TITLE : ที่สุดของดวงใจ
CHAPTER : 10
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG - 15
RATE : PG - 15
“น่ะ..นี่มัน..อะไรกันน่ะ”
อี้เฟิงไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้มากนัก
แต่หยางหยางไม่อยู่บ้าน
เขามองไปรอบ ๆ
มีคนพวกหนึ่งกำลังเข้ามาในบ้าน กระทำสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าบ้าน ทำตามอำเภอใจ
ดูจากรูปการณ์แล้ว
อี้เฟิงที่มองและสังเกตกลุ่มคนเหล่านี้ มีบัตรและการสนทนาจากการสื่อสารระหว่างคนพวกนี้
แน่ใจว่าพวกเขาเป็นคนของทางการ
“คนพวกนี้มาทำอะไร
.....”
***ที่สุดของดวงใจ**
ในช่วงที่อี้เฟิงและทุกคนกำลังรอให้เจ้าของบ้านตัวจริงกลับมาเสียที
เขากระวนกระวาย ใจแต่แสร้งทำเป็นยิ้มออกมา ทั้งที่เขาเองก็กังวลใจมากพอตัว
คุณน้าหนิงเองก็ไม่ต่างกัน เสี่ยวอิ๋งก็เช่นกัน เพราะเธออยู่ที่นี่มานานกว่า
ทำไมเธอจะไม่เข้าใจว่าสถานการณ์ของครอบครัวตนเป็นอย่างไร
และเมื่อยิ่งเกิดเหตุการณ์ อย่างเช่นในตอนนี้ ก็ยิ่งตกใจ มันดูผิดปกติ.จนน่ากลัว
“พวกคุณ...”
“อ้า
สวัสดีครับ อ้านั่นคุณหนูเสี่ยวอิ๋ง เเล้วคุณก็คงเป็นคุณครูของคุณหนูบ้านนี้สินะ “
ชายคนนั้นพร้อมทีมและอาวุธครบมือ
เข้าบ้าน และพบกับอี้เฟิงและเสี่ยวอิ๋งที่อยู่ไม่ไกลกัน เขาเอ่ยทัก
ยิ้มพอเป็นมารยาทส่งมา ทุกคนไม่พอใจและไม่เข้าใจว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น
หลังจากที่หยางหยางออกไป
ใกล้หมดวันแล้ว ค่ำคืนกำลังจะผ่านพ้นไป อี้เฟิงใจไม่ดี กังวลคิดไปเรื่อย
เขาก็ขอให้ความกังวลของตนนั้นเป็นเรื่องที่คิดมากไปเอง แต่จู่ ๆ
ก็มีคนจำนวนหนึ่งเข้ามาในบ้าน บุกเข้ามา ไม่พูดอะไร แม้จะแวะมาทักทาย
แต่ดูไร้มารยาทอย่างสิ้นเชิง เพราะนอกจากจะเข้ามาโดยไม่มีขออนุญาต
พวกนี้ยังค้นข้าวของในบ้านกระจุยกระจาย เปิดตรงนั้นตรงนี้ แม้เป็นเพียงพื้นที่เล็ก
ๆ คล้ายกับกำลังหาอะไรอยู่
“นี่พวกคุณ
หยุดนะ!”
