วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

[Fic] ที่สุดของดวงใจ : หยางเฟิง --- CHAPTER :7





TITLE :  ที่สุดของดวงใจ
CHAPTER :   7
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG - 15




-------------------------------------------------------------------------




วันนี้คุณหนูน้อย เจ้าหญิงของบ้านอย่างเสี่ยวอิ๋งก็กลายเป็นผู้สังเกตการณ์อีกแล้ว ...



นับตั้งแต่วันที่คุณป๊าของเธอหายดีออกจากโรงพยาบาล แน่ล่ะ คุณป๊ารูปหล่อของเธอก็ไปทำงานทุกวันเหมือนเดิม ใครต่อใครบอกให้พักผ่อน ป๊าก็ไม่ยอม รู้สึกเหมือนจะมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมาก แต่เธอก็ไม่รู้หรอกว่ามีอะไร แต่ดูป๊าของเธอจะวุ่นวายเอาการ แต่ก็ยังกลับมาทานข้าวที่บ้านทุกเที่ยงและกลับมาทันข้าวเย็นเสมอ แม้บางครั้ง ช่วงค่ำก็ยังคงอออกไปด้านนอกบ้านอีก


ผู้สังเกตการณ์เสี่ยวอิ๋งที่ว่าก็ทำหน้าที่

สังเกตเวลาป๊าของเธอมองพี่อี้เฟิง คุณครูที่รักของเธอ และเมื่อยามที่คุณครูมองด้วย


ทุกวันที่ได้ทำหน้าที่สังเกตการณ์ (แบบที่เธอแต่งตั้งตัวเองตามใจ) เธอก็รู้สึกแล้วว่า ป๊าของเธอกับคุณครูต้องมีบางอย่าง รู้อยู่ว่าตัวเองก็เป็นเด็กแก่แดดเกินอายุ แต่ป๊ากับพี่อี้เฟิงก็มีอะไรจับผิดจริง ๆ


เสี่ยวอิ๋งยกมือแตะลูบคาง เก๊กท่าแบบผู้ใหญ่ ยืดตัวตรงและเอียงคิด ตอนนี้เสี่ยวอิ๋งโตขึ้นอีกนิดแล้วล่ะ เด็กสาวคิด

“ป๊ากลับมาแล้วจะต้องคุยกับป๊า ฮึ่ม”



-----ที่สุดของดวงใจ ----


ค่ำวันนี้หยางหยางเข้าพักผ่อนเร็วหน่อย เพราะพรุ่งนี้เขาต้องออกทำงานแต่เช้าตรู่  รุกไปดูหน้างานที่เป็นพื้นที่ในความดูแลของตระกูลหยาง พวกเขาถูกลอบโจมตีอีกแล้ว


ในตอนแรกที่ได้รับรายงานจากลูกน้อง ตามสืบกันแทบเป็นแทบตาย บางส่วนถูกฆ่า บางส่วนก็ถูกบิดเบือนความจริง แต่ด้วยความพยายามในการค้นหาและฝีมือที่เขามั่นใจว่าลูกน้องของเขามีมากพอ เมื่อได้ข้อมูลและได้การรับยืนยัน


“เจ้าพวกนี้มันเก็บยากเก็บยากจริง ๆ “



ตระกูลเฉิน ไม่ใช่พวกที่จะล้างบางให้หมดไปง่าย ๆ


ตระกูลเฉิน กลุ่มมาเฟียเก่าแก่ที่มีประวัติสืบต่อรุ่นต่อรุ่น อำนาจและบารมีเหลือที่ทางการจะปรามไว้อยู่  พวกตระกูลเฉินเรืองอำนาจมานาน จนในเมื่อไม่กี่สิบปี พวกเรา ตระกูลหยางก็เข้ามามีส่วนแบ่งอำนาจในวงการมาเฟียที่ยิ่งใหญ่นี้  วงการนั้นมีทั้งองค์กร แก๊งค์ใหญ่น้อยมากมาย แต่ที่ยิ่งใหญ่จนกลายเป็นขั้วอำนาจของวงการก็มีแค่ตระกูลเฉินที่เก่าแก่ และตระกูลหยางที่แม้ถือกำเนิดกลายเป็นกลุ่มมาเฟียทรงอำนาจกลุ่มใหม่ แต่ความร้ายกาจและความยิ่งใหญ่นั้น ภายหลังก็ขึ้นมาทัดเทียมกับตระกูลเฉินได้แล้ว


แน่นอน นั่นทำให้ทั้งสองขั้วอำนาจจากตระกูลใหญ่ไม่เคยญาติดีกันเลยแม้แต่น้อย


จะงานเล็ก งานใหญ่ จะบนดินที่พวกเราต้องทำตัวเป็นแค่นักธุรกิจมากฝีมือและอำนาจและใต้ดินนั้นเราเป็นมาเฟียผู้ทรงพลัง แม้ทางการก็ยังต้องเกรงกลัว ขอบเขตของมาเฟียไกลเกินกว่าทางการจะควบคุมได้ พวกเขาจึงทำการเจรจากับวงการมาเฟียใต้ดิน ด้วยผลประโยชน์ที่ตกลงกันได้ดี ทุกฝ่ายจึงตกลง เจรจาต่อรองสัมฤทธิ์ผล


เฉินกับหยาง ไม่เคยคุยกันดี ๆ กัน แค่บางครั้งที่ทั้งสองฝ่ายพักรบ มีการปะทะกันเล็กน้อย ๆ ประปรายไม่มีวันหยุด หยางหยางจำเป็นต้องทำให้ตระกูลและแก๊งค์ องค์กรในเครือของเขามีกำลังมากที่สุด นอกจากเพื่อความยิ่งใหญ่เหนือใคร ก็ยังสามารถปกป้องคนของเขาได้ด้วย คนสำคัญ ทุกคน




แต่ก็ไม่คิดว่า ความผิดพลาดจะนำหายนะมาสู่เขา เพราะเขาหลงใหลในความแข็งแกร่งของตัวเองในขณะนั้น คิดว่าตระกูลหยางยิ่งใหญ่ แม้ตระกูลเฉินที่เก่าแก่ก็ยังต้องสิโรราบ ทางการก็ไม่มีทางแตะต้อง แต่เขาคิดผิด



“เฉินมันเป็นพวกชอบทำอะไรตลบหลังคนอื่นอยู่แล้ว”


เสียงทุ้มเอ่ยกับตัวเอง เขายังนอนไม่หลับและครุนคิดเรื่องราวในอดีต ผนวกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เบื้องหลังที่ หยางหยางคิดไม่ถึง ตระกูลเฉินกลับมาแล้ว  อาจจะมาเพื่อทวงอำนาจของพวกนั้นคืน แต่วงการมาเฟีย ผู้แกร่งที่สุดจึงอยู่รอด


“พวกแกมันพลาดเอง  ฉันเองก็มีสิ่งที่ต้องทำเหมือนกัน”

ต่างคนต่างต้องมีสิ่งที่ปกป้อง หยางหยางเคยทำพลาดไปแล้ว ก็เพราะพวกเฉินนี่เอง ที่เป็นต้นเหตุความโหดร้ายของเขาทั้งหมด ย้อนกลับไปถึง ณ เวลานั้น หยางหยางโหดร้ายได้ถึงขนาดฆ่าคนไม่เลือกหน้า ถ้ารู้ว่าเป็นศัตรูจะไม่ละเว้น  ก็เพราะเฉินฆ่าคนสำคัญ พวกเขาไม่มีทางมายุ่งกับวงการมาเฟีย แต่เฉินก็ยังพาให้สองคนมาเกี่ยวข้อง เพราะพวกเขาเป็นคนสำคัญของหยางหยาง เพื่อนรักทั้งสองจึงต้องจากไป หยางหยางที่ไม่คิดว่าตระกูลเฉินจะไปย้อนเล่นงานเพื่อนรักของเขาที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวงการเลย กฎแห่งวงการเราก็มีอยู่แล้วว่า จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนภายนอก และไม่นำคนภายนอกมาเกี่ยวข้องกับองค์กรไม่ว่าจะใคร


ชายหนุ่มผู้ข่มตาหลับไม่ได้ ลุกจากเตียง เขาไม่ฝืนจะหลับ เรื่องในหัวตีพันกันยุ่งเหยิง หยางหยางขบคิดหลายเรื่อง เพราะตระกูลเฉินบีบให้เขาต้องกลายเป็นปีศาจ วันนั้นที่เขาสังหารคนของตระกูลเฉินที่เป็นพวกระดับสูงในองค์กร เขาจำสายตาเว้าวอนชอชีวิตของคนพวกนั้นได้ดี มันน่าสมเพช เพราะตระกูลเฉินพวกนั้นเป็นคนสั่งให้ฆ่าคนสำคัญของพวกเขา แถมยังลอบโจมตีบ้านของหยางหยางไปพร้อมกัน ในช่วงนั้นก็วางแผนให้ทางการเข้าใจตระกูลหยางผิด พวกมันลอบทำร้ายคนของทางการ ทั้งยังปั่นป่วนความสงบของบ้านเมือง ให้คนตระกูลหยางรับบาป




“ทำไมพวกแกไม่ยอมจดจำความเจ็บปวดที่โดนไปเสียบ้าง ต่อให้แกกลับมา ฉันก็จะฝังแกกลับหลุมไปอีก”

หยางหยางพูดกับตัวเองเช่นนั้น ในวงการมาเฟียเมื่อเก่าก่อนทุกคนในวงการรับรู้ความน่าเกรงขามของหยางหยางในบานะปีศาจ และถ้าคนพวกนั้นต้องการเช่นนั้นอีก เขาก็จะทำให้พวกนั้นได้รู้รสชาตินั้นอีกครั้ง และแน่นอน คนสำคัญของหยาง หยาง จะไม่มีวันเป็นอะไร ทุกอย่างไม่มีวันซ้ำรอบ เขารู้แล้ว ตระกูลเฉินมันมักจะลอบทำร้าย ก่อนหน้านี้ที่เขาพลาดไปในหลาย ๆ ครั้ง เพราะสืบไม่รู้เสียทีว่าเป็นแค่พวกอยากลองของกับเขา หรือใคร แต่ตอนนี้ เบื้องหลังนั้นมาจากตระกูลเฉิน พวกมันกำลังเคลื่อนไหว เขาเองก็ต้องรุกกลับไปบ้าง

