วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

[Fic] THISMAN 2:: BLOSSOM - CHAPTER : 3 'คนที่ปลูกมันไว้'




TITLE : THISM<N :: BLOSSOM
CHAPTER :  CHAPTER : 3 'คนที่ปลูกมันไว้'
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG - 13







TELL  :: เทพบุตรผู้สับสนและเข้าใจยาก คุณ ๆ ต้องเข้าใจเธอนะ







********************************************************************************





สวรรค์ไม่ใช่สถานที่ของซาตาน และ ความสุขก็ไม่ใช่สิ่งที่คู่ควรกับสิ่งเลวร้าย....




สุดท้ายก็ถูกผลักตกจากสวรรค์




แม้รู้อยู่แล้วว่ากลับไปสู่ความเป็นจริง ความสุขของเราทั้งคู่จะยิ่งลดทอนน้อยลงไปแต่ก็ยังจะเลือกทำแบบนี้ เลือกที่จะชิงเทพบุตรตัวน้อยอออกมาจากสวรรค์ เพราะในเมื่อเขามีโอกาสในการมีความสุข เมื่อใกล้กันแล้ว  ซาตานเยี่ยงเขาจึงปล่ยโอกาสให้หลุดลอยไปไม่ได้




THISM<N :: BLOSSOM




“อี้เฟิง เช้าแล้ว “

หลังจากที่หยางหยางปลุกให้อี้เฟิงตื่นเช้ากว่าเดิมนิดหน่อย  เขาจำเป็นจะต้องพาอี้เฟิงไปส่งตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นจากชขอบฟ้า  เมื่ออี้เฟิงตื่นขึ้นมา เทพบุตรเองก็รู้แล้วว่าเวลาที่จะปล่อยให้ใจทำตามที่อยากได้ลดน้อยและใกล้หมดแล้ว


“กลับไปเช้านี้เราต้องยุ่งยากแน่ ๆ “
“เราสองคนก็ยุ่งยากกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว “



หยางหยางส่งความอบอุ่นให้ร่างอีกฝ่ายซ้ำอีกครั้งเป็นการกอดแนบแน่นมอบความมั่นใจ เหมือนอี้เฟิงจ้องมองเขาด้วยสายตาไม่แน่ใจ และเริ่มสั่นคลอนเมื่อคิดถึงผลลัพธ์หากเมื่อเช้านี้รู้ว่าเราจะเจอกับอะไร


เรื่องราววุ่นวาย แค่เพียง 1 คืน 1 วันที่ติดต่อเทพบุตรน้อยไม่ได้ไม่รู้ว่าทางนั้นจะเป็นบ้าขนาดไหน 


ใช่ว่าอี้เฟิงจะไม่เคยทำวีรกรรมแบบนี้ไว้ แต่เพราะครั้งนี้หายไปกับใครคนหนึ่งที่เป็นบุคคลต้องห้ามเข้าใกล้อี้เฟิงอย่างเด็ดขาด และพวกเขาทีมผู้จัดการ บริษัทของอี้เฟิง ต้องรู้อย่างแน่นอนภายในเวลาไม่นานว่าเขาหนีหายไปกับใคร 



หยางหยาง ซาตานใจร้ายที่อี้เฟิงพยายามหลีกหนีตลอดมา แต่ในตอนนี้กลับให้เขากอดมอบความอบอุ่นอยู่ตรงนี้




อี้เฟิงถามความรู้สึกแรก จึงได้ให้เขาคว้ามือเอาไว้และตามเขามาอย่างไม่ขัดขืน จนเขาทำอะไร ๆ ให้มีความสุขจนต้องหัวเราะร่าออกมาและมอบกอดนี้ให้ก็ยังไม่ขัดขืน ซ้ำยิ่งอยากร้องขออีกครั้ง  อี้เฟิงคิดว่าในอกของเขาเหมือนมีดอกไม้ผลิบานอยู่ในใจ ทั้งที่ผืนดินแห้งแล้งเหลือเกิน  คล้ายกับความรู้สึกบางอย่างที่ละทิ้งไปนานมากและเกิดขึ้นในใจ อี้เฟิงยังไม่อยากไปไถ่ถามตัวเองว่านั่นคืออะไร แต่เขาปล่อยให้มันเบ่งบานไป ท่ามกลางพายุและขวากหนามต่าง ๆ



ถ้ามันยังทนอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างนั้นได้ ก็จงผลิบานต่อไป




“อย่าคิดอะไรมากเลยอี้เฟิง  ผมจะไม่ถามอะไรคุณแค่ขอให้คุณ แค่คุณ..เชื่อใจผม แค่นั้น  เหตุการณ์ในครั้งนี้ผมจูงมือและชักชวนคุณมาเอง “



หยางหยางรู้สึกว่าคนในอ้อมกอดเงียบงันไปนาน ไม่ตอบอะไรมา เขาก้มลงมองใบหน้าหวานที่กำลังครุ่นคิดหนักจนคิ้วชนกัน คนรูปหล่อโน้มมอบจูบหวานที่หน้าผากให้ครั้งหนึ่งก่อนจะใช้คางได้รูปเกยที่ศรีษะของคุณเทพบุตรที่กำลังเครียดอยู่แล้วโยกตัวไปมาให้เขารู้สึกดีขึ้น



