้มีเรื่องราวใหญ่โตให้เป็นข่าวอย่างที่แฟน
ๆ หรือสื่อได้คาดไว้
จำเป็นต้องให้ภาพลักษณ์เช่นนั้น
ก่อนที่เรื่องราวจะลุกลามใหญ่โตและกระทบงานของทั้งคู่
เรื่องที่เขาทั้งสองถูกจับคู่กันจากในละครนี่ก็เช่นกัน
อาจจะรักษาความสัมพันธ์สร้างข่าวเสียหน่อย แต่สุดท้ายก็ให้มันเป็นแค่การสร้างภาพ
แต่ความจริงคือ...หยางหยางไม่ได้มีส่วนอะไรในชีวิตของหลี่อี้เฟิง
พอจบงานเขาก็เดินจากไป
ให้หยางหยางได้แค่มองตามแผ่นหลังที่อยากโอบกอด
เขาไม่ได้สบตาอี้เฟิงอย่างจริงจังเลยซักครั้ง แทบไม่ได้ส่งความรู้สึกอะไรไปเลย
และยังเห็นความว่างเปล่าในสายตา เมื่อเขาพยายามสบดวงตาคู่นั้น
เขาก็เริ่มรู้สึกท้อใจแล้วเช่นกัน แต่เขายังมีวินาทีสุดท้าย
ในช่วงหลังงาน เป็นการสัมภาษณ์ทีมนักแสดง
ทีมงานจัดให้เขาทั้งคู่นั่งข้างกัน แต่หลี่อี้เฟิงใจแข็งเหลือเกิน
หรือมองไม่เห็นเขา.... หยางหยางไม่เห็นแววตาของคนคนนี้สะท้อนเงาของตัวเองด้วยซ้ำ
แม้จะมีช่วงที่คอยตอบคำถาม หรือเป็นช่วงที่พูดคุยกันสนุก
หยาหยางที่มองเขาอยู่ตลอดเวลา แต่อี้เฟิงกลับไม่สบตาและไม่พยายามสนใจ
เหมือนถูกมองข้าม...ไม่สิ เขาคิดว่าเขาไม่มีตัวตนสำหรับอี้เฟิงแล้ว
มีครั้งหนึ่งที่ได้สบตา.....
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น หยางหยางที่เผลอยิ้มออกมาอย่างจริงใจ
แต่อี้เฟิงเสหันออกไป
และหลังจากนั้นก็กลับมาเป็นเช่นเดิม
อี้เฟิงทำตัวตนของหยางหยางให้หายไปจากเขา ลบหยางหยางออกไป
เขารู้แล้วว่าความจริงเป็นอย่างไร
นี่มันเจ็บปวดกว่าที่ถูกเกลียด อย่างน้อยความเกลียดอี้เฟิงก็ยังคงคิดถึงเขา
มีเขาในสายตาบ้าง แม้จะมองด้วยความเกลียดชัง
แต่นี่แม้แต่ความเกลียดชังก็ไม่มี..... มันไม่มีอะไรอีกต่อไปแล้ว คนคนนี้เลิกเกลียดเขา
แต่กลายเป็นลบตัวตนของหยางหยางออกไปเลย
ไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขามากมายขนาดนี้เชียวหรือ
และโอกาสของหยางหยางก็หมดลง เหมือนแสงอาทิตย์ที่ลับหายไปจากขอบฟ้า
ราตรีมาเยือนซาตาน ผู้ซึ่งมีความมืดมิดปกคลุมอยู่รอบตัวอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้เขาเหมือนถูกผลักลงไปในกล่องดำมืด และไม่สามารถพบแสงสว่างยามเช้าได้อีก
มืดมนเหลือเกิน
แต่ความมืดมนของเขามันยังไม่จบ
“ให้ตายสิ หยางหยาง นี่นายไปมีเรื่องกับใครเขามา...
