วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

[Fic] ที่สุดของดวงใจ : หยางเฟิง --- CHAPTER :8



TITLE :  ที่สุดของดวงใจ
CHAPTER :  8
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG - 15 + NC -17 











อี้เฟิงหลับตาลง เขาสบถในใจ




ปัง!








“ฆ่ามันให้หมด”
เสียงปืนนัดล่าสุดที่ได้ยิน..อี้เฟิงคิดว่าคงเป็นเสียงสุดท้ายที่จะได้ยินในวินาทีที่มีชีวิตอยู่บนโลก
แต่..เขารอด





เสียงทุ้มเสียงหนึ่งที่อี้เฟิงคุ้นเคย สั่งการลูกน้องใต้ปกครอง ซึ่งเสียงนั้นเอ่ยเสียงดังจนทะลุโสตประสาทของอี้เฟิงเข้ามาในความคิด เหมือนร่างชายที่เอาปืนจ่อขมับเขาอยู่เมื่อครู่ หยุดนิ่งไปมีเสียงคล้ายคนล้ม ตากลมโตลืมขึ้นดูสถานการณ์รอบข้าง


“คุณหยางหยาง!





เสียงหวานสั่นเอ่ยเรียกชายหนุ่มที่อยู่ยืนตรงหน้า ยืนอย่างมั่นคง ร่างกายของชายหนุ่มมีบาดแผลบนใบหน้าและคล้ายจะมีที่ตำแหน่งอื่นด้วย เขาดูเหนื่อยเล็กน้อย  มาตั้งแต่เมื่อไหร่   อี้เฟิงก็ไม่แน่ใจนัก แต่เขาอยู่ตรงนั้นแล้ว 

“คุณหยาง..หยาง”


น้ำตากลั่นจากดวงตาคู่กลมโตหยาดหยดมาทีละน้อย เขาพยายายามแล้วที่จะไม่ร้องไห้ แต่เพราะอารมณ์หลากหลาย อย่างทั้งหวาดกลัว ทั้งตกใจ แต่ในที่สุดหยางหยางก็มาช่วยเขาไว้ได้อีกครั้ง 



แม้หิมะที่ทำให้หนาวเหน็บแต่ความอบอุ่นของเขามาหาแล้ว




“อี้เฟิง”


ชายผู้แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหยางส่งเสียงเรียกเจ้าของชื่อที่เหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ความกลัวและหวาดหวั่น ถึงแม้ริมฝีปากอิ่มจะเอ่ยเรียกเขา แต่แววตาคู่นั้นที่เขาหลงใหลยังคงฉายแววว่าตนนั้นกลัวสุดขีดสถานการณ์ในตอนนี้


หยางหยางไม่สามารถทำเหมือนเมื่อครั้งเก่า ที่ละเลยไม่กอดร่างของคน ๆ นี้ ทำร้ายทั้งตัวเอง และ ดวงใจของตัวเองด้วย




“ผมมาแล้ว”

เมื่อมุ่งมาหา ถึงตัวอี้เฟิง นั่งนั้นยังคงทรุดเข่าอยู่ที่นั่งเดิมไม่สามารถยืนขึ้นได้ แมวน้อยของเขาตัวสั่นไปหมด หยางหยางมองไปรอบ ๆ หน้าบ้านมีแต่คนเจ็บคนตาย บรรยากาศไม่สู้ดี  เขาสั่งการให้ลูกน้องเก็บกวาดเศษซากแห่งสงครามย่อม ๆ นี้ หลังจากพาลูกน้องมาเสริมทัพเพื่อจัดการกับพวกลอบโจมตี



ไอ้พวกเวรนี่ มันหมาลอบกัด ไม่เคยเปลี่ยนเลย  หยางหยางคิดในหัว และพลางสวมกอดร่างตรงหน้า ที่แม้ไม่สะอื้นไห้แต่ดวงตาคู่สวยกลั่นน้ำตาหยดใสออกมาไม่หยุด ร่างในกอดสั่นเทิ้ม  แค่นี้ก็ทำให้เขาโกรธตัวเองมากพอแล้ว


ผิดเอง ที่ไม่รอบคอบพอ  ฉันมันโลภมากและก็ยังทิฐิ..เกินไป



หยางหยางที่นำกำลังเสริมตรงมาที่บ้านอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ฝั่งเขาเองก็ถูกโจมตีหนัก แบบไม่ต้องสืบ ไม่ต้องหาให้เหนื่อย พวกมันบุกมาให้เห็นกันจะ ๆ กับตา  แสดงตัวให้เห็น วันนี้หยางหยางและทีมที่มีฝีมือ แบ่งกำลังกันดูแลทั้งที่บ้านและให้อารักขาเขา ผู้นำตระกูลหยางที่ถูกโจมตีหลายทาง ก่อนหน้านี้หยางหยางอยู่พื้นที่ก่อสร้างไซด์งานสำคัญที่จะเสียไปไม่ได้  ที่นั่นเป็นใจกลางรายได้หลักของตระกูล รวมถึงเป็นจุดสำคัญที่จะสร้างความยิ่งใหญ่ต่อไปของตระกูล เป็นเครืออสังหาที่เขาลงไปดูแลอยู่เรื่อย ๆ สลับกับที่อื่น


แต่จู่ ๆก็เกิดความผิดปกติ


 การก่อสร้างต่อเติมหยุดชะงัก และเป็นอย่างที่เขาคิด ตระกูลเฉินส่งคนมาทำลายการขยายอำนาจของเขา อีกหลาย ๆ ที่ก็คงเป็นฝีมือการสั่งการจากตระกูลเฉิน ถึงพวกที่เป็นพันธมิตร  เขาส่งลูกน้องไปจัดการที่อื่น แต่ที่ที่เขาไปมันสำคัญที่สุด จะจึงต้องรุดหน้าไปเอง เป็นดังคาดอีกเรื่อง นักฆ่าฝีมือดีมารวมกันทุกสารทิศ แต่มีหรือไอ้พวกนั้นจะแตะต้องเขาได้ ลูกน้องมีความสามารถของเขาปกป้องเขาด้วยชีวิต และแม้จะมีบางคนถึงตัวเขา หยางหยางก็จัดการได้หมด ทั้งใช้วิชาศิลปะป้องกันตัวที่เรียนมาตั้งแต่เด็ก และฝีมือการยิงปืนของหยางหยางไม่เป็นสองรองใครในวงการอยู่แล้ว ไม่กี่นาทีก็ควบคุมสถานการณ์ตรงนี้ไว้ได้ หยางหยางให้ลูกน้องที่เก่งกาจที่เขาไว้ใจ ดูแลตรึงกำลังตรงส่วนนั้น


มีแขกมาเยี่ยมก็ส่งแขกกลับให้ดี ๆ ... เป็นคำสั่งที่บอกให้ฆ่าทุกคนที่หันปืนใส่ แต่ผู้นำตระกูลหยางก็คิดว่าเรื่องทุกอย่างจะสงบลงแล้ว



แต่เมื่อรู้เรื่องราวที่น่าตกใจอีกเรื่อง เขาไม่คิดว่าตระกูลเฉินจะใช้วิธีเดิม  ๆ ตลบหลัง แหย่ให้เขาเดือดพล่านถึงขีดสุด นอกจากนั้นเขายังได้รับรายงาน ในขณะที่กำลังรีบไปที่เกิดเหตุว่า พวกตระกูลเฉินที่ฟื้นกลับมาใหม่ มีทั้งกำลังคนที่น่าตกใจมากกว่าที่เคยประมาณ และอาวุธที่ร้ายแรงทรงพลัง เขาไม่คิดว่าพวกมันจะมีเงินมากมายมาซื้ออาวุธใหม่ ๆ มา ทั้งกำลังคนที่เพิ่มขึ้น  เขาตัดกำลังและเส้นสาย ท่อน้ำเลี้ยงของมันทุกทาง หยางหยางจัดการไปหมดแล้ว



เขาก็ไม่คิดว่า ไอ้พวกนี้จะกลับมากำลังมากจนเขาต้องเกือบเพลี้ยงพล้ำ


ไว้เขาจะคิดบัญชีกับพวกมันหลังจากนี้ แต่ก่อนจะสืบเรื่องนั้น


ดวงใจของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย



เหตุการณ์ที่เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้น...

หลังจากรู้เรื่อง หยางหยางเร่งรีบกลับไปที่บ้าน เขาไม่ปล่อยให้ลูกน้องขับรถให้ด้วยซ้ำ ชายหนุ่มเร่งความเร็วถึงขีดสุด และเมื่อถึงบ้าน ก็เห็นภาพที่บาดหัวใจ กรีดเป็นแผลใหญ่


  พวกมันกำลังจะฆ่าอี้เฟิง



ท่ามกลางบรรยากาศที่หนาวเหน็บ หิมะที่กำลังจากฟากฟ้า มีหิมะที่กองอยู่ก่อนปกคลุมไปทั่วบริเวณของคฤหาสน์ตระกูลหยางโดยรอบ แม้หิมะสีขาว แต่มันมีสิ่งอื่น ทั้งคนเจ็บคนตายทั้งอื่น ๆ อยู่บนกองหิมะพวกนั้น  หิมะถูกชโลมด้วยสีของเลือด


เขาระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีต


ไม่..!



