วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

[Fic] THISMAN 2:: BLOSSOM - CHAPTER : 4 คนที่เฝ้าระวัง'



TITLE : THISM<N :: BLOSSOM
CHAPTER :  CHAPTER : 4  'คนที่เฝ้าระวัง'
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG - 13

 TELL :: ความรักทำให้คนเราสับสนจนแทบเป็นบ้า


*****************************************************************************






“หยุดทำอะไรไร้ประโยชน์ได้แล้ว เจ้าเด็กบ้าเอ๊ย”




เสียงดังมาจากประตูห้อง หยางหยางที่นั่งจมอยู่กับตัวเอง และมือถือเครื่องสวยของเขาแทบทุกวัน และทุกช่วงเวลาว่างหากมีเว้นว่างจากงานและหลังจากทำงานเสร็จ เขาจะมีนั่งจับจ้องและใช้มันติดต่อไปหาอีกคนที่เขาคิดถึง





หลี่อี้เฟิง เทพบุตรน้อยของเขาคนนั้น






แม้ว่าจะไม่มีสัญญาณหรือข้อความอะไรตอบกลับมา หรือแม้ซักมิสคอลที่เขาอยากให้มันเป็นจริงตามปรารถนา แต่เขาก็จะส่งข้อความ ไปหาทุกช่องทาง หรือกดโทรหา แต่จะต้องไม่มากเกินความจำเป็น จะทำเท่าที่ทำได้


“จะให้ผมเลิกยังไง”
“นายนี่มันหลงเขาจนโงหัวไม่ขึ้น”
“ก็....อย่างนั้นล่ะครับ”


หยางหยางส่งยิ้มอ่อน ๆ ให้พลางหลับตานึกถึงใบหน้าหวานของอีกคนที่เคยอยู่ในอ้อมกอด ล่าสุดแม้ไม่นาน แต่ก็รู้สึกถึงความจืดจางไปเสียแล้วของไออุ่นที่เคยกอดตัวนุ่มนิ่มของเทพบุตรคนนั้นของเขาไว้







เขาคิดถึง …..








หยางหยางคิดถึงอี้เฟิงตลอดเวลา และอยากพูดคุยด้วยซักครั้งไม่ว่าช่องทางไหน เขาจึงพยายามทำอย่างที่เขาทำได้ในสถานะตอนนี้  เพราะไม่สามารถออกไปไหนได้ตามใจอีกแล้ว และอีกฝ่ายเองก็ปกป้องเทพบุตรของพวกเขาอย่างแน่นหนา จนหยางหยางไร้หนทางจะเข้าไปกอดอีกคนหนึ่งได้ ก็อย่างน้อยในช่วงเวลานี้ หยางหยางไม่สามารถทำอะไรไปมากกว่าจดจ้องมือถือและเฝ้ารอ






“ผมน่ะ..ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการนั่งไถจอมือถือนี่แล้วนี่ครับ แถมบางทีก็เจออะไรรบกวนใจอีก”
“ก็อย่าให้มันมารบกวนนายตอนทำงานแล้วกัน แบ่งอารมณ์ให้ได้”







ผู้จัดการของหยางหยางรู้ดีว่า สิ่งที่รบกวนหัวใจหยางหยางตอนนี้คือ ข่าวลือมาใหม่ล่าสุด เรื่องของหลี่อี้เฟิง ที่จะมีงานกับดารารุ่นพี่ที่เคยร่วมงานแถมระดับความสนิทสนมยังไม่น้อยเสียด้วย อย่างเฉินเหว่ยถิง


“อย่าฟุ้งซ่าน รักเขาในแบบที่รักได้ และถ้ามั่นใจถ้านายมั่นใจว่าเขารักนาย ก็อย่าระแวง”


เธอเองก้ไม่กล้าบอกว่าให้หยางหยางเชื่อใจอี้เฟิงคนนั้น เพราะเธอไม่เห็นวี่แววว่าอี้เฟิงจะรักหยางหยางเท่าที่เด็กของเธอรัก อีกฝั่งอาจจะเพิ่งเริ่มหวั่นไหวและสับสนกับเด็กน้อยของเธอ ซึ่งนั่นหมายความว่าหยางหยางทำได้แค่อย่าระแวงไม่เป็นเรื่อง แต่ให้เชื่อใจอีกฝ่าย ยังเป็นเรื่องคิดไกล เพราะอีกฝ่ายยังไม่มีใจให้หยางหยางไปเชื่อด้วยซ้ำ





เธอเชื่อเช่นนั้น







“ครับ....”  หยางหยางรับคำเสียงอ่อน และใช้เวลาว่างส่วนสุดท้ายก่อนเริ่มงานในช่วงต่อไป เฝ้ามองจอโทรศัพท์อีกครั้ง









จะอย่างไรก็ไม่รู้...แต่เท่าที่หยางหยางรู้หัวใจตัวเอง คือ เขาถอนหัวใจไม่ได้ รักหลี่อี้เฟิงจนมากมายขนาดนี้ ดูเหมือนมันงมงายไปเลยด้วยซ้ำ







หลี่อี้เฟิงทำให้เขาจมอยู่กับความรักที่แสนเจ็บปวดนี้  ไม่หรอก เขาไม่คิดเกลียด หรือโกรธแค้นอะไร
เพราะเหตุการณ์ที่เคยได้กระทำมามันยังถูกบันทึกอยู่ในใจ ทั้งเสียงอ้อนวอน ขอร้อง ทั้งหยดน้ำตา
บางที ตอนนี้คือช่วงเวลาชดใช้สิ่งที่ทำไป