“ได้เวลาส่งเทพบุตรกลับสวรรค์แล้ว”




หยางหยางพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะตัดสินใจได้ว่าถึงเวลาที่จำเป็นต้องปล่อยมือเทพบุตรของเขาและกลับสู่ความจริงที่เจ็บปวด










“หยางหยาง แกจำเอาไว้นะ ถ้าแกยังเข้ามาแตะต้องอี้เฟิงอีกครั้ง แกจะไม่มีวันได้ขึ้นมาเป็นดาราในวงการบันเทิงจีนได้อีก หน้าแกจะหายไปจากวงการแน่ ฉันขอพูดไว้ตรงนี้”




เมื่อเขาปล่อยมืออี้เฟิง ส่งเทพบุตรตรงหน้าโรงแรมที่พักประจำเพื่อถ่ายละคร แม้ว่าเป็นช่วงรุ่งสาง แต่เขาคิดอยู่แล้วว่า หากอี้เฟิงหายตัวไปเป็นวัน ๆ ต้องมีคนรอดักอยู่แน่ ๆ และก็เป็นไปตามนั้น และหยางหยางยอมรับทุกการกระทำ ให้ทุกอย่างมาอยู่ที่เขา เขาพร้อมรับ เพราะเขาเป็นคนหลอกล่ออี้เฟิงมาเอง  จนเมื่ออี้เฟิงเข้าสู่ที่ที่เขาควรอยู่ หยางหยางได้รับคำด่าทอมากมายจากทีมของอี้เฟิง แต่เขาไม่ได้สนใจอะไรเลย นอกจากใบหน้าหวานที่ใกล้ลับตาเขาไปที่ก้าวจนมองไม่เห็นกัน


เมื่อทีมงานของอี้เฟิงพบทั้งสองคน  ก็วิ่งรุกหน้ามาดึงคว้าตัวอี้เฟิงออกไปทันที และกึ่งจูงกึ่งลากให้อี้เฟิงเข้าโรงแรมไปก่อนที่เริ่มเช้าวันใหม่ เพราะแฟนคลับของอี้เฟิงมารอไอดอลของตัวเองกันตั้งแต่เช้าตรู่ ถึงไม่เป็นการดีหากจะให้อี้เฟิงยืนอยู่หน้าโรงแรม ทั้งที่มีหยางหยางอยู่ด้วย เรื่องราวจะยุ่งวุ่นวายใหญ่โต เพราะเรื่องการหายตัวไปของทั้งคู่ก็ช่วยปิดบังกันแทบตายจนเลือดตากระเด็น  ใบหน้าหวานหันมาหันหยางหยางครั้งหนึ่ง และลับตาไป หยางหยางถูกเรียกสติกลับมาอีกครั้งเพราะมัวแต่อาลัยอาวรณ์อี้เฟิงที่ถูกชิงตัวไปต่อหน้าต่อตาและเอื้อมคว้าไว้ไมได้ เพราะถูกปัดป้องจนไร้หนทาง เขายืนอยู่ท่ามกลางคนของอีกฝ่าย  หยางหยางถูกมองว่าเป็นปีศาจสำหรับอี้เฟิงไปแล้วจากสายตาของคนฝ่ายนี้  ซ้ำยังพรากเทพบุตรของพวกเขาไป คงโกรธไม่น้อย 




“ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้ อี้เฟิงหายไป มันเป็นเรื่องใหญ่มาก แกก็รู้ ทำไมถึงได้ทำเรื่องบ้าบออะไรแบบนี้ ไอ้เด็กเวรเอ๊ย”

ประโยคที่ด่าทอจนหยางหยางต้องเบือนหน้าหนี ประโยคนี้ออกจากปากของคุณผู้จัดการใหญ่ของอี้เฟิงที่โกรธสุดขีดจนแทบพุ่งมาทำร้ายร่างกายเขา หากไม่มีทีมบอดี้การ์ดยั้งไว้ทัน เธอแทบจะสั่งให้ทีมบอดี้การ์ดของเธอทำร้ายหยางหยาง เพราะเคืองโกรธที่พาเทพบุตรน้อยของเธอหายไปเป็นวัน ๆ แต่ทีมบอดี้การ์ดเองก็ไม่อยากทำอะไรเขา เพราเคยดูแลกันมาก่อน ทีมบอดี้การ์ดของอี้เฟิงเป็นทีมเดียวกันกับทีมของเขา จึงยังพอมีความเห็นใจกันบ้างและรู้เรื่องราวเป็นอย่างดี ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้  คุณผู้จัดการใหญ่ที่อารมณ์เย็นลงแล้ว เธอหันมาชี้หน้าและบอกให้หยางหยางกลับไปในที่ของตัวเอง และทำงานให้ดี อย่าทำให้เธอต้องลำบากใจ อย่าทำให้ตัวเองต้องมาเกี่ยวข้องกับฝั่งนี้อีก