ลูกน้องของหยางหยางมาตรึงกำลังพร้อมที่จะให้ผู้นำอย่างหยางหยางสั่งการ เขาตั้งสติไม่กลายเป็นคนบ้าไปเสียก่อน เฝ้ารอจังหวะ ลงดาบพวกมัน


และเมื่อสิ้นเสียงสั่งการที่สื่อการผ่านเครื่องมือสื่อสาร หยางหยางออกคำสั่ง





ปัง!

กำลังของตระกูลเฉินในส่วนบ้านตายพร้อมกันหมด จากการโจมตีหนหลังที่สั่งการโดยหยางหยาง และนัดหนึ่งในนั้น มาจากปืนกระบอกหนึ่งที่อยู่ในมือของหยางหยาง แสกหน้าเข้ากลางหน้าผากของชายที่เป็นพวกของตระกูลเฉิน หยางหยางที่มีฝีมือแม่นปืนชนิดหาตัวจับยาก แม่นราวจับวาง เขาลั่นไกปล่อยกระสุนนัดนั้นออกไป และไอ้คนที่กำลังจะใช้ปืนจ่อเข้าที่ขมับของอี้เฟิง ตายทันที


โชคดีที่อี้เฟิงไม่ทันเห็นตอนเขาฆ่าคน เด็กคนนั้นหลับตาอยู่ และหลังจากนั้นเขาจะต้องรีบไปกอดปลอบดวงใจที่สั่นไหว











“ผมมาแล้ว...”


หยางหยางวิ่งย่ำหิมะไป เร่งความเร็ว และเมื่อถึงตัวอี้เฟิง เขาโผเข้ากอดอีกฝ่ายไว้ ร่างที่ถูกกอดยังคงสั่นน้อย ๆ แม้จะสงบลงมากแล้ว รอบตัวทั้งคู่ คนของตระกูลหยางกำลังเก็บกวาดพื้นที่ทั้งหมด มีคนหนึ่งตรงมารายงานให้ผู้นำตระกูลให้ทราบ



“บนห้องของนายเคลียร์เรียบร้อยแล้วครับ แต่ต้องซ่อมแซม”
“อืม”



เขารับคำ เมื่อจบรายงานคนของเขาก็ไปทำงานต่อ เหมือนอี้เฟิงจะนึกอะไรได้ ร่างนั้นขืนตัว ผลักอกหยางหยางออกจากกอด


“คุณ... เสี่ยวอิ๋ง ผมเอาเสี่ยวอิ๋งแอบไว้ในกระเป๋าเดินทาง”




ร่างนั้นพูดไปพลางเสียงสั่น บอกจบก็ลุกขึ้นตรงไปยังห้องนอนของหยางหยาง อี้เฟิงวิ่งตรงไป มีคนของตระกูลหยางกำลังเก็บกวาดซึ่งมีทั้งคนทั้งเศษซากที่ถูกทำลายไป


และเด็กน้อยปลอดภัย



“ป๊าคะ พี่อี้เฟิง!


เธอพุ่งตรงมา ทั้งคู่ที่มาถึงเกือบจะพร้อมกัน แต่อี้เฟิงหยุดก้าวให้หยางหยางได้พบกับลูกสาวของเขาก่อน เสี่ยวอิ๋งสวมกอดผู้เป็นพ่อและร้องไห้ออกมาเสียงดัง สะอื้นร่ำไห้อย่างไม่ปิดบัง คนของตระกูลหยางออกจากห้อง ให้เวลาส่วนตัวตรงนี้ของผู้เป็นนาย  หยางหยางโอบกอดเด็กน้อยที่กำลังกลัว เขาต้องทำให้ลูกสาวมาผจญอันตรายครั้งที่เท่าไหร่แล้วกัน แต่เด็กน้อยก็ยังยืนหยัดที่จะอยู่กับเขา หลังจากที่ถูกทำร้ายทั้งกายใจสารพัด


“ป๊าอยู่นี่แล้ว ป๊ามาช่วยแล้วนะ”
“ฮึก..ค่ะ ป๊า..ฮึก  ของเสี่ยวอิ๋งเก่งที่สุดในโลก...ฮึก”


เด็กน้อยสะอื้นไปพูดไป และปล่อยโฮออกมาอีกรอบ อี้เฟิงที่ทรุดนั่งอยู่ข้าง ๆ ก็พาลร้องไห้ไปด้วย เขาดีใจที่เสี่ยวอิ๋งไม่ถูกพบเสียก่อนและถูกทำร้าย หยางหยางแม้มีบาดแผลฟกช้ำ ก็ไม่ได้รับอันตราย...ส่วนตัวเอง ก็รอดตาย






“ดี..จังเลย..”








คุณครูคนเก่งที่พูดอะไรออกมาบ้าง ปลดปล่อยความโล่งใจออกมา และในที่สุดก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่ อี้เฟิงที่ยังตระหนกตกใจ และกลัวสุดขั้วหัวใจ คิดว่าจะได้พบกับความตายแล้วในวินาทีนั้นแต่ชายหนุ่มที่กอดลูกสาวอยู่ตรงหน้า เป็นผู้ช่วยเขาไว้ได้อีกครั้ง  ความอบอุ่นและความปลอดภัยนี้ หลี่อี้เฟิงจะไม่มีวันปล่อยมือไป ไม่มีทางจากไปแน่นอน




ความคิดของอี้เฟิงคืออยากกอดเขาให้นานที่สุด และอยากให้เขากอดอี้เฟิงให้นานที่สุดเหมือนกัน




“มานี่..”

หยางหยางเผยมือที่ละจากการโอบลูกสาวข้างหนึ่ง หันเบี่ยงตัวมาหาอี้เฟิง รวบตัวคุณครูที่สะอื้นตัวโยนมากอดไว้แนบแน่น มือใหญ่ลูบหัวให้อี้เฟิงสงบ อีกข้างหนึ่งก็ตบหลังให้ลูกสาวเงียบด้วย ตอนนี้มีดวงใจของเขาทั้งคู่กำลังร้องไห้ อาจจะเพราะทั้งยังตื่นกลัวและโล่งใจที่ปลอดภัยแล้ว


“ดวงใจของผม...ไม่ร้องไห้นะคนดี”



เหมือนเป็นคำพูดที่ปลอบทั้งสองคน ในอ้อมกอดของเขา ประวัติศาสตร์วันหิมะแรกที่เขากลัว ..เขาไม่ทำให้มันเกิด เขาทำได้ มันไม่มีอีกแล้ว

ต่อจากนี้หยางหยางจะเข้มแข็ง แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่กว่านี้ จะไม่มีใครมาทำอะไรดวงใจของเขาได้อีกแล้ว


แม้ทั้งสองจะร้องไห้ในอ้อมกอดของเขา สะอื้นตัวโยนทั้งคู่จนน่าเอ็นดู แต่คนที่อยากปล่อยความอัดอั้นที่อดกลั้นออกมาทั้งหมด


น่าจะเป็นตัวเขาเอง


หิมะในวันนี้มันควรจะละลายหายไปได้แล้ว

-------------- ที่สุดของดวงใจ-----------------





“น้าหนิง ยายหนูเป็นยังไงบ้างครับ”



เสี่ยวอิ๋งทั้งตื่นกลัว ทั้งตกใจ จนเป็นลมล้มสลบไป เป็นเพียงเพราะความอ่อนเพลีย และตื่นเต้นมากเกินไป เขาเชิญคุณหมอที่สนิทใจมาที่บ้าน เพื่อตรวจอาการยายหนู ลูกน้องที่บาดเจ็บเองก็ได้รับการดูแลด้วย น้าหนิงเธอไม่ได้รับบาดเจ็บนอกจากถูกเศษกระจกบาดและถูกคนที่บุกเข้ามาต่อยเข้าที่ท้อง เธออาสารับดูแลคุณหนูของเธอเอง


“อาการดีขึ้นแล้วค่ะ คุณหมอให้ยาและน้ำเกลือตอนนี้หลับไปแล้ว”


หยางหยางได้รับรายงานจากคุณน้าผู้มีบุญคุณ เขาโค้งให้คนที่เหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่แม้ไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด เธอรีบเข้ามาหาคุณชายของเธอและกอบกุมมือเจ้านายเอาไว้

“คุณชายคะ มันเป็นหน้าที่ของน้าอยู่แล้ว ตอบแทนทุกอย่าง ตระกูลหยางให้น้ามามากค่ะ แค่นี้ไม่เป็นไร..แต่คุณยังมีดวงใจของคุณอีกดวง ...”

