TITLE : กิจการหลังบ้าน
ออเดอร์ที่ 2
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG
RATE : PG
---------------------------------------------------------------------------
“เป็นตำรวจสินะ ใครส่งพวกคุณมาล่ะ ? สารวัตรฝูหรือ ?
คิดค่างานสองเท่านะเว้ย พวกตำรวจจู้จี้จุกจิกเรื่องมาก”
เตี่ยผมว่างั้น พอเอาเข้าจริง ก่อนหน้านี้ที่เตี่ยบอกว่า
ไม่ค่อยอยากรับงานจากตำรวจเท่าไหร่ ทั้งที่ตัวเองก็เป็นตำรวจมาก่อนแท้ ๆ เตี่ยแก หันหน้าไปมองสองหนุ่มที่เป็นตำรวจเหมือนเตี่ยแกเมื่อก่อน
คนหนึ่งแฟชั่นนิสต้ามา แต่ก็หล่อไม่น้อย ส่วนอีกคนนี่... โอ้โห
ขนาดผมเป็นผู้ชายยังตะลึง บ้านพี่แกกินอะไรเป็นอาหารวะครับ
“ปัวปัว น้ำลายจะหยดแล้วว้อย”
พอผมตะลึงกับความหล่อและสบถด่าตัวเองที่หล่อไม่เท่าครึ่งหนึ่งของผู้กองที่มาใหม่นี่
พ่อผมให้ความหล่อมาแค่นี้นี่หว่า เตี่ยนะเตี่ยจะหล่อกว่านี้ก็ไม่ได้
(ลาปปามบุพการีแล้วมั้ยล่ะอี้เฟิง เอ๊ย)
จบความฝั่งผม ก็หันไปหาเตี่ยกับปัวปัวที่ได้ยินเสียงผู้มาใหม่แล้ว
ยัยบ้าปัวปัวที่เห็นคนหล่อ ๆ เป็นไม่ได้ ยิ่งระดับสวรรค์ส่งลงมานี่ ตายล่ะ! ยัยแฝดน้องของผมจะออกล่าเหยื่อแล้วน่ะ
“เตี่ย รับงานนี้เลย!” บ๊ะ ยัยนี่ ไม่ดูงานอะไรเค้าหน่อยเรอะ ยัยนี่
ยัยปัวปัวบ้า ถึงจะเข้าใจว่ายัยปัวปัวพูดเล่นแต่ตาก็จ้องเขาไม่วางเล๊ย เห็นคนหล่อเป็นไม่ได้
ดะรับงานทุกอย่าง เตี่ยเห็นแล้วก็ปวดหัว ผลักหลังให้ยัยปัวปัวไปเช็ดน้ำลายเพราะคนหล่อก่อน
และเชิญให้ตำรวจทั้งสองคนนั่ง พร้อมมีผมที่คอยมานั่งจดรายละเอียดงาน ข้าง ๆ เตี่ย
“ใครส่งมา ขอโน้ตด้วย”
กิจการหลังบ้านของบ้านหลี่จำเป็นต้องมีคนแนะนำ หรือคนที่ไว้ใจบอกมา
ถ้าไม่มีโน้ตนำ เราจะไม่ทำงานให้ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแคไหนก็ตาม
หรือจะเงินเยอะเป็นล้านหยวน (แม้ผมอยากจะรับงานนั้นใจจะขาด มีเจ้าหนึ่ง
ไม่เคยมีธุระกับเรา ไม่มีใครแนะนำมาด้วย มากันงง ๆ แต่เงินหนาโครต
สุดท้ายเตี่ยก็ไม่รับ ผมนี่แทบบ้า งานนั้นตั้งสามล้านหยวนอ่ะ)
คุณผู้กองสุดหล่อของยัยปัวปัวดูท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์ ลูกค้าแบบนี้ก็เคยมี
จำใจมาเพราะมีคนสั่ง จากกรมตำรวจนี่ยิ่งเยอะ คนหนุ่มไฟแรงไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีสาง
วิญญาณ เอ็งเอ๊ย ไม่รู้อะไรเสียแล้ว แต่ช่างเขา ไม่เห็นก็ไม่รู้
ส่วนคุณผู้หมวดอีกคน นั่งมองยัยปัวปัวไม่วางตา
จนผมต้องแคะปากกาให้เขาส่งโน้ตที่มีคนฝากแนะนำร้านเรามาให้ ส่งมาให้เตี่ยผมซักที
จะจีบปัวปัวเรอะ ฝันไปเถอะ
“สารวัตรฝูจริง ๆ ซะด้วย แบบนี้งานหนัก ขอสามเท่าจากที่สารวัตรฝูบอกมา
ไม่งั้นไม่รับงาน”
คุณเพื่อนผู้กองสุดหล่อนั่นดูลังเลแต่สุดท้ายก็พยักหน้า
คงจะถูกสั่งมาว่าให้ต่อซักหน่อยแต่ก็คงไม่กล้า เตี่ยผมเคี่ยวเรื่องเงินหนักหนา กรมตำรวจเงินเยอะอยู่แล้ว
เตี่ยเลยยิ่งเคี่ยวหนัก และเมื่อรู้ว่างานนี้สารวัตรใหญ่ของมณฑลรีเควสมาเองแบบนี้
ยิ่งต้องเรียกแพง
“งั้นพวกผมก็ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการหน่อยนะครับ ผม เฉินเสียง
หนึ่งในกองสืบสวนของสถานีตำรวจใหญ่มณฑลนี้ ส่วนนี่เพิ่งย้ายมาใหม่ ผู้กองหยางหยาง
หัวหน้าผม แต่จริง ๆ เราก็สนิทกัน
เป็นคนที่วารวัตรฝูเพิ่งจับให้ทำคดี..เอ่อ..ที่น่าพิศวงคดีนี้ล่ะคัรบ..”
