วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

[Fic] กิจการหลังบ้าน - หยางเฟิง :: ออเดอร์ที่ 2



TITLE : กิจการหลังบ้าน
ออเดอร์ที่ 2
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG




---------------------------------------------------------------------------




“เป็นตำรวจสินะ ใครส่งพวกคุณมาล่ะ ? สารวัตรฝูหรือ ? คิดค่างานสองเท่านะเว้ย พวกตำรวจจู้จี้จุกจิกเรื่องมาก”







เตี่ยผมว่างั้น พอเอาเข้าจริง ก่อนหน้านี้ที่เตี่ยบอกว่า ไม่ค่อยอยากรับงานจากตำรวจเท่าไหร่ ทั้งที่ตัวเองก็เป็นตำรวจมาก่อนแท้ ๆ  เตี่ยแก หันหน้าไปมองสองหนุ่มที่เป็นตำรวจเหมือนเตี่ยแกเมื่อก่อน คนหนึ่งแฟชั่นนิสต้ามา แต่ก็หล่อไม่น้อย ส่วนอีกคนนี่... โอ้โห ขนาดผมเป็นผู้ชายยังตะลึง บ้านพี่แกกินอะไรเป็นอาหารวะครับ







“ปัวปัว น้ำลายจะหยดแล้วว้อย”



พอผมตะลึงกับความหล่อและสบถด่าตัวเองที่หล่อไม่เท่าครึ่งหนึ่งของผู้กองที่มาใหม่นี่ พ่อผมให้ความหล่อมาแค่นี้นี่หว่า เตี่ยนะเตี่ยจะหล่อกว่านี้ก็ไม่ได้ (ลาปปามบุพการีแล้วมั้ยล่ะอี้เฟิง เอ๊ย)  จบความฝั่งผม ก็หันไปหาเตี่ยกับปัวปัวที่ได้ยินเสียงผู้มาใหม่แล้ว ยัยบ้าปัวปัวที่เห็นคนหล่อ ๆ เป็นไม่ได้ ยิ่งระดับสวรรค์ส่งลงมานี่  ตายล่ะ!  ยัยแฝดน้องของผมจะออกล่าเหยื่อแล้วน่ะ






“เตี่ย รับงานนี้เลย!” บ๊ะ ยัยนี่ ไม่ดูงานอะไรเค้าหน่อยเรอะ ยัยนี่ ยัยปัวปัวบ้า ถึงจะเข้าใจว่ายัยปัวปัวพูดเล่นแต่ตาก็จ้องเขาไม่วางเล๊ย เห็นคนหล่อเป็นไม่ได้ ดะรับงานทุกอย่าง เตี่ยเห็นแล้วก็ปวดหัว ผลักหลังให้ยัยปัวปัวไปเช็ดน้ำลายเพราะคนหล่อก่อน และเชิญให้ตำรวจทั้งสองคนนั่ง พร้อมมีผมที่คอยมานั่งจดรายละเอียดงาน ข้าง ๆ เตี่ย


“ใครส่งมา ขอโน้ตด้วย”


กิจการหลังบ้านของบ้านหลี่จำเป็นต้องมีคนแนะนำ หรือคนที่ไว้ใจบอกมา ถ้าไม่มีโน้ตนำ เราจะไม่ทำงานให้ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแคไหนก็ตาม หรือจะเงินเยอะเป็นล้านหยวน (แม้ผมอยากจะรับงานนั้นใจจะขาด มีเจ้าหนึ่ง ไม่เคยมีธุระกับเรา ไม่มีใครแนะนำมาด้วย มากันงง ๆ แต่เงินหนาโครต สุดท้ายเตี่ยก็ไม่รับ ผมนี่แทบบ้า งานนั้นตั้งสามล้านหยวนอ่ะ)  คุณผู้กองสุดหล่อของยัยปัวปัวดูท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์ ลูกค้าแบบนี้ก็เคยมี จำใจมาเพราะมีคนสั่ง จากกรมตำรวจนี่ยิ่งเยอะ คนหนุ่มไฟแรงไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีสาง วิญญาณ เอ็งเอ๊ย ไม่รู้อะไรเสียแล้ว แต่ช่างเขา ไม่เห็นก็ไม่รู้ ส่วนคุณผู้หมวดอีกคน นั่งมองยัยปัวปัวไม่วางตา จนผมต้องแคะปากกาให้เขาส่งโน้ตที่มีคนฝากแนะนำร้านเรามาให้ ส่งมาให้เตี่ยผมซักที จะจีบปัวปัวเรอะ ฝันไปเถอะ





“สารวัตรฝูจริง ๆ ซะด้วย แบบนี้งานหนัก ขอสามเท่าจากที่สารวัตรฝูบอกมา ไม่งั้นไม่รับงาน”



คุณเพื่อนผู้กองสุดหล่อนั่นดูลังเลแต่สุดท้ายก็พยักหน้า คงจะถูกสั่งมาว่าให้ต่อซักหน่อยแต่ก็คงไม่กล้า เตี่ยผมเคี่ยวเรื่องเงินหนักหนา  กรมตำรวจเงินเยอะอยู่แล้ว เตี่ยเลยยิ่งเคี่ยวหนัก และเมื่อรู้ว่างานนี้สารวัตรใหญ่ของมณฑลรีเควสมาเองแบบนี้ ยิ่งต้องเรียกแพง



“งั้นพวกผมก็ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการหน่อยนะครับ ผม เฉินเสียง หนึ่งในกองสืบสวนของสถานีตำรวจใหญ่มณฑลนี้ ส่วนนี่เพิ่งย้ายมาใหม่ ผู้กองหยางหยาง หัวหน้าผม แต่จริง ๆ เราก็สนิทกัน เป็นคนที่วารวัตรฝูเพิ่งจับให้ทำคดี..เอ่อ..ที่น่าพิศวงคดีนี้ล่ะคัรบ..”