“ถ้าแกไม่อยากให้อี้เฟิงต้องลำบาก ไม่อยากให้อี้เฟิงต้องตกต่ำหากเป็นข่าวกับแก แกรักอี้เฟิงมากก็จงทำตามที่สมควรซะ อยู่ให้ห่างจากอี้เฟิงไว้ “


แม้เย็นลงผู้จัดใหญ่ก็ยังไม่วายดุหยางหยาง และเธอก็ทิ้งท้ายไว้ ก่อนเดินจากไปให้หยางหยางต้องครุ่นคิดกับความผิดที่ทำ


“อย่าดึงเทพบุตรมาทำให้แปดเปื้อนปีศาจอย่างแกอีก”





หลังจากนี้หากเราได้พบกันอีก  เราคงไม่มีทางได้ใกล้กันไปมากกว่านี้ อย่างมากที่สุดก็อาจจะได้แค่มองตากัน และเดินลับหายไป




ไม่สามารถสัมผัสกันได้อีก ...ตลอดไป










หลังจากที่จัดการเรื่องราวเสร็จสรรพ  ยังดีที่หยางหยางยังพาอี้เฟิงมาส่งถูกที่ ไม่เอาไปกกตัวไว้นาน จนเธอเป็นบ้า หยางหยางยังรู้หน้าที่ดี และยังรู้ดีว่า หากอี้เฟิงหายไปนาน ๆ  ความลำบากจะยิ่งถาโถมมาหาอี้เฟิงมากขึ้น 

“อี้เฟิง..เธอนี่มัน”
“ผมขอโทษครับ”



เธอรู้ดีว่าคนของเธอไม่ได้โดนบังคับ แต่เต็มใจไปด้วยต่างหาก ดูจากร่องรอยบนตัว แม้ไม่ชัดเจนและไม่เยอะจนสังเกตได้ แต่เธอมีหรือจะไม่รู้ ไหนจะสายตาอาลัยอาวรณ์นั้นอีก แต่ต้องสะกดจิตสะใจว่าอีกฝ่ายต้องดึงดันให้อี้เฟิงไปแน่นอน เธอไม่อยากคิดด้วยซ้ำว่าอี้เฟิงเต็มใจไปเพราะมันเจ็บปวดที่เหมือนเธอดูแลอี้เฟิงไม่ดี และเธอไม่เข้าใจมากที่สุดสองคนนี้ต้องมีความรู้สึกอื่นระหว่างกันนอกจากคำว่าเกลียด ? แถมมันยังเป็นความรู้สึกคนละขั้วกับความรู้สึกเดิมด้วย เธอรู้สึกงงไปหมดเมื่อรู้ว่าอี้เฟิงหายไปกับหยางหยาง ก็เพราะว่าหลังงานเลิก ทั้งคู่หายตัวไปพร้อมกัน ทั้งที่มีทีมงานจับตาดูไว้ เด็กสองคนเล่นซ่อนหากันเก่ง  เธอที่ไร้หนทางถึงกับต้องโทรไปหาทีมผู้จัดการของฝั่งหยางหยางเพื่อถามไถ่แม้ไม่อยากทำ เด็กของอีกฝั่งหายไปเหมือนกัน  และเป็นอันรู้กันว่า สองคนต้องหายไปด้วยกันอย่างแน่นอน ความลำบากจึงตกมาอยู่กับเธอ 


“ทำไมทำแบบนี้อี้เฟิง ก็รู้ว่าถ้าเธอหายไปแบบนี้ มันจะมีผลยังไง ดีนะที่พี่ยังไม่แจ้งทางบริษัท เบื้องบนรู้คงไม่ดีแน่ “
“ผมคงพูดอะไรมากไม่ได้ ใจผมมันพาไปเอง ตอนนี้ผมทำมันไปแล้ว ...ขอโทษด้วยครับ”
“เธอคงถูกเจ้าเด็กบ้านั่นชักชวนไปสินะ ฉันรู้ เจ้าเด็กนั่นมันร้ายยิ่งกว่าอะไร เธอก็ผิดที่ตามเจ้าเด็กหยางหยางนั่นไป แต่เพราะต้นเหตุเป็นเขา อี้เฟิง เอาล่ะ พี่จะไม่โกรธเธอไปมากกว่าที่เป็นอยู่”


อี้เฟิงหันมองหน้าผู้จัดการใหญ่ของตน เธอโกรธมากจนคิ้วขมวด  แต่ก็เริ่มผ่อนคลายอารมณ์มากขึ้นเมื่อเขาสำนึกผิด เธอคงวุ่นวายกับการตามหาอี้เฟิงไม่น้อย เมื่อเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาพบมิสคอล ข้อความจากโซเชี่ยลทุกช่องทางเป็นร้อย ๆ ข้อความ อี้เฟิงยิ่งรู้สึกผิด แต่เพราะคำเชิญชวนแสนหวานจากซาตานและความรู้สึกในใจที่อยากตามเขาไป มันมีมากขนาดไหนน่ะหรือ... มากพอที่จะทำให้อี้เฟิงละทิ้งทุกอย่างและไปมีความสุขกับซาตานผู้นั้นโดยไม่สนใจอะไรบนโลก นอกจากแค่สองเราที่กอดก่ายกันและกัน