เป็นน้าหนิงที่ร้องเรียกไว้ก่อน
อยู่ ๆ มาค้น หมายค้นอะไรซักอย่างก็ไม่มี ถึงจะเป็นคนของทางการแต่เรื่องแบบนี้ก็ต้องทำอย่างถูกต้อง เธอเดินตรงเข้าไปหา
คนของทางการกลุ่มหนึ่งที่กำลังจะเข้าไปในห้องของคุณหนู
แม้แต่ห้องเด็กน้อยก็ไม่เว้น แต่แบบนั้น คนของทางการกลุ่มนั้นก็ไม่สนใจ
ผลักร่างเธอจนหกล้มไป แล้วเข้าไปค้นอย่างที่ต้องการ อี้เฟิงวิ่งไปรับร่างน้าหนิงเอาไว้ ก่อนมองคนกลุ่มนั้นด้วยสายตาตำหนิ
หนูน้อยเสี่ยวอิ๋งที่อยู่ไม่ไกล นั่งอยู่บนโซฟานิ่ง ไม่กล้าขยับไปไหน
เธอไม่กล้าเป็นเด็กซุกซนในตอนนี้ เข้าใจสถานการณ์และควรนั่งเฉย ๆ แบบที่น้าหนิงบอก หากงอแงไป
คุณป๊าของเธออาจจะลำบาก หากเธอถูกทำร้ายหรือคนพวกนั้นเปลี่ยนใจมาจับตัวเธอไปอีก
เสี่ยวอิ๋งมองไปรอบ ๆ บ้าน ทั้งนอกบ้าน เด็กสาวที่กลัวจับใจ แต่เธอเข้มแข็งมาก
โดยนั่งกับเสี่ยวอ้ายและกอดมันเท่านั้น แม้จะมีคนของทางการมาแหย่เธอเล่น กับเด็ก ๆ
แบบเธอ แต่คนพวกนั้นไม่ได้ดูใจดีด้วย เหมือนจะทำให้เธอร้องไห้มากกว่า
“น้าหนิง
ไม่เป็นไรนะครับ”
“ไม่เป็นไรจ้า”
คนพวกนี้อะไรกันเนี่ย...อี้เฟิงคิด
มองถึงพวกนี้ที่เดินรอบบ้านตามใจชอบ พวกเขามีอาวุธครบมือ เลยไม่กล้าทำอะไรมาก เพียงแค่มองว่าคนพวกนี้จะทำอะไร
คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของทีมค้นหานี้ รายงานกับเจ้านายว่าไม่พบอะไรที่น่าสงสัย
ที่พวกเขากำลังตามหาอยู่ ... หาอะไร ? คุณหยางหยางหรือ?
“ตระกูลหยางนี่ก็ดูหละหลวมกว่าที่คิดนะ
ที่ทิ้งคนที่ดูแลคนสำคัญของตนไว้แค่นี้”
ที่เขาพูดนั่น...
อี้เฟิงกลับคิดไปถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาบอกว่าหละหลวม
ทั้งที่รอบบ้านมีกำลังตรึงอยู่มากมายคอยดูแลสถานการณ์
แถมคนพวกนี้ของหยางหยางยังล้วนเป็นพวกฝีมือดีทั้งนั้น
“จะบอกเอาไว้นะ
ว่าเจ้าบ้านของพวกแกทุกคนน่ะ ผิดคำพูด ทำให้เกิดเรื่องจนได้สินะ
แต่จะมาเป็นมาเฟียในช่วงที่ทางการกำลังเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม แถมพวกแกมันก็อ่อนแอลงแล้ว
ก็เหมือนเอาไม้ซี่ไม้ซุงมางัดข้อกัน แย่จริง ๆ ”
ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าร่ายยาวไปอย่างสบายอารมณ์
คุณครูเริ่มสับสนกับสถานการณ์ คิดในแง่ร้ายนิดหน่อย ความกลัวเริ่มผุดขึ้นมาบ้าง คุณหยางหยางเป็นอย่างไรบ้าง