เหมือนคุณหมวดเฉินเสียงนี่ท่าทางจะคุ้นหูเรื่องพวกเรามาแล้ว ส่วนผู้กองหน้าใหม่ที่ชื่อหยางหยาง... อืม
เขาดูไม่เชื่อ..ผมได้เผลสบตาเขาครู่นึง เขาดูไม่เชื่อ โครตไม่เชื่อ ไม่เชื่อมาก ๆ
ยิ่งสายตาสบประมาทนั่น ที่มองผม เตี่ย ปัวปัวยิ่งแล้วใหญ่
เออ ให้เราเริ่มงานกันก่อนผู้กองคนเก่ง เดี๋ยวก็รู้ว่า
กิจการหลังบ้านของบ้านหลี่สตรองงขนาดไหน !
ว่าแต่ยัยปัวปัวน่ะ หยุดมองตาผู้กองนี่ก่อนได้มั้ยน่ะ
น้ำลายจะยืดอยู่แล้ว
-------------กิจการหลังบ้าน -----------
และงานที่สารวัตรฝูส่งให้พวกเรา
และเหล่าคุณตำรวจสองคนนั้นมาลงพื้นที่ก็คือ
ให้เราหาศพที่ผู้ร้ายในคดีฆ่าอำพรางคดีชิงทรัพย์ แต่พอมันผู้นั้นมีชี้ที่ฝังศพ ก็ดันเป็นบ้าพูดไม่รู้เรื่องไปเลย
นับแต่นั้นเป็นต้นมา .... แต่ว่านะ.... บ้าจริง....
มันจะไปฝังที่อื่นก็ไม่ได้ ดันมาฝังที่เฮี้ยนที่บ้านเราเคยมีประเด็นหนักหนามาก่อนน่ะสิ
“เตี่ย โอเคนะ”
“ก็พอไหว แหม่ มิน่าล่ะ ไอ้บ้าฝูไม่ยอมบอกอะไรเลย
บอกว่าให้มาดูสถานที่จริง กลับมาที่เกิดเหตุคราวก่อนอีกจนได้”
เตี่ยกับคุณสารวัตรฝูสนิทกัน เป็นเกลอเก่ากันมาก่อน
ตั้งแต่สมัยเรียนตำรวจ เลยเรียกกันอย่างสนิทสนม สองคุณตำรวจที่มาทำงานลับ
ๆกับเราก็เมหือนรู้กันคร่าว ๆ เรื่องเตี่ยของผม ในกรมตำรวจ
เตี่ยผมเลื่องลือจะตายเรื่องการทำงาน สำเร็จทุกคดี
แต่ก็โลดโผนโจนทยานจนเบื้องบนด่าทอถึงบรรพบุรุษกันอยู่เสมอ
และบางคดีที่เราไม่สามารถใช้วิทยาศาสตร์ช่วยให้บางส่วนได้
ก็มีเตี่ยนี่ล่ะที่ใช้วิชาทางบ้านเราไปคลี่คลาย
ทางกองสืบสวนเรียกมันว่า ทีมลับ พวกเราเป็นทีมลับที่ทำอะไรแล้วได้แค่เงินแต่ไม่ได้หน้า เราออกหน้าไม่ได้
จะให้โลกรู้ว่ากรมตำรวจเอาคนมีวิชาเรื่องนี้มาใช้ในการสืบสวน
ก็คงถูกหัวเราะเยอะกันว่างมงาย แต่ให้บอกคือมันใช้ได้ผลจริง ๆ นะคุณ
ผมไม่อยากจะโม้
เอาล่ะ เข้างาน
รายละเอียดงานตามที่ผู้กองและหมวดสองคนนั้นเล่าก็คือ
ศพถูกฝังอยู่แถวนี้ แต่ก่อนหน้านี้ที่กองสืบสวนส่งเจ้าหน้าที่มาขุดหาก็ไม่มี
ไม่เจอร่องรอยเลย ไม่ใช่แค่ศพเดียวแต่เป็นสามศพ พื้นที่ตรงนี้เป็นป่าอะไรก็ไม่รู้ที่โครตรกชัฏ
ซึ่งตั้งอยู่แถว ๆ ริมแม่น้ำที่เป็นที่ตั้งของวัดร้างมาก่อน
วัดนี้พวกเราบ้านหลี่เคยมาทำคดีกันก่อน เพราะมีคนร้ายใช้ทริคใช้วิชาศาสตร์มืดอะไรซักอย่าง
ปิดบังของที่ขโมย เมื่อกรมตำรวจรู้ว่าคนร้ายใช้วิชาด้านนี้เลยต้องจ้างเรามาสู้กับคนร้าย
และเราชนะ แต่แน่นอน ที่นี่มีคนอื่นอยู่ด้วย เราไปรบกวนเขา และเขาก็ลงโทษเรา
ช่วงนั้นเล่นเอาบ้านหลี่แทบไม่ได้หลับนอน ต้องขอขมาเจ้าที่ที่นี่อยู่เจ็ดวันเจ็ดคืน
แต่โชคดีที่คราวนี้เราไม่ได้เข้าไปในพื้นที่วัด แต่เป็นป่าข้างวัดร้าง
แต่ก็ไม่ได้มั่นใจหรอกนะว่าจะรอด ข้างวัดร้างมันก็ป่าช้านี่ล่ะวะ...ผมชักเสียวสันหลังวูบวาบ
ตั้งแต่เดินเข้าป่ามา เตี่ยเดินนำ ปัวปัวและผมเดินกลางข้างกัน คุณตำรวจสองคน ผู้กองหยางหยางและผู้หมวดเฉินเสียงเดินระวังหลังให้เผื่อมีอะไรกระโจนใส่
แต่ถ้าเป็นอะไรที่ใช้ปืนยิงไม่ได้ เผลอ ๆ เขาคงผลักเราไปสู้แทน
แต่เอ๊ะ ๆ
ผู้กองคนหล่อคนนั้นท่าทางไม่ได้กลัวอะไรเลย...ไม่เหมือนคุณหมวดเฉิน
คนนั้นหน้าซีดไปแล้ว
ผมคิดว่าเขามีซิกส์เซนส์นะ อันนี้ผมพอสัมผัสได้
