TITLE : ที่สุดของดวงใจ
CHAPTER : 2
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG - 13
RATE : PG - 13
TELL :: มาต่อไวดังใจกันเลยทีเดียว
มีคำในฟิคที่เปลี่ยนไปหน่อยนะคะ
เสี่ยวไอ -> เสี่ยวอ้าย
ยัยหนู -> ยายหนู
(เปลี่ยนเนื้อหาฟิคเล็อน้อยจากคำเหล่านั้นค่ะ)
********************************************************************************************************
บ้านหรือวังวะเนี่ย คนมาใหม่เดินเข้าไปอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
สะดุดพรมหน้าบ้านนิดหน่อย ก่อนไปยืนอยู่ตรงหน้า
เจ้าของบ้านที่แม้ว่าจะอยู่ในบรรยากาศสบาย ๆ ขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังดูกดดัน
อี้เฟิงจึงรู้สึกเกร็ง ๆ ต่อเจ้าของบ้านอยู่บ้าง
ยังหวงลูกไม่เลิก
แล้วผมจะสอนยังไงครับเฮีย แม้ว่าอี้เฟิงจะเข้ามาในฐานะคุณครูคนใหม่
แต่ท่าทางคุณพ่อจะหวงไม่หาย คนก่อนไม่หวงขนาดนี้หรือไง
หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นผู้หญิง
“สวัสดีครับ คุณอี้เฟิง
คุณมาตรงเวลาดีมาก”
เสียงเอ่ยทักทายนั่นไม่ใช่เสียงของท่านประธานคนนั้นแต่เป็นชายหนุ่มอีกคนที่ยืนข้างเขา
หยางหยางเพียงแค่ยิ้มทักทายแต่ยิ้มนั้นเหมือนปีศาจไงพิกล
อี้เฟิงไม่แน่ใจจนถึงตอนนี้ว่าตัวเองควรจะรับงานนี้ดีหรือไม่ หรือไปทำอย่างอื่นไปหาเงินมาชดใช้คืนเขาเสียดีกว่า
“เชิญ”
ครั้งนี้เป็นน้ำเสียงทุ้มหล่อเอ่ยปากบอกเชื้อเชิญเขาให้เข้าสู่พื้นที่ของตน คุณท่านประธานคนนี้ดูมีออร่าน่าเกรงขามบวกน่ากลัว .....
“ป๊าขา เสี่ยวอิ๋งมาแล้ว”
แต่เมื่ออยู่กับลูกสาวตัวเองนี่กลายเป็นคนละเรื่องไปเลย
ดูใจดี แววตาและความน่ากลัวที่แผ่ออกมาราวกับปีศาจกลายๆ
เมื่อครู่หายไปแล้ว ตอนนี้เขากลายเป็นคุณพ่อรูปหล่อขวัญใจสาว ๆ แบบชั่วพริบตา
แต่ว่านะ สายตาน่ากลัว ๆ นั่นก็ยังส่งมาหาอี้เฟิงไม่หยุด
ตกลงจะให้ผมสอนลูกสาวเฮียมั้ยครับเนี่ย
พอบ่นทิ้งคำไม่ทันไร อี้เฟิงก็ถูกเชิญโดยคุณบอดี้การ์ดที่เป็นลูกน้องของท่านประธานคนนี้ ให้ไปห้องนั่งเล่นที่อยู่ข้างสวนเล็ก ๆ
ในคฤหาสน์หลังนี้
“สวยดีแฮะ”
คุณครูคนใหม่เอ่ยกับตัวเองเบา ๆ ก่อนเดินออกไปในสวนอย่างเผลอตัว
แต่เมื่อไม่มีใครห้ามอะไร อี้เฟิงจึงขอถือวิสาสะเดินชมสวนสวยนี่เสียหน่อย
“เมี๊ยว~~~~”
“เสี่ยวอ้าย”
เสี่ยวอ้าย ? …..
“แมวหรอ?”
“พี่อี้เฟิงเป็นพี่ชายเสี่ยวอ้ายนะคะ!”
สาวน้อยตัวเล็กที่วิ่งตามหลังเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เธอทรุดนั่งและคว้าตัวเจ้าเหมียวน้อยมากอดไว้กับตัว แมวขนฟูขนยาวทั้งตัวเป็นสีขาว
ตัวตาสีฟ้าสุกไสจ้องมองเจ้าของตัวน้อยและออดอ้อนอย่างสบายใจ
เจ้าของตัวน้อยก็ชอบใจหัวเราะเพราะจั๊กจี้ที่ถูกออดอ้อนจากแมวตัวเล็กขนฟู
“เสี่ยวอ้าย นี่พี่อี้เฟิงพี่ชายนายล่ะ เหมือนกันเลย~~”
โดนนับญาติกับแมวซะแล้วเรา
อี้เฟิงคิดพลางหันไปยิ้มกับหนูน้อย ไม่กล้าขัดใจ ก็เห็นคุณพ่อเขายืนนิ่งอยู่ใกล้ ๆ
ยังมีคุณลูกน้องอีกสองคนซ้ายขวา ขัดใจลูกสาวเขา
กลัวจะเป็นไข้โป้งตายไปเสียก่อนวัยอันควร
คุณครูพี่เลี้ยงเลยหัวเราะกับหนูน้อยเสี่ยวอิ๋งไปด้วย จะเป็นแมวก็เอาเถอะ
“พี่อี้เฟิงชอบเสี่ยวอ้ายมั้ยคะ”
“ครับ เสี่ยวอ้ายก็น่ารักนี่เนอะ”
“พี่อี้เฟิงก็น่ารักค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
เป็นบทสนทนาที่เข้ากับบรรยากาศเช้าวันฟ้าใสเช่นนี้
แม้จะไม่ค่อยชอบใจที่ลูกสาวของตัวเองไปติดใจคุณนักศึกษาคนนั้น แต่ก็ไม่ได้เห็นความร่าเริงแบบนี้ของเสี่ยวอิ๋งมานานแล้ว
เป็นความคิดที่ทำให้เขายิ้มออกได้ อย่างน้อยก็ตอนนี้
หยางหยางทอดมองคุณครูคนใหม่และลูกสาวสุดที่รักของตัวเอง
เขารู้ดีว่าเขาก็ดูแลเสี่ยวอิ๋งได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก ตัวเขาไม่ใช่คนละเอียดอ่อน
ไม่เข้าใจความรู้สึกเด็กผู้หญิงเท่าไหร่
แต่ครั้งแรกที่คุณนักศึกษาคนนี้พบเสี่ยวอิ๋งก็ทำให้เธอยิ้มได้
เราก็มาช่วย ๆ กันหน่อยแล้วกันนะ คุณอี้เฟิง
---------------------ที่สุดของดวงใจ------------------------------
“ตรงนี้เสี่ยวอิ๋งเข้าใจมั้ยครับ ?”
