TITLE : THISM<N :: BLOSSOM
CHAPTER :
CHAPTER : 6 ’คนที่ได้เพียงแค่สบตา’
PAIRING : YANGYANG x
LIYIFENG
RATE : PG - 13
RATE : PG - 13
“นายนีมันหาเรื่องจริงๆ หยางหยาง ฉันไม่รู้จะด่านายว่ายังไงดีแล้ว “
เสียงก่นด่าตั้งแต่เช้ากับความวุ่นวายจากเด็กในสังกัดที่เธอดูแล
หยางหยางที่เป็นเด็กดื้อมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตอนนี้ดื้อกว่าเดิม
ดื้อกว่าตอนเขาซ่าเป็นเด็กเสเพลเสียอีก
ก็คงเป็นเพราะความรักที่แสนหวานสำหรับเด็กหนุ่มที่กำลังโบยบินอยู่ในห้วงแห่งความฝันนั้น
“นะครับพี่ ปกติ ผมกับเขาก็ไม่ได้มาอยู่ใกล้กันอยู่แล้ว
นอกจากถ่ายละครเรื่องแรก กับที่เซี่ยงไฮ้ ครั้งนี้แค่ครึ่งวัน อย่างน้อย
สตูดิโอถ่ายแมกกาซีนของเขาก็อยู่ถัดจากผมไปแค่สองสามห้อง”
ผู้จัดการของหยางหยางต้องกุมขมับ ตัดสินใจหนัก
เพราะเธอก็เข้าใจความรู้สึกที่ต้องวิ่งไล่ตามอะไรซักอย่าง
แต่สิ่งที่หยางหยางพยายามวิ่งไล่ตามและไขว่คว้าอยู่ไกลเกินจะจินตนาการ เรียกว่าฝันเอายังถือว่ายากเลย
จะคว้าเทพบุตรคนนั้นมาอยู่ข้างกายเป็นไปไม่ได้
จะทำให้เขามีใจยังจะทำอย่างไรก็ยังไม่รู้เลย
นี่ขนาดโอกาสที่จะได้มองเห็นเขาใกล้ ๆ กับสองตาตัวเอง
หยางหยางเด็กน้อยของเธอยังต้องพยายามมากขนาดนี้
“พี่ถามนายอีกครั้ง นายรักเขาจริง ๆ
น่ะหรือ.. ช่วยสรุปความรู้สึกของนายถึงหลี่อี้เฟิงหน่อย”
หยางหยางเงียบไปครู่หนึ่ง
หลังจากขอร้องพี่สาวผู้จัดการของเขานานสองนาน
หลังจากได้รับงานใหม่ในอาทิตย์ใหม่ของเดือนนี้
พบว่าคิวถ่ายนิตยสารของเขาและอี้เฟิงนั้นใกล้กัน และใช้สตูดิโอตึกเดียวกัน
แม้คนละวันกันก็ตาม หยางหยางขอให้ผู้จัดการช่วยเลื่อนวันมาให้เร็วขึ้นหน่อย
เพื่อจะให้คิวของเขาตรงกับอี้เฟิง อย่างน้อยก็ครึ่งวัน
หรือได้ตรงกันแค่ชั่วโมงเดียว นาทีเดียว เขารับได้หมดทุกอย่าง
เขาจะพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้อี้เฟิงเห็นใจ
“รักครับ ผมรักเขา”
“มากเลยหรือ ?”
“เท่าที่ผมจะรักใครคนหนึ่งได้”
“ฟังดูธรรมดาไปนะเนี่ย”
“งั้นก็เป็น...เท่าที่ผมรู้คือผมรักเขา จนไม่คิดถึงคนอื่นอีกแล้วครับ”
พี่สาวของเขายิ้มแกมเอ็นดู
พลางยกมือลูบหัวเขาไปด้วยพร้อมกับส่ายหัวให้ความดื้อรั้นของหยางหยางเอง
“นายจะต้องเจ็บปวด เจ็บมาก ๆ
ให้รู้ไว้เลยแล้วกันหยางหยาง ว่าความรัก ‘ครั้งนี้’ ของนาย
เปอร์เซสต์ของความเป็นไปได้ที่จะได้รักกันยังมีความสุข ไม่ใช่ศูนย์แต่ติดลบ”
หยางหยางพยักหน้าเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ ทุกอย่างชักจะแย่ลง
แต่ความสัมพันธ์ของเขากับอี้เฟิงนั้นเริ่มเติบโต ช่างสวนทางกัน แต่อย่างน้อยที่สุด เขาเปิดเผยกับอี้เฟิงหมดทุกอย่างแล้ว
ว่ารักของเขานั้นมากพอที่จะทำให้มันกลายเป็นความรักที่มั่นคงเป็นต้นเติบใหญ่
ให้อี้เฟิงมาช่วยกันดูแล
ความมั่นคงในเรื่องนี้อาจจะเป็นสุขอย่างเดียวท่ามกลางความเจ็บปวดที่มีอยู่
เขาให้อะไรอี้เฟิงไม่ได้ เพราะอี้เฟิงมีทุกอย่างเพียบพร้อมแล้ว