ผมเองมีความสามารถที่ติดตัวมา ถือว่าเป็นวิชาปลายแถวของบ้านหลี่
ก็เป็นพวกคาดเดาได้ว่าใครมีซิกส์เซนส์หรือญาณในเรื่องวิญญาณผีสาง
ซึ่งคุณผู้กองหยางหยางน่ะ..ผมว่าเขาแปลก ๆ ไม่รู้สิ อธิบายไม่ถูก
เอาเป็นว่าละไว้ก่อน แต่คุณเฉินเสียงมีแต่อ่อน ๆ หน่อย
ผมยังหันไปมองคุณผู้กองหยางอยู่ เขาไม่กลัวเลย ไม่กลัวจริง ๆ เดินดุ่ม
ๆมองซ้ายขวา เหมือนไม่ได้อยู่ในป่าช้า ดูเหมือนเขาไปทำคดีล่าคนร้ายปกติ ต่างกับคุณหมวดเฉิน
ไม่รู้จะวิ่งหนีไปตอนไหน ถ้าดันมาเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นมา
แต่ผมว่าคุณผู้กองหยางหยางคงเคยเจอเคยพบเรื่องอะไรทำนองนี้มาก่อนแน่ ๆ
หรือต้องมีใครทักเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับวิญญาณกับเขา
“เฟิงเกอรู้สึก..อยู่ใช่มั้ยล่ะ ผู้กองหยางหยางน่ะ”
“อือ”
ปัวปัวหันมาทักผม เราเดินเข้าป่ารกชัฏมาซักพักแต่ยังไปได้ไม่ไกลหรอกก
ว่าเดินทางกันช้า เพราะจะต้องคอยระวังไม่ให้ไปเหยียบฮวงซุ้ยหลุมของใครเข้าจนเป็นเรื่องต้องไล่กราบทีละหลุม
“ แบบว่า
ผู้กองหยางหยางน่ะ...มีวิญญาณตามอยู่ล่ะ..แต่ปัวปัวคิดอยู่ว่า..อืม
ไม่ใช่วิญญาณไม่ดี”
“หรอ..แต่พี่ก็รู้สึกอย่างนั้น้เหมือนกัน
แต่ก็ไม่รู้สิ..พี่มองไม่เห็นี่หน่า”
ที่ปัวปัวเอาแต่จ้องผู้กองคนนั้นก็ไม่ใช่เพราะความหล่อแค่เพียงอย่างเดียว
ต่เป้นเพราะมีอะไรแปลก ๆ ที่ตามผู้กองคนนี้มาด้วยนี่เอง
(แต่รู้นะว่ายัยปัวปัวแอบปลื้มกับความหล่อของเขาอยู่น่ะ! ยัยน้องไม่รักดี)
“ตรงนี้ทีสารวัตรฝูบอกว่ามีร่องรอย ตามที่กองพิสูจน์หลักฐานให้ข้อมูลมา
งั้นตั้งแต่ตรงนี้เป้นต้นไป เราจะทำงานกัน เอาล่ะ ปัวปัวเข้ามาให้เตี่ย
ส่วนเฟิงเฟิง ขยับไปตรงโน้น”
เตี่ยเรียกผมด้วยชื่อนั่นอีกละ ..จริง ๆ
นั่นล่ะที่เตี่ยเรียกผมจนติดปากมาตั้งแต่เล็ก ๆแต่ผมไม่ยอม
เพราะมันดูน่ารักเกินที่หนุ่มหล่อมาดแมนแบบผมจะถูกเรียกด้วยชื่อนั้น แต่ผมก็ยอมเลี่ยงออกมา
ผมเป็นแค่ตัวเก็บกวาดของหลังงานจบเท่านั้น
ส่วนคุณตำรวจสองคนถูกเรียกให้เข้าไปบอกพิกัดเรื่องศพที่ถูกฝังอีกครั้ง
และก็บอกให้ถอยมายืนห่างๆ แบบผม เพราะไม่ใช่คนมีวิชาที่จะทำ ‘งาน’ นี้ได้
แล้วหลังจากนั้น เตี่ยกับปัวปัวก็เริ่มพิธี และผม อี้เฟิงเป็นผู้สังเกตการณ์และหน่วยเก็บกวาด
ไม่ใช่แค่มายืนมองเอ๋อ ๆ แล้วก็เก็บของ
แต่ต้องดูรอบข้างด้วย...ว่าใครมารบกวนด้วยหรือเปล่า..โดยใช้สัญชาติญาณของบ้านหลี่ที่ตกทอดมา
มองไม่เห็นด้วยตา ไม่ได้ยินด้วยหู จมูกไม่มีกลิ่นสัมผัส แต่ใจผมรับรู้ และใช้ประสาททางด้านการสัมผัสทางผิวหนัง
..เอาเป็นว่า ผมเรียกการสัมผัสอำนาจ วิญญาณ หรือเวทย์อื่น ๆ
รอบตัวโดยการพยากรณ์อากาศ ผมรับรู้ได้ทางสายลมแสงแดด เมฆฝน
คือเป้นกรมอุตุนิยมได้สบายถ้าไม่ติดว่าเรียนโง่ในด้านเคมีฟิสิกส์ชีวะ
ในช่วงที่เตี่ยกับปัวปัวทำงานกนอยู่ ผมเป็นคนที่คอยระวังภัยให้ทั้งคู่ และคอยส่งคำเตือนถึงปัวปัวผู้ซึ่งผมมีดวงจิตใกล้ชิดกันมากที่สุดในครอบครัวเพราะเป็นแฝดกัน
ปัวปัวก็จะบอกเตี่ย ถ้าไม่ราบรื่น
เราจะหยุดทุกอย่างและชิ่งหนีแว้บหายไปอย่างกับสายลมที่พัดผ่าน
“มันจะได้ผล..ใช่มั้ยครับ”
คุณหมวดเฉินเสียงเอ่ยถามผมเสียงสั่น เขากลัวมากเพราะ
ผมสัมผัสจากการพยากรณ์อากาศของผม วันนี้เมฆดำใช้ได้..
