TITLE : ที่สุดของดวงใจ
CHAPTER : 5
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG - 13
RATE : PG - 13
*******************************************************************************************************************
“ถ้าอย่างนั้น เราพลาดไปสินะ..ในวันนั้น”
หลังจากการพูดคุยและปรึกษาหารือกับคนสนิท
และพันธมิตรของหยางกรุ๊ปหรือ...ตระกูลหยางแห่งวงการมาเฟียจีนที่เรืองอำนาจเมื่อเก่าก่อน
.. ที่จริงตระกูลหยางในตอนนี้แม้ไม่ได้เป็นมาเฟียแล้ว วงการนั้นถูกปิดบัญชีถูกโยนลงไปในความมืดโดยพวกเขาเอง
แต่หากว่าอำนาจจากที่สั่งสมมานานนับทศวรรษจากรุ่นสู่รุ่น
แม้ตระกูลหยางจะเป็นมาเฟียจากตระกูลใหม่ คล้ายพวกเศรษฐีใหม่ที่กำลังรุ่งเรือง
แต่ในที่สุดพวกเขาก็ขึ้นมาถึงจุดสูงสุด
กลายเป็นขั้วอำนาจที่สำคัญในวงการมาเฟียจีนไปโดนปริยาย ความยิ่งใหญ่ในขณะนั้น
แม้เทียบกับตอนนี้ แม้เทียบเท่าไม่ได้
แต่นามของหยางหยางและตระกูลยังทำให้คนที่รู้จักวงการนี้ประหวั่นได้เสมอ
เมื่อได้พูดคุยกัน
เขาเรียกคนที่ยังคบค้ากันได้และลูกน้องที่อยู่ใต้บัญชาของเขาอยู่แล้ว เรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานกับคุณครูอี้เฟิง และเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาไม่ใช่มีเพียงแค่หยางหยางที่รับทราบ
องค์กรในวงการเก่าก่อน หรือพรรคพวกอื่น ๆ
ที่แม้เล็กกว่าตระกูลหยางก็ยังทราบดีว่ามีสถานการณ์อะไรเคลื่อนไหวอยู่ใต้น้ำ
“ที่จริง ฉันเองก็สังเกตมาได้ซักพัก
แม้ว่าจะเก็บไปจนหมดแต่สุดท้ายพวกมันก็ยังไม่หมด ”
เสียงทุ้มเอ่ยให้ที่ประชุมฟัง ที่นี่มาได้มีคนเยอะ
แต่ผู้ที่รับฟังเป็นผู้ที่ล้วนภักดีและเป็นพันธมิตรที่แกร่งกล้ากับตระกูลหยางครั้งเมื่อวัน
‘ล้างบาง’
เขาได้ขอชีวิตของพันธมิตรและลูกน้องไว้
เหตุการณ์ล้างบางมาเฟียทั้งแผ่นดินวันนั้น เป็นฝีมือของตระกูลที่ ณ
ตอนนั้นเรืองอำนาจและน่าเกรงขามที่สุด ดุดันและเด็ดขาดที่สุด จากทางการ
“ทางการเองก็ไม่คิดจะกว้างล้างต่อด้วยนี่นะครับ นาย
เพราะกำลังกับฝีมือพวกเขากับพวกเราแม้จะเท่ากันแต่ที่รู้อะไรมากกว่าก็คือเรา
พวกที่เราล้างบางไป มันก็พอรู้ทางหนีทีไล่ อาจจะเก็บไม่ครบ”
“อืม”
หยางหยางเอนหลังพิงผนักเก้าอี้หรูที่อยู่ตรงหัวโต๊ะในห้องประชุม
วันนี้เขาออกมาจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ เรียกลูกน้องพันธมิตรเข้าประชุม
เพราะอยากหารือและสั่งการบางอย่าง ก่อนที่เหตุการณ์มันจะเกิดอะไรไปมากกว่านี้
เขาจะไม่ยอมเป็นเป้านิ่งไม่ตอบโต้ก็คงจะไม่ได้แล้ว
“ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่ทำอะไร แค่จัดการเก็บพวกมันเงียบ ๆ ไป
ไม่ต้องให้ทางการมาวุ่นอะไรมาก แต่ท่าทางเรื่องมันชักจะใหญ่ขึ้น”
เขาบอกกับที่ประชุม
วันก่อนที่เขาบุกไปที่โกดังเพื่อช่วยอี้เฟิงและจัดการกับพวกทีจับอี้เฟิงไป
เขาถามได้ไม่กี่เรื่อง คือเรื่องจุดที่อี้เฟิงถูกจับตัวไว้แต่เมื่อเขาจะถามต่อว่าพวกมันเป็นพวกใครหรือถูกใครไหว้วานมา
มันคนสุดท้ายที่เขาไว้ชีวิตก็ถูกปลิดชีพด้วยไรเฟิลนัดหนึ่งจากคนซักคนที่เล็งมา
เท่านั้นเขาก็รู้ว่า เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นมันต่อจากนี้ต่างหาก
วันนั้นมือปืนที่ยิงไรเฟิลมาจากที่ไกล อาจจะหมายมาดฆ่าเขา
แน่นอนหยางหยางรู้ว่าถ้าตัวเองจะต้องออกมาในพื้นที่สุ่มเสี่ยงอันตราย
เขาก็จำต้องอยู่ในที่กำบัง มันเป็นการป้องกันตัวอยู่แล้วซึ่งเป็นวิสัยมาเฟียที่จะต้องป้องกันตัวเป็นปกติแต่ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าคนขนาดนี้
ระยะวิสัยของนักแม่นปืนอาจจะไม่ถึง ก็เลยอาจจะเปลี่ยนใจไปจัดการคนของตัวเอง
เพื่อตัดไฟ ไม่ให้สาวไปถึงกลุ่มที่บงการอยู่
หากยังเก็บคนในวงการมาเฟียไม่หมด แบบนี้มันก็ผิดกับข้อตกลงที่เขาได้คุยกับทางการไว้
ว่าเพื่อความสงบของถิ่นที่อยู่ตระกูลหยางจะต้องใช้กำลังเข้าห้ำหั่นคนในวงการเดียวกัน
แต่เขากีมีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น
เพราะเขาถูกเหยียบจมูกก่อนต่างหาก
ถ้าไม่มีใครเริ่มก่อน เหตุการณ์วันนั้นก็คงไม่เกิดขึ้น
ใช่ว่าหยางหยางจะอยากให้มันเกิดเหตุการณ์นองเลือดไปทั่วแผ่นดิน
แต่มันไม่มีทางเลือก ที่เขาต้องทำเช่นนั้น
เพราะอีกฝ่ายที่เป็นศัตรูกันอย่างสิ้นเชิง แม้หยางหยางจะเงียบเฉย ไม่ตอบโต้มานาน
แต่เพราะมันเกิดขีดความอดทน เขาต้องตอบโต้แล้ว
เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ใจเขาเป็นบาดแผลใหญ่เหวอะหวะมาจนถึงวันนี้
“ถึงตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจ ว่าพวกมันมีเป็นใครและจุดประสงค์ของมัน
ทางการสอบถามฉันมาแล้ว กลายเป็นว่าฉันถูกติงจากพวกเขา ทางการมีแต้มต่อสูงกว่า
เดี๋ยวพวกเราทั้งหมดจะแย่ ตอนนี้ฉันไม่มีอำนาจดูแลพวกแกแบบเหมือนเมื่อก่อน
อย่างไรตอนนี้พวกเราก็อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว
แต่ถ้าหากสืบดูแล้วและน่าแน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
หยางหยางบอกสถานการณ์ตอนนี้ เขาไม่ชอบใจนักทีกลายเป็นผู้ที่ถูกบีบ
ทำให้ลำบากใจ ทางการเองก็ทำให้เขาต้องหาวิธีทำให้เรื่องราวมันเงียบก่อนที่ใคร ๆ
จะเข้าใจกันว่า วงการมาเฟียใต้ดินมันกลับมาเรืองอำนาจอีกครา
หลังจากที่ได้ถูกล้างบางไปหมดแล้ว ทางการไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น
พวกเขาจะกลายเป็นผู้เสื่อมเสียเสียเองเพราะการทำงานอันผิดพลาด
ไม่ได้รับการไว้วางใจจากประชาชนในปกครอง เพราะมีมาเฟียอยู่ร่วมถิ่นร่วมที่
คนธรรมดาย่อมกลัวมาเฟียเป็นเรื่องปกติ ทากการต้องการให้พวกเขาหมดไป
คิดแล้วก็ยังโมโหไม่หาย หยางหยางย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อก่อน
มาเฟียที่กุมอำนาจมีแค่ไม่กี่ตระกูล หนึ่งในนั้นก็มีเขาและ...
