วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

[Fic] THISMAN 2 - หยางเฟิง CHAPTER : FINAL 'คน คน นี้ ที่ กลาย เป็น ...’



TITLE : THISM<N 2:: BLOSSOM
CHAPTER :  FINAL   'คน คน นี้ ที่ กลาย เป็น ...'
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG - 13





***********************************************************************************************************





นี่คือความรักของซาตานกับเทพบุตรน้อยที่น่ารัก

ผมรักคุณ อยากให้จำไว้















หมอนี่ส่งอะไรแบบนี้มาให้กันเชียว....อี้เฟิงอดยิ้มขำกับมือถือ หยางหยางส่งอะไรมาให้ชวนเขินให้ใจชุ่มชื้น เขาหัวเราะเบา ๆ ออกมาเพราะกลั้นไว้ไมได้แล้ว  ทีมงานรอบข้างไม่ได้สนใจและง่วนกันง่านตัวเอง แม้แต่ผู้จัดการของเขาเอง










หลังจากวันที่หยางหยางถูกเรียกพบโดยรองประธานของบริษัทของเขา อี้เฟิงก็พบว่าเรื่องทุกอย่างมันน่าจะยากขึ้นมาก เขาเองก็ถูกเรียกพบและพาลต่อว่าเช่นกัน แม้รองประธานจะไม่ได้ขึ้นเสียงหรือใช้คำพูดรุนแรง แต่เสียดแทงใจของอี้เฟิงทุกคำพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพแต่อาบยาพิษของคุณรองประธานที่เอ่ยออกมาทุกคำ















ประโยคหนึ่งที่อี้เฟิงจำขึ้นใจ












“อย่าไปใส่ใจความรู้สึกบ้าบอของเด็กคนนั้น มันไม่มีค่าอะไร และ นายก็เลิกไปบ้าบอกับเขาด้วย นายเป็นคนดัง ซุปเปอร์สตาร์ คนของประชาชน เรื่องแบบนี้ มัน ไม่ ควร  เข้าใจนะอี้เฟิง หากว่าถ้าเธอทำอะไรแปลก ๆ ก็จะทำให้เส้นทางในวงการบันเทิงของเขาสั้นลงไปด้วยหรือลำบากกว่าเดิม..ก็จากที่ลำบากอยู่แล้วล่ะนะ และนั่นก็จะส่งผลต่อเธอเหมือนกัน คิดดี ๆ ”















ผู้จัดการสาวที่ใจดีของอี้เฟิงก็อยู่กับเขาในห้องประชุมด้วย อี้เฟิงถูกต่อว่าแม้ด้วยเสียงสุภาพ แต่ก็แฝงไปด้วยความโกรธของผู้บริหารคนนั้น เธอฟังจบ ก็ต่อเถียงแทนอี้เฟิงอย่างไม่เกรงกลัว อย่างน้อยเธอก็มีสิทธิ์ออกรับแทนเด็กของเธอ แม้จะถูกต่อว่าไปด้วยก็ไม่กลัวอะไร และเธอก็ไม่ได้เล่าทุกเรื่องในผู้บริหารคนนี้รู้และเรื่องของหยางหยางบางเรื่องเขาก็สืบทราบเอง








“เขาก็ว่าเธอแรงไป เธออย่าไปใส่ใจนะอี้เฟิง”



อี้เฟิงพยักหน้ารับ ผู้บริหารคนนี้เขาไม่ถูกกับหยางหยางมาตั้งแต่สมัยอยู่ร่วมบริษัทกันจึงไม่แปลกที่เขาจะหันกลับมาต่อว่าอี้เฟิงด้วยเพราะยังคงไปยุ่งยามกับอีกฝ่ายที่ทำให้เขาเสียผลประโยชน์



แต่เรื่องที่บอกว่าความรู้สึกของหยางหยางไร้ค่า นั่นมันไม่ใช่






ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวด้วยความไม่สบอารมณ์ ผู้จัดการปล่อยให้อี้เฟิงอยู่คนเดียว หลังจากวันนั้น เธอไม่ห้ามเรื่องการสื่อสารกับหยางหยาง และบอกอี้เฟิงว่าเธอเห็นใจเกินกว่าจะห้าม และสงสารอี้เฟิงในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ แต่ที่ห้ามอย่างเดียวคือการไปพบกัน ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม











ฉะนั้นทำได้มากที่สุด แค่ส่งข้อความหากัน
อย่างที่หยางหยางส่งหาเขาเมื่อครู่ ผู้จัดการของเขาไม่ได้มาตรวจเช็คอะไรแล้ว มีเพียงแค่นี้ที่เราสามารถทำได้














จากข้อความเมื่อครู่นี้ อี้เฟิงตอบกลับซาตานผู้หวานเลี่ยนคนนั้นกลับไป






“เทพบุตรคนนี้กำลังฟังที่นายพูดอยู่นะ”  ทววนคำครบแล้วก็ส่งไป เขาอยากแกล้งหยางหยางอีกซักหน่อย







ที่จริงมันไม่ใช่แค่กำลังฟัง แต่รับรู้แล้ว จำใส่ใจแล้ว รู้สึกแล้ว









เรารักกันนะ หยางหยาง  ... อี้เฟิงแค่คิดในใจไว้ก่อน เเต่ตอนนี้เขาอายเกินไปที่จะพิมพ์มนัและส่งไปหาอีกคน














THISM<N :: BLOSSOM













เรารักกันแล้วใช่มั้ย หลี่อี้เฟิง.... ภายในใจหยางหยางทบทวนคำถามนี้มาตลอด วันนี้กเป็นอีกวันที่เขาทบทวนมันอีกครั้งให้เพิ่มความอยากรู้มากขึ้น ว่าในใจอีกฝ่ายคิดอย่างไร












ที่จริงมันเป็นเรื่องโลภมากเกินไป เท่านี้ที่ได้มา ได้สัมผัสเขาอีกครั้ง แม้โอกาสจะน้อยนิด หรืออย่างตอนนี้ก็ได้พูดคุยกับอี้เฟิงผ่านโลกออนไลน่ได้แล้วและเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ถูกปิดกั้นหรือสั่งห้ามอะไรอีก มีข้อแม้แค่เพียงอย่างเดียวก็คือ ห้ามมาพบกันไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม












นั่นเป็นข้อที่ทำใจได้ยาก แต่เพื่อให้อี้เฟิงไม่ลำบากกับการเดินทางไปสู่ความรักของเราสองคน















อย่างน้อยการได้พูดคุยผ่านโทรศัพท์มือถือ เขาได้ยินเสียงอี้เฟิงบ้างบางเวลาที่เหนื่อยกับงาน ไม่กี่นาที่คุยกันจนหลับคาโทรศัพท์ไป แค่นั้นก็ทำให้หัวใจพองโตได้มากแล้ว แม้ว่าอยากจะสัมผัสหรือมองสบตากันบ้าง















อย่างข้อความที่ส่งมา หยางหยางเปิดอ่านก็อมยิ้มกับความช่างเลี่ยงของอี้เฟิง ไม่ยอมพูดออกมาซักที ก่อนหน้านี้ที่หยางหยางทำเทพบุตรน้อยที่ช่างย้อนแย้งใจตัวเองไปตรง ๆ ก็ได้รับคำตอบที่ไม่ตรงคำถาม













“ถึงตอนนี้แล้ว คุณรักผมแล้วหรือยัง “



เขาถามไปแบบนั้น อี้เฟิงเงียบไปครู่ใหญ่ คาดว่าคงคิดคำตอบที่จะตอบเขาและก็ได้รับมา



“แค่ก้าวแรกก็เหนื่อยจะแย่แล้ว”














ไม่ตรงคำถามแต่เขาก็ดีใจ เป็นการเริ่มต้นที่ดี น้ำเสียงที่ได้ฟังก็ดูขัดเขินเล็กน้อย  พร้อมอาการค้อนงอนจนนึกอยากกอดให้หายคิดถึงแต่ทำได้เพียงมองอีกคนผ่านจอมือถือเครื่องสวยเท่านั้น












ช่วงนี้ยังพอมีเวลาว่างอยู่ ที่สำคัญเขาเพิ่งได้รับตารางการเดินทางการทำงานของตัวเองใหม่ที่เพิ่งอัพเดตเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา












เขาจะได้บินไปอีกเมืองหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อี้เฟิงบินไปอีกเมืองหนึ่งเหมือนกัน เราต้องใช่สนามบินภายในประเทศที่เดียวกัน บินไปคนละเมือง











แค่เรื่องงานเราก็ยังใกล้กันไม่ได้เลย หยางหยางถอนหายใจอย่างปลงตกกับอุปสรรคระหว่างเขากับเทพบุตรน้อย แต่แค่นี้จะเป็นอะไร ใบหน้าหล่อเหลายิ้มออกมามุมปาก













