วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

[Fic] THISMAN 2:: BLOSSOM - CHAPTER : 5 ‘คนที่ถูกขวางกั้น’





TITLE : THISM<N :: BLOSSOM
CHAPTER :  CHAPTER : 5 ‘คนที่ถูกขวางกั้น
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG - 13



*********************************************************************************************************




“ผมแค่อยากกอดคุณ..”






ประโยคนี้เป็นข้อความที่หยางหยางส่งไปหาอี้เฟิงตั้งแต่วันนั้นเขาได้รับข้อความสุดพิเศษจากเทพบุตรน้อย ที่เขาเฝ้าคอย หยางหยางรอให้อี้เฟิงตอบกลับอะไรมาบ้าง หลัังจากส่งข้อความอย่างที่เขาเอ่ยซ้ำนี้กลับไป เเละในที่สุดเขาก็ได้มันมา แม้จะต้องได้รับความเจ็บที่เขาได้ไปบังเอิญพบเห็นเสียก่อน แต่นั่นก็คุ้มแล้ว มันคุ้มเสียมากกว่าคุ้ม แค่ไม่กี่คำ ถามเขาว่าไม่เป็นไรใช่มั้ย นั่นทำให้หยางหยางมีพลังต่อไปในการรอ..การรอเพียงเพื่อคนคนเดียว ..คนที่หยางหยางรอดูแลหัวใจอยู่







เทพบุตรน้อยผู้มีรอยยิ้มที่สุดแสนประทับใจไม่รู้ลืม หลี่อี้เฟิง








“ฉันนี่มันเหมือนคนบ้าเลย”







หยางหยางพูดกับตัวเอง ตั้งแต่ที่หยางหยางได้รับข้อความนี้ เขาก็เปิดอ่านมันบ่อยจน ผู้จัดการสาวของเขาต้องขอถามให้รู้เรื่องบ้างว่า เขาได้รับอะไรที่สุดพิเศษมา และเขาบอกตามตรง หลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่หยางหยางลอบออกไปยามวิกาล เธอรู้และแน่นอนว่าไม่สามารถห้ามความดื้อดึงเป็นปกติตามนิสัยของหยางหยางได้ แต่เธอก็พอใจที่หยางหยางเติบโตขึ้น ระงับอารมณ์ได้ และไม่แสดงตัวต่อคนสองคนนั้น อย่างน้อยก็ไม่มีใครรู้ว่านั่นเป็นหยางหยาง เธอจะถือเสียว่า เจ้าเด็กบ้านี่ไม่ได้ทำอะไร  สองสามชั่วโมงที่หยางหยางหายไป เธอแค่ถือว่าปล่อยให้หมาป่าไปวิ่งเล่น






“วันนั้นผมได้สบตาเขาครู่หนึ่งด้วย”
“จะมาเล่าฉันให้ได้อะไร”
“ให้รู้ว่า เขารู้ว่าเป็นผม และผมก็ได้พิสูจน์ให้เขาเห็นว่า ผมไม่ได้ร้ายกาจแบบที่เคยเป็น..กับเขาแล้ว เห็นภาพบาดใจผมขนาดนั้น ถ้า...อืม ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมอาจจะเป็นหมาบ้าไปแล้ว”





พี่สาวผู้จัดการเอียงคอพลางนึกคิดตามที่หยางหยางพูดไป ซึ่งมันก็จริง เหตุการณ์ทุกอย่างมันผ่านไปอย่างรวดเร็วแม้เป็นช่วงเวลาที่ถือว่านาน ทุกอย่างผ่านไปราวกับหมุนรอบตัวเองเพียงแค่รอบเดียว เหตุการณ์ทุกอย่างก็เป็นอดีตไปหมดแล้ว เด็กของเธอโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด






ไม่แน่ใจว่า จากการเติบโตนี้เป็นเพราะจากการได้ตกหลุมรักใครซักคนอย่างจริงจังของหยางหยางหรือเปล่า แม้จะเจ็บปวดเจียนจะขาดใจ แต่แลกกับการเป็นผู้เป็นคนไม่เสเพลแบบอย่างเมื่อก่อน...





นั่นก็ดีแล้ว..เธอคิดเช่นนั้น





“ก่อนจะกลายเป็นคนบ้า นายช่วยไปทำงานกับฉันก่อนเถอะ หยางหยาง จะสายแล้ว รีบไปเตรียมตัว”





ดาราหนุ่มน้อยรูปหล่อหันไปสบตากับผู้จัดการที่ใจดี ก่อนจะยิ้มบางเบาให้ เก็บมอืถือลงกระเป๋าเสื้อโค้ทและลุกขึ้นไปเตรียมตัวตามที่เธอบอก  เขาแสดงสีหน้าอะไรออกไปให้เธอเห็นกัน เธอจึงได้ยิ้มพอใจแบบนั้น หรืออาจเป็นการพัฒนาการการใช้ชีวิตของเขาที่เธอรู้สึกว่า เธอที่เป็นผู้จัดการของเขาอาจจะไมต้องเหนื่อยตามเช็ดล้างเรื่องไม่ดีที่เขาเคยทำแบบอย่างเมื่อครั้งก่อน จากเหตุการณ์ที่เขาไปพบ อี้เฟิงกับรุ่นพี่เฉินเหว่ยถิงอยู่ด้วยกัน นั่นทำให้เขาได้วัดใจ เป็นด่านทดสอบที่แสนเจ็บปวด เขารักอี้เฟิงมากเท่าไหร่ เขารู้ดี ภาพชวนเสียดแทงหัวใจนั่นเป็นเครื่องทดสอบได้ดี  เขาควรจะคิดอะไรแบบนี้ได้นานแล้ว อาจจะสายเกินไปสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเขาการมาคิดได้เอาเวลาป่านนี้ก็ยังดี..ก็ยังดีที่คิดออกว่าเขาควรปรับปรุงตัว อย่างน้อยก็เพื่อการเตรียมตัวเพื่อรอดูแลหัวใจของใครบางคน









“แค่นี้ผมก็มีความสุข..ตามที่ควรได้แล้วพี่ ”