“ถ้าหากพวกนั้นไม่ทำบ้า ๆ พวกเราก็คงยังอยู่กันสงบ
ฉันเองก็ไม่ใช่พวกชอบใช้กำลังโดยไม่จำเป็น”
หยางหยางเอ่ยอีกประโยคบอกความเห็นของเขา
ทุกคนในห้องทราบดีอยู่แล้วว่าหยางหยาง ผู้นำตระกูลและหัวหน้าผู้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จของทีม
เป็นอย่างไร ผู้เป็นหัวหน้าใหญ่คนนี้ ทั้งเงียบขรึม สุขุม ฉลาด และไม่เน้นใช้กำลัง
แต่ถ้าจำเป็นก็จะต้องเป็นเหตุใหญ่ ซึ่งมีไม่กี่ครั้ง
แต่ทำให้ลูกน้องในองค์กรกลัวจนเข่าอ่อน เพราะนายหยางหยางของพวกเขาโหดร้ายเช่นปีศาจไม่ผิดเพี้ยน
“นายจะเอาอย่างไรครับ”
เมื่อถูกลูกน้องถาม เขาครุ่นคิดพักใหญ่
“ไม่อยากทำเท่าไหร่ แต่ไปหาตัวสั่งการให้ได้
จะทำแบบไหนก็แล้วแต่ใจแต่ห้ามให้ทางการเข้าใจผิดว่าเราจะเปิดฝาโลงต้อนรับปีศาจกลับมาบนโลกอีก”
หยางหยางเอ่ยสั่งการคล้ายเปรียบเปรย
ปีศาจที่เขาหมายถึงคือกลุ่มพวกมาเฟียหลากหลายองค์กร
ทางการเปรียบพวกเขาเป็นเช่นนั้น แม้พวกเขาเห่ามาเฟีย
ไม่ใช่แค่ตระกูลหยางมีอำนาจในประเทศในหลาย ๆ ที่หลาย ๆส่วน ทำงานให้ทางการ เป็นพันธมิตร
แต่พวกทางการก็ยังกลัวเหล่ามาเฟีย ความระแวงนั้นนำมาสู่การล้างบางอย่างที่ว่าไป
“ถ้ามาเฟียกลับมามีอำนาจอีกครั้ง...”
“อืม เรากับทางการคงพูดดี ๆ กันไม่ได้แล้ว พวกเขากลัวเรา ทีนี้พวกเขาคงไม่มีนั่งเจรจากับฉัน
มีแต่จะฆ่ากันให้หมด”
เขาอำนายอนาคตได้เลยว่า หากไม่ทำให้เรื่องเงียบ พวกเขาเองก็จะลำบาก
ทางการไม่ได้นอนเฉยให้เหตุการณ์มันเกิดขึ้น เขาเองต้องทำอะไรเงียบ ๆ
จะสะสางก็ต้องให้เรื่องเงียบที่สุด ระแคะระเคยทางการน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี
เพื่อความอยู่รอดของพวกเขาเอง
หยางหยางจำต้องใช้วิธีแบบเมื่อครั้งเป็นมาเฟีย
เขาไมได้ออกสั่งการอะไรแบบนี้มานานแล้ว เมื่อครั้งก่อน ๆ หลาย ๆ
ครั้งที่มีเหตุการณ์ถือเป็นแค่การออกคำสั่งเล็กน้อย
เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนครั้งที่ยังเรืองอำนาจ
“เอาล่ะ อาเฉิน อาฟง พวกแกด้วย อย่างที่สั่งไปเมื่อครู่ก็จัดการเสีย
ส่วนกับทางการ ฉันจะไปคุยกับคนพวกนี้ ก่อนที่พวกเขาจะเป็นบ้าไปเสียก่อน ไปได้แล้ว”
หยางหยางในตอนนี้ ก็คล้ายกับเมื่อตอนนั้น
ปีศาจที่กลับมาจากนรก แต่จำต้องทำ ไม่มีพลังก็ปกป้องอะไรไม่ได้
แม้กระทั่งดวงใจของตัวเอง
เมื่อพูดถึงดวงใจก็มีใบหน้าของใครบางคนปรากฏขึ้นมา
เมื่อลูกน้องบางส่วนออกไปจากห้อง เขายังอยู่ในที่ประชุม
วันนี้ออกมาตั้งแต่เช้า เหมือนหลาย ๆ
วันที่เขาต้องจัดการทั้งกับงานที่ทำอยู่เครือธุรกิจหลายแห่งมีเรื่องที่เขาต้องสะสางมากมาย
แม้มีคนที่ไว้ใจได้
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะปล่อยให้ใครทำไปโดยไม่ไปตรวจสอบเองเลย
ป่านนี้คงยังเรียนยังสอนกันอยู่สินะ
หยางหยางคิดไปถึงทีบ้าน ยายหนูของเขาคงร่ำเรียนกันอย่างตั้งใจกับคุณครูคนใหม่
นี่ล่ะ คือดวงใจของเขา ป๊ศาจเช่นเขาก็มีสิ่งที่รัก
ใครที่มีดวงใจก็ต่างรักใครเป็น ใครว่าปีศาจไม่มีหัวใจ
เมื่อมองนาฬิกาข้อมือเรือนสวยที่ข้อมือของตัวเอง ประชุมกันจนเลยเวลา
เขาขับถึงบ้านไปก็คงจะใกล้เวลามื้อเย็น แม้มื้อเที่ยงเขาจะกลับบ้านไปตามปกติ
แต่เพราะงานที่รุมเร้า และเรื่องราวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับวงการมาเฟีย เขามีคนที่จะต้องรุกไปพบมากและหารือเพื่อจัดการ
ทำให้แค่ได้กอดลูกสาวตัวน้อยไม่กี่กอด
และเพียงสบตาคุณครูของเขาเพียงไม่กี่วินาที
“รีบกลับบ้านนะคะป๊า~~~~~ “
ลูกสาวของเขาเอ่ยลาอย่างเคยเหมือนทุกวัน วันนี้ก็น่ารักเหมือนเคย
หยางหยางยิ้มให้เด็กน้อย กอดตอบเมื่อลูกสาววิ่งมาสวมกอดตัวเอง
และทันหันไปพบกับสายตาที่คอยมองเขาและลูก แววตากลมสุกใสเช่นแก้วบริสุทธิ์ที่เขาหลงใหลมากขึ้นทุกขณะ
“เอ่อ...ไปดีมาดีนะครับ”
เมื่อคุณครูของเขาเอ่ย ท่าทางดูน่ารักแม้ดูเขินอาย แต่เสียงหวานน่าฟัง
ดวงตาที่อยากสบด้วย ไม่ค่อยหันมาตามดังใจหยางหยางเท่าไรนัก
แต่ก็ยังได้เห็นความเขินอายในแววตาคู่นั้น รอยยิ้มทอให้หยางหยาง ส่งเขาไปทำงาน
เขายิ้มตอบกลับไป
แม้ไม่แน่ใจแต่เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังกระดากเขินรอยยิ้มสวยนั่นอยู่เหมือนกัน
ไม่มีความรู้สึกแบบนี้มานานแล้ว.....หยางหยางไมได้ไร้เดียงสาที่จะไม่รู้ตัวเองในบางเรื่อง
..บางทีคุณครูของเขาคงเปิดบานประตูในใจของเขาและเข้ามาแล้ว
“นายครับ..”
