TITLE : ที่สุดของดวงใจ
CHAPTER : 4
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG - 13
RATE : PG - 13
TELL :: ดราม่าอิสคัมมิ่ง
************************************************************************************************************
“บ้าเอ๊ย!”
เสียงทุ้มส่งเสียงสบถดัง
หยางหยางไม่ได้โมโห และอารมณ์เดือดถึงขนาดฟิวส์แบบนี้บ่อยนัก
หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หรือสำคัญต่อเขามากจริง ๆ
ซึ่งวันนี้มันเป็นเรื่องที่ทำให้เขากลายเป็นคนบ้าเรียกได้ว่าสติแทบแตกซ่าน
หัวใจรู้สึกร้าวรานและเจ็บปวด
มือเรียวแต่แข็งแกร่งหมุนพวงมาลัยรถหักหลบรถคันหน้า แซงทุกคัน
ไม่หยุดทุกสี่แยกแม้จะมีไฟสัญญาณจราจรแสดงให้หยุดก็ตาม เขาต้องรีบ...
จะเสียไป..จะเสียไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะใคร..
ที่สำคัญ..ยิ่งกว่านั้น
สิ่งล้ำค่าบนโลกที่หายาก คนอย่างหลี่อี้เฟิง...
“แม่งเอ๊ย!”
หยางหยางสบถออกมาอย่างหัวเสีย อารมณ์เขาเดือดพุ่งพล่าน
ไม่ว่าอะไรเขาจะไม่ยอมเสียไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรที่เขาจะหามาอ้าง
ต้องปกป้องให้ได้ มันจะไม่มีเหตุการณ์ที่ทำให้เขาปวดร้าวแทบใจสลายอย่างที่เคยเกิดขึ้นอีก
โทรศัพท์!?
มือข้างหนึ่งที่เอื้อมถึงโทรศัพท์
หยางหยางกดรับสายทันทีเมื่อเห็นว่าสายเข้านั่นเป็นชื่อของคนที่อยากให้อยู่ใกล้เขาตอนนี้มากที่สุด
แต่เมื่อรับ มันกลับไม่ใช่เสียงหวานของคุณครูคนเก่งของเขา
“สวัสดีครับ ท่านประธานหยางหยาง... ถึงขนาดออกโรงแบบนี้
ค่างวดของเด็กนี่ คงพอต่อรองกันได้ใช่มั้ยครับ ว่าไง ?”
แม้โมโหจนอยากจะขว้างโทรศัพท์แต่เพราะนี่เป็นทางติดต่อเดียวของหยางหยางที่จะทำให้รู้ว่าอี้เฟิงเป็นอย่างไรบ้าง
หยางหยางจึงจำต้องทนฟังเสียงบาดหู ของไอ้บ้าระยำพวกนี้
และทั้งเสียงครางถึงความเจ็บปวดสุดแสนของเจ้าของเสียงหวานที่หยางหยางได้ยิน
อี้เฟิงกำลังถูกซ้อมและในขณะที่คนร้ายคนนี้กำลังคุยโทรศัพท์กับเขาอยู่
“ท้าทายกันแบบนี้ พวกมึงคงรู้สินะว่ากูทำอะไรได้บ้าง”
“ผมรู้ดีครับ ท่านประธาน ฮึ ๆ แต่แบบนี้น่ะ จะไหวเร้อ
เด็กนี้ถูกเพื่อนผมเล่นด้วยเสียน่วมไปทั้งตัว หน้าตาน่ารักดีด้วย เหมือนแมวเลยล่ะ แต่ตอนนี้คงเฉามือเพื่อนผมมากแล้วล่ะ
แต่อย่างไรผมจะให้เพื่อนผมเพลา ๆ หน่อยแล้วกัน ถ้าหากคุณฟังสิ่งที่ผมต้องการ
จะเอาแมวกลับบ้านก็ต้องมาแลกกันครับ”
หยางหยางอดทนฟังมัน แต่เหมือนเหตุการณ์จากปลายสายมีอะไรเปลี่ยนแปลง
เสียงของอี้เฟิงตะโกนไม่ได้ศัพท์เข้ามาทะลุถึงหูเขา แต่จับใจความไม่ได้เลย
เหมือนอี้เฟิงกำลังพยายามจะบอกอะไรเขาซักอย่าง
“คุณหยางหยาง พวกมันวางแผนวางกำลังจะฆ่าคุณ อย่ามานะ!”
ตัวเองจะตายแล้วแท้ ๆ ยังจะทำปากดี...หยางหยางคิดถึงใบหน้าหวานที่ส่งเสียงจากปลายสายมา
เขาไม่รู้สภาพตอนนี้ของอี้เฟิงแต่เขาต้องทนเสียงบาดใจอีกหลายนาที
เพราะไอ้เวรฝั่งนั้นเริ่มซ้อมคุณครูคนเก่งของเขา
เสียงหวานร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดดังลั่นจนแทรกผ่านโทรศัพท์มา
เขาแทบทนฟังไม่ได้ แต่ถ้าหากทำให้คนพวกนี้ระแวง มันอาจจะทำร้ายอี้เฟิงมากกว่านี้
“อย่าลืมนะครับ ความต้องการชองผมแลกชีวิตของเด็กคนนี้”
ในที่สุดหยางหยางก็วางสายจากคนพวกนั้น จากฝั่งไหน ใครกัน
พวกมันเป็นคนของใคร หยางหยางคิดหลายตลบ วนเวียนไปถึงเรื่องในอดีต
แม้ไม่อยากจะระลึกถึงมัน แต่เพราะมันจำเป็น ความเลวร้ายและความเจ็บปวดจากอดีต
เขาจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องรื้อมันขึ้นมา
แก๊งค์ไหนเป็นพวกในปกครองของเขา หรือในกลุ่มศัตรู หรือพวกไร้กลุ่ม
เป็นพวกไหน
เขารื้อความทรงจำจากในครั้งเก่า แม้หยางหยางจะโละทั้งหมดทิ้งไปแล้ว
แต่นั่นมันก็แค่การหลอกตัวเองของหยางหยาง เพราะเมื่อเผลอตัว
ก็จะคิดถึงเรื่องในอดีต
---
อดีตในครั้งที่หยางหยาง ผู้นำของตระกูลหยาง หนึ่งในขั้วอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในวงการมาเฟียที่ไม่ว่าใครก็ต้องเกรงกลัวเมื่อได้ยินนาม
หยางหยางคิดว่าทั้งหมดนั่นมันจะกลายเป็นเรื่องเก่า
เขาถีบตัวเองขึ้นมาจากใต้ดินอันมืดมิด ความเลวร้าย สกปรก โสมม การแก่งแย่งชิงดี การเปลี่ยนขั้วอำนาจ
การล้มล้างเพื่อความเป็นใหญ่
แม้จะอ้างกับตัวเองว่า ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะความจำเป็นที่ต้องทำ
แต่จำนวนคนที่ถูกเขาสั่งการปลิดชีวิตไปมันนับรวมแล้วคงจะกองศพได้เท่าภูเขาเล็ก ๆ
ซักลูก การล้างบางมาเฟียทั้งวงการด้วยอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลหยาง ความโหดร้ายของตัวเองในตอนนั้นเขาไม่อยากจะนึกถึงมัน
หยางหยางในตอนนั้นเหมือนปีศาจจากนรกที่เป็นผู้พรากชีวิตของใครก็ได้เพียงแค่สิ้นเสียงและปลายนิ้วที่ไกปืนนั่นเพราะมีจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผู้นำตระกูลหยาง
ณ เวลานั้นจำต้องล้างบางวงการนี้ให้สิ้นซาก ทุกอย่างการแย่งชิง มันจะจบสิ้นเสียที
ทั้งหมดนั้น...ใช่.. ฝีมือของเขา..ทั้งหมด
จุดเปลี่ยนนั้นมีหลายอย่างเป็นองค์ประกอบที่ทำให้หยางหยางต้องทำเช่นนั้น
ทั้งความเป็นไปในช่วงเวลาที่ทางการไม่สามารถยอมรับการมีอยู่ของมาเฟียได้แล้ว
เพราะความเรืองอำนาจของวงการนี้มันมากเกินไป จนเกิดความวุ่นวายไปทุกที่
นั่นก็ทำให้พวกเราลำบากกันมากพอ รวมทั้งเหตุการณ์ที่ทำให้หยางหยางเจ็บปวดเจียนตาย
การปกป้องใครซักคนไม่ได้อย่างที่อยากทำ มันทำให้แผลในใจของเขากว้างมากยิ่งขึ้น
ทำไมต้องกลับมาอีก..ทำไมมันยังไม่หมดไป เขาตกหล่นพวกไหน
แก๊งค์ไหน องค์กรไหน ที่เขายังไม่ยัดพวกมันลงหลุม
เขาจะไม่ยอมให้อดีตอันมืดมนนั้นกลับมาแล้ว
และ...อีกทั้ง ดวงตาอันล้ำค่าหายากยิ่งของหลี่อี้เฟิง
..เขาจะไม่ยอม..ไม่ยอมให้พวกโสมมพวกนั้นแตะต้องจนแปดเปื้อน
เขาไม่ควรพาคน ๆ
นี้มาอยู่ในอีกโลกเลย
มือแกร่งมือหนึ่งบิดพวงมาลัยหักโค้งอีกครั้งด้วยความชำนาญ
เท้าเหยียบคันเร่งจนสุดความเร็วที่จะทำได้ อีกมือที่ว่างกดสายต่อหาคนสนิท
คุยกันเรื่องจุดหมายที่แกะรอยได้มา
หยางหยางได้ใช้อำนาจและเส้นสายจากความยิ่งใหญ่ของตัวเองเมื่อเก่าก่อนนี้และสถานการณ์ที่เขาจำต้องรับรู้โดยเร็วในตอนนี้
หยางหยางจอดรถ เมื่อถึงที่หมาย ก่อนหน้านี้
อาเฉินส่งที่อยู่ที่เป็นแหล่งซ้องสุมกำลังของพวกสวะพวกนั้นที่รบกวนจิตใจของเขา
“เป็นยังไง”
“จัดการไปได้หลายจุดแล้วครับ
ผมคิดว่าพวกมันก็คงคาดการณ์พวกเราผิดไปเยอะ และเรากำลังตามหาคุณอี้เฟิง พร้อมทั้งถามจุดประสงค์ของพวกมัน
แต่ฝั่งของเราก็มีเสียคนไปพอสมควรครับ”
“จะมีจุดประสงค์อะไรฉันไม่รู้
แต่ไม่อยากเก็บไว้ จัดการให้หมดทุกคน”
“ครับ นาย”
พวกเขาจำต้องกลับมาใช้ระบบเดิม
บรรยากาศเดิมในตอนนั้นต้องกลับมาเพื่อสถานการณ์คับขันนี้ และสรรพนามเดิมที่ หยางหยางเคยถูกเรียกเช่นนั้น
เหมือนวิญญาณของปีศาจจากนรกกลับเข้าร่างหยางหยางอีกครา
----------------- ที่สุดของดวงใจ-------------
“พวกแกจะทำอะไรเขา..”