“เอ่.. ถ้าเราทำแบบนี้ล่ะคะพี่อี้เฟิง เอ๊ย คุณครู~~~”
การสอนเริ่มไปนานพอสมควรแล้ว วันนี้หยางหยางไม่มีงานด่วน
จึงคิดว่าขออยู่ดูคุณครูคนใหม่และลูกสาวเสียหน่อย จึงสั่งงานผ่านลูกน้องคนสนิท
อาเฉินและอาหงไป ทั้งคู่รับคำและปฏิบัติอย่างแข็งขัน
และให้ลูกน้องคนอื่นที่มีฝีมือมาคอยดูแลเจ้านายแทน
แต่หยางหยางก็สั่งให้ทั้งคู่อยู่ดูเพียงห่าง ๆ
เพื่อไม่ให้คุณครูและลูกสาวอึดอัดจนเกินไป
มีเขาอยู่ทั้งคนจะกลัวอะไร ถ้าหยางหยางคนนี้อยู่ ใครก็มาทำอะไรคนในบ้านนี้ไม่ได้ทั้งนั้น
ถึงจะดูเป็นประโยคที่ดูทะนงในตัวเอง
แต่เขาสามารถดูแลคนในปกครองของเขาได้ทั้งหมดตามที่ว่า หยางหยาง
ผู้เป็นผู้นำตระกูลและประธานสูงสุดของหยางกรุ๊ป
เครือธุรกิจอสังหาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ ถ้าหากเขาดูแลคนในปกครองของตัวเองไมได้ก็อย่าหวังจะดูแลทั้งหมดที่ตระกูลสร้างมาได้เลย
หยางหยางค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะดูแลได้ทั้งหมด แม้ว่าเขาจะพลาดพลั้งไปแล้ว
เรื่องราวในอดีตเป็นบทเรียนที่สอนให้เขาเข้มแข็ง และต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อดูแล
คนที่รัก ซึ่งในตอนนี้มีเพียงเสี่ยวอิ๋งคนเดียว
คุณพ่อของเขาสิ้นไปตั้งแต่เมื่อสามสี่ปีก่อน
และเขาก็กลายเป็นผู้สืบทอดเพียงผู้เดียวของหยางกรุ๊ป ใคร ๆ
ก็บอกว่าหยางหยางผู้นี้จะเป็นมังกรที่แข็งแกร่งและทัดเทียมหรืออาจจะยิ่งใหญ่กว่าคุณพ่อของเขา
แต่นั่นก็เป็นเพียงคำเยินยอที่หยางหยางไม่ได้ใส่ใจมากนัก
ส่วนคุณแม่ของเขาเสียไปตั้งแต่เล็ก เพราะความเจ็บป่วย
แต่เขามาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไร คุณพ่อทำให้เขาเป็นคนเข้มแข็ง
เพราะวงการที่เขาและตระกูลคร่ำหวอดมานาน
มันทำให้เราทั้งหมดต้องเข้มแข็ง ไม่เช่นนั้นเราจะต้องพ่ายแพ้
และล้มลงอย่างไร้ศักดิ์ศรี แม้คนที่รักเราก็ปกป้องไม่ได้
หรือถ้าหากพลาดพลั้งแล้วเราก็จะกลายเป็นคนที่ถูกทำร้ายเสียเอง คุณพ่อและเขาเองก็คิด
ว่านั่นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้จริง ๆ
ความยิ่งใหญ่ก็ต้องแลกมากับความเจ็บปวดหลายอย่าง
และเราต้องเยียวยาตัวเอง
เหตุการณ์ทั้งหมดในอดีต..ทุกอย่างมันสอนเขา
“คุณหยางหยาง..เอ่อ ...คุณหยางหยางครับ”
เสียงหวานเอ่ยเรียกอยู่ข้าง ๆ เขา แผ่วเบา คล้ายว่ากลัวจะรบกวน
จนเมื่อหยางหยางรู้สึกว่ามีคนมาเรียกอยู่ใกล้ เขาจึงหันไปตามเสียง ใบหน้าหวานของคุณครูอี้เฟิงมาอยู่ตรงหน้าเขา
พร้อมกับลูกสาวตัวน้อยที่ยิ้มยิงฟันให้คุณพ่อที่รัก
“ป๊าขา..คือ”
“ผมอยากจะขออนุญาตคุณหยางหยางไปตรงมุมตึกตรงนั้นเสียหน่อย
ผมอยากให้เสี่ยวอิ๋งไปเดินข้างนอก จะแวะไปซื้อขนมด้วย แต่ไม่—“
“ไม่ได้ กลับไปทำงานของคุณต่อเถอะครับ คุณอี้เฟิง”
ยังไม่ทันสิ้นคำขอแต่ท่านประธานกลับตอบปฏิเสธมาอย่างเร็ว
จนอี้เฟิงเผลอแสดงสีหน้าไม่พอใจอออกมาและเมื่อรู้สึกตัวจึงเก็บมันกลับไปไว้ในใจ
คุณครูคนใหม่ขมวดคิ้ว แต่ก็เข้าใจในทันที
ถูกปองร้ายบ่อยจนไม่สามารถไปไหนได้โดยไม่มีบอดี้การ์ดเลยหรือ
“เสี่ยวอิ๋งไปรอตรงนั้นซักครู่นะครับ”
“เห็นมั้ยล่ะพี่อี้เฟิง ป๊าไม่โอเค”
