TITLE : THISM<N :: BLOSSOM
CHAPTER : CHAPTER : 3 'คนที่ปลูกมันไว้'
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG - 13
RATE : PG - 13
TELL :: เทพบุตรผู้สับสนและเข้าใจยาก คุณ ๆ ต้องเข้าใจเธอนะ
********************************************************************************
สวรรค์ไม่ใช่สถานที่ของซาตาน และ
ความสุขก็ไม่ใช่สิ่งที่คู่ควรกับสิ่งเลวร้าย....
สุดท้ายก็ถูกผลักตกจากสวรรค์
แม้รู้อยู่แล้วว่ากลับไปสู่ความเป็นจริง ความสุขของเราทั้งคู่จะยิ่งลดทอนน้อยลงไปแต่ก็ยังจะเลือกทำแบบนี้
เลือกที่จะชิงเทพบุตรตัวน้อยอออกมาจากสวรรค์ เพราะในเมื่อเขามีโอกาสในการมีความสุข
เมื่อใกล้กันแล้ว
ซาตานเยี่ยงเขาจึงปล่ยโอกาสให้หลุดลอยไปไม่ได้
THISM<N :: BLOSSOM
“อี้เฟิง เช้าแล้ว “
หลังจากที่หยางหยางปลุกให้อี้เฟิงตื่นเช้ากว่าเดิมนิดหน่อย เขาจำเป็นจะต้องพาอี้เฟิงไปส่งตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นจากชขอบฟ้า เมื่ออี้เฟิงตื่นขึ้นมา
เทพบุตรเองก็รู้แล้วว่าเวลาที่จะปล่อยให้ใจทำตามที่อยากได้ลดน้อยและใกล้หมดแล้ว
“กลับไปเช้านี้เราต้องยุ่งยากแน่ ๆ “
“เราสองคนก็ยุ่งยากกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว “
หยางหยางส่งความอบอุ่นให้ร่างอีกฝ่ายซ้ำอีกครั้งเป็นการกอดแนบแน่นมอบความมั่นใจ
เหมือนอี้เฟิงจ้องมองเขาด้วยสายตาไม่แน่ใจ
และเริ่มสั่นคลอนเมื่อคิดถึงผลลัพธ์หากเมื่อเช้านี้รู้ว่าเราจะเจอกับอะไร
เรื่องราววุ่นวาย แค่เพียง 1 คืน 1
วันที่ติดต่อเทพบุตรน้อยไม่ได้ไม่รู้ว่าทางนั้นจะเป็นบ้าขนาดไหน
ใช่ว่าอี้เฟิงจะไม่เคยทำวีรกรรมแบบนี้ไว้
แต่เพราะครั้งนี้หายไปกับใครคนหนึ่งที่เป็นบุคคลต้องห้ามเข้าใกล้อี้เฟิงอย่างเด็ดขาด
และพวกเขาทีมผู้จัดการ บริษัทของอี้เฟิง ต้องรู้อย่างแน่นอนภายในเวลาไม่นานว่าเขาหนีหายไปกับใคร
หยางหยาง ซาตานใจร้ายที่อี้เฟิงพยายามหลีกหนีตลอดมา
แต่ในตอนนี้กลับให้เขากอดมอบความอบอุ่นอยู่ตรงนี้
อี้เฟิงถามความรู้สึกแรก
จึงได้ให้เขาคว้ามือเอาไว้และตามเขามาอย่างไม่ขัดขืน จนเขาทำอะไร ๆ
ให้มีความสุขจนต้องหัวเราะร่าออกมาและมอบกอดนี้ให้ก็ยังไม่ขัดขืน
ซ้ำยิ่งอยากร้องขออีกครั้ง อี้เฟิงคิดว่าในอกของเขาเหมือนมีดอกไม้ผลิบานอยู่ในใจ
ทั้งที่ผืนดินแห้งแล้งเหลือเกิน