ริมฝีปากได้รูปจุดยิ้มมุมปากอีกครั้งเอียงคอเพื่อบอกว่า เขาพอใจแล้วกับสิ่งเล็กน้อยแค่นี้ หยางหยางสอดมือเข้าไปในกระเป๋าโค้ทอีกครั้ง กำมือถือเครื่องสวยของเขาไว้แน่น และยิ้มกว้างเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย







ทุกวันนี้ หยางหยางมีกำลังใจการทำทุกอย่างในตอนนี้ ก็เพราะคนคนนี้ แม้แค่ไม่กี่คำ หรือเพียงแค่สายตาที่ส่งมาใก้ เพียงแค่นั้นก็พอแล้ว







ซาตานผู้ระโหยโรยแรง เพียงได้ความสดใสจากเทพบุตรน้อย..เเค่นี้ก็เพียงพอ









อา...ใช่แล้วอีกอย่างหนึ่งที่หยางหยางคิดได้ 







ที่จริง ..หยางหยางก็คิดเพิ่มได้อีกอย่างหนึ่งว่า ต่อให้อี้เฟิงจะอยู่กับใคร แต่เขาก็ยังจะรักต่อไป..หรือแม้ว่าอี้เฟิงจะมอบหัวใจให้คนอื่นไปแล้วก็ตาม..ก็นั่นล่ะ ซาตานผู้พ่ายแพ้ต่อรอยยิ้มของเทพบุตรน้อย  






อยากแค่อยู่ข้าง ๆ จากการตริตรองทั้งหมดโดยใช้ช่วงเวลาที่ผ่านเครื่องทดสอบนั่นมา การได้อยู่ข้าง ๆ เมื่อเวลาที่สมควร นั่นพอแล้วสำหรับหยางหยางคนนี้





เขารู้ว่าตัวเขาเองรักใคร และควรจะรักได้แค่ไหน แม้ว่าทุก ๆ วันเขายังหวังอะไรที่มากกว่าก็ตาม














THISM<N :: BLOSSOM













หลังจากวันที่อี้เฟิงส่งข้อความไปหาหยางหยาง ตัวเขาเองก็รู้สึกตัวลอยอย่างบอกไม่ถูก เหมือนได้ปลดล็อคความรู้สึกบางอย่างว่าตัวเองนั้นที่แท้จริงแล้วซ่อนอะไรอยู่ ซ่อนความรู้สึกอะไรต่อคนคนนี้อยู่






หลังจากที่ทุกวันของอี้เฟิง ความรู้สึกในทุก ๆ วันเมื่อยามคิดถึงคนคนนี้ ก็จะเหมือนนั่งอยู่ท่ามกลางพื้นที่สี่เหลี่ยมที่มีกำแพงหนาปิดล้อมรอบ..หรือไม่แน่ เขาอาจจะกำลังนั่งอยู่บนหอคอยที่มีกำแพงหนา ๆ พวกนั้นอยู่ก็ได้  เพราะความรู้สึก ณ ตอนนั้นมันอึดอัด ชวนปวดหัว และมันอยากจะออกความรูสึกอยู่ทุกเวลา แต่เพราะความกล้าที่มีน้อยเกินไป กลัวทุกอย่างที่เคยผ่านมา กลัวทุกอย่างในอนาคตและยังไม่แน่กับปัจจุบันที่เป็นอยู่ด้วย








แต่หลังจากได้สบตาอันดุดันนั้นแล้ว ...เอาเข้าจริงอี้เฟิงก็เดาไม่ออกหรอกว่าหยางหยางจะทำอะไร









แต่การกระทำของหยางหยางนั้นยังตรึงใจอี้เฟิงมาก  วันนั้นอี้เฟิงยังพะวงและกลัว หากมีเรื่องราวเกิดขึ้น หากวันนั้นหยางหยางแสดงตัวออกมา ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ทางเดินเดิม เหมือนเดิม และการจบด้วยความเสียใจของอี้เฟิงก็จะกลับมาอีก และเขามั่นใจว่าเขาจะต้องเศร้ายิ่งกว่าเดิมแน่นอน เพราะซ้ำอีกครั้ง หยางหยางก็ยังคงเลือกเส้นทางเดินเดิมที่นำเราไปสู่ความเจ็บปวด







แต่ซาตานผู้นั้นเปลี่ยนไปแล้ว








เขาทำแค่รบกวนให้รู้สึกรำคาญ และจากไป คงไปเจ็บปวดที่ไหนซักแห่งหนึ่ง ความโกรธที่ดุดันในแววตานั้น คงจะทำให้คนคนนี้คลั่งซักพัก







อี้เฟิงเริ่มรับรูh..เขาบอกตัวเองแล้วก่อนหน้านี้ว่า คำว่ารักของหยางหยางซึมผ่านใจของเขามาบ้างแล้ว









ช่วงหลังที่ผ่านมาไม่ได้ยินเสียงเขา แต่ข้อความก็ยังมาอยู่เรื่อย แน่นอน หยางหยางทำได้เพียงแค่นั้น เพราะเราถูกตัดการติดต่อกันอย่างสิ้นเชิง  อี้เฟิงทันเห็นข้อความบอกรัก ที่ถูกส่งมาหลังเวลาอาหาร เช้าตื่นและเข้านอน ก่อนที่มันถูกกำจัดไปโดยผู้จัดการของเขาที่เกลียดหยางหยางโดยไม่สนใจดูดำดูดีอะไรเด็กคนนั้นเลย







เธอย้ำว่า หยางหยางทำร้ายเขามากเกินไปจนอยากจะยอมรับ








“เธอยังจะไปใจอ่อนกับเด็กคนนั้น อี้เฟิง พี่สาวคนนี้ขอล่ะ ขอให้เธอคิดให้ได้ว่าอะไรที่เธอควรจะอยู่กับมัน พี่รู้แล้วว่าเธอเริ่มเปลี่ยนความรู้สึกต่อเด็กที่ร้ายอย่างกับปีศาจคนนั้นไปแล้ว  แต่อย่าให้ปีศาจมาหลอกเธอ อย่าให้เขาล่อลวงและทำร้ายเธอซ้ำซากอีก “