“อย่าโง่ไปหน่อยมึงน่ะ รู้อยู่แล้วนี่ ว่ามึงกำลังคลุกคลีอยู่กับอะไร
แกมาอยู่ผิดที่ซะแล้ว ไอ้หนู”
อี้เฟิงฟังจากเจ้าพวกนั้นก่อนหน้านี้
เขารู้ว่าหยางหยางกำลังมุ่งหน้ามาช่วยเขา ตามที่ขอร้อง ในตอนแรกเขารู้ว่าอีกฝ่ายจะมาช่วย
หลี่อี้เฟิงผู้นี้จึงเฝ้ารออย่างใจเย็นและสงบ จนได้ยินจากไอ้พวกที่จับเขามามัดไว้ว่า
พวกมันกำลังวางแผนมากกว่าการเรียกค่าไถ่ตัวเขาที่พูด ๆ กันไว้ก่อนหน้า
ไม่รู้ว่ามีความแค้นอะไรกันมากขนาดนั้น
แต่จะลอบฆ่ากันไม่เหลือซาก วงการมาเฟียมันน่ากลัวจะเขาไม่สามารถหยั่งถึงจิตใจของในนี้ได้เลยว่ามันมืดดำขนาดไหน
คุณหยางหยางคนนั้นจะเป็นแบบนี้ด้วยหรือเปล่า...แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาควรคิดในตอนนี้
อี้เฟิงร้อนรนแต่ก็จำนิ่งเอาไว้
เขาที่พลั้งพลาดทำให้อีกฝ่ายรู้แอบติดต่อกับหยางหยางด้วยโทรศัพท์ตัวเองจนถูกซ้อมเสียสะบักสะบอม
ปวดไปหมดทั้งร่างทุกสรรพางคกาย ตอนนี้จึงเงียบไว้ ความกลัวและกังวลเพิ่มทวีคูณ
คนพวกนี้ดูร้ายกาจ เขาไม่รู้ว่าหยางหยางจะสู้กับคนพวกนี้แล้วจะเป็นอย่างไร
มาเฟียที่แท้จริงมันโหดร้ายได้ถึงขนาดไหน อี้เฟิงไม่เคยรู้และหยั่งได้ เขาอยากจะรอดตายออกไปจากที่นี่
ต้องรอให้หยางหยางมาช่วยสภาพแบบนี้ฝืนไปก็มีแต่จะถูกยิงตาย
เพราะท่าทางเขาเองก็อาจจะถูกฆ่าหากฝ่ายหยางหยางพลาดพลั้ง
แต่ถ้าคุณหยางหยางมา..ทั้งหมดไม่ใช่แค่คุณหยางหยาง ลูกน้องทุกคนก็คง..
อี้เฟิงนึกประหลาดใจตัวเองเหมือนที่นึกห่วงหยางหยางขึ้นมา
ทั้งที่ตัวเองก็จะกำลังถูกมัจจุราชพรากชีวิตไปแท้ ๆ
เขาไม่รู้ว่าอีกไม่กี่นาทีนี้ จะเกิดอะไรขึ้น....
“อาฉิน
มันมากันแล้ว โกดังฟากโน้นถูกเก็บหมดแล้ว เหลือฟากเราและอีกฝั่งใกล้แม่น้ำ”
“เชี่ยเอ๊ย !”
มาแล้ว.. แผนการของคนพวกนี้อาจจะใช้ไม่ได้ผลกับคุณหยางหยางสินะ
แม้จะดีใจที่ได้ยินคนพวกนี้พูดว่าใครบางคนที่รอคอยมาถึงแล้ว
แต่อีกใจก็กังวลถึงความเป็นความตายของอีกฝ่าย ฉันเองจะตายแต่มัวไปนึกห่วงคนอื่น
อี้เฟิงยังคงนึกประหลาดใจตัวเองในความคิดนี้
“โอ๊ย “
“ลุกขึ้น
อย่ายึกยัก”
ชายที่เฝ้าอี้เฟิงกระชากร่างให้อี้เฟิงลุกเดินตามเขาไป
ลากดึงเชือกจนเจ็บมือทั้งที่ร่างกายอี้เฟิงก็ปวดระบมเพราะการถูกซ้อมก่อนหน้านี้
ใบหน้าบวมช้ำและมีหลายที่มีแผลจากการชก คนพวกนี้หมัดหนักจนอี้เฟิงหน้าชา
มึนหัวไปหมด เขาเดินโซเซตามคนพวกนี้ไปอีกที่ เหมือนจะเป็นโกดังเช่นกันแต่เล็กกว่าและมีแค่พวกลังกระดาษและเศษขยะอยู่ในนั้น
“เข้าไป!”
ร่างที่ปวดร้าวทุกส่วนของอี้เฟิงถูกผลักเข้าไปในโกดังนี้
ชายคนหนึ่งวิ่งมาจากอีกที่ ตามหลังเข้ามา พูดคุยอะไรซักอย่างกับชายที่เฝ้าอี้เฟิง
เสียงเบาจนหูของเขาฟังไม่ได้ศัพท์
เมื่อจบการชายคนนั้นก็มาช่วยพันธนาการอี้เฟิงในอีกแบบ
“เห้ย.. พวกแก ปล่อย..ปล่อยนะโว้ย”
พวกมันไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มเยาะส่งมาถึงอี้เฟิง
แววตาของเขามองไม่เห็นถึงความปรานี มีแต่ความมืดดำที่โหดร้ายอยู่ในแววตาของอีกฝ่าย
คนพวกนี้จับข้อมือเขามัดไว้กับเสารีบ ๆ โดยเชือกเส้นเดิม
ข้อมืออี้เฟิงยิ่งห้อเลือดแดงจนฃ้ำเขียว
เหมือนพวกมันเองก็อยากจะรีบไปให้พ้นจากตรงนี้
แต่ก็คงอยากสร้างผลงานให้หยางหยางแค้น
“ไว้ตรงนี้ล่ะ ตอนที่ไอ้เด็กนี่ถูกเผาทั้งเป็น จนมันเข้ามาช่วยไมได้เป็นภาพที่บาดตาดี
”
อีกฝั่งตั้งใจพูดให้อี้เฟิงได้ยิน เขากลัวจนแทบตะโกนร้องออกมา
แต่ไม่..เสียงเขามันขาดหายทั้งอาการบอบช้ำของร่างกาย จิตใจเต้นรัว
เขากำลังจะถูกเผาทั้งเป็น คนพวกนี้โหดร้ายได้เพียงนี้..ตอนนี้เขาคิดเห็นแก่ตัวในช่วงที่อาจจะเป็นวาระสุดท้ายขอเลิกคิดถึงความปลอดภัยของอีกฝ่าย
ขอให้หยางหยางมาอยู่ตรงหน้าพาเขาออกไปจากที่นี่
“คุณหยางหยาง...”