แค่หัวใจเท่านั้นที่ให้ได้ แม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรับมันไปเก็บไว้หรือไม่
ก่อนหน้าที่อี้เฟิงเข้าโรงพยาบาลเพราะอุบติเหตุที่น่าตกใจ
แม้เขาไม่เป็นอะไรมาก แต่หยางหยางก็ลอบไปยามวิกาลกลับมาก่อนเที่ยงคืน
เพราะโดนสั่งกำชับไว้ ซึ่งเขาไม่อยากทำให้ผู้จัดการที่ต้องปวดหัวกับเขาทุกวี่วันต้องมาลำบาก
จึงทำตามคำสั่ง
เขาไปหาอี้เฟิงในสองวันที่อยู่โรงพยาบาล เกือบถูกจับได้ในวันที่สอง
เพราะเขามัวแต่อ้อยอิ่งเก็บเล็กเก็บน้อยกับความหอมและอบอุ่นจากตัวเทพบุตรน้อยของเขาอยู่
แม้อี้เฟิงจะออกปากไล่ไปสองสามครั้ง เขาก็ยังง่วงอยู่กับการสัมผัสอี้เฟิงอย่างไม่รู้จักพอ
แต่สุดท้ายก็ต้องละออกไป
เพราะพี่ชายบอดี้การ์ดที่ใจดีสองคนที่เขาติดสินบนไว้ด้วยเบียร์วันละกระป๋อง
เข้ามาบอกอย่างรีบเร่งว่าวันที่สองนี่ไม่ได้มีแค่ผู้จัดการสาวสุดเฮี๊ยบของอี้เฟิง
แต่มีรองประธานบริษัทต้นสังกัดที่นั่งเป็นบอร์ดบริหารมาเยี่ยมอี้เฟิงด้วย
คนนี้ไม่ชอบหน้าเขามากเกินกว่าจะอยู่รอให้เจอได้
หยางหยางจำเป็นต้องบอกลาเทพบุตรน้อยในอ้อมกอด
เขาไม่อายที่จะต้องแสดงความรักต่อหน้าพี่ชายบอดี้การ์ดคนสนิท
เพราะพวกเขารู้ดีเรื่องของเราดีอยู่แล้ว
หยางหยางจูบลาอี้เฟิงหนึ่งครั้ง
ก่อนโบกมือลาไปก่อนเวลาอันน้อยนิดที่เราจะได้พบกันนั้นจะหมดลง
“เอาล่ะ พี่จะลองดูนะหยางหยาง จะได้ไม่ได้
นั่นขึ้นอยู่กับทางโน้นว่าสตูวันนั้นจะว่างให้นายไปเดินแบแถวนั้นมั้ย
แต่ถ้าโดนตอนว่ากลับมาครั้งนี้เราจะทำให้งานทุกอย่างมันยากขึ้น แถมอาจจะโดนฝ่ายโน้นตอกหน้ากลับมา”
“ผม...”
พอได้ฟังผลลัพธทที่จะเกิดขึ้น
เอาจริงว่าเขาก็ลังเลไม่น้อยที่จะทำให้ทุกคนรอบข้างของเขาถูกต่อว่าไปด้วย
แต่พี่สาวของเขา เธอส่ายหน้า
“ช่างมันเหอะ เป็นว่า แค่ครั้งนี้ แค่ครั้งนี้ที่พี่จะให้นาย
แล้วหลังจากนี้ พี่ว่า เราจะทำอะไรไมได้อีกแล้ว
นายต้องเตรียมใจและตั้งใจทำงานต่อไปนะ พี่ว่านี่คือการตอบแทนอี้เฟิงได้ดีที่สุด
คือการเงียบ ..ต่อเขา ณ ที่นี้หมายถึง ถ้านายไม่เข้าไปยุ่งกับอี้เฟิง
นายกับอี้เฟิงก็จะไม่มีข่าวให้สื่อเสี้ยมเสียๆ หายๆ
นั่นจะทำให้อี้เฟิงทำงานง่ายขึ้น และเขาจะไม่ถูกฝั่งทีมงานเขาต่อว่า
นายก็รู้ว่พวกนั้นเป็นอย่างไร หวงอี้เฟิงอย่างกับไข่ในหิน นายยิ่งไปยุ่ง
เขาจะยิ่งถูกกักตัว จำกัดการกระทำ ทุกอย่าง ให้อี้เฟิงได้เป็นอิสระ
นายต้องปล่อยมือเขาไป “
“ผมไม่ปล่อยเขาหรอกพี่ ผมทำไมได้”
ใบหน้าหล่อก้มหน้าลง ทอดถอนหายใจออกมาหนักหน่วง มือแกร่งลูบใบหน้าตัวเองอย่างขบคิดหนัก
จะทำอะไรก็ดูจะติดลบเป็นผลเสียไปซะหมด
เลวร้ายไปทุกอย่างจนเขาไม่กล้าขยับตัวไปไหนเลย
นี่คือผลของการไปรักคนที่ไม่ควรรักหรือเปล่า
ซาตานที่เอื้อมมือไปคว้ามือเทพบุตรน้อย
แต่ครั้นเขาไม่สามารถคว้าเทพบุตรน้อยมากอดไว้ได้อย่างแนบแน่น
ทำได้แค่คว้าเพียงแค่เงา
และอาจจะต้องปล่อยมือเขาไปโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากการมองเขาลับตาไป
ไม่มีทาง เขาไม่ปล่อยอี้เฟิงไปหรอก
หยางหยางยังคิดถึงสัมผัสหวานนั้น และโหยหามันทุกวันไม่เคยหยุด เขาอยากจะทำให้อี้เฟิงรู้ว่า
เขาพยายามที่จะรักเขามากแค่ไหน
“เออ โอเค ๆ ไอ้เด็กเวรเอ๊ย งั้นก็ รักเขาเท่าที่ทำได้ อยู่ในที่ที่เราจะไม่ทำให้เขาเดือดร้อน หยางหยาง
นายก็รู้ที่นี่เป็นอย่างไร”
“ผมอยากทำให้อี้เฟิงว่าผมรักเขา”
“ฉันว่าเขารู้แล้ว นายยังต้องการอะไรอีก”
พี่สาวผู้จัดการถามเขากลับ เขาเป็นคนโลภ
เขาอาจจะอยากได้ยินคำว่ารักจากหลี่อี้เฟิงคนนี้ก็ได้
เป็นความโลภมากในระดับหายนะเลยก็ว่าได้
“เฮ้อ นายนี่มันดื้อด้าน
ย้ำอีกครั้งนะนาย ทำอะไร อย่าให้เขาลำบาก ถ้ารักเขาจริง ต้องทำให้เขาอยู่อย่างสบายและมีความสุข”
ใบหน้าหล่อเหลาครุ่นคิดหนักขึ้น เขารู้ดีว่าการไม่ไปวุ่นวาย
และพยายามพบอี้เฟิง
อยู่ในสงบที่สุดนั่นคือวิธีที่ดีที่สุดจะทำให้อี้เฟิงอยู่ได้สบายและไม่เดือดร้อย แต่เขาโลภมาก
“ผมจะพยายาม”
“นายต้องทำ ไม่ใช่พยายาม”
เขาพยักหน้า พี่สาวผู้จัดการผลักออกไป
เพื่อไปจัดการเรื่องที่เขาขอให้ก่อนหน้า
หยางหยางยกมือถือเครื่องสวยขึ้นมามองภาพวอลเปเปอร์ที่อยู่บนหน้าจอ
เป็นรูปคนยิ้มสวยอย่างหลี่อี้เฟิง แค่เพียงมองหน้าเขาแค่นี้ก็ยิ้มออก
และทำให้หยางหยางรู้สึกสบายใจ ความรักช่างมีอิทธิพลมากจริง ๆ
ไม่รู้ว่าความรักมันยาก หรือเป็นเขาที่ทำให้มันยาก
THISM<N :: BLOSSOM
“ลงทุนไม่เบาเลยนะ ไอ้เด็กนี่เนี่ย”
อี้เฟิงนั่งฟังทีมงานของเขาคุยกัน
โดยที่เขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจแกล้งใส่หุฟังที่ไม่ได้เปิดเพลงเอาไว้
และกดมือถือเล่นไปเรื่อย ๆ
โดยผ่านการยืนยันก่อนหน้านี้กับผู้จัดการใหญ่ว่าจะไม่ติดต่อหรือส่งอะไรหาหยางหยางให้ต่อความยาวสาวความยืด
หยางหยาง ทำไมนายต้องเอาตัวเองมาเสี่ยงแบบนี้
เขาจับความได้ว่าหยางหยางเลื่อนคิวถ่ายนิตยสารให้เร็วกว่าวันจริงที่เป้นคิวของเขาสองวัน
เพื่อให้มาถ่ายตรงวันเดียวกับเขา แต่เสียดายที่สตูดิโอห้องข้าง ๆ นั้น
ว่างช่วงบ่าย แต่คิวของอี้เฟิงเป็นชข่วงเช้า หากจะได้พบกัน
ก็คงจะเป็นช่วงระหว่างวัน เท่านั้น เพราะอี้เฟิงมีงานต่อที่ต้องรีบไปสัมภาษณ์
ส่วนหยางหยาง เขาไม่มั่นใจว่าจะมาเช้าเพื่อให้ทันกับที่เขาจะออกจากตึกที่ถ่ายทำไปเสียก่อนหรือไม่
ถ้ารู้แบบนี้แล้ว
ทีมงานของเขาคงจะเร่งให้ทีมงานนิตยสารทำงานเร็วขึ้นเพื่อไม่ให้พบหยางหยางได้ซักวินาทีเป็นแน่
นั่นล่ะที่เขาลอบฟังได้ อี้เฟิงฝืนคำสั่งอีกครั้ง โดยเปิดช่องทางสื่อสารที่ติดต่อกับหยางหยาง
ตอนนี้เขามีเพียงที่เดียวที่จำได้ ช่องทางอื่นถูกผู้จัดการของเขาลบเสียเกลี้ยง
เขาเองก็จำไอดีโซเชี่ยลนั้นไมได้ จึงมีแค่อันเดียวที่เห็นกันอยู่ทุกวัน
เสี่ยงกดทักทายหยางหยางไป
‘นายทำอะไร’
ไม่นานหยางหยางส่งกลับมา
คิดว่าอีกฝ่ายรู้ดีว่าเขากำลังหมายถึงเรื่องอะไร
‘ผมอยากพบคุณ’
อี้เฟิงขมวดคิ้วหนัก เพราะเจ้าเด็กนี่ดื้อดึงหัวรั้นแก้ไม่หาย
