TITLE
: THISM<N :: BLOSSOM
CHAPTER :
CHAPTER : Special
‘CINDERELLA BOY’
PAIRING : YANGYANG x
LIYIFENG
RATE : NC-17
RATE : NC-17
******************************************************************************
“เอาล่ะ อี้เฟิง นอนซะ อย่าทำอะไรไร้ประโยชน์ ฉันบอกเธอไปแล้ว
ว่าอย่างไรเธอกับเด็กคนนั้นก็ต้องหยุดติดต่อกนแบบลมๆแล้ง ๆซักที”
เธอก็ยังจำได้...อี้เฟิงคิดในใจ
หลังจากที่ผู้จัดการสุดเฮี๊ยบของเขาจัดการเรื่องวุ่น ๆทั้งสื่อ ทั้งต้นสังกัด
ไหนจะมีบรรดาแฟนคลับของเขาที่ทุกอย่างประดังประเดเข้ามาพร้อมกัน
จนทำให้ทีมงานของอี้เฟิงวุ่นวายไปตามกัน ตอนนี้ก็เข้าช่วงกลางคืนแล้ว
ทุกคนดูเหน็ดเหนื่อย แต่ยังไม่ลืมที่จะมาดูอาการอี้เฟิง
แถมผู้จัดการใหญ่ของเขาก็ยังไม่มีทางลืมเรื่องช่องทางการติดต่อหยางหยางแน่นอน
เพราะหยางหยางก็เป็นหนึ่งในเรื่องวุ่นวายที่เธอเพิงจัดการเป็นเหมือนกัน
“โอเค ผมจะไม่ทำอะไรแล้ว “ ผมจะไม่ทำอะไรให้พี่รู้ได้อีกแล้ว ....
อี้เฟิงต่อเติมประโยคในใจ เขาคิดว่าช่วงหลังนี้เขาเริ่มดื้อมากกว่าเดิม
จากที่ไม่ค่อนสนใจที่จะทำอะไร ทำตามคำสั่งโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ครั้งนี้
เขาเริ่มมีเหตุที่ทำให้ต้องดื้อบ้าง อาจจะเป็นเพราะเรื่องของหัวใจ
ที่ได้รับการกระตุ้นแบบนี้
ก็เป็นเพราะเขา ...หยางหยาง
ซาตานนี้ที่ทำให้เทพบุตรน้อยอยากทำอะไรมากกว่าที่เคยทำเคยเป็น แบบว่าจะถูกปกป้อง แต่อยากลองเสี่ยงดูแล้ว หลังจากที่เคยกลัวมาตลอด
จะบอกว่าเขาหลงใหลซาตานผู้นั้นก็ไม่ผิดแล้วล่ะ คิดถึงเขาเสียตั้งมากมายแบบนี้
ลอบยิ้มเมื่อเห็นเขาส่งอะไรมาหา
บางทีก็คิดเพ้อเจ้อถึงเขา
อี้เฟิงเองก็ไม่ได้ไร้เดียงสาแบบเมื่อก่อน
หรือจะทำเป็นไม่ใส่ใจความรู้สึกที่มาใหม่แบบที่เคยเป็นได้อีก
เติบโตมาก็ขนาดนี้.... ฝืนไปก็มีจะเจ็บและเสียเวลา
...หากว่าหลังจากนี้ไม่มีโอกาสได้ทำอะไรเช่นนี้อีกแล้ว มันคงยากที่จะกลับมาหาโอกาสทำอีก
ลองดูไหม หากเขาจะรัก..ปล่อยตัวปล่อยใจไป ......