งานเราไม่ได้ง่ายขนาดนั้น และเราเข้ามาย่ำที่ของเขาที่มีคนอยู่เยอะ
รบกวนกันพอดูล่ะ แต่โชคยังดี ชะตายังเข้าข้าง ปัวปัวกระซิบบอกผมตะกี้ว่า
วิญญาณแถวนี้ญาณและพลังน้อย เขาไม่กล้าต่อกลอนอะไร เพราะเขาจะเจ็บตัวเอง แต่เราอาจจะต้องไปบริกรรมคาถา
และทำบุญให้เขาหน่อย อันนี้เป็นน่าที่หน่วยเก็บกวาดแบบผมล่ะ
“คุณมาใช้บริการเราแล้ว ฉะนั้นคุณต้องไว้ใจ”
ผมตอบเขากลับไปแบบนั้น และพูดให้ดัง ๆ กว่าเดิม
เพื่อให้คุณผู้กองที่ทำหน้าตาเหมือนไม่เชื่อ เหมือนเดินมาที่นี่ตามน้ำ
ให้งานมันเสร็จ ๆ ไปแบบผู้กองหยางหยาง แต่ผมว่า เดี๋ยวเขาจะรู้ว่าที่เราทำ
มันไม่ใช่เรื่องตลก
..ผมสัมผัสได้ว่าอากาศเริ่มหนาวขึ้นที่ละระดับ
ขนแขนผมแทบลุกขึ้นมาระบำกันเป็นเพลงฮาวาย
ตอนนนี้บ้านหลี่กำลังเริ่มงานแล้ว
ขั้นแรก สอบถามกันก่อน
“สวัสดีอากง อาป๊า อาเจ๊ อาม่า และทุกท่าน วันนี้หลี่ปัวปัว
และครอบครัวขออนุญาตมารบกวนป่าช้าวัดร้างที่นี่ ทำงานให้กับกรมตำรวจหน่อย
หากท่านใดไม่สบายใจ รบกวนให้เข้าฝันหลี่อี้เฟิงที่ยืนอยู่ทางโน้น เรียกเก็บค่าทำขวัญที่รบกวนท่านได้
ให้เรียงเป็นคิวนะค่า”
เป็นวิธีเรียกแขกตามแบบฉบับบ้านหลี่
ผมสาบานได้ว่าไม่มีที่ไหนจะลามปามผีสางได้เท่าบ้านเราอีกแล้ว
แต่ที่ปัวปัวพูดทุกอย่างเกิดขึ้นจริง ผมก็ต้องทำตามที่ยัยนั่นบอก และวิญญาณพวกนั้นก็ทำตามที่ปัวปัวบอกด้วยนะ
มาข้าฝันเรียงคนรายวัน เล่นเอาผมต้องตื่นกลางดึกมาจดชื่อแล้วไปบริกรรมคาถาให้เป็นพนักงานเซเว่นที่มีลูกค้ามายืนต่อคิวซื้อขนมจีบซาลาเปาเลยให้ตาย เห็นมั้นล่ะ แม้ไม่ได้ไปอยู่ในพิธีที่ต้องใช้วิชาคาถา
แต่ก็งานยุ่งสุด ๆไปเลย
“เฟิงเกอ พาคุณผู้กองกับคุณผู้หมวดไปหลบหลังพุ่งไม้นั้นก่อน
ฉันกับเตี่ยต้องใช้คาถาแรงหน่อย..”
ปัวปัวบอกเสียงจริงจัง หลังจากผมคิดอะไรไป คอยสังเกตการณ์ไปด้วย แบบนี้น่าจะไม่ราบรื่นจริง
ๆ ผมสังเกตจากบรรยากาศ เมฆตั้งเค้าเรื่อย ๆ ดำปื้ด เหมือนฝนจะตก
แบบนี้ไม่ค่อยดี
เราอาจจะต้องปักหลักที่นี่กันนาน
“โอเค งั้นเชิญคุณสองคนตามผมมา”
ผมเดินนำไปหาตำแหน่งที่ดีที่จะหลบแรงคาถาและคอยสังเกตการณ์งานของหลังบ้านเราได้ชัดเจน
มีพุ่มไม้หนึ่งเข้าที และไม่มีหลุมศพใครถุกฝังไว้ ผมบอกให้คุณผู้กองและคุณหมวด
เขาเตรียมตัวในพร้อมทุกเมื่อ หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
แต่ย้ำไว้ว่าที่นี่ใช้ปืนไม่ได้หรอกนะ เพราะผู้หมวดเฉินจะหยิบปืนมาเตรียมไว้
ผมบอกว่าเดี๋ยวมันจะลั่นเสียของเปล่าให้เก็บไว้ ที่บอกให้เตรียมพร้อมคือ
เตรียมวิ่งโกยกันต่างหาก ณ นาทีนั้น ผมก็ไม่มาคอยดูแลใคร เพราะเอาจริง ๆนะ
ถ้าเรามาทำงานกันแบบนี้ต้องดูชีวิตตัวเองกันก่อนหากเกิดอุบัติเหตุ และแน่น หากมีกันแค่สามคนบ้านหลี่
ผมแม่งวิ่งช้าที่สุด เตี่ยนำไปก่อนใครเลย
ผมเห็นปัวปัวกางเขตอาคมและเตี่ยคอยสวดไล่ตามแนวเส้นอาคมที่ปัวปัวกาง
เธอบุ้ยใบ้ให้ผมเอาของดีของบ้านหลี่ออกมาป้องกันตัวเองด้วย เป็นลูกแก้วใสที่ลงอาคม
คาถาป้องกันผีสางวิญญาณ ซึ่งเป็นของดีที่เราไม่เคยคิดขายและไม่ให้ใครไป
อย่างมากก็แค่ให้ยืม ผมนึกเอ็นดูผู้กองผู้หมวด จึงส่งให้ก่อน
ผู้หมวดเฉินรับไปคล้องลูกแก้วที่ร้อยเป็นจี้ไว้คล้องคอทันทีที่รับไป
แต่ผุ้กองหยางหยางชั่งใจ
“แล้วคุณล่ะ ? “
เขาถามกลับมาที่ผม วันนี้ผมพลาดที่หยิบมันมาแค่สองอัน เพราะสะเพร่า แต่ผมคิดว่าผมมีคาถาป้องกันแล้วสวดไปน่าจะเอาอยู่
ก็เรียนกับปู่มาบ้าง ซึ่งก็ใช้ได้กับผี วิญญาณเฮี้ยน ๆ ได้ทุกประเภทที่เคยเจอนะ
ผมจึงคว้าสร้อยคืนมาแต่ก็สวมลงคอของผู้กองจอมดื้อนั่นไปเลย และไม่คุยกับเขาอีก
ก็ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เขาจะได้เชื่อซักทีไง ว่าบ้านหลี่น่ะสตรอง!