แม้รู้ว่ามันผิดมหันต์ แต่อี้เฟิงยังตอบรับคำเชิญนั้น  เพราะความเบื่อหน่ายจากการงานที่เป็นอยู่ทุกวันอีกอย่างหนึ่งด้วย เมื่อไปมีความสุขแล้วจึงผ่อนคลายขึ้นมา และทำให้ความรู้สึกในใจบางอย่างผลิบาน



หนึ่งในความรู้สึกที่ผลิบานใหม่กำลังจะมา



อี้เฟิงยังไม่นิยามมันแล้วกัน ว่าเป็นความรู้สึก


ให้ดอกไม้ดอกนั้นไร้ชื่อไปก่อนเถิด






“หลังจากนี เธอรุ้นะอี้เฟิง ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ  เพราะเธอดันทำอะไรบ้า ๆ กับเจ้าเด็กนั่นไป หนีหายกันไปเป็นวัน ไม่ใช่แค่เธอที่ลำบาก แต่เจ้าเด็กนั่นก็ด้วย เด็กนั่นคงจะลำบากกว่ามาก ๆ  แต่นั่นก็สมกับที่มันทำกับเธอ  “


อี้เฟิงขมวดคิ้วมองผู้จัดการใหญ่ที่กำลังพูดด้วยอารมณ์สาสมใจ และเมื่อเธอมองกลับมา เห็นใบหน้าของอี้เฟิงแปลกไปจากที่เธอคิด

“อย่าบอกนะว่าเธอไม่ได้เห็นด้วยกับความลำบากต่อไปที่หยางหยางจะได้รับ เจ้าเด็กนั่นพาเธอหายไป ความผิดรุนแรงอยู่แล้ว จะแจ้งความยังได้เลย แต่ไม่ทำหรอกเพราะสงสาร ฝั่งนั้นเป็นรองอยู่แล้ว  อย่างน้อยนี่ก็เป็นการตอบแทนที่เจ้าเด็กนั่นทำกับเธอนะอี้เฟิง”


เทพบุตรน้อยกลับมาครุ่นคิด จำได้ว่าพี่สาวของเขาเคยลั่นวาจาว่าจะไม่ให้หยางหยางแตะต้องเขาอีก อี้เฟิงนึกเป็นห่วงขึ้นมาเสียแล้ว ไม่รู้ว่าอีกฝั่งจะเป็นอย่างไรบ้า  ถึงจะรู้สึกว่าก็สมกับที่เคยทำกับเขาไว้เมื่อครั้งก่อนแต่เพราะไอ้ดอกไม้ดอกนั้นที่ผลิบานในใจนั่นล่ะ ทำให้อี้เฟิงต้องนึกเป็นห่วงซาตานคนนี้ขึ้นมา



มาปลูกดอกไม้ในใจเขาไว้ แถมยังเอาผีเสื้อมาปล่อยไว้แล้ว  จะให้หายไปเลยได้อย่างไร



ที่บอกว่าความสับสนย้อนแย้งคลี่คลายไปท่าจะไม่จริง  ตอนนี้เทพบุตรน้อยสับสนในใจว่า  จะเอายาพิษราดให้ดอกไม้ที่เขาคนนี้ปลูกไว้ตายซะให้หมดไปจากใจ หรือจะปล่อยมันไว้พร้อมผีเสื้อที่กำลังโบยบินอยู่

“อี้เฟิง พี่ว่าเธอเปลี่ยนไป  เธอเปลี่ยนไปมาก ความรู้สึกต่อเด็กนั่น..น่ะ”
“ผมก็คิดว่าอย่างนั้น”


เขาบอกเสียงเบาแบบลอย ๆ ก่อนทอดสายตามองไปไกล


“ผมคิดว่าผมเปลี่ยนไป ดันเอาความรู้สึกอะไรบางอย่างมาซ้อนกับความเกลียดที่เคยให้เขา ผมสับสนยิ่งกว่าเดิมอีก เหมือนผมต้องต่อสู้กับความรู้สึกใหญ่ ๆ สองฝั่ง”
“เลือกซะอี้เฟิง แต่ถ้าเธอเลือกผิด เธอจะยิ่งเจ็บปวดยิ่งทุรนทุรายมากกว่าเดิมเสียด้วย อย่าเลือกผิด และอย่าลืมนะที่พี่บอกไว้ ว่าพี่จะไม่มีวัน ไม่มีอีกแล้ว ที่จะให้เด็กนั่นเข้าใกล้เธอ “

เทพบุตรตัวน้อยแววตาเริ่มสับสน เธอต้องย้ำเตือน อีกครั้งและอีกครั้ง ก่อนความรักของซาตานที่ถูกปลุกไว้จะผลิบานไปมากกว่านี้