อี้เฟิงไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะถูกต่อว่า หรือปิดช่องทางการทำอะไรให้เป็นอิสระ
หรือถูกกับริเวณทำนองนั้น แต่กลัวว่าหยางหยางจะโดนผุ้ใหญ่ทางฝั่งของเขาเล่นงาน
อี้เฟิงรู้ดีว่าฝั่งทีทมงานของตัวเองมีอำนาจและเส้นสายในวงการมีไม่น้อย
และมากกว่าฝ่านของหยางหยางที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ กำลังแข่งขันกันสูง
แต่เพราะฝั่งนี้มีความน่าเชื่อถือกว่า ก่อตั้งนานกว่า
และรวมทั้งชื่อเสียงของเขาเอง จะเล่นงานหยางหยางไม่ยากเลย
‘นายจะลำบาก’
‘เท่าที่เป็นอยู่ก็ลำบาก มากกว่านี้อีกนิด ก็ไม่เป็นไร’
ไอ้บ้าเอ๊ย ..งอี้เฟิงสบถในใจ ก่อนจัดการลบบทสนทนาทั้งหมดออกไปให้หมด
เพราะผู้จัดการของเขาเดินผ่านมา และเขาต้องแสร้งไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาทำอะไร
หยางหยางจะโดนเล่นงาน หากพบว่าติดต่อกัน
เขาเป็นห่วงซาตานผู้นี้มากกว่าที่ตัวเองคาดไว้
นั่นคือสิ่งที่รู้ อันนี้อาจจเป็นสิ่งที่พัฒนาไปสู่ความรักหรือเปล่านะ
อี้เฟิงไม่สนใจคำถามนั่น
ในใจมีเรื่องแย้งมากมาย ทั้งอดีตที่เจ็บปวด ทั้งความไม่แน่นอนในตัวซาตานผู้นี้
แต่ตอนนี้.. เท่าที่รู้ก็คือ อี้เฟิงคิดถึงเขา
“อี้เฟิง ได้เวลาแล้ว เตรียมตัวซะ”
เขาหันไปรับคำผู้จัดการ ก่อนเตรียมคว้าของใช้ส่วนตัวเก็บใส่กระเป๋า
เขาใช้ช่วงเวลาทีท่ทุกคนง่วนกับการเตรียมตัวไปทำงาน กดส่งข้อความหาหยางหยาง
‘อย่าทำอะไรให้ตัวเองเดือดร้อน’
ส่งไปแล้ว แต่หยางหยางไม่ตอบกลับมาทันทีแบบเมื่อครู่นี้ จนอี้เฟิงถูกเรียกไปขึ้นรถ
ก่อนจะออกไปทำงาน
“ขอมือถือ”
อี้เฟิงทันกดลบสิ่งที่ส่งไปหาหยางหยางทัน
แต่ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะตอบอะไรกลับมามั้ย
เขากลัวว่าหยางหยางจะส่งมาตอนที่ผู้จัดการของเขากำลังเช็คข้อมูลในมือถือของตัวเอง
และก็เป็นอย่างที่เขากลัว
“ 'ผมแค่รักคุณ' ฮึ ๆ กล้าจริง ๆ ที่ส่งอะไรแบบนี้ให้เธอ ว่ามั้ยอี้เฟิง”
บ้าจริง ๆ ... อี้เฟิงคิด ไม่รู้ว่ามันจะประจวบเหมาะเช่นนี้
ผู้จัดการของเขาเธอกำลังเช็คมือถือ ทันใดนั้นหยางหยางก็ส่งข้อความาหา
แถมยังเป็นอะไรที่เลี่ยนสมเป็นหมอนั่น อี้เฟิง เปิดม่านรถออกนิดหน่อยและแสร้งหันไปนอกหน้าต่างรถไม่สนใจคำประชดประชันของเธอ
เธอไม่ชอบหยางหยางอยู่เป็นทุนเดิมจากวีกรรมแสบของเขาก่อนหน้านี้
และเรื่องที่หยางหยางทำร้ายของอีกด้วย
อี้เฟิงรู้สึกทุกอย่างมันกลับตาลปัตร
และนั่นทำให้อี้เฟิงสับสนอีกครั้ง ทำไมต้องมาตกหลุมแบบนี้
เขาตกหลุมรักซาตานเสียแล้ว
ไม่ทันตั้งตัว
แต่อี้เฟิงพอใจกับผลลัพธ์เช่นนี้
เขาไม่ควรรักซาตานที่ทำร้ายตัวเองตั้งแต่แรก ไม่มีเหตุผลเลยที่ไปหลงรักคนที่เคยใจร้ายกับเขาแบบนี้
ถลำลึกและปล่อยใจไปไกล ตอนนี้จะถอยกลับไม่ทันแล้ว อี้เฟิงว่าตัวเองในใจ
และลอบหายใจหนักหน่วงออกมา
เขามันบ้าไปแล้วจริง ๆ
จะทำอย่างไรก็ทำให้ตัวเองเจ็บปวด ถอยก็ปวด ยิ่งไปข้างหน้าก็ยิ่งเจ็บ
“เธอรักเขารึเปล่า เจ้าเด็กคนนี้น่ะ”