ไม่...ฉันไม่อยากตาย
อี้เฟิงลนลาน พยายามหาทางดิ้น สะบัดให้เชือกหลวม ให้หลุดออก
แต่พร้อมกันนั้น
“ไม่..ไม่นะ ไม่!”
ไม้ขีดไฟก้านหนึ่งที่ถูกจุดให้ติดไฟ
ก็ถูกโยนลงบนกองน้ำมันที่ถูกราดอยู่บนพื้น โดยพวกคนใจร้ายพวกนี้
“ไม่..”
อี้เฟิงพยายามอีกครั้ง กลัวจนลนลานแต่ไม่อยากตาย
เขาสะบัดข้อมือที่ถูกพันธนาการด้วยเชือกป่าน มันบาดเนื้อจนเป็นแผล แต่เขาไม่สนใจ
และในที่สุดมันคลายออก เพราะคนพวกนั้นกำลังรีบ ปมเชือกันจึงแน่นไม่พอที่จะรั้งอี้เฟิงไว้ให้ได้นานกว่านี้
“ทางไหน”
แม้ลุกขึ้นยืนได้แต่ร่างกายที่สะบักสะบอมก็เต็มกลืน ต้องฝืนเดิน สายตายังคงสอดส่องหาทางหนี
ในขณะที่อีกฝั่งเปลวไฟเริ่มโหม ลุกโชนขึ้นเรื่อย ๆ โกดังนี้ทั้งเล็ก ไม่แข็งแรง
อยู่นานคงไม่ได้ ควันไฟเริ่มเริ่มมีให้เห็นเพราะบางส่วนถูกเผาไหม้ไปบ้างแล้ว
อี้เฟิงไอโขลกเมื่อสูดเอาควันไฟเข้าปอดไป แต่ยังคงฝืนร่างและพยายามตั้งสติ ปวดชะมัดเจ็บเป็นบ้า
แม้จะโอดครวญในใจแต่ก็จะต้องรีบแล้ว ทางออกใหญ่ถูกปิดไปด้วยเปลวไฟไปแล้ว
หมดหวังกับทางเข้าออกปกติ ดวงโตกลมโตที่ตื่นตะหนกยังคงมองหาทางอื่นที่ยังไม่ถูกปิดไป
“นั่น!”
ในเหตุการณ์ร้ายก็ยังพอมีหวัง โกดังนี้มีจุดที่รอซ่อมแซมจึงปิดด้วยแผ่นไม้ธรรมดา
อี้เฟิงฝืนแรงดึงแผ่นไม้ที่ตอกตะปูแปะรอซ่อม เมื่อเปิดออกมาได้ มันเปิดให้เห็นช่องว่างขนาดประมาณหนึ่งตัวเขาไม่ใหญ่ไม่เล็กมาก
จึงพยายามแทรกตัวผ่านช่องนั้นจนพ้นออกมาภายนอกโกดัง
ให้ตายเหอะ แม่ง...
อี้เฟิงรู้ว่าเขาเริ่มเวียนหัว และคลื่นไส้ ควันไฟที่สูดมามากเกินไป
รวมทั้งร่างกายที่บอบช้ำ ถูกซ้อมจนเจ็บปวดทั้งตัว
เขาคลานเข่าไปหลบที่พุ่มไม้แถวนั้น เพื่อให้พ้นจากเปลวเพลิงที่ลุกโชน
น้ำตาหยดหนึ่งไหลหยาดแก้มของอี้เฟิงจากหางตารู้สึกถึงความชื้นได้
เพราะความหวาดกลัวสุดขีดจนกลั่นเป็นน้ำตา ลูกผู้ชายไม่ร้องไห้กันง่ายดาย
แต่เหตุการณ์วันนี้มันไม่สามารถทนได้อีกแล้ว แม้จะรอดจากเปลวเพลิงนั้นได้
แต่ร่างกายและจิตใจมันเจ็บปวดมากที่สุด
นึกถึงใบหน้าอีกคนที่แม้อยู่ที่นี่ แต่เขาคนนั้นก็ยังหาอี้เฟิงไม่พบเสียที
"เมื่อ..ไหร่คุณ..จะมา"
สิ้นเสียงประโยคนั้น เสียงหวานพูดขาด ๆ หาย ๆ และเงียบไปพร้อมกับสายลมที่ผ่านไป
“อี้เฟิง... ”
หยางหยางที่มาถึงโกดังที่เขารู้ว่าเป็นที่อยู่ของอี้เฟิง พอเห็นสภาพโกดังแล้วใจก็แทบสลาย
“พวกมึง! “
เขาร้องเรียกพวกนั้นด้วยคำสบถหยาบ และแผดเสียงให้พวกนั้นได้ยิน
แต่มีเพียงแค่ชีวิตเดียวที่รอฟังเขา
ที่เหลือหยางหยางได้จัดการด้วยฝีมือตัวเองจนสิ้น แน่นอนแค่กับพวกคนมีฝีมือระดับนี้
เขาเหมือนกำลังเล่นอยู่กับเด็ก แค่ใช้วิชาการต่อสู้ที่ติดตัวมาแค่ไม่กี่ท่า
ความเร็วและความแข็งแกร่งของเขา ทำให้มันล้มลงไร้ทางสู้
และเขาก็จัดการปลิดชีวิตของพวกมันด้วยปืนที่มีอยู่กับตัว แต่ยังเหลือเอาไว้บางคน เขาเค้นถามเอาจากพวกมัน
ก่อนมันจะตาย มันบอกว่ามันจับอี้เฟิงมัดกับเสาและเผาโรงงาน
“โดนเผาเป็นซากไปแล้วมั้ง”
“ไอ้ระยำ
อีกประโยคที่หยางหยางสบถใส่
เพราะยังมีบางอย่างที่ต้องเค้นเอาจากคนพวกนี้ให้ได้จึงยังลงมือฆ่าคนสุดท้ายไม่ได้
เขาทิ้งพวกมันไว้กับลูกน้องบางส่วนและให้บางส่วนออกตามหาอี้เฟิง
แม้เปลวเพลิงจะเริ่มโหมกระหน่ำ ก็จะต้องไปบุกเอาร่างของอี้เฟิงออกมาให้ได้
และเขาก็พยายามที่จะบุกฝ่าเข้าไปในโกดัง แม้เข้าไปได้ ก็แค่บางส่วน
เปลวไฟได้แผดเผาโกดังไปแล้ว
ไม่..ไม่จริง มันจะไม่ซ้ำรอยกับอดีตที่ผ่านมา
ใบหน้าหล่อเบิกตากว้าง มือสั่นจนยากควบคุม
แต่จำต้องตั้งสติให้มั่นคงเพื่อคิดหาวิธี เขาไม่ควรถอดใจ หลี่อี้เฟิงยังมีชีวิต
ไม่มีศพ ไม่เห็นร่างมันจะมาฟันธงเอาตอนนี้มันเร็วไป เขาต้องตั้งสติ
และค้นหาคุณครูคนเก่งของเขาให้พบ
แต่หยางหยางเองก็วูบไหวและกลัว..แต่คุณครูคนนั้นกลัวยิ่งกว่าเขา
และเสียงหวานนั้นยังบอกว่า กำลังรอ เขายิ่งจะต้องหาอีกคนให้พบ..
ขอร้องล่ะ..
“อี้เฟิง”
หยางหยางพยายามอีกครั้ง แต่โกดังเกือบครึ่งหลังถูกแผดเผาไปแล้ว
และเปลวไฟโหมมากจนเข้าไปด้านในไม่ได้
ใบหน้าหล่อของอดีตมาเฟียแสดงสีหน้าหวาดวิตกออกมาจนเห็นได้ชัด
แต่ลูกน้องที่เห็นเจ้านายกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากยังยืนหยัดดเพื่อเจ้านาย
พวกเขารู้ดีว่าทั้งหมดนี้มันกระทบใจของเจ้านายของพวกเขามากเท่าไหร่
และนั่นเป็นหน้าที่ของลูกน้องที่ภักดีอย่างพวกเขาที่ต้องอยู่เคียงข้างเจ้านาย
อาเฉินมองดูชายหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่ที่เรืองด้วยอำนาจแม้กระทั่งตอนนี้
เจ้านายของเขาก็ยังคงถูกอดีตตามหลอกหลอน
“คุณอยู่ไหน....”