ปีศาจก็คือปีศาจอยู่วันยังค่ำ อี้เฟิง  อย่าให้เขาเอาอะไรจากเธอไปได้อีก อย่าให้เขา ทำร้ายเธอซ้ำอีก จะด้วยความรู้สึกอะไรก็ตาม อย่าให้เขาทำอะไรเธอได้อีก”



ผู้จัดการคนเก่งของอี้เฟิงบอกหนักแน่น เธอตั้งปณิธานไว้แล้วจะไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน ทั้งสองคนนี้ต่อให้รักกันให้ตาย ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้หรอก


เธอมองตาอี้เฟิงแล้วก็รู้สึกเช่นนั้น



รักเขาแล้วแต่ยังไม่ยอมรับกับใจตัวเอง



เธอไม่ต้องการให้อี้เฟิงไปเจ็บปวดกับความรู้สึกแบบนั้น ทำไมเด็กของเธอถึงไปตกหลุมรักคนที่ทำร้ายตัวเองได้กันล่ะ เธอยังไม่เข้าใจ และอี้เฟิงก็ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ เธอเองรู้ดีว่าอี้เฟิงทั้งรักทั้งเกลียดหยางหยาง เพิ่มคำว่ารักใส่ใจมาแล้ว แต่ยังไม่อยากบอกตัวเองว่าเป็นเช่นนั้น




เธอภาวนาว่าให้อี้เฟิงเลือกทางที่ถูกและไม่ทำให้ตัวเองเจ็บปวด



เพราะความรักระหว่างเทพบุตรกับซาตานมันมีแค่ในนิยาย แค่ในนิยายยังแสนลำบาก ในความจริง มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว







THISM<N :: BLOSSOM







“ฝั่งนั้นคงโกรธจนควันออกหู นายรู้มั้ยหยางหยางว่านายทำบ้าอะไรลงไป”




หลังจากหยางหยางกลับมาถึงโรงแรมที่พักของตัวเองที่ไม่ไกลจากที่พักชของอี้เฟิง  ผู้จัดการของหยางหยาไงด้รับการแจ้งก่อนหน้านี้แล้วว่า อี้เฟิงถึงที่พักแล้วอย่างปลอดภัย และคนของเธอนั่นเองที่พาไป ก็เป็นไปตามที่คาดกันไว้ กลับมาเธอแทบจะยกอะไรตีเด็กไม่รักดีนี้เสียให้นอนมอบคามือ แต่เพราะหยางหยางยอมรับผิดทุกอย่างจนเธอนึกสงสาร และเพราะยิ่งรู้ว่าจะต้องยิ่งถูกกัดบริเวณ จำกัดการใช้โทรศัพท์และช่องทางการติดต่อกับคนอื่น ก็ยิ่งสงสาร


“รู้ดีอยู่แล้วว่าต้องโดนอะไรก็ยังทำ”
“พี่ก็รู้ว่าผมรักเขามากแค่ไหน”
“ให้ตกนรกจนตายก็ยอมรึไง”
“ครับ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ เหมือนผมถูกผลักตกลงมาจากสวรรค์ แต่จริง ๆ ผมก็เหมือนอยู่ในนรกอยู่แล้ว”



ฟังคำเปรียบปรายของหยางหยางจากปากเขาเองก็ยิ่งนึกสะท้อนในใจ ว่าเธออาจจะดุแลหยางหยางไม่ดี  เด็กน้อยของเธอเห็นเธอทำหน้าตาคิดมาก จึงบอกว่าไม่ใช่ แต่เป็นเพราะในใจเขาเองที่เหมือนตกนรกเพราะไม่มีอี้เฟิงอยู่ใกล้และยิ่งรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ต่างหาก แต่เธอที่เป็นผู้จัดการดูแลเขาดีเสมอ




“รู้ทั้งรู้ว่ารักเขาไม่ได้ แต่นายก็ยังฝืน”
“มันคงเป็นสิ่งที่ควรแล้วล่ะพี่ ผมที่ทำร้ายเขากลับตกหลุมรักเขาเหมือนถูกสาป เหมือนถูกหลอกล่อให้รักเขา”
“ก็รู้นี่  แต่นายก็ยัง...”
“ต่อให้รู้ว่าเขาหลอกล่อให้ผมตกหลุมไปรักอี้เฟิงเอง แต่ผมก็เต็มใจนะ”



หยางหยางพูดพลางยิ้มเบาบาง เมื่อนึกถึงรอยยิ้มที่ได้รับเมื่อครั้งได้อยู่ด้วยกันกับเทพบุตรของเขา เหมือนได้ต่อชีวิตที่แห้งเหี่ยวของซาตานไว้ได้  เพราะโอกาสอยู่ใกล้ 1 วัน 1 คืนที่ได้อยู่ด้วยกัน เป็นอะไรที่มากพอแล้ว แต่เขากลัวว่าอี้เฟิงจะต้องถูกลงโทษอะไรหนักหนา  ตอนนี้เขาหวังแค่ให้อี้เฟิงไม่ถูกลงโทษอะไรมากมาย ทุกอย่างควรมาอยู่ที่เขา