เหมือนคุณหมวดเฉินเสียงนี่ท่าทางจะคุ้นหูเรื่องพวกเรามาแล้ว  ส่วนผู้กองหน้าใหม่ที่ชื่อหยางหยาง... อืม เขาดูไม่เชื่อ..ผมได้เผลสบตาเขาครู่นึง เขาดูไม่เชื่อ โครตไม่เชื่อ ไม่เชื่อมาก ๆ ยิ่งสายตาสบประมาทนั่น ที่มองผม เตี่ย ปัวปัวยิ่งแล้วใหญ่


เออ ให้เราเริ่มงานกันก่อนผู้กองคนเก่ง เดี๋ยวก็รู้ว่า กิจการหลังบ้านของบ้านหลี่สตรองงขนาดไหน !




ว่าแต่ยัยปัวปัวน่ะ หยุดมองตาผู้กองนี่ก่อนได้มั้ยน่ะ น้ำลายจะยืดอยู่แล้ว









-------------กิจการหลังบ้าน -----------







และงานที่สารวัตรฝูส่งให้พวกเรา และเหล่าคุณตำรวจสองคนนั้นมาลงพื้นที่ก็คือ  ให้เราหาศพที่ผู้ร้ายในคดีฆ่าอำพรางคดีชิงทรัพย์  แต่พอมันผู้นั้นมีชี้ที่ฝังศพ ก็ดันเป็นบ้าพูดไม่รู้เรื่องไปเลย นับแต่นั้นเป็นต้นมา .... แต่ว่านะ.... บ้าจริง.... มันจะไปฝังที่อื่นก็ไม่ได้  ดันมาฝังที่เฮี้ยนที่บ้านเราเคยมีประเด็นหนักหนามาก่อนน่ะสิ


“เตี่ย โอเคนะ”
“ก็พอไหว แหม่ มิน่าล่ะ ไอ้บ้าฝูไม่ยอมบอกอะไรเลย บอกว่าให้มาดูสถานที่จริง กลับมาที่เกิดเหตุคราวก่อนอีกจนได้”






เตี่ยกับคุณสารวัตรฝูสนิทกัน เป็นเกลอเก่ากันมาก่อน ตั้งแต่สมัยเรียนตำรวจ เลยเรียกกันอย่างสนิทสนม สองคุณตำรวจที่มาทำงานลับ ๆกับเราก็เมหือนรู้กันคร่าว ๆ เรื่องเตี่ยของผม ในกรมตำรวจ เตี่ยผมเลื่องลือจะตายเรื่องการทำงาน สำเร็จทุกคดี แต่ก็โลดโผนโจนทยานจนเบื้องบนด่าทอถึงบรรพบุรุษกันอยู่เสมอ และบางคดีที่เราไม่สามารถใช้วิทยาศาสตร์ช่วยให้บางส่วนได้ ก็มีเตี่ยนี่ล่ะที่ใช้วิชาทางบ้านเราไปคลี่คลาย  ทางกองสืบสวนเรียกมันว่า ทีมลับ พวกเราเป็นทีมลับที่ทำอะไรแล้วได้แค่เงินแต่ไม่ได้หน้า  เราออกหน้าไม่ได้ จะให้โลกรู้ว่ากรมตำรวจเอาคนมีวิชาเรื่องนี้มาใช้ในการสืบสวน ก็คงถูกหัวเราะเยอะกันว่างมงาย แต่ให้บอกคือมันใช้ได้ผลจริง ๆ นะคุณ ผมไม่อยากจะโม้



เอาล่ะ เข้างาน



รายละเอียดงานตามที่ผู้กองและหมวดสองคนนั้นเล่าก็คือ ศพถูกฝังอยู่แถวนี้ แต่ก่อนหน้านี้ที่กองสืบสวนส่งเจ้าหน้าที่มาขุดหาก็ไม่มี ไม่เจอร่องรอยเลย ไม่ใช่แค่ศพเดียวแต่เป็นสามศพ พื้นที่ตรงนี้เป็นป่าอะไรก็ไม่รู้ที่โครตรกชัฏ ซึ่งตั้งอยู่แถว ๆ ริมแม่น้ำที่เป็นที่ตั้งของวัดร้างมาก่อน วัดนี้พวกเราบ้านหลี่เคยมาทำคดีกันก่อน เพราะมีคนร้ายใช้ทริคใช้วิชาศาสตร์มืดอะไรซักอย่าง ปิดบังของที่ขโมย เมื่อกรมตำรวจรู้ว่าคนร้ายใช้วิชาด้านนี้เลยต้องจ้างเรามาสู้กับคนร้าย และเราชนะ แต่แน่นอน ที่นี่มีคนอื่นอยู่ด้วย เราไปรบกวนเขา และเขาก็ลงโทษเรา ช่วงนั้นเล่นเอาบ้านหลี่แทบไม่ได้หลับนอน ต้องขอขมาเจ้าที่ที่นี่อยู่เจ็ดวันเจ็ดคืน


แต่โชคดีที่คราวนี้เราไม่ได้เข้าไปในพื้นที่วัด แต่เป็นป่าข้างวัดร้าง แต่ก็ไม่ได้มั่นใจหรอกนะว่าจะรอด ข้างวัดร้างมันก็ป่าช้านี่ล่ะวะ...ผมชักเสียวสันหลังวูบวาบ ตั้งแต่เดินเข้าป่ามา เตี่ยเดินนำ ปัวปัวและผมเดินกลางข้างกัน คุณตำรวจสองคน  ผู้กองหยางหยางและผู้หมวดเฉินเสียงเดินระวังหลังให้เผื่อมีอะไรกระโจนใส่ แต่ถ้าเป็นอะไรที่ใช้ปืนยิงไม่ได้ เผลอ ๆ เขาคงผลักเราไปสู้แทน