อาเฉินเอ่ยเรียกคล้ายเชิงถาม ลูกน้องคนสนิทรอคำสั่งต่อไปจากเจ้านายแต่เพราะความสนิทของเจ้านายและลูกน้องทั้งคู่
เจ้าพวกนี้เหลือเกินจริง ๆ เขาถูกลูกน้องหยอกล้อเสียแล้ว
แค่เขายิ้มเมื่อคิดถึงใครที่รักบ้างได้หรือ
“แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วอาเฉิน”
“ขอโทษครับนาย แต่..มันอดไม่ได้น่ะครับ”
เขาดุลูกน้องอย่างอาเฉิน น้ำเสียงไม่ได้จริงจัง
“นายครับ ป่านนี้คุณหนูกับคุณครูคนน่ารักคนนั้นคงรอแล้ว”
“พวกแกนี่มัน..”
อาฟงเสริมทัพอาเฉินมาอีก พวกเขาต่างเป็นคนสนิทที่หยางหยางไว้ใจ
ถึงขนาดหยอกล้อกับผู้เป็นนายได้โดยไม่เกรงกลัวสายตาดุดันเฃ่นเสือร้าย
“เถอะครับ นาย ผมไมได้เห็นแววตาของนายเป็นแบบนี้มานานแล้ว พวกเราน่ะ
เป็นห่วงเจ้านายเหมือนกันหน่า”
“นั่นสิครับ นาย อย่างน้อย..”
“อืม”
ผู้เป็นนายไม่เอาความอะไรกับลูกน้องคนสนิท
เขาเข้าใจความหมายที่ลูกน้องจะสื่อดี เขาเปลี่ยนไปแล้ว แผลใหญ่ในอดีต
อืม..
กำลังถูกรักษาจากเจ้าของดวงตาคู่สวย..ด้วยยารักษาก็เป็นรอยยิ้มอันอบอุ่นนั้น
เด็กคนนั้นเป็นคนบอกว่าเสพติดความอบอุ่นจากเขา ?
หยางหยางจุดยิ้มบนใบหน้า เขายืนหันหลังให้ลูกน้อง มองไปนอกหน้าต่าง หืม ..
มันผิดแล้ว คุณครู คุณต่างหากที่ใช้ความอบอุ่นของคุณรักษาแผลของผม
“อาเฉิน อาฟง ออกรถ”
ถึงตอนนี้เขาก็ขอกลับไปขอกำลังใจจากดวงใจของเขาทั้งสองก่อนแล้วกัน
“วันนี้พวกตระกูลหยางมีประชุบลับกันครับ แต่เราไม่สามารถเข้าไปในอาณาเขตพวกมันได้เลย”
“อืม”
ลูกน้องคนหนึ่งรายงานสถานการณ์ตามที่ได้รับมอบหมาย
เจ้านายหันไปตอบรับเสียงเรียบ และกำลังคิด
ไม่ว่าจะหาทางไหน ก็จะทำให้วงการนี้กลับมาอีกครั้ง
เราจะกลับมาเรืองอำนาจกันอีกครั้ง หลังจากที่ถูกล้างบางกันไป เพราะอะไรงั้นหรือ
? ครั้งหยางหยางสั่งล้างบางกันไป
เราอ่อนแอกว่ามัน และทานกำลังมันไม่ได้
“ไอ้ปีศาจนั่นมันผิดมาตั้งแต่แรก
ฉันจะทำให้มันเป็นปีศาจที่แม้แต่ชื่อยังถูกเหยียบย่ำ
เพราะพวกเราถูกมันเหยียบย่ำก่อน ตระกูลของเราที่ถูกมันจัดการไป ฉันจะไม่อยู่เฉย
คิดว่ามันเป็นใครกัน ร่วมมือกับทางการคิดว่าฉันจะกลัวอย่างนั้นหรือ ? หลังจากนี้
หากเราทำให้มันหมดอำนาจได้สิ้นซาก เราจะทำให้มัน..ทรมาณอย่างที่เราได้เรา
มีวิธีที่เราจะทำได้”
เจ้านายผู้นี้ร่ายออกมาให้คนในปกครองได้ยิน
หลายคนที่อยู่ตรงนั้นมองนิ่งไปยังเจ้านาย และเสียงนั้นเอ่ยต่อไป
“พวกเราทุกคนในที่นี้จะมีที่ยืนอีกครั้ง หยางหยาง
มันจะเป็นมาเฟียคุณธรรมงั้นหรือ ? มันมีใจโลกหรือย่างไรกัน
มันคิดว่ามันเป็นใครมาจากไหน “
เมื่อพูดจากใจออกมา เจ้านายผู้นี้หอบหายใจหนักหน่วงเพราะความคับแค้นใจ
ก่อนจะเงียบไปครู่หนึ่งและเอ่ยออกมาอีกประโยค
”อำนาจมันที่มีอยู่ในตอนนี้ เราจะแย่งชิง และดวงใจของมัน เราจะทำลาย”
-------------------------ที่สุดของดวงใจ--------------------------
“ป๊าคะ”
เสี่ยวอิ๋งวิ่งมากอดเอวคุณพ่อของตัวเอง
ก่อนที่จะหันไปสวัสดีคุณบอดี้การ์ดสองคนที่เธอรู้สึกคุ้นเคยมากกว่าเดิมแล้ว
จากที่เมื่อก่อน สองคนก็เอาแต่ตีหน้าขรึม พวกเขา อาเฉิน
อาฟงก็เอ็นดูคุณหนูเพราะเธอก็เป็นคนสำคัญของเจ้านาย
หลังจากนั้นหยางหยางก็ทำหน้าที่โดยคุณพ่อคนหล่ออุ้มเอาเจ้าหญิงตัวเล็กของตัวเองขึ้น
เจ้าหญิงตัวน้อยกอดคอคุณพ่อแล้วร้องเรียกคุณน้าหนิง
บอกว่าคุณพ่อคนหล่อของเธอกลับมาแล้ว ก่อนหันไปหาอาเฉิน และ อาฟง
เธอมักจะคอยหาอะไรมาอวด ทั้งคุณพ่อ และบอดี้การ์ดสองคน
“วันนี้
คุณน้าหนิงกับเสี่ยวอิ๋งทำขนมกันด้วยล่ะ”
“หรอ ?