นี่ที่เขาทำมันแรงเกินไปแล้วนะ “
ผู้จัดการของหยางหยางหัวเสียมากจนแทบเป็นบ้า ไม่กี่วันหลังวันที่มืดมนของหยางหยาง
เขาทำงานไปวัน ๆ เพื่อให้มันจบไป
แต่ก็ต้องมาพบกับความมืดมนที่ยิ่งตอกย้ำความหยาบช้าชั่วร้ายของซาตานเช่นเขา
เหมือนมันตามทัน สิ่งที่เขาทำไปกับทุกคน สิ่งไม่ดีทุกอย่าง
ข่าวในอินเตอร์เนต ในโซเชียลเนตเวิร์ค ละลามไปทั้งประเทศและอาจจะรู้ไปถึงแฟนต่างประเทศแล้ว
หัวข้อข่าวนั้นพาดว่าหยางหยาง ดาราหนุ่มผู้มีข่าวฉาวที่ใคร ๆก็ต้องยี๊
เปิดข่าวเข้าไปหยางหยางก็ตกใจไม่แพ้คนอื่น หลายวันที่ผ่านมาหลังงานแถลงข่าว
เขาแทบไม่เปิดโซเชียลเนตเวิร์คหรือตามข่าวอะไรเลย
เพราะเมื่อเปิดไปก็จะเจอแต่หลี่อี้เฟิงผู้โด่งดังคนนั้นเต็มไปหมด
เขายังทำใจกับความว่างเปล่าในตัวตนของเขาที่อี้เฟิงมอบให้ไม่ได้
แต่เมื่อเข้าไปก็พบกับข่าวพวกนี้ เขาไม่ปฏิเสธอะไรเลย
ความจริงก็เห็นกันอยู่และฉายชัด ผู้จัดการของหยางหยางย่อมรู้ดีอยู่แล้ว
แต่เธอก็ไม่ได้รังเกียจหรือคิดไม่ชอบใจอะไร
เพราะหยางหยางก็ทำงานให้เธอเพื่อแลกเปลี่ยนกัน แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะไปอยู่บนอินเตอร์เนต
และโลกรับทราบกันหมดแบบนี้
“ใช่อี้เฟิงมั้ย นายว่ายังไง หยางหยาง”
เขาไม่คิดว่าคนคนนั้นจะทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว เพราะเหตุการณ์ในข่าว
หากเขาเดาไม่ผิด
“นายหยางหยางคนนี้ ทั้ง กินเหล้าเมาเป็นหมาบ้า
มีเรื่องชกต่อยหลอกฟันสาวหนุ่มไปทั่ว แถมยังมีสัมพันธ์กับดาราหนุ่มชื่อดังในขณะนี้ด้วย
คุณลองนึกดูก็รู้ว่าใคร”
นอกจากนั้นก็สาวไส้ บอกชื่อย่อ ชื่อสาวๆ หนุ่มๆ ที่หยางหยางเคยมีสัมพันธ์ด้วย มีพิเศษก็ตรงคนคนหนึ่งที่แยกออกไป
ตรงคำว่าดาราหนุ่มตรงนั้น เขารู้ว่าผู้ปล่อยมีจุดประสงค์เน้นถึงอี้เฟิง
แต่ไม่กล้าเปิดเผยชื่อหากเปิดเผย ต้นสังกัดของอี้เฟิงคงล่าตัวคนปล่อยแน่ ๆ
และยังแนบรูปบรรยากาศรอบบาร์ของเฉินเสียง
ทำเอาบาร์ของเฉินเสียงต้องเกือบปิดกิจการเพราะเหล่าสื่อ แฟนคลับ
และสังกัดของหยางหยางไปรุมล้อมหาเรื่องราวที่นี่ เฉินเสียงต้องปิดบาร์ไปพักใหญ่
และไปที่อื่นเสียเพื่อหลบเรื่องนี้ ส่วนเขาก็ต้องเก็บตัวเงียบ
โชคดีที่ละครก็ถ่ายเสร็จและจบหมดแล้ว
ส่วนละครเรื่องใหม่ยังไม่มีกำหนดแน่นอน
ทำให้เขาได้เก็บตัวเพื่อให้ข่าวมันเงียบไปเสียซักพัก
“ผมว่าไม่ใช่อี้เฟิง เขาไม่ได้ทำ
...ที่จริงเขาไม่อยากยุ่งกับผมแล้วด้วยซ้ำ”
เธอสัมผัสได้ในน้ำเสียงของหยางหยาง ..ความเศร้าที่ถาโถม
และวันงานเองเธอก็ดูออกว่าหยางหยางถูกอี้เฟิงมองข้าม
หรือคิดว่าเขาเป็นอากาศธาตุไปแล้วอย่างนั้น เธอก็รู้สึกใจหายที่อี้เฟิงทำแบบนี้
เพราะจากที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กันบ้าง แม้จะเป็นสายตาที่เกลียดชังส่งถึงกัน
แต่นี่ทำให้หยางหยางเป็นอากาศไปเลย ใจร้ายกับคนที่รู้ดีอยู่แล้วว่ารักตัวเองมากแค่ไหน