คล้ายกับความรู้สึกบางอย่างที่ละทิ้งไปนานมากและเกิดขึ้นในใจ อี้เฟิงยังไม่อยากไปไถ่ถามตัวเองว่านั่นคืออะไร
แต่เขาปล่อยให้มันเบ่งบานไป ท่ามกลางพายุและขวากหนามต่าง ๆ
ถ้ามันยังทนอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างนั้นได้ ก็จงผลิบานต่อไป
“อย่าคิดอะไรมากเลยอี้เฟิง
ผมจะไม่ถามอะไรคุณแค่ขอให้คุณ แค่คุณ..เชื่อใจผม แค่นั้น เหตุการณ์ในครั้งนี้ผมจูงมือและชักชวนคุณมาเอง “
หยางหยางรู้สึกว่าคนในอ้อมกอดเงียบงันไปนาน ไม่ตอบอะไรมา
เขาก้มลงมองใบหน้าหวานที่กำลังครุ่นคิดหนักจนคิ้วชนกัน คนรูปหล่อโน้มมอบจูบหวานที่หน้าผากให้ครั้งหนึ่งก่อนจะใช้คางได้รูปเกยที่ศรีษะของคุณเทพบุตรที่กำลังเครียดอยู่แล้วโยกตัวไปมาให้เขารู้สึกดีขึ้น
“ได้เวลาส่งเทพบุตรกลับสวรรค์แล้ว”
หยางหยางพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น
ก่อนจะตัดสินใจได้ว่าถึงเวลาที่จำเป็นต้องปล่อยมือเทพบุตรของเขาและกลับสู่ความจริงที่เจ็บปวด
“หยางหยาง แกจำเอาไว้นะ ถ้าแกยังเข้ามาแตะต้องอี้เฟิงอีกครั้ง
แกจะไม่มีวันได้ขึ้นมาเป็นดาราในวงการบันเทิงจีนได้อีก หน้าแกจะหายไปจากวงการแน่
ฉันขอพูดไว้ตรงนี้”
เมื่อเขาปล่อยมืออี้เฟิง
ส่งเทพบุตรตรงหน้าโรงแรมที่พักประจำเพื่อถ่ายละคร แม้ว่าเป็นช่วงรุ่งสาง
แต่เขาคิดอยู่แล้วว่า หากอี้เฟิงหายตัวไปเป็นวัน ๆ ต้องมีคนรอดักอยู่แน่ ๆ
และก็เป็นไปตามนั้น และหยางหยางยอมรับทุกการกระทำ ให้ทุกอย่างมาอยู่ที่เขา
เขาพร้อมรับ เพราะเขาเป็นคนหลอกล่ออี้เฟิงมาเอง
จนเมื่ออี้เฟิงเข้าสู่ที่ที่เขาควรอยู่
หยางหยางได้รับคำด่าทอมากมายจากทีมของอี้เฟิง แต่เขาไม่ได้สนใจอะไรเลย นอกจากใบหน้าหวานที่ใกล้ลับตาเขาไปที่ก้าวจนมองไม่เห็นกัน
เมื่อทีมงานของอี้เฟิงพบทั้งสองคน
ก็วิ่งรุกหน้ามาดึงคว้าตัวอี้เฟิงออกไปทันที
และกึ่งจูงกึ่งลากให้อี้เฟิงเข้าโรงแรมไปก่อนที่เริ่มเช้าวันใหม่
เพราะแฟนคลับของอี้เฟิงมารอไอดอลของตัวเองกันตั้งแต่เช้าตรู่
ถึงไม่เป็นการดีหากจะให้อี้เฟิงยืนอยู่หน้าโรงแรม ทั้งที่มีหยางหยางอยู่ด้วย
เรื่องราวจะยุ่งวุ่นวายใหญ่โต เพราะเรื่องการหายตัวไปของทั้งคู่ก็ช่วยปิดบังกันแทบตายจนเลือดตากระเด็น ใบหน้าหวานหันมาหันหยางหยางครั้งหนึ่ง