ไม่ต้องก้าวเร็วก็ได้
ที่จริงอี้เฟิงก็คิดว่าตัวเองก็แค่เรื่มก้าวแรกเท่านั้นเอง เพื่อที่จะช่วยซาตานผู้นี้ปลูกความรัก เขารักอี้เฟิงมาก่อน และอาจจะมากกว่า
เขานำหน้าไป
เทพบุตรคนนี้ขอไปทีละก้าวอย่างมั่นคง
เพื่อให้แน่ใจแล้วว่าจะไม่เจ็บปวด และสามารถวิ่งถอยหลังกลับไปที่ที่เดิม
หรือปิดตายความรู้สึกไปเลยได้เสมอ หากเขาคิดแล้วว่าเขาไม่มีทางรักคนนี้ได้
หลังจากที่พยายามไปแล้ว
ตอนนี้เทพบุตรก้าวออกจากสถานที่ถูกปกป้องทั้งกายและใจ
ก้าวแรกได้ก้าวออกไปแล้ว...ก้าวต่อไปอี้เฟิงจะก้าวอย่างระมัดระวัง
“ฉันจะกลับมาก่อนเที่ยงคืน ถ้าทำได้ “
ผู้จัดการใหญ่ของอี้เฟิงเดินออกจากห้องไป หลังกำชับทีมบอดี้การ์ดของอี้เฟิงสองคนที่เป็นเวรวันนี้ว่า
ห้ามให้ใครเข้ามา หากไม่รู้จักและ ถ้าเป็นหยางหยางต่อให้เคยทำงานร่วมกัน
ก็ให้โยนเขาออกไปเลย
เธอไม่ยอมให้หยางหยางมาแตะต้องเทพบุตรน้อยของเธอได้อีก บอดี้การ์ดสองคน พยักหน้ารับ
เธอและทีมงานคนอื่นกลับออกไป แยกย้ายกันไปพักผ่อน
ส่วนผู้จัดการและทีมงานอีกคนจะต้องเข้าไปรายงานผลสุดท้ายกับผู้บริหารของต้นสังกัด
เพื่อเตรียมการต่อสื่อเรื่องที่อี้เฟิงประสบอุบัติเหตุ
ก่อนที่สื่อจะโหมกระพือข่าวไปมากกว่านี้
“แม่เธอนี่หวงลูกจริง ๆ “
บอดี้การ์ดคนสนิทคนเดิมของอี้เฟิงหยอกล้ออี้เฟิง และยิ้มให้
บอดี้การ์ดคนนี้รู้ดีว่าผู้จัดการใหญ่เป็นคนที่ค่อนดุ และจริงจังต่อการทำงานมาก
และหวงอี้เฟิงที่เป็นทั้งคนในดูแลและตัวทำเงินใหญ่ของต้นสังกัดอย่างกับไข่ในหิน เธอจะไม่ยอมใหใครแตะต้องได้ ..
อี้เฟิงยิ้มรับคำคำหยอกล้อนั้นโดยไม่พูดอะไรต่อ เขาเบื่อที่จะต้องมาฟังอะไรเดิม
ๆ ที่รู้อยู่แล้ว และยังย้ำอยู่นั่น โดยเฉพาะเรื่องของหยางหยาง
เอ๊ะ ?