ตั้งใจที่จะมั่นคงในความรู้สึกต่อใครซักคน ระยะทางไมได้เป็นปัญหา
แต่ความรักของอีกฝ่ายต่อเขาต่างหาก
หาก...ทำให้อี้เฟิงยืนยันกับเขาได้อย่างกระจ่างใจซักคำ ความหนักใจตรงนี้จะหายไป เขาเป็นกังวลแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว







นี่คือความโลภมากของซาตานเช่นเขา













THISM<N :: BLOSSOM















“เผลอ ๆ เราอาจจะเดินสวนกับอีกทีมด้วยซ้ำ อี้เฟิงเข้าใจนะว่าควรทำอะไร”














ตัวเขาเองน่ะไม่ค่อยแสดงอะไรออกมามากเท่าไหร่ เขาจำเป็นจะต้องส่งความไปกำชับหยางหยางด้วยซ้ำ เพราะเจ้าหมอนั่นแสดงอะไรมากกว่าเขาด้วยนิสัยที่เป็นอยู่แล้ว  ล่วงมาอีกหลายวัน เราต้องย้ายเมืองไปทำงานอีกเมือง และหยางหยางกับเขาต้องใช้สนามบินเดียวกันเพื่อบินไปทำงาน และบินในช่วงเวลาใกล้กันด้วย









พอบอกไปแบบนั้นก็ถูกส่งข้อความตัดพ้อมาจนอี้เฟิงต้องอมยิ้มเพราะเขาไปอีกหลายครั้ง  จนอี้เฟิงต้องบอกให้เขาพอได้แล้ว และบอกว่าเราอาจจะเจอกันที่สนามบินก็ได้ หากทีมงานไม่พาเราเลี่ยงกันไป












เอ๋ ?






มือถือในมือเรียวของอี้เฟิงสั่นไม่หยุดเพราะมีคนโทรเข้ามา ผู้จัดการของอี้เฟิงไม่อยู่เธอไปคุยอยู่กับทีมงานที่รอสัมภาษณ์อี้เฟิงอยู่อีกห้อง ตอนนี้มีเพียงทีมงานคนเดียวและบอดี้การ์ดสองคนที่ไว้ใจได้














ตากลมโตหันไปส่งสัญญาณว่าเป็นสายข้าวของใครบางคนที่จะพูดคุยในใครได้ยินอย่างเปิดเผยไมได้เลย














พี่ชายใจดีทั้งคู่จึงแกล้งทำเป็นไมได้ยิน ไม่รู้เห็นและทีมงานสองคนก็ทำงานของพวกเธอไปจนไม่ได้รับรู้อะไรรอบตัว อี้เฟิงเดินเลี่ยงมาที่มุมหนึ่งของห้อง














เขาอาจมีเวลาเพียงหนึ่งนาที

















“หยางหยาง”



เขารับสาย อีกฝ่ายดูดีใจมากที่สุดที่ได้ยินเสียงกัน












“ครับ”
“อื้อ”










พูดคุยกันเป็นคำ ๆแล้วก็เงียบหายไปหลายวินาที











“อี้เฟิง ...ผมได้ยินเสียงลมหายใจคุณ”






อี้เฟิงแทบสำลักเพราะประโยคนี้ มันดูโรแมนติคก็ไม่เชิง นี่ทำให้อี้เฟิงอมยิ้มได้อีกแล้ว ปลายสายหายใจแรง ๆ ออกมาเหมือนตั้งใจ เขาคิดไว้แล้วว่าประโยคต่อไปมันคงจะเป็นอะไรซักอย่าง








“คุณก็ได้ยินเสียงลมหายใจผมใช่มั้ย”
“อือ”









และเงียบกันไปอีกหลายวินาที หยางหยางเป็นคนทำลายความเงียบที่น่ารักนี้ก่อน












“สมมุติว่าเราอยู่ใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจ..แบบนั้นนะครับ”









เขาพูดจบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงโดยไม่ต้องจับสังเกตอะไร ฟังดูเหน็ดเหนื่อยแต่ยังมีหวัง อี้เฟิงอ่านความหมายจากน้ำเสียงได้มากขนาดนี้ เรากำลังสู้ด้วยกัน 