วันนี้ทำอะไรกันคะ”
“เป็นคุกกี้ค่ะ
พี่อี้เฟิงสอนล่ะ!”
เอ๋ คุณพ่อผู้เป็นเจ้าบ้านร้องอุทานในใจ คุณครูสอนพิเศษของเขามีคอร์สพิเศษให้ลูกสาวของเขาเป็นคอร์สสอนทำขนมเสียด้วย
“อ้าว คุณ”
“สวัสดีคุณอี้เฟิง”
หยางหยางหันไปทางต้นเสียง พบคุณครูคนเก่งในชุดผ้ากันเปื้อนสีเรียบ
มีหมวกทำครัวอยู่ในมือ เหมือนจะทำขนมกันเสร็จแล้ว แต่ท่าทางคุณครูดูเคอะเขินนิดหน่อยเพราะดูถูกเจ้าของบ้านมองด้วยสายตามบางอย่างที่ทำให้รู้สึกเช่นนั้น
“ผม..เอ่อ..สอนเสี่ยวอิ๋งกับคุณน้าหนิงทำขนมน่ะครับ”
“ครับ ไว้ผมจะขอลองชิมด้วยนะ”
คุณครูคนเก่งพยักหน้าแกน ๆ รับคำของหยางหยาง ก็ยังดูเคอะเขินอยู่ดี
มือเรียวคู่นั้นกำลังถอดผ้ากันเปื้อนออก แล้วโค้งให้หยางหยางและคุณน้าหนิงก่อนปลีกตัวเองขึ้นกลับไปห้องพักอย่างรวดเร็ว
“นาย ครับ
ผมขอกินขนมด้วยสิ”
“พวกแกนี่มัน...”
เพราะความสนิทสนามกับลูกน้องทั้งคู่
พวกเขาเอ่ยล้อเจ้านายอย่างไม่กลัวลูกปืนกันเลย แต่หยางหยางเริ่มชิน
เห็นสองคนเหมือนเป็นพี่น้อง เพราะทั้งคู่อยู่กับเขามาตั้งแต่เขาเพิ่งเข้าวงการใหม่
ๆ
แม้ไม่ได้อยู่มากันตั้งแต่แรกแต่เป็นลูกน้องที่จงรักภักดี
“น่ารักสุด ๆ ..
“ไอ้ฟง แกชักจะมากไปแล้ว"
“ขอโทษครับนาย แต่ก็น่ารัก..มากจริง ๆ นายว่ามั้ยล่ะครับ“
อาฟงแอบกระซิบกับอาเฉินแต่หยางหยางได้ยินเจ้าบอดี้การ์ดตัวดีลูกน้องของเขาพูด จึงเอ็ดไปเสียงเข้ม
แต่พวกนั้นก็ไม่สะทกสะท้านอะไรนัก ซึ่งอาเฉินก็เอ็ดเพื่อนของเขาด้วย ให้ตายสิ
ไอ้พวกนี้
แต่ก็จริงอย่างที่อาฟงว่า
หลี่อี้เฟิงคนนี้ทำให้เขายิ้มกว้างมากพอ ๆ กับยายหนูเลย
หยางหยางแวะไปชิมขนมที่อี้เฟิง เสี่ยวอิ๋งแลคุณน้าหนิงช่วยกันทำ
เขายอมให้อาฟง กับอาเฉินกินด้วย ซึ่งก็อรอ่ยไม่แพ้ร้านเบเกอร์รี่เลย ซักพักหนึ่งคุณครูคนเก่งก็ลงมาจากห้องพัก
มีกระเป๋าคู่บุญกับแลปทอปที่ดูเหมือนจะเพิ่งใช้งานมาแล้วพักไว้
“ผมต้องไปมหาลัยน่ะครับ”
ท่านประธานเปลี่ยนแววตาไป หันไปทางลูกน้องช่างแซวของตัวเอง
อาฟงพยักหน้าแล้วออกไปด้านนอกเพื่อเตรียมรถ คุณครูดูรีบร้อน
“ผมมีโปรเจคต้องแก้
ใกล้จบแล้ว อาจารย์ก็เลยช่วยดูให้”
“ครับ
ทราบแล้ว”
“ไปก่อนนะครับ”
เมื่อพูดจบอี้เฟิงหันมาโค้งให้คุณน้าหนิง และหยางหยาง
ก่อนวิ่งขึ้นรถไป โดยที่มาอาฟงเป็นคนขับรถให้
“คุณอี้เฟิง”
แต่ก่อนก้าวออกจากตัวบ้าน คุณเจ้าบ้านเอ่ยทัก ทำให้อี้เฟิงต้องหันไปหยุดฟัง
“ครับ ?”