เราแลกกัน ความรู้สึกนั้น  เขาเจ็บปวดบ้าง








นั่นล่ะ มันจะเป็นอะไรไป









THISM<N :: BLOSSOM















“ครับ ขอบคุณมากครับ” อี้เฟิงรับบทละครเล่มสุดท้าย ละครของเขาใกล้ปิดกล้องแล้ว และจะได้ไปจากเมืองนี้ในอีกไม่กี่วัน ตากลมโตมองบทละครในมือ และคิดไปถึงช่วงเวลาที่แสนสั้นที่เหลืออยู่  ที่เขาจะได้อยู่ที่เมืองนี้  ถ้าจากเมืองใหญ่นี้ไป ก็จะไม่ได้พบกับคนคนนี้..ซาตาน..ที่เคยเป็นซาตานผู้ใจร้ายของเขา  หยางหยาง






คิดแล้ว หัวใจพาลปวดร้าว ริ้วแล่นให้รู้สึกเจ็บปวด  อี้เฟิงนิ่วหน้าและแสร้งไม่สนใจ เพราะมีผู้จัดการของเขาจดจ้องอยู่ ช่วงนี้จะจ้องจับผิดอี้เฟิงเป็นพิเศษ เพราะจะปล่อยให้อี้เฟิงออกไปไหน หนีไปไหนตามใจไม่ได้อีกแล้ว เพราะความผิดที่ก่อไว้เมื่อครั้งนั้น เผลอหลงใหล้ความหวานหอมที่ซาตานมอบให้ อี้เฟิงรับผิดโดยดีและไม่โต้แย้ง ที่จริงแล้ว เขาอยากก้าวไปสู่เส้นทางนั้นกับหยางหยางเอง มันทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะมารอรับผลที่ทำไป  แต่มันคุ้ม... อย่างน้อยอี้เฟิงก็รู้ว่าหัวใจของตัวเองเป็นอะไร 







อี้เฟิงยอมรับความรู้สึกแรกของตัวเอง เมื่อเห็นหน้าหยางหยาง เขายอมทำตามทุกอย่างที่ซาตานพูดดั่งเช่นคำหวานที่ถูกหว่านล้อม หวานแต่พิษร้าย





ซึ่งเขายอม







หลังจากนั้นอี้เฟิงก็ปล่อยให้ตัวเองสับสนต่อไปเรื่อย ๆ ไปพร้อม ๆ กับคิดคนคนนี้ที่ทำให้ใจสับสน  ไม่อยากยอมรับอะไรซักอย่าง แต่รู้อย่างเดียวคือ คำพูดและใบหน้าหล่อคมคายนั้นของหยางหยาง ทำให้เขายอมทุกอย่างยามเขาได้สบและเอื้อนเอ่ย







เทพบุตรผู้นี้ช่างอ่อนแอ ...เขาคิด และไม่นานก็หยุดคิด  งานที่หนักหน่วงยังรอเขาอยู่









แม้ในใจจะหน่วงหนัก เพราะต้องทนคิดถึงซาตาน












THISM<N :: BLOSSOM









จนเมื่อหยางหยางเลิกงาน ในวันนี้ บทละครมากมายถูกส่งให้เขาไม่หยุด เพราะก่อนหน้านี้มีการหยุดการถ่ายทำเพราะว่าสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย และนักแสดงหลายคนต่างเหนื่อยล้ากัน ช่วงเวลาไม่เป็นใจ ทุกอย่างทำให้การถ่ายทำช้าลง แต่สถานที่นั้นมีเวลาให้ใช้อย่างจำกัด เวลาที่ละครที่เขาร่วมงานจะปิดกล้องแล้ว  ทีมงานทุกเร่งรีบกันจนไม่มีเวลามานั่งว่าง แต่หากเมื่อว่างก็จะนอนพักเอาแรงกัน  เรื่องอื่นแทบไม่สนใจ








เวลาผ่านไปนานหลายวัน อี้เฟิงและหยางหยางยังไม่ได้ติดต่อกันทางใดเลยซักทาง หยางหยางที่สามารถรับรู้ได้เพียงแค่เปิดมือถือเช็คข่าว มองใบหน้าของอีกคนผ่านหน้าจอมือถือ แต่หากวันนี้ตลอดวัน หยางหยางแทบไม่ได้แตะมือถือเครื่องสวยของตัวเองเลยซักนิด แม้จะว่าง เขาก็จะรู้สึกเหนื่อยจนแทบไม่อยากหยิบจับอะไร และล้าจะหลับไปเสียก่อน และก่อนจะถูกปลุกไปทำงานต่อ วนกันไปอย่างนี้ หรือไปกินข้าวกันอย่างรีบ และถ่ายต่อ









เขากลับมาแตะมือถืออีกครั้ง กลับเจออะไรไม่สบอารมณ์อย่างมากจนทำให้เขาเริ่มโกรธ









“อวยพรวันเกิดกันข้ามประเทศเลยเชียว”








ริมฝีปากเรียวพูดพลางขบริมฝีปากอย่างประชดประชัน เพราะไม่พอใจอย่างยิ่ง แน่นอน กับเขาอี้เฟิงไม่เคยทำแบบนี้ ก็แน่ล่ะ เราทั้งคู่เริ่มต้นด้วยความเกลียดจะอะไรแบบนี้ คงเป็นไปไม่ได้  แต่หากเป็นคนอื่น ๆ หลี่อี้เฟิงสามารถส่งข้อความ หรืออัพเดตถึงความสัมพันธ์กันแบบเปิดเผยได้ในโลกออนไลน์ แต่ทำไมกันถึงต้องเป็นคนที่เขาหวาดระแวง