นี่แหละของจริง
ปัวปัวเร่งสวดบริกรรมคาถา เป็นคาถาอันเชิญของจริง ๆ เป็นบทสวดภาษาบาลีซึ่งผมไม่มีสิทธิไปจำ
เพราะไม่มีคุณสมบัติและพลังธาตุที่จะทำหน้าที่ผู้กำราบวิญญาณ (ที่จริง
ๆเราก็ไม่ได้อยากเป็นที่บ้านเรียกงั้น) เราเลยเรียกกันซอฟ ๆ ว่า
หน่วยเจรจาด้วยกำลังกับวิญญาณ ปัวปัวสวดพึมพำ และเตี่ยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
บริกรรมอีกบทเป็นคาถากางเขตอาคมโดยรอบ ซึ่งเป็นการปกป้องทั้งคู่ที่เข้าพิธีไปและ
โดยรอบไม่ให้มีใครมารบกวนการทำงาน
และเตี่ยก็ต่อด้วยคาถาอันเชิญวิญญาณ
ซึ่งน่าจะเป็นการเชิญให้วิญญาณโดยรอบมาช่วยงานของพวกเราในคืนนี้ จะให้มีขุดกันที่ละตารางเมตรคงไม่ทัน
คดีตำเป็นต้องปิดโดเร็ว เพราะไม่งั้นจะหมดอายุความแล้ว
เหมือนทั้งคู่จะเจอคนที่อยากคุยด้วยแล้ว
เตี่ยเริ่มพูดเป็นภาษามนุษย์ เอ่ยถามกับอากาศตรงหน้า แน่นอน ผมมองไม่เห็น
น่าจะเป็นวิญญาณแถวนั้นทีเตี่ยจะสอบถามเอาความ
เหมือนเตี่ยจะได้ความว่ามีคนแปลกหน้าเอาอะไรแปลก ๆ มาฝังไว้... อา....
อะไรยังไง
“ไอ้ผู้กองหนุ่มตรงนั้น เอ็งแน่ใจนะเว้ย ว่าคดีนี้เป็นคดีธรรมดา
เอ็งอ่านแฟ้มผิดมั้ยวะ”
ผู้กองหยางหยางฟังดังนี้ก็ขมวดคิ้วและตกไปในห้วงความคิดไปครูหนึ่ง ใ
“ตามแฟ้มคดีบอกแบบนั้นครับ
ความหนักหนาของคดีมันไม่น่ามากมาย..ขนาดนั้น..”
“เอ็งรู้มั้ยว่าไอ้เวรที่เป็นคนร้ายน่ะ
แม่งมันฝังห่าเหวอะไรไว้ในป่านี้น่ะ “
เตี่ยเหมือนจะอารมณ์เสียขึ้นมานิดหน่อย
ผมสังเกตบรรยากาศรอบข้างเหมือนเปลี่ยนไป เมฆดำตั้งเค้า
และแน่นอนว่าในคงจะตกในไม่ช้า ลมแรงด้วย
กลิ่นดินกลิ่นฝนลอยแตะจมูกผมหมด
และความกดดันที่ลอยผ่านสายลมตามที่ผมสัมผัสได้แค่เพียงผู้เดียว
...อืม...งานหนักงานหนัก...ค่าแรงต้องห้าเท่าน่าจะพอ
เตี่ยกับปัวจะไหวมั้ยนะ
หันไปมองเตี่ยกับปัวปัว
ท่าทางจะคุยธุระกับวิญญาณที่นี่แล้วในเบื้องต้น
ปัวปัวหันหน้ามาหาผม และบอกผมผ่านสายตา....
ระดับสี่เลยหรอวะ
งั้นแสดงว่า ไอ้ที่คนร้ายในคดีนี้มันเอามาฝังไว้นี่ไม่ใช่แค่ศพธรรมดาล่ะมั้ง
หรือมีอย่างอื่นด้วย....ตายห่ะล่ะ...
“พวกคุณแน่ใจนะครับ ว่าคดีนี้น่ะเป็นแค่คดีธรรมดาจริง ๆ น่ะ ...