และลับตาไป หยางหยางถูกเรียกสติกลับมาอีกครั้งเพราะมัวแต่อาลัยอาวรณ์อี้เฟิงที่ถูกชิงตัวไปต่อหน้าต่อตาและเอื้อมคว้าไว้ไมได้
เพราะถูกปัดป้องจนไร้หนทาง เขายืนอยู่ท่ามกลางคนของอีกฝ่าย
หยางหยางถูกมองว่าเป็นปีศาจสำหรับอี้เฟิงไปแล้วจากสายตาของคนฝ่ายนี้ ซ้ำยังพรากเทพบุตรของพวกเขาไป คงโกรธไม่น้อย
“ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้ อี้เฟิงหายไป มันเป็นเรื่องใหญ่มาก แกก็รู้
ทำไมถึงได้ทำเรื่องบ้าบออะไรแบบนี้ ไอ้เด็กเวรเอ๊ย”
ประโยคที่ด่าทอจนหยางหยางต้องเบือนหน้าหนี ประโยคนี้ออกจากปากของคุณผู้จัดการใหญ่ของอี้เฟิงที่โกรธสุดขีดจนแทบพุ่งมาทำร้ายร่างกายเขา
หากไม่มีทีมบอดี้การ์ดยั้งไว้ทัน
เธอแทบจะสั่งให้ทีมบอดี้การ์ดของเธอทำร้ายหยางหยาง เพราะเคืองโกรธที่พาเทพบุตรน้อยของเธอหายไปเป็นวัน
ๆ แต่ทีมบอดี้การ์ดเองก็ไม่อยากทำอะไรเขา เพราเคยดูแลกันมาก่อน
ทีมบอดี้การ์ดของอี้เฟิงเป็นทีมเดียวกันกับทีมของเขา จึงยังพอมีความเห็นใจกันบ้างและรู้เรื่องราวเป็นอย่างดี
ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้
คุณผู้จัดการใหญ่ที่อารมณ์เย็นลงแล้ว
เธอหันมาชี้หน้าและบอกให้หยางหยางกลับไปในที่ของตัวเอง และทำงานให้ดี
อย่าทำให้เธอต้องลำบากใจ อย่าทำให้ตัวเองต้องมาเกี่ยวข้องกับฝั่งนี้อีก
“ถ้าแกไม่อยากให้อี้เฟิงต้องลำบาก
ไม่อยากให้อี้เฟิงต้องตกต่ำหากเป็นข่าวกับแก แกรักอี้เฟิงมากก็จงทำตามที่สมควรซะ อยู่ให้ห่างจากอี้เฟิงไว้ “
แม้เย็นลงผู้จัดใหญ่ก็ยังไม่วายดุหยางหยาง และเธอก็ทิ้งท้ายไว้
ก่อนเดินจากไปให้หยางหยางต้องครุ่นคิดกับความผิดที่ทำ
“อย่าดึงเทพบุตรมาทำให้แปดเปื้อนปีศาจอย่างแกอีก”
หลังจากนี้หากเราได้พบกันอีก
เราคงไม่มีทางได้ใกล้กันไปมากกว่านี้ อย่างมากที่สุดก็อาจจะได้แค่มองตากัน
และเดินลับหายไป
ไม่สามารถสัมผัสกันได้อีก ...ตลอดไป
หลังจากที่จัดการเรื่องราวเสร็จสรรพ
ยังดีที่หยางหยางยังพาอี้เฟิงมาส่งถูกที่ ไม่เอาไปกกตัวไว้นาน จนเธอเป็นบ้า
หยางหยางยังรู้หน้าที่ดี และยังรู้ดีว่า หากอี้เฟิงหายไปนาน ๆ ความลำบากจะยิ่งถาโถมมาหาอี้เฟิงมากขึ้น
“อี้เฟิง..เธอนี่มัน”
“ผมขอโทษครับ”
เธอรู้ดีว่าคนของเธอไม่ได้โดนบังคับ แต่เต็มใจไปด้วยต่างหาก
ดูจากร่องรอยบนตัว แม้ไม่ชัดเจนและไม่เยอะจนสังเกตได้ แต่เธอมีหรือจะไม่รู้