เขากำลังเฝ้าระวัง คนคนนี้อยู่








ข้อความ และน้ำเสียง แววตาคู่นั้นที่อยู่ในคลิปถูกหยางหยางเปิดดูหลายรอบจนชอกช้ำใจไปหลายครั้ง  ใบหน้าหล่อเหลบิดเบี้ยว ความไม่พอใจเริ่มมากยิ่งขึ้น  จนทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาแทบเขวี้ยงมือถือออกไปให้พ้นมือ เสียแต่ตรงผู้จัดการของเขาเข้ามาในห้องพักเสียก่อนและมองเขาด้วยสายตาคาดโทษว่าอย่าทำอะไรที่แสดงอารมณ์รุนแรงแบบนั้นอีก  เขาหยุดมีอย่างเสียได้  จนเมื่อได้เห็นข้อความในโซเชี่ยลมีเดียชื่อดัง มีข่าวลือขจากแฟนคลับของอี้เฟิงผ่านตาเขามา จากที่เขาได้เข้าไปสืบและตามดูข่าวต่าง ๆของอี้เฟิงอย่างเงียบ ๆ แหล่งข่าวที่ดี ไม่ใช่ใครที่ไหน เหล่าแฟน ๆ ของพวกเขาเป็นแหล่งข่าวที่ดี เพราะพวกเธอเหล่านี้จะคอยตามติด จะดูแลไม่เชิงแต่จะทำร้ายก็ไม่ใช่  แต่อย่างน้อยก็สามารถรับรู้ข่าวที่พอจะเชื่อได้อยู่ไม่น้อย








มีแฟนคลับบอกในแอคเค้าท์ออนไลน์ของเธอว่า พบเฉินเหว่ยถิงแถว ๆ ร้านอาหารร้านหนึ่งที่เขารู้จักดี หลังจากอี้เฟิงกลับมาจากต่างประเทศ  เขาไปพบกับรุ่นพี่คนนี้หรือ








นิทกันมากเกินไปแล้ว.... หยางหยางคิด พลางกำมือแน่น  เขาอยากจะทำอะไรซักอย่าง อารมณ์ของเขาเดือดพุ่งพล่าน




หยางหยางรู้ดีว่า ว่าหากเป็นเรื่องของหลี่อี้เฟิง อารมณ์หลากหลายอย่างของเขาจะพุ่งพล่านขึ้นมา ทั้งรัก ทั้งหวง  มันยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้ยินว่า อีกฝ่ายไปกับอีกคนจะเป็นข่าวลือหรืออะไรก็ช่าง เทพบุตรน้อยของเขาก็จะถูกใครคนอื่นแตะต้องนอกจากงานของเขาหรือ






ความหวาดระแวง มากขึ้นเรื่อย
เขาต้องเฝ้าระวัง









หยางหยางนึกออกว่าอีกไม่กี่วันในสัปดาห์ เขาจะได้ไปอยู่เมืองเดียวกับหลี่อี้เฟิงแล้ว เขาจะเฝ้ารอเวลานั้น 









เขาหวงเทพบุตรของเขามากกว่าใคร ๆ จะไม่ยอมให้ใครแตะต้องคนคนนี้ได้









THISM<N :: BLOSSOM









คนคนนี้ไม่ละความพยายาม ....









ใช่ว่าอี้เฟิงจะไม่เห็นความพยายามอันมากมายของหยางหยาง ที่เพียรส่งข้อความทุกช่องทาง มิสคอล หรือแม้แต่อัพเดตโซเชี่ยลลที่จะสื่อถึงเขา อี้เฟิงรับรู้ได้ แต่เขาไม่สามารถตอบกลับอะไรหยางหยางไปได้ แบบที่เคยทำ ตั้งแต่ที่เราแยกกันหลังจากคื่นอันแสนหวานที่ไม่อยากลืมเลือน  นับได้ก็นานพอสมควร








ถึงข้อความที่ตอบกลับหยางหยางมันจะไม่ใช่ข้อความที่สื่อไปในทางที่จะทำให้ซาตานผู้นั้นได้ใจก็เถอะ  แต่ซาตานผู้นั้นพอใจมากกว่าใคร









เอ๊ะ....













เมื่อฉุกคิดในใจได้ เทพบุตรน้อยกลับมาคิดถึงทุกอย่างในใจที่เกิดขึ้น จะบอกว่าเขารู้สึกตัวช้าก็ย่อมได้










อี้เฟิงถลำลึกในความรู้สึกกับหยางหยางไปมากขนาดไหนแล้วกันล่ะ ?









เป็นห่วงเขา ? นั่นก็ใช่  กังวลเรื่องเขา  ? นั่นก็ใช่อีก คิดถึงเขาอีกอย่าง นั่นก็ยอมรับ








มีคำคำหนึ่งผุดงอกเงยขึ้นในใจ แต่อี้เฟิงกลับเด็ดมันทิ้งไป ราวกับมันมีพิษ














จะอะไรเสียเล่า ถ้าไม่ใช่คำว่า รัก











เป็นครั้งแรกที่อี้เฟิงคิดถึงคนคนนั้น แล้วปรากฏคำว่ารัก ขึ้นมาในใจ








คนหน้าหวานถอนหายใจออกมา จนผู้จัดการที่นั่งดูตารางของเขาอยู่ใกล้หันมามอง แม้ว่าเธอจะไม่พูดอะไร แต่เธอรู้ว่าอี้เฟิงกำลังคิดเรื่องอะไร  ก่อนหน้านี้อี้เฟิงถูกเธอตักเตือนเรื่องหยางหยาง และให้เลิกคิดจะกลับไปยุ่งกับซาตานคนนี้  จะทำอย่างไรได้เล่า คิดถึงเขา มีเขาวนเวียนในความคิดทุกวัน อาจจะเพราะสับสน  หรืออะไรก็แล้ว เขาเลิกคิดไมได้  แต่ผู้จัดการของอี้เฟิง ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่อยากให้ไปยุ่งวุ่นวายกับอีกฝั่งที่ไม่ถูกกันอย่างยิ่ง