เธอบอกอี้เฟิงย้ำอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้อี้เฟิงอยากจะพาสาวน้อยกับน้องแมวไปเดินเล่นนอกบ้านโดยไม่มีคนหน้าตาถมึงทึงแบบบอดี้การ์ดของคุณพ่อของเธอและคนหน้าตาถมึงทึงนั่นก็รวมถึงคุณพ่อของเธอด้วย
แต่ก็คิดไว้แล้วว่าจะโดนปฏิเสธแม้จะอึ้งกับคำตอบที่ทันท่วงทีจนน่าตกใจไปหน่อยก็ตาม
จนอี้เฟิงส่งคุณหนูเสี่ยวอิ๋งไปนั่งที่เก้าอี้ชุดเดิม เธอเล่นกับเสี่ยวอ้ายต่อไป
แต่รอยยิ้มที่ส่งคุณพ่อลดระดับความสดใสลง
ใบหน้าหวานสังเกตเห็นความร่าเริงนั้นที่ลดระดับ จึงอยากขอพิสูจน์อะไรเสียหน่อย
“ขอเรียนถามคุณตามตรงนะครับ เธอได้ไปโรงเรียนบ้างหรือเปล่า”
หลังจากนั้นคุณพ่อยังหนุ่มก็เล่าเหตุการณ์ตามตรง
อี้เฟิงเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย เพราะรู้สถานะของคน ๆ นี้อยู่แล้ว แม้เป็นเด็กน้อย
คนใจร้ายก็ไม่มีเว้น เคยมีอยู่สองสามครั้ง
อย่างครั้งล่าสุดที่หนูน้อยเสี่ยวอิ๋งถูกลอบลักพาตัว หยางหยางบอกว่าเขาแทบเป็นบ้าที่ลุกสาวสุดรักของเขาหายไป
วันนี้เขาแทบระดมคนในปกครองของเครือตัวเองทั้งหมดทั้งบนดินใต้ดินที่มีไปสืบหาลูกสาว
จนไปถึงตำรวจด้วย แต่คนที่หาเจอก็คือตัวเขาเอง
ทั้งหมดเป็นเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจและความยิ่งใหญ่ในวงการมาเฟียที่เขาเคยไปคลุกคลี
ถึงจะบอกว่าล้างมือ แต่วงการนั้นไม่มีทางที่เขาจะถอนตัวออกมาได้ง่าย ๆ
แม้จะบอกว่าคุณพ่อที่เป็นใหญ่วงการสิ้นไปแล้ว
แต่คนพวกนั้นก็ยังเห็นว่าตระกูลหยางยิ่งใหญ่คับฟ้า
ทั้งในวงการธุรกิจและวงการมาเฟียที่อยู่ใต้ดิน มีคนต้องการเป็นใหญ่อีกมากมาย
การที่ทั้งเขาและคนที่เกี่ยวกับตระกูลทุกคนจะถูกปองร้ายมันไม่แปลกและผิดวิสัยแต่อย่างใด
อย่างน้อยขอให้มีคนที่เขาปกป้องไว้ได้บ้าง
“หลังจากนั้นผมก็ไม่อยากส่งลูกไปไหนไกลหูไกลตา
แม้จะบอกว่าโรงเรียนมันก็ใกล้บ้านก็ตามเถอะ จะว่าผมหวงเกินกว่าเหตุก็ได้นะคุณอี้เฟิง
แต่ถ้าเป็นคุณ ลูกสาวหายไปทั้งคน คุณก็คงเป็นบ้าเหมือนผม”
จบประโยคนั้นอี้เฟิงก็กลับมาขบคิด แม้วิชาพื้นฐานอี้เฟิงจะสอนได้
แต่เด็กสาวจะต้องได้รับการศึกษาที่ดีไปเรื่อย ๆ
ตอนนี้เขาสอนได้ในระดับช่วงอายุเด็ก ๆ เพียงวัยไม่กี่ขวบแต่ในระดับโตกว่านี้
เขาคงเป็นคุณครูให้ไม่ได้แล้ว
“หลังจากนี้ หากผมสะสางธุรกิจได้หมดแล้ว
และมีคนทำได้ดีและมีคนที่ไว้ใจได้ จนกว่าเสี่ยวอิ๋งจะโตจนถึงระดับจำเป็นต้องเข้าโรงเรียน
ผมจะส่งเธอไปต่างประเทศ และผมจะไปดูแลเธอด้วย”
หวงสุด ๆไปเลย ... อี้เฟิงอึ้งไปนิดหน่อย
เป็นคุณพ่อที่สุดหวงชนิดสุดกู่จริงๆ จะบอกว่าเข้าใจมันก็ใช่แต่ไม่ทั้งหมด
เขายังไม่มีลูก
ไม่รู้หรอกว่าความเป็นห่วงระดับนี้มันมีผลต่อความรู้สึกของคนเป็นพ่อที่ต้องเห็นลูกสาวตกอยู่ในอันตรายมากมายมีมากแค่ไหน
หรือบางทีเขาอาจจะมีเหตุผลอื่นประกอบด้วย..แต่นั่นเขาไม่ควรเข้าไปละลาบละล้วงมากไปกว่านี้
“คุณไม่ต้องเครียดขนาดนั้นหรอก ผมให้คุณสอนในระดับที่ยายหนูจำเป็นต้องรู้เพื่อไปสอบติวเข้าโรงเรียนในระดับต่อไป
หากคุณทำได้ดี ค่าจ้างก็จะสมน้ำสมเนื้อ คุณจ่ายค่าเสียหายของรถผมหมดไวแน่ ๆ “