เธอย้ำอี้เฟิงด้วยทั้งหมดนั้นในครั้งล่าสุด เมื่อเขาได้ข้อความหวาน ๆ จากหยางหยางตามเวลาที่คนคนนี้จะส่งมา เธอถอนหายใจครั้งใหญ่ บอกให้อี้เฟิงกดลบมันซะ ด้วยมือตัวเอง อี้เฟิงจำใจทำ เขาไม่อยากเปลี่ยนเบอร์ใหม่ เธอขุ่เอาไว้ว่าถ้าเก็บมันไว้เธอก็จะเอาโทรศัพท์เครื่องนี้ไปจากอี้เฟิงซะและจะเปลี่ยนเบอร์ให้ทุกเครื่องที่อี้เฟิงมี แบบนั้นเขาก็จะไม่ได้รับการติดต่อจากใครหลาย ๆ คนเพื่อน ๆ รวมทั้งหยางหยาง เธอขู่ไว่ แต่อี้เฟิงก็อ้างว่าเบอร์นี้ใช้มานานแล้วไม่อยากเปลี่ยน มาคนละครึ่งทาง อี้เฟิงจึงจำต้องกดข้อความ การติดต่อทุกอย่างของหยางหยางออกจากมือถือทุกเครื่องไปให้หมด







นอกจากเทคโนโลยีเหล่านี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่เราจะใกล้กันได้อีก









อี้เฟิงถอนหายใจออกมา เขาใจอ่อนกับซาตานไปแล้วจริง ๆ นั่นล่ะ












ผู้จัดการบอกเขาว่า เขาควรไปคิดให้ดี และกลับใจเสียใหม่










“พี่รู้นะ ว่าเธอเริ่ม...อืม..ฉันไม่อยากใช้คำนี้เลยอี้เฟิง แต่เธอเริ่มจะรักเขาแล้ว เจ้าปีศาจนั่น”













เธอเองก็รุ้สึกหรือ.... อือ....อี้เฟิงก็รู้สึกตัวเองแล้วว่ารักเขา ดอกไม้เริ่มเติบโตขึ้นในใจ เติบโตทั้งยาพิษที่อาบรอบมัน


“ผมจะกลับไปคิดดี ๆ ...”














อี้เฟิงตั้งใจจะละคำเอาไว้ในใจ....ผมจะกลับไปคิดดี ๆ ...ว่าจะรักเขาอย่างไร ไม่ให้พี่รู้







อี้เฟิงเริ่มมั่นใจในอะไรบางอย่าง












THISM<N :: BLOSSOM















“อะไรอีกแล้วล่ะเนี่ย “











หยางหยางเห็นความยุ่งยากใจเพิ่มขึ้นอีกเรื่อง ตั้งแต่ที่เขาลงหลักในใจเรื่องอี้เฟิง เขาไม่เคยไปเที่ยวเสเพลแบบทีทำเมื่อในอดีตแล้ว ไม่ไปไหนเลยนอกจากไปดื่มกับเพื่อนสนิทบ้างเท่านั้น กลับตามเวลาที่ผู้จัดการบอก และเธอก็รับรู้ทุกการกระทำ โดยไม่มีอะไรผิดแปลก












แต่ข่าวลือมากมายกลับมาอีกครั้ง





“ข่าวเรื่องงานของผมมันจะไม่มีให้อ่านกันเลยรึไง มันไม่น่าสนใจหรือ”







ผู้จัดการของหยางหยางครุ่นคิดหนัก เธอคิดว่าอาจจะเป็นเพราะสื่อหลายแห่ง ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเด็กเธอเท่าไหร่นัก เพราะก่อนหน้านี้ที่ยังเป็นเด็กดื้อนิสัยเสียก็ไปร้ายกาจใส่เขาไว้ไม่น้อย พวกเขาเหล่านั้นคงฝังใจไปแล้ว ต่อให้หยางหยางปรับปรุงตัว ก็ไม่สามารถสร้างภาพลักษณ์เทวดาได้ เขาเป็นซาตานเป็นปีศาจไปแล้ว




“นายนี่มันเป็นพวกทำบุญไม่ขึ้นจริง ๆ หยางหยาง”
“ผมเป็นคนไม่ดีในสายตาพวกเขาไปแล้วนี่”




เธอคิดว่ามันช่วยไม่ได้ ก็ถือเป็นผลที่หยางหยางเคยทำเอาไว้ บางทีไปถ่ายนิตยสารบางเล่ม ก็เจอทีมงานที่ไม่ค่อยปรานีปราศรัยกับทีมงานของพวกเธอเท่าไหร่ หยางหยางถูกปฏิบัติแบบขอไปที แต่เด็กคนนี้เติบโตขึ้นจริง ๆ ไม่ฉุนเฉียวแบบที่เคยเป็น ในงานละครก็เช่นกัน มีสมาธิ เป็นผู้ใหญ่ สุขุมและเงียบขรึม ใช้ความคิดมากขึ้น


“นายคิดยังไงล่ะ”
“ก็..ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะอย่างไรแล้ว ผมก็เปลี่ยนความคิดพวกเขาไม่ได้ เอาเป็นว่า ผมจะทำงานอย่างดีและตั้งใจที่สุด”


ผู้จัดการสาวของหยางหยางยิ้มให้น้องชายตบบ่าให้กำลังใจ ก่อนส่งคิวงานต่อไปที่ยาวติดกันจนไม่มีเวลาปลีกตัวไปทำอะไร เด็กดื้อในอดีตคนนี้ขมวดคิ้วแต่ก็ยิ้มรับ อีกมือกดมือถือ ส่งข้อความตามเวลาไปหาใครคนนหนึ่งที่เธอรู้ดีว่าใคร


“อี้เฟิงคงได้อ่านบ้างนะ หวังว่ายัยผู้จัดการร้ายกาจของอี้เฟิงจะไม่ลบมันก่อนที่เขาจะเห็น”
“ผมมั่นใจว่าเขาจะอ่าน”






พอได้รับคำตอบจากหยางหยาง เธอก็หันล้อเลียนหยางหยางว่านี่ไม่ใช่เล่น ๆ แล้ว เรื่องความรู้สึกของเขาที่มีต่อเทพบุตรแห่งชาติ