และอีกอย่างตอนนี้เขามีเรื่องที่ต้องให้คิดกังวลเพิ่มขึ้นมา







รุ่นพี่เฉินเหว่ยถิงที่เริ่มรุกหนักมากยิ่งขึ้น อี้เฟิงที่มอบความสัมพันธ์ให้รุ่นพี่คนนี้ได้เพียงพี่ชายน้องชาย แต่เขาดูเหมือนอยากได้อะไรมากกว่านั้น  อีกฝ่ายคอยส่งข้อความ ติดต่อมาหา ฝ่ายผู้จัดการของอี้เฟิงไม่ได้ห้าม ผู้จัดการฝ่ายโน้นก็ไม่ได้ถือสาเรื่องพวกนี้แถมไม่สนใจที่รุ่นพี่ทำ เพราะถือว่าโตแล้วก็ย่อมมีความคิดเป็นของตัวเอง  แต่กับอี้เฟิงมันไม่ใช่ เขาถูกดูแลตามติดแทบจะตลอดเวลา เพราะความโด่งดังของเขา และแฟนคลับหลากหลาย







ก่อนหน้านี้ทีมงานของเขาและรุ่นพี่ได้ไปกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหาร ไม่ได้มีเพียงแค่เขาสองคนไปด้วย  จึงหลีกเลี่ยงการอยู่กันลำพังได้  อี้เฟิงเคยจำได้เมื่อครั้งก่อนที่เคยไปร่วมวงดื่มกัน รุ่นพี่คนนี้กลับมีท่าทีเปลี่ยนไป  รุกเข้าใส่อี้เฟิงอย่างไม่ลดละ ครั้งแรกที่อี้เฟิงรับรู้ได้ ก็ก่อนที่อี้เฟิงจะถูกซาตานใจร้ายลากไปลงนรกครั้งนั้น อี้เฟิงแม้ไม่อยากจดจำแต่เพราะมันเจ็บช้ำมากจริง ๆ และกับเฉินเหว่ยถิง ก็ฝังใจอยู่ไม่เบา อีกครั้งที่บังเอิญพบกัน ไม่มีใครรู้ รุ่นพี่ผู้นี้รุกเขาเป็นว่าเล่น สัมผัสเนื้อตัว จนอี้เฟิงต้องพูดติดตลกให้เขาถอยเว้นระยะให้บ้าง แต่เขาก็พูดทีเล่นทีจริงว่า จะตั้งใจเปลี่ยนความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ในพัฒนาขึ้น อี้เฟิงแสร้งไม่เข้าใจ ตัดบทไป รุ่นพี่ก็ไม่ถามอะไรต่อ และแยกกันไป


จนมาหลายวันแม้ทำงานกันคนละเมือง ก็ยังมีข้อความส่งถึงกัน อี้เฟิงจำเป็นต้องตอบไป เพราะเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกันมานาน แถมเร็ว ๆ นี้จะมีผลงานร่วมกัน จึงจำเป็นต้องสานสัมพันธ์ไว้ ซึ่งผู้จัดการของอี้เฟิงก็เห็นว่าดี  และครั้งนี้ก็อีกครั้ง






“ก็ไปสิ ใกล้ ๆ นี้เอง “






อี้เฟิงที่ได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ได้แล้วบ้าง  แต่เขาจะต้องถูกเช็คทุกอย่างหลังจากใช้ไป จึงไม่สามารถส่งข้อความอะไรไปให้หยางหยาง หรือตอบรับอะไรได้ เมื่อผู้จัดการของอี้เฟิงพบข้อความหรืออะไรก็ตามจากหยางหยาง เธอจะไม่พอใจและลบมันทิ้งไปทันที แม้ทีวีที่ฉายใบหน้าหล่อเหลานั้น เธอยังกดเปลี่ยนช่องโดยแทบไม่ต้องรอ







“แต่มันจะดีหรอ ไปแล้วแฟนคลับคงจะเห็น”







อี้เฟิงไม่เข้าใจที่เธอเห็นดีงามไปด้วยที่รุ่นพี่เหว่ยถิงชวนไปดื่มกันที่บาร์ใกล้ ๆ เป็นบาร์ที่อี้เฟิงเคยไปมาก่อนและเป็นที่ประจำหากมีเวลาว่างและปลีกตัวไปได้ แน่นอน ไม่ใช่บาร์ที่เกิดเหตุที่เป็นบาร์ของเพื่อนของหยางหยาง วันนี้เขาอยู่คอนโดของตัวเองในเมืองหลวง อีกฝ่ายรู้ที่อยู่ดีอยู่แล้ว เขาคงจะมารับในไม่ช้า หากอี้เฟิงตกลงไป







“เธอจะต้องมีงานใหญ่กับเขา หนังดัง เราควรจะมีความสัมพันธ์ที่ดี”







หยางหยางก็ดังไม่แพ้เฉินเหว่ยถิงเลย แต่ด้วยภาพลักษณ์และข่าวลือของหยางหยางทำให้สื่อหลายแห่งไม่ค่อยชอบพอ หยางหยางเท่าไหร่  หยางหยางเองก็เป็นเด็กตัวแสบไม่ใช่น้อย แม้จะเป็นเรื่องในอดีต แต่นั่นอาจจะฝังใจเหล่าบรรดาสื่อ และเซเลปในวงการบันเทิงหลายคนไปแล้ว เฉินเหว่ยถิงจึงเป็นต่อในเรื่องภาพลักษณ์ในวงการมากกว่าอยู่ไม่น้อย อี้เฟิงพอเข้าใจที่ผู้จัดการของเขาอนุญาตให้ไป





“ถ้ากระแสของพวกเธอสองคนกลับมาก็ไม่เลวหรอก สื่อหลายทีมก็ดูชอบไม่น้อย เล่นข่าวได้เยอะ”