อี้เฟิงก็งงอยู่บ้างว่าทำไมช่วงหลังเขาถึงกล้าคิดอะไรแย้งกับผู้จัดการทั้งที่ปกติก็ไม่ค่อยเป็น
แม้บางทีเขาจะเอาแต่ใจ แต่เพราเธอดุแลเขามาโดยตลอด จึงไม่เคยแย้งอะไร
“ทั้งหมดก็เพราะหมอนั่นล่ะนะ “ อี้เฟิงพูดกับตัวเองเบา ๆ
เขาหันไปพบนาฬิกาบนผนังห้องพักู้ป่วย ตอนนี้ตีเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว
โรงพยาบาลเงียบสงบลง เพราะเคลียร์ทั้งแฟนคลับ ทั้งคนทั่วไปที่สนใจเหตุการณ์
และสื่อกลับไปกันจนหมด ตอนนี้จึงผ่อนคลายได้ส่วนหนึ่ง อี้เฟิงก็คงจะใช้เวลาสองวัน
พักผ่อนให้เต็มที่ แม้ไม่มีมือถือเครื่องสวยที่ใช้ประจำ
ผู้จัดการเขาให้มือถือเครื่องใหม่จากผู้สนับสนุนที่อี้เฟิงเป็นรพรีเซนเตอตร์แบรนด์ของเขามา
เขาจำเบอร์ของหยางหยางไม่ได้อยู่แล้วเพราะปกติก็เซฟไว้และไม่ได้ไปจดจำมัน
หากจะโทรก็กดหาชื่อ ก็เพราะปกติก็ไมไดโทรอยู่แล้ว ช่องทางการติดต่ออื่น ก็น่าจะลำบาก หากติดต่อไป
ก็เสี่ยงที่หยางหยางจะไม่รับ เพราะไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่
อี้เฟิงจึงตัดปัญหาตรงนี้ และติดต่อเขาผ่านความคิดถึงเพียงเท่านั้น
เวลาล่วงเลยผ่านไป ไม่นาน อี้เฟิงเริ่มง่วงเพราะฤทธิ์ยาแก้ปวดที่คุณพยาบาลให้มาก่อนหน้าที่เข้ามาดูอาการครั้งสุดท้าย และเธอบอกเขาให้นอนพักตามที่คุณหมอสั่ง
เนื่องจากร่างกายที่ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เป็นเวลานาน จากงานที่ถ่าโถม
เขาควรใช้เวลาสองวันที่ได้อยู่ในโรงพยาบาลให้เป็นประโยชน์
อี้เฟิงไม่ทันได้สังเกตรอบตัวเท่าไหร่
แต่รู้ว่าหนึ่งในทีมบอดี้การ์ดที่อยู่เฝ้าเขาวันนี้
หนึ่งคนได้ออกกไปเฝ้าหน้าห้องแล้ว
ส่วนอีกคนที่ก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่มุมโซฟาข้าง ๆ กันที่จริงแล้ว
ทั้งคู่ก็เคยทำงานกับหยางหยาง และก่อนหน้านี้ที่หยางหยางกับเขาหายไปด้วยกัน
ผู้จัดการสั่งให้ทั้งคู่จัดการหยางหยาง แต่พี่ชายทั้งสองใจดีเกินไปที่จะทำแบบนั้น
หยางหยางเป็นเด็กดีกับพวกเขาที่จะทำให้เขาเอ็นดูได้ไม่น้อยและที่จริงแล้วก็สงสารเราทั้งคู่ที่ต้องถูกแยกกันโดยไม่ให้มาดูใจอะไรกันเลย
“อี้เฟิง เดี๋ยวพี่กับเพื่อนจะไปหาอะไรกินหน่อย จะเอาอะไรมั้ย “
พี่บอดี้การ์ดใจดีของเขาเอ่ยถามขึ้น
เขาก็ลืมคิดไปว่าทั้งคู่มาอยู่เฝ้าและเขาก็ต้องอยู่จนเช้า
อาจจะเหน็ดเหนื่อย ความหิวจึงมาเรียกหา
อี้เฟิงส่ายหัวปฏิเสธเพราะก่อนหน้าก็มีมื้ออาหารพร้อมขนมนมเนยยที่กินได้มาเสิร์ฟแล้ว
หลังจากกินยาตามไป อี้เฟิงจึงไม่รู้อยากกินอะไรอีก เขาอาจจะอยากนอนมากกว่าแล้ว
“แต่เอาเป็นว่าจะเอาอะไรซักอย่างมาให้แล้วกัน”
“อี้เฟิง..”
มีคนเรียกเขา ? น้ำเสียงคุ้นเคยมากเสียจนนึกสงสัย
แต่หากว่าความง่วงทำให้เขาเบลอนึกไม่ออกว่าเป็นใคร
“คุณผู้จัดการเขาจะกลับมาเที่ยงคืน
เข้าใจนะหยางหยาง”
“ครับ”
อี้เฟิงได้ยินชื่อนั้นก็ได้สติ
“หยางหยาง!”