แววตาใจดีผิดกับบุคลิคและบรรยากาศรอบตัว รอยยิ้มที่ดูดีบนใบหน้าหล่อ
และเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
“ไปดีมาดีนะครับ”
ประโยคเดียวกันกับที่อี้เฟิงเอ่ยส่งหยางหยางไปเมื่อเช้า
คุณครูคนเก่งเบิกดวงตากลมโตประหลาดใจ เม้มปากเข้าหากันอย่างกลัดกลั้นอารมณ์
“คะ..ครับ”
พอรับคำก็วิ่งเร็วออกไปขึ้นรถที่อาฟงมาจอดเทียบหน้าบ้านแล้ว แก้มแดง ๆ
นั่นเขามองเห็น เป็นคนที่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองเสมอ ซื่อตรงกับรอบข้าง แล้วก็ดื้อด้วยอีกอย่าง
“ไม่ร้องขอให้ไปด้วยเลย จะไม่ยอมรบกวนฉันไม่ว่าจะอะไร
เด็กคนนี้นี่ดื้อจริง ๆ “
เสียงทุ้มดุอี้เฟิงออกมาแม้เจ้าตัวจะไม่อยู่ เขาไม่เข้าใจเด็กคนนี้อยู่อย่างหนึ่ง
ทั้งที่ต้องการให้เขาอยู่ด้วยตลอดเวลา อย่างวันนั้นที่จู่
ๆก็โผล่เข้ามาในห้องของเขา อ้อนเขาเสียจนใจอ่อน จากที่จะไม่ให้ยุ่งย่าม
และอยากจะผลักออกจากชีวิตเพราะกลัวจะเสี่ยงเกินไปแท้ ๆ
แต่อี้เฟิงก็กลับมาร้องขอความอบอุ่นและความปลอดภัยจากเขา
แถมยังนอนกอดซุกอกเขาทั้งคืน
“ฮึ”
ไม่ปล้ำซะก็ดีแล้ว คุณครู หยางหยางคิด
มือแกร่งยกลูบตรงใต้คางไล้ไปตรงโครงหน้าอันไร้ที่ติ เขาจุดยิ้มเจ้าเล่ห์
คุณครูคนนั้นตัวหอมตัวนิ่มน้อยเสียเมื่อไหร่
เขาเป็นพวกถูกปลุกสัญชาตญาณได้ง่ายอยู่แล้ว ต้องอดทนอดกลั้นอยู่ทั้งคืน
ไม่อยากปลุกแมวที่ตื่นกลัว นอนดิ้นยันเช้าขนาดนั้น
จริง ๆ หยางหยางก็แอบนึกเสียดายที่ไม่ได้ทำอะไรมากกว่ากอด
แต่มันก็ยังมีเวลาอีกมากมายที่จะได้ทำอะไรแบบนั้น
ท่านประธานรูปหล่อจุดยิ้มเจ้าเล่ห์ค้างไวพลางคิดต่อ เปลี่ยนเรื่องที่ชวนให้มีอารมณ์ฟัดแมวน้อยพี่ชายเสี่ยวอ้าย
เป็นอีกเรือง หลังจากวันนั้น คุณครูขี้อ้อนเป็นแมวน้อยก็ไม่ยอมเข้าใกล้เขาอีก
จุดนี้เป็นจุดที่เขาไม่เข้าใจ แต่ดูจากบรรยากาศรอบตัวอี้เฟิง สีหน้า
และท่าทีที่แสดงออก ดูเขาสงบลง และไว้ใจมากกว่าเดิมมาก
เหมือนจะทำใจกับเรื่องราวที่เกิดในอดีตและสถานการณ์ปัจจุบันที่ตัวเองมาพัวพัน
หยางหยางก็ย้ำกับตัวเองเสมอว่า ถ้าเป็นไปได้
เขาก็อยากจะผลักให้อี้เฟิงออกจากหลุมดำที่มืดมิด ให้คนใสบริสุทธิ์เช่นนี้
กลับออกไปสู่ที่สว่างเช่นเดิมเสียที แต่เขาก็กลับมานั่งทวนความคิดข้างต้น
พบว่าเขาคงไม่สามารถทำได้แล้ว คน ๆ นี้เข้ามาในใจเขา เรื่อย ๆ ..
เริ่มจากรอยยิ้มนั้น เสพย์ติดเหมือนกัน แววตาคู่นั้น เขาก็เสพย์อยากมองอยู่ทุกวัน
ดูเหมือน ผมคงจะไม่อยากปล่อยคุณให้กลับไปสู่แสงสว่างแล้วล่ะ หลี่อี้เฟิง
--------------------------------
ที่สุดของดวงใจ ---------------------------
“โดนดุอีกจนได้ ผิดตรงนั้น อีกนิดเดียวแท้ ๆ เห้อ “
อี้เฟิงบ่นกับตัวเอง บนตักตัวเองกางแลปทอปเครื่องเก่ง
แก้งานที่อาจารย์ได้จับจุดมาให้ เขามาแก้งานรอบสุดท้าย
อาทิตย์หน้าก็จะส่งให้อาจารย์พิจารณาแล้ว ถ้าเขาผ่านโปรเจคโหดหินนี้ก็จะจบเสียที
จะได้เป็นคุณครูแล้ว!
“โดนดุอีกแล้วหรือครับ?”
“อีกแล้วล่ะ คุณฟง ผมนี่ไม่ได้เรื่องเลย”
บอดี้การ์ดเอ่ยถามแขกคนสำคัญของบ้าน
เขาที่นั่งที่นั่งคนชับหันไปมองคุณครูหครั้งหนึ่ง
อี้เฟิงกำลังตั้งใจกับงานในมือตัวเอง
แววตา ท่าที่ กิริยา ... ก็คิดว่าถ้าเจ้านายไม่สนใจก็คงแปลก ดูบริสุทธิ์น่าปกป้องไปหมด
“เอ้อ คุณฟง แวะร้านเค้กตรงห้างใกล้ ๆนี้ได้มั้ยครับ
เสี่ยวอิ๋งบ่นอยากกิน เห็นจากใบปลิวโฆษณาที่ติดจากหนังพิมพ์มา”
“ได้ครับ”
อาฟงส่งสัญญาณบอกรถที่ติดตามมาอีกจำนวนหนึ่ง
เพื่อมาอารักขาอี้เฟิงคุณครูคนโปรดเจ้านาย และคุณหนูของเขา ให้เปลี่ยนทิศทางการเดินทาง
ไปที่ห้างใกล้บ้าน ช่วงหลังมานี้อาฟงรับหน้าที่ไปรับไปส่งคุณครูหากจะไปไหน
ในตอนแรก เจ้านายบ้านหยางก็อยากจะทำหน้าทีด้วยตัวเอง แต่ก็เพราะภาระงาน
และความเกรงใจของคุณครู หน้าที่นี้จึงตกเป็นของอาฟง
“ขอโทษด้วยนะครับทีทำให้คุณยุ่งยากตลอดเลย”
“หน้าที่ผมอยู่แล้วครับคุณอี้เฟิง”
“ขอบคุณอีกครั้งครับ”
อี้เฟิงเอ่ยขอบคุณอาฟงเมื่อเขารับคำขอร้อง
และยิ้มให้เพื่อสร้างไมตรีจิต
บอดี้การ์ดคนสนิทรับยิ้มพยักหน้าให้และหันกลับไปขับรถต่อไป
เขาเห็นด้วยกับอาเฉิน คน ๆ
นี้ทำให้เจ้านายของเขาฟื้นขึ้นมาจากความหนาวเหน็บและมืดมิด ด้วยยิ้มนั้นจริง ๆ
“เซตนี้แล้วกันครับ”
อี้เฟิงแวะซื้อเค้กตามที่คุณหนูของตระกูลหยางนึกอยากชิม
เขาเลือกเป็นเซตที่มีหลากหลายแบบ เพื่อให้เสี่ยวอิ๋งได้เลือกกิน
ก่อนหน้าแวะเข้าร้านเค้ก เขาผ่านร้านขายของของสัตว์เลี้ยง
เลยไม่ลืมที่จะซื้ออาหารตัวใหม่ที่เสี่ยวอ้ายน่าจะชอบไปด้วย
ก็เขาเป็นพี่ชายเสี่ยวอ้ายนี่ พอนึกได้ก็หัวเราะออกมา
ส่วนคุณหยางหยางน่ะหรือ ?