เธอพูดถึงเรื่องผลประโยชน์จากการปั่นกระแสที่ได้รับ ออกไปข้างนอก แฟนคลับอออกจากเห็นหรือคนที่รู้จักพวกเขาสองคนอาจจะพบเจอ แต่เลี่ยงไมได้ ผู้จัดการของอี้เฟิงอยากให้เขาทั้งสองคนมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นอย่างที่เคยเล่นละครด้วยกันก่อนหน้านี้ เพราะหลังจากนั้นกว่าอี้เฟิงจะได้พบเฉินเหว่ยถิงก็หลายเดือนจนเกิดเหตุการณ์น่าอึดอัดเช่นวันนั้น ที่เธอไม่รู้ แน่นอนว่าหยางหยางมีภาพลักษณ์ที่แย่กว่าอยู่แล้ว ต่อให้แม้ว่าเขาจะเล่าเรื่องที่เฉินเหว่ยถิงเองก็ทำอะไรที่ทำให้เขาอึดอัด แต่เธอก็จะเห็นว่ามันเป็นการหยอกเย้า กันตามประสาคนสนิทกัน เพราะเฉินเหว่ยถิงไม่แสดงความรู้สึก หรือ บอกรัก อย่างชัดเจน แบบที่หยางหยางทำ เธอบอกว่า ความรู้สึกของหยางหยาง มันน่าสะอิดสะเอียน ที่กล้ามารักคนของเธอ อี้เฟิงก็เพิ่งรู้สึกได้ว่า เธอและทีมของเขา เกลียดกันจนกินกันไม่ลงกับทีมของหยางหยางมากขนาดนี้








แบบนี้เราจะทำอย่างไรได้หยางหยาง นอกจากจะต้องอยู่กันอย่างนี้ไปตลอด






มันเป็นไปไม่ได้เลย ต่อให้หลี่อี้เฟิงผู้นี้หลงรักหยางหยางเข้าจริง ๆ  ก็เป็นไปไม่ได้ เขาไม่เห็นแสงตรงปลายทางเลยซักเสี้ยว





เดี๋ยวก่อน....








ทำไมเขาถึงคิดว่าจะรักคนคนนี้จริง ๆ กันล่ะ


นั่นมันควรจะเป็นไปไม่ได้...อี้เฟิงย้ำคิด














“ไปสิ แต่ต้องกลับมาเที่ยงคืนนะ”  เธอพูดเหมือนแกมบังคับ ผู้จัดการของเขาสั่งจบก็กลับไปเช็คตารางงาน พร้อมโทรรายงานผลงานวันนี้ เธอเป็นนักธุรกิจตัวจริง









อี้เฟิงยอมทำตาม เพราะอย่างไร เฉินเหว่ยถิงและเขาก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีในฐานะพี่น้องและยังต้องร่วมงานกันอีกมาก ฉะนั้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเป็นเรื่องไม่เสียหายและจะไม่อึดอัดไปมากกว่านี้ในเวลาที่เขากับรุ่นพี่ร่วมงานกันจริง ๆ เมื่อถึงเวลา ไปเวลาดึกแบบนี้แฟนคลับคงน้อย เขาไม่อยากให้เป็นข่าวดังจนมันปั่นกระแสกลบเรื่องงานอื่น ๆไปหมด เหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ และเผื่ออีกคนที่เขาคิดถึงอยู่ไม่ขาดจะมาเห็นมัน..







นั่นล่ะที่อี้เฟิงกังวลอยู่ เจ้าเด็กคนนั้นต้องเป็นบ้า ด้วยนิสัยแบบนั้นแล้ว









“ให้ตาย ทำไมฉันต้องมาคิดอะไรแบบนี้ด้วย “ เทพบุตรน้อยตัดรำคาญความคิดอันสับสนอย่างมากมาย และหลังจากนั้นอี้เฟิงก็แต่งตัวเป็นเสื้อผ้าสบาย ๆ  ระหว่างทางเดินลงไปรอรุ่นพี่ด้านล่าง เขาใช้นิ้วเรียวปัดหน้าจอโทรศัพท์รอเวลา









อี้เฟิงเกือบลืมไปแล้วเชียวว่าหยางหยางอยู่ที่เมืองเดียวกับเขาแล้ว  ไม่นานก่อนหน้า เขาเห็นแฟนคลับรายงานว่าหยาง หยางมาถึงแล้ว  พักหลังอี้เฟิงไม่ค่อยได้แตะต้องโทรศัพท์ เพราะทั้งถูกสั่งห้ามและงานรุมเร้า ข่าวนี้เป็นเรื่องบังเอิญที่ได้พบเห็นก่อน







ทั้งเขา รุ่นพี่เหว่ยถิงและหยางหยาง






อี้เฟิงไม่แน่ใจว่า เขาจะจุดความกังวลขึ้นมาทำไม  เขาและหยางหยางไม่มีทางจะมาใกล้กันได้อีก หากผู้คนที่รายล้อมเราที่มีอิทธิพลต่อเราไม่เคยยินยอมในระยะใกล้ของเราสองคน ทำอะไรไม่ได้เลย









แต่ความกังวลที่จุดไว้ ไม่ดับไป







อี้เฟิงเองก็กลัวใจหยางหยางอยู่เหมือนกัน เพราะคนคนนี้เป็นคนคาดเดาการกระทำได้ยาก







หยางหยางในช่วงหลัง ๆ เองก็ไม่ได้ส่งอะไรมาให้เขามาก อี้เฟิงเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงเหนื่อยมากจริง ๆ กับการพยายามที่ไร้ผล เพราะอี้เฟิงไม่สามารถตอบอะไรกลับไปได้อีกแล้ว  เพราะจะถูกตรวจเช็คอยู่ตลอดเวลา และจะยิ่งทำให้อี้เฟิงอึดอัด เขาตัดปัญหาโดยการไม่ส่งอะไรไปให้ เพื่อให้หยางหยางเลี่ยงการถูกคาดโทษอีก นี่คือสิ่งที่อี้เฟิงทำได้ อย่าทำให้มันแย่ไปกว่าที่เป็นอยู่







รอบตัวเทพบุตรที่ไม่มีใครชื่นชอบในซาตานเลย  แม้ซาตานจะพยายามกลับใจ แต่มันก็เหมือนโกหกหลอกลวง เพราะก็ยังเป็นซาตานคนเดิมที่ไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่า เขาจะกลับไปเป็นซาตานใจร้ายได้อีกเมื่อไร ไม่มีอะไรประกันได้  แม้กระทั่งคำว่ารักที่เขาพูดออกมา อี้เฟิงก็ไม่แน่ใจในตัวเขา แต่อี้เฟิงก็...ต้องยอมรับแล้วล่ะ เมื่อเวลาผ่านมาไม่น้อย









คำว่ารักของหยางหยาง ได้ซึมผ่านหัวใจของเขาได้บ้างแล้ว







THISM<N :: BLOSSOM











นี่มันดึกมากแล้วไม่ใช่รึไง...