“ที่นี่ก็ไม่มีหรือ” ชายคนนั้นพูดในขณะที่อี้เฟิงกำลังคิดถึงบางคนที่อยากให้กลับมาหาเร็ว
ๆ ตอนนี้ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว อย่างเหตุการณ์ตอนนี้ ที่จะมีคนที่บุกเข้ามาทำอะไรอุกอาจในบ้านตระกูลหยาง
ถึงขนาดเข้ามาค้นบ้านกันตามใจชอบ อี้เฟิงคิดว่านี่เหมือนเป็นการหยามหน้ากันพอควรสำหรับเจ้าของบ้าน
ทียิ่งเป็นบ้านมาเฟียใหญ่อีกด้วย เขาคิดไปแทนหยางหยางเจ้าของบ้านที่ไม่อยู่
ถึงจะเป็นทางการแต่ก็เข้ามาแบบไม่บอกกล่าวไม่มีหมายอะไร ทำมารยาทแย่ ๆ แบบนี้
“ตอนนี้น่ะ
ผู้นำตระกูลหยางหายไป เรากำลังไล่ล่า หากมันกลับมาที่นี่ ก็จัดการมันได้เลย
ตามคำสั่งเบื้องบน”
ชายของทางการคนนั้นสั่งการลูกน้อง อี้เฟิงได้ยินก็ยิ่งตกใจ
นี่สถานการณ์กลับกลายเป็นเช่นไร หยางหยางโดนทางการตามล่าหัวกันแบบนี้
จากที่เป็นตระกูลใหญ่ที่แม้ทางการยังต้องเกรงใจ ในตอนนี้แม้หยางหยางเองก็เข้าขั้นวิกฤต
ทางการที่เข้มแข็งขึ้นและวงการมาเฟียที่กำลังอ่อนแอ อี้เฟิงหันไปทางเสี่ยวอิ๋ง
ที่เธอได้ยินประโยคที่ชายหนุ่มไร้มารยาทเมื่อครู่พูด เธอตัวสั่นกลัวจน
ไม่กล้าเงยหน้ามองอะไรแล้ว คุณครูคนเก่งที่นั่งอยู่กับน้าหนิง
ย้ายจุดเดินตรงไปหาเธอที่โซฟากอดปลอบเด็กน้อย
บอกเบา ๆ ว่า พ่อของเธอเป็นคนเก่งที่สุด...ไม่มีทางเป็นอะไรไปแน่
หยางหยางจะไม่มีวันให้ใครพรากเขาไปจากคนสำคัญ
เขาเป็นคนแบบนั้น ดื้อรั้นจนใครก็เอาไม่อยู่
“หรือแบบนี้ดี
“
อีกครั้งที่ชายคนนั้นของทางการทำตัวเสียมารยาท
แถมยังทำตัวใจร้าย ต่ำทราม เขาผลักให้อี้เฟิงออกไปห่างจากเสี่ยวอิ๋ง ดึงกึ่งลากแขนของเด็กน้อยไปหาทางฝั่งตน
อี้เฟิงยอมไม่ได้
มาทำให้เด็กตกใจแบบนี้
“ปล่อยเธอซะ”
หลี่อี้เฟิงในตอนนี้ที่ไม่รู้ว่าตนเอาความกล้าหาญมาจากไหน
มือเรียวสวยเอื้อมไปด้านหลังที่ช่วงของกางเกงที่สอดปืนกระบอกเล็กไว้ และตอนนี้ เขากำลังยกปืนกระบอกสั้นยกจ่อชายของทางการคนนี้
เพื่อปกป้องเสี่ยวอิ๋ง
“ปล่อยเธอ”
ทั้งที่ตนไม่เคยแตะแม้แต่ของมีคมที่จะยกขึ้นมาต่อสู้กับคนอื่นยิ่งไม่เคย
ทั้งก่อนหน้านี้ และยิ่งมาอยู่กับหยางหยาง ฝั่งนั้นไม่คิดให้อี้เฟิงจับต้องของอันตรายด้วยซ้ำ
แต่วันนี้ อี้เฟิงกำลังถือปืนของอันตรายและเล็งใส่คนอื่น
“โอ้โห..