ชายหนุ่มทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเก่งที่ประจำ ยกแขนตั้งท้าวคาง ใบหน้าได้รูปครุ่นคิด เขาคงจะต้องหาลู่ทาง และกำลังคนเพิ่ม อาวุธ พร้อมทั้งปกป้องคนสำคัญ กลยุทธเองก็สำคัญ เราได้กลับมาในสงครามมาเฟียอีกครั้ง หยางหยางอาจจะต้องถูกทางการจับตาอย่างแน่นหนาขึ้น คงเคลื่อนไหวแบบโจ่งแจ้งไม่ได้ คงจะต้องคิดแผนกันอีกพัก เพราะทางการก็ระแวงว่าคนการมาเฟียจะกลับมาเรืองอำนาจอีกครั้ง เพราะเขาได้สัญญากับคนเบื้องบนของทางการไว้แล้ว ว่าเมื่อกวาดล้าง ชำระกันไปหมดก็ห้ามกลับกันมาอีก ไม่เช่นนั้นก็จะต้องถูกดำเนินคดี อย่างที่ไม่สามารถมองข้ามได้อีก แต่ทำอย่างไรได้ เขาถูกโจมตีแบบนี้ ก็ต้องตอบโต้จะให้โดนกระทำอยู่ฝ่ายก็คงจะไม่สมชื่อกับความเป็นตระกูลหยางเท่าไรนัก และหยางหยางคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่จะมาเหยียบจมูกกันง่าย ๆ


“กำลังคน อาวุธ ความแน่นหนาของการป้องกัน ให้ตายสิ พวกแกบังตับฉันเองนะ ตระกูลเฉิน หากจะตายกันไปหมด พวกแกก็เป็นคนทำตัวเอง”


หยางหยางมั่นใจกำลังของตัวเอง และมั่นใจว่าเขาจะจัดการทุกอย่างได้ และปกป้องสิ่งที่อยากปกป้องเอาไว้ได้

เฉินพรากคนสำคัญของเขาไปแล้ว แม้พวกนั้นจะได้รับบทเรียนแต่เหมือนจะยังไม่หลาบจำเอาเสียเลย





หยางหยางจุดยิ้ม เขามั่นใจ มันจะไม่มีทางผิดพลาดอีก








“ป๊าคะ~~~



ยายหนูหรือ ?  ค่ำนี้เลยเวลานอนของคุณหนูแล้ว แต่ลูกสาวจอมซนของเขาก็ยังไม่เข้าสู่นิทรา เสียงเรียกอยู่หน้าห้อง หยางหยางรีบไปเปิดประตูต้อนรับลูกสาวแล้วยกอุ้มเข้ามาในห้อง


“ทำไมยังไม่นอนคะลูก ป๊าว่ามันเลยเวลานอนแล้วนะ”

“เสี่ยวอิ๋งนอนไม่หลับค่ะ”


หยางหยางสังเกตว่าเสี่ยวอิ๋งมีสมุนเข้ามาด้วย เสี่ยวอ้ายเดินดุ่มเข้ามาหลังจากที่เขาเปิดประตู วันก่อนเขาจำได้ว่าครั้งหนึ่งเด็กน้อยขออนุญาตออกไปนอกบ้านอีกรอบ แต่เหตุการณ์อันตรายเพิ่งผ่านไป เธอไม่พอใจ ก็สั่งให้สมุนขนฟูสีขาวทำห้องเขาเสียวุ่นวาย ทั้งเตียง โต๊ะ หมอนขาดจนนุ่มปลิวว่อนห้องไปหมด ลูกสาวของเขาแสบจนเขาจะต้องขอร้องด้วยเค้กก้อนโตเจ้าอร่อยที่เธอชอบและสัญญาว่าจะให้ออกไปเที่ยวข้างนอกได้



“แล้วลูกสาวป๊ามีอะไรรึเปล่า หรือว่าคุณครูยิ้มสวยของหนูให้การบ้านเยอะอีกแล้ว”
“พี่อี้เฟิงก็ให้การบ้านเยอะทุกวันแหละค่ะ แต่เสี่ยวอิ๋งทำเสร็จแล้ว”



เขายิ้มกับคำบอกเล่าของลูกสาว หลายวันมานี้เขาไม่ได้ไปคุยจริงจังกับคุณครูซักเท่าไหร่ พอกลับมาก็เหนื่อยมากเพราะงานและเรื่องวุ่นวาย อี้เฟิงทำเพียงแค่เข้ามาพูดถามไถ่สารทุกข์สุขดิบประจำวัน และปล่อยให้เขาไปพัก ดูท่าทางอีกฝ่ายก็อยากอยู่กับเขา พูดคุยกันมากกว่านี้เหมือนกัน คิดว่าคงยังโทษตัวเองเรื่องที่พายายหนูไปเสี่ยง ไม่อยากรบกวนเวลาเชาเหนื่อย เป็นแมวน้อยที่กลัวไม่เข้าท่าเลย 


จะว่าไป เขายังไม่ทำตามที่บอกไปกับลูกสาว ว่าจะติวพิเศษให้คุณครูที่ดูแลลูกสาวไม่ดี ไว้เป็นคืนไหนซักคืน เขาจะเอาให้คุณครูคนนั้นกลัวจนหางลู่ไปเลยล่ะ



“ป๊าคิดถึงพี่อี้เฟิงแน่ ๆ เลย “
“หา ? “


เขาจมอยู่กับความคิด ณ ขณะที่ลูบหัวลูกสาวอยู่บนเตียง เด็กคนนี้แก่แดดใหญ่แล้ว รู้จักหัวใจของไปทุกเรื่อง หยางหยางมองหน้าเสี่ยวอิ๋งและก็ยกมือเขกเข้าที่หน้าผากซักที เด็กน้อยร้องโอดโอย


“เรานี่แก่แดดเกินไปแล้ว”
“ก็ป๊าชอบทำสายตาแบบนั้นเวลามองพี่อี้เฟิงของหนู ตะกี้ก็เหมือนกัน “

เสี่ยวอิ๋งขืนตัวเองออกจากอ้อมกอดคุณพ่อของตัวเอง หยิบหมอนมาวางบนตัก คล้ายว่าจะใช้มันต่างโต๊ะเล็ก ๆ
มีอีกเรื่องที่สาวน้อยคนนี้อยากพูดกับคุณพ่อของเธอ




“ป๊าคะ...”



ลูกสาวตัวแสบของเขาทำหน้าตาจริงจังขึงขัง เขากลัวว่ามันจะเป็นเรื่องราววันนั้นที่ทำให้เสี่ยวอิ๋งตัดสินใจออกจากอกเขาไป หยางหยางกลัวจับใจ หากลูกสาวของเขาเป็นอะไรไป ใจเขาต้องสลายไปแน่ ๆ  หลังจากวันนั้น หยางหยางให้เวลากับลูกสาวและย้ำชัดตลอดเวลาว่าเขารักเธอมาก และเธอเป็นลูกสาวของเขา แม้เธอจะมีพ่อแม่ที่แท้จริงแต่โปรดรักเขาคนนี้ทีมอบความรักให้เธอมาตลอดตั้งแต่รับเธอมา


ลูกสาวเขาตอบตกลงกันแล้วว่าจะเชื่อ เสี่ยวอิ๋งเป็นเด็กดีที่ไม่เคยโกหก และเชื่อฟังเป็นอย่างดี หรือว่าจะมีอะไรที่มากระทบใจเธออีก หยางหยางเริ่มจุดประกายความกลัวในใจ




“ป๊าอย่าทำหน้าตาแบบนั้นสิคะ เสี่ยวอิ๋งไม่ได้กังวลเรื่องนั้นแล้ว ป๊ารักเสี่ยวอิ๋งหนูรู้ แต่ป๊าก็บอกให้รอเวลา  ถ้าเสี่ยวอิ๋งเห็นว่าความจริงนั้นเสี่ยวอิ๋งรับไม่ได้ เสี่ยวอิ๋งกับเสี่ยวอ้ายจะหนีไปเลย”




หยางหยางเบิกตากตใจ ลูกสาวของเขาสตั้งท่าจะหนีเขาไปอีกแล้ว เขาจะเอื้อมมือไปกอดเธอ แต่เธอเบี่ยงหนี ผู้เป็นพ่อยิ่งมีประกายความกลัวมากขึ้น



“ไม่นะ เสี่ยวอิ๋ง..อย่าคิดแบบนั้นสิลูก”
“ก็ป๊าทำเป็นมีความลับอะ ถึงเสี่ยวอิ๋งจะเข้าใจแล้ว และเป็นลูกป๊า ก็ไม่รู้ล่ะ ถ้าโตขึ้น เสี่ยวอิ๋งไม่เข้าใจที่ป๊าพูดก็ไม่คุยกัน เสี่ยวอิ๋งจะหนีไป เอาเสี่ยวอ้ายไป อ้อใช่! แล้วหนูก็จะพาพี่อี้เฟิงด้วย”




ทีนี้มีตัวละครใหม่เข้ามา ลูกสาวเขาบอกจะเอาอี้เฟิงไปด้วย หยางหยางเริ่มสงสัย และเธอก็เปิดประเด็น





“คือ....  เสี่ยวอิ๋งไม่ชอบเวลาพี่อี้เฟิงไม่ยิ้มเลยค่ะ หนูชอบเวลาพี่เขายิ้ม น่ารักมาก ๆ เลย”


เด็กหญิงพูดและแสดงออกถึงอาการบางอย่าง คุณพ่อแปลกใจ


“หืม ? “
“เสี่ยวอิ๋งน่ะชอบพี่อี้เฟิงมากเลย ป๊า อยากแต่งงานด้วยเลยล่ะ!
“ห๊ะ ?!


หยางหยางอุทานเสียงดัง ตกใจกับประโยคล่าสุดที่ลูกสาวพูด เขาแทบแสดงอาการมากกว่านี้ ดีที่เขาเก็บอาการไว้ทัน




บ้าจริง ..นี่เขาเลี้ยงให้เสี่ยวอิ๋งเหมือนตัวเองขนาดนี้เลยหรือ..ลูกสาวกับเขา ชอบคน ๆ เดียวกัน   



“หนูว่าอะไรนะ เสี่ยวอิ๋ง”
“หนูชอบพี่อี้เฟิงมากกกกก  มาค่ะ ! ป๊า!  เรามาคุยกันตามประสาพ่อลูกกันเลยค่ะ”



เด็กน้อยยืดหลังนั่งตัวตรง ตบหมอนต่างโต๊ะบนตักปุ ๆ เสี่ยวอ้ายนั่งประจำการข้างเจ้านายของตัวเอง จ้องเขม็งที่คุณพ่อรูปหล่อเจ้านายอีกคนของมัน เสี่ยวอิ๋งมองคุณป๊าของเธอด้วยสีหน้าจริงจัง  หยางหยางจุดยิ้ม และเข้าใจประเด็นที่ลูกสาวจะพูดแล้ว



“ป๊าชอบพี่อี้เฟิงด้วยใช่มั้ยคะ!