“ไม่ได้กังวลเรื่องนั้นซะหน่อยเหอะ คุณก็..” หยางหยางจุดยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก
คุณครูของเขาดูกังวลเป็นพิเศษ
“ผมจะสอนอย่างเต็มที่ เธอเป็นเด็กเก่ง หัวไวมาก
อย่างเรื่องที่ผมสอนเมื่อครู่ เธอบอกว่า เธอก็อ่านเอาจากอินเตอร์เนตแล้ว
คุณเลี้ยงลูกเก่งทีเดียว คุณหยางหยาง”
อี้เฟิงบอกกับหยางหยางเป็นการเอ่ยชมจากใจจริง
คุณครูคนใหม่คิดวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของไข่ในหินของตระกูลหยาง
เด็กน้อยคนนี้เป็นเด็กเอาการเอางาน
และเป็นเด็กที่เข้าใจคุณพ่อที่แม้อาจไม่ได้ดูแลเธอมากเท่าไหร่ เป็นเพราะงานทั้งหมดเขาเป็นผู้ดูแลเพียงคนเดียว
และคิดเดาเอาว่าคุณหยางหยางคนนี้คงไม่เข้าใจความเป็นผู้หญิงแบบลูกสาวของเขานัก
แต่เธอเป็นเด็กที่โตกว่าอายุ ก็อาจจะเพราะอยู่ในครอบครัวเช่นนี้
และภาวะทุกอย่างมันทำให้เธอต้องเข้มแข็ง
“แต่เธอก็ยังเป็นเด็กน้อย เป็นเด็กผู้หญิงด้วย
จากประสบการณ์ที่ผมเคยเลี้ยงน้อง ๆ มา อย่างน้อยคุณควรพาเธอไปเที่ยวบ้างนะ
แล้วก็กิ๊บติดผมที่อยุ่บนผมคุณหนูเสี่ยวอิ๋งตอนนี้ มันดูโตเกินไปสำหรับเธอ ”
พูดจบอี้เฟิงก็ลุกจากที่นั่งใกล้คุณประธานหยาง เขาอาจจะพูดละลาบละล้วง แม้จะกลัวไข้โป้งไปบ้าง แต่หลังจากที่ได้ชวนคุณหนูเสี่ยวอิ๋งคนนี้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันก่อนเริ่มอี้เฟิงนับถือน้ำใจของเด็กน้อยที่ต้องอดทนและไม่แสดงความเป็นเด็กออกมาเลย เธอคงไม่อยากให้พ่อต้องกังวล เเต่เด็กอย่างน้อยก็ควรได้ร่าเริง อี้เฟิงเคยทำงานพิเศษที่เนิร์สเซอร์รี่และมีน้อง ๆ
ของญาติที่มีคนมาฝากเลี้ยงบ่อย ๆ คนข้างบ้านก็มี เขาคุ้นเคยกับเด็ก ๆ
และเขาก็ชอบเด็ก ๆ ด้วย
จึงเลือกเรียนสายการสอนและอยากทำให้เด็กที่เขาได้สอนเติบโตไปเป็นคนที่ดีในสังคม
"ฮึ"
ทันทีที่คุณครูหน้าตาจิ้มลิ้มคนนั้นลุกไป
หยางหยางก็แทบระเบิดหัวเราะออกมาทันที
ไม่มีใครเคยมาต่อว่าการเลี้ยงลูกของเขาแบบนี้เลย ยิ่งเป็นต่อหน้า ยิ่งไม่มีใครทำ
แม้กระทั่งแม่บ้านตระกูลหยางและแม่นมของยายหนูของเขาอย่างคุณน้าหนิง
คุณหลี่อี้เฟิงเป็นคนแรกที่กล้าพูดโดยไม่เกรงกลัวอิทธิพลและออร่าดุ ๆ ที่เขาจงใจแสดงออกไป
แม้จะเห็นท่าทีเกร็งๆ กลัวไปบ้าง แต่ในที่สุดพูดความตั้งใจของตัวเองออกมา
ซึ่งเป็นความหวังดีในฐานะครู
ไม่เหมือนคนก่อน ๆ หน้านี้เลย...ซักนิด ใจเด็ดเหลือเกิน คนก่อนหน้านี้ แม้จะไม่เยอะมากขนาดจะมานั่งนับกันครบสิบนิ้ว
แต่ก็ทำให้ปวดหัว มีทั้งมาฉวยโอกาสทำร้าย ทั้งตั้งใจจะหาผลประโยชน์
หรือมาด้วยจุดประสงค์เพราะตัวหยางหยางเองก็มี เขาจ้างคนพวกนั้นมาเป็นครูและดูแลยายหนูแต่ไม่ได้ดั่งใจกันซักคน
กำลังตั้งใจเรียนตั้งใจสอนกันอยู่เชียว
หยางหยางเอียงคอปรับองศาเล็กน้อย เขาขยับตัวนิดหน่อย
มองไปทางชุดโต๊ะเก้าอี้ที่มีคุณครูผู้จริงจังคนนั้นและยายหนูของเขา เจ้าของสายตาคมพลางมองไปครุ่นคิดไป
คุณครูคนนี้นอกจากยายหนูจะชื่นชอบ ถูกชะตาแล้ว
เขาเองก็ไม่ได้นึกฉุนแบบเมื่อก่อนหน้า นั่นอาจะเพราะเขาหวงลูกไปหน่อย
แต่คุณครูคนนี้มีดีไม่น้อย เป็นคนมีความดีความอ่านที่ดี
แม้จะเป็นเพียงแค่นักศึกษาใกล้เรียนจบ