แก้มเนียนใสขึ้นสีระเรื่อ เมื่อคิดถึงแบบที่หยางหยางพูดสมมิต และดวงตาก็เริ่มชื้นด้วยหยดน้ำ












“อือ”










เสียงของอี้เฟิงคงสั่นเครือแม้จะพยางค์เดียวหยางหยางคงสังเกตได้ มือเรียวกำมือถือแน่นแนบใบหู คอยฟังที่หยางหยางพูดต่อ หากเขามีอะไรอยากจะบอกอีก











“ผมรักคุณ”



เป็นคำที่อี้เฟิงได้ยินบ่อยจนไม่เขินอีกแล้วเมื่อทุกครั้งที่ได้ยิน ใบหน้าหวานพยักหน้าลอย ๆ กับสายลมตรงหน้าในที่ที่ยืนอยู่ แต่ไม่นาน คุณผู้จัดการของเขาจะเข้ามาในห้อง คงไม่ดีเท่าไหร่แม้เธอไม่ห้ามให้เราคุยกันแต่เธอคงลำบากใจที่จะฟัง














“หยางหยาง”




อี้เฟิงเรียกปลายสาย เพราะเขาไม่พูดอะไรแล้ว เหมือนรอฟังแค่เสียงลมหายใจของอี้เฟิง



และบอกประโยคที่ควรจะพูดให้เขาเสียที ก็เป็นกำลังให้เราเดินไปด้วยกัน แม้จะเป็นเส้นทางที่เรียกว่าเส้นชนาน











“เรารักกันนะ”






















หยางหยางเกือบเผลอปล่อยโทรศัพท์ลงกับพื้น ด้วยประโยคสุดท้ายที่อี้เฟิงพูดออกมาแทบทำให้เขากระโดดตัวลอย  เป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจได้อย่างดี








ซาตานที่ระโหยโรยแรงก่อนหน้าเหมือนมีพลังใหม่ขึ้นมาช่วยชีวิต








หยางหยางคิดถึงรอยยิ้ม ใบหน้าหวาน กลิ่นหอมเย้ายวนใจ สัมผัสนุ่มนิ่ม และเสียงใส ทุกอย่างที่เป็นหลี่อี้เฟิง










ซาตานรูปหล่อทรุดนั่งกับพื้นห้องอีกครั้ง ตอนนี้เขาไม่เผลอทำมือถือตกแล้ว แต่กลับกำมันไว้แน่น มันเหมือนสิ่งมีค่าเป็นหนทางเดียวที่ทำให้หยางหยางรับรู้ทุกอย่างของหลี่อี้เฟิง










เขารู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ดวงตา






รอยยิ้มหล่อเหลาที่ปรากฏบนใบหน้า เมฆบดบังใจที่หายไป เขารักคนคนนี้มากที่สุดแล้ว เท่าที่คนคนหนึ่งจะรักคนคนหนึ่งได้









มือแกร่งข้างที่ว่างลูบที่ใบหน้า ทั้งอยากจะร้องไห้ ทั้งเขินอาย เขาที่บอกรักอี้เฟิงเป็นร้อย ๆ ครั้งให้อีกฝ่ายได้ยิน ได้ยินคำว่ารักจากอีกฝ่ายแค่คำเดียวกลับเป็นได้มากขนาดนี้ มือเขาเหมือนจะสั่นอยู่ด้วยเพราะความตื่นเต้น










“เสียดายที่ไม่ได้อัดเสียงไว้”







THISM<N :: BLOSSOM












ในที่สุด..ก็เลี่ยงกันไม่ได้ เพราะความบังเอิญ ถือว่านี่เป็นของขวัญของพระเจ้าหนึ่งอย่าง










อี้เฟิงหันไปเจอกลุ่มแฟนคลับกลุ่มใหญ่ สาวน้อยทั้งหลายกำลังวิ่งตาม ไอดอลของเธอ










คนนั้น คือ หยางหยาง ซาตานที่เคยใจร้ายของเขา









แม้ว่าทีมงานของเขาจะพาอ้อมไปอีกฝั่ง แต่สุดท้ายก็ต้องมาเข้าเกตเพียงขึ้นเครื่องบินใกล้ ๆ กัน  ทีมของหยางหยางก็ตั้งใจจะเลี่ยงกันแต่สุดท้ายก็จำเป็นจะต้องมาทางเดียวกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้จะเดินทางกันมาคนละทางแล้วก็ตาม