รู้อะไรมากกว่านั้นมั้ย”
ถามเอาความจากสองตำรวจหนุ่ม ท่าทางพวกเขาจะไม่รู้จริง ๆ แต่ผู้กองหยางหยางครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง
เอ่ยปากบอกอะไรมา
“จริง ๆ มันเป็นคดีที่แปลกพิลึกอยู่
เพราะสารวัตรฝูประหลาดใจที่ผู้ร้ายจำที่ที่ตัวเองฝังของที่ขโมยมาไม่ได้
ผมเองก็แปลกใจ เลยคุยกับสารวัตรฝูว่าทำไม
แล้ววารวัตรฝูก็เสนอว่า..ผู้ร้ายคนนั้นน่าจะโดนของ
และมีพลเมืองดีที่เราไปสืบกันมาจนพบเขาบอกว่าเจอคนร้ายซ่อนศพไว้ที่นี่ ...”
ผู้กองหยางหยางหันมาบอกผมจริงจัง ทีนี้เรานั่งลงตรงพุ่มไม้เป็นล่ำสัน
ผมฟังผู้กองเขาเล่าว่าที่เล่ารายละเอียดในร้านก่อนหน้ายังไม่หมด
แต่คิดว่ามันไม่จำเป็นเลยไม่อยากเล่าอะไรให้คนนอกแบบเรารู้ แต่ค้นศพให้เจอก็พอ
แต่เพราะเขาเองก็อาจจะอยากปรึกษา และจำเป็นแล้วที่จะต้องใช้เรา คิดหาทางฉลาด ๆ ได้
“สารวัตรฝูส่งผมมาหาพวกคุณเพราะว่ามันอาจจะเป้นคดีที่ต้องใช้วิชาพิเศษของพวกคุณ..ค้นหาศพ เพราะคนร้ายคนนั้น พอมาที่นี่อีกครั้งก็กลายเป็นบ้า จิตไม่ปกติ จนควบคุมตัวเองไม่ได้
เราต้องเฝ้าเขาไว้ตลอดเวลา กลัวเขาจะฆ่าตัวตาย ผมไม่รู้ว่าเขาไปขโมยอะไรมา ศพสามศพ
เป็นครอบครัวหนึ่งที่ดูธรรมดา สามพ่อแม่ลูกน่ะครับ”
แต่ผู้หมวดเฉินเสียง...ส่งกระซิบมาต่อจากที่ผู้กองหยางหยางเล่า....
“ที่จริงมีข้อมูลอีกส่วนหนึ่งแต่ผมไม่แน่ใจว่ามันจะสำคัญมั้ย”
คุณหมวดเฉินเสียงพูดเสียงเบา...โผล่มาจากหลังคุณผู้กองหยางหยาง
เขาน่ากลัวมากกว่าเดิม เพราะบรรยากาศกดดันน่าอึดอัดเริ่มหนักขึ้น เขาพูดต่อ
มีคนที่อยู่ใกล้ๆ บ้านของครอบครัวที่ถูกฆ่า บอกว่า สามพ่อแม่ลูกที่เป็นศพที่เราตามหานั่นเป็นพวกบูชาปีศาจด้วยน่ะครับ..คุณอี้เฟิง..”
“ห๊ะ ? “
ตายห่ะล่ะ...มิน่าล่ะ...มิน่า
“โอย คุณข้อมูลนี้โครตสำคัญ ทำไมไม่บอกกันก่อนวะ”
ผมสบถใส่เขา ข้อมูลโตรตสำคัญแบบนี้ทำไมไม่รีบบอกวะ!
ผมหันไปคาดโทษเขา พร้อมกับที่ผู้กองหันไปตกตะลึงกับข้อมูลเหนือความคาดหมาย
“เตี่ยครับ ปัวปัว สามศพที่ผู้ร้ายนั่นฆ่าเป้นพวกบูชาปีศาจ!”
“ไอเวรฝูเอ๊ย ทำไมไม่บอกกูก่อนล่ะวะ”
เตี่ยสบถดังมาก หลังจากผมบอกไป
เขาถึงกับหยุดบริกรรมคาถาไปครู่หนึ่งเพื่อมาด่าเพื่อนที่น่ารักของเขา ไม่รู้จริง
ๆว่าแล้ว สารวัตรฝูนี่เป็นเพื่อนรักกับเตี่ยจริง ๆ รึเปล่า
“นายไม่เห็นเคยบอกข้อมูลนี้กับฉันหนิ เฉินเสียง? “
“นายไม่เชื่อนี่หว่า..จะไปบอกให้ได้อะไร”
เฉินเสียงพูดอ้อมแอ้มกับหยางหยาง เพราะเป็นข้อมูลที่ผู้กองคนหล่อไม่เคยรู้มาก่อน
พอรู้ปุ๊บ หงายการ์ดมาก็รู้เลย เรื่องยุ่ง ๆ ก็คือ พวกบูชาปีศาจพวกนี้น่ะ
เป็นเกลียดแรงโกรธแรงซะด้วย แล้วไอ้ผู้ร้ายเวรนั่นก็ดันไปฆ่าชิงทรัพย์เขา โอโห บังเกิดสิครับ
พวกนี้น่ะ เท่าที่บ้านหลี่เคยต่อกลอนมา รับมือยากในระดับหนึ่งเลย
ไม่คิดว่าพอได้กลับมาร่มงานกับตำรวจหลังจากที่เราห่างไปซักพักแล้วจะมาเจองานหิน ๆ
แบบนี้
“ที่จริงพวกคุณควรบอกเราก่อน”
“ผมไม่ทราบจริง ๆ ครับว่ามันเป็นข้อมูลจำเป็น”