“พี่บอกฝั่งโน้นทีว่า ผมเป็นคนชวนอี้เฟิงมาเอง”
“ฉันอยากจะบอกนายว่า ฝั่งโน้นน่ะ เขาก็คิดแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะอี้เฟิงเกลียดนายจะตายชัก และคิดว่านายคงทำอะไรซักอย่างให้อี้เฟิงยอมไปกับนาย เข้าข้างเด็กตัวเองเต็มที่ด่านายไม่ยั้ง นี่ล่ะที่ฉันไม่ค่อยชอบใจ”



หยางหยางนึกขันไปด้วยเมื่อผู้จัดการของเขาระบายความในใจออกมา ฝั่งทีมของอี้เฟิงเป็นที่รู้ดีกันทั้งบริษัทเมื่อครั้งอยู่ด้วยกันว่า หวงอี้เฟิงเช่นไข่ในหิน ดูแลเป็นอย่างดี และอี้เฟิงไม่เคยผิด ไม่ว่าจะทำอะไร  ทำเอาหลายคนในบริษัทเบื่อไปตามกัน เพราะถือหางเด็กของตัวเองสุดตัว แต่หยางหยางก็แอบเห็นด้วยบางส่วนเพราะอี้เฟิงเป็นคนที่ช่างเอาอกเอาใจ คนรอบข้างจะรักเขาก็แปลก ก็เหมือนอย่างที่เขาเป็น



“หลังจากนี้รู้ดีนะว่าฉันต้องทำอะไรกับนายบ้าง ฝั่งโน้นก็คงตัดการติดต่อกับนายและอี้เฟิงไปเลยทุกทาง คงมีกักบริเวณกันเล็กน้อย ดูแลกันทุกฝีก้าว  รู้นะว่าแอบคุยกันในมือถือน่ะ แต่หลังจากนี้ แม้แต่ข้อความในโซเชี่ยลพวกนายก็ไม่มีทางติดต่อกันได้แล้วล่ะ แต่ฉันก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น ฉันไม่ยึดมือถือนาย แต่ขอให้นายซื่อสัตย์กับตัวเองและฉัน ว่านายจะไม่หาทางไปพบกับอี้เฟิงอีก เพราะหลังจากนี้นายจะโดนลงโทษอย่างสาสมแน่ กับสิ่งที่นายทำไว้ เพื่อเป็นการตักเตือนที่นายไปยุ่งกับเทพบุตรตัวน้อยของพวกเขา”




เธอพูดอย่างหนักใจ หยางหยางรู้อยู่แล้วว่าหลังจากนี้เขาจะต้องโดนอะไรบ้าง  งานในวงการของเขาคงต้องลำบากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน แต่นั่นก็สมกับที่เขาทำ  และความสุขที่ได้รับมา รอยยิ้มที่สดใส รอยจูบแสนหวาน นั่นก็เพียงพอแล้ว



“หยางหยาง ถามอีกที  ทั้งที่รู้ว่า รักอี้เฟิงแล้วจะต้องลำบากขนาดนี้  ฉันว่าเขาเหมือนหลอกให้นายรัก นายคิดว่าอี้เฟิงรักนายบ้างมั้ย”


ซาตานรูปหล่อร้ายกาจจุดยิ้มขึ้นมา เขารู้สึกเมื่อไม่นาน ก็ช่วงเวลาความสุขคืนนั้นนั่นล่ะ ว่าเทพบุตรตัวน้อยของทุกคนถูกซาตานผู้นี้ปลูกดอกไม้ดอกหนึ่งไว้ อาจจะมีผีเสื้อคอยผสมเกสรให้ด้วย  เขาจำแววตาน่ารักนั่นได้ดี  มั่นใจว่าดอกไม้ดอกนั้นอาจจะผลิบานขึ้นมาและเติบโตได้อีก  หรือถ้าไม่เป็นเช่นนั้น อย่างน้อยมันก็ได้โผล่พ้นดินขึ้นมาบ้างแล้ว แม้ว่าภายหลังมันอาจจะถูกยาพิษราดทับจนตายก็ได้

แต่น้อยน้อยมันก็ได้ผลิบาน






“ผมมั่นใจนะพี่ ว่าอี้เฟิงก็รักผมบ้างแล้วเหมือนกัน ถึงแม้ว่ามันเพิ่งจะเริ่มก็ตาม”







THISM<N :: BLOSSOM






นานหลายวันแล้วที่เหตุการณ์นั้นผ่านไป



ปีศาจก็คือปีศาจอยู่วันยังค่ำ อย่าเขาทำอะไรเธอได้อีก ...คำของผู้จัดการของเขายังวนเวียนในความคิด




ยิ่งสับสนมากกว่าเดิม  แต่อี้เฟิงชื่นชอบความรู้สึกตอนนี้

“เรานี่มันเหมือนคนบ้าจริง ๆ “

ความเกลียดที่ยังวนเวียนอยู่ ให้อภัยกับสิ่งที่เขาทำไว้ไม่ได้ แต่ความรู้สึกใหม่ที่ผลิบานนี่ก็สำคัญ 
ย้อนแย้งกันสุด ๆ จน ไม่สามารถเลือกทางไหนได้ซักทางละทิ้งอดีตที่เจ็บปวดไม่ได้ แต่ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ก็หวานหอม ส่วนกำแพงที่อี้เฟิงเคยสร้างไว้ถูกทลายไปนานแล้ว ตั้งแต่เขาและหยางหยางพบหน้ากันหลังจากที่เลี่ยงกันมานาน