“แต่ก็อย่าให้มันหลุดไปถึงใครต่อใครเหมือนกับที่เคยผ่านมา ฝั่งโน้นเขาไม่มีทางเปิดเผยอะไรแบบนี้เพื่อเล่นงานเราหรอก เพราะเด็กของเขาก็จะถูกครหาไปด้วย ฉะนั้นนายก็อย่าให้อี้เฟิงต้องมาลำบาก แววตาเวลานายคิดถึงอี้เฟิง ไม่ใช่น้อยเลย หยางหยาง”






รู้ดีหน่า... หยางหยางคิดในใจ ก่อนจะคว้ามือถือมากำไว้แน่น เปิดข้อความเดิมที่อี้เฟิงส่งมาให้ ข้อความล่าสุดอันนั้นที่อี้เฟิงแอบส่งมาให้ แม้จะล่วงเวลามานานใช้ได้แต่หยางหยางเห้นความสดใหม่ของความรู้สึกที่หยางหยางได้พยายามปลูกไว้ในใจของอี้เฟิง  เขาเข้าข้างตัวเองได้เต็ม ๆ ว่า อี้เฟิงเริ่มรักเขาแล้วบ้างเหมือนกัน แม้จะเป็นการเริ่มแค่เพียงไม่กี่ก้าว หรืออาจะเป็นแค่ก้าวแรกเท่านั้น






“ผมจะพยายามปิดมันไว้ เวลาผมคิดถึงเขา ปากของผมมันจะยิ้มออกไปเองโดยอัตโนมัติน่ะ”
“เออ ก็ตามสบายนาย แต่ก็อย่าให้ใครรู้นอกจากทีมของเราแล้วกัน “






แค่เรื่องนี้ที่หยางหยางปิดไม่ค่อยอยู่ เธอต้องกำชับเด็กของเธอเสียหน่อย แค่พูดชื่อของอี้เฟิงออกมา แววตาที่เป็นประกายอย่างคนที่ตกหลุมรักจนหมดสิ้นหัวใจเผยออกมาอย่างปกปิดไม่มิด เธอส่ายหัวให้เด็กของเธอ และปล่อยให้เขาอยู่กับห้วงหวาน ๆของเขาซักพัก






“ฉันจะให้เวลานายซักหน่อย จะไปเคลียร์กับเบื้องบนเรื่องข่าวนายอีกด้วย เห้อ นายเองก็ระวัง เทพบุตรน้อยของนายจะระแวงในความรักของนายเพราะข่าวนี่นะ เยอะสุด ๆไปเลยล่ะ ในเน็ตตอนนี้น่ะ”







นั่นล่ะที่เขากลัว ...คิดไปแล้วเรื่องนี้หยางหยางก็วิตกไม่น้อย ทั้งวีดีโอในละครที่ถ่ายทำไปก่อนหน้า ทั้งภาพในกองถ่าย แถมยังมีข่าวลือเรื่องความรักกับดาราสาวเพื่อนของเขาที่เล่นละครด้วยกัน  ซึ่งเคยร่วมงานกันในผลงานชิ้นก่อนที่สร้างชื่อให้กับหยางหยาง  เข้าใจว่าต้นสังกัดเพื่อนสาวของเขาคงอยากจะปั่นกระแสคู่หลักในละคร เพราะเล่นเป็นพระนาง การสร้างกระแสว่ารักกันเป็นอะไรที่ทำให้คนดูติดตามละคร เพื่อดูหรือจะเรียกว่าจับผิดก็ไม่ผิดเท่าไหร่ กับความสัมพันธ์ของพระนางในละคร ว่าทั้งคู่นั้น จริง ๆ แล้วเป็นคนในใจกันและกันอยู่หรือเปล่า






หยางหยางมีคนในใจอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถไปบอกใครได้เพียงพูดไปถ้าไม่ถูกหาว่าล้อเล่น ก็จะถูกประนามจนทำให้ลำบากไปทั้งสองฝ่าย









ถ้าการเปิดเผยความรู้สึกของเขาจะทำร้ายอี้เฟิง เขาสู้รักอยู่ในใจแค่นั้นดีกว่า









พูดถึงรูปที่หลุดไป ข่าวลือมากมายที่ออกมาจากเซเลปข่าวฉาวทั้งหลาย หรือสื่อหลักในวงการบันเทิงจีนเองที่ชงข่าว เสี้ยมข่าวกันจนเสียเป็นเรื่องราวให้ใหญ่โต ราวกับอยากก่อไฟที่โหมอยู่จากจุดเล็ก ๆ ให้เป็นจุดใหญ่ ยิ่งคู่พระนางในละครยิ่งดัง ก็จะยิ่งขายได้เป็นผลประโยชน์ทั้งบรัษัทต้นสังกัดของเขาและเพื่อนสาว หยางหยางที่เคยเฉย ๆ ต่อเรื่องพวกนี้ แต่เมื่อเวลาที่เขากำลังวัดใจกับอะไรบางอย่าง อย่างเช่นความรักของเขา หัวใจของหลี่อี้เฟิงที่อยู่ในช่วงกำลังส่งมอบ หากเรื่องราวเป็นแบบนี้ เขากลัวใจอีกฝ่ายว่า จากที่อยากจะส่งมอบหัวใจให้เขาดูแล จะกลับกลายเป็นเอาคืนไป และหากมันถูกส่งไปให้คนอื่นจะทำอย่างไร ดอกไม้ที่สวยงามที่ชื่อความรักที่หยางหยางปลูกไว้อย่างยากลำบากในใจของอี้เฟิง มันคงจะตายราวกับโดนยาพิษอาบ










“ให้ตายซี่ จะมามีข่าวอะไรนักหนา นี่มันช่วงเวลาเอาคืนฉันรึไง”






เขาบ่นเสียงดังออกมาให้ได้ยิน มือแกร่งยกรั้นดันที่ท้ายทอย เขาเริ่มปวดหัวตะหงิดขึ้นมา ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มนิ่วหน้าคิ้วขมวด หากอี้เฟิงไม่แน่ใจในคำว่ารักที่ส่งไปหา จะทำอย่างไรเล่า ช่วงนี้ยิ่งเป็นช่วงอันตรายที่อี้เฟิงจะเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็ได้ หากอีกฝ่ายตัดสินใจจะพังกำแพงลงมาแล้ว กลัวอีกฝ่ายจะก่อกำแพงใหม่ที่หนาและใหญ่กว่าเดิม ทีนี้ต่อให้เขาเป็นวาตานผู้แข็งแกร่งมาจากไหน ก็เหมือนจะมืดมน เพราะเทพบุตรคงไม่มีวันเปิดหนทางให้เขาอีก กำแพงที่แข็งแกร่งนั้นหยางหยางคงทำลายมันไม่ได้อีกแล้ว