สายตาของหยางหยางสอดส่องหาไปทั่ว เริ่มคิดหาหนทางอื่น
หากอี้เฟิงหนีออกมาได้ เด็กคนนั้นอาจจะทำได้ หยางหยางเริ่มค้นหา และในมุมมืดจุดหนึ่ง
... เขาพบร่างของคนที่อยากพบที่สุดในตอนนี้
“อี้เฟิง!”
ร่างนุ่นนิ่มที่เขาเคยกอดสะบักสะบอม บอบช้ำไปทั่ว เสื้อผ้าคลุกฝุ่นดิน
และเลือดของเจ้าตัวเองด้วย ใบหน้าที่มีรอยชกช้ำและแผลจากการถูกชกต่อย
เขม่าดำเปื้อนใบหน้าหวานอีกด้วย
ไม่..หยางหยางไม่แน่ใจ..
แค่เห็นเพียงภายนอก
สภาพของคุณครูคนเก่งก็ทำให้ท่านประธานผู้เก่งกาจก็ไม่อาจหาญมอง
หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น
เขากลัว ความรู้สึกกลัวผุดขึ้นมาเพิ่มเท่าทวีมากและอย่างรวดเร็ว
ขอร้องเถอะ
แม้จะไม่ถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิง เด็กคนนี้เก่งอย่างที่เขาคิดและอย่างไม่น่าเชื่อ
รอดออกมาจากกองเพลิงได้ แต่ออกมาด้วยสภาพนี้
เขาไม่รู้ว่าอี้เฟิงสูดเอาควันไฟไปมากจนเป็นอันตรายหรือไม่ หรือช้ำภายในเพราะการถูกทำร้าย
เขาไม่รู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่จำเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของอี้เฟิงผ่านโทรศัพท์ได้ดี
หยางหยางคิดไปต่าง ๆ นานา
“อี้เฟิง..” เสียงทุ้มร้องเรียกอีกครั้งไม่รู้รอบที่เท่าไหร่แล้วที่เขาเรียกคนตรงหน้าตอนนี้
และพร้อมกับทรุดร่างคุกเข่าตรงหน้า อี้เฟิงที่ดูเหมือนหลับใหล แม้เพียงสองพยางค์แต่รับรู้ได้ถึงความกลัวของชายหนุ่มจาสุดกขั้วหัวใจของชายหนุ่มและความสั่นไหวที่ปลายเสียง
จะพลาด..ปกป้องไมได้อีกแล้วหรือ..
ไม่...ชายหนุ่มปฏิเสธถึงความกลัวที่สุดในชีวิตที่กลับมาอีกครา
“อี้..เฟิง”
.
“คุณ..หยาง..หยาง..หรือ”
นานเกือบที่เจ้าของชื่อที่ถูกเอ่ยนามจะทนไม่ไหว
แต่ในที่สุดก็ได้ยินเสียงที่อยากได้ยิน แม้จะขาดหาย อี้เฟิงลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ
เอ่ยชื่อของหยางหยาง ร่างนุ่มนิ่มที่บอบช้ำก็ไอโขลกจนน่ากลัว
หยางหยางส่งสัญญาณให้ลูกน้องอาเฉินกับอาหงเข้ามาประคองร่างของอี้เฟิงให้ลุกนั่งได้
มาแล้ว..ได้พบหน้าเเล้ว
แววตาบริสุทธิ์เช่นแก้วใสจดจ้องหยางหยางด้วยความโหยหา
น้ำตาเอ่อล้นมานอกนัยน์ตา พร้อมกันนั้นมีความรู้สึกหลายอย่างระคนกันไปหมด
หยางหยางเห็นทั้งหมดนั้น เขาไม่สามารถพูดอะไรได้แล้ว จึงถอยออกห่างออกจากจุดที่อี้เฟิงอยู่และลุกขึ้นยืน
สั่งการสองสามคำกับอาเฉินให้พาอี้เฟิงไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
ขอโทษนะ หลี่อี้เฟิง แม้เป็นคำแรกที่เขาคิดอยากจะเอ่ยกับอีกฝ่ายแต่ก็ไม่สามารถเอ่ยแค่เพียงพยางค์เดียวก็ตาม
ทำไม..กัน
เจ้าของนัยน์ตาล้ำค่ามองตามร่างของชายหนุ่มที่หันหลังให้เขาและเดินจากไป
ความรู้สึกปลอดภัยที่กลับมาแต่คน ๆ ไม่แม้แต่จะแตะต้องเขา
อี้เฟิงไม่เข้าใจหยางหยางมากเท่าหยาดน้ำตาที่หยดออกมา
เวลานี้ หลี่อี้เฟิงได้ร้องไห้ออกมาแล้ว
----------------- ที่สุดของดวงใจ-------------
ทำไมกัน...
อี้เฟิงใช้ประโยคเดียวกันถามตัวเองและประโยคนี้เขาทบทวนไว้เพื่อจะถามอีกคนที่อยากพบมากเหลือเกิน
“ขอบคุณนะครับที่มาเยี่ยม”
อี้เฟิงเอ่ยบอกเสียงเบาเพราะอาการเจ็บปวดที่ยังคงอยู่แม้ดีขึ้นแต่ก็ยังไม่สมบูรณ์แผลบนใบหน้ายังมีร่องรอยบ้าง
แต่คุณหมอฝีมือดีได้จัดการทำแผลให้เรียบร้อยจนไร้อาการน่าเป็นห่วงบนใบหน้า
ควันไฟที่สูดเข้าไปนั้นไม่มากพอที่จะพราดชีวิตไปได้ แค่ทำให้สลบเท่านั้น
และรวมถึงความอ่อนเพลีย เพราะคนพวกนั้นที่จับตัวไป
ไม่ได้ให้ข้าวน้ำแม้จะอย่างเดียว และร่างกายอี้เฟิงยังเจอความร้อน
ที่ถูกรุมซ้อมนั้น อาการทั้งหมดบวกรวมกัน ทำให้อี้เฟิงสลบนานไปเกือบวัน
หลังจากที่ถูกช่วยมาจากโกดังร้างนั้น หลังจากนี้พักฟื้นไม่กี่วันก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
แม้จะมองหาคนที่อยากพบแต่ไม่พบ ท่านประธานหยางกรุ๊ปคนนั้นไม่มาเจอหน้าอี้เฟิงเลยตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล
คุณเฉินที่เป็นบอดี้การ์ดคนสนิทของหยางหยางมาเยี่ยมเขาพร้อมคุณหนูเสี่ยวอิ๋งที่คุณพ่อของเธอยอมปล่อยมากับบอดี้การ์ดมือดี
และคุณน้าหนิงแม่บ้านประจำตระกูล
“คุณไม่ต้องห่วงนะครับ คุณอี้เฟิง เราดุแลคุณรอบด้าน
ไม่มีใครกล้ามาทำอะไรคุณอีกแล้ว”
อาเฉิน
บอดี้การ์ดหยางหยางตอบอย่างตั้งใจและยืนยันยืนความปลอดภัยให้อี้เฟิง
ใบหน้าหวานยกยิ้มเล็กน้อยเพื่อขอบคุณ
และดวงตากลมโตอันบริสุทธิ์คู่นี้ก็ยังไม่ลดละมองหาบางคน
“ท่านประธานยังติดประชุมกับเครือน่ะครับ..เร่งด่วนมาก แต่วางใจนะครับ
ท่านประธานเป็นห่วงคุณมากจริง ๆ ผมขอยืนยัน”
อาเฉินเอ่ยประโยคนี้ออกมาก็แสดงความตั้งใจจริงเพื่อยืนยันความนัยของเจ้านายออกมาเช่นกัน
แต่จะอย่างไรกันเล่า ถ้าหากเขามาเอง มันมีความหมายมากที่สุด...