ผู้นำตระกูลหยางหันไปทิศทางที่คุณครูคนเก่งนั่งอยู่ มีผ้าห่มผืนใหญ่คลุมที่ไหล่ พร้อมกับแก้วใบสวยในมือที่บรรจุนมอุ่นรสน้ำผึ้งไว้ เหมือนคุณน้าหนิงจะชงให้อี้เฟิงดื่ม




“อี้เฟิง”


ดวงตากลมโตทอดมองท่านประธานของหยางกรุ๊ปก่อนหลบตาไม่มอง ดวงตาที่สวยงามอย่างที่เขาว่ามันบวมเบ่งขนาดนี้ เขาร้องไห้เหมือนเด็ก ๆ สะอื้นเสียงดังแข่งกับเสี่ยวอิ๋ง ถึงจะอายแต่เขาอดกลั้นมามากพอแล้ว หยางหยางก็ยังกอดเขาที่ยังทำตัวเป็นเด็ก ๆ แบบนั้น กอดนั้นทั้งอุ่นทั้งปลอดภัย


อี้เฟิงเสพย์ติดความอบอุ่นของชายหนุ่มนามหยางหยางมากกว่าสิ่งใด



“แผลของคุณเป็นยังไงบ้าง “ ก่อนที่หยางหยางจะเอ่ยถาม อี้เฟิงกลับถามถึงอาการของอีกฝ่ายก่อน เขาส่ายหัวเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร ร่างสูงแข็งแรงไปยืนตรงหน้าคนที่นั่งขดอยู่บนโซฟา อี้เฟิงวางแก้วนมลง และวาดวงแขนรอบเอวของชายหนุ่ม มือแกร่งทั้งคู่ลูบหัวอี้เฟิงปลอบใจ 



ผู้นำตระกูลหยางคิดว่ายังต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้ แม้หยางหยางในตอนนี้เป็นปีศาจที่กำลังเดือดดาล และใกล้ระเบิดออกมาเต็มที แต่เขาจะต้องสงบกว่านี้เพื่อดูแลทุกคน ดวงใจทั้งสองของเขากำลังบาดเจ็บและทุกข์ใจ


แต่มันก็ทำใจลำบากเหลือเกิน


----- ที่สุดของดวงใจ------
                                                                                                                                       




แม้ไม่แน่ใจว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เขาถูกพาร่างมานอนอยู่ที่ห้องแปลกตา ไม่ใช่ห้องที่เขาคุ้น ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเป็นเรือนรับรองเรือนเล็กที่อยู่ด้านหลังคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ไม่ค่อยได้เปิดใช้การ มีฝุ่นบ้างประปราย แต่มันไม่ถูกทำลายจนเสียหายหนักแบบตัวคฤหาสน์ที่อีกสองสามวันกว่าจะเข้าไปอยู่อาศัยได้ เขาคงจะต้องอยู่ที่นี่ซักพัก




คุณหยางหยางคงพามา ....


แต่

คุณหยางหยางล่ะ ไปไหน ? อี้เฟิงคิดถึงอีกคน เขาติดหยางหยางแจเหมือนเด็ก ยิ่งกว่าลูกสาวตัวน้อยของอีกฝ่าย หรือจะอยู่กับเสี่ยวอิ๋ง


เมื่อคิดได้แบบนั้นก็ตกลงใจว่าคงจะใช่ อี้เฟิงจึงนอนที่เดิม และหลับตาลง เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นวนผ่านเข้ามาในหัว เขากลัวมากจริง ๆ มันเป็นโลกที่อี้เฟิงไม่เคยเจอ คนอันตราย กระสุนปืน และความอันตรายหลายรูปแบบ ชีวิตที่อยู่ในความเสี่ยงตลอดเวลา เขานึกชมเสี่ยวอิ๋งที่อยู่มานานกว่าเธอยังดูเข้มแข็งกว่าอี้เฟิงที่สติแตกเมื่อได้พบหยางหยาง



มือข้างหนึ่งกำผ้าห่มแน่น  ทำใจให้สงบ เขาจะต้องเข้มแข็งและแข็งแกร่งมากกว่านี้  อี้เฟิงจะไม่ยอมแพ้เสี่ยวอิ๋ง ไม่เป็นภาระ อย่างน้อยก็ช่วยให้อีกฝ่ายสบายใจโดยที่ยิ้มให้และบอกว่าไม่เป็นไร เพื่อให้หยางหยางพร้อมที่จะไปจัดการกับอะไรทุกอย่างโดยไม่ต้องกังวล 



อี้เฟิงจะต้องเข้มแข็งเพื่อดูแลเสี่ยวอิ๋ง และที่สำคัญ


คน ๆ นั้นเชื้อเชิญให้เขาไปเป็นดวงใจแล้ว หยางหยางผู้นั้นแข็งแกร่ง ดวงใจของเขาก็ต้องเช่นกัน




หืม ? อี้เฟิงอุทานดังในใจ ซักครู่หนึ่ง เขารู้สึกแรงยวบตรงเตียงข้าง ๆ ตัว หยางหยางเปิดประตุเข้ามาในห้อง ในตอนที่อี้เฟิงกำลังคิดมากไปไกล  เมื่อดวงตากลมสวยฉายแววออกมาก เมื่อลืมตาตื่น ก็พบว่าเป็นคนที่คิดถึงอยู่ตรงหน้า ร่างบนเตียงขืนตัวเองลุกขึ้นมานั่ง หยางหยางมองทอดอี้เฟิงด้วยสายตาบางอย่างที่ยากจะอธิบาย


“ผม.... “ เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ขาดเป็นห้วง ๆ ปลายเสียงที่ทิ้งท้ายสั่นจนคนฟังใจหวิว  อี้เฟิงยกมือช้า ๆ แตะที่ใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย


“คุณหยางหยาง...” อี้เฟิงร้องเรียกชื่อหยางหยาง แววตาของอีกฝ่าย อี้เฟิงเข้าใจแล้ว




เหมือนเขากำลังตกอยู่ในภวังค์ ในวังวนความหวาดวิตก กลัว และเสียใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงจะทำให้เขาระลึกถึงเหตุการณ์ที่เคยพลาดพลั้งจนทำให้เกิดบาดแผลใหญ่ที่น่ากลัว

เอาล่ะ!


อี้เฟิงกำลังพยายามทำในสิ่งที่อยากทำและเขาต้องทำให้ได้





“ผมน่ะ..ไม่เป็นไรแล้ว แค่ขี้แยไปหน่อย คุณสบายใจได้ ผมปลอดภัยเพราะคุณ คุณกอดผมแล้ว ผมดีขึ้นเพราะกอดของคุณ ยายหนูก็ด้วย เธอบอกว่าคุณเป็นฮีโร่ของคุณ เห็นมั้ยล่ะ”  แม้จะพูดเสียงเบาจนหยางหยางจะต้องหยุดลมหายใจเพื่อฟัง แต่นั่นทำให้หยางหยางยกยิ้มมุมปากขึ้นมาเหมือนขอบคุณที่อี้เฟิงไม่เป็นไรและสดใสจนแสบตา


และเมื่อแววตาคมกริบกลับมาจากวังวนที่ตกลงไป เพราะรอยยิ้มที่อี้เฟิงมอบให้ หยางหยางยกมือข้างหนึ่งแตะทับมือของอี้เฟิงที่แนบอยู่ที่ใบหน้าของเขา ชายหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่ ผู้นำของตระกูลหยาง



ในตอนนี้




เขากำลังร้องไห้




“ผมคิดว่าผมจะต้องเสียยายหนูกับคุณไป  มันเหมือนกับวันนั้น ..เหตุการณ์ที่เกิด มันเหมือนวันนี้ หิมะสีเลือดพวกนั้น ผม..”