จริง ๆ ก็เข้าใจได้ว่าการที่ต้องมาสอนเด็กตัวต่อตัวก็อาจจะลำบาก
ลูกสาวเขาไม่ได้กลับไปเรียนที่โรงเรียนแล้ว แต่ก็ก็เป็นเรื่องยากไม่น้อย ประโยคเรื่องเงินนั้น เขาแค่แซวเล่น
เด็กคนนี้ไม่ได้ดูกังวลเรื่องเงินค่าจ้าง แต่เป็นห่วงอนาคตเด็กที่ตัวเองสอน
แววตามันฟ้อง เด็กที่ชื่อหลี่อี้เฟิงก็ดูไม่เลว ที่เป็นห่วงคนอื่นมากขนาดนี้
แม้คุยกับยายหนูของเขาไม่นานแต่คุณครูอี้เฟิงก็สามารถสนิทสนมกับลูกสาวของเขาได้เร็วขนาดนี้
เป็นคนที่เหมาะกับการดูแลคนอื่นและเป็นครูที่ดี
ที่จริงแล้ว หยางหยางก็สังเกตเห็นตั้งใจแววตาครั้งแรกที่
หลี่อี้เฟิงคนนี้ทอดมองลูกสาวของเขา มันเป็นแววตาที่หายากในคนสมัยนี้
ทั้งใส บริสุทธิ์ จริงใจ แต่แฝงความเข้มแข็งอย่างตามที่เจ้าตัวเป็น
น่าสนใจ.....หยางหยางครุ่นคิดและทอดมองการเรียนการสอนตรงหน้าต่อ
“ดูท่านประธานสิ...”
คุณแม่นมที่ยกขนมมาเสิร์ฟคุณครูและเสี่ยวอิ๋งและเดินถอยอออกมาแล้วตรงมาหาคุณลูกน้องสองคนที่ยืนคอยดูแลความเรียบร้อยอยู่รอบข้าง
บุ้ยใบ้ชี้ให้มองคุณหยางหยางเจ้านายของทุกคน
“โอ้..สาว ๆ มาเห็นท่านประธานของพวกเราตอนนี้ต้องกริ๊ดสลบแน่ ๆ “
“ให้มันน้อย ๆ หน่อยอาฟง”
ทั้งคุณน้าหนิงและลูกน้องทั้งสองคนก็คิดเหมือนกันว่า พวกเขาไม่ได้พบเห็นบรรยากาศที่สบายใจและท่าทางผ่อนคลายของเจ้านายมานานแล้ว
แน่นอน รอยยิ้มใบหน้าหล่อเหลาของเจ้านายของพวกเขาในตอนนี้ด้วย
----- ที่สุดของหัวใจ
---------
“คุณครูอี้เฟิง เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณเอง”
“เอ๋ ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“อย่าปฏิเสธเวลาผู้ใหญ่เขาใจดีด้วยสิ”
“ก็..”
เมื่อสอนเสร็จตามเวลาทีนัดหมายไว้
หยางหยางชวนคุณครูอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกัน และก็ว่าที่เขาคิด
คุณครูคนนี้เข้ากับคุณน้าหนิงได้ไม่ยาก
สมกับเป็นคนที่มีนิสัยใจดีอย่างที่เขามองไว้ หยางหยางที่ทำงานมาจนถึงตอนนี้
พบคนมากมาย เขาจึงรู้
อย่างน้อยยายหนูของเขาก็ชอบพอคุณครูคนนี้
ตัวติดจนคุณพ่ออย่างเขานึกอิจฉาบ้างบางครั้ง แต่จะแสดงออกให้เด็ก ๆ
เห็นได้อย่างไรกัน เขาทำได้เพียงมองเมื่อทั้งคู่คุยกันอย่างสนุกสนาน
รอยยิ้มของยายหนูของเขาปรากฏในเห็นอย่างร่าเริง และสดใส เป็นความสบายใจอย่างหนึ่งของหยางหยาง
และนั่นทำให้เขายิ้มได้ด้วย เมื่อลูกสาวของเขามีความสุข
แต่รอยยิ้มของคุณครูก็เปล่งประกายไม่แพ้กัน
หลี่อี้เฟิง เป็นคนที่เขาควรสนใจและเก็บไว้ในความสนใจไปซักพักใหญ่
“เจอกันนะ เสี่ยวอิ๋ง”
“บ๊ายบ่ายพี่อี้เฟิง อยากเจออีกไวๆ จังเลย เนอะเสี่ยวอ้าย
โบกมือลาพี่ชายนายเร็วเข้า”
ตอนนี้อี้เฟิงถูกนับรวมเป็นพี่น้องกับเสี่ยวอ้าย
แต่ก็ทำให้เด็กน้อยชอบใจอี้เฟิงก็ไม่ขัดอะไร
แม้จะได้ยินเสียงขำของคุณประธานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ใบหน้าหวานส่งสายตาไปค้อน
ตีหน้าดุเหมือนคุณครูด้วย แต่นั่นไม่ได้ทำให้คุณหยางหยางลดระดับความขำในตอนนี้ได้
“คุณหยางหยาง ไม่ต้องไปส่งผมหรอก จริง ๆ นะ มันไม่ได้ไปมาลำบากอะไร
ขอบคุณสำหรับอาหารด้วย แล้วก็เงินค่าสอนของผม..น่ะ..”