ไหนจะสายตาอาลัยอาวรณ์นั้นอีก แต่ต้องสะกดจิตสะใจว่าอีกฝ่ายต้องดึงดันให้อี้เฟิงไปแน่นอน
เธอไม่อยากคิดด้วยซ้ำว่าอี้เฟิงเต็มใจไปเพราะมันเจ็บปวดที่เหมือนเธอดูแลอี้เฟิงไม่ดี
และเธอไม่เข้าใจมากที่สุดสองคนนี้ต้องมีความรู้สึกอื่นระหว่างกันนอกจากคำว่าเกลียด
? แถมมันยังเป็นความรู้สึกคนละขั้วกับความรู้สึกเดิมด้วย
เธอรู้สึกงงไปหมดเมื่อรู้ว่าอี้เฟิงหายไปกับหยางหยาง ก็เพราะว่าหลังงานเลิก
ทั้งคู่หายตัวไปพร้อมกัน ทั้งที่มีทีมงานจับตาดูไว้
เด็กสองคนเล่นซ่อนหากันเก่ง
เธอที่ไร้หนทางถึงกับต้องโทรไปหาทีมผู้จัดการของฝั่งหยางหยางเพื่อถามไถ่แม้ไม่อยากทำ
เด็กของอีกฝั่งหายไปเหมือนกัน
และเป็นอันรู้กันว่า สองคนต้องหายไปด้วยกันอย่างแน่นอน
ความลำบากจึงตกมาอยู่กับเธอ
“ทำไมทำแบบนี้อี้เฟิง ก็รู้ว่าถ้าเธอหายไปแบบนี้ มันจะมีผลยังไง
ดีนะที่พี่ยังไม่แจ้งทางบริษัท เบื้องบนรู้คงไม่ดีแน่ “
“ผมคงพูดอะไรมากไม่ได้ ใจผมมันพาไปเอง ตอนนี้ผมทำมันไปแล้ว
...ขอโทษด้วยครับ”
“เธอคงถูกเจ้าเด็กบ้านั่นชักชวนไปสินะ ฉันรู้
เจ้าเด็กนั่นมันร้ายยิ่งกว่าอะไร เธอก็ผิดที่ตามเจ้าเด็กหยางหยางนั่นไป
แต่เพราะต้นเหตุเป็นเขา อี้เฟิง เอาล่ะ พี่จะไม่โกรธเธอไปมากกว่าที่เป็นอยู่”
อี้เฟิงหันมองหน้าผู้จัดการใหญ่ของตน เธอโกรธมากจนคิ้วขมวด แต่ก็เริ่มผ่อนคลายอารมณ์มากขึ้นเมื่อเขาสำนึกผิด
เธอคงวุ่นวายกับการตามหาอี้เฟิงไม่น้อย เมื่อเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาพบมิสคอล
ข้อความจากโซเชี่ยลทุกช่องทางเป็นร้อย ๆ ข้อความ อี้เฟิงยิ่งรู้สึกผิด
แต่เพราะคำเชิญชวนแสนหวานจากซาตานและความรู้สึกในใจที่อยากตามเขาไป
มันมีมากขนาดไหนน่ะหรือ... มากพอที่จะทำให้อี้เฟิงละทิ้งทุกอย่างและไปมีความสุขกับซาตานผู้นั้นโดยไม่สนใจอะไรบนโลก
นอกจากแค่สองเราที่กอดก่ายกันและกัน
แม้รู้ว่ามันผิดมหันต์ แต่อี้เฟิงยังตอบรับคำเชิญนั้น เพราะความเบื่อหน่ายจากการงานที่เป็นอยู่ทุกวันอีกอย่างหนึ่งด้วย
เมื่อไปมีความสุขแล้วจึงผ่อนคลายขึ้นมา และทำให้ความรู้สึกในใจบางอย่างผลิบาน
หนึ่งในความรู้สึกที่ผลิบานใหม่กำลังจะมา
อี้เฟิงยังไม่นิยามมันแล้วกัน
ว่าเป็นความรู้สึก
ให้ดอกไม้ดอกนั้นไร้ชื่อไปก่อนเถิด
“หลังจากนี
เธอรุ้นะอี้เฟิง ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ
เพราะเธอดันทำอะไรบ้า ๆ กับเจ้าเด็กนั่นไป หนีหายกันไปเป็นวัน ไม่ใช่แค่เธอที่ลำบาก
แต่เจ้าเด็กนั่นก็ด้วย เด็กนั่นคงจะลำบากกว่ามาก ๆ แต่นั่นก็สมกับที่มันทำกับเธอ “
อี้เฟิงขมวดคิ้วมองผู้จัดการใหญ่ที่กำลังพูดด้วยอารมณ์สาสมใจ
และเมื่อเธอมองกลับมา เห็นใบหน้าของอี้เฟิงแปลกไปจากที่เธอคิด
“อย่าบอกนะว่าเธอไม่ได้เห็นด้วยกับความลำบากต่อไปที่หยางหยางจะได้รับ
เจ้าเด็กนั่นพาเธอหายไป ความผิดรุนแรงอยู่แล้ว จะแจ้งความยังได้เลย
แต่ไม่ทำหรอกเพราะสงสาร ฝั่งนั้นเป็นรองอยู่แล้ว
อย่างน้อยนี่ก็เป็นการตอบแทนที่เจ้าเด็กนั่นทำกับเธอนะอี้เฟิง”
เทพบุตรน้อยกลับมาครุ่นคิด จำได้ว่าพี่สาวของเขาเคยลั่นวาจาว่าจะไม่ให้หยางหยางแตะต้องเขาอีก
อี้เฟิงนึกเป็นห่วงขึ้นมาเสียแล้ว ไม่รู้ว่าอีกฝั่งจะเป็นอย่างไรบ้า
ถึงจะรู้สึกว่าก็สมกับที่เคยทำกับเขาไว้เมื่อครั้งก่อนแต่เพราะไอ้ดอกไม้ดอกนั้นที่ผลิบานในใจนั่นล่ะ
ทำให้อี้เฟิงต้องนึกเป็นห่วงซาตานคนนี้ขึ้นมา
มาปลูกดอกไม้ในใจเขาไว้ แถมยังเอาผีเสื้อมาปล่อยไว้แล้ว จะให้หายไปเลยได้อย่างไร
ที่บอกว่าความสับสนย้อนแย้งคลี่คลายไปท่าจะไม่จริง ตอนนี้เทพบุตรน้อยสับสนในใจว่า
จะเอายาพิษราดให้ดอกไม้ที่เขาคนนี้ปลูกไว้ตายซะให้หมดไปจากใจ
หรือจะปล่อยมันไว้พร้อมผีเสื้อที่กำลังโบยบินอยู่
“อี้เฟิง พี่ว่าเธอเปลี่ยนไป
เธอเปลี่ยนไปมาก ความรู้สึกต่อเด็กนั่น..น่ะ”
“ผมก็คิดว่าอย่างนั้น”
เขาบอกเสียงเบาแบบลอย ๆ ก่อนทอดสายตามองไปไกล
“ผมคิดว่าผมเปลี่ยนไป
ดันเอาความรู้สึกอะไรบางอย่างมาซ้อนกับความเกลียดที่เคยให้เขา
ผมสับสนยิ่งกว่าเดิมอีก เหมือนผมต้องต่อสู้กับความรู้สึกใหญ่ ๆ สองฝั่ง”
“เลือกซะอี้เฟิง แต่ถ้าเธอเลือกผิด เธอจะยิ่งเจ็บปวดยิ่งทุรนทุรายมากกว่าเดิมเสียด้วย
อย่าเลือกผิด และอย่าลืมนะที่พี่บอกไว้ ว่าพี่จะไม่มีวัน ไม่มีอีกแล้ว
ที่จะให้เด็กนั่นเข้าใกล้เธอ “
เทพบุตรตัวน้อยแววตาเริ่มสับสน เธอต้องย้ำเตือน อีกครั้งและอีกครั้ง
ก่อนความรักของซาตานที่ถูกปลุกไว้จะผลิบานไปมากกว่านี้
“ปีศาจก็คือปีศาจอยู่วันยังค่ำ
อี้เฟิง อย่าให้เขาเอาอะไรจากเธอไปได้อีก
อย่าให้เขา ทำร้ายเธอซ้ำอีก จะด้วยความรู้สึกอะไรก็ตาม อย่าให้เขาทำอะไรเธอได้อีก”
ผู้จัดการคนเก่งของอี้เฟิงบอกหนักแน่น