จริงมั้ยคุณหยางหยาง
“พี่อี้เฟิง หายไว ๆ นะคะ “ เสียงใสที่ไม่กล้าพูดอะไรอยู่นาน
เธอเข้าใจที่ผู้ใหญ่พูดและไม่พยายามแทรกไป เธอรู้จักดีว่าจุดไหนเธอควระพูดออกไป
อี้เฟิงมองเด็กน้อยอย่างเอ็นดู เธอเป็นห่วงเขาจริง ๆ ทราบได้จากแววตา
อี้เฟิงขืนยกมือขึ้น พยายามลูบกลุ่มผมนิ่มของเสี่ยวอิ๋ง
เธอรับสัมผัสของคุณครูคนน่ารักของเธออย่างดีใจ ที่คุณครุของเธอยังใจดีไม่เปลี่ยน
“เสี่ยวอ้ายรอพี่อี้เฟิงที่บ้านนะคะ อย่าลืมไปหาน้องชายนะ”
“ครับ”
อี้เฟิงยิ้มตอบรับคำเด็กสาว ..เขาลูบโหวงในใจ นึกถึงบางคน
และถามคำถามเดิมในใจ เผื่ออาจจะสื่อถึงเขาได้ ทำไมกัน..?
คุณน้าหนิงเอ่อยคุยกับคุณครูและพาคุณหนูเสี่ยวอิ๋งและอาเฉินมาหลังจากบอกลาอี้เฟิง
เมื่อคุณหมอและพยาบาลเข้ามาเช็คอาการของคนไข้
“อาการดีขึ้น
ตอนนี้ขยับตัวได้สะดวกแล้ว
แค่อ่อนเพลียและอาการเจ็บปวดจากความบอบช้ำแต่ก็ใกล้จะออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ”
อาเฉินรายงานความคืบหน้าแก่เจ้านายของเขา
หยางหยางไม่แม้แต่จะเข้าไปพบหน้าอี้เฟิงเสียด้วยซ้ำ เขามาหาอี้เฟิงทุกวันตั้งแต่วันแรกที่คุณครูคนเก่งยังสลบไสลไม่ได้สติจนวันนี้
แค่ยืนหน้าห้องและกลับไป
เขาพยายามและไม่กล้าพอ กลัวและหวั่นไหว อารมณ์ของเขาไม่คงที่เลย
พร้อมที่จะระเบิดออกมามาทุกเวลา เขาเหมือนคนบ้าสติแตกไปแล้วแม้ตอนนี้จะดูสงบแต่พร้อมปะทุได้ตลอดเวลส
และดีที่สุดคืออย่าเพิ่งพบหน้าหลี่อี้เฟิงเป็นดีที่สุด
แม้อยากจะกอดปลอบ เขายังไม่กล้า ไม่กล้าแตะต้องคน ๆ นี้เลย
เขาพาคนที่ใสบริสุทธิ์แบบนี้เข้ามาในโลกที่อันตรายและโสมม ความบอบช้ำที่อีกฝ่ายได้รับ
เขาจะทดแทนชดใช้อย่างไรก็ไม่หมด ปกป้องไม่ได้ ดูแลไม่ได้ แม้จะมาช่วยเขาก็ยังทำไม่ได้
อี้เฟิงเสียเองต่างหากที่พยายามและรอดมาได้ด้วยตัวเอง
หยางหยางไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่มองร่างที่สลบไสลและเศร้าเสียใจ
ผมหลงใหลในความสดใสและบริสุทธิ์ของคุณ นั่นก็ถือว่าผิดแล้ว
เพราะผมมันเป็นคนในความมืดมาตั้งแต่ต้น
หลี่อี้เฟิง
-------------
ที่สุดของดวงใจ-----------
แม้หลังจากกลับจากโรงพยาบาล อี้เฟิงที่หายสนิทเป็นปกติแล้ว
ก็กลับมาทำงานตามเดิม พร้อมกับการไปมหาวิทยาลัย อี้เฟิงถูกจัดแจงให้มาพักที่คฤหาสน์ตระกูลหยางซักระยะเพื่อความปลอดภัย
มีรถรับส่งเวลาไปไหนมาไหน โดยการจัดการของคุณเฉิน บอดี้การ์ดคนสนิทของหยางหยาง แม้มาสอนสายเขาก็แจ้งหยางหยางไป
แม้อีกฝั่งจะเพียงแค่กดรับสาย ฟังเสียงเขาและวางไปโดยไม่พูดอะไร ก็หมายความถึงว่า
คุณหยางหยางอนุญาต แม้อยากจะได้การแสดงออกที่มากกว่าแต่อี้เฟิงไม่ทักท้วงอะไรทั้งสิ้น
เขาจะเปลี่ยนการแสดงออกต่ออี้เฟิง..จนเห็นได้ชัด
หรือแม้เวลาที่พบหน้ากันในคฤหาสน์ของเจ้าตัวเอง
ก็มีเพียงแค่การทักทายแบบตามมารยาท เขาดูงานยุ่งทุกวันและไม่มีช่วงว่างที่จะหาเวลาไม่กี่นาทีมาพูดคุยกับอี้เฟิงได้
ถึงแม้ว่าหยางหยางจะกลับมาทานข้าวเที่ยง ข้าวเย็นกับลูกสาวแบบปกติ
แต่เขากลับกลายเป็นคนพูดน้อย
ยิ้มน้อยลงเป็นท่านประธานของหยางกรุ๊ปผู้เงียบขรึมไปแล้ว
แม้จะพุดคุยกับลูกสาวตามประสาแต่เลี่ยงที่จะพูดคุยสนทนากับอี้เฟิงอย่างที่เคย
แววตาอีกฝ่ายมันฟ้อง เขาหลบหน้าอี้เฟิงอยู่ กำแพงสูงใหญ่ หยางหยางอยู่หลังนั่น
และไม่ยอมมาพบกัน
เขาเพียงแค่ถามหยางหยางในใจว่า ทำไมกัน…
แต่มันก็มีวัน..วันหนึ่งที่หลี่อี้เฟิงผู้นี้ทนไม่ไหว
คำถามในใจต้องมีคำตอบมาได้แล้ว
“คุณหยางหยาง!”
หือ?! เสียงอุทานในใจนี้มาจากเจ้าของชื่อที่เสียวงหวานเป็นฝ่ายตะโกนเรียกไปเมื่อไม่กี่วินาที
ชายหนุ่มรูปหล่อเจ้าของห้องหันไปตามทิศทางเสียง
“คุณ..เข้ามาในห้องผมได้ยังไงน่ะ”
“กุญแจจากคุณน้าหนิง”
“ถึงผมจะให้คุณอยู่บ้านผม
แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะอนุญาตให้คุณทำอะไรโดยถือวิสาสะแบบนี้นะ”
หยางหยางนั่งนิ่งแต่ดุคนอ่อนกว่าเสียงเข้ม
แต่หันหลังให้ประตูห้องมองออกไปนอกหน้าต่าง นั่งอยู่บนพื้นโต๊ะทำงานส่วนตัวในห้องของเขาเอง
มือข้างหนึ่งคว้าแก้วเครื่องดื่มมึนเมากลิ่นไม่คุ้ยเคยสำหรับอี้เฟิง
กลิ่นเหล้าขนาดนี้... อี้เฟิงคิดในใจ สูดลมหายใจลึก ๆ
ไม่นานคุณครูคนเก่งจึงใจดีสู้เสือตัวใหญ่เข้าไปหา ใบหน้าชายหนุ่มที่แก่กว่าตัวเอง
คุณพ่อยังหนุ่มคนนี้ ตีหน้าเรียบขรึมไม่แสดงสีหน้าใด ๆ
ใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่หันมามองอี้เฟิงด้วยซ้ำแม้จะเดินมาใกล้จนตัวอี้เฟิงชิดโต๊ะทำงานเขา
ใบหน้าหวานแสดงอาการหงุดหงิดให้เห็นเพราะความหงุดหงิดเดิมก็ก่อมาอยู่แล้ว
ก็ยังมาพบอากัปกิริยาที่อีกฝ่ายแสดงเช่นนี้
เขารู้สึกตัวเองแล้วว่า เขาน้อยใจคนตรงหน้า
หลี่อี้เฟิงไม่แน่ใจว่าเขาทำอะไรผิดต่อคน ๆ นี้หรือ ถึงได้ถูกเย็นชาใส่เสียขนาดนี้
“ออกไปจากห้องผมได้แล้ว
คุณครู”
“ผมมีเรื่องจะต้องคุยกับคุณ”
“แต่ผมไม่มีเวลาว่าง”
“ไม่มีเวลาคุยกับผมแต่คุณในตอนนี้นั่งดื่มเหล้าอยู่งั้นหรือ?”
เปิดบทสนทนาที่เข้าใกล้คำว่าต่อเถียงกัน เสียงเริ่มดังตามลำดับของจำนวนประโยค
“คุณหยางหยาง .ทำไมกัน..”
“ออกไปจากห้องผม”
“ผมแค่อยากจะคุยกับคุณ !”