“เรื่องนั้นผมจะจัดการให้ ไม่ต้องกังวล ผมบอกคุณแล้ว คุณอี้เฟิง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็โล่งใจ แม้จะไม่กังวลอะไรมาก
ที่จริงแล้วเขาคิดว่าคุณประธานหยางกรุ๊ปคนนี้ไมได้จริงจังกับค่าซ่อมรถเท่ากับความสุขของลูกสาว
คุณหนูเสี่ยวอิ๋งเจื้อยแจ้วให้ฟังเมื่อคุณครูคนใหม่คืออี้เฟิง
เป็นคนที่คุยได้และสนุกสนานเมื่ออยู่ด้วย
เธอเล่าเรื่องทั้งที่คุณพ่อเธอเคยพาไปเที่ยว แม้จะนานแต่เธอก็ยังจำได้ทุกวินาที
หรือแม้แต่ของขวัญในทุก ๆ วันเกิดที่คุณพ่อมอบให้ เวลาที่อยู่ด้วยกันกับคุณพ่อ
แอบนินทาคุณครูคนเก่าให้ฟัง เด็กน้อยแอบแก่แดดไปหน่อยในบางเรื่อง
แต่เขาก็ได้ฟังบางเรื่องมา ก็พอเข้าใจว่าทำไมบ้านนี้ถึงได้หาคุณครูพิเศษยากหนักหนา
อี้เฟิงเคยเห็นประกาศรับสมัครตำแหน่งครูพิเศษของตระกูลหยางมาก่อน
เป็นตำแหน่งที่รับสมัครบ่อย แต่อี้เฟิงยังไม่สนใจมากนัก เพียงแค่มองผ่าน ๆ
แต่วันนี้เขาก็ได้มาทำงานที่นี่เพราะความดวงไม่ดีของตัวเอง
แต่ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีอีกแบบ ไม่เหมือนกับการไปฝึกสอนในโรงเรียนอย่างที่เคยทำ
หรือการเลี้ยงดูเด็กในเนิร์สเซอร์รี่ที่ผ่านมา
ก็คิดเสียว่าเป็นประสบการณ์นอกห้องเรียนก่อนจบรับปริญญาแล้วกันนะอี้เฟิง
“คุณอี้เฟิง ขึ้นรถมา ผมจะไปส่งคุณ”
ยืนคิดไปได้ซักพัก ท่านประธานคนนั้นไปเอารถมารอรับอี้เฟิงเสียแล้ว แน่นอนว่าจะปฏิเสธไม่ไปก็ไมได้เสียแล้ว
รถคันนี้..รถที่เขาเพิ่งทำพังไปวันนั้น
สายตาคมมองมายังคนที่กำลังกัดฟันค้อนอยู่ข้างรถ หยางหยางจุดยิ้มขำ
เหมือนพอใจที่ได้แกล้งใครซักคน
----- ที่สุดของหัวใจ ---------
“อย่าโกรธไปเลยคุณครู ถึงรถผมจะซ่อมเสร็จแล้ว
แต่คุณต้องจ่ายเงินมานะครับ”
“รู้แล้วครับ ๆ เข้าใจแล้ว ท่านประธาน หักจากค่าแรงสอนพิเศษไปได้เลย”
คุณครูงอนตุ๊บป่องไปแล้ว ใบหน้าหวานมองไปนอกกระจก
มันเกือบจะมืดจนไม่เห็นอะไร
แต่อี้เฟิงก็ไม่อยากหันไปเจอสายตาคมกริบที่ตอนนี้เปลี่ยนจากคุณพ่อยังหนุ่มเป็นท่านประธานปีศาจ
“ขอบคุณ”
“หา?”
อยู่ ๆ เสียงทุ้มก็เอ่ยทำลายความเงียบระหว่างสองคน อี้เฟิงหันขวับมาหา
หยางหยางก็ยังจ้องมองทางด้านหน้าขับรถอย่างตั้งใจ แต่เขาก็พูดต่อไป
“เรื่องลูกสาวผมน่ะ”
“อ้อ ก็ต้องทำอยู่แล้วนี่ครับ”
“เรื่องอื่น ๆ ด้วย”
“เอ่อ.. เรื่องอื่น ๆ ?”
“กิ๊บติดผม"
"เอ๋ ?"
"เอ๋ ?"
ขับรถมาจนถึงสี่แยก เมื่อเป็นไฟแดงรถจึงหยุด
หยางหยางจึงมีเวลาได้พูดคุยกับคุณครูได้นิดหน่อย เขาอยากมองสีหน้าชัด ๆ
ของคุณครูหน้าตาเหมือนแมวที่บ้านเหมือนที่ยายหนูของเขาว่า
“เหมือนจริง ๆ ด้วยล่ะ”
“อะไรครับ?”
“เสี่ยวอ้าย คุณเหมือนมาก “
พูดจบคุณประธานปีศาจของอี้เฟิงก็หัวเราะออกมา
เหมือนสาแก่ใจที่พูดหยอกเย้าได้สำเร็จ อี้เฟิงอ้ำอึ้งไม่คิดว่าคนที่ทำหน้าเครียด
ตีหน้าขรึม ปล่อยออร่าน่ากลัวเว้นกับลูกสาวตัวเอง จะมาหยอกล้อคนอื่นแบบนี้เป็นด้วย
“คุณยิ้มแล้วนี่”
ครั้งนี้เป็นหยางหยางที่ประหลาดใจบ้าง เขาหยุดหัวเราะและหยุดรถข้างทาง
ตั้งใจฟัง
“ว่ายังไงนะครับ ?”