บ้านนี้มันสอนกันมาดี ห้าวซะไม่มีล่ะ”
ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มเยาะเหมือนประหลาดใจที่คงคิดไม่ถึงว่าอี้เฟิงจะกล้าทำ
ชายหนุ่มคนนั้น ยิ่งคว้าร่างเด็กสาวไว้แน่น ยิ่งแน่นก็ยิ่งทำให้เสี่ยวอิ๋งอึดอัด
แต่เธอเข้มแข็งมากพอ ไม่ร้องโวยวาย จนขนาดแม้คนที่ตรึงพันธนาการเธอไว้
ยังประหลาดใจทั้งเด็กหนุ่มที่ยกปืนจ่อ ทั้งลูกสาวของหยางหยาง เสี้ยมกันมาได้ดี
ชายหนุ่มของทางการคิดเช่นนี้ เขาคิดว่าก็สมกับที่อยู่กับตระกูลหยางดี ทำตัวอวดดี
ยโสและมั่นใจว่าเก่งไปทุกเรื่อง
“ยกปืนจ่อเจ้าพนักงานแบบนี้
เดี๋ยวก็โดนดีหรอก”
“แต่คุณก็มาค้นบ้านพวกเราโดยที่ไม่ได้ทำถูกหลักถูกกฏเหมือนกัน”
คุณครูเค้นเอาความกล้าแกร่งที่สะสมไว้ตั้งแต่เมื่ออยู่กับตระกูลหยาง
คิดหาวิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ดีและใจเย็นมากที่สุด เขาจะต้องไม่ลนลาน และเยือกเย็น
แม้ตอนนี้ที่ทำ ที่จริงแล้วก็ดูไม่ได้เหมือนคนใจเย็นเท่าไรนักกับการยกปืนจ่อขู่คนอื่น
“ก็ได้ ๆ “ ชายหนุ่มคนนั้นปล่อยร่างเด็กสาวให้เป็นอิสระ
ครั้งนี้เธอวิ่งมาหาอี้เฟิง กอดที่เอวคุณครูแน่น ซุกใบหน้าแถว ๆ บริเวณท้องไม่เงยหน้ามองอะไรอีก
มือเรียวลดระยะปืนลง สถานการณ์ที่ตึงเครียดดีขึ้น เพราะอย่างไรก็ได้เด็กน้อยคืนมาในอ้อมกอดเขาแล้ว
อี้เฟิงกลัวว่าชายคนนั้นของทางการจะทำอันตรายกับเสี่ยวอิ๋ง จึงจำต้องแสดงความกล้าหาญที่อาจจะคล้ายความกร่าง
แสร้งแข็งกร้าวพูดอะไรที่ดูอวดดีแบบนั้น อาศัยอำนาจของหยางหยางทำอะไรแบบนี้
แต่อย่างน้อยก็ช่วยเสี่ยวอิ๋งมาได้
“บอกไว้ก่อน
คนตระกูลหยาง เดี๋ยวพวกแกก็จะหมดอำนาจแบบสิ้นเชิง
และจะไม่มีทางฟื้นคืนกลับมาได้แล้ว อำนาจของพวกแกมันหมด มันจบแล้ว!
จะกลับมาทวงคืนวงการมาเฟียรึไงกัน ห๊ะ? จะหยามอำนาจของทางการมากเกินไปแล้ว”
ชายคนนั้นพูด
ยิ่งมากคำก็ยิ่งเสียงดัง อี้เฟิงมองดูชายคนนั้นสาธยาย
เขาดูเหมือนจะโกรธเกลียดมาเฟียมาก แถมยังดูบ้าอำนาจ ที่เขามีในตอนนี้ด้วย
อี้เฟิงเข้าใจดีว่าทางการกับตระกูลหยางคงมีเรื่องราวหลากหลายอย่างที่ขัดขากันอยู่
ตระกูลหยางที่รุ่งเรืองในเมื่อก่อน จนแม้มาถึงตอนนี้
ขนาดบอกว่าหยางหยางไม่ใช่มาเฟียเต็มตัว เป็นแค่นักธุรกิจ
แต่ก็ยังทรงอำนาจมากเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นมาเฟีย แต่ตอนนี้กลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้หยางหยางจำต้องใช้วิธีการแบบมาเฟียจัดการ
มีคนบางพวกที่จ้องจะทำร้าย เมื่อประมวลผล...