ใบหน้าหวานฟุบซุกลงที่แขนตัวเอง เขานั่งกอดเข่าทบทวนความรู้สึกอยู่นานเหมือนกัน ทุกครั้งที่ทำงานเสร็จก็จะมานั่งคิดแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ เพราไม่สามารถแตะต้องมือถือที่ใช้อยู่ประจำได้  เขาถูกยึดไปตั้งแต่วันที่กลับมาจากคืนความสุขวันนั้น  อาจจะอีกซักระยะหนึ่งกว่าเขาจะได้มันคืนมา ถึงจะอึดอัดมาก แต่ก็ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ บางครั้งก็กดดูทีวีในห้อง พบใบหน้าของอีกคนบ้าง  เก็บเอาคิดและกลับมาสู่เรื่องเดิม คือความสับสนในใจ






อี้เฟิงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังบ้า  คล้ายเหมือนคนสองบุคลิก  เมื่อนึกถึงคนคนนี้ ทั้งยิ้มทั้งอยากจะร้องไห้ไปพร้อม ๆ กัน







เพราะดอกไม้ของซาตานดอกนั้นที่ถูกปลูกในใจของอี้เฟิงหรืออย่างไร  ซาตานตนนี้ร้ายกาจแท้ ๆ








เขากำลังครุ่นคิดว่าหากทำให้เขาเป็นบ้าเช่นนี้ เขาควรจะทำให้ดอกไม้นั่นเฉาตายโดยเอายาพิษราดทับมันเสียดีหรือไม่








****************************************************TBC 4




TALK : ไม่รู้ใครคนไหนเป็นบ้างมั้ย ที่รักใครซักคนหนึ่งแต่คิดว่าเขาไม่ควรที่จะให้เราไปรักเลย
แต่หัวใจมันเกิดรักไปแล้ว ความย้อนแย้งลักลั่นที่เกี่ยวกับเรื่องความรัก นี่มันประหลาดและมีพลังอำนาจเยอะนะคะ ^^






วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

[Fic] for a long time - หยางเฟิง / Chapter 4



TITLE : [Fic] for a long time
CHAPTER : 4
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG - 13 



***************************************************************************






นิ่งเสียเถิด หัวใจของข้า









เป็นประโยคที่หวานซึ้ง แม้ไม่เข้าใจแต่ซึมซับเข้าหัวใจ จนคุณหมอน้อยเก็บไปฝันถึง








นอกจากนั้นยังมีความฝันเลือนลางเป็นเรื่องราวที่ไม่เคยฝันหรือพบเห็นที่ไหน เป็นฝันที่วิวทิวทัศน์ที่ไม่เคยได้สัมผัส ในฝันมีความอบอุ่น และความหนาวยะเยือกของเหตุการณ์ที่หลั่งไหลเข้ามา แต่อี้เฟิงจำเหตุการณ์ในฝันไม่ได้เลย แต่รู้แค่เพียงว่ามีเขาคนนี้อยู่ในฝันด้วย








ผู้ที่มอบกอดอบอุ่นและประโยคหวานซึ้งข้างต้นอย่างที่เคยได้ฟัง




"ตื่นเเล้วหรือ ท่านหมอ"
"อะ..อืม  สวัสดีคุณหยางหยาง"






หลังจากได้รับกอดอันอบอุ่นจนหลับสบาย ก่อนหน้าจะหลับมาอาหารมื้อเล็ก ๆ ให้เขากินด้วย คุณหยางหยางที่กลายเป็นบอดี้การ์ดจำเป็นพร้อมกับเป็นคุณหมอเยียวยาจิตใจให้อี้เฟิงด้วย ดูแลเขาเป็นอย่างดี ทั้งที่เราสองคนไม่เคยรู้จักกัน









..ไม่รู้จักกัน..อี้เฟิงเองก็ไม่สามารถใช้คำนี้ได้อย่างถนัดนัก เพราะความรู้สึกลึก ๆ จากก้นบึ้งในจิตใจ บอกว่า เราเคยมีความผูกพันธ์กันซักอย่าง แต่อี้เฟิงไม่สามารถอธิบายได้ เพราะเขาไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับความผูกพันนั้นเลย








จึงได้แต่ใช้ความรู้สึกลึก ๆ จากใจเป็นแสงนำไป ให้ได้รู้จักกับชายปริศนารูปงามที่ดูเยือกเย็นแต่อบอุ่นคนนี้










“คุณหยางหยาง....ผมนึกว่าคุณจะกลับไปที่บ้านคุณ”
“ก็ท่านกล่าวว่าท่านอยากได้...องครักษ์?”