เธอตั้งปณิธานไว้แล้วจะไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน ทั้งสองคนนี้ต่อให้รักกันให้ตาย
ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้หรอก
เธอมองตาอี้เฟิงแล้วก็รู้สึกเช่นนั้น
รักเขาแล้วแต่ยังไม่ยอมรับกับใจตัวเอง
เธอไม่ต้องการให้อี้เฟิงไปเจ็บปวดกับความรู้สึกแบบนั้น
ทำไมเด็กของเธอถึงไปตกหลุมรักคนที่ทำร้ายตัวเองได้กันล่ะ เธอยังไม่เข้าใจ
และอี้เฟิงก็ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ เธอเองรู้ดีว่าอี้เฟิงทั้งรักทั้งเกลียดหยางหยาง
เพิ่มคำว่ารักใส่ใจมาแล้ว แต่ยังไม่อยากบอกตัวเองว่าเป็นเช่นนั้น
เธอภาวนาว่าให้อี้เฟิงเลือกทางที่ถูกและไม่ทำให้ตัวเองเจ็บปวด
เพราะความรักระหว่างเทพบุตรกับซาตานมันมีแค่ในนิยาย
แค่ในนิยายยังแสนลำบาก ในความจริง มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว
THISM<N :: BLOSSOM
“ฝั่งนั้นคงโกรธจนควันออกหู นายรู้มั้ยหยางหยางว่านายทำบ้าอะไรลงไป”
หลังจากหยางหยางกลับมาถึงโรงแรมที่พักของตัวเองที่ไม่ไกลจากที่พักชของอี้เฟิง ผู้จัดการของหยางหยาไงด้รับการแจ้งก่อนหน้านี้แล้วว่า
อี้เฟิงถึงที่พักแล้วอย่างปลอดภัย และคนของเธอนั่นเองที่พาไป
ก็เป็นไปตามที่คาดกันไว้ กลับมาเธอแทบจะยกอะไรตีเด็กไม่รักดีนี้เสียให้นอนมอบคามือ
แต่เพราะหยางหยางยอมรับผิดทุกอย่างจนเธอนึกสงสาร และเพราะยิ่งรู้ว่าจะต้องยิ่งถูกกัดบริเวณ
จำกัดการใช้โทรศัพท์และช่องทางการติดต่อกับคนอื่น ก็ยิ่งสงสาร
“รู้ดีอยู่แล้วว่าต้องโดนอะไรก็ยังทำ”
“พี่ก็รู้ว่าผมรักเขามากแค่ไหน”
“ให้ตกนรกจนตายก็ยอมรึไง”
“ครับ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ เหมือนผมถูกผลักตกลงมาจากสวรรค์ แต่จริง ๆ
ผมก็เหมือนอยู่ในนรกอยู่แล้ว”
ฟังคำเปรียบปรายของหยางหยางจากปากเขาเองก็ยิ่งนึกสะท้อนในใจ
ว่าเธออาจจะดุแลหยางหยางไม่ดี
เด็กน้อยของเธอเห็นเธอทำหน้าตาคิดมาก จึงบอกว่าไม่ใช่
แต่เป็นเพราะในใจเขาเองที่เหมือนตกนรกเพราะไม่มีอี้เฟิงอยู่ใกล้และยิ่งรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ต่างหาก
แต่เธอที่เป็นผู้จัดการดูแลเขาดีเสมอ
“รู้ทั้งรู้ว่ารักเขาไม่ได้ แต่นายก็ยังฝืน”
“มันคงเป็นสิ่งที่ควรแล้วล่ะพี่
ผมที่ทำร้ายเขากลับตกหลุมรักเขาเหมือนถูกสาป เหมือนถูกหลอกล่อให้รักเขา”
“ก็รู้นี่ แต่นายก็ยัง...”