เฉินเสียงหันมาขอโทษเราอ้อมแอ้ม ๆ อีกครั้ง ทั้งผมทั้งผู้กองหยางหยาง
เตี่ยรู้แล้วว่าศพที่ถูกฆ่าตายที่สารวัตรฝูให้ตามหาเป็นศพที่เป็นพวกบูชาปีศาจเป็นพวกมีวิชาดำมืดอยู่กับตัวกับร่างกับจิตวิญญาณ
คนพวกนี้ตายไป วิญญาณก็ยังบูชาปีศาจไม่เสื่อมคลาย
และเราจะต้องใช้ไม้อ่อน...ไม่งั้นเราเองก็จะแย่ แถมไม่ได้เตรียมตัวมาด้วย
..อา ...แบบนี้เจอของไม่ธรรมดาซักแล้ว
“เป็นศพของพวกนี้น่ะ ไม่ง่ายเลยที่เราจะเราหา แต่ก็ใข่ว่าจะไม่มีทาง
เราต้องคุยกับเขาดี ๆ เฮี้ยนจะตายชัก”
ปัวปัวเดินมาหาเรา ให้เตี่ยท่องคาป้องกันเราไปก่อน บรรยากาศตอนนี้คือทั้งป่าช้ารู้แล้วว่าเรามารบกวนเขา
กลับบ้านไปผมคงต้องเป็นพนักงานรับออเดอร์ทำบุญจากวิญญาณในป่าช้านี้ได้ซักร้อยคิว
“ผู้ร้ายคนนั้นฆ่าครอบครัวที่บูชาปีศาจมนต์ดำกล้าแกร่ง
แม้แต่ศพของพวกเขาก็ยังจมอยู่ในความมืด เราแตะต้องก็เหมือนโดนของดำไปด้วย พวกคุณหาศพไม่เจอก็ไม่แปลกหรอก
พวกคุณรู้มั้ยพวกนี้จะสามารถนำวญญาณเข้ากลับร่างได้ใหม่อีกครั้งด้วยนะ
ถ้าพวกเขามีวิชานั่งพวกเขา บูชาปีศาจ
ทำพิธีจนเรียกได้ว่าเป็นเซียนในฝั่งมืดของพวกเขาเอง
ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาจะเอาวิญญาณเข้าร่างในรูปแบบไหน แต่ถ้าเขาทำได้ก็วินาศสันตะโร
เท่าที่รู้คืออันตายมาก อาจจะคล้าย ๆ ซอมบี้ในหนังฝรั่งล่ะมั้ง
แต่ฉันว่าร้ายแรงกว่านั้นคือ
พวกบูชาปีศาจที่ตายไปพักหนึ่งแล้วสามารถกลับเข้าร่างที่เป็นศพของตัวเองได้อีกครั้ง
จะกินวิญญาณและร่างเนื้อของมนุษย์ พวกคุณคงไม่เชื่อแต่ปัวปัวเคยไปดูงานของเพื่อนบ้านที่ลงพื้นที่ปราบพวกนี้มาครั้งหนึ่ง
เลือดสาดอย่าบอกใคร และที่เราบอกว่าไม่ง่ายที่จะขุดหาคือ
เขาไม่แสดงตัว และบังตาเราไว้จะไม่ให้เราหาเจออีก เพราะเขาจะต้องจำเป็นจะต้องซ่อนศพเพื่อรอวิญญาณเข้าร่างและกลับไปแก้แค้นคนที่ทำร้ายพวกเขาและที่สำคัญกว่า
พอพวกเขาเข้ามาในที่ที่เป็นที่ป่าช้านี้ พลังพวกเขายิ่งเข้มแข็งแกร่งกล้ายิ่งกว่าเดิม นี่แหล่งที่พวกนี้จะเพิ่มพูนพลังดำมืดนั่นเลยล่ะนะ
เราจะสู้เขาลำบาก จะบอกว่าเตี่ยกับฉันวิชากล้าแกร่งก็ใช่ แถมที่ป่าช้านี่พวกเขาดันไปเป็นพันธมิตรกันแล้วน่ะซี่
ก็เท่ากับว่า ทั้งป่าช้านี่ vs เรา
รู้สึกสนุกกันมั้ยจ๊ะ พวกคุณทุกคน “
ปัวปัวพูดไปพลางขมวดคิ้ว
ถึงจะบอกว่าปัวปัวเคยไปดูเพื่อนบ้านลงพื้นที่มาแต่ไม่เคยปะมือจริง ๆ
ก็ยิ่งเครียดแถมยังกองทัพผีและวิญญาณทั้งป่าช้าที่ดันไปเป็นพันธมิตรกับศพใต้ดินนั้นด้วย
โอ้โห เท่ากับว่า เราต้องเจรจาให้เขาแสดงตัวศพใต้ดินนั้นมา
ให้ท่านตำรวจทั้งคู่เอาไปทำแผนเข้าคดีให้ได้...
คิดไม่ออกเลยว่าจะทำให้พวกบูชาปีศาจที่รักร่างศพของตัวเองมากมายขนาดนี้ยอมให้ร่างไปทำแผนดี
ๆ ได้อย่างไร
“ที่สำคัญนะคุณทั้งหลาย
พวกนั้น..พวกศพที่คนร้ายของพวกคุณไปฆ่าเขาน่ะ นั้นเขาคิดว่าเราเป็นพวกเดียวกับคนร้าย
ใครไปแตะต้องหรือไม่ยุ่งกับพวกเขาก็คือศัตรูที่จะขโมยของล้ำค่าจากพวกเขาหมด ...
เฮี้ยนแรงมาก เอ่อ...