เธอส่งมือถือคืนให้อี้เฟิง แน่นอนเธอลบข้อความนั้นทิ้งไป ในใจลึก ๆ
อี้เฟิงอยากเก็บมันไว้อ่าน ตากลมโตหันไปมองใบหน้าของผุ้จัดการที่คาดคั้นถามเขาอยู่
เธอเองก็ดูอ่อนแรง และเหน็ดเหนื่อย และเพราะเครียดกับงานที่มากมายล้นมืออยู่เลย
เธอบอกว่านับวันหลี่อี้เฟิงก็ยิ่งโด่งดังจนเธอนับคิวงานใส่ตารางแทบไม่หวาดไหว
เธอก็ใจดีกับอี้เฟิง และรักมาก ทั้งหวงทั้งห่วง
อี้เฟิงรู้ที่เธอทำเพราะหวังดี แต่คงอาจจะเป็นเรื่องนี้แค่เรื่องเดียว
ที่เธอยอมให้ไม่ได้จริง ๆ
“ช่างคำตอบดี ๆ นะอี้เฟิง ถ้าเธอตอบว่ารัก นั่นก็จะทำให้เธอเจ็บ”
เธอมองหน้าอี้เฟิงครู่หนึ่งและบอกต่อ
“และพี่ก็รู้ว่า ต่อให้เธอตอบพี่ว่า ไม่รัก เธอก็เจ็บเหมือนกัน เจ็บทั้งสองทางแบบนี้ ทำไมกันนะ อี้เฟิง
เธอถึงไปมีความรู้สึกอะไรกับเด็กคนนั้นที่ทำร้ายเธอ”
เป็นอย่างที่เธอพูด เจ็บทั้งสองคำตอบ ย้อนแย้งในใจ
อี้เฟิงก้มหน้าลงยิ้มเบาบางให้ตัวเอง เหมือนยอมรับในทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น
อะไรจะเกิดต่อจากนี้ อี้เฟิงพร้อมจะรับแล้ว
อยู่ในวงการบันเทิงที่จริงแล้วมันแคบแค่เพียงเดินสวนผ่านกันได้
แต่เราต่างคนต่างรู้ดีว่ามันเป้นไปไม่ได้เลยทีเราจะรักกันอย่างมีความสุข
เราต้องซ่อนมันไว้ ราวกับว่ามันไม่มีอะไร
แค่เพียงวินาทีเดียวที่เราอาจจะเผลอสบตากัน
มันก็อาจจะถูกใครพบเห็นและตีความกันไปไกลจนทำให้เราทั้งคู่ต้องลำบาก
เพราะเราทั้งคู่ต่างก็เป็นคนในพื้นที่สาธารณะ
“ให้มันเป็นเรื่องของความรู้สึกของผมที่อยู่ในใจได้มั้ย”
เธออึ้งไปกับคำตอบที่อี้เฟิงให้มา
แต่ก็สมกับเป็นเด็กที่ดื้อรั้นแบบเงียบ ๆอย่างอี้เฟิง ตั้งแต่ไหนแต่ไร แม้ดูเผิน ๆ
แล้วอี้เฟิงจะเป็นเด็กว่านอนสอน ง่ายแต่นั่นก็ไม่ใช่ทุกอย่าง
บางทีก็ทำเอาเธอปวดหัวได้เหมือนกัน
รวมทั้งเรื่องนี้
จะรักจะชอบใครเรื่องหัวใจเธอไม่อยากไปยุ่ง แต่อี้เฟิงรักผิดคน
หยางหยางคนนั้นเป็นคนที่ทำร้ายอี้เฟิงมาก่อน ทั้งเจ็บช้ำ ปวดร้าว
เธอเห็นอี้เฟิงทนกล้ำกลืน และสะอื้นร่ำไห้อยู่ทุกวันก่อนหน้านี้
เธอเห็นเด็กที่เธอดูแลเป็นอย่างแก้วตาดวงใจร้องไห้แทบขาดใจ ยิ่งเห็นแบบนั้นเข้า
เธอยิ่งอยากทำให้ปีศาจอย่างเด็กคนนั้นแหลกคามือ
เธอดูแลอี้เฟิงเป็นอย่างดีแต่หยางหยางกลับทำร้ายจนอี้เฟิงร้องไห้ได้มากขนาดนั้น
มีครั้งหนึ่งที่เธอเห็นเด็กของเธอกลับมาบอบช้ำและเหนื่อยล้าไปทั้งตัว
เผลอร้องไห้ให้เห็นแม้เวลากินข้าว น้ำตาก็ยังไหลไม่หยุด แค่ครั้งเดียวก็ตาม
หลังจากนั้นอี้เฟิงก็ไม่แสดงให้เห็นออกมา
แต่รู้จากแววตาว่ากำลังทุกข์ใจเรื่องอะไรอยู่ แม้ช่วงหลังอี้เฟิงจะยอมรับหัวใจในเรื่องบางอย่างที่ไม่น่าให้อภัยเอาเสียเลย
ทำไมไปหลงรักปีศาจแบบนั้นกันล่ะเทพบุตรน้อยชของฉัน เธอคิดในใจ
พลางหันไปมองหน้าอี้เฟิงที่แสร้งไม่สนใจใด ๆ ใส่หูฟังและมองทอดสายตาออกไปไกล
เธอไม่เข้าใจว่าอี้เฟิงกลับไปสวมกอดคนคนนั้นได้อย่างไรทั้งที่รู้ดีว่าเขาเคยทำร้ายตัวเอง