หยางหยางยืมรถมาจากเฉินเสียง เพื่อนสนิทและขับตระเวนวนอยู่รอบคอนโดที่พักของอี้เฟิง สุดท้ายก็จอดพักอยู่หน้าประตูทางเข้าหลังที่พัก เพราะอี้เฟิงเป็นคนดัง เข้าทางประตูหลักคงจะทำให้เจ้าของวุ่นวายไม่น้อย หยางหยางรู้เรื่องนี้ เพราะถามไถ่เอากับผุ้จัดการของเธอ ที่เคยร่วมงานร่วมหัวจมท้ายกับทีมงานของอี้เฟิงมาก่อน  ผู้จัดการของหยางหยางเคยดูแลอี้เฟิงอยู่ช่วงเลยสั้น ๆ แต่ก็รู้ทุกอย่างที่สามารถรู้ได้ของอี้เฟิง เรื่องที่อยู่ไม่ใช่ปัญหาอะไร หยางหยางแสร้งถาม และในที่สุดเขาก็แหกข้อตกลง และ ออกมาเตร็ดเตร่รออี้เฟิงอยู่แถวนี้








หยางหยางยิ่งมีน้ำโห เมื่อรู้ว่า ยิ่งล่วงเวลาก็ยิ่งคิดไปว่าเทพบุตรของเขาต้องถูกชายคนนั้นแตะต้องมากเพียงใด  หยางหยางรู้ข่าวจากกองถ่าย และแฟนคลับ เหล่าสาวๆ พวกนั้นเล่ากันอย่างสนุกปากว่า หลี่อี้เฟิงและเฉินเหว่ยถิงกำลังไปเดทกัน เธอพูดหยอกล้อเป็นเรื่องสนุก แต่หยางหยางคิดเป็นจริงจัง เพราะเธอเหล่านั้นไม่รู้เรื่องราวอะไรที่เป็นเบื้องหลัง
ไม่ใช่แค่คัร้งแรก แต่เหมือนจะมีหลายครั้ง หยางหยางลอบถามจากผู้จัดการบ้างแม้ว่าตอนที่ถามจะถูกคาดคั้นแต่เขาปกปิดว่าเขาอยากจะทำอะไร เปิดโลกออนไลน์สืบดูบ้าง เท่าที่สามารถหาได้ เหล่าแฟนคลับที่เป็นผู้ชื่นชอบทั้งสองคนนั้นก็ต่างดีใจเมื่อมีข่าวลือของสองคนออกมา ไหนจะคลิปอวยพรเมื่อครั้งก่อน ยิ่งปั่นกระแสจนทำให้หยางหยางหงุดหงิด








ไม่รู้จะไปถึงไหนต่อไหนกัน.... หยางหยางคิดเองเออเองไปผู้เดียว












เขาหวาดระแวงรุ่นพี่คนนั้นสุดหัวใจ ถึงได้ยอมแหกข้อตกลงกับผู้จัดการของเขาไว้ว่าจะไม่ไปไหนโดยไม่บอก เพราะได้ยินข่าวมาหนาหูเรื่อย ครั้งก่อนที่รู้ว่าสองคนนี้อาจจะออกมาด้วยกัน เขาไม่สามารถออกมาได้ เพราะงานที่รุมเร้า และปลีกตัวแอบออกมายากเกินไปแต่ตอนนี้เขาทำได้ซักที  แต่เขาเป็นเด็กดีมานาน แต่เรื่องทรมารหัวใจแบบนี้ จะข้อตกลงอะไร หยางหยางก็ช่างมันแล้ว









จะบอกว่าเขาหึงหวงเป็นคนบ้า ..ให้พูดเช่นนั้นก็ไม่ผิด  เพราะนั่นคนของเขา เทพบุตรของเขา เป็นของหยางหยางผู้นี้แล้ว







ซาตานผู้นี้ตีตราทุกอย่างของเทพบุตรคนนี้แล้ว จะใครก็ห้ามทั้งนั้น








ยิ่งคิด ซาตานรูปหล่อยิ่งประสาทเสียขึ้นทุกขณะ  แต่หากเขาก็ยังนั่งรอในรถอย่างใจเย็น ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ที่เขาก็คงจะเป็นคนบ้า อาละวาด และไปดื่มเที่ยวอย่างที่เคยทำ เขาคิดได้มากขึ้น และเลิกทำแบบนั้นเสีย จนเพื่อนสนิทเฉินเสียงของเขาคิดถึงเพื่อนอย่างเขาไม่น้อย










หืม..?