เอาล่ะที่นี้จะตอบยังไงให้ไม่ทำร้ายจิตใจลูกสาวตัวแสบดีละเนี่ย  คนเป็นพ่อเริ่มคิดหนัก



เป็นคำถามที่ตอบยาก หากเมื่อรู้ว่าลูกสาวเขาก็ชอบอี้เฟิงด้วย พ่อลูกจะเหมือนกันเกินไปแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาและสายตาคมกิรบทอดมองลูกสาวตรงหน้า เมื่อเข้าอารมณ์จริงจัง เขาเองก็ควรเคารพและทำตามใจลูกสาว และสำหรับคำตอบ เขาคิดว่าลูกสาวของเขาคงสังเกตมาซักพักแล้ว  จึงรวบรวมกำลังใจมาพูดกับเขาจริงจังในวันนี้ โดยมีสมุนตัวน้อยขนฟูมาด้วย กะเอามาข่มขู่กันเห็น ๆ



คุณพ่อรูปหล่อยิ้มบาง ๆ ให้ และตอบ  “ถ้าป๊าตอบว่าใช่ล่ะ”




“ว่าแล้วเชียว เฮ้อ หนูก็พอรู้อยู่แล้ว ก็สายตาป๊าอ่ะ เหมือนคุณพระเอกในละครทีวีเวลามองคุณนางเอกเลย”


เด็กน้อยทำท่าทีถอนหายใจเหมือนทุกข์ใจอย่างหนักหน่วง หยางหยางอมยิ้มขำกับท่าทีแก่แดดแก่ลมของลูกสาว เด็กสมัยนี้ได้รับสื่อจากความทันสมัยของโลกในยุดนี้  คงไปดูไปจำอะไรมา แต่เขาก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไร แม้จะไม่ทันสิบชวบดี แต่ก็รู้อะไรขนาดนี้ มาเก๊กท่าทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ยิ่งมองดูลูกสาว  เขาอมยิ้มจนต้องหลุดหัวเราะออกมา



“ป๊าอะ อย่าหัวเราะหนูสิ เดี๋ยวให้เสี่ยวอ้ายข่วนเลย!  หนูจริงจังนะคะป๊า พี่อี้เฟิงต้องเป็นเจ้าบ่าวหนู!” สาวน้อยตอบจริงจังพลางตบหมอนปุ ๆ หลายที



เธอได้ซึมซับความเป็นตัวเขามาจริง ๆ สมกับเป็นลูกสาวมาเฟีย ท่าทีแบบนี้มันอย่างกับก๊อปปี้เขามาจริง ๆ   หยางหยางจึงคิดว่าช่วยไมได้  ก็จำเป็นต้องตอบเสี่ยวอิ๋งไป



  “ป๊าก็ชอบพี่อี้เฟิง ส่วนหนูก็ชอบ แบบนี้ลำบากใจจริง ๆ นะคะป๊า ฮึ่ม”



ทั้งพ่อทั้งลูกต่างไม่มีอะไรปิดบังกันได้เลย สมกับที่เป็นลูกของเขา   แต่เก่งและเติบโตขึ้นมาก ปละเพราะเขาเลี้ยงดูไม่ให้ไกลไม่ให้ห่าง จึงเข้าใจและรับรู้เรื่องราวกันเป็นอย่างดี


แต่แบบนี้ก็แก่แดดเกินไป วันหลังต้องกำชับคุณน้าหนิงเสียหน่อยแล้ว


“หนูจะแข่งเรื่องหัวใจกับป๊าหรือ”
“ฮึ ยอมแพ้ก็ได้ แต่หนูจะบอกป๊าว่า อย่าทำให้พี่อี้เฟิงเสียใจนะ ไม่อย่างงั้นหนูจะเอาเสี่ยวอ้ายไปบุกห้องป๊าแล้วทำห้องป๊าให้เละไปเลย”


เขาไม่เช้าใจอารมณ์สาวน้อยกำลังโตในตอนนี้ ลูกสาวเขาเติบโตแล้วก็จริง แต่โตถึงขั้นจะรู้จักรักชอบใคร มารู้ใจพ่ออย่างเขาอีก สงสัยเพราะแอบดูละครหรืออะไรทำนองนี้จะอินเตอร์เนตมาแน่ ๆ เขาจะต้องให้น้าหนิงกวดขันให้มากขึ้น ช่วยดูกันบ้าง



แต่เมื่อทันฉุกคิด..



“ทำไมหนูถึงบอกป๊าว่ายอมแพ้ล่ะคะ ?”
“โหย ป๊าอ่ะ พี่อี้เฟิงชอบป๊าขนาดนั้น เสี่ยวอิ๋งก็ยอมแพ้สิคะ เวลาพี่อี้เฟิงมองป๊าน่ะ ก็เหมือนคุณนางเอกมองคุณพระเอกในละครเลยค่ะ”






หยางหยางยิ้มและหัวเราะออกมาเสียงดังกว่าเดิม เขาเอื้อมมือไปกอดลูกสาว และเอ่ยถามต่อ


“แล้วหนูไม่สงสัยหรือคะ ป๊ากับพี่อี้เฟิงเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่จะรักกัน”
“อืม ตอนแรก็สงสัยค่ะ มาก ๆ ด้วย แต่เสี่ยวอิ๋งก็คิดว่าก็มันเป็นความรักนี่หน่า เหมือนหนูก็เสี่ยวอ้าย เสี่ยวอ้ายเป็นแมวด้วย ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”


เด็กน้อยยกตัวอย่างความรักของตัวเองกับแมวในปกครองให้ฟัง เขายิ่งรักในความแก่แดดที่ไร้เดียงสาของลูกสาวคนนี้จนต้องขอหอมแก้มลูกสาวตัวน้อยจนจมูกโด่งของเขาจมแก้มลูกสาว


“หนูโอเครึเปล่าถ้าป๊าจะรักพี่อี้เฟิง”
“ตอนแรกก็ไม่โอเคหรอกค่ะ แต่เห็นพี่อี้เฟิงมองป๊าด้วยสายตาแบบนั้นก็รู้แล้วว่าเสี่ยวอิ๋งแพ้ซะแล้ว แถมตอนป๊าเจ็บหนักตอนนั้น พี่อี้เฟิงก็ไม่ยอมกินอะไรเลย ไม่เล่นกับเสี่ยวอ้ายด้วย พี่อี้เฟิงเป็นห่วงป๊าขนาดนั้น”


เด็กน้อยยืดตัวเองและหันกลับมามองหน้าผู้เป็นพ่อ เธอบอกต่อ


“หนูก็รักพี่อี้เฟิง ป๊าก็รักพี่อี้เฟิงใช่มั้ย เสี่ยวอ้ายก็รักพี่อี้เฟิง ป๊าคะ เราต้องให้พี่อี้เฟิงอยู่ในบ้านนี้ตลอดไปเลยนะ ถ้าป๊าไม่ว่าง เสี่ยวอิ๋งจะดูแลพี่อี้เฟิงเอง เสี่ยวอ้ายก็ด้วย เสี่ยวอิ๋งจะทำขนมเยอะ ๆ ให้พี่อี้เฟิงกิน”



เธอบอกความต้องการและโฆษณาความเก่งกาจที่จะดูแลคุณครูยิ้มสวยของตัวเอง หยางหยางยิ้มและยกมือโอบกอดอลูกสาวอีกที ลูกสาวของเขากอดตอบอย่างวงแขน วันนี้เขาจะให้ลูกสาวนอนที่ห้องเขา




หยางหยางรู้สึกภูมิใจไม่น้อย แม้ไม่ใช่ลูกสาวที่กำเนิดด้วยเขาเอง แต่เหมือนกันเหลือเกิน
ทั้งเราพ่อลูก็ต่างหลงใหลในรอยยิ้มที่เหมือนดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงและให้ความอบอุ่น


แถมมีดวงใจที่รัก ที่เป็นคน ๆ เดียวกัน


“สมแล้วที่เป็นลูกป๊า”
“ป๊าขี้ตู่ วันนั้นยังบอกไม่ใช่อยู่เลย”
“อย่าล้อป๊าสิลูก”
“ได้ค่า~~ เสี่ยวอิ๋งแค่แกล้ง หนูรักป๊ามาก อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ เสี่ยวอิ๋งจะทำเป็นลืมๆ มันไปก่อน ไว้ป๊าค่อยเล่าให้เสี่ยวอิ๋งตอนโตแล้ว”
“เล่าแล้วหนูก็ห้ามหนีป๊าไปไหน เข้าใจมั้ย “
“ขึ้นอยู่กับที่ป๊าเล่าและถ้าป๊าไม่ดูแลพี่อี้เฟิงดีค่ะ”


มือแกร่งละจากการกอดลูกสาวมาแกล้งเด็กน้อย ยกมือบีบจมูกเด็กแก่แดดคนนี้เสียที แต่คิดไป ตอนเขาอายุเท่าลูกเขาเองก็แก่แดด  แสบสันต์จนคุณพ่อปวดหัวอยู่เหมือนกัน



เสี่ยวอิ๋งเป็นลูกของเขาโดยแท้จริงไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
เขาต้องขออนุญาตเสวี่ยเอ๋อ และฉิงเทียน หนึ่งคือ เขาขออวดอ้างตัวเองเป็นพ่อที่แท้จริงของลูกสาวของทั้งคู่ และ เขาอาจจะต้องเอาคุณครูยิ้มสวยมาช่วยดูแลเสี่ยวอิ๋งด้วย



บอกพวกนายไว้ก่อนเลยแล้วกัน แต่สัญญาว่าจะดูแลเเสี่ยวอิ๋งและปกป้องไว้ตราบทุกลมหายใจ ด้วยชีวิต


--------------------- ที่สุดของดวงใจ -----------------



“บอสครับ.. เราจะเอายังไงต่อดีครับ”


ผู้เป็นเจ้านายถูกไถ่ถามจาลูกน้อง เมื่อสถานการณ์บางอย่างในฝ่านของตนเปลี่ยนไป



ความจริงปรากฏ .. มันเป็นอย่างนี้เองหรือ  บอสคนนี้หัวเราะเสียดังออกมา แม้ว่าเหตุผลนี้จะเป็นเรื่องทำให้ฝ่ายตนเสียกำลังและความน่าเชื่อถือ แต่ก็หาใช่ว่าจะไม่มีทางเลย



บอสตระกูลเฉินที่กลับมาเพื่อทวงอำนาจของตระกูลคืน
ขั้วอำนาจอะไรกัน ในวงการมันจะต้องมีเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นผู้แข็งแกร่งและควบคุมทั้งหมด หนึ่งเดียวที่จะอยู่รอด จะมามีอันดับ หนึ่งหรือสอง หรือจะแบ่งเป็นฝ่ายไหนก็ไม่ได้  ที่สุดแล้วมันจะต้องมีผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงผู้เดียว