ไมมีใครเข้าใจอี้เฟิง ทีมงานทุกคนรู้เรื่องนี้ดี แม้กระทั่งบอดี้การ์ด เธอรู้ว่าสองคนนั้นเป็นใจให้หยางหยางไปพบอี้เฟิง
วันที่สองที่อี้เฟิงนอนโรงพยาบาลเธอเอะใจได้ว่าต้องมีอะเกิดขึ้น
เธอเดินมากับรองประธานต้นสังกัด จับสังเกตอะไรได้
และอย่างที่คิดมีทีมงานเห็นหยางหยางแถว ๆ โรงพยาบาล ทุกคนจำหยางหยางได้แน่นอน
เพราะทำงานกันมาด้วยกันไม่น้อย
เป็นบ้ากันทั้งคู่ รู้กันอยู่แล้วว่าเป็นไปไมได้
หยางหยางคนนั้นจะต้องโดนอะไรเข้าซักอย่าง เพราะต้นสังกัดรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้เข้าแล้ว
เธอเองก็ช่วยอะไรเด็กนั่นไม่ได้ แม้เห็นใจอยู่นิดหน่อย
และเด็กของเธอก็ถูกผลกระทบไปด้วย
เธอเห็นใจอี้เฟิงก็จริง และไม่เข้าใจด้วย
เธอพยายามบอกว่าความรักมันเข้าใจยาก
“เก็บความรู้สึกของเธอไว้ดีๆ อี้เฟิง อย่าแสดงมันออกมา
อย่าให้ใครรู้ไปมากกว่าเท่าที่รู้กัน อย่าทำให้เป็นเรื่องราวของคนอื่นนอกจากเธอสองคน”
อี้เฟิงไม่ได้หันมามองใบหน้าผู้จัดการสาว แต่เขาได้ยินทุกถ้อยคำ
อี้เฟิงคิดว่าคงมีอะไรหลังจากนี้ให้เขาหนักใจ ความรักที่เกิดขึ้น และเติบโตมาแล้ว
มันอาจจะถูกใคร ๆ เหยียบย่ำและอยากฝังมันลงดินไปเสีย
งั้นเขาจะไปปลูกมันใต้ดิน เก็บไว้ในใจ แค่เราสองคน
จะอย่างไร
อดีตที่เลวร้าย...อี้เฟิงเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรหากหยางหยางกลายเป็นซาตานใจร้ายขึ้นมาอีก
มีเพียงแค่..อี้เฟิงอาจจะกอดเขาไว้ ให้เขาสงบลง จะไม่กลัวเขา เพราะตอนนี้ระหว่างเราไม่มีความเกลียดแล้ว
แต่มันเป็นความรักที่มาแทรกและทำให้มันสลายไป
THISM<N :: BLOSSOM
“ว่าไงเฉินเสียง”
เพื่อนของหยางหยางที่สนิทที่สุดในโลกโทรมาหา
หลังจากที่เฉินเสียงต้องหลบไปอยู่ต่างประเทศเสียนาน
จนกว่าข่าวบ้าบอของหยางหยางจะหมดไปบาร์ที่ปิดๆ เปิด ๆ บ้าง
หยางหยางถูกกักบริเวณไม่ได้ไปมาหาสุ่กันนัก ข้อความที่ส่งหาเพื่อนสนิทก็มีแค่เรื่องสารทุกข์สุขดิบทั่วไป
เหมือนวันนี้เพื่อนเขาโทรมาหาบ้างก็เป็นเพราะไม่ได้เจอกันนาน
“นายเองกับคุณพี่อี้เฟิง..เป้นอย่างไรบ้างล่ะ”
“ยาก”
หยางหยางสรุปความสั้น ๆ เพียงคำเดียว
เพื่อนเขาก็เข้าใจในคำเดียวเหมือนกัน หลังจากนั้นเขาก็เล่าเรื่องตลกร้ายที่ไปโรงพยาบาลเพื่อพบอี้เฟิง
และความรู้สึกและการคาดการณ์หัวใจอีกฝ่ายให้เพื่อนฟัง
เพื่อนของเขาก็สรุปความคิดเห็นของตัวเองอันน่าชื่นใจพอฟังได้ก่อนที่เขาจำเป็นต้องวางสายไป
เพราะต้องกลับไปทำงานต่อ
“นายกับคุณพี่อี้เฟิงยังเดินทางไปด้วยกันได้ แต่ต้องห้ามมองกันเลย
เส้นขนานน่ะไม่มีวันบรรจบกันได้หรอก”
THISM<N :: BLOSSOM
“ขอบคุณมากครับ”
จนแล้วจนรอด หยางหยางก็มาไม่ทันที่เขาอี้เฟิงถ่ายทำนิตยสารเสร็จ
เขาอาจจะติดงานที่อื่นอยู่ ใบหน้าหวานขมวดคิ้ว
ติดเศร้าใจที่แม้ว่าอีกคนจะพยายามแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ
ตอนนี้อีกไม่ถึงชั่วโมงอี้เฟิงต้องออกจากตึกถ่ายทำไปทำงานที่อื่นต่อ
วันนี้ก็คงไม่มีโอกาส
หือ?