แต่เอ๊ะ ๆ ผู้กองคนหล่อคนนั้นท่าทางไม่ได้กลัวอะไรเลย...ไม่เหมือนคุณหมวดเฉิน คนนั้นหน้าซีดไปแล้ว  ผมคิดว่าเขามีซิกส์เซนส์นะ อันนี้ผมพอสัมผัสได้ ผมเองมีความสามารถที่ติดตัวมา ถือว่าเป็นวิชาปลายแถวของบ้านหลี่ ก็เป็นพวกคาดเดาได้ว่าใครมีซิกส์เซนส์หรือญาณในเรื่องวิญญาณผีสาง ซึ่งคุณผู้กองหยางหยางน่ะ..ผมว่าเขาแปลก ๆ ไม่รู้สิ อธิบายไม่ถูก เอาเป็นว่าละไว้ก่อน แต่คุณเฉินเสียงมีแต่อ่อน ๆ หน่อย



ผมยังหันไปมองคุณผู้กองหยางอยู่ เขาไม่กลัวเลย ไม่กลัวจริง ๆ เดินดุ่ม ๆมองซ้ายขวา เหมือนไม่ได้อยู่ในป่าช้า ดูเหมือนเขาไปทำคดีล่าคนร้ายปกติ ต่างกับคุณหมวดเฉิน ไม่รู้จะวิ่งหนีไปตอนไหน ถ้าดันมาเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นมา




แต่ผมว่าคุณผู้กองหยางหยางคงเคยเจอเคยพบเรื่องอะไรทำนองนี้มาก่อนแน่ ๆ หรือต้องมีใครทักเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับวิญญาณกับเขา




“เฟิงเกอรู้สึก..อยู่ใช่มั้ยล่ะ ผู้กองหยางหยางน่ะ”
“อือ”


ปัวปัวหันมาทักผม เราเดินเข้าป่ารกชัฏมาซักพักแต่ยังไปได้ไม่ไกลหรอกก ว่าเดินทางกันช้า เพราะจะต้องคอยระวังไม่ให้ไปเหยียบฮวงซุ้ยหลุมของใครเข้าจนเป็นเรื่องต้องไล่กราบทีละหลุม  




“ แบบว่า ผู้กองหยางหยางน่ะ...มีวิญญาณตามอยู่ล่ะ..แต่ปัวปัวคิดอยู่ว่า..อืม ไม่ใช่วิญญาณไม่ดี”
“หรอ..แต่พี่ก็รู้สึกอย่างนั้น้เหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้สิ..พี่มองไม่เห็นี่หน่า”





ที่ปัวปัวเอาแต่จ้องผู้กองคนนั้นก็ไม่ใช่เพราะความหล่อแค่เพียงอย่างเดียว ต่เป้นเพราะมีอะไรแปลก ๆ ที่ตามผู้กองคนนี้มาด้วยนี่เอง (แต่รู้นะว่ายัยปัวปัวแอบปลื้มกับความหล่อของเขาอยู่น่ะ! ยัยน้องไม่รักดี)


“ตรงนี้ทีสารวัตรฝูบอกว่ามีร่องรอย ตามที่กองพิสูจน์หลักฐานให้ข้อมูลมา งั้นตั้งแต่ตรงนี้เป้นต้นไป เราจะทำงานกัน เอาล่ะ ปัวปัวเข้ามาให้เตี่ย ส่วนเฟิงเฟิง ขยับไปตรงโน้น”






เตี่ยเรียกผมด้วยชื่อนั่นอีกละ ..จริง ๆ นั่นล่ะที่เตี่ยเรียกผมจนติดปากมาตั้งแต่เล็ก ๆแต่ผมไม่ยอม เพราะมันดูน่ารักเกินที่หนุ่มหล่อมาดแมนแบบผมจะถูกเรียกด้วยชื่อนั้น  แต่ผมก็ยอมเลี่ยงออกมา ผมเป็นแค่ตัวเก็บกวาดของหลังงานจบเท่านั้น ส่วนคุณตำรวจสองคนถูกเรียกให้เข้าไปบอกพิกัดเรื่องศพที่ถูกฝังอีกครั้ง และก็บอกให้ถอยมายืนห่างๆ แบบผม เพราะไม่ใช่คนมีวิชาที่จะทำ งานนี้ได้




แล้วหลังจากนั้น เตี่ยกับปัวปัวก็เริ่มพิธี และผม อี้เฟิงเป็นผู้สังเกตการณ์และหน่วยเก็บกวาด ไม่ใช่แค่มายืนมองเอ๋อ ๆ แล้วก็เก็บของ




แต่ต้องดูรอบข้างด้วย...ว่าใครมารบกวนด้วยหรือเปล่า..โดยใช้สัญชาติญาณของบ้านหลี่ที่ตกทอดมา มองไม่เห็นด้วยตา ไม่ได้ยินด้วยหู จมูกไม่มีกลิ่นสัมผัส แต่ใจผมรับรู้ และใช้ประสาททางด้านการสัมผัสทางผิวหนัง ..เอาเป็นว่า ผมเรียกการสัมผัสอำนาจ วิญญาณ หรือเวทย์อื่น ๆ รอบตัวโดยการพยากรณ์อากาศ ผมรับรู้ได้ทางสายลมแสงแดด เมฆฝน คือเป้นกรมอุตุนิยมได้สบายถ้าไม่ติดว่าเรียนโง่ในด้านเคมีฟิสิกส์ชีวะ ในช่วงที่เตี่ยกับปัวปัวทำงานกนอยู่ ผมเป็นคนที่คอยระวังภัยให้ทั้งคู่ และคอยส่งคำเตือนถึงปัวปัวผู้ซึ่งผมมีดวงจิตใกล้ชิดกันมากที่สุดในครอบครัวเพราะเป็นแฝดกัน ปัวปัวก็จะบอกเตี่ย ถ้าไม่ราบรื่น เราจะหยุดทุกอย่างและชิ่งหนีแว้บหายไปอย่างกับสายลมที่พัดผ่าน







“มันจะได้ผล..ใช่มั้ยครับ”






คุณหมวดเฉินเสียงเอ่ยถามผมเสียงสั่น เขากลัวมากเพราะ ผมสัมผัสจากการพยากรณ์อากาศของผม วันนี้เมฆดำใช้ได้..