บอสตระกูลเฉินคนปัจจุบัน แม้ว่าตระกูลหยางจะกวาดล้างไปหมดสิ้นวงการ เฉินทั้งตระกูลถูกกวาดล้างไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว แต่บอสที่ยืนสั่งการลูกน้องใต้บัญชาตรงนี้ ก็คือคนที่รอดจากเหตุการณ์นองเลือดในช่วงเวลานั้น หยางหยางเสมือนปีศาจอย่างที่ใคร ๆ ว่า



ก่อนหน้านี้บอสตระกูลเฉินเข้าใจผิดไปมากว่า พวกตระกูลหยางเป็นพวกที่มารุกทำร้าย เพื่อรวบอำนาจในการก่อน แต่ความจริงมันกลับกันเป็นว่า เป็นตระกูลของเราเอง ตระกูลเฉินที่ทำ


“ทำเอาเสียคนไปเยอะ แต่เราก็จะหามาใหม่ เรื่องพวกนี้เราจัดการได้ “


บอสตระกูลเฉินคนใหม่ว่าตามดังคิด พอหัวหน้าองค์กรและแก๊งค์ที่เป็นพันธมิตรทราบ ไม่ว่าพวกมันจะรู้จากที่ไหน อย่างไร ก็รู้แล้ว และบางทีมก็แปรพรรคไปฝั่งหยาง ซึ่งแน่นอน ตระกูลเฉินไม่ปล่อยให้กลับกันไปง่าย ๆ แน่ พวกนั้นถูกจัดการไป  ก็เหลือแค่พวกที่ยังคงอยู่แม้ความจริงที่ทำให้วงการมาเฟียต้องดับสิ้นจะเป็นตระกูลเฉิน ตระกูลที่ทำให้วงการมาเฟียต้องหายไป คือเฉิน แต่บอสคนใหม่คนนี้


“ใครมันจะไปสนใจ ฉันต้องบอกว่า พวกตระกูลหยาง พวกมันเองต่างหากที่เป็นต้นเหตุ หาใช่พวกเรา เพราะการกำเนิดตระกูลมาเฟียขึ้นมาใหม่ ฮึ มันริอ่านจะมายิ่งใหญ่ทัดเทียบตระกูลเฉินที่อยู่มานาน พวกมันนั่นล่ะที่ใฝ่สูงเกินไป”



ในวงการมาเฟีย ไม่ว่าใครก็ต้องการอำนาจ การปกครองเพียงหนึ่งเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น มันไม่มีพันธมิตรที่ไหน จะมีแต่ก็ผู้นำที่อยู่ในจุดที่สูงสุด กุมอำนาจทั้งหมด และผู้ใต้บังคับบัญชา


พวกหยางมันบอกว่า อยากจะให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบ มีการคานอำนาจการอย่างสมดุล เราต่างยิ่งใหญ่ในแบบของตัวเอง



พวกมันพูดบ้าอะไร มาเฟียน่ะ จะต้องมีผู้ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียว  บอสตระกูลเฉินคิด


“ใครจะให้พวกมันมาแบ่งกันไป เรื่องแบบนี้ทำได้เสียที่ไหน พวกมันก็ทำตัวเองเป็นพวกมาเฟียมีคุณธรรม บ้ารึเปล่า ถ้ามันไม่ยอมทหายไปเอง ฉันก็จะทำให้มันหายไป หลังจากที่มันทำกับเราอย่างเช่นวันนั้น การมีอยู่การขึ้นมามีอำนาจเทียบกับตระกูลเฉิน พวกมันนั่นล่ะผิดมาตั้งแต่แรก จะโทษก็โทษตัวเองแล้วกัน”



บอสตระกูลเฉินยกยิ้ม ความคิดนี้ที่พวกเรายึดถือกันมา เพราะเรายิ่งใหญ่มาตั้งแต่แรก และจะเป็นแบบนั้น แม้ตระกูลหยางจะทำให้ประวัติศาสตร์ของเฉินแปดเปื้อน ทำลายตระกูลของเราและความยิ่งใหญ่ที่เราสั่งสม พวกมันยังริอ่านไปเข้าเป็นทาสทางการร่วมกวาดล้างมาเฟียอีก เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้



“ต่อไปจะเป็นบทลงโทษที่พวกแกจะได้รับที่ริอ่านทำให้ประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่ตระกูลเฉินต้องแปดเปื้อน วงการมาเฟียไม่ต้องการมาเฟียใจเสาะแบบพวกแกหรอกนะ ตระกูลหยาง”


------------- ที่สุดของดวงใจ -----------------




หลังจากที่เรียนพิเศษกันมาหลายวันติดต่อกัน วันนี้ถือว่าได้พักการเรียนการสอน อี้เฟิงได้รับคอมเม้นท์จากอาจารย์ในเรื่องเล่มโปรเจคจบของเขา ซึ่งจะต้องใช้เวลาและสมาธิแก้ไขงาน แม้เพียงนิดหน่อยก็ตาม แถมเขายังถูกอาจารย์อำกันเล่น เพราะความสนิทสนมระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์ ว่าที่จริงรายงานเพื่อจบการศึกษาของเขาน่ะเทียบชั้นทอปของชั้นปี แต่ที่เคี่ยวเข็นก็เพราะอยากให้อี้เฟิงตั้งใจ


“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง อาจารย์ก็ว่าไป”  แม้จะดีใจเพราะเป็นคำชมที่น่ายินดี แต่อี้เฟิงก็จะมามัวอารมณ์ดีกับคำชมไม่ได้ กำหนดส่งมันอีกไม่วันต่อจากนี้



“แต่จะว่าไป เราก็นั่งแก้มาทั้งวันแล้วแฮะ  ชักล้าซะแล้วสิ”



เขาทำงานมาตั้งแต่เช้าหลังจากได้รับอีเมล์จากอาจารย์ว่าให้แก้ โดยไม่ต้องมารับคำปรึกษาถึงที่มหาวิทยาลัย แต่ให้นำเล่มไปส่งในวันกำหนดส่งภายหลังวันนั้นก็จะเข้ากระบวนตรวจสอบ และยื่นเรื่องจบให้ได้แล้ว วันนี้อี้เฟิงแค่วิ่งลงไปทานอาหารเที่ยงกับคนในบ้านตระกูลหยางและรีบกลับมาทำงาน คุณหยางหยางก็มาร่วมทานอาหารเป็นปกติ



แต่ดูเหมือนบรรยากาศเปลี่ยนไป..หรือเปล่านะ อี้เฟิงนึกถึงมื้อเที่ยงวันนี้



ทั้งคุณประธานกับลูกสาวก็แอบมองเขาบ่อยจนสังเกตได้ แถมยังมีลับลมคมนัย สองพ่อลูกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้ว  คุณครูคนเก่งคิดก็สงสัย ก็ตั้งแต่วันนั้นที่สองพ่อลูกได้มีโอกาสปรับความเข้าใจและใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่ดูเหมือจะมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันยิ่งกว่ามื่อก่อนเสียอีก ดีที่คุณพ่อคนนั้นก็รักลูกมาก อธิบายอย่างใจเย็นเกี่ยวกับเรื่องพ่อแม่ของเธอ รวมถึงเด็กน้อยลูกสาวก็เข้าใจสถานการณ์ และรักพ่อมากเช่นกัน เป็นความเข้าใจระหว่างกันที่ไม่มีอะไรสามารถแทรกและแยกความรักของพ่อลูกได้อีก


“สงสัยคงหวงลูกกว่าเดิมแน่ ๆ “


อี้เฟิงคิดพลางยิ้มออกมา ตอนพบกันครั้งแรก หยางหยางหวงลูกสาวกับเขาอย่างกับอะไร หงุดหงิดที่เสี่ยวอิ๋งเข้าใกล้ แต่โชคดีที่เขาทำให้หยางหยางไว้ใจ

แต่ก็ดีแล้ว อี้เฟิงคิด แบบนี้ก็จะได้ทำให้หยางหยางหายเครียดจากงานที่ทำ แม้จะร่าเริงและมีความสุขกับลูกสาวที่รัก แต่เขาก็สังเกตความเหน็ดเหนื่อยจากแววตาและท่าทีของหยางหยางได้ ให้หลังลูกสา เขาก็จะระบายความเหนื่อยออกมา แม้แต่จะยิ้มก็ยังดูเหนื่อย อี้เฟิงได้มีโอกาสคุยกับหยางหยางไม่นานเท่าไหร่ นานที่สุดก็คงได้ถามแค่ไม่กี่คำ

“คุณ..ช่วงนี้ดูเหนื่อย ๆ นะครับ”
“งั้นคุณมีวิธีอะไรที่จะทำให้ผมหายเหนื่อยมั้ย”


แต่พอเข้าไปถามก็จะโดนแกล้งกลับมา ก็กลายเป็นเขาเสียเองถูกตาคนนี้แกล้งสนุกจนเขานึกหัวเสีย หงุดหงิดต้องหนีไป หรือบางทีอี้เฟิงก็ไม่แม้แต่จะเข้าไปพูดคุยด้วยซ้ำ อยากให้อีกฝ่ายพักผ่อนเสียบ้าง ถ้ายิ่งเข้าไปถาม อาจจะรบกวนเวลาและทั้งจิตใจ เขาต้องครุ่นคิดเรื่องงานอยู่แล้ว ยังต้องกังวลความปลอดภัยของทั้งยายหนูแล้งยังจะมีเขาที่เพิ่มมาอีก



ก็ไปขออยู่กับเขา ขอพึ่งพิงความอบอุ่นเขาอีก อี้เฟิงก็ไม่อยากจะเข้าไปรบกวนไปมากกว่านี้ เพียงแค่เห็นเขากลับมากินข้าวเที่ยงและกลับบ้านมาอย่างปลอดภัยทุกวัน ก็คิดว่าดีแล้ว สำหรับคนที่คลุกคลีในวงการนี้



คนในมาเฟียเองก็คงมีเรื่องราวให้คิดมากมาย งานอื่น ๆ เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเองก็ต้องทำ ความปลอดภัยก็สำคัญ ไหนจะต้องไปชนกับทางการบางครั้ง แล้วยังต้องมาเอาใจใส่ลูกน้อง งานหนักไม่น้อย


“ไม่รู้จะช่วยอะไรเขาได้มากกว่านี้มั้ยนะ”  อี้เฟิงเอ่ยออกมาเสียงบน พิงผนักเก้าอี้และหลับตาลง


แค่ทุกวันกับการดูแลเสี่ยวอิ๋ง นี่เป็นสิ่งที่อี้เฟิงทำได้ แม้ก่อนหน้าจะพลาดไปแล้วทำให้เสี่ยวอิ๋งได้รับอันตรายหลังจากนั้นแม้ว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยบอกแล้วว่าถือโทษอะไร เพราะเขาเองก็สู้เต็มที่จนได้รับบาดเจ็บ (จำได้ว่า ชายหนุ่มแอบไปดุลูกน้องลับหลังเขาเสียอีก) แต่อย่างนั้นอี้เฟิงก็ยังไม่สบายใจขึ้นเท่าไหร่ และอยากพยายามมากกว่านี้ ไม่อยากได้ชื่อว่ากลายเป็นภาระของเขา



เสี่ยวอิ๋งเป็นดวงใจของหยางหยางอยู่แล้ว
แต่หลี่อี้เฟิงคนนี้ไม่รู้ตัวเองที่มาอาสัยความอบอุ่นใต้ความเกรงขามของหยางหยางเพื่อความปลอดภัยนี้จะสามารถอยู่ไปได้ถึงเมื่อไหร่ แม้อย่างนั้นก็อยากตอบแทนเขาคืน  ถึงจะเป็นแค่คุณครูสอนพิเศษก็ตาม


“เราก็ทำให้ดีที่สุดแล้วกัน”






“คุณอี้เฟิง ยังไม่นอนใช่มั้ย”






เสียงคุณหยางหยาง.. ?