หยางหยางที่จอดรถรออยู่หลังคอนโด ได้ยินเสียงรถอีกคันเทียบจอดใกล้ ๆ ที่นี้  เขาจึงหันไปดู













อี้เฟิงกับรุ่นพี่ เฉินเหว่ยถิง












รอยยิ้มที่เป็นของเขา ทุกตารางนิ้วที่เขาตีตรา ดวงตาคู่นั้นที่เขาหวงแหน









หยางหยางเป็นคนหวงของเหลือเกิน เขารู้ดี










อี้เฟิงเดินเข้ามาใกล้รถเรื่อยๆ แต่อีกฝ่ายไม่รู้ว่านี่เป็นรถของใครและมีใครคนหนึ่งนั่งอยู่ในรถ เฉินเหว่ยถิงเดินตามมาติด ๆ หยอกล้อกันดูสนุกสนานและมีความสุข จนหยางหยางจนเบือนหน้าหนี หยางหยางได้สัมผัสบรรยากาศมีความสุข และรอยยิ้มที่อี้เฟิงมอบให้เขา เพียงแค่ครั้งเดียว เท่านั้นก็ทำให้เขาเก็บไปฝันได้มากมาย แต่เฉินเหว่ยถิงคนนี้ได้ไปมากเท่าไหร่กันหรือ...









เขาหวงแหนอี้เฟิงคนนี้มากเหลือเกิน











ทั้งสองคนเดินกันมาเรื่อย ๆทอดน่องมาช้า ๆ  หยุดตรงหน้ารถของเขาที่ภายในมืดสนิท มองจากภายนอก ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่ามีใครอยู่ กลางคืนดึกสงัดเช่นนี้ ความสลัวของแสงไฟทำให้มองอะไรรอบตัวได้ยาก







หยางหยางมองไปยังภาพบาดตาที่ได้เห็น  ยิ่งได้เห็นยิ่งกรีดลึกในใจ ถ้าจะบอกว่านี่เป็นความเจ็บปวดทีให้เขาชดใช้ทดแทนความเจ็บปวดของอี้เฟิงที่อีกฝ่ายเคยได้รับก็ย่อมได้  เหมือนอี้เฟิงล่วงรู้อย่างไรอย่างนั้นว่าเขาอยู่ตรงนี้ นั่งอยู่ในรถนี่ พร้อมทั้งมองสองคนหัวเราะ ดูมีความสุขกันมากขนาดนี้





ไม่รู้ว่าทั้งคู่มีบทสนทนาอะไรกันที่ทำให้อี้เฟิงยิ้มได้สวยงามขนาดนั้น แต่มันไม่ใช่สำหรับเขา นอกจากนั้นเฉินเหว่ยถิงยังใช้โอกาสนี้สัมผัสเทพบุตรของเขาอีกด้วย ทั้งกอดทั้งแตะต้องไปทุกที่ที่ทำได้ ใกล้เกินไป
















เขาอยากได้ของของเขาคืน










ใบหน้าหล่อบิดเบี้ยว ความน้อยใจผสมกับความโกรธและความหึงหวงและหวงแหน ทุกอย่างรวมกันอย่างพอดี หยางหยางใช้ความรู้สึกทั้งหมดนั้นลงไปกับการกระทำบางอย่าง






แม้จะหักห้ามอารมณ์ไม่ให้ก้าวลงจากรถไปคว้าตัวอี้เฟิงมา และจัดการให้รู้เสียว่าเขาเป็นของใคร แต่อารมณ์ยังพุ่งพล่านอยู่มาก มือแข็งแรงกดแตรรถดังลั่นไปทั่วบริเวณ และส่องไฟบนหน้าให้สว่างจนทั้งสองคนที่ส่งภาพบาดตาให้หยางหยางตรงหน้าต้องหยุดคุยกัน และหันมาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น อี้เฟิงยกมือบังแสงไฟจ้าที่ส่องไปทางเขา เฉินเหว่ยถิงดูโกรธมาก แต่เขาก็โยกตัวมาบังอี้เฟิงไว้ หยางหยางยิ่งเปิดไฟให้จ้าและบีบแตรลั่นจนทำให้มีคนออกมาเพราะสนใจว่าเกิดอะไรขึ้นยามดึกค่ำคืนเช่นนี้ ทำให้ทั้งสองจำต้องแยกกันไป ก่อนที่จะมีใครมาเห็นมากกว่านี้ และเฉินเหว่ยถิงต้องส่งอี้เฟิงที่แค่ประตูหลังของตึกคอนโด และมีทีมบอดี้การ์ดของอี้เฟิงที่หยางหยางคุ้นหน้าคุ้นตาดีรับตัวไป ใบหน้าหวานหันมาทางรถของเขาอีกครั้ง หยางหยางจึงถอยรถกลับออกมาจากที่เกิดเหตุ





















“บ้าเอ๊ย!



หยางหยางตะโกนลั่นรถด้วยเสียงทุ่มที่แผดออกมา หลังจากขับออกมาไกล ออกมาระงับอารมณ์ที่เดือดอยู่ในตัว หยางหยางพยายามให้ตัวเขาใจเย็นลง เรื่อย ๆ จนเวลาผ่านไปนาน เขาคิดว่า เขาโชคดีที่ห้ามอารมณ์ตัวเองไว้ได้ ไม่ลงไปมีเรื่องราวกับเฉินเหว่ยถิงและไม่กระชากอี้เฟิงออกมา ที่ทำไปแม้ดูไม่มีประโยชน์อะไรก็ตาม ก็ยังทำให้สองคนนั้นแยกกันได้ แต่หลังจากนี้ก็ต้องเฝ้าระวังกันต่อไปอีก เพราะเขาหวาดระแวง เป็นซาตานผู้กังวล เพราะไม่รู้ว่าอี้เฟิงมีใจให้หรือไม่ เทพบุตรมีใจให้หรือเปล่า จึงทำได้แค่คาดการณ์และคิดไปเอง







“หากคุณรักผมบ้าง ผมคงไม่ต้องเป็นคนบ้าแบบนี้”  หยางหยางก้มหน้าลงซบที่พวงมาลัยรถ ปลดปล่อยอารมณ์และลมหายใจร้อน และหยดน้ำหยาดเล็ก ๆ ที่ซึมผ่านหางตา