มีบางอย่างที่พบแล้ว ก็นึกถึงคน ๆ นั้นพอดี เป็นของที่เขาอาจจะได้ใช้
เพราะการงานที่ทำ ก็คงพอใช้ได้ล่ะมั้งนะ
อี้เฟิงคิดก่อนหยิบสิ่งนั้นไปจ่ายเงิน
“ไว้จะฝากคุณฟงไปให้ดีกว่าแฮะ”
แต่คุณฟง บอดี้การ์ดคนนั้นก็ไม่ยอมรับของฝากที่อี้เฟิงอยากจะฝากไปให้
มันเป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ อี้เฟิงคิดว่า คุณหยางหยางคนนั้นคงไม่ถืออะไร
แต่คุณฟ้งก็บอกว่า
“คุณอี้เฟิงนำไปให้ด้วยตัวเองดีกว่าครับ เจ้านายผมคงจะดีใจมากแน่ ๆ “
เขาบอกมาแค่นั้น อี้เฟิงไปรบกวนคุณน้าหนิง เธอก็บอกมาคล้าย ๆ
แถมมีเพิ่มเติมต่อท้ายมา
“คุณอี้เฟิง นี่.” เธอพูดพลางกลั้วหัวเราะ “ถึงจะดูคล้ายกัน
แต่ก็ไม่เหมือนค่ะ เป็นคนที่ใสบริสุทธิ์
น้าเข้าใจคุณชายของป้าที่อยากดูแลคุณแล้วล่ะ”
และมีท้ายประโยคนั้นอีกนิด
“คุณอี้เฟิง ..
ถ้าทำได้ก็อย่าปล่อยมือคุณชายของป้านะคะ เขาอยู่ในความเหน็บหนาวมานานพอแล้ว”
อี้เฟิงไม่เข้าใจซักนิด อาจจะเป็นเรื่องราวอะไรบางอย่างในอดีต
แต่อี้เฟิงยังไม่จำเป็นต้องรู้ตอนนี้
เขาเป็นเพียงแค่คุณครูสอนพิเศาของลูกสาวบ้านนี้ที่บังเอิญตกกระไดพลอยโจรมาเจอเหตุการณ์เปลี่ยนชีวิต
แม้อี้เฟิงยังคงใฝ่ฝันหาความสงบในชีวิต
แต่ดูเหมือนว่าอี้เฟิงจะขาดความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมาจากคุณหยางหยางไม่ได้เสียแล้ว
ถึงอี้เฟิงจะไม่กล้าเข้าใกล้คุณหยางหยางก็เถอะ...ก็ช่วงนี้น่ะ
ให้รู้สึก...เอ่อ...เลิก..ให้ความรู้สึกเขินอายนี้หายไปก่อนแล้วกัน
พอกลับมาคิดแล้ว
ถึงวันนั้นที่ตัวเขาบุกไปหาคุณหยางหยางคนนั้นถึงห้องนอน
ถึงจะบอกว่าเป็นผู้ชายด้วยกัน
หน้าไม่อาย ไอบ้าอี้เฟิงเอ๊ย
จู่ ๆ ก็บุกไปแล้วก็ไปพูดเอาแต่ใจใส่เขา แถมยังทำอะไรบ้า ๆ
ผลักเขาแถมยังไปร้องไห้ใส่ ...ยังไม่พอแค่นั้น อี้เฟิงคิดยิ่งคิดก็ยิ่งอาย
วันนั้นยังนอนกอดซุกเขาทั้งคืน เหมือนเด็กมีขาดความอบอุ่นอย่างนั้นล่ะ!
ตอนนี้อย่าว่าแต่จะเดินเข้าไปหาเขาเลย คุยกับเขาแบบตอนนั้น
แค่เห็นหน้าก็เผลอยิ้ม เผลอเขินแล้ว ก็เพราะนึกถึงเหตุการณ์ชวนใจเต้นวันนั้น
แต่เขาก็เคลียร์ทุกความอึดอัด ความน้อยใจ หนักใจไปจนหมด
และได้ความอบอุ่นของหยางหยางมาเป็นคำตอบของอีกฝ่าย
.. “อืม..”
ที่จริงก็มีอีกอย่างที่ทำให้อี้เฟิงไม่กล้าเข้าใกล้หยางหยางมากนักในตอนนี้
ความอายพุ่งทะลุปรอท ในอกของอี้เฟิงหัวใจสั้นเหมือนเป็นคนไข้โรคหัวใจ
จนต้องกุมมือที่อกเพื่อควบคุมจังหวะการเต้นของมัน
เขาเองที่โผไปขอให้อีกฝ่ายกอด อีกฝ่ายรับคำโดยดี ทั้งกอด
ทั้งโอบเสียทั้งคืน โดนเขาจูบจนนิ่งไปเสียอีก ยิ่งคิดมากยิ่งเขินขึ้นตามลำดับ
หน้าร้อนแทบระเบิดได้
“บ้าชิบ อี้เฟิงเอ๊ย “
และอีกอย่าง ที่...ช่วงเวลาหนึ่ง
แม้จะง่วง ๆ สะลืมสะลือเพราะเพิ่งจะตื่นในเช้าของอีกวัน
แต่อี้เฟิงก็รู้สึกถึงบางอย่าง
“โอ๊ย แล้วเราจะมัวแต่คิดอะไรอยู่ ก็เอาของไปให้เขาก็รีบไปนอนซี่”
แต่เมื่อนึกถึงมันอี้เฟิงก็ยิ่งอายเข้าไปใหญ่
บางอย่างที่ว่าก็คือ
สัญชาติญาณของความเป็นชายของคุณท่านประธานคนหล่อร้ายกาจคนนั้น
อี้เฟิงที่ไม่เคยจะคิดอะไรในทำนองนั้น เมื่อพบเหตุการณ์ชวนเขินอาย
แม้รู้สึกถึงสิ่งนั้นท่านประธานหยางแล้วแต่เขาโอบไว้แน่น ไม่กล้าลุกไปไหน
กลัวไปหมด กลัวจะทำให้อีกฝ่ายรำคาญก็มาให้กอดเอง
แถมยังกลัวว่าอีกคนจะหน้ามืดตามัวด้วยอารมณ์ที่ถูกปลุกในตอนนั้น ตัวเขาคงนอนดิ้นไป ๆ มา ๆ ไม่น้อยเลย
“เอาไงดีวะฉัน”
“มายืนเก้ ๆ กัง ๆ อะไรตรงนี้คุณครู”
ตายแล้ว อี้เฟิงลืมไปว่าไอ้ตอนเวลานี้ที่มายืนคิดมากวุ่นวายอยู่เป็นหน้าห้องของหยางหยาง
“เอ่ออ...”
“จะมาขอนอนด้วยอีกหรือ”
“ไม่แล้วครับ!”