อีกฝ่ายมาหาถึงห้อง แบบนี้ อี้เฟิงคิดได้สองอย่าง คือ เรื่องเร่งด่วนกับอาจจะมาแกล้งเขาแบบทุกทีถ้าหากอีกฝ่ายมาหา แต่ขอคิดเป็นเรื่องหลัง เพราะถ้าเป็นเรื่องแรก คงไม่ดีแน่



แต่เมื่อเปิดประตูออกมา อี้เฟิงพบใบหน้าหล่อเหลาของหยางหยาง แต่ยังไม่ทันได้สบตากัน





“ขอผมอยู่แบบนี้...ซักพักนะ”



ทันใดนั้น ชายหนุ่มโน้มตัวมาหา ใช้สองแขนโอบกอดร่างนุ่มนิ่มของอี้เฟิง  รัดตรงเอวเสียแน่น คางได้รูปเกยอยู่บนบ่าของร่างที่กอดอยู่ ร่างเข็งแรงนั้น ขยับเล็กน้อยให้โอบได้ถนัดมือยิ่งขึ้น และหลับตาลงซึมซับกอดนี้เอาไว้


“เอ่อ... คุณหยางหยาง”



เสียงหวานเอ่ยทัก ทำตัวไม่ถูกที่จู่ ๆ ก็ถูกอีกฝ่ายจู่โจมมากอดกันแบบไม่ทันตั้งตัวอย่างนี้ แต่อี้เฟิงก็ไม่ปฏิเสธ เขาเองก็เคยไปขอให้หยางหยางกอดแบบชนิดที่อีกฝ่ายก็ปฏิเสธไม่ทัน


ถือว่าตอบแทนสำหรับความอบอุ่นที่คุณหยางหยางมอบให้



“เหนื่อยหน่อยนะครับ “ อี้เฟิงเอ่ยเสียงเบาทันทีเมื่อโน้มใบหน้าใกล้ใบหูของคนที่กอดตัวเองอยู่ เมื่อพูดจบก็ยกมือที่แนบอยู่ข้าลำตัวเมื่อครู่ลูบที่กลุ่มผมสีดำสนิทของชายหนุ่ม เมื่อได้รับสัมผัสอีกฝ่ายขยับเพื่อรับสัมผัสนั้น อี้เฟิงรู้สึกจั๊กจี้นิดหน่อย เพราะลมหายใจของหยางหยางปะทะอยู่ที่ช่วงต้นคอเขา



“ผมถึงได้มาหา..ขอกอดให้หายเหนื่อยหน่อยแล้วกัน”
“แค่นั้นหรอครับ?”



ชายหนุ่มจุดยิ้มให้หลังอีกฝ่าย  เขากอดร่างนุ่มนิ่มในวงแขนให้แนบแน่นกว่าเดิม จนเจ้าของร่างร้องอุทานแต่ก็ยังยอมให้กอดโดยไม่ขัด


“คุณให้ผมมากกว่ากอดได้หรือ ?”



หยางหยางพูดไปทีเล่นทีจริงแต่ถ้าคุณครูจะเผลอใจไปกับเขาก็ถือว่าพลอยได้ไป อี้เฟิงยกมือที่ว่างจากการลูบหัวมาตีที่แขนล่ำเบา ๆ


“คุณชอบให้ผมยิ้ม ใช่มั้ย”
“คุณรู้ ?”



หยางหยางประหลาดใจ จึงขอคลายกอดมาคุยกันหน่อย จนจับได้ว่าคุณครูคนนี้ไปแอบฟังเขาช่วงที่อยู่โรงพยาบาล เพราะบังเอิญเข้ามาพอดีจึงได้ยินที่เขากับเสี่ยวอิ๋งคุยกัน ซึ่งหยางหยางก็ยอมรับโดยดี



“แต่ก็..อย่างที่ว่า..ผมชอบรอยยิ้มคุณจริง ๆ อีกอย่าง  ดวงตาของคุณ ผมชอบมันด้วย และผมรู้สึกดีขึ้นได้จับกดารเยียวยาใจ ทุกครั้งที่กอดคุณ“

เมื่อสารภาพไปตามตรงก็ได้เห็นสิ่งที่อยากเห็น อี้เฟิงเขินหน้าแดงเมื่อถูกหยางหยางบอกแบบนั้น และเผยรอยยิ้มสวยแสนตรึงใจ แถมดวงตาคู่สวยก็จับจ้องมาหา สบตากับเขาทั้งหมด จับหัวใจของหยางหยางอยู่หมัด


“ผมช่วยอะไรคุณมากไม่ได้ แต่ถ้าคุณจะหายเหนื่อยเพราะทั้งหมดนั้น  ผมก็ยินดีนะ จะแวะมาหาเมื่อไหร่ก็ได้ มันเป็นสิ่งที่ผมตอบแทนคุณได้เพียงไม่กี่อย่าง”



อี้เฟิงพูดยาว หยางหยางเงียบและฟังอย่างตั้งใจ เด็กคนนี้ก็ยังดีและใสบริสุทธิ์อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ต้องขอบคุณความเข้มแข็งของอีกฝ่ายที่ยังทนอยู่กับเขาแม้อันตรายจะมากมาย ถึงอี้เฟิงจะบอกว่าอยู่กับเขาทั้งอบอุ่นและปลอดภัย แต่เป็นอี้เฟิงเสียอีกที่เยียวยาเขา



“ผมขออีกอย่างมากกว่านั้นได้มั้ย คุณหลี่อี้เฟิง”



ดวงตาวูบไหวเมื่อเสียงทุ้มเอ่ยขอ อี้เฟิงนึกหวั่นใจเล็กน้อย หากขออะไรมากกว่านี้ จินตนการไปต่าง ๆ นานา


“ช่วยมาเป็นดวงใจของผมได้หรือเปล่า”




อี้เฟิงเบิกดวงตาคู่สวยกว้าง จินตนการทุกอย่างหายไปหมดแล้ว ในหัวขาวโพลนไปหมด เหลือเพียงเสียงทุ้มแสนมีเสน่ห์ของหยางหยางที่วนซ้ำอยู่ จนหันไปพบกับหยางหยางที่จ้องมองด้วยสายตาคมกริบอยู่ก่อน ใบหน้าหวานแสร้งหันไปอีกทาง ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร



“เอ่อ..”
“ผมยังไม่เร่งรัดเอาคำตอบเดี๋ยวนี้หรอก แค่ให้คุณไปพิจารณา และมีข้อเสนอว่าถ้าคุณมาเป็นดวงใจของผม ผมจะมอบความอบอุ่นให้คุณได้ตลอดไป “


อีกฝ่ายโฆษณาเพิ่มเติม อี้เฟิงสูดลมหายใจแก้เก้อเขิน มันเหมือนคำสารภาพรักไม่มีผิด แต่มันหวานล้ำลึกกว่านั้น การเป็นดวงใจของใครซักคน อี้เฟิงเข้าใจว่ามันสำคัญเทียบเท่าชีวิตของอีกคนเลย

“ราตรีสวัสดิ์ครับ”   เมื่ออี้เฟิงยังให้คำตอบอีกฝ่ายไม่ได้ หยางหยางไม่ได้เร่งรัดอย่างที่ว่า แต่ก็ยังไม่วายจะแกล้งเขา ก่อนสาวเท้าออกจากจุดที่ยืนตรงหน้าอี้เฟิง คุณประธานคนเจ้าเล่ห์ยังขโมยจูบจากอี้เฟิงไป แม้จะเป็นการจูบที่เพียงแค่ประทับริมฝีปากแต่คนจู่โจมก็ย้ำน้ำหนักกับจูบนั้นราวกับว่าให้คำมั่นให้เขาแน่ใจว่าคำโฆษณาของเจ้าตัวก่อนหน้านั้นเป็นความจริง



“แล้วก็คุณครูครับ การบ้านของยายหนูน่ะ น้อย ๆ หน่อย ลูกสาวผมบ่นจะแย่แล้ว และคิดว่าคุณคงได้ได้ยินว่าผมจะต้องติวคุณเป็นพิเศษเรื่องการดูแลเสี่ยวอิ๋งด้วย  เตรียมตัวไว้ด้วยนะ”



อี้เฟิงได้ยินแบบนั้นก็รีบปิดประตูโครมเลี่ยงหยางหยางก่อนที่อีกฝ่ายคิดจะกลับมาจู่โจม คนที่ปิดประตูใส่หน้าอีกครั้งหัวเราะชอบใจ ไม่ว่าอย่างไรหลี่อี้เฟิงก็ทำให้เขายิ้มได้ และยิ่งทำให้เขาอบอุ่นหัวใจขึ้นทุกขณะ



หากเป็นความอบอุ่นจากอี้เฟิง เขาอาจจะก้าวข้ามความหนาวเหน็บในใจได้....หวังแค่เพียงให้คุณครูคนเก่งตอบรับเขาเท่านั้น


------------- ที่สุดของดวงใจ -----------------



“ป๊าขา บ๊ายบ่าย”