“ก่อนหน้านี้คุณเจ็บปวดแบบนี้มั้ย คุณเทพบุตรของผม”































นั่นมัน...หยางหยาง








อี้เฟิงจำรถคันนั้นได้ ลาง ๆ ว่าเป็นรถของเพื่อนเขาที่เคยขับมาส่งของให้ก่อนที่เราสองคนจะไปมีคืนแสนหวานคืนนั้น และแน่นอน แววตาดุดันที่ได้สบ แม้เพียงชั่วครู่











 พอได้รู้ว่าเป็นซาตานผู้นั้น   อี้เฟิงก็นึกกังวลและหวาดกลัวในใจ












ความรู้สึกและเหตุการณ์เดิม ๆ ..แม้ไม่ใช่ของเดิม แต่มันกลับมาคล้ายเดิม

















อี้เฟิงกลัวสุดหัวใจว่าหยางหยางจะทำอะไรให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนถูกแช่แข็งไปตลอดกาล











แต่หยางหยางทำอะไรที่เขาคิดไม่ถึง











หยางหยางไม่ปรากฏตัวออกมาแต่ทำอะไรซักอย่างขัดขวางช่วงเวลาที่เขากับเฉินเหว่ยถิงอยู่ด้วยกัน  หยางหยางมาเห็นเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีกครั้ง เหมือนครั้งที่บาร์นั้น และหลังจากนั้นอี้เฟิงก็ถูกทำร้ายหนักหนาที่บาดลึกเป็นแผลในใจอี้เฟิงไปตลอดกาล









อี้เฟิงกลัวว่าหยางหยางจะทำให้แผลนั้นมันสดใหม่ขึ้น แต่หยางหยางไม่ทำ เขาทำแค่ขัดขวาง กดแตรรถ ส่องไฟสาดใส่พวกเขา ขัดขวางให้พวกเขาแยกกันและถอยกลับไป










ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ทำไม แต่อี้เฟิงอยากจะส่งอะไรไปหาเขาซักคำ อยากพูดออกไปซักคำถึงหยางหยางจะอะไรก็ได้  อี้เฟิงจึงฝืนคำสั่ง กดเปิดโซเชี่ยลอย่างหนึ่งที่เคยใช้คุยกับหยางหยางบ้าง เมื่อครั้งที่เราสองคนเริ่มพัฒนาความรู้สึกและยังคุยกันได้








จะพูดอย่างไรดี...









อี้เฟิงไม่อยากเรียกว่าความรู้สึกผิด ไม่ได้อยากแก้ต่างอะไร แต่แค่อยากพยุงความรู้สึกของตัวเองไม่ให้แย่ไปมากกว่านี้ เขาไม่แน่ใจว่าแววตาดุดันของหยางหยางที่เผลอสบกันแค่ไม่กี่วินาทีก่อนที่หยางหยางจะถอยรถกลับออกไปจะรู้สึกอะไรมากกว่าโกรธหรือไม่  แค่คาดการณ์ไปก่อนว่าคนคนนี้อาจจะตัดพ้ออะไรเขาซักอย่าง


















หลี่อี้เฟิงเกิดนึกสงสารอะไรขึ้นมากันล่ะ เขาถามตัวเอง นึกย้อนกลับไปเหตุการณ์ที่เจ็บปวดจากหยางหยางมากมาย และกลับมาสู่คืนแสนหวานและเหตุการณ์ตรงบานประตูที่เราสองคนสะสางความรู้สึก









มันตีกันไปหมด อี้เฟิงสับสนจนต้องทรุดลงนั่งกับพื้นพรมในคอนโดของตัวเอง และน้ำตาหยาดเล็กหยดไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย ทุกอย่างเริ่มเอ่อล้นออกมาจนห้ามไม่อยู่ อี้เฟิง..บอกตัวเองในเย็นลงกว่านี้หน่อย เขาสับสนในใจมากเกินกว่าจะห้ามความอารมณ์ความรู้สึก น้ำตาเปื้อนแก้มเต็มไปหมด 








"ฮึ่ก.."








อี้เฟิงไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้ทำไม แต่แค่อยากระบายออกมา มือเรียวยกโทรศัพท์ขึ้นมา แม้ผู้จัดการของเขาอนุญาตให้พกโทรศัพท์แต่ก็กำชับเรื่องหยางหยางไม่ขาด เขาจะฝ่าฝืนมัน









แต่ตอนนี้อี้เฟิงไม่อยากพูดคุยกับหยางหยาง ด้วยน้ำเสียงอ่อนแอเช่นนี้











จึงอยากส่งแค่ข้อความสั้น ๆ ไปหา ให้อีกคนได้อ่านมัน ....แค่ได้อ่านมัน







มือเรียวพิมพ์อย่างรวดเร็วจนครบทุกตัวอักษร เขาโยนโทรศัพท์วางไว้บนเตียงและฝ่ามือที่ว่างเปล่านั้นก็เป็นที่รองรับน้ำตาของเทพบุตรน้อย







ทำไมหลี่อี้เฟิงถึงเป็นได้ขนาดนี้กัน











กำแพงของอี้เฟิงได้พังทลายไปอีกชั้น













“นายไม่เป็นไรนะ”  อี้เฟิงพูดเสียงเบา ขาดเป็นห้วงจนจบประโยคสั้น ๆ นี้ มันเป็นข้อความเดียวกันกับที่ส่งไปหาหยางหยาง












หลังจากนั้นเทพบุตรน้อยก็สะอื้นไห้จนแทบขาดใจ














ยังมีกำแพงหนาใหญ่ที่ยังขวางเราสองคนไว้อยู่ แต่ดอกไม้ที่ถูกปลุกไว้แม้อาบยาพิษเสียทั่วดอกมันก็ยกเติบโตได้









******************************************************************************************TBC Chapter5 



TALK: กราบพี่ถิงอย่างสุดตัว








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น