ข่าวที่ออกผ่านสื่อออนไลน์ของเขาไม่ได้มีแค่ข่าวเดียว หลายข่าวจนหยางหยางคิดว่า นี่พวกสื่อเหล่านี้มานั่งเทียนเขียนกันที่ไหน ไปเอาข้อมูลที่ไม่ใช่ความจริงพวกนี้มาจากไหนกัน จินตนการกันเก่งเหลือเกินแทนที่จะเป็นนักข่าว พวกเขาควรจะไปเป็นพวกคนนิยายน้ำเน่าอะไรทำนองนั้นมากกว่า หยางหยางผ่านตาจากที่ใช้นิ้วไถผ่านจอมือถือเครื่องสวย เรื่องราวมากมายที่เขาอ่านแล้วก็จะต้องส่ายหน้าให้ แฟนคลับของเขาก็เริ่มแตกตื่น หยางหยางไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไปแก้ต่างยิ่เงป็นเรื่อง การเงียบคือสิ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์ของหยางหยางตอนนี้  ที่ไม่เป็นผลดีกับเขาเลย เขารู้ว่าต้นสังกัดของเขาคงคิดถึงผลประโยชน์มาก่อน เผลอจะให้เพื่อนสาว ดาราสาวบางคนปั่นเพิ่มกระแสฉาวให้อีก สมัยนี้ก็หากินก็ง่าย ๆแบบนี้ทั้งนั้น






แบบนี้ล่ะภาพลักษณ์ของเขาถึงไม่ดีแม้จะปรับปรุงตัวแล้วก็แก้ไมได้






อาจจะเป็นเพราะนิสัยเสีย ๆของเขาแต่ต้นสังกัดเองก็เป็นผู้สนับสนุนเองอยู่กลาย ๆ พอเล่นหยางหยางในภาพลักษณ์นี้ได้ก็กลายเป็นว่า ภาพลักษณ์ผู้ชายแบดบอย จะเป็นหมาป่าก็ไม่ปานเป็นภาพประจำตัวเขาไป จากที่เมื่อก่อนยังเป็นเด็กน้อยที่เพิ่งเข้าวงการ ต่างกับอี้เฟิงที่เป็นเทพบุตรน้อยอย่างไนจนตอนนี้ หลายปีเขาก็ยังเป็นเหมือนเดิม  ก็ต้องขอบคุณทีมงานของเขาหลายทีมที่เคยทำงานที่ไม่พยายามเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเขา ซึ่งหยางหยางคิดว่าอี้เฟิงเป็นคนที่เอาแต่ใจพอสมควร แต่ต่อให้จะให้อี้เฟิงเปลี่ยนไปเป็นภาพลักษณ์อื่นก็ไม่เข้ากันอยู่ดี







รอยยิ้มไร้เดียงสาตลอดกาลแบบนั้น เป็นเทพบุตรก็สมกับที่ได้เป็นอยู่แล้ว










นั่นล่ะที่ทำให้เขาเข้าใกล้อี้เฟิงไม่ได้ เพราะเราต่างกันมาก









เคยได้ยินมาว่าแฟนคลับฝั่งอี้เฟิงไม่ชอบเขาอยู่มาก ส่วนหนึ่งก้เป็นเพราะภาพลักษณ์ไม่ดี ข่าวไม่ดี ทีมต้นสังกัดของอี้เฟิงเองก็ไม่ชอบภาพลักษณ์ของเขาเลยไม่ค่อยอยากให้มาร่วมงานกัน สรุปแล้วเพราความต่างกันของเรารจึงห่างกันนี่ก็เป็นเหตุหนึ่ง







แต่เหตุหลัก ตั้งแต่แรกก็เพราะเราเกลียดกันมาตั้งแต่เริม นั่นเป็นเรื่องงี่เง่าที่เกิดจากเขาเองต่างหาก



หยางหยางกลับไปคิดตั้งแต่ต้นเรื่อง ทั้งหมดที่เกิดขึ้น 




ถ้ารู้ว่าจะรักเขามากขนาดนี้ จะไม่มีวันทำให้เขาต้องเสียใจแบบนั้น จะรักตั้งแต่แรกเจอ เราจะได้ไม่ต้องมาเจ็บปวดกันแบบนี้







“ยิ่งเปิดก็ยิ่งเจออะไรก็ไม่รู้”






หยางหยางเลื่อนจอมือถือไปเรื่อย ๆ ในโลกออนไลน์ยิ่งเต็มไปด้วยข่าวเขา เขาเช็คข่าวตัวเองครั้งล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มันก็มีอะไรไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่แล้ว ผสมกับข่าวของอี้เฟิงกับรุ่นพี่คนนึ้นเนือง ๆก็ยิ่งอารมณ์ไม่ดี วันนี้ข่าวของเขายิ่งแรงขึ้น ฉาวเสียจนอยากจะปิด แต่เพราะหยางหยางอยากเห็นหน้าอี้เฟิง อัพเดตข่าวว่าเขาทำอะไรจากแฟนคลับ นั่นคือสิ่งที่เขาทำได้ เราถูกตัดการติดต่อกันทุกทาง







ทั้งข่าวของอี้เฟิงเรื่องงาน ข่าวเรื่องสาวในอดีต เขารู้อยู่แล้วว่าความจริงคือหลี่อี้เฟิงกำลังลังเลเรื่องของรักกับเขาต่างหากล่ะ ไม่ใช่ใครที่ไหน จะบอกว่าเขาเข้าข้างตัวเองหรือ .. อาจจะใช่ แต่เขามั่นใจว่าเรื่องสาวคนนั้น อี้เฟิงลืมเธอไปจนหมดสิ้นแล้ว ส่วนเขา หยางหยางคนนี้รักหลี่อี้เฟิงเพียงคนเดียว







เรื่องยุ่งยากแบบนี้ เขาอาจจะต้องส่งข้อความไปแก้ต่างเรื่อย ๆให้อี้เฟิงก็จนกว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แม้เขาจะแก้ต่างกันต่อหน้าไมได้ก็ต้องอาศัยเทคโนโลยีพวกนี้นี่ล่ะ ความจริงใจไม่เท่าก็ขยันส่งไปบ่อย ๆ









หืม ?