“ต่อให้รู้ว่าเขาหลอกล่อให้ผมตกหลุมไปรักอี้เฟิงเอง แต่ผมก็เต็มใจนะ”
หยางหยางพูดพลางยิ้มเบาบาง
เมื่อนึกถึงรอยยิ้มที่ได้รับเมื่อครั้งได้อยู่ด้วยกันกับเทพบุตรของเขา
เหมือนได้ต่อชีวิตที่แห้งเหี่ยวของซาตานไว้ได้
เพราะโอกาสอยู่ใกล้ 1 วัน 1 คืนที่ได้อยู่ด้วยกัน เป็นอะไรที่มากพอแล้ว แต่เขากลัวว่าอี้เฟิงจะต้องถูกลงโทษอะไรหนักหนา ตอนนี้เขาหวังแค่ให้อี้เฟิงไม่ถูกลงโทษอะไรมากมาย
ทุกอย่างควรมาอยู่ที่เขา
“พี่บอกฝั่งโน้นทีว่า ผมเป็นคนชวนอี้เฟิงมาเอง”
“ฉันอยากจะบอกนายว่า ฝั่งโน้นน่ะ เขาก็คิดแบบนั้นอยู่แล้ว
เพราะอี้เฟิงเกลียดนายจะตายชัก และคิดว่านายคงทำอะไรซักอย่างให้อี้เฟิงยอมไปกับนาย
เข้าข้างเด็กตัวเองเต็มที่ด่านายไม่ยั้ง นี่ล่ะที่ฉันไม่ค่อยชอบใจ”
หยางหยางนึกขันไปด้วยเมื่อผู้จัดการของเขาระบายความในใจออกมา
ฝั่งทีมของอี้เฟิงเป็นที่รู้ดีกันทั้งบริษัทเมื่อครั้งอยู่ด้วยกันว่า หวงอี้เฟิงเช่นไข่ในหิน
ดูแลเป็นอย่างดี และอี้เฟิงไม่เคยผิด ไม่ว่าจะทำอะไร ทำเอาหลายคนในบริษัทเบื่อไปตามกัน เพราะถือหางเด็กของตัวเองสุดตัว
แต่หยางหยางก็แอบเห็นด้วยบางส่วนเพราะอี้เฟิงเป็นคนที่ช่างเอาอกเอาใจ
คนรอบข้างจะรักเขาก็แปลก ก็เหมือนอย่างที่เขาเป็น
“หลังจากนี้รู้ดีนะว่าฉันต้องทำอะไรกับนายบ้าง
ฝั่งโน้นก็คงตัดการติดต่อกับนายและอี้เฟิงไปเลยทุกทาง คงมีกักบริเวณกันเล็กน้อย ดูแลกันทุกฝีก้าว
รู้นะว่าแอบคุยกันในมือถือน่ะ
แต่หลังจากนี้ แม้แต่ข้อความในโซเชี่ยลพวกนายก็ไม่มีทางติดต่อกันได้แล้วล่ะ แต่ฉันก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น
ฉันไม่ยึดมือถือนาย แต่ขอให้นายซื่อสัตย์กับตัวเองและฉัน
ว่านายจะไม่หาทางไปพบกับอี้เฟิงอีก เพราะหลังจากนี้นายจะโดนลงโทษอย่างสาสมแน่
กับสิ่งที่นายทำไว้ เพื่อเป็นการตักเตือนที่นายไปยุ่งกับเทพบุตรตัวน้อยของพวกเขา”
เธอพูดอย่างหนักใจ
หยางหยางรู้อยู่แล้วว่าหลังจากนี้เขาจะต้องโดนอะไรบ้าง งานในวงการของเขาคงต้องลำบากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
แต่นั่นก็สมกับที่เขาทำ และความสุขที่ได้รับมา
รอยยิ้มที่สดใส รอยจูบแสนหวาน นั่นก็เพียงพอแล้ว
“หยางหยาง ถามอีกที
ทั้งที่รู้ว่า รักอี้เฟิงแล้วจะต้องลำบากขนาดนี้ ฉันว่าเขาเหมือนหลอกให้นายรัก