อี้เฟิงเดินผ่านห้องประชุมของตึกนี้ ที่เป็นห้องที่เขาเคยไปนั่งพัก
มันเป็นห้องกระจกส่วนหนึ่งกับผนังทึบ สามารถมองผ่านเข้าไปเห็นภายในห้องได้
แม้ไม่ครบทุกส่วนในห้อง
นั่น...หยางหยาง...กับรองประธานของต้นสังกัดของเขา
มือเรียวกำมือแน่น ข่มอารมณ์ในใจ
เขาหวาดระแวงว่าหยางหยางจะถูกต่อว่าหรือทำอะไร ใบหน้าหวานเสหันหน้าไปที่ละนิด
เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ว่ากำลังลอบมองอยู่
หยางหยางทันหันมาสบตากับอี้เฟิง
ทันที่จังหวะก้าวของเขาผ่านตำแหน่งที่นั่งของหยางหยางในห้องนั้น
อี้เฟิงเดินผ่านช้า ๆ ที่ละก้าวฝั่งที่อี้เฟิงเดิน
จะผ่านเบื้องหลังของรองประธานที่นั่งหันหน้าประจันกับหยางหยางซึ่งกำลังสบตากับเขา
อี้เฟิงคิดว่าตอนนี้เขาอยากจะร้องไห้
ที่จริงเขาเป็นผู้ชายที่อ่อนไหวกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จริง
แต่ไม่คิดจะอยากร้องไห้ออกมาง่ายกับอะไรก็ตาม แต่วันนี้กับแค่การมองตาใครซักคนที่เขาไม่สามารถเอื้อมคว้ามืออีกฝ่ายได้
ที่จริงก็ถูกแล้วที่อี้เฟิงจะรู้สึกเศร้า
เพราะนั่นมันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดที่รู้สึกผ่านจากหัวใจ
หยางหยางที่สบตาเขาอยู่ขณะนี้ เพียงไม่กี่วินาที
อยากให้หยางหยางคนนี้ที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบันนี้
มั่นคงและเป็นแบบนี้ตลอดไป
นั่นคือคนที่หลี่อี้เฟิงคนนี้จะรักได้อย่างไม่ต้องปิดบังหัวใจหรือโกหกตัวเอง
ว่าเขาไม่สามารถคนที่ทำร้ายให้เจ็บปวดได้
เพราะหยางหยางได้เปลี่ยนไปแล้ว
ซาตานใจร้ายจะไม่กลับมา
อี้เฟิงส่งแววตาหนึ่งกลับไป คาดว่าหยางหยางอาจจะเข้าใจ
THISM<N :: BLOSSOM
“โอกาสของนายนะหยางหยาง ที่นายจะอยู่วงการได้ต่อ
ฉันจะขอยื่นคำขาดกับนาย เอาเป็นว่าอย่างน้อยเราก็เคยทำงานด้วยกัน ขอร้องทีล่ะ
อย่าทำให้อี้เฟิงต้องชื่อเสียงต้องหม่นหมอง เพราะความดื้อด้านแบบเด็ก ๆ ของนายอีก”
คำของคุณรองประธานที่เป็นคนเคยร่วมงานกันผ่านเข้าโสตประสาทของหยางหยาง
เขาเคยเป็นคุณรองประธานที่หยางหยางเคยเรียกติดปาก
จนในเมื่อวันหนึ่งที่ทั้งสองฝ่ายเกิดมีความแตกหัก
หยางหยางเองก็เกินกว่าที่เขาจะควบคุม ในที่สุดก็กลายเป็นคนทที่เกลียดหน้ากันไป
แต่ซาตานไม่ได้สนใจอะไรรอบตัวไปมากกว่าแววตาของเทพบุตรน้อยที่ผ่านตาเขาไปเมื่อครู่นี้
แม้ไม่กี่วินาทีก็ทำให้เขาอุ่นหัวใจ แววตาคู่นั้นที่น่ารักและสดใส
เหมือนส่งกำลังใจมาให้
เหมือนกำลังเอ่ยบอกว่า ให้เราสู้ด้วยกัน เขาสู้ทุกทางแต่ทางนั้นจะไม่ทำให้อี้เฟิงต้องลำบากไปด้วย
“เรื่องที่โรงพยาบาล เรื่องอื่น ๆ ก่อนหน้าฉันก็รู้นะ
อย่าคิดว่านายทำอะไรแล้วจะไม่มีใครติดตาม นายมันก็ใช้วิธีแบบเดิม ๆ”
“ผมรู้”
หยางหยางรับคำคุณรองประธานแค่นั้น