หยางหยางที่เริ่มจะส่งข้อความแก้ต่างให้ตัวเอง เรื่องข่าวฉาวนี่มันมากเกินไปที่จะปล่อยให้อี้เฟิงคิดเอาเองว่าเขาเป็นอย่างไร









แต่เขาเจออะไรที่ไม่คาดฝัน จนหัวใจเขาแทบหยุดเต้น มือสั่นจนแทบควบคุมไม่ได้ หยางหยางคิดกับตัวเองว่ามันจะไม่มีอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นและเขาควรใจเย็นก่อนที่จะคิดอะไร







เขาอ่านข้อความสั้น ๆที่เป็นรายงานข่าวจนจบ มือแกร่งยกโทรศัพท์โทรหาใครคนหนึ่งทันที







“บ้าเอ๊ย”












THISM<N :: BLOSSOM














หน้าโรงพยาบาลที่มีเหล่าบอดี้การ์ดของหลี่อี้เฟิงยืนคุมล้อมรอบอยู่ไม่ห่าง กำลังหนาแน่นเกินกว่าแฟนคลับมากมายจะเข้าไปเยี่ยมไข้ไอดอลของพวกเธอได้  พวกเธอจึงทำได้แค่ส่งของเยี่ยมและเขียนการ์ดส่งให้ไอดอลของพวกเธอหายดีและต้องออกจากพื้นที่ของโรงพยาบาลไป เพราะเหล่าแฟนคลับมากมายนั้นเสียงดังรบกวนคนในโรงพยาบาลเกินกว่าจะควบคุม







“ให้ตายเถอะ ยัยแฟนคลับบ้าพวกนั้นคิดอะไรถึงขับมอเตอร์ไซด์มาตัดหน้ารถ บ้าจริงๆ บ้า”





ผู้จัดการของอี้เฟิงตะโกนด่าลั่นจนทีมงานอีกสองสามคนต้องมาหยุดเธอให้เงียบไว้ก่อน เพราที่ที่เธออยู่นั้นคือโรงพยาบาล  สายตาหมายมาด ความโกรธที่ปะทุของเธอ ทำให้เธอต้องขอตัวออกจากห้องพักคนไข้ไปก่อน




“เธอก็พักซะนะ ถือว่าสองวันนี้เธอก็ได้พักผ่อนไปเลยในตัว โดยที่ไม่ต้องแอบหนีไปไหน “




ทีมงานคนอื่น ๆ ตามผู้จัดการใหญ่ออกไป หลังจากพูดกับอี้เฟิงจบ





ข่าวสั้น ๆ ที่อี้เฟิงกดมือถืออ่านล่าสุดก็คือ ข่าวสั้นที่ดังไปทั่วสื่ออนไลน์ว่าเขาประสบอุบติเหตุ  แต่เคราะห์ดีที่ไม่ร้ายแรง เพียงแค่ทำให้เขาเท้าแพลงเท่านั้น และมีแผลช้ำเล็กน้อย ที่จริงที่เขาได้นอนโรงพยาบาลสองวันนี่ก็เพราะความอ่อนเพลียจากการทำงานมากกว่าด้วยซ้ำและความตื่นเต้นจนเกือบหมดสติตอนที่เกิดเหตุ เพราะคนขับรถของเขามีสติและหักหลบด้วยฝีมือการขับรถอย่างชำนาญ จึงไม่มีใครเป็นอะไรไปมากกว่าแผลฟกช้ำ แต่เด็กสาวที่เป็นแฟนคลับของเขาพวกนั้นต้องถูกต่อว่าเสียบ้าง แต่เขาคงออกหน้าเองไม่ได้ เหล่าทีมงานของเขาคงจะไปจัดการเอง เพราะทราบข่าวว่ากันตัวเด็กกลุ่มนั้นไว้ได้แล้ว และอาจจะต้องถูกตำรวจเรียกไปตักเตือน เพราะขับรถโดยประมาท พวกเธอยังไม่สิบแปดดีด้วยซ้ำ



“ให้ตายเหอะ”



เขาบ่นออกมาดัง ๆ พี่บอดี้การ์ดประจำตัวของเขาอยู่ใกล้ ๆ ตัว พี่คนนี้เคยทำงานดูแลหยางหยางมาก่อนที่ทีมงานบอดี้การ์ดที่พวกเขาบริหารกันเองจะสลับตัวคนมาดูแลเขาแทน  ตอนนั้นเขายังได้ข้อความและของฝากจากหยางหยางผ่านพี่บอดี้การ์ดใจดีคนนี้เลย ครั้งนั้นเขาจำได้ว่าว่าหยางหยางฝากเสื้อโค้ทตัวใหม่มาให้ หลังจากไปออกงานกับแบรนด์ดัง เขาก็รับมาและใส่มันในวันถัดไป





“อี้เฟิง พักผ่อนเถอะ ไหน ๆ เธอก็ได้วันพักมาตั้งสองวัน ถึงจะแลกกับอะไรที่น่าตกใจแบบนี้ก็เถอะนะ”
“ครับ พี่เองก็เหมือนกัน มีแผลเหมือนกับผมน่ะล่ะ พี่ก็ควรพักนะ”









อี้เฟิงรู้ดีว่างานบอดี้การ์ดไอดอลไม่ใช่เรื่องง่ายและหนักหนา ต้องกันพวกแฟนคลับที่ยังจัดระเบียบตัวเองไมได้ออกไป ความวุ่นวายที่ต้องพบเจอคนมาก และบางทีสื่อเองก็วุ่นวายกว่าแฟนคลับเสียอีก






อี้เฟิงเอนหลังนอนพักบ้าง แต่ยังไม่อยากนอนหลับไป เขาหยิบมือถือมาดูอีกครั้ง







มีมิสคอลจากหยางหยาง...อี้เฟิงอยากยกหูกดโทรหาเขาใจจะขาดแต่ทำไม่ได้ มีพี่บอดี้การ์ดอยู่ในห้องนี้  เขาอาจจะเอาไปบอกว่าอี้เฟิงคุยกับหยางหยาง จึงตัดเรื่องนี้ไป แต่ก็มีข้อความที่หยางหยางส่งมาไม่ขาดสายถามอาการเขา คงจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น