งานเราไม่ได้ง่ายขนาดนั้น และเราเข้ามาย่ำที่ของเขาที่มีคนอยู่เยอะ รบกวนกันพอดูล่ะ แต่โชคยังดี ชะตายังเข้าข้าง ปัวปัวกระซิบบอกผมตะกี้ว่า วิญญาณแถวนี้ญาณและพลังน้อย เขาไม่กล้าต่อกลอนอะไร เพราะเขาจะเจ็บตัวเอง แต่เราอาจจะต้องไปบริกรรมคาถา และทำบุญให้เขาหน่อย อันนี้เป็นน่าที่หน่วยเก็บกวาดแบบผมล่ะ






“คุณมาใช้บริการเราแล้ว ฉะนั้นคุณต้องไว้ใจ”





ผมตอบเขากลับไปแบบนั้น และพูดให้ดัง ๆ กว่าเดิม เพื่อให้คุณผู้กองที่ทำหน้าตาเหมือนไม่เชื่อ เหมือนเดินมาที่นี่ตามน้ำ ให้งานมันเสร็จ ๆ ไปแบบผู้กองหยางหยาง  แต่ผมว่า เดี๋ยวเขาจะรู้ว่าที่เราทำ มันไม่ใช่เรื่องตลก






..ผมสัมผัสได้ว่าอากาศเริ่มหนาวขึ้นที่ละระดับ ขนแขนผมแทบลุกขึ้นมาระบำกันเป็นเพลงฮาวาย 











ตอนนนี้บ้านหลี่กำลังเริ่มงานแล้ว








ขั้นแรก สอบถามกันก่อน












“สวัสดีอากง อาป๊า อาเจ๊ อาม่า และทุกท่าน วันนี้หลี่ปัวปัว และครอบครัวขออนุญาตมารบกวนป่าช้าวัดร้างที่นี่ ทำงานให้กับกรมตำรวจหน่อย หากท่านใดไม่สบายใจ รบกวนให้เข้าฝันหลี่อี้เฟิงที่ยืนอยู่ทางโน้น เรียกเก็บค่าทำขวัญที่รบกวนท่านได้ ให้เรียงเป็นคิวนะค่า”













เป็นวิธีเรียกแขกตามแบบฉบับบ้านหลี่ ผมสาบานได้ว่าไม่มีที่ไหนจะลามปามผีสางได้เท่าบ้านเราอีกแล้ว แต่ที่ปัวปัวพูดทุกอย่างเกิดขึ้นจริง ผมก็ต้องทำตามที่ยัยนั่นบอก และวิญญาณพวกนั้นก็ทำตามที่ปัวปัวบอกด้วยนะ มาข้าฝันเรียงคนรายวัน เล่นเอาผมต้องตื่นกลางดึกมาจดชื่อแล้วไปบริกรรมคาถาให้เป็นพนักงานเซเว่นที่มีลูกค้ามายืนต่อคิวซื้อขนมจีบซาลาเปาเลยให้ตาย  เห็นมั้นล่ะ แม้ไม่ได้ไปอยู่ในพิธีที่ต้องใช้วิชาคาถา แต่ก็งานยุ่งสุด ๆไปเลย








“เฟิงเกอ พาคุณผู้กองกับคุณผู้หมวดไปหลบหลังพุ่งไม้นั้นก่อน ฉันกับเตี่ยต้องใช้คาถาแรงหน่อย..”








ปัวปัวบอกเสียงจริงจัง หลังจากผมคิดอะไรไป คอยสังเกตการณ์ไปด้วย แบบนี้น่าจะไม่ราบรื่นจริง ๆ ผมสังเกตจากบรรยากาศ เมฆตั้งเค้าเรื่อย ๆ ดำปื้ด เหมือนฝนจะตก แบบนี้ไม่ค่อยดี  เราอาจจะต้องปักหลักที่นี่กันนาน



“โอเค งั้นเชิญคุณสองคนตามผมมา”



ผมเดินนำไปหาตำแหน่งที่ดีที่จะหลบแรงคาถาและคอยสังเกตการณ์งานของหลังบ้านเราได้ชัดเจน มีพุ่มไม้หนึ่งเข้าที และไม่มีหลุมศพใครถุกฝังไว้ ผมบอกให้คุณผู้กองและคุณหมวด เขาเตรียมตัวในพร้อมทุกเมื่อ หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่ย้ำไว้ว่าที่นี่ใช้ปืนไม่ได้หรอกนะ เพราะผู้หมวดเฉินจะหยิบปืนมาเตรียมไว้ ผมบอกว่าเดี๋ยวมันจะลั่นเสียของเปล่าให้เก็บไว้ ที่บอกให้เตรียมพร้อมคือ เตรียมวิ่งโกยกันต่างหาก ณ นาทีนั้น ผมก็ไม่มาคอยดูแลใคร เพราะเอาจริง ๆนะ ถ้าเรามาทำงานกันแบบนี้ต้องดูชีวิตตัวเองกันก่อนหากเกิดอุบัติเหตุ และแน่น หากมีกันแค่สามคนบ้านหลี่ ผมแม่งวิ่งช้าที่สุด เตี่ยนำไปก่อนใครเลย