เสียงใสทักทายคุณป๊าของตัวเองแบบทุกวัน คุณครูคนเก่งที่นั่งตรงกันข้ามก็อยู่ด้วย อี้เฟิงยังเขินกับคำสารภาพของหยาง หยางเมื่อคืนนี้ แม้อยากคุยด้วยแต่ก็ไม่กล้ามองหน้าหล่อของหยางหยางแล้ว และเป็นหยางหยางที่เดินอ้อมโต๊ะ โน้มตัวให้ระดับสายตาเท่ากับคนที่นั่งอยู่กับเก้าอี้ตรงหน้า และหาจังหวะสบตากับอี้เฟิงเอง



“คุณครู  ขอการบ้านน้อย ๆ นะครับ เห็นใจลูกสาวผมด้วย” ลูกสาวคนเก่งพยักหน้าเสริมทัพ พอกันทั้งพ่อทั้งลูกจริง ๆ



คำขอหวานหูด้วยเสียงทุ้มของหยางหยางบอก พร้อมด้วยสายตากรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์จนอี้เฟิงไม่กล้าแม้แต่จะมอง หยางหยางยิ้มออกมาเมื่อเห็นอากัปกิริยาของคุณครุ ก็เป็นไปอย่างที่คาดไว้ ส่วนยายหนูของหยางหยางก็นั่งมองเหตุการณ์ตรงหน้า แม้เธอจะอิจฉาที่คุณครูที่รักของเธอเขินป๊าสุดหล่อ แต่เพราะเป็นป๊าของเธอ เธอถึงยอมให้ และก็ชอบใจที่คุณครูเขิน เพราะเธอคิดว่าคุณครูของเธอเขินแล้วน่ารักมาก ๆ เลย



“แล้วก็อีกอย่าง เรื่องนั้นก็ไม่ต้องรีบตอบผม ผมไม่เร่งรัด ไม่อยากคิดก็ช่างมัน ผมแค่อยากบอกให้คุณรู้ถึงความรู้สึกของผมผ่านคำถามนั้น”




หยางหยางเปลี่ยนแววตาเป็นจริงจังแต่ยังทอรอยยิ้มบนใบหน้า บอกออกไป และเขาก็ยังมอบความอบอุ่นให้อี้เฟิงผ่านการยกมือลูกหัวเบา ๆ ไม่นาน  ก่อนจะสาวเท้าก้าวจากตรงนั้น อี้เฟิงหยุดการกระทำทั้งหมด  และคิดเพียงครู่หนึ่ง


คุณหยางหยางนี่เจ้าเล่ห์จริง ๆ ..ทำแบบนี้แล้วเราจะไปไหนได้หรือ


การกระทำทุกอย่างของหยางหยางในทุกวันที่ได้พบกัน ตั้งแต่วันแรกจนวันนี้  นับวันอี้เฟิงก็ยิ่งถอนตัวยาก ความอบอุ่นจากชายหนุ่มคนนี้ไม่เคยน้อยกว่าวันวาน มีแต่เพิ่มขึ้น และมอบให้อี้เฟิงโดยไม่ลังเล ยิ่งเมื่อวานนนี้แววตาตอนที่เอ่ยถามคำถามนั้นกับเขา...




“คุณหยางหยาง คำโฆษณาตัวเองของคุณน่ะ ทำได้จริง ๆ ใช่มั้ย”
“แน่นอครับ”





อี้เฟิงหยุดลมหายใจครู่หนึ่ง เขาครึ่นคิดอีกรอบ เนิ่นนาน แต่หยางหยางก็เฝ้ารอคำตอบ



คุณครูคนเก่งเม้มปากเข้าหากันคิ้วขมวดคิดหนัก แม้จะครึ่นคิดมาตั้งแต่เมื่อคืน แต่เพราะความกลัวที่อยู่ในใจ ไม่ใช่กลัวเขาจะทำอย่างที่ว่าไม่ได้ แต่กลัวว่าตัวเองจะโลภมากเกินกว่าที่อีกฝ่ายจะสามารถให้ได้ และที่เขาควรได้รับ



หลี่อี้เฟิงที่เสพย์ติดความอบอุ่นจากชายคนนี้  ความปลอดภัยเมื่อยามอยู่ใกล้เขา
แม้กลัวบรรยากาศและสถานการณ์ที่อยู่รอบตัวที่เกิดขึ้นในทุก ๆ วัน แต่มีหยางหยาง อี้เฟิงก็ไม่เป็นไรแล้ว


อี้เฟิงอยากให้หยางหยางกอดมากกว่านี้  อยากเป็นกำลังใจให้อีกฝ่าย ในทุก ๆ วัน
จำได้ที่หยางหยางบอกว่า ชอบทั้งรอยยิ้ม ทั้งดวงตาคู่นี้ ทั้งชอบกอดเขาด้วย




ไปเป็นดวงใจของใครซักคน  เป็นคนสำคัญที่มีค่าของคน ๆ หนึ่ง...



อี้เฟิงทบทนวนทั้ง และยิ้มกับตัวเองบาง ๆ ออกมา แต่คุณครูเสี่ยวอิ๋งสังเกตเห็น
อีกฝ่ายยังยืนอยู่ที่เดิม และรอคำตอบ

ในตอนนี้ อี้เฟิงสามารถมอบคำตอบสุดท้ายให้คำถามของหยางหยางได้แล้ว







“ผมตกลง”




เสียงหวานตอบเบาไปหน่อย แต่ก็ได้ยินชัดเจนดี เพราะหยางหยางยังก้าวจากอี้เฟิงออกไปไม่ไกล





ใบหน้าหล่อที่จุดยิ้มอย่างมีความสุข 





“ขอบคุณมากครับ”




เป็นคำขอบคุณที่ควรแก่หลี่อี้เฟิงเป็นผู้ดวงใจของหยางหยางโดยสมบูรณ์แล้ว



----- ที่สุดของดวงใจ --------



แม้เธอจะไม่รู้ว่าอะไรที่อี้เฟิงตอบตกลง และอะไรที่คุณป๊าของเธอเอ่ย ขอบคุณแก่คุณครูของเธอ แต่บรรยากาศตอนนั้นอบอุ่นมาก ๆ จนเสี่ยวอิ๋งยิ้มออกมาด้วย



...หนูน้อยนิ่งคิดพลันนึกถึง..บางอย่างที่จะใกล้เข้ามา ช่วงเวลาที่เธอกลัวอยู่ในใจ


ช่วงเย็นก่อนหน้าที่จะกินข้าว เสี่ยวอิ๋งมีเวลาที่ได้ดูทีวี มีข่าวพยากรณ์อากาศ  เด็กน้อยวิ่งไปหน้าบ้านพร้อมกับฟังข่าวนั้น   ทุกครั้งที่มีช่วงเวลาอันยาวนานช่วงนี้เข้ามา เธอจะรู้สึกเป็นห่วงคุณพ่อแต่เธอก็ไม่รู้จะทำเช่นไร



“ป้าหนิงคะ”



ในช่วงค่ำวันนี้ คุณพ่อเธอกินข้าวเย็นเสร็จก็กลับไปทำงานข้างนอกอีก เหมือนคุณพ่อจะยังไม่รู้ว่าวันเวลาที่คุณป๊าของเธอหวั่นใจกำลังมา คงเพราะงานที่วุ่นวาย คุณหนุน้อยกอดคุณป้าแม่บ้านต่างพี่เลี้ยงที่อยู่ดุแลกันมาตั้งแต่แบเบาะ


“เราอาจจะมีตัวช่วยนะคะ คุณหนู ..เรามีตัวช่วย “ ป้าหนิงหรือคุณน้าหนิงแม่บ้านประจำตระกูลหยางเอ่ย คุณหนูในอ้อมกอดของเธอเอียงคอสงสัย คุณน้าหนิงถอนหายใจแผ่วเบา และนึกถึงตัวช่วยที่เธอคิดไว้ในใจ







“คุณครูอี้เฟิง..พอมีเวลาให้น้าซักครู่มั้ยคะ”




น้าหนิงเคาะห้องของคุณครู และโชคดีที่อี้เฟิงยังไม่หลับไป เหมือนกำลังเตรียมบทเรียนสำหรับคุณหนูของเธออยู่ น้าหนิงชวนให้คุณครูคนเก่งลงไปดื่มนมน้ำผึ้งอุ่น ๆ ด้านล่างด้วยกัน


และบอกเรื่องที่ต้องการบอก  หลี่อี้เฟิงนี่ล่ะ คือตัวช่วยของเธอ


“คุณชายหยางของน้า.... ช่วยคุณชายหยางหยางของน้าด้วยนะคะ”
“ครับ? “



เรื่องบางเรื่องที่อี้เฟิงยังไม่รู้ บางอย่างที่น้าหนิงกลัว หยางหยางไม่เคยบอกกับเขาและไม่เปิดเผย


“คุณชายของน้าต้องหนาวเหน็บมานาน ช่วยมอบความอบอุ่นที่คุณอี้เฟิงมี และดูแลคุณชายของน้าด้วย”


อี้เฟิงขมวดคิ้วประหลาดใจ เพราะคุณน้าหนิงพูดด้วยสีหน้าทุกข์ใจเป็นอย่างมาก เขาจึงสงสัยเพิ่มทวีคูณ จนเมื่อเข้าประเด็นสำคัญ


“ ..หิมะค่ะ คุณชายหยางหยางเธอไม่ชอบหิมะ คุณคงทราบแล้วว่าเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้คุณชายหยางหยางเธอต้องเจ็บปวด วันนั้นมันเกิดขึ้นในวันหิมะแรก  “




เป็นคำบอกเล่า เรืองใหม่ที่น่าประหลาดใจ อี้เฟิงนึกถึงอีกฝ่ายที่ยังทำงานอยู่ที่ไหนซักที่



หยางหยางกลัวหิมะ ฝ่ายนั้นไม่เคยมีสัญญาณอะไรบ่งบอกเลย เขาดูเหมือนไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะต้องกลัวเสียด้วยซ้ำ
เขาทำทุกอย่างได้เพื่อปกป้องสิ่งสำคัญ



ก็อาจจะเพราะปกป้องสิ่งสำคัญไม่ได้ ในวันนั้นหิมะก็เหมือนของที่มาพร้อมกับความเจ็บปวดที่ฝังลึกในใจ



ใครอยากจะบอกจุดที่เผยความอ่อนแอให้คนอื่นรู้กัน อี้เฟิงคิด โดยเฉพาะคนที่หยางหยางบอกว่าจะปกป้อง..และต้องมอบความปลอดภัยและอบอุ่นให้แบบเขา


หลังจากได้รับฟังคำบอกเล่าของน้าหนิง เธอร้องไห้ออกมาสงสารคุณชายของเธอมาก เขารับคำว่าจะดูแล ก็ในเมื่อตอบตกลงกับหยางหยางกับคำถามนั้นไปแล้ว

เขาจะพยายาม..หยางหยางจมกับความเจ็บปวด ความหนาวเหน็บจากหิมะทับถมจนเขาเจ็บปวดเพราะความหนาวนั้น ถ้าทำได้ก็อยากจะเอาชายหนุ่มมากอดไว้  ทำให้หิมะรอบ ๆ ละลาย เขาจะได้ยิ้มออกมา อย่างเต็มที่และมีความสุขจริง ๆ


“งานยากแบบนี้ ...”