แต่อี้เฟิงยังไม่พอใจหยางหยางอยู่บางเรื่อง








ทำไมคนคนนี้ถึงทำให้เขาหวาดระแวงในความเชื่อใจของเขานักนะ







คำว่ารักของหยางหยางก็น้ำหนักน้อยอยู่แล้ว ก็ยังจะสร้างความไม่เชื่อใจนี้ให้เขาทวีความกลัวในใจขึ้นไปอีก 








แบบนี้แล้ว เขาจะกล้าส่งหัวใจให้ไปดูแลไหม







เจ้าดอกไม้ที่ซาตานปลูกไว้..เทพบุตรคนนี้จะใจร้ายราดยาพิษซ้ำให้ตายคามือเลยดีไหม







หลายวันผ่านมานี้ อี้เฟิงเห็นข่าวของตัวเองสลับกับหยางหยางไม่เว้นวัน ข่าวงานของเขาแต่สลับกับข่าวฉาว ๆ ของหมอนั่น อี้เฟิงไม่สบอารมณ์ทุกครั้งที่ได้อ่าน แถมยังมาทุกวัน ยิ่งนับวันก็ยิ่งแรงขึ้น ข่าวของเขากับรุ่นพี่เหว่ยถิงก็มีแต่มันก็เป็นข่าวที่อ่านดูแล้วก็ไม่มีอะไรไปมากกว่าพี่น้อง กับเรื่องรักเก่าของเขา ก็รู้ดีแก่ใจว่ามันไม่มีอะไร อี้เฟิงไม่ใส่ใจ จะมีข่าวสาวคนใหม่ นั่นอี้เฟิงก็รู้อยู่แก่ใจอีกว่า หัวใจของเขาจะถูกส่งให้ใครคนหนีงแล้ว







ก็ไอ้คนที่ทำให้เขาระแวงอยู่ในอยู่ในใจนี่ไงล่ะ







อี้เฟิงพ่นลมออกจมูก ต่อด้วยถอนหายใจหลายครั้งจนบอดี้การ์ดคนเก่งมองอี้เฟิงอยู่บ่อย ๆ เขาลอบยิ้มอยู่เหมือนเข้าใจ


“เธออ่านข่าวแบบนั้นก็บั่นทอนจิตใจเปล่าๆ หน่า นอนหลับไปซะ”
“ก็มันผ่านตาผมมาเองนี่พี่ “






บอดี้การ์ดคนสนิทรู้ดีว่าหลี่อี้เฟิงกับหยางหยางมีความสัมพันธ์อย่างไร หยางหยางเด็กร้ายกาจที่เขาเคยดูแลจากตอนนี้เขาเติบโตขึ้นมาก ครั้งล่าสุดที่เจอกันเขาใจดีเป็นสื่อสัมพันธ์ของคนสองคนเทพบุตรน้อยของคนทั้งแผ่นดินกับปีศาจของทุกคน ไม่เข้าคู่กันเลยแต่ก็เหมาะสมก็ไม่หยอก ที่จริงเขาก็สงสารเด็กสองคนที่รักกันไมได เพราะรอบตัวเขาไม่มีใครยินดีกับความรักของพวกเขาเลย แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเด็กสองคนนี้จะรักกันได้อย่างไร ในเมื่อทุกอย่างมันกลายเป็นอุปสรรคไปหมดแบบนี้ หันกลับไปที่เทพบุตรน้อยที่นอนเป็นคนไข้บนเตียงของโรงพยาบาล เขากำลังเซ็งได้ที่ ทั้งอาการเจ็บของตัวเองแม้ไม่มากแต่ก็สร้างความรำคาญที่เคลื่อนไหวไม่สะดวก ทั้งที่เจอข่าวบ้าบอทำให้อารมณ์เสียจนไม่อยากทำอะไร






ถึงเเม้ว่าช่วงหลังหยางหยางจะส่งข้อความมาแก้ตัวให้อ่าน แต่ก็ยิ่งทำให้อารมณ์เสียกว่าเดิม เพราะเขาไม่รู้ว่ามันจริงแค่ไหนกันที่ซาตานคนนี้พูด






ความไว้ใจมันเริ่มลดลงกลับไปต่ำจนอี้เฟิงไม่สามารถยึดถือมันไว้ได้อีก



เขาควรเก็บหัวใจไว้กับตัวเองก่อน..ดีใช่ไหม





“ช่างมันละ ผมนอนดีกว่า”






อี้เฟิงเลิกสนใจมือถือโยนมันไปหัวโต๊ะบนหัวเตียง ห้องพักผู้ป่วยของเขาเป็นห้องใหญ่พิเศษ ทำให้มีเครื่องมืออุปกรณ์ อำนาวยความสะดวกครบครัน เฟอร์นิเจอร์ที่ประดับในห้อง คล้ายกับการจัดบ้านจึงดูไม่อึดอัดเหมือนห้องโรงพยาบาลทั่วไป
















“เสียงอะไรน่ะ ?”


เทพบุตรแห่งชาติหันไปสนใจเหตุการณ์หน้าห้องแทน บอดี้คนสนิทของเขาลุกขึ้นจากโซฟาไปดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น  อี้เฟิงพยายามขืนตัวเองในนั่งใหม่อีกครั้ง ชะเง้อมองดูว่ามีอะไร






บอดี้การ์ดคนสนิทของอี้เฟิงหันมาหาอี้เฟิง ส่วนตัวเขามองไม่เห็นและเดินเหินลำบากจึงไม่ลุดขึ้นไปดู บอดี้การ์ดคนนี้บอกเขาด้วยเสียงเบาที่สุด








หยางหยาง...