คุณหมอน้อยเอียงคอเบา ๆ นึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อวันวาน ...เขาเคยพูดแบบนั้น แต่ไม่นึกว่าคุณคนนี้จะนึกเอามาถือเป็นจริงจัง แต่ในใจของอี้เฟิงกลับรู้สึกอบอุ่นจนต้องอมยิ้มออกมา







ห้องเขาออกจะกว้างขวาง แบ่งที่ให้ชายปริศนาเสียหน่อยเป็นไร ก่อนหน้านี้มีคนไข้ที่ต่างบ้านต่างเมืองมารักษา เขาก็เคยแบ่งที่ให้นอนได้ กับคนที่ช่วยชีวิตตัวเองจะเป็นไรไป










แต่มันจะด่วนสรุปง่ายเกินไปรึเปล่านะ ..อี้เฟิงคิด เพราะในใจอยากให้เขาอยู่ใกล้มากเหลือเกิน












“เอาจริงหรอ ผมแค่พูดไปอย่างนั้นเอง”
“ท่านหมอ หน้าที่ของข้าจนตราบสิ้นชีวา มีเพียงดูแลท่านจนถึงวาระที่ท่านสมควรจากไปในแต่ละชาติ”











เขาว่าเขากำลังงงกับประโยคเมื่อครู่ที่ได้ยิน หยางหยางชายปริศนาผู้นี้ชอบพูดอะไรให้คิดมาก ใฃ้คำโบราณเหมือนละครสมัยก่อน เขาหลุดมาจากไหนกัน อี้เฟิงเริ่มขมวดคิ้วหนักขึ้น ในความคิดเริ่มขัดแย้งกับในใจแล้วว่าจะชักชวนให้คนผู้นี้มาอยู่ร่วมชายคาดีหรือไม่









“แล้วจริง ๆ คุณพักอยู่ที่ไหน หรือไม่มีที่พักเป็นหลักเเหล่ง ?”
“ท่านอยากให้ข้าอยู่ใกล้ ๆ หรือ ?”








ผู้ชายคนนี้เหมือนอ่านใจเขาได้ ? หรืออ่านได้จริง ๆงั้นหรือ ? .. คุณหมอน้อยคิดพลางมองใบหน้าได้รูปที่กำลังจดจ้องเขาอยู่ แววตาเยือกเย็นแต่ครู่หนึ่งเห็นปีศาจร้ายเจ้าเล่ห์โผล่ออกมาให้เห็น  แววตานั้น...เขาไม่ใช้หญิงสาวที่ไหนเสียหน่อย ไม่ใช่ชายผู้ไร้ประสบการณื ถึงจะไม่รู้









อี้เฟิงตกลงใจว่า จะไม่ให้เขาอยู่แล้ว แม้ในใจจะอยากรั้งมือไว้แค่ไหน  ความคิดประมวลออกมาว่า อย่าเพิ่งไว้ใจถึงจะเชื่อใจเขาไปแล้วก็ตามแต่







“ข้าจะกลับออกไป หากท่านต้องการความช่วยเหลือโปรดทำให้จิตใจของท่านมีเพียงข้า แล้วข้าจะมาหา”







เป็นประโยคที่แปลกแต่แฝงความหวานซึ้งไว้อีกเช่นกัน เขาไม่แน่ใจว่าชายปริศนาผู้นี้อาจจะมีความทรงจำอะไรที่ผูกพันกับเขาในอดีตแต่เขาจำไม่ได้หรือเปล่า อี้เฟิงคิดไปถึงตอนเด็ก ๆ แต่อย่างไรเขาก็นึกไม่ออก  แต่เมื่อพลันกลับมาสบสายตาหยางหยางผู้นี้ได้เคลื่อนใบหน้าหล่อเหลาดั่งรูปสลับกเข้ามาใกล้ที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ และกดแรงแผ่วตรงปลายจมูกให้สัมผัสที่ปลายจมูกรั้นของอี้เฟิงเช่นกัน คล้ายว่าเขาอยากส่งผ่านความอบอุ่น แต่ทำได้แค่เพียงเท่านี้  ณ ขณะทำ เขาหลับตา อี้เฟิงที่ลืมตามองใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็พิจารณาด้วยดวงตาสุกใส  เริ่มหลงใหลความงดงามตรงหน้า และพลันเมื่อหยางหยางลืมตา  ดวงตาของเขายิ้มตอบให้ ก่อนใบหน้าของอี้เฟิงจะถูกสัมผัสด้วยมือหนาใหญ่ที่แม้เย็นเยือกแต่เมื่อสัมผัสแล้วอบอุ่น เขาบังทัศนวิสัย และบังคับดวงตาของอี้เฟิงให้หลับตาลง  คุณหมอน้อยรู้สึกง่วงนอนทันควัน และเข้าสู่นิทราไป ร่างบอบบางเอียงกะเท่เร่ก่อนที่หยางหยางจะรับร่างนั้นทันและคว้ามาแนบอก







“ขอให้ข้าได้สะสางบางเรื่องก่อน ท่านหมอ ข้าจะกลับมาอยู่ข้าง ๆท่าน ตามที่ใจท่านปรารถนา แม้ท่านไม่กล้าเอ่ยปากบอก”







*********************************************************TBC 5