หวังว่าจะไม่มีอะไรยุ่งยากเกิดขึ้น














หยางหยางมองไปด้านหน้า พบกลุ่มแฟนคลับใหญ่มากที่รุมล้อมวิ่งตามไอดอลของพวกเธอ มีชายหนุ่มอยู่ตรงนั้นตามถ่ายรุปด้วย หยางหยางนิ่วหน้าเล็อน้อย













ไอดอลที่น่ารักคนนั้นก็คือหลี่อี้เฟิง เทพบุตรน้อยของเขา












หยางหยางต้องขึ้นเครื่องในอีกเกตที่ที่อี้เฟิงเพิ่งเดินเลยผ่านมา เพราะพยายามจะเลี่ยงให้ไกลที่สุด เข้าสนามบินกันคนละทาง แต่หยางหยางก็เพิ่งได้ทราบเมื่อไม่นาน ว่าเกตที่อี้เฟิงเข้ากับเขามันใกล้กันไม่กี่เกต เขาที่เข้าสนามบินมาอีกทางก็เพิ่งผ่านเกตที่อี้เฟิงจะต้องใช้บริการ แฟนคลับที่รุมล้อมเขา มองเห็นแฟนอีกลุ่มตรงหน้า  แน่นอนมีบางส่วนที่ไม่ถูกกัน ทีมงานของหยางหยางจึงพาเขาเดินเลี่ยงเบี่ยงไปให้พ้นแฟนกลุ่ม และอีกฝั่งก็เช่นกัน ทีมงานของอี้เฟิงเบี่ยงเส้นทางเดินไปอีกทาง ทำอย่างไรก็ได้เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะของทั้งทีมด้วยกันเองและแฟนคลับบางส่วนที่ไม่ลงรอยกันเพราะชอบไอดอลคนละคน







อีกไม่กี่นาที เขาก็จะเดินสวนกับอี้เฟิง  จำได้ว่าเขามีหมวกใบหนึ่งของอี้เฟิงเก็บไว้ ได้มันมาเหมือนกับฝันไป เขาอันติดมาด้วย และใส่มันไว้ อี้เฟิงคงจะเห็นมัน แอบเอาของเขามาใส่ คงถูกคาดโทษไปตามระเบียบ  วันนี้หยางหยางไม่ใส่แว่นกันแดดเพื่อมองอี้เฟิงที่เขาอาจจะพบกันก่อนเดินทางข้ามเมืองไป และเขาก็ได้พบ










เทพบุตรน้อยของเขาน่าจะใช้แว่นกันแดดของเขาอยู่ด้วยนะ




























หยางหยางแอบเอาหมวกของเรามาใช้นี่.... อี้เฟิงคิดในใจคาดโทษไว้เหมือนกันแต่เขาเองก็เอาแว่นกันแดดของหยางหยางมาใช้เสีรยนี่ อย่างแรกเพราะมันอยู่ใกล้มือแต่ที่สำคัญก็คือ ให้รู้ว่าเรายังมีกันและกัน  อย่างน้อยให้สื่อผ่านของใช้รอบกาย เขาคิดว่าหยางหยางคงตั้งใจลืมทิ้งไว้ หรือตั้งใจเอามาให้ก็ไม่แน่ใจ เขาใส่มันมาด้วย ก็เข้ากับใบหน้าของเขาไม่หยอกเลย












อี้เฟิงเม้มมุมปากรอให้เวลาที่เราเดินสวนกันมาถึง













มันไม่ใช่ความบังเอิญแต่ตั้งใจให้เกิดขึ้น
















อี้เฟิงไม่รู้ว่าหยางหยางจะทราบหรือไม่ แต่เขาแกล้งเดินช้า เดินดูนั่นแกล้งทางไปเรื่อย ให้เวลาที่เราได้มองหน้าสบตากันมันผ่านไปช้าลง เวลายังพอที่จะให้เราทำอะไรบางอย่างอยู่ได้










และเราก็มาพบกัน








แค่สวนกันไม่กี่วินาที  เราสองคนไม่ได้ใกล้กันมากขนาด เพราะแฟนคลับมากมายที่รุมล้อม แม้เวลากลางคืนที่เราเดินทางจะไม่เยอะเท่าช่วงเช้าแต่ก็มากพอที่จะทำให้เราห่างกันพอสมควร ก่อนถึงจุดที่เราพบกัน อี้เฟิงถอดแว่นกันแดดออก แกล้เบี่ยงใบหน้าไปมองทางอีกฝั่งหนึ่ง และแน่นอน หยางหยางรอพบสายตาเขาอยู่แล้ว