อี้เฟิงยกมือโบกปฏิเสธทันควัน
สีหน้าตกใจมองไปที่ใบหน้าหล่อของอีกคนที่มายืนขนาบข้างตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หยางหยางส่งยิ้มมุมปากให้อี้เฟิงแต่กลับได้รับค้อนวงใหญ่กลับมา
สายตาคมพลันไปมองในมือเรียวที่ไพล่อยู่ด้านหลัง
“อาฟงมันขี้ฟ้อง บอกว่าคุณมีอะไรจะให้ผม”
..คุณฟงนะคุณฟง อี้เฟิงค่อนขอดบอดี้การ์ดคนนั้นในใจ
ก่อนหันหน้าไปหาคุณหยางหยางคนเจ้าเล่ห์ที่ตอนนี้ยืนพิงประตูห้องกอดอกรอฟังคำตอบ อี้เฟิงเชิดหน้าเม้มปาก
ดวงตาคู่ใสที่หยางหยางรอสบตาด้วยมองไปทิศทางอื่น หาจุดหยุดสายตา
ไม่กล้ามองหยางหยางที่ส่งสายตาน่ากลัวต่อแมวน้อยพี่ชายเสี่ยวอ้ายแบบเขา
“เอ่อ...ไม่มี
ไม่มีแล้ว”
“อ้าว
แล้วในมือ ? กล่องเข็มกลัดไทด์ของผมหรอกหรือนี่ ?”
คุณครูคนเก่งถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จนคนตรงหน้าจะต้องยิ้มขำออกมา เป็นคนที่ซื่อตรงเหลือเกิน
หยางหยางคิดทันทีที่เห็น มองตามมือคู่นั้นของคุณครู
กำลังเอาของที่ซ่อนไว้ด้านหลังออกมา
“เห็นแล้วก็คิดว่าคุณน่าจะใช้
น่าจะเหมาะกับคุณ แบบว่าคุณก็แต่งตัวเป็นทางการ ใสสูทผูกไทด์บ่อย..”
“ขอบคุณครับ
งั้นผมขอรับไว้นะ”
อี้เฟิงพูดไปพลางก็ยื่นกล่องเข็มกลัดไทด์อันสวยส่งให้หยางหยางด้วย
มือแกร่งรับของขวัญมา โดยไม่แตะต้องผิวแม้แต่ปลายนิ้วของคุณครูเลย เหมือนอี้เฟิงจะยังไม่อยากให้หยางหยางเข้าใกล้
อาจจะกำลังระแวงหรืออะไรซักอย่าง นิสัยแมวแบบนี้ เขาพอเข้าใจ
แบบนี้เสี่ยวอ้ายเองก็เป็นบ่อยแม้จะคุ้นเคยแล้วแต่ก็ยังไม่เลิกระแวงหรือคิดมาก
“หมาป่า?”
“ก็เหมือนคุณดี”
“คุณเห็นผมเป็นอย่างนั้นหรือ?”
“แค่คุณยิ้มก็เหมือนแล้ว”
คนอ่อนกว่าต่อเถียงกับท่านประธานหยางกรุ๊ปได้เป็นประโยคแบบที่ใครก็ไม่กล้าทำ
หยางหยางยิ้มกับทุกประโยคที่คนตรงหน้าเอ่ย แต่เมื่อจบประโยคก็เหมือนเพิ่งนึกออกว่าพูดอะไรออกไป
คุณครูยกมือตะครุบปากไว ๆ ของตัวเองแทบไม่ได้ทัน บมวดคิ้วยู่เหมือนเสียท่า
ใบหน้าหวานกังวลเหมือนคนตรงหน้าจะดุเอา แต่หยางหยางเพียงยกยิ้มให้แค่นั้น
“ขอบคุณนะครับ
ผมจะใช้ วันพรุ่งนี้เลย”
“ก็..เอ่อดีครับ..
งั้นผมไปนอนแล้วนะ..”
อี้เฟิงรวบรัดรีบบอกราตรีสวัสดีคุณเจ้าของบ้านที่เขาเพิ่งมอบของไป
เหมือนแอบว่าเขาว่าเขาเจ้าเล่ห์อย่างไรอย่างนั้น รู้สึกไม่ดีที่จะอยู่ตรงนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อ
ท่าที่ตอนนี้ บวกบรรยากาศในตอนนี้ อี้เฟิงใจเต้นจนมันแทบหลุดออกมา
แย่จริง !
“เดี๋ยว คุณอี้เฟิง”
โอ๊ย จะโดนอะไรมั้ยล่ะเนี่ยฉัน อี้เฟิงโอดครวญในใจ
เขาหันหลังละจากหยางหยางมาได้ไม่ถึงสามก้าวด้วยซ้ำ อีกฝ่ายเดินก้าวช้า ๆ มาหาเขา
ทีละก้าวทีละก้าว รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายจะประชิดตัวเองแล้ว
ดวงตากลมโตหลับลงข่มไว้ลืมขึ้นมา อี้เฟิงรอว่าอีกฝ่ายมีธุระอะไรกับเขาในยามค่ำคืนนี้อีก
“ราตรีสวัสดีครับ”
คุณท่านประธานบอกลาก่อนนอนด้วยน้ำเสียงทุ้มแสนหวานก้มโน้มกระซิบใกล้ใบหูอี้เฟิง
เขาไม่ได้ล่วงล้ำตัวอี้เฟิงเลยแม้แต่น้อย
แต่แค่น้ำเสียงก็เล่นงานให้อี้เฟิงใจรัวเป็นกลองขนาดนี้แล้ว
ไม่อยากเถียงกับตัวเองในใจแต่เสียงนี้แม้มองไม่เห็นใบหน้าคนพูดก็ชวนละลายใจ
แม้เขาจะเป็นผู้ชายก็เถอะ
มือเรียวกำแนบลำตัว กลั้นอารมณ์เขินอาย
แต่คิดว่าที่ใบหน้าคงห้ามไม่อยู่ แดงเกินไปจนสังเกตได้แน่ ๆ
“..คะ..ครับ...ราตรี..สวัสดิ์!” เสียงหวานพูดตะกุกตะกัก เบาๆ ค่อย ๆ
แล้ววิ่งหนีเตลิกลับเข้าห้องตัวเองไปทันที การปิดประตูโครมใหญ่จนนั้นยืนยันอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างของคุณครูได้ดี
เขามองประตูห้องที่เพิ่งถูกทำรุนแรงปิดโครมใส่หน้าเขาไป หยางหยางยังไม่หยุดยิ้มเลยตั้งแต่เจอใบหน้าหวานของอี้เฟิง
ยิ่งทำตัวน่ารักแบบนี้
“ให้ตายเถอะ..คุณน่ารักจนผมแทบจะอดทนเอาไว้ไม่อยู่เเล้ว.. คุณอี้เฟิง”
ไว้ครั้งหน้า ถ้าเผลอเข้ามาให้กอดเมื่อไหร่ จะไม่ปล่อยไปแล้ว หยางหยางเปลี่ยนบรรยากาศของรอยยิ้มของเขาเอง
เขารู้ดีว่าตอนนี้กำลังคิดไม่ดีกับคุณครูอี้เฟิงของเสี่ยวอิ๋งเสียแล้ว
แต่เขากำลังสนุกและมีความสุขมากเลย
เด็กคนนี้ล่ะ ที่เขาจะปกป้องไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร
ไม่อยากให้มันซ้ำรอยอีกแล้ว ไม่ว่าใครก็จะพรากดวงใจเขาไปไมได้แล้ว
ทั้งยายหนู ทั้งอี้เฟิง และทุกคนที่เขาปกครอง มันเป็นหน้าที่และทั้งหมดของหยางหยาง
แม้วันที่หนาวเหน็บมันยังมีผลต่อเขา
แต่หลี่อี้เฟิงคนนี้กำลังทำให้เขาพ้นจากมัน
“ขอบคุณนะ คุณอี้เฟิง”
---------------------------------------
ที่สุดของดวงใจ ---------------------------
เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนในบ้านมาพบกันตรงโถงกลางของตัวบ้าน
หยางหยางเดินลงบันไดมา พร้อมกันกับที่อี้เฟิงและเสี่ยวอิ๋งนั่งล้อวงเรียนพิเศษกันแล้ว
บนตักของเสี่ยวอิ๋งมีเสี่ยวอ้ายอยู่
อี้เฟิงก็เห็นคุณท่านประธานแต่งตัวเป็นทางการเช่นปกติ เขาทั้งหล่อ ดูดีและมีความน่าเกรงขามแบบที่ใคร
ๆ ต้องเกรงกลัว บวกใบหน้าหล่อเหลาเยี่ยงเทพสวรรค์
อี้เฟิงทั้งนึกฃื่นชมและอิจฉาอยู่หลายขณะ.