ทางการคงคิดว่าการที่มีมาเฟียมาทำอะไรใกล้หูใกล้ตา
คงทำให้ทางการดูหมดศรัทธาสำหรับคนทั่วไป ประชาชนที่เขาดูแล
“คืนนี้เฝ้าไว้ให้ดี
เฝ้าไปจนกว่าหยางหยางมันจะกลับมาบ้าน แล้วจับตัวมันมา แต่ถ้าขัดขืน อนุญาตให้จับตายได้”
สิ้นเสียงคำสั่งการอี้เฟิงยิ่งฟัง ยิ่งรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ดีลงเรื่อย ๆ
หวังเพียงแค่หยางหยางจะปลอดภัย แต่ถ้ากลับมาก็คงจะถูกคน ๆ นี้จับ
และชายคนนี้คงจะหาวิธีที่จะทำให้หยางหยางยอมจำนน ไม่เขาก็เสี่ยวอิ๋งหรือทั้งคู่อาจจะถูกทำให้เป็นตัวประกันอีก
แต่ตอนนี้อี้เฟิงก็ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากรอ
ไม่รู้ว่าหยางหยางที่ออกไปตั้งแต่ช่วงเข้าพลบค่ำจะเป็นอย่างไร เวลาก็ผ่านมานานแล้ว
แม้ฟ้ายังไม่สาง แต่ก็นานจนเป็นกังวล แค่ไม่กี่นาทีอี้เฟิงก็กังวลแล้ว
หากเป็นการออกไปหาอันตรายแบบนี้ ทางการใช้วิธีอุกอาจเช่นนี้
แสดงว่าจำต้องจัดการหยางหยางให้ได้ ..
อี้เฟิงภาวนาให้หยางหยางปลอดภัย..คุณครูคนเก่งตื่นตระหนกในใจ
กลั้นไว้ไม่อยากแสดงอาการแต่ถ้าหากใครสังเกตก็จะเห็นว่ามือเขาสั่นแค่ไหน
ภาวนาให้ทุกอย่างดีขึ้น ทางออกสำหรับเรื่องนี้
โดยที่หยางหยางไม่ถูกจับไปหรือถูกฆ่าตาย.. มันจะต้องมีวิธี...
ให้ตายเถอะ....
ชายคนหนึ่งที่รอดกลับมาราวกับปาฏิหาริย์
อาฟงยืนเฝ้าอยู่นอกรั้วคฤหาสน์ตระกูลหยาง
เขาจะเข้าไปช่วยคุณหนูและคุณอี้เฟิงที่อยู่ในบ้านนั้น แต่แน่นอน
กำลังของทางการที่ตรึงไว้ล้อมทิศทาง แน่นหนาแม้แต่หมาซักตัวก็ต้องโดนยิงทิ้ง
เขาได้รับคำสั่งจากเจ้านายให้มาดูแลคนสำคัญ
ไม่รู้ว่านายของเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง
อาฟงคิดไปถึงเจ้านายที่เขาภักดีถวายหัว
เขาอยู่อีกฝั่งหนึ่ง เหตุการณ์ตรงนั้นหลังจากที่อาฟงฝ่าดงกระสุนออกมาได้
ก็ยังติดต่อกับเจ้านายของเขาไม่ได้
ทีมที่เจ้านายส่งไปในที่ที่กบดานของตระกูลเฉินกำลังมุ่งหน้าไปจากที่รอดตายในการปะทะกับคนของเฉิน
ไม่รู้จะเหลือกันมากเท่าไหร่ แต่ก็อาจจะทำให้เจ้านายของเขารอดออกมาได้แน่นอน
เขาเองก็ยังทำงานไม่ลุล่วง
คงจะต้องรอเวลาให้ทางการเคลียร์กำลังออกไป อาจจะต้องรอถึงวันพรุ่งนี้
--------ที่สุดของดวงใจ-------
“ขอบคุณที่ใช้บริการครับ
ท่าน”
“อืม
ไว้มารับงานวันอื่นอีกแล้วกัน วันนี้ฉันหมดธุระกับแกแล้ว ไปซะ”