เขาโอดครวญกับความยากกับงานใหม่ แต่ถ้าต้องเห็นคน ๆ นั้น เจ็บปวด คงไม่สามรถทนได้



---- ที่สุดของดวงใจ ------




หิมะเริ่มตกแล้ว..ในวันนี้




พยากรณ์อากาศของรายการนั้นช่างแม่นยำ ทำนายอากาศได้อย่างถูกต้อง หิมะแรกเริ่มตกในวันนี้ สภาพอากาศเริ่มมีความแปรปรวนและเปลี่ยนไป ตั้งแต่ก่อนหน้า จนในที่สุด มันถูกกลั่นมาเป็นหิมะ และเริ่มตกปกคลุมทั่วเมืองใหญ่




ใบหน้าของหยางหยางไม่สู้ดีอย่างที่เขาคิดกลัว



“ป๊าคะ กินขนม วันนี้พี่อี้เฟิงทำขนมอีกแล้วล่ะ”




เสียงใสเอ่ยทักอย่างเช่นทุกวัน เสี่ยวอิ๋งเองก็รู้เรื่องราว เธอคุยกับอี้เฟิงก่อนคุณพ่อจะลงมาจากห้องนอน เหมือนเรื่องสำคัญนี้ ทุกคนที่นี่จะรู้ บอดี้การ์ดคนสนิทเองก็รับทราบแต่ก็ทำตัวเป็นปกติที่สุด น้าหนิงก็มีสีหน้ากังวล หยางหยางไม่ได้แสดงอาการกลัวจนสติแตกแบบนั้นหรอกแต่สีหน้าและแววตาเขาเปลี่ยนไป อี้เฟิงสังเกตอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา



“ทำไมคุณทำคิ้วขมวดแบบนั้น อี้เฟิง”




ชายหนุ่มเปลี่ยนสรรพนามให้เราทั้งคู่ใกล้ชิดกันขึ้นมาอีกนิด อี้เฟิงไมได้ทักท้วงกับความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแต่มากมายจุดนี้ เขายินดีเสียอีก แต่อาการของคนตรงหน้าน่าเป็นห่วงกว่า



“ก็เปล่า แต่คุณ..อืม..มากินขนมที่ผมทำดีกว่า อร่อยนะ”


อี้เฟิงเลี่ยงจะพูดอะไรอย่างที่คิด และยิ้มให้หยางหยางพร้อมส่งขนมที่ทำให้เขาไป  รู้สึกดีที่อีกฝ่ายตอบรับรอยยิ้มที่มอบให้เป็นรอยยิ้มกลับคืนมาเฃ่นกัน มือแกร่งหยิบขนมไปชิ้นหนึ่ง เขาลองชิมท่าทางบ่งบอกว่าชอบมัน และกินมันจนหมดชิ้น ก่อนขอตัวออกไปทำงาน


“คุณหยางหยาง”
“ครับ”

อี้เฟิงลุกขึ้นจากที่นั่ง เอ่ยท้วงให้หยางหยางรอสักครู่ ก่อนจะเอาขนมใส่กล่องอาหารแพคส่งให้หยางหยาง


“ไปดีมาดีนะครับ” 


มือแกร่งคู่เดิมคว้ากล่องขนมนั่น และรับยิ้มที่สดใสของคุณครูไป ดวงตากลมตายิ้มไปพร้อมกันด้วย หยางหยางรู้สึกขอบคุณที่มีแสงอาทิตย์ที่อบอุ่น ท่ามกลางความหนาวเหน็บในวันนี้



หิมะแรก..ที่ทำให้เขาหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ฝังลึกในใจ



------- ที่สุดในดวงใจ --------






“วันนี้แล้วกัน อากาศกำลังเหมาะเชียว วันหิมะ ตกแบบนี้ หยางหยางคงนึกถึงวันที่มันต้องสูญเสียสิ่งสำคัญของมัน”


บอสตระกูลเฉินเอ่ยกับลูกน้อง ความจริงที่ปรากฏ รู้ดีว่า วันที่หยางหยางถูกโจมตีหนักนั้นเหตุการณ์มันเกิดขึ้นในวันหิมะตกหนักแบบนี้ วันแรกเสียด้วย  บรรยากาศเหมาะกับการพรากของสำคัญของศัตรุเช่นนี้ ดีนักเชียว



ลูกน้องอยากเอ่ยถามอะไร แต่บอสตระกูลยกมือห้าม และคิดต่อ จำได้ว่ามีลูกน้องที่ยังมีชีวิตรอดออกมาจากเหตุการณ์หิมะแรกที่ชุ่มไปด้วยเลือดวันนั้น  คนสำคัญของหยางหยางถูกฆ่าไปทั้งหมด เพื่อนรักที่สุด คสำคัญของหยางหยางที่รู้กันเพียงไม่กี่คน หยางหยางมันไม่มีครอครัวที่ไหน พ่อแม่ล้มหายตายจากไปแล้ว แม่ป่วย พ่อก็ตายไปพร้อมกับให้หยางหยางสืบทอดอำนาจแทน ก็มีเพียงเพื่อนรัก ส่วนอีกคนนั้นสืบทราบจากสายที่แฝงตัวในตระกูลหยางในขณะนั้นว่า เป็นคนที่หยางหยางรักยิ่งชีวิต



“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ หยางหยางมันก็อ่อนแอเกินไป หวั่นไหวเพียงกับเรื่องแค่นั้น สติแตกจนต้องฆ่าล้างมาเฟียกันหมดบาง มันบ้าและเสียสติ คนแบบนั้นคงไม่สามารถเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดวงการมาเฟียได้หรอก พวกแกว่ามั้ย”

ที่จริง ถ้าทำให้หยางหยางเสียสติแบบนั้นอีก ก็ไม่เลว สถานการณ์อาจจะควบคุมได้ง่ายขึ้น บอสตระกูลเฉินได้ความคิดใหม่


บอสตระกูลเฉินเอ่ยพลางหัวเราะกับความคิดนี้  บอสตระกูลเฉินคิดเพียงว่าตระกูลหยางและผู้นำในตอนนี้อ่อนแอเกินไป ที่จะมีอยู่



“ก็จงหายไปซะเถอะ”  ผู้เป็นบอสพูดกับตัวเอง และเริ่มแผนการสำหรับอากาศที่เหมาะกับการแก้แค้นศัตรูเช่นนี้




--------ที่สุดชองดวงใจ --------






ถ้าคุณหยางหยางกลับเร็ว ๆ คงดี จะเป็นยังไงบ้างก็ไม้รู้ ....


อี้เฟิงคิดวนไม่มีสมาธิสอนเท่าที่ควรกับวันหิมะแรกกกับเรื่องราวใหม่ที่รู้ เสี่ยวอิ๋งกับน้าหนิงเองก็เฝ้าภาวนาว่าขอให้อาการนั้นของหยางหยางดีขึ้นทุกขณะ แม้มันจะผ่านไปนานแล้ว จากที่ผ่านมาก็อาการก็ไม่ได้ดีขึ้นมากเท่าไหร่เลย

ชายหนุ่มกลับเข้าบ้านมาสองหน คือกินข้าวเที่ยงและข้าวเย็นตามปกติ แต่ก็กลับออกไปทำงานอีกครั้ง ใบหน้าเคร่งเครีดยนิดหน่อย ยิ่งผ่านไปก็สีหน้าไม่ค่อยดี เขาฝืนไว้ และไม่ทันที่อี้เฟิงจะเอ่ยทักอะไร ก็กลับออกไปก่อนแล้ว


รีบกลับนะคุณหยางหยาง..





“หิมะตกหนักนะครับวันนี้”
“นั่นสิคะ”


น้าหนิงเอ่ยรับเมื่อคุณครูมองไปยังหน้าบ้าน หิมะที่ตกลงมาจากฟากฟ้าทับถมกันเป็นกองขนาดย่อม ๆ ในหลาย ๆ ที่ตรงสวนหน้าและหลังบ้านด้วย ความหนาวเหน็บแบบนี้ จำต้องเพิ่งความอบอุ่นทั้งกายทั้งหัวใจด้วย



“เสี่ยวอิ๋งเป็นห่วงป๊าจังค่ะ”
“ป๊าของเสี่ยวอิ๋งเข้มแข็ง เขาไม่เป็นไรอยู่แล้ว”


อี้เฟิงบอกกับหนูน้อย เธอเคลื่อนมานั่งที่ตักคุณครุ วันนี้พักการสอนกันไว้แค่นี้ก่อน ทั้งบ้านก็กังวลกับเรื่องนี้ และหลังจากนี้ จนกว่าหิมะจะหมดไป ก็คงจะต้องดูแลผู้นำของบ้าน ที่มีบาดแผลผู้นั้น หิมะกัดกินใจเขา











ปัง!