หลี่อี้เฟิงคนนี้ใจแข็งและใจร้ายไม่น้อย
แต่เธอไม่รู้เบื้องลึกเรื่องราวของสองคนนี้ไปมากกว่านี้
เพราะน้องชายของเธอไม่เล่าอะไรเลย
“แล้วเป็นใคร”
“จะใครก็ช่างเถอะ ผมไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว”
“ไม่ได้ นายจะต้องทำมาหากินแล้วนายลืมแล้วหรืออย่างไร ว่านี่!น่ะเป็นหนทางเดียวที่นายจะไปพบอี้เฟิงได้
“
พอเธอพูดแบบนั้น หยางหยางก็ยิ่งทรุดหนัก เขาฟุบใบหน้าลงกับฝ่ามือใหญ่หนาและ
พูดเสียงเบาแม้ผู้จัดการได้ยินแต่เสียงเบามากเหลือเกินเหมือนพูดรำพันกับตัวเอง
“ผมว่าผมทำไม่ได้ ไม่ได้หรอก
ต่อให้ผมตามเขาไป เขาก็จะหนีผมไป ต่อให้ตามทัน เขาก็ไม่เคยเห็นผมในสายตา”
เธอทนฟังน้องชายคนนี้ไม่ไหวถึงกับยกหมอนอิงโซฟาฟาดใส่ไม่ยั้ง
จนหยางหยางต้องเงยหน้ามาหาเธอ เขาไม่เข้าใจที่เธอทำแต่เข้าใจอารมณ์ที่เธอรู้สึก
หยางหยางแทบจะไม่หวังเลย ยิ่งมีข่าวร้ายแรงแบบนี้ก็ยิ่งไปยืนเคียงข้างได้ยาก อาจจะทำให้อี้เฟิงถูกมองไม่ดี
เขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น และยิ่งถูกกันมากเท่าไหร่
แฟนคลับของเขาและอี้เฟิงไม่ถูกกันมากขึ้น
สังกัดของอี้เฟิงและเขาก็ไม่สามารถเข้าหน้ากันได้เลย
“นายจะยอมแพ้แล้วหรือ ?”
หยางหยางเงยหน้าไปหาผู้จัดการของเขา ถูกตั้งคำถามที่ตอบได้ยาก เขาคิด
เขาที่มีแต่ความมืดมน
เหมือนถูกจองจำในที่มืด
แต่ก็สมแล้ว เขาเป็นซาตาน
ที่ที่มืดมนก็สมกับเขาแล้ว
THISMAN
แม้ว่าจะผ่านไปหลายวัน อี้เฟิงก็ยังคงยังเอาภาพนั้นออกไปไมดได้
ใช่ว่าเขาจะมองไม่เห็นสายตาและความรู้สึกของหยางหยาง
แต่เขาเลือกที่พบเจอมันให้น้อยที่สุด ไม่พยายามเก็บมันมาอยู่ในความทรงจำ
อี้เฟิงพยายามเอามันออกไป แต่แววตาอ้อนวอนขอโอกาสนั้น ดูแล้วช่างร้าวราน
เขาบอกกับตัวเองว่าเขาเป็นคนที่ช่างสงสารผู้อื่น
แต่ถ้าเป็นคนคนนี้ จะยอมใจอ่อนให้ไม่ได้จริง ๆ
ใบหน้าหวานที่ดูอิดโรยไปนิดหน่อยเพราะความคิดมากมายรุมเร้า
วันนี้เขาก็ยังมีงานไม่ขาด แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงพัก เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
เขาเห็นข่าวข่าวหนึ่งที่เป็นหัวข้อข่าวร้อนแรงในโซเชี่ยลของจีน
ข่าวของหยางหยาง
เขาบอกว่าตัวเองเป็นคนช่างสงสารผู้อื่น
สุดท้ายอี้เฟิงก็ยกนิ้วแตะเข้าไปอ่านข่าวนั้นบนหน้าจอมือถือของตัวเอง
... อ่านแล้วก็รู้เลยว่านั่นเป็นเหตุการณ์ที่บาร์ของเพื่อนของหยางหยางคนนั้น
และนั่นเป็นเรื่องของอี้เฟิง
ประเด็นใหญ่ที่สุดที่เขาเห็นสื่อมาถึงเขา คอมเม้นท์ร้อนแรง
ต่างก็เดาไปมากมาย มีชื่อหลี่อี้เฟิง
ออกมาจากคอมเม้นท์นั้นแต่สุดท้ายก็ยังเป็นการคาดเดา เพราะความจริงก็มีเพียงเขา
หยางหยาง และคนที่ทราบเหตุการณ์ อี้เฟิงมั่นใจว่าคนคนนี้มีจุดประสงค์ไม่ดีอย่างมาก
แต่ต้องการทำให้หยางหยางเสื่อมเสียชื่อเสียง และให้เขาถูกพ่วงท้ายไปด้วย