“ผมบอกว่า คุณก็ยิ้มแบบนี้เป็น แบบยิ้มจากใจ อะไรแบบนี้
ที่เห็นมาก่อนหน้า ดูคุณชอบยิ้มแบบทำนองยิ้มการค้า มันดูแปลก ๆ “
คุณครูคนนี้ทำให้หยางหยางรู้สึกสนใจมากขึ้นอีกระดับ
ใบหน้าหล่อจุดยิ้มขึ้นมาใหม่ ดูเจ้าเล่ห์จนอีกคนข้างที่นั่งคนขับขมวดคิ้ว
“ผมเป็นอย่างนั้นหรอ?”
“ก็ประมาณนั้นน่ะครับ ผมพอมองออกน่ะ แบบว่าอาจารย์ก็สอนอะไร ๆ
มาหลายอย่าง”
“อาจารย์คุณเก่งนะ”
“เอ่อ..ครับ... “
อี้เฟิงรู้สึกตัวว่าตัวเองอาจจะพูดอะไรที่ดูเหมือนละลาบละล้วงไปอีกแล้ว
อี้เฟิงตบปากตัวเองในใจโทษฐานที่ปากไวไม่เข้าเรื่องจนเป็นนิสัย
คิดอะไรบางครั้งก็พูดออกไปโดยไม่ทันยั้งชั่งใจก่อน
“นั่นล่ะ เป็นสิ่งที่ผมต้องขอบคุณคุณน่ะ คุณอี้เฟิง”
คุณครูคนใหม่ฟังดังนั้นก็เลิกคิ้วแปลกใจ
หยางหยางก็ไมได้อธิบายความอะไรต่อเพิ่ม ขับรถต่อไป
และถามทางไปที่พักของอี้เฟิงอยู่เรื่อย ๆ
หลังจากนั้นทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกเลย
แต่ก็มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าของทั้งคู่
“เห้ย!”
บรรยากาศน่ารักที่วนอยู่รอบ ๆ ทำให้หัวใจชื้นกันทั้งคู่ได้ซักพัก
แต่ไม่นานอยู่ ๆ ก็มีรถยนต์สองคันตัดหน้ามาอย่างรวดเร็วจนหยางหยางต้องเหยียบเบรกจนสุดก่อนจนประสานงากันกับรถที่ขวางอยู่
เขารู้ว่าเหตุการณ์นี้คืออะไร
“คุณอี้เฟิง ไม่เป็นไรนะ”
เขาถามทั้งที่ยังไม่ได้หันไปมอง
มือของหยางหยางข้างหนึ่งละจากพวงมาลัยรถคว้าปืนจากที่ปืนข้างตัวมาไว้กับตัว
แต่เลี่ยงไม่ให้คนข้าง ๆ ตกใจเมื่อเห็นมัน
หือ?
หยางหยางรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
หยางหยางรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
มือเรียวของคุณครูคนใหม่สั่นไหวคว้าแขนเสื้อของหยางหยาง
เขาใช้มืออีกข้างแตะเบา ๆ และกลายเป็นกอบกุมมือนั้นไว้
“เดี๋ยวคนของผมจะตามมาในอีกไม่กี่นาที ไม่ต้องห่วง”
“ผมไม่เคยเจอแบบนี้น่ะ ตกใจไปหน่อย ขอโทษด้วยครับ”
อี้เฟิงถอนมือออกมาและกำไว้แน่นกับตัวแล้ว เมื่อครู่เขาตกใจมาก
และเผลอตัวไปคว้าคนข้าง ๆ ไว้ แต่ก็รู้สึกว่าเขาไม่ควรแสดงอะไรให้อีกฝ่ายเป็นกังวล
และปล่อยให้เขาจัดการกับเหตุการณ์ที่’เกิดขึ้นเป็นประจำ’ ของท่านประธานหยางกรุ๊ปคนนี้เสีย
อี้เฟิงไม่มีฝีมือและประสบการณ์ในเรื่องนี้
เขาไม่รู้หรอกว่าปืนนั่นจะต้องลั่นดังเมื่อไหร่
รถสองคันด้านหน้ายังไม่มีอะไรเคลื่อนไหว หรือมีใครออกมา
“คุณอี้เฟิง ลุกไปนั่งเบาะหลัง ปีนข้ามไปเลย ห้ามออกจากรถ”
อี้เฟิงทำตามดังที่คุณหยางหยางบอก
แม้ตัวเขาจะผ่านช่องระหว่างเบาะลำบาก แต่ก็ข้ามไปนั่งเบาะหลังจนได้
แต่หยางหยางยังนั่งคุมเชิงด้านหน้า รอให้เจ้าของรถปริศนานั่นแสดงตัวออกมา
“ก้มตัวราบกับเบาะซะ”
หลังเขาสั่งครั้งสุดท้าย เสียงปืนนอกรถก็ดังขึ้น
รถคันนี้เหมือนไปปรับแต่งใหม่ กลายเป็นรถกันกระสุนโดยสมบูรณ์แบบ
ไม่มีนัดไหนที่ทะลุเข้ารถคันนี้ได้ มิน่าล่ะ
คุณหยางหยางเขาถึงไม่รอให้อี้เฟิงจ่ายเงินจนครบ
เพราะมันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเสมอ
จนเมื่อเสียงปืนเงียบ และเหตุการณ์สงบลง
หยางหยางเฝ้าดูเหตุการณ์อีกครู่ อี้เฟิงก้มราบกับเบาะไม่มองอะไรทั้งนั้น
“นั่งอยู่ในนี้ อย่าไปไหน”