“เกิดอะไรขึ้น”




อี้เฟิงอุทานดัง เขากอดคุณหนูของบ้านไว้แน่นกับอก น้าหนิงหลบอยยู่หลังเก้าอี้ อาฟงวิ่งเข้ามาหาทางพวกเขา


“หลบกันไปก่อนนะครับ ขึ้นไปบนห้องท่านประธาน” น้าหนิงรับคำจากอาฟง พาคุณหนูและอี้เฟิงขึ้นไปตามที่บอก อี้เฟิงตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ บอดี้การืดและลูกน้องของหยางหยางพากันวิ่งวุ่น



“เราถูกจู่โจมรีบเสริมกำลังมาที่คฤหาสน์ด่วน “ อี้เฟิงได้ยินเสียงคุณฟงพูดแค่นั้นก่อนที่คุณน้าหนิงจะผลักเขาและเสี่ยวอิ๋งเข้าห้องนอนของหยางหยางไป




เกิดเรื่องขึ้นที่นี่ ยังผ่านไปไม่นานด้วยซ้ำ ทำไมกันล่ะ คนพวกนี้ต้องการอะไรจากคุณหยางหยางมากนักหนา


อี้เฟิงก็ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น ตัวเขาสั่นกลัว พอ ๆกับเด็กน้อยในอ้อมกอดของเขา หวังเพียงให้หยางหยางกลับมาโดยปลอดภัย และปกป้องเราทุกคนด้วย








ปัง! และอีกหลายครั้งที่เสียงปืนดังขึ้นจากบริเวณรอบนอกของตัวบ้านและเหมือนคนพวกนั้นจะปะทะกันรุนแรง นอกจากเสียงปืนยังมีเสียงที่โอดร้องด้วยความเจ็บปวดจากการบาดเจ็บ อี้เฟิงใช้มือปิดหูเด็กสาวที่นั่งอยู่แนบชิดตัว เสี่ยวอิ๋งสั่นจนแทบไม่กล้าขยับไปไหน โชคดีที่แมวน้อยเสี่ยวอ้ายถูกคว้าติดมือเด็กน้อยมาด้วย เธอกอดเจ้าขนฟูนั้นไว้เสียแน่น




ไม่อยากให้เกิดเรืองแบบนี้อีกแล้ว อี้เฟิงบอกกับตัวเองในใจ เขากลัขึ้นมาจับใจและหยางหยางก็ไม่อยู่ใกล้ ๆ ยิ่งทำให้เขาเหลือความอดทนในการควบคุมสติ


“คุณหนู คุณอี้เฟิง ไม่ต้องกลัวนะคะ คุณชายของป้าต้องกลับมาช่วยได้แน่ ๆ “




คุณน้าหนิงทำเอาอี้เฟิงตกใจ เธอคว้าปืนกระบอกหนึ่งเป็นมือสั้นขนาดเล็ก เธอคว้ามือและเฝ้าระวังให้คนที่ต้องดูแลทั้งสอง

“ทั้งคู่หมอบลงกับพื้น ห้ามเงยหน้าขึ้นมานะคะ” น้าหนิงบอกแค่นั้น  ทั้งคู่ทำตามไม่อิดออด



มีเสียงปืนหลายนัดยังกระหน่ำดังไม่หยุดรอบ ๆ บ้าน  อี้เฟิงอดกลั้นความกลัวไว้ ปิดหูเด็กหญิงไม่ให้ได้ยินเสียงปืนที่น่ากลัวพวกนั้น ไหนจะเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของคนด้านนอก


ถึงคุณจะมาช่วยทุกคนที่นี่ให้ปลอดภัยคุณก็ต้องปลอดภัยด้วยนะ คุณหยางหยาง คุณต้องกลับมากอดเสี่ยวอิ๋งแล้วก็..ผมด้วย




ไม่ทันจะจบความคิดถึงอีกคน เสียงปังสนั่นและต่อเนื่องดังมาจากด้านหลังจากอี้เฟิง กระจกหน้าต่างของห้องนอนหยางหยางถูกยิงกระจายแตกละเอียดจนไม่เหลือซาก เหมือนคุณน้าหนิงจะอุทานว่าเป็นไปไม่ได้ กระจกนี่เป็นกระจกพิเศากันกระสุนที่ติดไว้รอบบ้านไม่ว่าจะห้องไหน แต่ถูกยิงไม่เหลือแบบนี้


“อาฟง พวกมันมีอาวุธใหม่ที่ร้ายแรง ระวังด้วย”


น้าหนิงโทรบอกอาฟงที่อาจจะอยู่ที่ไหนในบ้านซักแห่ง อี้เฟิงได้ยินทั้งคู่สนทนากันแม้ขาด ๆ หาย ๆ แต่เมื่อรับรู้แล้วน่ากลัวมากว่าอีกฝ่ายที่เข้ามาลอบโจมตีมีอาวุธร้ายแรงที่ทำลายแม้กระจกพิเศษนี้ ๆ เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย น้าหนิงคุยต่อกับอาฟงทางโทรศัพท์ เหมือนว่าอาวุธพวกนี้จะราคาแพงมาก ยิ่งซื้อมาก็ยิ่งต้องจ่ายหนักและหายาก พวกคนที่โจมตีคงร่ำร่ำรวยและมีเส้นสายในการหามันมา


ทำไมต้องทำกันขนาดนี้


“น้าหนิงครับ  ผมจะหาที่ซ่อนให้เสี่ยวอิ๋งก่อน ”



อี้เฟิงคิดออกก็พาเด็กหญิงที่กำลังกลัวจนตัวสั่นและไม่รับรู้เหตุการณ์อะไรแล้ว เขาอุ้มเธอขึ้นมา พลางคิดว่าจะพาไปไหน เด็กหญิงน้ำตานองหน้าแต่ไม่สะอื้อนไห้เป็นเด็กที่เข้มแข็งมาก ก้เพราะอาจจะพบกับเหตุการณ์เช่นนี้บ่อย ครั้ง แต่ไม่มีทางจะชินชากับมันเสียหรอก ในที่สุดอี้เฟิงก็พอคิดหาทางออกที่ดีได้


เขาคลานไปเงียบเชียบ เอาเด็กหญิงไปหลบ ในห้องหยางหยางมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มากอยู่หนึ่ง เด็กตัวเล็ก ๆ ถ้าหากนอนขดก็สามารถเข้าไปได้ทั้งตัว แถมแมวน้อยก็พอเข้าไป





หนูน้อยร้องไห้ออกมาคว้าแขนเขาไว้แน่น อี้เฟิงกอดปลอบเธอเนิ่นนานเท่าที่ทำได้ และบอกให้เธอเข้าไปอยู่ในนั้น เด็กน้อยที่ในครั้งแรกไมยอม แต่อี้เฟิงต้องกล่อมให้เธอเข้าไปจนได้






“ไมต้องกลัวนะ เสี่ยวอิ๋ง เดี๋ยวคุณป๊าก็มาหา”
“พี่อี้เฟิงคะ..”
“ทุกคนจะต้องปลอดภัย หิมะนี่น่ะ เดี๋ยวก็ละลายแล้ว”


พูดจบอี้เฟิงก็รูดซิบปิดกระเป๋า เหลือช่องให้เด็กน้อยได้หายใจ เสี่ยวอ้ายนอนนิ่งในอ้อมกอดเจ้าของ คุณครูคนเก่งกระซิบบอกให้เด็กหญิงเงียบที่สุดและดูแลไม่ให้เสี่ยวอ้ายร้องออกมา และอี้เฟิงก็จัดการลากระเป๋าไปซ่อนในตู้เสื้อผ้าในห้องของหยางหยาง ทำให้เหมือนมันเป็นแค่กระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่มหึมาที่ว่างเปล่า






ข้างนอกเหมือนเสียงปืนจะเงียบหายไป..สถานการณ์ดีขึ้นแล้วหรือ?  อี้เฟิงทั้งคิดและ ภาวนา แต่ไม่เป็นเช่นนั้น









“ไม่นะ..” น้าหนิงมองเห็นใครบางคนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าแถว ๆ หน้าต่างที่ถูกทำลายบานกระจกไปเมื่อครู่ใหญ่





“มาอยู่นี่เอง  ดูซิว่าจะให้ตายกันยังไงดี ฮึ ประวัติศาสตร์ตระกูลหยางจะซ้ำรอบอีกครั้ง พวกแกมันอ่อนแอจริง ๆ “


คนมาใหม่เอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงความเลือดเย็นและเหี้ยมโหด เขาดูกระหายอะไรซักอย่าง อี้เฟิงไม่รู้ว่าเป็นอะไรแต่สิ่งที่เขากระหายอยากได้ มันไม่ดีต่อพวกเขา









“พาพวกมันออกมา หน้าบ้าน แต่ยัยเด็กนั่นไม่อยู่ เอาสองคนนี้ไปก่อน ฉันจะลองหาเด็กนั่น “



อี้เฟิงภาวนาอย่าให้พวกนี้หาเสี่ยวอิ๋งเจอ มีพรรคพวกของพวกนี้พังประตูเข้ามาในห้องนอนของหยางหยางแล้ว ทั้งเขาและน้าหนิงถูกพาตัวออกไป





ก่อนพ้นประตู คนมาใหม่ที่สั่งการเอ่ยบอกว่า “จำลองเหตุการณ์เดิม  ๆ หิมะที่ขาวโพลน ชุ่มไปด้วยเลือดสีแดง ในวันนั้นหน่อยเป็นไง”








ไม่นานนัก อี้เฟิงกับน้าหนิงถูกพามาอยู่หน้าคฤหาสน์บ้านหยาง มีคนล้มตายเพราะเหตุการณ์ปะทะเป็นจำนวนมาก แต่โชคดที่คุณฟงยังไม่ เพลี่ยงพล้ำถูกคนพวกนี้ฆ่าไป



หิมะที่หนาวเหน็บ....





อี้เฟิงถูกจับมานั่งคุกเข่าตรงหน้าบ้าน น้าหนิงทรุดอยู่ด้านหลังเขา



“เด็กหนุ่มนี่เหมือนจะเป็นคนสำคัญมาก วันนั้นที่หยางหยางบุกไปช่วยก็เจ้านี่ล่ะ”
“งั้นหรือ”


ชายหนุ่มอีกคนพูดตอบโต้กับอีกคนที่จับตัวเขาอยู่ ใบหน้าทั้งคู่ไม่มีความสงสารหรือปรานี มีแต่ความกระหายกลิ่นเลือด น้าหนิงที่นั่งอยู่ด้านหลังก็ถูกจับมัดไว้เหมือนกัน





“งั้นจัดการมันก่อนแล้วกัน”





ชายอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลสั่งการ






อี้เฟิงช่างหัวชีวิตตัวเองในตอนนี้แล้ว ปืนจ่อที่ขมับในระยะใกล้ขนาดนี้ คงยากที่จะรอดไป ในใจเขา ภาวนาว่าอย่างน้อย  ต่อให้เขาจะถูกยิงตายตรงนี้ก็อย่าให้พวกนี้หาเสี่ยวอิ๋งเจอ อยากให้หยางหยางช่วยทุกคนได้ และตัวหยางหยางเองก็ปลอดภัย   แม่งเอ๊ย  









เขาสบถด่าในใจ และหลับตาลง













ปัง!

2 ความคิดเห็น:

  1. เม้นที่เดียวรวดเลยยยยยย
    ขออภัยด้วยนะค่าาา
    ชอบๆๆๆๆ น่ารักดีค่ะ
    555+ รอรวมเล่มหลายเรื่องเลยนะเนี่ย
    อ่านนนน เป็น FC ผิงเสีย หยางเฟิง และแม่แมวด้วยนะค่ะ ^^

    ตอบลบ
  2. เม้นที่เดียวรวดเลยยยยยย
    ขออภัยด้วยนะค่าาา
    ชอบๆๆๆๆ น่ารักดีค่ะ
    555+ รอรวมเล่มหลายเรื่องเลยนะเนี่ย
    อ่านนนน เป็น FC ผิงเสีย หยางเฟิง และแม่แมวด้วยนะค่ะ ^^

    ตอบลบ