ใบหน้าหวานตื่นเต็มตาและตกใจไม่น้อย บอดี้การ์ดสองคนเดินออกจากห้องไป
พร้อมเอาอะไรซักอย่างมาฝาก ก็คือมาฝากจริง ๆ
“นายมาได้ยังไงเนี่ย”
“ผมยังไม่กลับต่างหาก รอ..จนกว่าจะได้เจอคุณ”
พอพูดคำหวานไม่ทันครบวินาที
ซาตานก็ขโมยเอาความหอมจากกลุ่มผมไปหนึ่งจูบ และไล่ลงมาที่หน้าผาก จูบอีกหนึ่งครั้ง ย้ำว่า เขาอยู่ใกล้ ๆ
อี้เฟิงตามที่เคยส่งมาบอกก่อนหน้า
อี้เฟิงสบตาหยางหยาง เขาอยู่ตรงหน้า อย่างที่คาดไม่ถึง
“นี่แหน่ะ”
อี้เฟิงยกฝ่ามือฟาดเข้าทีทใบหน้าหล่อโดยทันที
คนรูปหล่อร้องโอดโอยแต่เบาเสียงที่สุด และตีหน้าสงสัยไม่เข้าใจว่าทำไมกัน
“หมั่นไส้
หมั่นไส้ทุกอย่างเลย”
หยางหยางที่ยืนค้ำอยู่ที่หัวเตียง ทรุดนั่งลงที่ว่างข้างเตียงนอนผู้ป่วย
อี้เฟิงขยับห่างออกมาเล็กน้อย
หลังจากที่ตื่นตกใจเด้งตัวมานั่งจนแทบลืมว่าตัวเองบาดเจ็บ เทพบุตรน้อยยังคงสงสัยไม่หาย
คิดว่าพี่บอดี้การ์ดทั้งคู่คงเป็นใจให้หยางหยางเข้ามาในห้อง
“ผมให้ค่าผ่านประตูเป็นเบียร์สองกระป๋องให้พี่เขาไปน่ะ”
“คนเจ้าเล่ห์”
“ก็เพื่อให้ได้พบคุณ ผมขอร้องเขาอยู่นานมากเลยนะ เห็นใจผมหน่อย”
ซาตานเว้าวอนด้วยใบหน้าหล่อเหลานั้น อี้เฟิงไม่ได้นึกเห็นใจเลยซักนิด
แถมแกมหมั่นไส้ด้วยซ้ำ
จากที่นั่งอยู่ห่างก็ห่างจนชิดริมเตียงอีกฟากหนึ่งจากที่หยางหยางนั่งอยู่ หยางหยางก็ไม่ลดละก็ยิ่งขยับตามเข้าไป
และคว้าอี้เฟิงมาแนบอก โดยไม่บอกกล่าวกันก่อน
“หยางหยาง!”
“คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย”
เหมือนคำถามซ้ำเดิมย้อนกลับมาหาอี้เฟิง
คนที่กอดเขาอยู่โยกตัวเขาที่อยู่ในอ้อมกอดไปมาเบา ๆ อี้เฟิงรู้สึกได้ถึงความรู้สึกของคนที่อยากกอดเขาและมากกว่าความรู้สึกนั้นคือความอบอุ่นที่ได้รับ
และไม่ปฏิเสธใจแล้วว่าอี้เฟิงไม่คิดถึงมัน
“ไม่เป็นไรแล้ว”
เทพบุตรน้อยตอบสั้น ๆ
หยางหยางจึงมอบรางวัลแด่คำตอบน่ารักด้วยการก้มโน้มลงไปจูบเบาที่แก้มเนียนใส และปลายจมูกให้ชื่นใจและหายคิดถึง
เพราะว่าเราไม่เคยมีช่วงเวลาที่หวานซึ้งและโหยหากันมากเท่าไหร่
ตอนนี้เป็นเวลาดี ในท่ามกลางเวลาอันน้อยนิด
“ผมมีเวลาไม่เท่าไหร่เพื่อจะกอดคุณ”
“ทำไมเราถึงมีเวลาน้อยนักนะ”
“คุณอยากให้ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้นหรือ”
“ที่จริงก็อยาก แต่คิดแล้วว่าก็ไม่อยาก
ถ้ามีเวลามากไปมันก็อาจจะไม่ใช่อะไรที่ล้ำค่าและสมกับการรอคอย ถ้ามีเวลาน้อยแล้วเราทำให้มันพิเศษ
เอาแค่นี้ก็ได้”
เป็นบทสนทนาที่ทั้งคู่คิดว่ามันน่ารักดีไม่น้อยเลย
หยางหยางโอบกอดคนตัวนิ่มให้อ้อมแขนให้แนบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ อี้เฟิงแอบอิงที่อกแกร่งของหยางหยางจนแทบรวมเป็นหนึ่งเดียว
และแขนของอี้เฟิงก็กอดที่เอวของหยางหยางตอบกลับไป
อย่างเท่าเทียมกัน ทั้งคู่ต่างนั่งกอดก่ายกันบนเตียง
หืม?