หยางหยางเล่าเรื่องออกมาทีละน้อย อี้เฟิงพยักหน้ารับตั้งใจฟัง รอยยิ้มยังทออยู่บนใบหน้าหวาน ชายหนุ่มหลับตาสูดลมหายใจ อยากระบายทั้งหมดออกมา


“ผม..คิดว่ายังไงก็ต้องปกป้องทุกคนให้ได้ .. “
“คุณทำได้แล้วคุณหยางหยาง”


คำปลอบใจที่เป็นผล หยางหยางยิ่งจมหน่วงลงในความรู้สึก น้ำตาของชายหนุ่มหยาดออกมาอีกหยด เขาปลดปล่อยความทุกข์ใจทั้งหมด มันปลดล็อคสิ่งเป็นเหมือนคำสาปที่หนาวเหน็บในใจ เพื่อนรักและคนที่รักถูกฆ่าท่ามกลางความหนาวของหิมะ พวกตระกูลเฉินถึงขั้นลากพวกเขามาฆ่าและทิ้งศพจมกองเลือดและหิมะไว้หน้าบ้านของพวกเขา หยางหยางระลึกถึงความทรงจำตอนนั้น เขาไปไม่ทัน ทุกคนในบ้านนั้นถูกฆ่า หิมะชุ่มโชกด้วยเลือดไปทุกหนแห่ง ในบ้านก็ถูกชโลมด้วยสีเลือดเช่นกัน เขาเดินไปรอบ ๆ บ้านของเพื่อนรักและคนที่รักที่สุดในอดีต ไม่พบใครเลย แต่เหมือนปาฏิหาริย์ เขาได้ยินมาจากที่ไกล ๆ เสียงเด็กร้องไห้ อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้าน เด็กน้อยแบเบาะถูกห่มด้วยผ้าเนื้อดีอยู่ในตะกร้าขนาดเท่าตัวเล็ก ๆ นั้น หยางหยางโอบอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา  ทำไมเขาจะจำไม่ได้  โซ่คล้องใจของเพื่อนรักและคนที่เขารัก ทั้งคู่สร้างครอบครัวที่มีความสุขด้วยกัน มีหนูน้อยคนนี้ แต่เจ้าพวกนั้นกลับใช้คนสำคัญของเขาเป็นเครื่องมือ


หลังจากวินาทีนั้นเขาก็กลายเป็นปีศาจฆ่าล้างทุกคน และสัญญาว่าวงการที่มืดมนไร้หนทาง ความน่ารังเกียจนี้ควรทำให้หมดไป แม้เขาจะอยู่ในวงการมาเฟียมา แต่เขาไม่ได้นึกหลงใหลในอำนาจที่ได้มาเลย


ทั้งหมดที่คิดก็ยังเป็นแค่ความคิด..เขาไม่รู้จะเริ่มต้นบอกอี้เฟิงอย่างไรให้อีกฝ่ายฟังแล้วไม่ทุกข์ไปกับเขา


แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่คาดคั้นอะไรเลย




“คุณหยางหยาง..หากวันไหนที่คุณอยากบอกอะไรผม  อะไรก็ได้ ผมรอที่จะฟังคุณอยู่เสมอ”


หยางหยางเอียงคอและยิ้มออกมาบ้าง กุมมือที่อบอุ่นข้างนั้นของอี้เฟิงไว้แน่น ตอนนี้ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พร้อมที่บอกอะไรกับอี้เฟิงเลย สถานการณ์ที่เป็นอยู่และเรื่องราวที่อยากบอกมันจะปะทะกันรุนแรง แต่อี้เฟิงก็เหมือนเข้าใจความรู้สึกของหยางหยาง


ทุกอย่างนี้....ซักวันหนึ่ง เขาจะเล่าให้อี้เฟิงฟัง เล่าให้เหมือนเพียงเรื่องราวหนึ่ง ทั้งความโหดร้ายในเหตุการณ์ในอดีต ความรักของเขาในตอนนั้น มันก็เป็นเพียงแค่ความทรงจำที่ทั้งดีและร้าย



ปัจจุบันของเขาเป็นหลี่อี้เฟิง และยายหนูที่น่ารัก



หยางหยางทำใจมานานแล้วว่า หากอดีตแก้ไขไม่ได้ ปัจจุบันที่อยู่ตรงหน้าเขาจะทำให้ดีเท่าที่ชีวิตนี้จะทำได้


“ขอบคุณ อี้เฟิง..ขอบคุณ”
“อะไรกัน คุณก็พูดแต่คำนี้ ผมสิต้องพูดกับคุณแทน”


ประโยคย้อนคืนที่ติดตลก เสียงหวานหัวเราะน้อย ๆ ออกมา หยางหยางยกเอามือนิ่มข้างนั้นที่กอบกุมไว้ยกมาจูบประทับ เจ้าของมือข้างนั้นเบิกตาตกใจ แก้มแดงระเรื่อ



แค่นี้..ก็พอแล้ว



ในตอนนี้ เขาจำเป็นต้องไปสะสางหนี้แค้นนี้ทั้งหมด


“ผมต้องไปแล้ว”
“คุณจะไปไหน ไม่ได้นะ!




อี้เฟิงรั้งหยางหยางเอาไว้ เมื่ออีกคนบอกจะไป


“ผมจะกลับมา ไม่นานหรอก”
“ไม่ได้นะ คุณจะไปหาพวกนั้น คนที่ส่งคนมาทำร้ายพวกเราใช่มั้ย ไม่ได้!

หยางหยางหน้านิ่วคิ้วขมวด อี้เฟิงขัดใจเขาเป็นครั้งแรก กล้าขึ้นเสียงมาขัดใจเราเชียวหรือ


“คุณรู้ตัวใช่มั้ยว่าตัวเองตอนนี้เดือดพล่าน เลือดร้อนขนาดไหน.. “ อี้เฟิงบอกให้ได้ยิน แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขารู้ตัวอยู่แล้ว




“ผมจะไม่ให้คุณเป็นอะไรไปมากกว่านี้”
“แต่พวกนั้นต้องรอทำร้ายคุณแน่ ๆ เขาบุกมาถึงที่นี่ มาเพื่อทำร้ายพวกเรา คุณจะต้องโมโหมาก พวกนั้นรู้ดี”


หยางหยางถอนหายใจ แตะมือข้างหนึ่งที่อี้เฟิงรั้งไว้ มากุมและบีบเบา ๆ เป็นเชิงให้อีกฝ่ายสงบใจลง


“ผมไม่เป็นไร”
“แต่คุณ..คุณในตอนนี้กำลังโมโห คุณก็เสียคนไปมาก ทั้งยังบาดเจ็บอีก อย่าไปเลย ..อย่างน้อยคุณก็ควรจะเตรียมการแล้วไปหาก็ไม่สายนะ “


เด็กคนนี้...  หยางหยางมองใบหน้าหวานที่เหมือนจะประมวลผลและเข้าใจสถานการณ์ดีกว่าที่เขาคิด อี้เฟิงเอนตัวไปด้านหลังถอยห่างจากหยางหยาง เหมือนนึกอะไรได้



พูดอะไรออกไปเนี่ยเรา!  เพราะคิดว่านั่นน่าจะดีเลยพูดออกไป แต่อี้เฟิงคิดว่าเหมือนตัวเองสู่รู้ ไปขัดไม่ให้หยางหยางไป ก็จริงที่อยากให้เขาอยู่ด้วยนาน ๆ แต่ถึงจะดูสงบลงแล้ว ไม่ดูน่าเป็นห่วงเหมือนเมื่อครู่ก่อนหน้า แต่อารมณ์เดือดพล่าน ความโมโหสุดขีดนั่นยังอยู่ไม่ผิดเพี้ยนแน่ ๆ หากหยางหยางออกไป ตอนนี้ เพราะว่าพวกเราที่เขาต้องปกป้องปลอดภัย เขาจะอาละวาดได้ง่าย อี้เฟิงคิดให้ลึกไปว่า นี่อาจจะเป็นเรื่องที่คนพวกนั้นรออยู่



“รอให้อารมณ์เย็นก่อน ให้คุณเย็นกว่านี้ มีสติ แล้วผมจะปล่อยไป ลูกน้องคุณยังเจ็บอยู่มาก พวกนั้นมีอาวุธน่ากลัวอยู่ด้วย จะไปทั้งที่คุณยังเป็นแบบนี้น่ะหรือ....”