ผมเห็นปัวปัวกางเขตอาคมและเตี่ยคอยสวดไล่ตามแนวเส้นอาคมที่ปัวปัวกาง เธอบุ้ยใบ้ให้ผมเอาของดีของบ้านหลี่ออกมาป้องกันตัวเองด้วย เป็นลูกแก้วใสที่ลงอาคม คาถาป้องกันผีสางวิญญาณ ซึ่งเป็นของดีที่เราไม่เคยคิดขายและไม่ให้ใครไป อย่างมากก็แค่ให้ยืม ผมนึกเอ็นดูผู้กองผู้หมวด จึงส่งให้ก่อน  ผู้หมวดเฉินรับไปคล้องลูกแก้วที่ร้อยเป็นจี้ไว้คล้องคอทันทีที่รับไป แต่ผุ้กองหยางหยางชั่งใจ


“แล้วคุณล่ะ ? “

เขาถามกลับมาที่ผม วันนี้ผมพลาดที่หยิบมันมาแค่สองอัน เพราะสะเพร่า แต่ผมคิดว่าผมมีคาถาป้องกันแล้วสวดไปน่าจะเอาอยู่ ก็เรียนกับปู่มาบ้าง ซึ่งก็ใช้ได้กับผี วิญญาณเฮี้ยน ๆ ได้ทุกประเภทที่เคยเจอนะ ผมจึงคว้าสร้อยคืนมาแต่ก็สวมลงคอของผู้กองจอมดื้อนั่นไปเลย และไม่คุยกับเขาอีก


ก็ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เขาจะได้เชื่อซักทีไง ว่าบ้านหลี่น่ะสตรอง! นี่แหละของจริง


















ปัวปัวเร่งสวดบริกรรมคาถา เป็นคาถาอันเชิญของจริง ๆ เป็นบทสวดภาษาบาลีซึ่งผมไม่มีสิทธิไปจำ เพราะไม่มีคุณสมบัติและพลังธาตุที่จะทำหน้าที่ผู้กำราบวิญญาณ (ที่จริง ๆเราก็ไม่ได้อยากเป็นที่บ้านเรียกงั้น) เราเลยเรียกกันซอฟ ๆ ว่า หน่วยเจรจาด้วยกำลังกับวิญญาณ ปัวปัวสวดพึมพำ และเตี่ยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ บริกรรมอีกบทเป็นคาถากางเขตอาคมโดยรอบ ซึ่งเป็นการปกป้องทั้งคู่ที่เข้าพิธีไปและ โดยรอบไม่ให้มีใครมารบกวนการทำงาน  และเตี่ยก็ต่อด้วยคาถาอันเชิญวิญญาณ ซึ่งน่าจะเป็นการเชิญให้วิญญาณโดยรอบมาช่วยงานของพวกเราในคืนนี้  จะให้มีขุดกันที่ละตารางเมตรคงไม่ทัน คดีตำเป็นต้องปิดโดเร็ว เพราะไม่งั้นจะหมดอายุความแล้ว



เหมือนทั้งคู่จะเจอคนที่อยากคุยด้วยแล้ว



เตี่ยเริ่มพูดเป็นภาษามนุษย์ เอ่ยถามกับอากาศตรงหน้า แน่นอน ผมมองไม่เห็น น่าจะเป็นวิญญาณแถวนั้นทีเตี่ยจะสอบถามเอาความ












เหมือนเตี่ยจะได้ความว่ามีคนแปลกหน้าเอาอะไรแปลก ๆ มาฝังไว้... อา.... อะไรยังไง


















“ไอ้ผู้กองหนุ่มตรงนั้น เอ็งแน่ใจนะเว้ย ว่าคดีนี้เป็นคดีธรรมดา เอ็งอ่านแฟ้มผิดมั้ยวะ”


ผู้กองหยางหยางฟังดังนี้ก็ขมวดคิ้วและตกไปในห้วงความคิดไปครูหนึ่ง ใ




“ตามแฟ้มคดีบอกแบบนั้นครับ ความหนักหนาของคดีมันไม่น่ามากมาย..ขนาดนั้น..”
“เอ็งรู้มั้ยว่าไอ้เวรที่เป็นคนร้ายน่ะ แม่งมันฝังห่าเหวอะไรไว้ในป่านี้น่ะ “







เตี่ยเหมือนจะอารมณ์เสียขึ้นมานิดหน่อย ผมสังเกตบรรยากาศรอบข้างเหมือนเปลี่ยนไป เมฆดำตั้งเค้า และแน่นอนว่าในคงจะตกในไม่ช้า  ลมแรงด้วย กลิ่นดินกลิ่นฝนลอยแตะจมูกผมหมด และความกดดันที่ลอยผ่านสายลมตามที่ผมสัมผัสได้แค่เพียงผู้เดียว ...อืม...งานหนักงานหนัก...ค่าแรงต้องห้าเท่าน่าจะพอ












เตี่ยกับปัวจะไหวมั้ยนะ













หันไปมองเตี่ยกับปัวปัว ท่าทางจะคุยธุระกับวิญญาณที่นี่แล้วในเบื้องต้น  ปัวปัวหันหน้ามาหาผม และบอกผมผ่านสายตา....








ระดับสี่เลยหรอวะ









งั้นแสดงว่า ไอ้ที่คนร้ายในคดีนี้มันเอามาฝังไว้นี่ไม่ใช่แค่ศพธรรมดาล่ะมั้ง หรือมีอย่างอื่นด้วย....ตายห่ะล่ะ...