และเบนใบหน้าหล่อไปทางอื่นที่จะไม่ต้องมองคุณรองประธานที่หยางหยางเองก็ไม่ค่อยสบอารมณ์จะคุยด้วย
เขาเองก็ไม่ได้ใจดีที่จะมานั่งปั้นหน้าต่อหน้าคนที่ไม่ชอบใจ
ผู้จัดการของหยางหยางอยู่ตรงโซฟาหลังห้อง เธอไม่ทำอะไรไปมากกว่านั่งฟัง
และเตรียมพร้อมเข้ามาแทรกทันที หากเขาโดนทำอะไรไปมากกว่าการพูดคุย
“และก็นะ... เรื่องความสัมพันธ์ของนายกับอี้เฟิง นั่นก็อีกเรื่อง
ฉันรับไม่ได้ ก็เรื่องหนึ่งแล้ว และจะยิ่งเป็นเรื่องเป็นราวหากมันกระจายไปไกล
นายจะทำอย่างไรหา หยางหยาง หากนายยิ่งเข้ามายุ่งกับอี้เฟิง แสดงความรู้สึกต่อเขา
แต่มีคนรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ นายจะทำให้อี้เฟิงลำบาก ลำบากมากแน่ๆ นายก็รู้ว่าที่นี่ประเทศอะไร
และเราตายแน่ ๆ นี่แค่เตือน”
คุณรองประธานถอนหายใจอย่างตั้งใจออกมาเสียงดัง
ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวแสดงความไม่ชอบใจอย่างไม่ปิดบังออกมาอย่างชัดเจน
เขาก้มมองนาฬิกาเรื่อนแพงที่ข้อมือ
ก่อนลุกจากที่นั่งตรงหน้าหยางหยางและก้าวเดินจากจุดนั้นไปยังประตู เขาหมดธุระที่จะมาเตือนคนที่เคยร่วมงานกันหยางหยางแล้ว
“อย่าทำให้อี้เฟิงต้องลำบากใจ นายรู้สึกอย่างไร
เวลาเขาเป็นทุกข์ล่ะหยางหยาง ? ถ้านายทำอะไรไม่เข้าท่า
พวกเราก็จะทำให้อี้เฟิงลำบากขึ้นตามผลการกระทำของนาย “
เขาเปิดประตูออกไป หยางหยางแทบอดใจไม่ไหวก มือแกร่งกำหมัดไว้แน่น
และพยายามพ้นลมออกมาให้ใจเย็น
รองประธานคนนั้นพูดทิ้งไว้อีกประโยคก่อนจุดยิ้มที่หยางหยางมองแล้วไม่สบอารมณ์และเดินพ้นประตูห้องไป
“ความรู้สึกของนายไม่ได้มีค่าขนาดให้ใส่ใจขนาดนั้นหรอก หยางหยาง”
แม้ได้ยินแบบนั้น หยางหยางที่เป็นคนใหม่ก็แทบควบคุมอารมณ์ไว้ไม่ได้
เขากำหมัดแน่นและทุบที่โต๊ะชุดรับแขกตรงหน้าอย่างเจ็บใจ ผู้จัดการของเขาตามมาตบบ่าระงับอารมณ์เขาและก้นด่ารองประธานคู่แข่งด้วยความไม่พอใจด้วย
“ให้ตายสิ หมอนี่ยังปากร้ายเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
เธอพูดว่าแค่นั้น และตบบ่าหยางหยางให้รู้สึกถึงแรงห่วงใยเพิ่มขึ้น
เขาหันไปมองรองประธานคนนั้นที่กำลังคุยอยู่กับทีมงานนิยตสาร
ทีมงานของอี้เฟิงเดินล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
และอี้เฟิง..เขาทันเพียงแค่เห็นแผ่นหลังนั้น ไม่มีโอกาสได้สบตาอีกครั้ง
“พี่ให้นายตัดสินใจเอง หยางหยาง นายโตแล้ว
นายรู้ว่าจะรักอี้เฟิงอย่างไรโดยที่เขาจะไม่ลำบาก”
หยางหยางนึกถึงสายตาที่ส่งมา ดวงตาคู่นั้นหวาน น่ารักจับใจ
จนหยางหยางจดจำมันไม่ลืม เขาลอบยิ้มออกมาเบาบาง และบอกกับตัวเอง
**************************************************************TBC FINAL Chapter
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น