“คุณอี้เฟิง”
“แค่คุยกับผม ..ไมได้หรือ?”
อี้เฟิงอ่อนลง เสียงค่อยพูดเชิงขอร้อง
จะไม้อ่อนไม่แข็งเขาจะงัดมาใช้ทุกอย่าง
ความอัดอั้นในใจมากนานตั้งแต่เขาลืมตามาพบหยางหยางตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้นจนวันนี้ผ่านมานานจนคำถามสั้น
ๆ ทำไมกัน..? ที่อี้เฟิงอยากถามกับหยางหยางมันถูกทวนเป็นร้อย ๆ ครั้งในใจ
เขาอยากพูดถามให้อีกฝ่ายมีคำตอบอะไรที่ทำให้เขาอยากจะเลิกถามคำถามนี้กับอีกฝ่าย
แต่ชายหนุ่มไม่พูดอะไรตอบอี้เฟิง เขาเดินเลี่ยงร่างที่ยืนขวางทางอยู่
หลบไปอีกฝั่งและเดินตรงไปยังประตูห้อง เขาจะออกไปเอง
หากอี้เฟิงยังยืนยันจะอยู่ที่นี่
ได้โปรด...สายตาแววตาคู่นั้น ผมจะไม่กล้าปล่อยคุณไป
แค่มองหน้าก็ไม่กล้า..แล้วยิ่งสบตา ความรู้สึกมันยิ่งถ่าโถม
เขาไม่อยากพูดอะไรทั้งสิ้นกับคน ๆ นี้
นานแล้วที่เขามีความรู้สึกเช่นนี้เกิดขึ้นในใจ
มันนานมากที่เขาลืมเลือนความรู้สึกหวั่นไหวในใจไป
หลังจากเหตุการณ์...ที่ทำเขาเจ็บปวดเจียนตาย วันนั้น
วันที่เขาปกป้องอะไรที่เขารักไม่ได้เลย
แค่ยายหนูก็เกินกำลัง หากให้หลี่อี้เฟิงเข้ามาในใจเขาอีก
หากเขาปกป้องไมได้ หากดูแลไม่ได้อีก แค่เหตุการณ์วันนั้นก็ทำเขาแทบเป็นบ้า
อยากกอดปลอบแต่กลัวจะแตกสลาย
อยากเจ็บแทนเขาแทบตายแต่ทำได้เพียงทนเห็นอี้เฟิงเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว
เขาทำอะไรไมได้เลย เขากลัวเหลือเกิน
ความรู้สึกผิด? หรือคงใช่
ความรู้สึกอยากขอโทษที่ปกป้องให้อีกฝ่ายไม่เป็นอันตายหรือ ? ใช่
อีกฝ่ายมอบความไว้วางใจ
เป็นคนที่อีกฝ่ายคิดว่าหากอยู่ด้วยแล้วปลอดภัยและไม่มีอะไรต้องกังวล
วันนั้นอี้เฟิงรอเขาแต่เขากลับไปถึงเมื่อสาย
อี้เฟิงรอดตายมาด้วยความพยายามของตัวเอง เขาช่วยอะไรได้หรือ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
แถมหยางหยางคนนี้ยังดึงเอาชีวิตใส่บริสุทธิ์ปานแก้วมาคลุกคลีความมืดดำ
ต่อจากนี้จะมีอะไรอีก เขาจะทำได้หรือ ปกป้องหลี่อี้เฟิงได้หรือไม่
เขาไม่แน่ใจอะไรอีกแล้ว เขากลัวที่จะต้องเสียอีกคนไป
หากเป็นไปได้ ..อยากย้อนเวลากลับไป ในช่วงเวลาที่เราไม่พบกัน
เราไม่ควรพบกัน
ผมไม่มีกำลังจะปกป้องใครไปมากกว่านี้แล้ว
“หยุดนะ!”
เมื่อเห็นว่าคนที่ต้องการคุยด้วย กลับปฏิเสธด้วยท่าทีที่ชัดเจนเช่นนี้
อี้เฟิงจึงทำสิ่งที่คิดทันที เขาคว้าเอาไหล่แข็งแรงของ หยางหยางไว้ได้
และใช้แรงทั้งหมดดันชายหนุ่มจนหลังชิดติดผนังห้อง
“คุณ...”
อี้เฟิงเอื้อนได้แค่คำ ๆ เดียวและพูดอะไรต่อไม่ออก
แววตาของคนตรงหน้าแปลกประหลาดเหลือเกิน อารมณ์มากมายอธิบายไม่ถูก
แต่ทำไมเขาไม่พูดอะไรเลย บอกกันให้เข้าใจ ไม่ใช่เงียบกันแบบนี้
“อ๊ะ”
แต่จู่ ๆ ตำแหน่งก็กลับพลิกผัน อี้เฟิงที่เป็นคนดันหยางหยางชิดติดผนัง
กลับโดนคนแข็งแรงกว่าคว้าข้อมือดึงรั้ง แล้วถูกจับเหวี่ยงลงบนเตียง
และร่างกายกำยำสมส่วนนั้นก็ทาบทามลงบนร่างของอี้เฟิง
“คุณ..หยางหยาง”
ชายหนุ่มถูกเรียกชื่อซ้ำอีกครั้ง แต่สีหน้าเขาเรียบเฉย
ไม่แสดงอารมณ์เขาข่มตาหลับเพื่อไม่ให้อีกคนเดาอารมณ์ความรู้สึกจากแววตาได้
มือแกร่งกดข้อมือขาวดึงรั้งร่างนุ่มนิ่มติดไว้กับพื้นเตียง
“คุณต้องการอะไร” หยางหยางถามทั้งที่ยังหลับตา
“..ผม..”
อี้เฟิงที่แสดงอาการออกมามากกว่า อารมณ์ทุกอย่างมันระเบิดออกมา เขาร้องไห้ออกมาเพราะคน
ๆ นี้อีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ความรู้สึกทั้งหมดก็มากพอที่จะร้องไห้แต่วันนี้อี้เฟิงเรียกว่าระเบิดน้ำตา
“คุณอี้เฟิง..”
“วันนั้น..ผมกลัวมาก
เจ็บปวด แต่ผมรอคุณอยู่ วันนั้นน่ะ !
ผมกลัวมากจริง ๆ ผมหวังให้คุณปลอบผม..”
ความเถรตรงแสดงออกมาทางคำพูด หยางหยางฟังชัดทุกคำ
อีกฝ่ายรอเขาให้เขาทำแบบนั้น แต่เพราะว่าปกป้องยังทำไม่ได้
ปลอบใจเขาก็ใช่ว่าจะเป็นคนที่อ่อนโยนขนาดนั้น
“ผมไม่มีหน้าไปทำแบบนั้นหรอก
คนที่ทำให้คุณเป็นอันตรายเกือบตายก็คือผม ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับคุณเพราะผม แล้วจะให้ผมทำแบบนั้นหรือ”
“แค่คุณมาก็พอแล้ว..ฮึก
คุณหยางหยาง แค่นั้น ผมก็รู้สึกปลอดภัย และโล่งใจ
คุณรู้มั้ยว่าตอนนั้นที่ผมเห็------“
พูดไปพลางสะอื้นร้องไห้ไปด้วย
จนเสียงขาดหายและเสียงหวานไม่เอ่ยอะไรต่อ เอาแต่ร้องไห้สะอื้น
เหมือนระบายแทนคำพุดเป็นความในใจ คือน้ำตาหยาดใส หยางหยางทนไม่ลืมตามองใบหน้าหวาน
เขาต้องใจอ่อนยวบจนกล้าสัมผัสอีกฝ่าย
แต่ปีศาจเช่นเขาเป็นคนทำให้เจ้าของดวงตางดงามคนนี้ต้องเกือบแตกสลาย
ความผิดนี้ยากที่เขาจะให้อภัยตัวเอง
“หยุดร้องไห้เถอะ”
“ผมร้องเพราะผมคงน้อยใจคุณ
แค่คุณมารู้มั้ย ตอนนั้นผมรู้สึกดีใจ และความกลัวก็แทบหายไปหมด
แต่คุณกลับไม่ทำอะไรแม้แค่พูดกับผมซักคำ ทำไมกัน ทำ----“
ในครั้งนี้ที่เสียงขาดหายไปไม่ใช่เพราะเสียงสะอื้น
แต่เป็นจูบหนักหน่วงที่หยางหยางมอบให้
อี้เฟิงใต้ร่างกายแข็งแรงนั้นตกใจให้เขาประทับจูบลงที่ริมฝีปากอิ่มฉ่ำดั่งใจ
หยางหยางไม่ได้รุกล้ำอะไร แค่อยากให้อีกคนสงบลง ไม่นานก็ถอนจูบออก เขาลืมตาแล้ว
และทอดสายตามองคนใต้ร่างตัวเองใกล้ที่สุดที่เขาเคยได้ใกล้
“ดวงตาของคุณเวลาร้องไห้ ยิ่งมีค่าจนหามิได้
ผมยิ่งกลัวคุณจะแตกสลายไปตรงหน้า หากผมแตะต้องคุณ”
ยิ่งได้ยินอี้เฟิงยิ่งสะอื้น จูบเมื่อครู่ทำให้สะท้านหัวใจ ความหวานไม่ได้มากขนาดนั้น เพราะจูบเพียงแค่ผิว ริมฝีปากแตะกันเหมือนบอกให้อี้เฟิงสงบใจลงและเมื่อหยางหยางลืมตาขึ้นมา
แววตากลมโตของอี้เฟิงได้มีโอกาสอ่านความรู้สึกของชายหนุ่มที่กดตัวเขาลงกับเตียง
ระยะใกล้มากขนาดปลายจมูกแตะกันเช่นนี้ เขามองเห็นทั้งหมด
“อย่า... คุณ..อย่ากลัว...ไปเลย” พูดออกมาได้อ้ำอึ้งติดขัด เพราะที่จริงคำนั้นอี้เฟิงควรจะเก็บไว้พูดกับตัวเองเมื่อยามเจอเหตุร้ายที่ต้องพัวพันด้วย
แต่กลับเป็นคำที่เขาใช้ปลอบกับท่านประธานมากอำนาจคนนี้
บาดแผลใหญ่ในอดีตหรือ ? อี้เฟิงพยายามคิดต่อ
แต่เขากำลังพูดอะไร คุณครูคนเก่งจึงรับฟัง
“ผมกลัว..กำลังของผมแค่ยายหนูก็เต็มกลืน
ผมพยายามแล้ว ผมกลัวว่าหากโลภมาก ผมก็จะเสียไปทุกอย่าง
ปกป้องอะไรไม่ได้เลย..”