คือถ้าพูดไม่เข้าหูเขา ซักประโยคเดียว น่าจะโดนคิลกันหมด”
ปัวปัวยิ่งพูดยิ่งเกร็งใบหน้าของเธอที่เหมือนผมเด๊ะแค่ผมยาวทอดไปถึงกลางหลัง
วันนี้ปัวปัวใส่ชุดเป็นสาวหมวยน่ารัก ก่อนออกมาทำงาน
ผมถักเปียเป็นสาวน้อยให้เธอทั้งสองข้าง
ที่ปัวปัวรู้สึกเครียดและดูกังวลเพราะคราวนี้เราพวกน้อยกว่ามาก
ผมจับมือน้องสาวให้กำลังใจ เธอยิ้มให้ผม และกอดผมครั้งหนึ่ง เธอเคยบอกว่า
การกอดผมเป็นการช่วยให้พลังของเธอฟื้นฟู
ผมไม่รู้ว่าเธอพูดจริงหรือเลป่าแต่เตี่ยเคยบอกว่า
ผมเป็นพวกมีพลังในการเยียวยาอยู่จริง ๆ แบบเตี่ยพูดจริง ไม่ได้ล้อเล่นด้วย
“ไม่ไหวก็ถอยนะปัวปัว บอกเตี่ยด้วย”
“อือ “
ผมเตือนเธอครั้งหนึ่งและเธอก็ผลักออกไปหาเตี่ยที่ยังนั่งบริกรรมคาถาไม่ตื่นจากภวังค์
ปัวปัวเข้าไปปลุกเตี่ยผม ให้พักการบริกรรมคาถาไว้ก่อน
ม่านพลังของเตี่ยที่บริกรรมน่าจะคงที่อยู่ได้ และปกป้องเราได้ซักพัก
ทั้งคู่คุยแผนกันอยู่ซักพัก
เตี่ยเริ่มทำการบริกรรมคาถาชุดใหม่ เป้นคาถาที่ไว้เจาะจงคุยกับวิญญาณโดยตรงซึ่งเป็นคาถาที่ผลแรงและแข็งแรงกว่าชุดใหม่ที่สวดไป
เตี่ยสวดไปได้ไม่กี่จบ...เตี่ยก็หยุด
“ไม่คุยกับกูอีก...เฮ้อ ปัวปัว ช่วยหน่อย
เตี่ยจะสวดคาถานำทางและปกป้องไปให้ด้วย เดินไปที่หลุมเขา เตี่ยหาเจอแล้ว
ตรงไปสี่สิบห้าก้าวเลี้ยวซ้ายสามสิบก้าว และหยุดตรงนั้น เขาคุยกับผู้หญิงเท่านั้น”
ปัวปัวรับบทหนักหนาอีกครั้ง
ถึงแม้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่เราก็กังวลกันเหมือนทุกอย่างเป็นครั้งแรกเ
พราะนั่นคือครอบครัวของเรา ผมไม่คิดอยากให้ปัวปัวไปเสี่ยงแบบนั้นเลย
ผมอยากเป็นคนที่มีพลังนั้นเองและทำทุกอย่างแทนปัวปัวเองด้วยซ้ำ
แต่คุณสมบัติและพลังเหล่านั้นมันกลับไปอยู่ที่ปัวปัว
โดยที่ผมไม่มีมันซักนิด ทำได้แค่ช่วยน้องสาวได้แค่ตามมีตามเกิด
แถมยัยนั่นยังมาทำตัวเป็นคนเข้มแข็งอีก บางทียัยนั่นก็กลัวเหมือนกัน แต่ไม่แสดงออก
แต่ทำพวกเราพ่อพี่จะไม่รู้ล่ะแต่แค่เราไม่ควรไปทำให้ปัวปัวเสียความตั้งใจที่จะหมายมั่นว่าเธอจะเป็นเข้มเข้มแข็ง
เธอตั้งใจไว้แบบนั้นแล้ว
“โอเค เตี่ย งั้นปัวปัวขอเอา’ของ’ ไปด้วย”
ของที่ปัวปัวว่าคือของป้องกันตัวที่บ้านหลี่ทุกคนที่มีวิชาเป็นผู้กำราบวิญญาณ
(สรุปผมเรียกว่างี้แล้วกัน) ในแต่ละรุ่นจะต้องมีติดตัว
ของปัวปัวเป็นมีดสั้นที่ใส่ฝักไว้เป็นมีดธรรมดาที่ไม่ได้ดูหวือหวาอะไร
แต่ที่เป็นจุดเด่นคือ ทั้งด้ามมีด ตัวคมมีดและตัวฝักที่ใส่มีดเป็นสีขาวล้วนทั้งหมด
เตี่ยก็บอกว่าเป็นมีดที่เข้ากับปัวปัวดี จำได้ว่าปู่เป็นคนปลุกเสกให้
ปัวปัวนำของติดตัวไป และเดินไปตามทางที่เตี่ยบอก
ตามจังหวะก้าวที่เตี่ยแนะนำ เมื่อลับสายตาพวกเราไป และเราไปตรงนั้นไม่ได้
นอกจากจะต้องรอให้ปัวปัวกลับมาบอกผลลัพธ์ว่าเราจะเจรจาสำเร็จมั้ย แต่ที่จริงผมยังติดต่อกับปัวปัวได้..อืม
อาจจะดูงี่เง่าไปหน่อยแต่เราเป็นแฝด หากใครอีกคนเป็นอะไร...เราจะรู้
ผมเองก็เริ่มหวั่นใจ ...เมฆดำที่ปกคลุมท้องฟ้ายามค่ำคืน
เริ่มโปรยปรายหยดน้ำที่โอบอุ้มเอาไว้
เป็นเม็ดฝนหยดใสหยดเล็กที่ตกโปรยปรายลงมาแล้ว
และพร้อมกับบรรยากาศตามที่ผมพยากรณ์ได้
อารมณ์รุนแรงกันจริงเชียว...ป่าช้าตรงนี้น่ะ
------------------------------------------------------ TBC 3 =-------------------------------------------------------
เรื่องนี้รอคอยมาก น่าสนใจสุดๆ คิดว่าคงต้องหาข้อมูลแน่นเหมือนกันแต่ยังรอเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ เลยนะ น่ารักกันทั้งบ้านเลย ยิ่งอ่านยิ่งชอบคนบ้านหลี่
ตอบลบชอบค่า รอยุ่นะค่ะ ^^
ตอบลบ