อี้เฟิงทำอะไรที่ทำให้หยางหยางตกใจ
มือน้อย ๆ ดันให้ตัวเองออกจากอกเขา ใบหน้าหวานเงยมาสบตาเขาครู่หนึ่ง
ก่อนจะโน้มตัวมาจูบที่ริมฝีปาก ไม่นานนักก็ถอนออกมาให้หยางหยางนึกเสียดาย
และเทพบุตรน้อยตกใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
เพราะอีกคนใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบคอเขาและให้เขาเข้าไปแนบชิดกันจนปลายจมูกแตะกัน
และได้ยินเสียงลมหายใจ
“ถ้าคุณจูบผม
อาจจะทำให้ผมทำอะไรคุณมากกว่ากอดนะ”
“ข้อเท้าฉันไมได้เจ็บขนาดนั้น”
เป็นคำตอบที่ไม่ตรงคำถาม หยางหยางยิ้มออกมาอย่างไม่ปิดบัง
อี้เฟิงน่ารักมากเหลือเกิน แม้จะตีหน้าเก๊กเท่ ไม่ยอมหลุดว่าตัวเองกำลังเขินมากจนแก้มแดงระเรื่อ หน้าผากของทั้งคู่แนบชนกัน ซาตานรูปหล่อหันไปมองนาฬิกาตรงผนังเขายังพอมีเวลาทำอะไร
ที่คิดอยาก แม้ไม่อยากทำ เขาไม่อยากรังแกคนป่วย แต่คนป่วยกลับเย้ายวนใจ
“ผมจะระวัง ไม่ให้ข้อเท้าคุณเจ็บ”
หยางหยางประกบจูบเองหลังจากที่อีกคนได้มอบความหวานมาก่อนหน้านี้
แต่ครั้งนี้ร้อนและน่าหลงใหลเพิ่มขึ้น
ทั้งคู่แลกเปลี่ยนความหวานหอมที่ขาดมานานและแทบจางหายจากปลายลิ้น ยิ่งนานยิ่งเติมเต็ม จูบนี้ยาวนาน
ย้ำและซ้ำหนักจนทำให้ริมฝีปากของอี้เฟิงเห่อบวมและแดงเล็กน้อย
แต่อี้เฟิงไม่ได้สนใจ และเป็นอี้เฟิงเองที่ประกบจูบซ้ำไปอีกครั้งหลังจากที่ทั้งคู่ต้องถอนจูบออกมาเพื่อเก็บลมหายใจ
“ผมรักคุณนะ”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกอีกครั้ง
แม้ว่าอี้เฟิงจะไม่ตอบอะไรกลับมาและเมินเฉยกับมันเช่นเคย
เขาก็จะบอกคำคำนี้ไปเรื่อย ๆ
“อือ กำลังฟังอยู่”
เมื่อเราถอนจูบออกมา เมื่อหยางหยางบอกรัก
และสิ่งที่หยางหยางคาดไม่ถึงคือ อีกคนมีปฏิกิรยาตอบกลับเขามาแล้ว
หยางหยางดีใจจนแทบตัวลอย เขาโอบกอดอีกคนแน่นขึ้น
จนโดนประท้วงให้คลายกอดออกอีกหน่อย
แม้จะบอกว่ากำลังฟัง ..ยังไม่ได้ยืนยันว่าได้ยินก็ตาม แต่เขายอมรับฟังแล้ว
“ผมจะพยายามทำให้คุณได้ยินมัน”
เขาย้ำหนักถึงความตั้งใจของตัวเอง และยืนยันด้วยสายตาอันมุ่งมั่น
และบอกรักอีกครั้ง
ก่อนจูบอีกครั้ง และอีกครั้ง ไล่จนครบทั่วทุกส่วนของใบหน้า