“พวกคุณแน่ใจนะครับ ว่าคดีนี้น่ะเป็นแค่คดีธรรมดาจริง ๆ น่ะ ... รู้อะไรมากกว่านั้นมั้ย”












ถามเอาความจากสองตำรวจหนุ่ม ท่าทางพวกเขาจะไม่รู้จริง ๆ  แต่ผู้กองหยางหยางครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง เอ่ยปากบอกอะไรมา











“จริง ๆ มันเป็นคดีที่แปลกพิลึกอยู่ เพราะสารวัตรฝูประหลาดใจที่ผู้ร้ายจำที่ที่ตัวเองฝังของที่ขโมยมาไม่ได้ ผมเองก็แปลกใจ เลยคุยกับสารวัตรฝูว่าทำไม แล้ววารวัตรฝูก็เสนอว่า..ผู้ร้ายคนนั้นน่าจะโดนของ และมีพลเมืองดีที่เราไปสืบกันมาจนพบเขาบอกว่าเจอคนร้ายซ่อนศพไว้ที่นี่ ...”











ผู้กองหยางหยางหันมาบอกผมจริงจัง ทีนี้เรานั่งลงตรงพุ่มไม้เป็นล่ำสัน ผมฟังผู้กองเขาเล่าว่าที่เล่ารายละเอียดในร้านก่อนหน้ายังไม่หมด แต่คิดว่ามันไม่จำเป็นเลยไม่อยากเล่าอะไรให้คนนอกแบบเรารู้ แต่ค้นศพให้เจอก็พอ แต่เพราะเขาเองก็อาจจะอยากปรึกษา และจำเป็นแล้วที่จะต้องใช้เรา คิดหาทางฉลาด ๆ ได้





“สารวัตรฝูส่งผมมาหาพวกคุณเพราะว่ามันอาจจะเป้นคดีที่ต้องใช้วิชาพิเศษของพวกคุณ..ค้นหาศพ เพราะคนร้ายคนนั้น พอมาที่นี่อีกครั้งก็กลายเป็นบ้า จิตไม่ปกติ จนควบคุมตัวเองไม่ได้ เราต้องเฝ้าเขาไว้ตลอดเวลา กลัวเขาจะฆ่าตัวตาย ผมไม่รู้ว่าเขาไปขโมยอะไรมา ศพสามศพ เป็นครอบครัวหนึ่งที่ดูธรรมดา สามพ่อแม่ลูกน่ะครับ”






แต่ผู้หมวดเฉินเสียง...ส่งกระซิบมาต่อจากที่ผู้กองหยางหยางเล่า....







“ที่จริงมีข้อมูลอีกส่วนหนึ่งแต่ผมไม่แน่ใจว่ามันจะสำคัญมั้ย”
คุณหมวดเฉินเสียงพูดเสียงเบา...โผล่มาจากหลังคุณผู้กองหยางหยาง เขาน่ากลัวมากกว่าเดิม เพราะบรรยากาศกดดันน่าอึดอัดเริ่มหนักขึ้น เขาพูดต่อ






มีคนที่อยู่ใกล้ๆ บ้านของครอบครัวที่ถูกฆ่า บอกว่า สามพ่อแม่ลูกที่เป็นศพที่เราตามหานั่นเป็นพวกบูชาปีศาจด้วยน่ะครับ..คุณอี้เฟิง..”
“ห๊ะ ? “














ตายห่ะล่ะ...มิน่าล่ะ...มิน่า






“โอย คุณข้อมูลนี้โครตสำคัญ ทำไมไม่บอกกันก่อนวะ”











ผมสบถใส่เขา ข้อมูลโตรตสำคัญแบบนี้ทำไมไม่รีบบอกวะ! ผมหันไปคาดโทษเขา พร้อมกับที่ผู้กองหันไปตกตะลึงกับข้อมูลเหนือความคาดหมาย







“เตี่ยครับ ปัวปัว สามศพที่ผู้ร้ายนั่นฆ่าเป้นพวกบูชาปีศาจ!
“ไอเวรฝูเอ๊ย ทำไมไม่บอกกูก่อนล่ะวะ”











เตี่ยสบถดังมาก หลังจากผมบอกไป เขาถึงกับหยุดบริกรรมคาถาไปครู่หนึ่งเพื่อมาด่าเพื่อนที่น่ารักของเขา ไม่รู้จริง ๆว่าแล้ว สารวัตรฝูนี่เป็นเพื่อนรักกับเตี่ยจริง ๆ รึเปล่า











“นายไม่เห็นเคยบอกข้อมูลนี้กับฉันหนิ เฉินเสียง? “
“นายไม่เชื่อนี่หว่า..จะไปบอกให้ได้อะไร”








เฉินเสียงพูดอ้อมแอ้มกับหยางหยาง เพราะเป็นข้อมูลที่ผู้กองคนหล่อไม่เคยรู้มาก่อน พอรู้ปุ๊บ หงายการ์ดมาก็รู้เลย เรื่องยุ่ง ๆ ก็คือ พวกบูชาปีศาจพวกนี้น่ะ เป็นเกลียดแรงโกรธแรงซะด้วย แล้วไอ้ผู้ร้ายเวรนั่นก็ดันไปฆ่าชิงทรัพย์เขา โอโห บังเกิดสิครับ พวกนี้น่ะ เท่าที่บ้านหลี่เคยต่อกลอนมา รับมือยากในระดับหนึ่งเลย ไม่คิดว่าพอได้กลับมาร่มงานกับตำรวจหลังจากที่เราห่างไปซักพักแล้วจะมาเจองานหิน ๆ แบบนี้








“ที่จริงพวกคุณควรบอกเราก่อน”
“ผมไม่ทราบจริง ๆ ครับว่ามันเป็นข้อมูลจำเป็น”






เฉินเสียงหันมาขอโทษเราอ้อมแอ้ม ๆ อีกครั้ง ทั้งผมทั้งผู้กองหยางหยาง เตี่ยรู้แล้วว่าศพที่ถูกฆ่าตายที่สารวัตรฝูให้ตามหาเป็นศพที่เป็นพวกบูชาปีศาจเป็นพวกมีวิชาดำมืดอยู่กับตัวกับร่างกับจิตวิญญาณ คนพวกนี้ตายไป วิญญาณก็ยังบูชาปีศาจไม่เสื่อมคลาย และเราจะต้องใช้ไม้อ่อน...ไม่งั้นเราเองก็จะแย่ แถมไม่ได้เตรียมตัวมาด้วย