พอพูดจบก็ถอนหายใจ อี้เฟิงคิดว่าเดี๋ยวต้องจะโดนดุว่าเขามันจะไปรู้อะไร คน ๆ นั้นอยู่วงการนี้แต่อี้เฟิงเสียด้วยซ้ำที่เป็นคนนอก ไปแนะไปบอกเขา หยางหยางจะโกรธที่ไปยุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่งก็ถูก เขาฟังก็บ้าแล้ว .แต่อี้เฟิงแค่อยากจะบอกความคิดที่ตั้งใจอยากจะพูด แค่วิเคราะห์ด้วยสติที่กลับมาบ้างแล้ว



“งั้นหรือ..?” หยางหยางหันกลับมาหาอี้เฟิง   เลิกคิ้วประหลาดใจที่อี้เฟิงในตอนนี้ดูมีสติคิดอะไรได้มากกว่าเขาเสียอีก


ความทิฐิและความโกรธบังตาแท้ ๆ อี้เฟิงที่เป็นคนใจดีและอารมณ์เย็นกว่าเป็นนิสัยอยู่แล้ว เมื่อได้สติ เขาจะคิดวิเคราะห์อะไรได้ดี แถมความเป็นคุณครูของเขาจากทั้งวิญญาณในตัวทั้งการเรียน อี้เฟิงเลือกใช้ น้ำเสียงและถ้อยคำที่จะทำให้หยางหยางใจอ่อนและอารมณ์เย็นลง คนเป็นครูก็ต้องใจเย็นแบบนี้ถึงจะคุยกับเด็กมันรู้เรื่อง



“เข้าใจแล้วคุณครู”  สรรพนามที่เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอี้เฟิง ทำให้รู้ว่าเขาคิดอะไรบางอย่างได้และเย็นลงบ้างแล้ว ใบหน้าหวานส่งยิ้มให้ แอบลอบถอนหายใจ โล่งอกที่อีกฝ่ายไม่ใจร้อนออกไปตอนนี้


“คุณคิดว่าอีกฝ่ายจะดักรอผมที่สติขาดงั้นหรือ “
“ก็..คือ ผมอาจจะสู่รู้ไปหน่อย แต่ก็เดาว่าแบบนั้น คุณที่เห็นสงบๆ แบบนี้แต่พออารมณ์ร้อนล่ะน่ากลัว เผลอทำอะไรแบบไม่ทันฉุดคิด ผมกลัวว่ามันจะทำให้คุณเป็นอันตราย แถมยังมีคนของคุณอีกนะ”
“ก็เป็นความคิดที่ไม่เลว ..”


หยางหยางกลับมานั่งที่เตียง ข้าง ๆ ร่างของคุณครูที่เขาเอ่ยเรียก เหมือนอีกฝ่ายจะรับรู้ว่า แววตาของหยางหยางเปลี่ยนไปแล้ว



“ถ้าอย่างนั้น คุณครูคิดว่าผมควรทำอย่างไร”
“ก็..เอ่อ..ยังไงดีล่ะ คุณก็รอ... เตรียมตัว ก็ค่อยไปตอนที่วางแผนอย่างรัดกุมแบบผมดูในหนังก็เตรียมการไปให้ดี ๆ ก็ชนะ..เอ่อ..ล่ะมั้งนะ”



พูดไปก็ยกมือยกไม้ทำตัวไม่ถูก เพราะไม่ใช่เรื่องที่คุ้นเคย แม้จะถูกถามก็ตอบแทบไม่เป็นประโยค อ้างโน่นอ้างนี่ หยางหยางเห็นอากัปกริยานี้ น่ารักจนห้ามใจไม่ไหว

“อ๊ะ!
“ผมชอบใจจริง ๆ เวลาอยู่ใกล้คุณ คุณทำให้ผมรู้สึกดีแถมยังทำให้ผมใจเต้นได้ตลอดเวลา”
“ห๊ะ? “



ขณะที่อี้เฟิงกำลังจริงจัง แล้วคน ๆ นี้ล่ะ! อี้เฟิงค้อนผ่านสีหน้า แววตาที่เคร่งเครียดและดุดันเมื่อครู่หายไป อี้เฟิงก็ดีใจอยู่หรอก แต่ที่กลับเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์นั่งอยู่ตรงหน้าเนี่ย น่ากลัวกว่าเมื่อครู่นี้อีก


“แบบนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นดวงใจของผม เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้แล้วสินะ”
“ก็เอ่อ..อยู่มาก็ตั้งนาน เสี่ยงตายก็หลายครั้ง ก็ต้องรับรู้อะไรบ้างสิครับ”


คุณครูบอกเสียงเบาจนหยางหยางจะต้องโน้มตัวมาฟังอีกรอบ พูดเสร็จอี้เฟิงก็เบี่ยงตัวหลบออกมา



ในเมื่อไม่ให้ออกไปไหน หยางหยางก็ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง ก่อนที่จะไปจัดการ ในช่วงเวลานี้ เขาก็ควรใช้มันให้เป็นประโยชน์




เล่นกับแมวตัวนุ่มนิ่มเสียหน่อยแล้วกัน



เขามองอีกฝ่ายที่ทำตัวน่ารัก หยางหยางอดกลั้นไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
ทั้งแสนดี ทั้งน่ารักแบบนี้



ถ้าวันนี้เขาไม่ได้คน ๆ นี้มาเป็นของเขา ก็อย่าเรียกว่าเขาเป็นผู้นำตระกูลหยางอีกเลย




“อี้เฟิง..” แต่ไม่ทันจะลุกหนีไปไหน มือแกร่งก็รั้งเอวของร่างนุ่มนิ่มไว้ทัน รวบเข้ามาไว้ในอ้อมกอด วงแขนกอดกระชับให้แน่น และทิ้งร่างพาทั้งสองคน นอนแนบไปกับเตียง



“ดะ ..เดี๋ยว  คุณหยางหยาง..”
“พร้อมที่จะเป็นดวงใจของผมอย่างสมบูรณ์หรือยัง..?”



ถามแบบนี้แล้วด้วยสายตาแบบนี้  ใครมันจะปฏิเสธลงวะ พ่อคุณ... อี้เฟิงโอดครวญในใจ มือแกร่งเริ่มไต่ไล้มาตามผิวเนียนลื่นมือ และซุกซนเข้าไปใต้ร่มผ้า คุณครูเริ่มรู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมา จึงเบี่ยงตัวหลบไม่ให้โดนกันง่าย ๆ มือของชายหนุ่มร้อนเหมือนไฟลน


“มะ.ไม่รู้ ผมไม่รู้”

แม้ตอบปฏิเสธก็ไม่รอด ร่างแข็งแรงกักขังด้วยวงแขนของเขา อี้เฟิงจะหลบไปไหนก็ไม่ได้แล้ว มือข้างหนึ่งที่ก็ซุกซนพอกัน หยางหยางกดข้อมือตรึงร่างของอี้เฟิงไว้กับเตียง ท่อนล่างเขาใช้ขาของตัวเองแทรกผ่านระหว่างกลางขาสองข้างของอี้เฟิง


“จะไม่รู้ไม่ได้นะ อี้เฟิง คุณทำผมมีอารมณ์ขึ้นมาแล้ว”
“อะไรกันเล่า ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!
“หน้าตาน่ารัก ๆ ของคุณ ยิ้มของคุณ ผิวสวย ๆ ก็ด้วย ดวงตาอ้อนเป็นแมวน้อยแบบนี้ วันนั้นที่คุณมาขอให้ผมกอด ผมไม่ปล้ำคุณจมเตียงไปก็ดีเท่าไหร่ “



แววตาของหยางหยางตอนนี้ อี้เฟิงสาบานเลยว่า ไม่เคยพบเจอคนที่อันตรายจนอยากหนีและคนที่น่าหลงใหลจนอยากกอด คนที่ทำให้รู้สึกทั้งสองแบบนี้ไปพร้อม ๆ กัน ไม่เคยเจอเลย แรงของอี้เฟิงสู้หยางหยางไม่ได้เลย ทั้งร่างกายที่แข็งแรง กล้ามเนื้อนั้น กับอี้เฟิงที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลย กำลังอะไรจะไปสู้เขา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ มือข้างหนึ่งที่ยังดิ้นได้ อี้เฟิงใช้มันแตะที่แก้มของหยางหยางและปัดให้ใบหน้าหล่อและร้ายราวปีศาจในตอนนี้หันไปทางอื่น



“อย่ามา..ทำ..รุ่มร่ามนะ!
“แล้วจะให้ผมทำยังไง ให้ปล่อยคุณไปหรือ ตอนนี้ ? ไม่ได้มั้งคุณ”
“หยุดเลยนะ เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นเข้าหรอก”
“มันจะเห็นกันยังไงก็ช่างปะไร ผมเป็นเจ้าของบ้าน”
“ก็อายบ้างได้มั้ยเนี่ย!



ในขณะที่สนทนากัน เป็นมือซุกซนของหยางหยางที่ไต่เข้าไปถึงร่มผ้าใต้กางเกง เขาพยายามปลุกเร้าอารมณ์สวาทให้อี้เฟิงคล้อยตาม อี้เฟิงกำลังจะบ้าตายอยู่แล้ว ถ้าลองเขาทำมากกว่านี้สิ


ไม่ช้าอี้เฟิงก็คงเป็นคนรั้งเขาแทนที่จะไล่ปาว ๆ เหมือนตอนนี้



“ทำไมล่ะครับ? คุณไม่อยากให้ผมกอดแล้วหรือ”
“ไม่ใช่แบบนั้นว้อย คนบ้า! กอดได้แต่ไม่ใช่แบบนี้ แล้วมือก็หยุดซักทีได้มั้ย!