หยางหยางใช้มือแกร่งแกะเชือกของชุดผู้ป่วยของอี้เฟิงทีละส่วน
จนเผยร่างสวยผิวขาวสู่สายตา และอารมณ์ทุกอย่างในตัวของหยางหยางถูกจุดขึ้นมาอย่างห้ามได้
อี้เฟิงไม่อยากปล่อยให้เวลาแม้แค่วินาทีหมดไปกับการตกตะลึงและเสวนา
แม้ว่าตัวเขาถูกดันหลังผลักให้นอนหลังแนบพื้นของเตียง
มือเรียวก็รั้งให้ซาตานผู้นี้ที่ยังตื่นเต้นลงมาเชยชมเทพบุตรใกล้ ๆ
อี้เฟิงเองก็ไม่อาจห้ามใจได้แล้ว
เมื่อบทเพลงรักเริ่มขึ้น
หยางหยางจัดการให้ส่วนอ่อนไหวและช่องทางที่ใฝ่ฝันของอี้เฟิงพร้อมเสียก่อน
เขาต้องจุดอารมณ์ให้อี้เฟิงมากขึ้นกว่านี้
แม้มองตาคุณเทพบุตรน้อยของเขาแล้วจะมองเห็นอารมณ์นั้นแต่ยังไม่มากพอ มือแกร่งแตะต้องส่วนอ่อนไหวของร่างสวยที่ห่างหายไปนาน
ลากมือร้อนผ่านไปเนื้อนิ่มใต้ร่มผ้า ถอดกางเกงผฃของโรงพยาบาลและชั้นในออกช้าให้พ้นทางไป
แน่นอนเขายังจดจำทุกส่วน สัมผัสที่เนียนนิ่มมือ
หยางหยางรูดรั้งให้อี้เฟิงมีความต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เร่งเร้าอีกหน่อยให้อีกฝ่ายมีเสียงกรีดร้องอย่างสมใจให้ได้ยิน มีแอบแกล้งนิดหน่อย
เร็วบ้างช้าบ้างให้อี้เฟิงหงุดหงิด จนต้องใช้เท้าอีกข้างที่ไม่เจ็บปวดเตะเข้าสีข้างหยางหยางไปครั้งหนึ่ง
“เจ้าบ้า”
“ผมไม่แกล้งคุณแล้ว”
จนในที่สุดคุณเทพบุตรน้อยก็ปลดปล่อยออกมา
น้ำสีขาวเลอะเปราะที่มือแกร่ง
และเขาก็จัดการละเลียดมันได้ลิ้นร้อนที่จะใช้มันปรนเปรอเทพบุตรอีกหน่อย
เขาครอบครอบส่วนนั้นของอี้เฟิงด้วยปากช่วยเพิ่มความหวาบหวามในใจให้มากขึ้น
และกระตุ้นให้คนที่นอนบิดเร้าด้วยความต้องการที่มากสุดตัวต้องแทบกรีดร้องจนเกือบห้ามไม่ทัน
“คิดถึงผมมั้ย คุณเทพบุตร”
“อย่ามาถามอะไรไร้สาระหน่า”
ซาตานถามอะไรคุณเทพบุตรเสียหน่อย แม้จะไม่ตอบ
แต่รอยยิ้มและดวงตาที่ฉ่ำหวานบอกเขาได้ดี
เขากำลังจะเข้าสู่ความสุขที่แท้จริง
หลังจากนั้นช่องทางที่ได้เตรียมพร้อมแล้ว
และความหวาบหวามที่เกิดขึ้น หยางหยางจัดการใส่ความใหญ่คับของตัวเองเข้าไป
เขาคิดถึงความสุขนี้มากจนแทบทำให้อี้เฟิงเจ็บเกินไป