..อา ...แบบนี้เจอของไม่ธรรมดาซักแล้ว



“เป็นศพของพวกนี้น่ะ ไม่ง่ายเลยที่เราจะเราหา แต่ก็ใข่ว่าจะไม่มีทาง เราต้องคุยกับเขาดี ๆ เฮี้ยนจะตายชัก”



ปัวปัวเดินมาหาเรา ให้เตี่ยท่องคาป้องกันเราไปก่อน บรรยากาศตอนนี้คือทั้งป่าช้ารู้แล้วว่าเรามารบกวนเขา กลับบ้านไปผมคงต้องเป็นพนักงานรับออเดอร์ทำบุญจากวิญญาณในป่าช้านี้ได้ซักร้อยคิว


“ผู้ร้ายคนนั้นฆ่าครอบครัวที่บูชาปีศาจมนต์ดำกล้าแกร่ง แม้แต่ศพของพวกเขาก็ยังจมอยู่ในความมืด เราแตะต้องก็เหมือนโดนของดำไปด้วย พวกคุณหาศพไม่เจอก็ไม่แปลกหรอก พวกคุณรู้มั้ยพวกนี้จะสามารถนำวญญาณเข้ากลับร่างได้ใหม่อีกครั้งด้วยนะ ถ้าพวกเขามีวิชานั่งพวกเขา บูชาปีศาจ ทำพิธีจนเรียกได้ว่าเป็นเซียนในฝั่งมืดของพวกเขาเอง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาจะเอาวิญญาณเข้าร่างในรูปแบบไหน แต่ถ้าเขาทำได้ก็วินาศสันตะโร เท่าที่รู้คืออันตายมาก อาจจะคล้าย ๆ ซอมบี้ในหนังฝรั่งล่ะมั้ง แต่ฉันว่าร้ายแรงกว่านั้นคือ พวกบูชาปีศาจที่ตายไปพักหนึ่งแล้วสามารถกลับเข้าร่างที่เป็นศพของตัวเองได้อีกครั้ง จะกินวิญญาณและร่างเนื้อของมนุษย์ พวกคุณคงไม่เชื่อแต่ปัวปัวเคยไปดูงานของเพื่อนบ้านที่ลงพื้นที่ปราบพวกนี้มาครั้งหนึ่ง เลือดสาดอย่าบอกใคร  และที่เราบอกว่าไม่ง่ายที่จะขุดหาคือ เขาไม่แสดงตัว และบังตาเราไว้จะไม่ให้เราหาเจออีก เพราะเขาจะต้องจำเป็นจะต้องซ่อนศพเพื่อรอวิญญาณเข้าร่างและกลับไปแก้แค้นคนที่ทำร้ายพวกเขาและที่สำคัญกว่า พอพวกเขาเข้ามาในที่ที่เป็นที่ป่าช้านี้ พลังพวกเขายิ่งเข้มแข็งแกร่งกล้ายิ่งกว่าเดิม  นี่แหล่งที่พวกนี้จะเพิ่มพูนพลังดำมืดนั่นเลยล่ะนะ เราจะสู้เขาลำบาก จะบอกว่าเตี่ยกับฉันวิชากล้าแกร่งก็ใช่ แถมที่ป่าช้านี่พวกเขาดันไปเป็นพันธมิตรกันแล้วน่ะซี่ ก็เท่ากับว่า ทั้งป่าช้านี่ vs  เรา รู้สึกสนุกกันมั้ยจ๊ะ พวกคุณทุกคน “




ปัวปัวพูดไปพลางขมวดคิ้ว ถึงจะบอกว่าปัวปัวเคยไปดูเพื่อนบ้านลงพื้นที่มาแต่ไม่เคยปะมือจริง ๆ ก็ยิ่งเครียดแถมยังกองทัพผีและวิญญาณทั้งป่าช้าที่ดันไปเป็นพันธมิตรกับศพใต้ดินนั้นด้วย โอ้โห เท่ากับว่า เราต้องเจรจาให้เขาแสดงตัวศพใต้ดินนั้นมา ให้ท่านตำรวจทั้งคู่เอาไปทำแผนเข้าคดีให้ได้... คิดไม่ออกเลยว่าจะทำให้พวกบูชาปีศาจที่รักร่างศพของตัวเองมากมายขนาดนี้ยอมให้ร่างไปทำแผนดี ๆ ได้อย่างไร







“ที่สำคัญนะคุณทั้งหลาย  พวกนั้น..พวกศพที่คนร้ายของพวกคุณไปฆ่าเขาน่ะ นั้นเขาคิดว่าเราเป็นพวกเดียวกับคนร้าย ใครไปแตะต้องหรือไม่ยุ่งกับพวกเขาก็คือศัตรูที่จะขโมยของล้ำค่าจากพวกเขาหมด ... เฮี้ยนแรงมาก  เอ่อ... คือถ้าพูดไม่เข้าหูเขา ซักประโยคเดียว น่าจะโดนคิลกันหมด”