นายคิดว่าอี้เฟิงรักนายบ้างมั้ย”
ซาตานรูปหล่อร้ายกาจจุดยิ้มขึ้นมา เขารู้สึกเมื่อไม่นาน
ก็ช่วงเวลาความสุขคืนนั้นนั่นล่ะ
ว่าเทพบุตรตัวน้อยของทุกคนถูกซาตานผู้นี้ปลูกดอกไม้ดอกหนึ่งไว้
อาจจะมีผีเสื้อคอยผสมเกสรให้ด้วย
เขาจำแววตาน่ารักนั่นได้ดี
มั่นใจว่าดอกไม้ดอกนั้นอาจจะผลิบานขึ้นมาและเติบโตได้อีก หรือถ้าไม่เป็นเช่นนั้น
อย่างน้อยมันก็ได้โผล่พ้นดินขึ้นมาบ้างแล้ว แม้ว่าภายหลังมันอาจจะถูกยาพิษราดทับจนตายก็ได้
แต่น้อยน้อยมันก็ได้ผลิบาน
“ผมมั่นใจนะพี่ ว่าอี้เฟิงก็รักผมบ้างแล้วเหมือนกัน
ถึงแม้ว่ามันเพิ่งจะเริ่มก็ตาม”
THISM<N :: BLOSSOM
นานหลายวันแล้วที่เหตุการณ์นั้นผ่านไป
ปีศาจก็คือปีศาจอยู่วันยังค่ำ
อย่าเขาทำอะไรเธอได้อีก ...คำของผู้จัดการของเขายังวนเวียนในความคิด
ยิ่งสับสนมากกว่าเดิม แต่อี้เฟิงชื่นชอบความรู้สึกตอนนี้
“เรานี่มันเหมือนคนบ้าจริง ๆ “
ความเกลียดที่ยังวนเวียนอยู่ ให้อภัยกับสิ่งที่เขาทำไว้ไม่ได้
แต่ความรู้สึกใหม่ที่ผลิบานนี่ก็สำคัญ
ย้อนแย้งกันสุด ๆ จน
ไม่สามารถเลือกทางไหนได้ซักทางละทิ้งอดีตที่เจ็บปวดไม่ได้
แต่ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ก็หวานหอม ส่วนกำแพงที่อี้เฟิงเคยสร้างไว้ถูกทลายไปนานแล้ว
ตั้งแต่เขาและหยางหยางพบหน้ากันหลังจากที่เลี่ยงกันมานาน
ใบหน้าหวานฟุบซุกลงที่แขนตัวเอง
เขานั่งกอดเข่าทบทวนความรู้สึกอยู่นานเหมือนกัน
ทุกครั้งที่ทำงานเสร็จก็จะมานั่งคิดแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ
เพราไม่สามารถแตะต้องมือถือที่ใช้อยู่ประจำได้
เขาถูกยึดไปตั้งแต่วันที่กลับมาจากคืนความสุขวันนั้น อาจจะอีกซักระยะหนึ่งกว่าเขาจะได้มันคืนมา ถึงจะอึดอัดมาก
แต่ก็ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ บางครั้งก็กดดูทีวีในห้อง
พบใบหน้าของอีกคนบ้าง
เก็บเอาคิดและกลับมาสู่เรื่องเดิม คือความสับสนในใจ
อี้เฟิงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังบ้า
คล้ายเหมือนคนสองบุคลิก
เมื่อนึกถึงคนคนนี้ ทั้งยิ้มทั้งอยากจะร้องไห้ไปพร้อม ๆ กัน
เพราะดอกไม้ของซาตานดอกนั้นที่ถูกปลูกในใจของอี้เฟิงหรืออย่างไร ซาตานตนนี้ร้ายกาจแท้ ๆ
เขากำลังครุ่นคิดว่าหากทำให้เขาเป็นบ้าเช่นนี้
เขาควรจะทำให้ดอกไม้นั่นเฉาตายโดยเอายาพิษราดทับมันเสียดีหรือไม่