อี้เฟิงทั้งขืนตัวออก ทั้งเอ่ยเสียงด่า แต่มือซุกซนที่ละจากการตรึงร่างอี้เฟิงเข้าไปถึงจุดต้องห้ามที่อี้เฟิงคาดโทษหยางหยางไว้ในใจ ส่วนอ่อนไหวของอี้เฟิงกำลังถูกปลุกปั่น อารมณ์ถูกจุดขึ้นมานับตั้งแต่นี้ ขาเรียวยกขึ้นตามสัญชาตญาณ มวลในท้องไปหมด ใบหน้าหวานเริ่มขึ้นสีเพราะอารมณ์หวามถูกจุดเรื่อย ๆ มือแกร่งข้างนั้นไม่หยุดเลยแม้แต่วินาทีเดียว จนอี้เฟิงเหนื่อยจะห้าม


“....อื้อ...พอแล้ว..ไม่นะ”
“แน่ใจหรือ ว่าไม่ต้องการผม”


ตรงกันข้ามกับที่อี้เฟิงร้องบอก ปฏิเสธแต่มือข้างที่ไม่ถูกพันธนาการกลับคว้าชายเสื้อเขาไว้ หน้าไม่อายเลยอี้เฟิง  ที่ไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำอะไรตามใจแบบนี้ เพราะมันน่าอายต่างหาก มันพูดไม่ถูก คล้ายกับเขายังไม่กล้าพาให้ตัวเองมาจุดนี้แต่ตอนนี้มันมาถึงเร็วจนห้ามไม่อยู่


มือข้างนั้นที่ยังวุ่นวายอยู่ใต้กางเกงชั้นในของอี้เฟิง ขยับเขยื้อนให้เร็วขึ้น ปลุกความสวาทขึ้นมา ไฟถูกจุดเร่งให้เร่าร้อน ร่างสวยบิดไปมาเพราะความหวาบหวาม เสียงหวานหลุดครางให้ได้ยิน หยางหยางแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว



“อ๊ะ..อ๊า พอเถอะ..คุณหยางหยาง..พอ”
“ผมหยุดไม่ได้แล้ว..” 





ร่างแกร่งที่อยู่ด้านบนทาบร่างอี้เฟิงอยู่โน้มมากระซิบใกล้ เสียงทุ้มสะท้านใจทำให้ยิ่งใจอ่อนยวบ...


ยิ้มร้ายบนใบหน้าหล่อเหลาถูกจุดให้เห็นอี้เฟิงมองดูคนด้านบนแล้ว ยิ่งใจสะท้าน อ่อนไหว อ่อนยวบเหมือนถูกไฟลนไปทั้งกาย


แม่ง.. อี้เฟิงสบถในใจ



“คุณ..อื้ม..มันบ้า..เอาแต่..ใจ...”
“ฮึ ครับ..ผมก็คิดแบบนั้นล่ะ “



หยางหยางหัวเราะชอบใจ และจัดการให้แมวน้อยใต้ร่างไร้ทางขัดขืนอย่างที่ว่า มือแกร่งรูดรั้งส่วนอ่อนไหวของอี้เฟิงจนปลายยอดเปียกชุ่ม ซึมผ่านกางเกงชั้นในออกมา พอถึงจุดหนึ่ง ๆ เช่นนี้ อี้เฟิงทั้งครางหวานทั้งบิดร่าง ยิ่งเห็นหยางหยางก็ยิ่งอยากขย้ำเรือนร่างนี้ให้จมกอดเขาอย่างที่คิดไว้จริง ๆ


“อ๊ะ..”



เสียงหวานครางออกมาอีกเพราะหยางหยางจัดการกระตุ้นความหวามอีกครั้งหลังจากถอดเสื้อผ้าเกะกะบนร่างของอี้เฟิงออกไป และเขาก็จัดการกับเสื้อเชิ้ตบนกายกำยำของเขาเองด้วย เรือนร่างสวยงามปรากฏสู่สายตาหยางหยาง ยิ่งจุดอารมณ์มากเท่าตัว อี้เฟิงอายจนแทบแทรกหมอนหนีไปเลย


“อย่ามองแบบนั้น..อื้ม ได้มั้ย”
“คุณ..น่ารัก”
หยางหยางบอกแบบนั้นทั้งมือข้างหนึ่งก็ยังวุ่นวายกับด้านล่างของอี้เฟิงไม่จบไม่สิ้น เมื่อสาแก่ใจจนได้ยินเสียงครางหวานๆ ของอี้เฟิงอีกรอบเขากลับมาสนใจเรือนร่างสวย ริมฝีปากร้อนประทับจูบ รอยทุกที่ผ่านไป เป็นร่องรอยที่บอกว่าคน ๆ นี้เป็นของเขา ยิ่งมากรอยยิ่งบอกถึงความหวงได้เป็นอย่างดี


“อย่า..มัน อ๊ะ..”



คนที่กำลังเหมือนคนบ้าที่อยู่บนกายอี้เฟิง เขาเร่าร้อนเหลือเกินจนอี้เฟิงไม่สามารถขัดอารมณ์คน ๆ นี้ ได้ ยิ่งมองสบตาก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายได้ใจ เพราะอี้เฟิงคิดว่าเขาต้องเผลอทำหน้าตาแปลก ๆ ออกไปแน่ ๆ เมื่อครู่ก็เห็นเหมือนหยางหยางยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เห็นอีกแล้ว แม้อยากจะดึงแก้มให้ยืดไปเลยแต่ทำได้ซะที่ไหนกัน มือไม้อ่อนไปหมด



“อี้เฟิง..”
“ไม่..อ๊ะ อื้ม.. ไม่ต้องมาเรียก”



โดนโกรธซะแล้ว ปล้ำทั้งโกรธ ๆ แบบนี้ก็ดี เร้าใจไปอีกแบบ หยางหยางชอบใจ อี้เฟิงจะว่าเขาอย่างไรก็ช่าง เขากำลังจะขึ้นสวรรค์เพราะอี้เฟิง ถึงคนน่ารักจะห้ามเขาก็ไม่สนใจแล้ว ใครจะไปอดใจไหวอยู่ เพราะใบหน้าหวาน ดวงตาออดอ้อนแบบนั้นแท้ ๆ เขาอดกลั้นมานานพอแล้ว



 คน ๆ นี้เป็นดวงใจของเขาแล้ว ก็ต้องทำตามเจ้าของดวงใจสิ


“หวาน..คุณหวานไปหมดทั้งตัว ..อืม”



เหมือนจากจะร้องขัดแต่เพราะหยางหยางจูบประทับที่แถว ๆ หน้าอก ดูดดึงจนเป็นรอยสีกุหลาบก็ทำให้เกิดเสียงครางออกมาแทน ไม่รู้ตอนนี้อี้เฟิงจะด่าเขายาวยืดไปถึงไหน คุณครูคงเทศนาเขาในใจ แต่ไว้ทำโทษทีหลังนะ


“ถือว่า..เป็นการติวพิเศษอย่างที่ผมบอกไว้นะ”
“..มะ..อ๊ะ ..เกี่ยวกันตรงไหนเล่า—“




เสียงขาดหายไป เพราะหยางหยางโถมน้ำหนักโน้มตัวเองมาจูบย้ำที่ริมฝีปากอวบอิ่ม กำลังจะเถียงเขาหรือก็จูบเสียเลย ทั้งคู่แลกเปลี่ยนความหวานสุดล้ำลึกท่ามกลางความเร่าร้อน เมื่อถอนจูบออกมา คุณครูคนเก่งหอบจนตัวโยนแต่ไม่ลืมจะค้อนคนบนร่างด้วยสายตาคาดโทษ หยางหยางคิดว่าจบกิจกรรมบนเตียงวันนี้คงโดนข่วนหน้า โดนโกรธแน่ ๆ


“ผม..จะเริ่มแล้วนะ”


เมื่อพูดจบ อี้เฟิงจะรั้งห้ามก็ไม่ทัน เขากลัวอีกเรื่องหนึ่งก็คือความเจ็บปวดตรงนี้นี่ล่ะ ไม่เคยมาก่อน มันจะไปคาดได้อย่างไรว่าจะเจ็บถึงประมาณไหน จินตนาการไปทั้งอารมณ์หวามแบบนี้ ใจมันมีสองทางทั้งชอบทั้งอยากปฏิเสธ เดาใจตัวเองไม่ถูกแล้ว



“.ดะ..เดี๋ยว..อ๊ะ อื้อ.อ๊ะ.”



หยางหยางไม่ปล่อยให้คุณครูได้พักหายใจหายคอ เขาใช้มือเดียวปลดเปลื้องตะขอกางเกงอย่างรวดเร็วเท่าอารมณ์ที่ถูกพาไป  เพราะเขาสะกดอารมณ์ทั้งหมดไม่อยู่เขามันเป็นพวกใจร้อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ท่าทีที่ดูขรึมที่แสดงออกไปก็เพราะต้องดูแลลูกน้องวางมาดและท่าทีกับคนในปกครอง ตัวจริงของเขาก็คล้ายกับพวกสัตว์ป่าที่หิวกระหายและตะกละตะกลาม

“ไม่ไหว..อื้ม...ร้อน ...เจ็บด้วย..ฮึก..”
“ผ่อนคลายหน่อยคุณครู อีกไม่นานเดี๋ยวก็ได้ไปสวรรค์กับผมแล้ว..”