จึงพยายามห้ามความต้องการของตัวเองที่มากกว่าให้ถ่ายทอดออกมาทีละนิด ร่างแข็งแรงขยับทีละน้อย จนเข้าที่เข้าทาง
ความต้องการทั้งคู่ถูกเติมเต็มแต่เสียแต่ว่าที่นี่คือโรงพยาลบาล
ต้องกลั้นเสียงกันหน่อย อี้เฟิงอุดปากตัวเองด้วยมือเรียว
กลั้นความสุขที่จะครางครวญออกมา
หยางหยางขยับเร็วขึ้นส่วนนั้นก็ยิ่งเติมเติมความต้องการให้อี้เฟิงได้ถูกจุด
“อื้อ..ฮึ่ก”
แม้มีเสียงหลุดออกมาบ้าง ก็ยังเบาเพียงแค่หยาหงยางเท่านั้นที่ได้ยิน
หยางหยางเร่งให้อี้เฟิงได้พบความสุขเร็วขึ้นหน่อย
เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะทนไม่ไหวอีกแล้ว และร่างสวยก็ปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง
เลอะเปราะเต็มหน้าท้อง มีเปื้อนไปที่เสื้อผู้ป่วยเล็กน้อย
หยางหยางขอให้ตัวเองสุขสมบ้าง ร่างแข็งแรงขยับอีกนิดหน่อย
“อ๊ะ..อื้อ หยางหยาง..เดี๋ยวสิ..อื้อ”
แม้เอาแต่ใจไปหน่อย ก็ทำให้เขาเองก็ปลดปล่อยออกมาบ้าง
แต่เหมือนจะถูกห้ามไว้ เทพบุตรบอกเขาว่า
“เอามาปล่อยบนตัวฉัน ถ้านายทำแบบที่เคยทำ มันจะย้อนเลอะเตียง ...มัน..เอ่อ..
ทำความสะอาดยาก...แบบยังไงดี เดี๋ยวก็โดนจับได้หรอก”
หยางหยางหัวเราะร่าออกมาใหเทพบุตรน้อยค้อนใส่
และเขาก็ทำตามที่ได้รับคำสั่ง หยางหยางขยับตัวขึ้นมาให้ใกล้
และปลดปล่อยด้วยมือของตัวเอง ใหน้ำสีขาวของตัวเองเปราะตัวขาวเนียนของอี้เฟิง
อีกฝ่ายก็อายไม่น้อย แต่กลัวว่าหากเปื้อนไปโดนเตียงจะถูกจับได้
หยางหยางก็ไม่เคยทำแบบนี้ เขาเองก็อายพอกัน
จบกิจกรรมนี้ หยางหยางก้มลงซบไหล่อี้เฟิง กลบเขินไปด้วยกันเลย
“หยางหยาง ช่วยเช็ดให้ด้วยสิ”
ได้ยินแบบนั้น ก่อนจะหมดเวลาใกล้เที่ยงคืน ซินเดอเรลล่าที่รับบทโดยซาตานแบบเขาต้องทำตามคำสั่งของเจ้าชาย..ตามแบบในนิยายที่รับบทโดยเทพบุตรน้อย
แต่อายกันจนไม่กล้าแตะต้องอะไรกันแล้ว หลังจากที่ทำกิจกรรมรักกันไป
สองคนจึงเสียเวลากอดกันให้หายเขินกันไปอีกหลายนาที
“อี้เฟิง ทำไมยังไม่นอน”
ผู้จัดการของอี้เฟิงกลับมา เลยเวลาเที่ยงคืนไปไม่นานเท่าไรนัก บอดี้การ์ดทั้งคู่กลับไปประจำการแล้ว
พร้อมก่อนไปทำงาน พี่ชายสองคนส่งสายตาล้อเลียนอี้เฟิงมาด้วย เขาสองคนรู้เรื่องราว