และสุดท้ายบอดี้การ์ดคนสนิทของอี้เฟิงก็เปิดระตูออกไป  เพื่อไปช่วยจัดการเหตุการณ์หน้าห้องด้วย ทันทีที่ประตูปิดลง อี้เฟิงก็คว้ามือถือโทรหาหยางหยางแบบไม่เกรงกลัวผู้จัดการคนดุของเขาอีกแล้ว แต่ปลายสายไม่รับ อี้เฟิงจึงมองหาทางอื่น แต่ก่อนหน้านั้นเขาเห็นข้อความที่ส่งมาหลังจากที่อี้เฟิงเลิกสนใจมัน มันถูกส่งมาพักใหญ่แต่เขาไม่ทันสังเกตมัน 








“ผมจะไปหาคุณ บ้าชิบ เจ้าบ้า หยางหยางเอ๊ย”  อี้เฟิงอ่านทวนคำในประโยคสั้น ๆ ในข้อความที่หยางหยางส่งมา พร้อมกับตามด้วยสบถด่าออกมาโดยไม่คิดในใจให้วุ่นวาย พอรู้แบบนี้แล้ว คนที่อี้เฟิงอยากเจอมากที่สุดรองจากครอบครัวก็เป็นหยางหยางนี่ล่ะ เสียงดังที่ฟังไม่ได้ศัพท์ที่หน้า บอกได้ว่าเขาไม่ได้รับการอนญาตใด ๆทั้งสิ้นแม้จะเข้ามาเยี่ยมไข้เขา ใจของอี้เฟิงเริ่มสั่นไหว ที่โกรธไว้เมื่อกี้ก็มลายหายไปเหมือนไม่เคยคิด เขาอยากจะลุกไปหน้าห้องไปหาหยางหยางแท้ ๆ แต่เพราะข้อเท้าแพลงและแผลช้ำเคลื่อนลำบาก จึงเชื่องช้าเสียจนผู้จัดการของเขาเข้ามาเห็นว่าเขากำลังพยายามอะไรไร้ผล








“นอนพักผ่อนซะอี้เฟิง อย่าพยายามทำอะไรที่ไร้ประโยชน์!











THISM<N :: BLOSSOM












“รู้แล้วครับ ผมจะรีบกลับ จะรีบกลับไป”  หยางหยางกล่าวผ่านมือถือเครื่องสวย หลังจากปลายสายดุด่าเขายาวจนฟังไม่ทัน แต่ผู้จัดการของหยางหยางเข้าใจว่าทำไมเขาต้องรีบรุกออกมาที่นี่






พออ่านข่าวเรื่องอุบัติเหตุของอี้เฟิง หัวใจของหยางหยางก็สั่นไหว ความกลัวเริ่มเกาะกุม







แต่เมื่อสติเริ่มกลับมา และรู้ข่าวเพิ่มเติมว่าอี้เฟิงไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าแผลฟกช้ำและข้อเท้าแพลง พันข้อเท้าไว้เพราะมีอาการปวดและแพลงไว้วันสองวันก็เอาออกได้แล้ว และอ่อนเพลียเพราะขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ
เขาโล่งใจไม่น้อยที่คนที่เขารักอาการไม่หนักหนา แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถไปพบหน้าอีกคนได้ อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ได้ เพราะผู้จัดการของอี้เฟิงอยู่ในห้อง และไม่มีวันให้เขาเข้าไปเยี่ยมอี้เฟิงแน่นอน เขาก็รู้ดี แต่แค่อยากลองเสี่ยงดวงดูแค่นั้น แต่มันก็ไม่ได้ผล หยางหยางยิ้มให้กำลังใจตัวเอง และนอกจากนั้น เขาก็ยังพบมิสคอลจากอี้เฟิงอีกหนึ่งสาย อย่างน้อยคนป่วยคนนั้นก็รู้ว่าเขามาหา








หยางหยางจึงกดส่งข้อความไปหา ไม่รู้ว่าเทพบุตรน้อยของเขาจะได้แตะมือถืออีกมั้ย เมื่อผู้จัดการของเขารู้ว่าอี้เฟิงโทรมาหาและเขายังอยู่ใกล้ ๆ ในบริเวณโรงพยาบาล ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ยอมกลับจนกว่าเขาจะพบหน้าอี้เฟิง







ในขณะพิมพ์ หยางหยางทวนประโยคไปด้วย ใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้มไปด้วยจนพิมพ์เสร็จ เขามองจอมือถือเหมือนคนบ้า เพราะวอลเปเปอร์โทรศัพท์ของเขาเป็นรูปอี้เฟิงกับรอยยิ้มน่ารักของเขา  อย่างน้อยก็ให้อี้เฟิงได้รู้ว่า ว่าเขายังอยู่ข้าง ๆ









ยังรอให้อี้เฟิงอนุญาตให้เขาเข้าไปดูแลหัวใจ








“ผมอยู่ใกล้ ๆ คุณนะ ..ยังอยู่ข้าง ๆ คุณเสมอ”
























อี้เฟิงตกใจนิดหน่อยที่มือถือสั่นอยู่ใต้หมอนเขา  เขาแอบโทรศัพท์ของเขาไว้ ผู้จัดการของเขายังง่วนอยู่กับการรายงานต้นสังกัด และให้ข่าวกับสื่อ ทีมงานกำลังวุ่นวาย มีแค่หัวหน้าบอดี้การ์ที่สนิทกับอี้เฟิงเท่านั้นที่ยังอยู่กับที่ เธอจึงไม่มีเวลามาว่างยึดมือถืออี้เฟิงไป แต่ก็ยังเสี่ยงที่โทรหาแต่หารอรับส่งข้อความยังพอไหว







เเละเทพบุตรน้อยกดมือถือเปิดอ่านข้อความ










“ผมอยู่ใกล้ ๆ คุณนะ ..ยังอยู่ข้าง ๆ คุณเสมอ”











รอยยิ้มน้อย ๆ เผยออกมาอย่างช้า ๆ บอดี้การ์ดของอี้เฟิงไม่ได้สนใจ เพราะอ่านหนังสืออยู่อีกมุมห้อง อี้เฟิงเปิดมันอ่านอยู่เงียบ ๆ และรู้สึกว่าดอกไม้ในใจกำลังบาน ..และมีผีเสื้อบินในท้องเต็มไปหมด










ความรักของซาตานช่างหวานหอมโดยแท้เเม้จะถูกขวางกั้นก็หอมหวานน่าหลงใหล













**************************************************************TBC Chapter 6 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น