“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่า
..ผมเป็นภาระของคุณหรือ”
หยางหยางเอียงคอและยกยิ้มอย่างถอดถอนใจ
เห็นอีกฝ่ายออดอ้อนได้ถึงเพียงนี้ ใจเขายิ่งอ่อนยวบลงทุกที
ยิ่งเป็นคนสำคัญมาก จะยิ่งอันตราย
ยายหนูก็มีอันตรายมากมายรอบตัว ใครที่สำคัญกับหยางหยาง
เกี่ยวข้องกันทางไหน เป็นพันธมิตรหรือเพื่อน ญาติมิตร
เพราะอำนาจและความยิงใหญ่ของหยางหยางในครั้งเก่าก่อน ยังไม่นานนักหรอก
มันจึงยังไม่สลายไป แม้เขาจะไม่เกี่ยวข้องกับวงการนั้น
แต่ก็อย่างที่คิดมันยังตามหลอกหลอนไม่เลิก ความเป็นความตายเท่ากัน กำลังในตอนนี้ของหยางหยางไม่เท่าแต่ก่อน หากมีอะไรขึ้นมาอีก
เขาไร้ความมั่นใจโดยสิ้นแล้วว่าจะปกป้องใครได้
หยางหยางรู้ดีว่า ควรผลักคน ๆ
นี้ให้กลับออกไปสู่โลกธรรมดา หากตัวเขาเองพบว่าคน ๆ นี้กำลังจะเข้ามาในใจเขา
“หลังจากนี้
หากเหตุการณ์สงบลง คุณควรจะกลับไปอยู่บ้านเงินชดเชยค่าเสียหายเรื่องรถผมไม่เอา
และจะเพิ่มส่วนที่คุณสอนพิเศษให้ยายหนูให้ ..และอย่ายุ่งกับผมอีกเลย”
“คนบ้า!”
อี้เฟิงผลักสุดแรงที่มีให้หยางหยางพ้นออกจากร่างเขาไป แต่อี้เฟิงเองก็ทำอย่างเดียวกับที่หยางหยางทำ
ผลักให้อีกฝ่ายที่ร่างกายแข็งแรงและมีแรงมากกว่า เขาพยายามใช้แรงทั้งหมดให้อีกฝ่ายเอนลงนอนไปกับเตียงให้ได้
โดยการคร่อมร่าง หยางหยางไว้ โดยการนั่งคร่อมทับตรงหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
แล้วใช้สองมือประกบที่แก้มของชายหนุ่ม ให้หันมองหน้าตัวเองให้ชัด
“คุณมันบ้า!”
พูดใส่ประโยคเสียงดังแทบเหมือนตะโกน และมันมาพร้อมหยดน้ำตาของอี้เฟิง
หยดแรกหยาดลงบริเวณปลายจมูกของหยางหยาง
ชายหนุ่มเบิกตากว้างประหนึ่งตกใจระคนประหลาดใจ
หลี่อี้เฟิงโกรธได้ขนาดนี้...
“ไม่ปลอบโยนแล้วยังไล่ให้ไปให้พ้น
คุณ! ลากผมเข้ามาเกี่ยวตั้งขนาดนี้แล้ว จะไม่ดูแลผมหรอ จะไม่กอดผมให้แน่น
ๆ ไว้หรือ ผมเป็นภาระคุณนักใช่มั้ย แค่คน ๆ เดียวแบบผม
จะมาอยู่ให้คุณปกป้องไมได้หรือ
ลูกน้องคุณเป็นร้อยเป็นพันคุณก็ยังดูแลได้หรือไม่เช่นนั้นก็ให้พวกเขาทุกคนมาปกป้องผมสิ
อย่างน้อยผมก็ยังได้อยู่ใกล้เพื่อให้คุณกอดผมได้”
อี้เฟิงร้องไห้หนักกว่าเดิม มือสองมือที่กอบกุมแก้มชายหนุ่มปล่อยออก
เปลี่ยนเป็นยันพื้นเตียงไว้แทน เพราะกลัวทรุดร่ำไห้ น้ำตาหลายหยดเปื้อนใบหน้าหวาน
บ้างก็หยดลงสู่เบื้องล่าง
บนใบหน้าหล่อเหลาของหยางหยางที่จ้องมองอีกฝ่ายร้องไห้แทบขาดใจ
“ผม..ที่ต้องใช้ชีวิตคนเดียวในเมืองใหญ่นี้ ถึงจะบอกว่าพึ่งตัวเองได้
แต่ในบางเวลา ..เวลาได้รับการปกป้องจากใครน่ะ...มันอบอุ่นในใจจนอยากได้มากขึ้นเรื่อย
ๆ ..”
หยุดไปครู่หนึ่ง ..อี้เฟิงกลั่นคำพูดออกมาให้ครบ
เพื่อสื่อให้หยางหยางได้ฟังทุกอย่างเสียที
“ผมอาจจะเสพติดความอบอุ่นและความรู้สึกที่ปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้คุณก็ได้
..คุณหยางหยาง”
อี้เฟิงพูดไปเหมือนรวบรวมแรงและลมหายใจทั้งหมดเพื่อประโยคร่ายยาวนี้
สิ้นคำก็หอบหายใจตัวโยน เหนื่อยมากเหมือนไปวิ่งมาสักร้อยรอบ
ในที่สุดเขาก็หยุดร้องไห้
ไม่มีอะไรตอบกลับจากหยางหยางนอกจากสายตาคมที่ยังคงสอดประสานแววตากันกับดวงตากลมโตแสนสวยของอี้เฟิง
“ผม...อยากขอบคุณคุณ..ในเหตุการณ์ที่ผ่านมาแม้ไม่มาก
แต่ความอบอุ่นที่คุณได้มอบให้ ความรู้สึกปลอดภัยที่ได้รับ..ผม..ผมไม่รู้สิ
มันทำให้คนธรรมดาอย่างผมดูเป็นคนที่มีค่าเพื่อให้คน ๆ หนึ่งพยายามเพื่อ..ผม
อาจจะ..ฟังดูมากเกินไป แต่..ช่วย..”
ดวงตาคู่สวยเอ่อรื้นด้วยหยดน้ำตา
อีกหยดหยาดลงบนใบหน้าของชายหนุ่มรูปหล่อผู้มากอำนาจที่อยู่ใต้ร่าง
เขาจ้องตาอีกฝ่ายและตั้งใจฟัง แม้มีบางช่วงขาดหายเพราะเสียงสะอื้น
แต่ความเงียบสงบเหนือทุกสิ่ง เขาได้ยินชัดทุกคำ
“ได้โปรด..อย่าไล่ผมไปจากความอบอุ่นของคุณเลยนะ คุณหยางหยาง---อ๊ะ”
สถานการณ์เปลี่ยนไปอีกครั้ง
อี้เฟิงถูกวงแขนของหยางหยางโอบรอบเอวแล้วรั้งให้มานอนข้างกัน แนบอกชิดใกล้จนได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่าย
เต้นเร็วเหลือเกิน....