เขาบอกคนใต้ร่างไปแบบนั้น แต่อีกคนก็ไม่เห็นด้วยกับเขาเลย อี้เฟิงยกมือข้างที่ว่างยกตีระบายความเจ็บปวด และเปลี่ยนเป็นรั้งกอดเขาแทน ข่วนหลังจนแสบไปหมด หยางหยางยิ้มออกมามีความสุขที่สุดในตอนนี้ ถึงอีกคนจะโกรธก็เถอะ ให้อภัยผมนะ คุณมันน่ารักเกินไป 


เพลงรักเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่สอดใส่ความคับใหญ่เข้าไปในร่างสวย หลอมรวมเป็นคน ๆ เดียวกัน หยางหยางก็เริ่มขยับช้า ๆ และเร่งจังหวะ ทำเอาคนในอกร้องไม่เป็นภาษา ครางหวานพาให้เขาอารมณ์ยิ่งพุ่งทะยาน ร่างที่แนบหลังอยู่บนที่นอนดิ้นเร้าบิดไปมาเพราะสุขสม


“อื้อ..อ๊ะ ..อ๊า มัน..อืม”
“อา..คุณ.. อย่าเกร็งเกินไป..อืม  ใจเย็น ๆ นะแมวน้อย”


อี้เฟิงปรือตามองอีกคน แต่อีกคนเห็นดวงตาคู่สวยฉ่ำน้ำตาหวานหยด ยิ่งทำให้เขาเร่งจังหวะไปจนสุดทาง พากันไปถึงสวรรค์ปลดปล่อยทั้งคู่จากความทรมาน  และสุขสมอย่างเต็มที่



“ฮึก.. มัน..มันร้อน..ฮึก”



หยางหยางเผลอปลดปล่อยน้ำขุ่น ๆ นั้นไว้ในร่างของคุณครูเสียแล้ว โดนอีกฝ่ายมองโกรธเอาด้วย แต่อีกฝ่ายก็ทำเขาเลอะเปรอะไปทั่วหน้าท้องเหมือนกัน อี้เฟิงที่สุขสมไปพร้อมกับเขา ปลดปล่อยล้นเอ่อออกมาจากก้นบึ้ง พอหยางหยางบุ้ยใบ้สายตาให้มอง อี้เฟิงเห็นผลงานตัวเองก็เบี่ยงหน้านหนี แต่หยางหยางเร็วกว่า จึงประทับจูบเร่าร้อนให้อี้เฟิงละลายอีกครั้ง


“พอ..แล้วนะ.. มันเจ็บ”



พูดแบบนี้เหมือนขอกันอีกรอบเถอะคุณ... หยางหยางโอดในใจ เขาอยากทำให้วันนี้สุขสมกว่านี้แต่เจ้าของเรือนร่างสวยน่ามองที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำรักและรอยสีกุหลาบทั่วร่างดูเหน็ดเหนื่อย..เขาเองก็เผลอใช้แรงไปเยอะ วันนี้เกิดเรื่องราวมากมาย ทั้งความยั่วสวาทของร่างที่อ่อนยวบในอกตอนนี้ ทำให้เขาเอาอารมณ์มาลงกับกิจกรรมบนเตียง คุณครูที่ถูกเขากระทำแบบนี้ ถ้าถูกโกรธก็ไม่แปลก แต่คนยิ้มสวยตากลมผล็อยหลับไปแล้ว เขาจัดการทำความสะอาดเบื้องต้นให้อีกฝ่ายนอนได้ถนัด ๆ และสบายตัว เขาเองก็ขอตัวไปจัดการอารมณ์ที่ยังไม่หมดไปในห้องน้ำต่อ


“วันนี้ผมจะทำตามที่คุณขอ “



อี้เฟิงขอไม่ให้เขาไปวันนี้ ก็จะทำตามแต่อย่างไรก็ต้องไป แค่วันนี้กอดให้อี้เฟิงรู้สึกอุ่นใจแล้วก็ไป ก็เพียงเท่านั้น




----------------ที่สุดของดวงใจ-----------------






“โอ๊ย..เจ็บ”  พอลืมตาตื่นความรู้สึกแรกเลยก็คือปวดเจ็บไปทั้งร่าง ทั้งส่วนบนส่วนล่าง จำเหตุการณ์เมื่อวานได้ อย่างกับสงครามย่อม ๆ บนเตียงนี่ คุณหยางหยางนั่นบ้าที่สุดและ..แถมยังร้อนแรงแถมเป็นคนตะกละมากเสียด้วย



ยิ่งคิดก็ยิ่งอาย..แบบนี้อย่าว่าแต่หน้าตาบ้านั่นเลย เสี่ยวอิ๋งกับเสี่ยวอ้ายก็ยังไม่กล้าจะมอง




ได้สติเลิกคร่ำครวญ เขาหันไปรอบห้อง ร่างของอี้เฟิงถูกเช็ดทำความสะอาดไปบ้างแล้ว แต่ด้านในยังเอาน้ำนั่นที่ถูกหยางหยาง..เอ่อ...ฝากเอาไว้  มันยังคั่งค้างอยู่ภายใน ไว้จะไปจัดการทีหลัง ตากลมโตมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ค้นหาบางสิ่ง


เขาไปแล้วหรือ...   ดวงตาคู่นี้หลุบลงต่ำนึกคิดถึงอีกคน








“คิดถึงผมล่ะสิ.”






แต่ไม่ทันจะได้คิดถึง เมื่อจบประโยคที่คิดในใจ  อี้เฟิงก็ได้ยินเสียงทุ้มเจ้าของเสียงคือคนที่ทำเขาทั้งโกรธทั้งเขินอายเมื่อวานนี้





“เอาอาหารเช้ามาเสิร์ฟครับ คุณครู”



ตากลมโตไล่เลียงมองอีกฝ่ายแบบระแวดระวัง หยางหยางนั่งลงใกล้ ๆ แต่อี้เฟิงพยายามขยับหนี ซึ่งหยางหยางก็ไหวไหล่เป็นเชิงบอกว่าแค่นี้น่ะ เดี๋ยวก็ไล่จับทันแต่อี้เฟิงไม่สนใจ กลับไปมองอาหารเช้าสนใจเสียเต็มประดา


เมื่อวานหมดแรง เพลียจนสลบ ตื่นมาก็หิวสุด ๆ ไปเลย... อี้เฟิงตวัดสายตาไปมองพลางคาดโทษชายหนุ่มข้างตัว


โดนโกรธจริง ๆ ซะแล้วสิ... หยางหยางคิดไป แต่ไมได้สำนึกผิดอะไร แถมยังทำตัวเจ้าเล่ห์อีก



“อรุณสวัสดิ์ครับ”   ในชณะที่อี้เฟิงก้มลงวุ่นกับอาหารเช้า หยิบเบเกอร์รี่ชิ้นหนึ่งมากิน หยางหยางก็ประทับจูบที่หน้าผากแผ่วเบา ทำให้คนถูกจูบอบอุ่นไปทั่วร่าง





ให้ตายเหอะ... อี้เฟิงโอดในใจหลายรอบ  อยากจะโกรธคน ๆ นี้ มาก แต่โกรธไม่ลง ปล้ำคนอื่นเขาแล้วก็มาทำตัวน่ารักใส่



“คุณมันแย่ที่สุด”
“ปล้ำแฟนตัวเองมันผิดตรงไหน”
“ผมไปตกลงกับคุณตั้งแต่เมื่อไหร่”
“คุณน่าจะเข้าใจคำว่า มาเป็นดวงใจ’  ของผมดีนี่”



ถูกย้อนแบบนั้นก็ยิ่งโกรธตัวเอง เพราะไปตอบตกลงหยางหยางแท้ ๆ เข้าตัวเองจนเถียงไม่ได้ อี้เฟิงโกรธหน้าดำหน้าแดงแต่ไม่มีแรงสู้เหมือนแมวเปื่อยที่เฉามือคนเลี้ยงแมว ตอนนี้ก็ทำได้แค่เติมพลังกับอาหารเช้านี่ และปล่อยให้หยางหยางมองด้วยสายตาเหมือนจะกินเขาได้ต่อไป อี้เฟิงไม่สนใจแล้ว!