และก่อนหน้าที่ผู้จัดการของอี้เฟิงจะมาก็ยังบอกอีกว่า ทางสะดวกแล้ว
หยางหยางกลับไปอย่างปลอดภัย ไม่ต้องห่วง เท่านั้นที่ได้ยิน
อี้เฟิงก็โล่งใจ เพราะกลัวหยางหยางจะถูกใครจับได้ นั่นจะทำให้เขาลำบาก
“ก็ยังไม่..ง่วงน่ะครับ”
ที่จริงอี้เฟิงเหนื่อยจนแทบสลบ แต่เพราะตื่นเต้นจึงไม่กล้าหลับ
เขากับหยางหยางช่วยกันทำความสะอาด..ร่องรอยและสภาพบนเตียงกันเสร็จไม่กี่นาทีก่อนที่ผู้จัดการของอี้เฟิงจะกลับมา เธอเข้ามาในห้องทุกอย่างก็กลับสู่สภาพเดิม
แค่อี้เฟิงยังไม่นอนไปก็เท่านั้น เธอจึงสงสัย
“นอนได้แล้ว ไหน ๆก็ได้พักผ่อน เธอควรจะใช้เวลาให้คุ้มก่อนไปทำงาน”
เขารับคำก่อนเอนตัวลงบนเตียงและหลับตาไป เตรียมพร้อมจะนอนหลับจริง ๆ ณ
ขณะนี้ก็ยังคิดถึงซาตานคนบ้าคนนั้นที่บุกมาหาเขาในยามวิกาล
เป็นซินเดอเรลล่าออกไปก่อนเที่ยงคืนเสียด้วย ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง
แต่ความบ้าแบบนี้ก็ทำให้อี้เฟิงติดใจไม่น้อย
แถมยังติดสินบนพี่บอดี้การ์ดอีกสองคนอีก บ้าจริง ๆ
และแน่นอน เขาก็บ้าด้วย
ใบหน้าหวานอมยิ้มและรู้ว่าตัวเองกำลังมีความสุขมาก ๆ
“อี้เฟิง นี่แว่นกันแดดเธอหรอหรือของใคร ทำไมมาวางเกะกะแบบนี้”
อี้เฟิงสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อผู้จัดการถามเขา
ที่จริงเขาก็เพิ่งนึกออกหลังจากหยางหยางวิ่งหลบออกไปก่อนที่เธอจะเข้ามา
เจ้าบ้านั่นลืมแว่นกันแดดทิ้งไว้ แต่ใส่หน้ากากอนามัยไป ก็ยังดีที่ปกปิดบ้าง
และโชคดีที่เป็นเวลาค่ำคืน อาจจะสังเกตกันได้ยากว่าใครเป็นใคร แว่นกันแดดจึงยังไม่จำเป็นเท่าไร
“ของผมเอง แบบนั้นยี่ห้อนั้นผมก็มีนะ”
เขาโกหกไป และหลับตาไม่สนใจ
หรือจริง ๆ แล้ว หยางหยางอาจจะตั้งใจลืมไว้ก็ได้
ว่าไป ตอนนี้เขาก็ยังปวดหนึบที่สะโพกไม่หาย
แถมข้อทแหมือจจะปวดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ..ถึงจะบอกว่าไม่ได้บาดเจ็บมากก็เถอะ
แต่เจ้าซาตานบ้านั่นก็แรงเยอะจริง ๆ
***********************************************END SPE
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น