แน่นอนหัวใจของอี้เฟิงด้วย
“ผมบอกให้คุณหยุดร้องไห้ แล้วทำไมยังร้องไห้ผมเห็นอีก”
อี้เฟิงกลั้นก้อนสะอื้นไว้ในลำคอ เสียงอีกคนเหมือนจะดุกัน
อีกครู่หนึ่งวงแขนอีกข้างของชายหนุ่มก็โอบกอดร่างนุ่มนิ่มให้แนบชิดเข้ามาอีก
จนแทบหลอมรวมได้ อี้เฟิงทำได้แค่เอามือตัวเองแนบอกไว้ ทำอะไรไม่ถูก
เพราะท่าที่เปลี่ยนไวเหลือเกินของหยางหยาง
“ฟังนะคุณครู หากคุณอยู่กับผมจะพบเจอเหตุการณ์เช่นนั้นอีกแน่น
คุณกลัว แต่ผมกลัวยิ่งกว่า ทั้งยายหนูและในตอนนี้ก็รวมถึงคุณสำคัญกับผมมาก ผมมีอดีตที่โหดร้ายและความผิดพลาดในอดีต
เพราะความโลภมากของผมเอง...”
หยางหยางกอดคุณครูคนเก่งไว้แนบแน่น เขาร่ายยาวให้คนในอ้อมกอดฟัง
และคนถูกกอดก็ฟังอย่างตั้งใจ
“มีอดีตที่น่าเศร้าอย่างนั้นหรือ?”
“ครับ
ผมไปช่วยคนที่ผมรักไว้ไม่ทัน..ทุกคน...ผมกลายเป็นปีศาจในคืนนั้นเมื่อรู้ว่าผมปกป้องใครไม่ได้
มียายหนูที่รอดอย่างปาฏิหาริย์ “
หยางหยางก้มใบหน้าลงมาหาอี้เฟิง หน้าผากชนกัน ปลายจมูกที่แตะสัมผัสกัน
แววตาสอดประสาน อี้เฟิงรู้สึกเขินอายขึ้นมาบ้าง เพราะสายตาคนที่กอดเขาอยู่ลึกซึ้งมากมาย...
“ผมกลัว ...จริง
ๆนะ”
“ก็บอกว่าไม่ต้องกลัว”
“ถ้าคุณเจอเหตุการณ์อันตรายอีกล่ะ”
“ก็เห็นมั้ยว่าผมรอดมาได้”
“นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าเมื่ออยู่กับคุณ”
“ก็บอกแล้วว่าผมจัดการตัวเอง
ดูแลตัวเองได้ แค่คุณอยู่ใกล้ ๆ ผม ปลอบผมเมื่อกลัว เมื่อผมดีขึ้น
ผมก็จะดูแลตัวเองได้ กำลังใจสำคัญนะ”
“แต่มันไม่ใช่ทุกครั้งนะคุณอี้เฟิง
อย่าดื้อนักได้มั้ย”
“ผมเป็นผู้ชายเจ็บนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกหน่า”
“คุณรู้มั้ย
ผมแทบขาดใจตอนเห็นคุณเจ็บ แค่นิดเดียวก็เถอะ”
“ ก็แค่ให้คุณกอดผม
มันจะดีขึ้นนะ”
“ผมทำให้คุณรู้สึกดีขนาดนั้นหรือ”
บทสทนายาวเหยียดหลังจากทั้งคู่ไมได้คุยกันนานจนเหมือนเอาทุกอย่างมาปล่อยใส่กันในวันนี้
แม้ปากเจรจา แต่แววตาสอดประสานไม่มองไปที่ไหน ใจที่เต้นระรัวจนแทบหลุดออกมาจากอก
รอยยิ้มเริ่มปรากฏที่ใบหน้าของทั้งสองคน
“กอดผมอีกสิ ให้แน่นนะ ตอนนี้เลย แล้วจะบอกว่ามันดียังไง”
หยางหยางทำตามอย่างที่คนเอาแต่ใจในอกบอก
เขากอดด้วยสองมืออีกครั้งหลังจากที่คลายออกไป
ครั้งนี้แน่นจนอีกคนเรียกร้องบอกว่าขอหายใจหน่อยสิ แต่แกมหัวเราะเหมือนกำลังชอบใจ
ทีนี้เขาก็เข้าใจหลี่อี้เฟิงว่าต้องการอะไร การดูแลและปกป้องจากใครซักคนที่เราไว้ใจ
มันทำให้คน ๆ หนึ่งเสพติดความอบอุ่นจากความรู้สึกได้มากจริง ๆ
และหยางหยางก็เข้าใจตัวเอง ว่าตัวเขาเองต้องการอะไร
เขาก็อาจจะเป็นพวกเสพย์ติดการปกป้องใครซักคน
แต่อดีตยังคงหลอกหลอน แต่ถ้าหากว่า..เขายอมให้คน ๆ
นี้เข้ามาในใจและกลายเป็นคนสำคัญ อันตรายจะมาเยือนคน ๆ นี้เหมือนคำสาป
ฉะนั้น เขาจะไม่ยอมให้มันซ้ำรอย
เหมือนตอนนี้..อืม..หยางหยางรู้สึกได้ว่า คุณครูหลี่อี้เฟิงคนเก่งคนนี้
..ได้เปิดประตูบานหนึ่ง..เพื่อเข้ามาในใจของหยางแล้ว
“ผมแค่เด็กที่เสพติดความอบอุ่น..ล่ะมั้ง คุณหยางหยาง”
เด็กคนนี้ช่างพูดจริง ๆ หยางหยางคิดและลอบยิ้มอยู่คนเดียว
อี้เฟิงที่หยางหยางคิดว่าเหมือนแมวน้อยแค่หน้าตา อาจจะไม่ใช่แค่นั้น คนตัวนุ่มนิ่มซุกอกเขาจนเขารู้สึกว่าแมวตัวนี้ซนเสียจริง
ดวงตานั้นหลับสนิท พริ้มอยู่ในกอดของเขา กอดของเขาดีและอบอุ่นจนทำให้แมวน้อยหลับคาอก
รอยยิ้มแสนหล่อเหลาถูกวาดให้กว้างบนใบหน้ารูปสลักของหยางหยาง
แมวตัวน้อยนี้ก็อบอุ่นเหมือนกัน ความอบอุ่นนั้นส่งผ่านไปถึงหัวใจเขาเลย
และเขาก็รอให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมา แม้ยามหลับจะน่ารักมากเช่นนี้
แต่ยามตื่น หยางหยางจะได้เห็นดวงตาที่แสนล้ำค่าแววตาที่เขาเริ่มหลงใหลมากขึ้นทุกขณะที่ได้สบตาด้วย
มีคำพูดหนึ่งที่เขาอยากเอ่ยกับหลี่อี้เฟิง
ตอนนี้ดูเหมือนจะสายไปแต่ก็อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ไว้
“คุณปลอดภัยแล้ว ..คุณอี้เฟิง”
“ก็คิดไว้แล้วว่าพวกนั้นมันต้องใช้ไมได้ แต่พวกมันไมได้ซัดทอดอะไรใช่มั้ย”
เสียงหนึ่งถามคนใต้บัญชาที่นั่งอยู่ตรงหน้า
คนของเจ้าของเสียงรีดเร้นคำมาพูดกับเจ้านาย ดูหวั่น ๆ บ้างแต่ก็รายงานออกไป
“ครับ ก่อนที่หยางหยางจะถามอะไรไปมากกว่านั้น คนของเราใช้ไฟเฟิลเก็บมันทัน
คนของเราในนั้นไม่เหลือ โกดังพื้นที่นั้นหยางหยางก็จัดการเสียเรียบหมด”
เจ้านายของคน ๆ นี้หันหลังกลับไปใช้ความคิด
ปีสาจร้ายนั่นกลับมาแล้วล่ะ ทีนี้ก็เหลือแค่ทำให้ปีศาจบ้าคลั่งและลงนรกไปซะ
เพื่อชดใช้ความผิดของมัน
“คนที่แกรัก ของทุกอย่างของแก ก็ไปนรกซะให้หมดนั่นล่ะ”
TBC ------------- ที่ สุ ด ข อ ง ด ว ง ใ จ------------------------------- CHAPTER : 5
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น