“เลิกมองได้มั้ย กินไม่ลง!
“ดุจัง โกรธผมหรือ”
“ใครจะไม่โกรธล่ะหา”
“ผมแค่อยากทำให้มันสมบูรณ์ก็แค่นั้น”


ตานี่... อี้เฟิงยกแก้วนมที่ถูกเขาดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ ในนั้นหมดแล้ว ทำท่าที่จะเอาอันนี้ล่ะฟาดหัวคนขี้แกล้งนี่ซักที แต่หยางหยางก็ทำท่าเป็นเบี่ยงตัวหลบทั้งที่อี้เฟิงยังไม่ทำอะไรแท้ ๆ


“ออกไปห่าง ๆ เลย”
“ไม่เอาล่ะ ก็คุณบอกผมเองว่าไม่ให้ไปไหนนี่”
“ไม่ใช่แบบนี้ ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ออกไปเลย!



พอกินเสร็จอี้เฟิงก็ยกถาดส่งคืนผู้นำตระกูลหยางที่ยกยิ้มมีความสุขจนน่าหมั่นไส้ มองหาเสื้อผ้าของตัวเองที่ถูกถอดทิ้งไป หยางหยางนำมันมาวางใกล้ ๆ แล้ว เขาสวมใส่มันคืนอย่างระวัง ทีละชิ้นใต้ผ้าห่ม อีกคนก็มองอยู่ไม่เปลี่ยนจุดวางสายตา แอบอมยิ้มขำไปด้วย สนุกไปใหญ่



“ให้ตายสิ “ อี้เฟิงอุทานเบา ๆ กับตัวเอง กระฟัดกระเฟียดในใจ รู้สึกหมั่นไส้อีตามาเฟียผู้ยิ่งใหญ่นี่เหลือเกิน แต่ไม่ทันสังเกตอีกฝ่ายที่มองเขาในอีกอารมณ์และอีกแววตา




“อี้เฟิง..”


พอเปลี่ยนเสียงจริงจัง คนที่ถูกเรียกตกใจ หันไปมองด้วยความประหลาดใจ สงสัยในน้ำเสียงนั้น



“ผมจะไม่อยู่บ้าน..จะไปคืนนี้ ผมฝากยายหนูด้วย”







ไม่เหมือนเมื่อครู่ที่ยังมีแววตาขี้เล่นหยอกล้อ หยางหยางเปลี่ยนสีหน้าและแววตาจริงจังจนอี้เฟิงไม่สามารถว่าอีกฝ่ายปาว ๆ แบบเมื่อครู่ ตอนนี้เขาพูดจริงจัง



“ได้สิ หน้าที่ของผมอยู่แล้ว”



อี้เฟิงเม้มปากยกยิ้มให้หยางหยางเห็น ตอบตกลงไป ร่างของอีกฝ่ายเดินอ้อมมาหาเขา มือนั้นวางถอดอาหารเช้า หยางหยางทรุดนั่งที่ขอบเตียง และโน้มให้อี้เฟิงมาแนบกับตัว กอดหลวม ๆ แต่อบอุ่นแนบแน่น



“ผมจะกลับมาหา รอผมนะ”




ไม่รู้ว่าที่ที่หยางหยางจะไปมันจะอันตรายมากเพียงไหน หรือจะมีอะไรรออยู่ คนพวกนั้นจะทำอะไร แต่เขาคงต้องไป เรื่องราวมันไม่จบง่าย ๆ




“ครับ.. “  อี้เฟิงจึงทำได้เพียงรอตามที่อีกฝ่ายให้สัญญา




------ที่สุดในดวงใจ ------





“ป๊าขา~” เสียงใสเรียกคุณพ่อ ร้องหาอ้อมกอด ยกมือเล็ก ๆ นั้นมาแตะที่แก้มของคุณพ่อ เธอทั้งหอมทั้งจูบจนคุณพ่อหัวเราะชอบใจ เป็นรางวัลที่คุณพ่อที่เก่งที่สุดในโลกมาช่วยเธอ



“วันนี้กินอะไรครับ”
“พี่อี้เฟิงทำมาให้ อร่อยมากเลย ป๊า ต้องให้พี่อี้เฟิงอยู่นานๆ นะคะ คุณป้าหนิงจะได้มีคนช่วย มีแต่กับข้าวอร่อย ๆ พวกเราสบายแน่ ๆ ค่ะ “



เด็กหญิงเล่าถึงแผนการร้ายกาจในความคิด คุณป๊าของเธอพยักหน้าตกลง คิดถึงคุณครูยิ้มสวยของยายหนู



บอกให้ดูแลก็ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด



เขาคิดไปถึงว่า ร่างกายของอี้เฟิงที่เพิ่งถูกเขาขย้ำไปเมื่อวานก็คงมีอาการปวดอยู่  เขาเองก็ไม่ยั้งแรงที่ลงกับร่างสวย ๆของอี้เฟิงเลย  แต่อี้เฟิงก็ยังลุกขึ้นมาดูแลยายหนูตามที่เขาฝากไว้  ใครกันจะไปเหมาะสมกับเขาเท่าหลี่อี้เฟิงแล้ว คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ในตอนนี้ ต้องเป็นหลี่อี้เฟิงเท่านั้น




“พี่อี้เฟิง!
“พวกพ่อลูกตัวแสบ ฮึ  มื้อหน้าจะวางยาซะให้เข็ด”




อี้เฟิงที่เข้ามาทันได้ยินแผนร้ายของเสี่ยวอิ๋งยกยิ้มคาดโทษ ยายหนูและป๊าหันมองหน้า และไม่ยี่หระกับความโหดที่คุณครูแสดงออกมา แสบทั้งพ่อทั้งลูก เหมือนกันจนน่าหมั่นไส้จริง ๆ   แต่ทำไมไม่รู้ที่อี้เฟิงยิ้มออกมากว้างกว่าเดิม




“หายแล้ว ต้องไปเรียนเหมือนเดิมนะ”
“อา..ป๊าขา คุณครูคนนี้ขยันเกินไปแล้ว เสี่ยวอิ๋งยังป่วยอยู่ ดูสิคะ”


พูดจบก็ทำท่าไอค่อกแค่กให้ดี คุณป๊าก็ร่วมแสดงละครหน้าฉากนี้ด้วย จนอี้เฟิงนึกหมั่นเขี้ยวทั้งสองคน ลงมือตีเบา ๆ ซักที

“อะไรกัน ทำไมเจ้าเล่ห์กันแบบนี้ ทั้งคู่เลย!



คุณหนูน้อยหัวเราะชอบใจใหญ่ อี้เฟิงก็เลยเผลอหัวเราะตามไปด้วย หันไปมองคุณพ่อข้าง ๆ ก็ยกยิ้มพอใจ เหมือนกัน แต่พอเห็นหน้าเขาทีไรก็เหตุการณ์เมื่อวานก็กลับมาให้คิดทุกที ยิ่งเขินจนหน้าแดง โชคดีนะที่ใส่เสื้อผ้าปกปิดไอ้รอยนั่นไว้แล้ว เต็มไปหมดทั่วตัว ไหนจะไอ้ของเหลวที่คั่งค้างในร่างกว่าจะเอาออกได้ก็แทบหมดแรงยืน.. ตาบ้าหยางหยาง..บ้า..คนบ้าจริง ๆ ด้วย  !



“ป๊า พี่อี้เฟิงหน้าแดงอะ”
“งั้นหรือ ? ไม่สบายหรือเปล่าครับ เสี่ยวอิ๋ง คุณครูติดไข้จากเราซะแล้ว”
“เอ๋?”



ทั้งที่รู้ดีว่ามีอะไรเกิดขึ้น แต่หยางหยางก็ยังล้อไม่เลิก ยิ้มนั้นบ่งบอกถึงความสนุกที่ได้แกล้งเขาเป็นอย่างดี  อี้เฟิงส่งค้อนวงใหญ่ให้ผู้นำตระกูลหยางและคุณพ่อจอมให้ท้ายลูกนี่ ก่อนลุกจากเตียงไป




“ไม่คุยด้วยแล้ว”







“อี้เฟิง..”






แต่หยางหยางรั้งเขาไว้ด้วยเสียงเรียกนั้น และเมื่อเขาหันไป ก็พบใบหน้าของคนที่อี้เฟิงคิดว่าจะฝากชีวิตให้ดูแลตลอดไป



ใบหน้าหล่อเหลาตีสีหน้านิ่งขรึมไปแล้ว แต่ยังดูอบอุ่นทุกเมื่อที่อี้เฟิงได้มอง แววตาที่ส่งมาให้ เขารู้ดีว่านั่นหมายถึงอะไร




เขาเป็นดวงใจของหยางหยาง ย่อมรู้ดี ตรงนี้ทั้งหมด เหมือนกับเราสองคนได้พูดคุยกันแล้ว เสียงหวานของอี้เฟิงจึงไม่ต้องเอ่ยอะไรออกไป นอกจาก



“ครับ  คุณหยางหยาง”




ตอบรับคน ๆ นั้น ผู้ที่จะเป็นดวงใจของอี้เฟิงเช่นกัน 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น