ไม่กี่วินาทีนั้น และ เราก็เดินสวนกันไป















การพบกันแค่ไม่กี่วินาทีที่ได้สบตา นี่เป็นอีกครั้งที่เราได้มองตากัน แม้จะไกลกันมากก็ตาม  ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่เราจะได้พบกัน ได้มองตากัน หรือได้สัมผัส กอดก่าย หรือได้ยินเสียงลมหายใจกันและกัน










แต่แค่เราสองคนรู้กันแค่นั้นพอว่าเรารักกันแค่ไหน











รอบตัวอี้เฟิงและหยางหยางมีเสียงต่อเถียงกันของแฟน ๆจนทีมงานของทั้งคู่ต้องบอกให้หยุด แม้จะไม่มากขณะจะก่อให้เกิดการทะเลาะแต่มันก็ดูไม่ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย จนเมื่อเราพ้นผ่านกันไป อี้เฟิงเช็คอินตั๋วเครื่องบิน เดินเข้าเครื่องบินไปแล้ว แต่หยางหยางยังคงเข้าคิวอยู่ อี้เฟิงบอกลาเขาในใจ และส่งข้อความไปพร้อมกัน

















นายได้นอนบ้างรึเปล่า








หยางหยางได้รับข้อความตลก ๆ จากอี้เฟิง ที่ถามอะไรทั่วไปจนเสียเขานึกขำ เขาส่งกลับไปให้ ไม่ตรงคำถามเสียด้วย แต่แค่อยากบอกให้อีกฝ่ายรู้และแน่ใจ








"'นอนไม่หลับก็จริง ฝันถึงคุณ และ....ผมรักคุณมาก ถึงได้เก็บไปฝัน"





เสียงทุ้มพูดทวนคำให้เขินเสียเอง ผู้จัดการที่นั่งอยู่ข้างเขายังพลอยขำไปด้วย เธอหันมาบอกว่า ฟื้นฟูสภาพจิตใจได้เร็วดี หลังจากที่วิตกกังวลเรื่องที่ถูกต่อว่า และข่าวมากมาย ไหนจะความรู้สึกของอี้เฟิงที่เป็นเรื่องที่กังวลในอันดับแรก ที่สุดในก็กระจ่าง










เรารักกันไมได้เลย...อย่างไรกันที่เรียกว่ารักไม่ได้
เรากำลังรัก อยู่ด้วยกันไมได้หมายความจะรัก
อยู่ห่างไกลกันไม่สามารถมาบรรจบกันได้แบบเส้นขนาน เรียกว่าไม่รักกันหรือ ?








เรารักกันนะ ...ก็เป็นอย่างที่อี้เฟิงเคยบอกเขา ..ประโยคนี้หยางหยางจดจำอยู่ในใจเสมอ ทั้งเสียงใสและความรู้สึกที่อี้เฟิงบอกผ่านเสียงมา








ที่อี้เฟิงส่งไปหาหยางหยางมันเป็นข้อความที่ไร้สาระแต่ก็พูดไปตามจริง ก่อนหน้าที่จะเดินทาง อี้เฟิงแอบคุยกันทางสายโทรศัพท์กับหยางหยางครู่หนึ่งก่อนหน้า หยางหยางบอกว่าเขาตื่นเต้นจนแทบไม่ได้นอน ไม่ได้พูดเล่นเสียด้วย เขาดูง่วงและอ่อนเพลีย อี้เฟิงได้รู้ก็ยังขำเขาไม่หาย












แต่กลับได้รับข้อความหวานเลี่ยนอีกแล้ว พอได้ทีเข้าหน่อยก็หยอดไม่เลิก จนบางทีอี้เฟิงก็รับไม่ทันเหมือนกัน








ซาตานผู้นี้เป็นอีกคนที่ไม่ใจร้ายกับเขาแล้ว...หรือถ้าจะใจร้ายอีก ในเมื่ออีกฝ่ายรักเขา เขาก็จะใจร้ายกันบ้าง ให้มันรู้ไป







เขากล้าที่จะรักแล้ว
เรากำลังรักกัน ..แล้วใช่ไหม ..หยางหยางเคยถามเขาก่อนหน้านี้
อี้เฟิงตอบรับไปแค่คำเดียว แต่ย้ำเตือนอีกทีว่าอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่เราจะได้พบกันอีก
แต่ทั้งหยางหยางและของเองก็บอกว่า ไม่เป็นไร