เสียงทุ้มของหยางหยางเอ่ยสั่งอีกครั้ง น้ำเสียงจริงจังทำให้อี้เฟิงไม่กล้าขยับไปไหนอย่างที่อีกฝ่ายบอกไว้
“เป็นยังไง” ลูกน้องคนสนิท
อาหงและอาเฉินและลูกน้องจำนวนหนึ่งตามมาสมทบได้ทันท่วงที ทุกครั้งหากเขาขับรถไปเอง
ลูกน้องของหยางหยางก็จะขับตามมาในอีกระยะหนึ่ง
เพื่อความเป็นส่วนตัวของเจ้านายแบบหยางหยาง แต่เพราะการจราจรติดขัดของถนนในเมืองใหญ่
จึงคลาดกับรถที่หยางหยางขับมาส่งอี้เฟิงไป
จึงเป็นช่องว่างให้พวกที่รอลอบทำร้ายหยางหยางอย่างที่เคยเจอมา
พวกมันย่ามใจว่าครั้งนี้หยางหยางหลุดจากการคุ้มกันมาคนเดียวก็น่าจะจัดการได้
แต่หยางหยางได้สั่งให้คนเอารถคันสุดท้ายคันนี้ไปเข้าอู่ซ่อมและเปลี่ยนเป็นรถฟิล์มกันกระสุนเสีย
เขาขับคันอื่นอยู่นานและคันนี้ก็เป็นคันสุดท้ายที่ยังไม่ได้ปรับเปลี่ยน
วันนั้นก็เป็นวันที่เขาจะเอารถคันนี้ไปเข้าอู่พอดี
แต่ก็มีเรื่องของหลี่อี้เฟิงเข้ามาเสียก่อน
คุณครูของเขาตกกระไดพลอยโจรอย่างบังเอิญจริง ๆ
“เรียบร้อยครับ”
“ดี เก็บกวาดให้เรียบร้อยด้วย”
“ครับ”
หยางหยางรู้สึกหนักใจไม่น้อย
แม้จะลั่นวาจาอย่างเป็นทางการท่ามกลางคนนับร้อยในที่ประชุมใต้ดินครั้งสุดท้ายว่าเขาจะล้างมือและออกจากวงการมาเฟีย
แต่มันก็แค่คำพูด
เขาคงทำไม่ได้จริง ๆ หากยังเจอเหตุการณ์เช่นนี้
การแก่งแย่งอำนาจ เพราะเขายังมีอิทธิพลในเมืองนี้อยู่
และมันจะไม่มีทางหายไปได้ง่าย ๆ แน่ เพราะตระกูลหยางสั่งไว้มาเป็นเวลานาน
หลายช่วงอายุคน
“ช่วยไมได้สินะ”
ใบหน้าหล่อแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายออกมาเพียงชั่วครู่และเก็บความรู้สึกนั้นไว้
เปลี่ยนสีหน้าให้เรียบเป็นปกติ ก่อนกลับเข้าไปหาคุณครูที่นั่งอยู่ในรถ
“คุณอี้เฟิง”
“อะ..หา.. ผม..โอเค สบายดี”
ท่าทางของคุณครูไม่ได้เป็นอย่างที่บอก อี้เฟิงตัวสั่นน้อย ๆ
เหมือนแมวน้อยเจอเสียงดังจนตกใจแม้ใบหน้าซีดเพราะเจอเหตุการณ์เมื่อครู่ แต่เรียวปากอิ่มยังส่งยิ้มและบอกไม่เป็นไร
“ผมโอเค จะถึงบ้านผมแล้ว คือ...คือ..ผมเดินไปเองได้นะ”
หยางหยางเข้ามาในรถ ทรุดนั่งตรงเบาะยาข้าง ๆ
คุณครูที่ยังดูตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่
“ผมจะไปส่งคุณ แต่ตอนนี้คุณต้องอยู่ตรงนี้ก่อน ซักครู่”
วงแขนแกร่งทั้งสองข้าง โอบร่างที่สั่นน้อย ๆ
ไว้กดแรงเพียงนิดให้ร่างนุ่มนิ่มของคุณครูซบลงตรงไหล่
เมื่อมือแกร่งทั้งสองโอบจนแนบแน่น
มือเรียวของอี้เฟิงที่กำไว้แน่นตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ก็คลายออก
และคว้าชายเสื้อของชายหนุ่มที่กอดตัวเขาไว้
“ขอโทษนะ คุณครู”
คุณครูที่อยู่ในอ้อมกอดของหยางหยางเริ่มนิ่งและสงบลง
ตัวไม่สั่นแบบเมื่อครู่แล้ว
อี้เฟิงพยักหน้าให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขาได้ยินคำเมื่อครู่ และส่ายหัวทันที
หยางหยางยิ้มขำทั้งที่ยังกอดคนตัวนุ่มนิ่มไว้
“ตะกี้หยั่งกะละครในทีวีเลยแหน่ะ”
ประโยคสั้น ๆ
ชวนขำขันของคุณครูอี้เฟิงทำให้หยางหยางปล่อยกอดร่างนุ่มนิ่มแล้วยกมือเขกหน้าผากของคนขี้เล่นเสียซักที
TBC ------------- ที่ สุ ด ข อ ง ด ว ง ใ จ------------------------------- CHAPTER : 3
TALK :: แต่งไปกริ๊ดไปค่ะ ฮื้อออออออออออออออออออออ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น