แต่อาจจะไม่กล้าบอกชื่อเขาโดยตรง
เพราะอี้เฟิงเองก็ทราบถึงอำนาจของค่ายสังกัดของตัวเองดีอยู่แล้ว
คนที่ปล่อยข่าวต้องถูกจับได้ในเร็ววันแน่ ๆ แต่ถ้าเป็นแค่การคาดเดา
โดยไม่มีใครล่วงรู้ต้นสังกัดจะไม่ยุ่งย่ามแต่อี้เฟิงคิดว่าตอนนี้ต้นสังกัดของเขาคงไปล่าหาตัวกันแล้ว
อี้เฟิงไล่อ่านเนื้อหาข่าวไปเรื่อย ๆ มันมีเรื่องของเขาและเรื่องอื่น
ๆ ของหยางหยาง....แม้ปกติแล้วอี้เฟิงจะไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นั่น
เพราะมันก็แค่ข่าวลือที่พบเห็นได้ตามเว็บกอซซิบ แต่เพราะมีเรื่องของตัวเอง
ซึ่งเป็นเรื่องจริง อื่น ๆ ในนี้ก็ต้องจริง
คนคนนี้ทำอะไรมากขนาดนี้เลยหรือ...อี้เฟิงคิด...ยิ่งอ่านข่าว
เขายิ่งไม่ชอบใจมากยิ่งขึ้น ถ้าเป็นแบบนี้ก็สมแล้วที่จะโดนเรื่องหนักหนา สาว ๆ
หนุ่ม ๆคนอื่นที่ถูกกระทำแบบเดียวกับเขา แม้จะไม่รุนแรงเท่า เขาเชื่อแบบนั้น
แต่อี้เฟิงมั่นใจว่าคนพวกนี้ก็คงโกรธและโมโหหยางหยางเช่นกัน
สมควรแล้ว...อี้เฟิงคิด
และยิ่งไม่ชอบใจและพุ่งทยานความเกลียดชังมากจนทนอ่านข่าวและคอทเม้นท์พวกนั้นไม่ได้
อี้เฟิงกดปิดมันไปอย่างหัวเสีย
จนต้องมานั่งทบทวนความรู้สึกของตัวเองและเรียบเรียงใหม่
สมควรที่เขาจะได้รับผลลัพธ์นี้
ความรู้สึกแรก คือเขาเกลียดคนคนนี้ เเละจะไม่สงสาร
ต่อมาคือเขาควรพยายามลืมให้หมด ตัดคนคนนี้ คนใจร้าย ซาตานบ้าคลั่งออกไปจากทุกสิ่งทุกอย่างของหลี่อี้เฟิง
และ ลืมเขาไปเสีย
ทำให้หยางหยางหายไปให้สนิทจากหัวใจ แม้จะเห็นหน้าหรือสบตา
ก็จะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเขา
อี้เฟิงต้องมั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ ไม่เช่นนั้น
เขาก็จะเปื้อนน้ำตาตัวเองซ้ำแล้ว...ซ้ำเล่า
แบบนั้นไม่เข็ดอีกหรือหลี่อี้เฟิง ? ไม่พอหรือกับการร้องไห้เสียน้ำตา
ทุกอย่าง ทั้งน้ำตา..ทั้งหัวใจ
หลี่อี้เฟิงผู้นี้ก็จะไม่มีทางมอบมันให้กับคนคนนี้อีกแล้ว
ไม่มีวันนั้น
"หืม..?"
แต่...เขาสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ปลายหางตาและหัวใจที่หน่วงสุดกำลังของตัวเอง
อี้เฟิงย้ำกับตัวเองอีกครั้ง
ไม่
จะไม่มีวันเป็นแบบนั้นอีกแล้ว
-----------------------------------------------------------------------------TBC FINAL PART
TALK ::: ตอนหน้าจบแล้วจ้า
ความไม่สนใจเกินเกลียดเนี่ยเข้าใจดีเลยล่ะ
ตอบลบมันยังไงก็ต้องอารมณ์นี้ถึงตอนนี้เขาจะดีแล้วดีขึ้นแล้ว แต่สิ่งที่เคยทำก็เปลี่ยนไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่ได้แค้นอะไรกันเล่า ดีจะตายไปเลยนะ
อารมณ์ตอนนี้กับตอนสเปเชียลที่มีน่ะยอดมาก
TT_TT เห้ออออออ... ถึงจะคิดว่าสาสมแล้วกับความผิดที่ทำลงไป
ตอบลบแต่ก็ยัง..อดสงสารไม่ได้อยู่ดี
จมน้ำจนมิดท่วมหัว แถมยังไม่มีความคิดจะช่วยเหลือตัวเองอีกด้วย
แบบนี้ถ้ารอดตายได้ ก็ปาฎิหาริย์แล้ว... cc คุณเทพบุตรใจดีผู้มีเมตตา