เส้นขนานยังคู่กัน เราก็เหมือนเส้นขนาน











ใครบอกเราไมได้รักกัน
เรารักกันอยู่นะ














อี้เฟิงตอบกับตัวเองในใจ พลางคิดถึงอีกเคนที่ตอนนี้คงกำลังบินข้ามเมืองเหมือนเขา  ถึงที่แล้วก็อาจจะติดต่อกันอีกซักครั้ง
ต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่ทันสมัยของโลกใบนี้ที่เชื่อมพวกเราเอาไว้ นอกจากแค่หัวใจของเราสองคน

















และ








หัวใจของอี้เฟิงได้รับการดูแลแล้ว โดยซาตานผู้นั้น

อี้เฟิงคิดว่าเขากำลังจะเปลี่ยนไป  และเทพบุตรคนนี้จะไม่กลัวซาตานอีกแล้วด้วย



















ดอกไม้ที่ปลูกกันไว้ช่างทรหด แข็งแรงและสู้สภาพ แม้ยาพิษที่อาบรอบตัวเป็นอุปสรรค ที่อาจจะทำให้มันตาย ก็ยังสู้ได้










ในตอนนี้ดอกไม้ กำลังเบ่งบาน








*******************************************************************END THISMAN 2 : BLOSSOM










2 ความคิดเห็น:

  1. ดำเนินเรื่องและจบลงได้สวยงามที่สุดเลยคุณแม่แมว ชอบความที่คาแรกเตอร์ยึดเรื่องจริงมากแบบว่าในสถานการณ์นี้เขาเป็นเช่นนี้ เคยเจอเรื่องนี้ทำให้เป็นแบบนี้ มันมีอารมณ์ร่วมมากเลยจริงๆ ตอนอ่านก็นึกว่าจะเม้นอะไรมากมายออกแต่พอมาถึงกล่องเม้นจริงๆ ก็ลืมซะแล้ว
    ดิสแมนน่ารักได้ดีจนพูดไม่ถูก ไม่ค่อยเจอเนื้อหาเสมือนจะจริงซะด้วย สนุกมากคุณแม่แมว
    ชอบพัฒนาการของหยางหยางเหมือนเขาใช้ดื้อดึงมุ่งมั่นบ้าบิ่นในทางที่เข้าท่าหลังจากที่หลับหูตาใช้ในทางน่าตบตีพักใหญ่ เราไม่ว่าอี้เฟิงเขาเข้าทีในตัวเขามากอยู่แล้ว เพราะคุณแม่แมวบอกว่าจะเม้นตอนสุดท้ายเลยได้ถ้าเราจำไม่ผิดเลยอู้มาหลายตอนรวบทีเดียวเท่าที่จำได้ มีคำผิดกับพิมพ์ตกหล่นประปรายในแต่ละตอน แล้วก็สำนวนเขียนเราชอบมากเลยมันดูชุ่มฉ่ำยังไงบอกไม่ถูก เวลาหยางหยางหยอดมาแต่ละทีถ้าเป็นแบดลูกขนไก่พังหมดละเนี้ย
    อีกอย่างนึกภาพหยางหยางกระโดดตัวลอย กับอี้เฟิงเดินช้า ลอยหน้าลอยตานิดๆ ขำมาเฉยเลยล่ะ
    ยินดีด้วยเรื่องนี้บริบูรณ์แล้ว ^^ ขอบคุณมากจริงๆที่สร้างขึ้นมา

    ตอบลบ
  2. จบได้สนุกมากค่ะ รักกันนานๆ นะ จบภาคแรก หน่วงมากค่ะ ร้องไห้ สงสารหยางหยางมาก จบภาคนี้ รักหยางหยางมากค่ะ เติบโต อบอุ่น ดูแลอี้เฟิงดีๆ นะ นายหยางหยาง ถ้านายทำให้อี้เฟิงเราเจ็บอีก เราจะจัดการนาย อ้ากกก อิน ฟิน ค่ะ ชอบค่ะ แนวอิงเรื่องจริง คาร์ตัวละครเหมือนจริง ไม่หลุด ขอบคุณผู้เขียนนะคะ มีผลงานอีกเยอะๆนะ จะติดตามต่อไป

    ตอบลบ