ปัวปัวยิ่งพูดยิ่งเกร็งใบหน้าของเธอที่เหมือนผมเด๊ะแค่ผมยาวทอดไปถึงกลางหลัง วันนี้ปัวปัวใส่ชุดเป็นสาวหมวยน่ารัก ก่อนออกมาทำงาน ผมถักเปียเป็นสาวน้อยให้เธอทั้งสองข้าง ที่ปัวปัวรู้สึกเครียดและดูกังวลเพราะคราวนี้เราพวกน้อยกว่ามาก ผมจับมือน้องสาวให้กำลังใจ เธอยิ้มให้ผม และกอดผมครั้งหนึ่ง เธอเคยบอกว่า การกอดผมเป็นการช่วยให้พลังของเธอฟื้นฟู ผมไม่รู้ว่าเธอพูดจริงหรือเลป่าแต่เตี่ยเคยบอกว่า ผมเป็นพวกมีพลังในการเยียวยาอยู่จริง ๆ แบบเตี่ยพูดจริง ไม่ได้ล้อเล่นด้วย


“ไม่ไหวก็ถอยนะปัวปัว บอกเตี่ยด้วย”
“อือ “



ผมเตือนเธอครั้งหนึ่งและเธอก็ผลักออกไปหาเตี่ยที่ยังนั่งบริกรรมคาถาไม่ตื่นจากภวังค์  ปัวปัวเข้าไปปลุกเตี่ยผม ให้พักการบริกรรมคาถาไว้ก่อน ม่านพลังของเตี่ยที่บริกรรมน่าจะคงที่อยู่ได้ และปกป้องเราได้ซักพัก ทั้งคู่คุยแผนกันอยู่ซักพัก







เตี่ยเริ่มทำการบริกรรมคาถาชุดใหม่ เป้นคาถาที่ไว้เจาะจงคุยกับวิญญาณโดยตรงซึ่งเป็นคาถาที่ผลแรงและแข็งแรงกว่าชุดใหม่ที่สวดไป เตี่ยสวดไปได้ไม่กี่จบ...เตี่ยก็หยุด







“ไม่คุยกับกูอีก...เฮ้อ ปัวปัว ช่วยหน่อย เตี่ยจะสวดคาถานำทางและปกป้องไปให้ด้วย เดินไปที่หลุมเขา เตี่ยหาเจอแล้ว ตรงไปสี่สิบห้าก้าวเลี้ยวซ้ายสามสิบก้าว และหยุดตรงนั้น เขาคุยกับผู้หญิงเท่านั้น”









 ปัวปัวรับบทหนักหนาอีกครั้ง ถึงแม้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่เราก็กังวลกันเหมือนทุกอย่างเป็นครั้งแรกเ พราะนั่นคือครอบครัวของเรา ผมไม่คิดอยากให้ปัวปัวไปเสี่ยงแบบนั้นเลย ผมอยากเป็นคนที่มีพลังนั้นเองและทำทุกอย่างแทนปัวปัวเองด้วยซ้ำ  แต่คุณสมบัติและพลังเหล่านั้นมันกลับไปอยู่ที่ปัวปัว โดยที่ผมไม่มีมันซักนิด ทำได้แค่ช่วยน้องสาวได้แค่ตามมีตามเกิด แถมยัยนั่นยังมาทำตัวเป็นคนเข้มแข็งอีก บางทียัยนั่นก็กลัวเหมือนกัน แต่ไม่แสดงออก แต่ทำพวกเราพ่อพี่จะไม่รู้ล่ะแต่แค่เราไม่ควรไปทำให้ปัวปัวเสียความตั้งใจที่จะหมายมั่นว่าเธอจะเป็นเข้มเข้มแข็ง เธอตั้งใจไว้แบบนั้นแล้ว






“โอเค เตี่ย งั้นปัวปัวขอเอาของไปด้วย”







ของที่ปัวปัวว่าคือของป้องกันตัวที่บ้านหลี่ทุกคนที่มีวิชาเป็นผู้กำราบวิญญาณ (สรุปผมเรียกว่างี้แล้วกัน) ในแต่ละรุ่นจะต้องมีติดตัว ของปัวปัวเป็นมีดสั้นที่ใส่ฝักไว้เป็นมีดธรรมดาที่ไม่ได้ดูหวือหวาอะไร แต่ที่เป็นจุดเด่นคือ ทั้งด้ามมีด ตัวคมมีดและตัวฝักที่ใส่มีดเป็นสีขาวล้วนทั้งหมด เตี่ยก็บอกว่าเป็นมีดที่เข้ากับปัวปัวดี จำได้ว่าปู่เป็นคนปลุกเสกให้





ปัวปัวนำของติดตัวไป และเดินไปตามทางที่เตี่ยบอก ตามจังหวะก้าวที่เตี่ยแนะนำ เมื่อลับสายตาพวกเราไป และเราไปตรงนั้นไม่ได้ นอกจากจะต้องรอให้ปัวปัวกลับมาบอกผลลัพธ์ว่าเราจะเจรจาสำเร็จมั้ย  แต่ที่จริงผมยังติดต่อกับปัวปัวได้..อืม อาจจะดูงี่เง่าไปหน่อยแต่เราเป็นแฝด หากใครอีกคนเป็นอะไร...เราจะรู้









ผมเองก็เริ่มหวั่นใจ ...เมฆดำที่ปกคลุมท้องฟ้ายามค่ำคืน เริ่มโปรยปรายหยดน้ำที่โอบอุ้มเอาไว้ เป็นเม็ดฝนหยดใสหยดเล็กที่ตกโปรยปรายลงมาแล้ว  และพร้อมกับบรรยากาศตามที่ผมพยากรณ์ได้










อารมณ์รุนแรงกันจริงเชียว...ป่าช้าตรงนี้น่ะ









 ------------------------------------------------------ TBC 3 =-------------------------------------------------------

2 ความคิดเห็น:

  1. เรื่องนี้รอคอยมาก น่าสนใจสุดๆ คิดว่าคงต้องหาข้อมูลแน่นเหมือนกันแต่ยังรอเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ เลยนะ น่ารักกันทั้งบ้านเลย ยิ่งอ่านยิ่งชอบคนบ้านหลี่

    ตอบลบ
  2. ชอบค่า รอยุ่นะค่ะ ^^

    ตอบลบ