“ผมติดแล้วนะ”
“ก็..เอ่อ..ครับ
“
อีกฝ่ายเอ่ยบอกอี้เฟิงก่อน ว่าของขวัญที่ได้ส่งมาให้ เขาได้ใช้มันแล้ว
ตากลมโตมองไล่ลงมา ไทด์เส้นสวยถูกกลัดด้วยเข็มกลัดไทด์ของเขาที่ให้ไปเมื่อวาน
คุณครูเม้มปาก อมยิ้ม ดีใจที่อีกคนใส่ใจและใช้มันอย่างที่บอกจริง ๆ
และไม่ลืมที่จะตอบรับคำที่หยางหยางแจ้ง แม้อี้เฟิงจะพูดตะกุกตะกัก
มองหน้าบ้างสบตาบ้างไม่กล้าบ้าง แต่ก็ยังสู้หน้าหยางหยาง
พิจารณาแล้วที่กลัดอยู่บนไทด์นั้นก็เข้ากับหยางดี
ก็ชอบแกล้งเหลือเกิน หมาป่าไปน่ะดีแล้ว
อี้เฟิงคิดในใจก่อนหันไปคุยและสอนพิเศษกับคุณหนูของบ้านต่อ
แม้จะคิดเช่นนั้น แต่อี้เฟิงก็ยังอมยิ้มดีใจอยู่เลย
“ป๊าขา
บ๊ายบ่าย เที่ยงนี้มีของอร่อยนะ”
“โอเค
เดี๋ยวป๊าจะรีบมาหาค่ะ”
คุณพ่อดีเด่นหอมแก้มลูกสาวตัวน้อยและกันกับลูกสาวที่หอมแก้มเขาก่อนหน้า
วันนี้หยางหยางได้พบเสี่ยวอ้ายใกล้
ๆกันจึงแวะทักทายแมวน้อยที่ดูเบื่อโลกเหมือนทุกวัน
หลังจากนั้นก่อนไป เขาก็ขอแหย่แมวตัวน้อยที่เพิ่งรับมาเลี้ยงเสียหน่อย
“วันนี้คุณครูดูสดใสดีนะครับ”
อี้เฟิงเอียงคอ เหมือนไม่เข้า จะแกล้งอะไรอีก หยางหยางเดินอ้อมโต๊ะมาหาโน้มลงมาใกล้
กระซิบช้างหูอี้เฟิงที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งตรงข้ามกับเสี่ยวอิ๋ง เด็กน้อยยืดตัวไปใกล้เท่าที่ทำได้ คุณครุกับป๊าของเธอมีความลับกันล่ะ
“ก็เพราะว่าเมื่อวานผมบอกราตรีสวัสดิ์คุณ
ผมคิดว่าคุณชอบ เพราะหน้าแดงเสียขนาดนั้น”
“เอ๊ะ!”
โดนอุทานใส่เสียงดังออกมา หยางหยางก็รีบเด้งตัวออก
เหมือนอี้เฟิงจกางเล็บแมวขู่เขาแล้ว คุณครูคนเก่งนึกฉุนขึ้นมาจริง ๆ
เสี่ยวอิ๋งที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม เข้าใจแล้วว่า
คุณครูหรือพี่อี้เฟิงของเธอถูกป๊าของเธอแกล้งก็แอบหัวเราะก้มซุกขนฟู ๆ
ของเสี่ยวอิ๋งไป กลัวคุณครูจะดุเธอมาอีกคน
หันมาที่ท่านประธานขี้แกล้ เมื่อสมใจแล้ว
เขาก็จุดยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างที่เคย แถมยักคิ้วหยอกล้อคุณครูให้หัวเสีย หลังจากนั้นหัวเราะร่าออกไปก่อนที่คุณครูจะหันมาข่วนเขา
ดูเหมือนจะโกรธใหญ่แล้ว
“เอ๋ ..?”
บอดี้การ์ดทั้งสองคน คุณน้าหนิงที่มาเห็นเหตุการณ์
คุณหนูน้อยเสี่ยวอิ๋ง เห็นบรรยากาศเมื่อครู่แล้ว รู้สึกประหลาดระคนขำขันไปตามผู้นำของบ้าน
“ต้องเป็นคุณอี้เฟิงนี่ล่ะ ใช่ที่สุด”
คุณน้าหนิงที่แอบได้เห็นบรรยากาศน่ารัก ๆในเช้านี้ก็ยืนอมยิ้มอยู่ช้าง ๆ
คุณหนูของเธอ
บอดี้การ์ดสองคนที่เพิ่งเข้ามาในตัวบ้าน
เห็นบรรยากาศเมื่อครู่ก็ประหลาดที่เจ้านายของเขาปล่อยเสียงหัวเราะออกมา เพราะพวกเขาไม่ได้ยินเจ้านายหัวเราะเต็มที่แบบนี้มานานแล้ว
ทั้งสองหันไปทางคุณครูคนนั้น
กำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงและหน้าแดงแบบไม่ต้องเดาก็รู้ว่าโดนท่านประธานหรือเจ้านายของพวกเขาแกล้ง
ส่วนคุณหนูเสี่ยวอิ๋งชอบใจ แอบขำคุณครู
ดูเหมือนคุณพ่อของเธอจะแกล้งคุณครูแบบที่ชอบแกล้งเธอผู้เป็นลูกสาวบ่อย ๆ
ทั้งหมดนี้...
เหมือนตระกูลหยางจะได้ดวงใจคนใหม่มาแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น