“ได้ครับ
งั้นผมก็ขอลา”
เสียงนี้คงจะเป็นเสียงที่คุ้นเคยหากหยางหยางมาได้ยิน
ศัตรูที่หมายมาดคาดแค้นหยางหยาง จนอยากจะให้ตระกูลหยางสิ้นสลายไป
เท่านี้ก็..หยางหยางก็ไม่มีอีกต่อไป
เฉินก็หายไปแล้ว ...อู๋เทียนซื่อคิดไปถึงผลที่เขาได้รับจากเหตุการณ์ในวันนี้ที่เกิดขึ้น
เขาและคนที่สั่งการมาอีกทีหนึ่ง คนของทางการ เขาและทางการได้ร่วมมือกัน
นอกจากที่เขาจะได้ผลประโยชน์จากเรื่องนี้โดยการทำให้สองตระกูลเฉินและหยาง
หันมาฆ่ากันเอง แล้วยังทำให้ผู้นำตระกูลทั้งสองตระกูลเพลี้ยงพล้ำ ป่านนี้หยางหยางคงตายคาบ้านไปแล้ว
อู๋เทียนซื่อ ชายหนุ่มผู้เคียดแค้นต่อสองตระกูลถึงกับยิ้มออกมาดูน่าขนลุก
แววตากระหายความเป็นใหญ่และอำนาจมากเหลือล้น อู๋เทียนซื่อและพรรคพวกไม่มาก
หนีพ้นออกมาจากบ้านหลังเล็กที่เป็นที่ซ่อนตัวของเฉิน เขาทำให้คุณหนูเฉินตายลงนรกไป
ส่วนตระกูลหยางนั้น ทางการเขาก็อยากจะสะสางเอง และถ้าเขาอยู่สู้ ต้องพลาดท่าแน่ ๆ เขารู้ถึง ฝีมือของตระกูลหยางดี ความโหดร้ายและบ้าดีเดือด
อู๋เทียนซื่อคิดดีแล้วที่ให้ทางการจัดการ หยางหยางต้องฆ่าเขาอย่างโหดร้ายแน่ ๆ
เขายังไม่อยากตายนี่ ถึงได้หนีออกมาแบบนี้ และทั้งสองตระกูลนั้นก็ก้าวพลาดไปเองทีทำให้ทางการระแวงจนต้องลุกฮือมาจัดการกับพวกเขา
นั่นก็เพราะอำนาจที่มากเกินไปของทั้งสองตระกูลใหญ่
ขั้วอำนาจในวงการหมดไป
ผู้ยิ่งใหญ่หายไปแล้ว
หากจะปลุกวงการปีศาจให้กลับมาใหม่
มาเฟียทุกแก๊งค์ ทุกองค์กรต้องแย่งชิงกันเป็นแน่
อู๋เทียนซื่อประมาณแล้วว่า
เขาและพรรคพวกจะสามารถเป็นใหญ่ได้
ส่วนทางการนี่น่ะหรือ
อ่อนแอ! เขาคิด
พวกทางการที่ดีแต่ปาก สุดท้ายก็ต้องมาเพิ่งอำนาจมืดใต้ดินหลายต่อหลายครั้ง มีเรื่องที่ตนไม่อยากแปดเปื้อนก็ให้พวกมาเฟียช่วย
มือตัวเองไม่เปื้อนเลือด ให้คนอื่นลงมือแทน ความดีความชอบได้เข้าตัว ผลประโยชน์ก็ด้วย จากการสั่งกวาดล้างมาเฟียถึงสองรอบ ก็เป็นผลดีต่อผู้ดำเนินการ
และมาเฟียก็หมดไป แต่แน่นนอน เพราะพวกมันอ่อนแอ ทางการมันยังยืมมือคนในวงการทำ
ให้ฆ่ากันเองเพื่อยิ่งใหญ่ แต่ก็เอาเถอะ
“ฮึ”
เขาแค่เออออ
กับพวกมันไปก่อน ทำทีเป็นพันธมิตร หรือที่จริง พวกทางการคิดว่าเขาเป็นพวกสุนัขรับใช้ทางการ
มาเฟียไม่ทำเรื่องแบบนี้ มันถือว่าเสียเกียรติ แต่อู๋เทียนซื่อคิดว่า นี่เพื่อความอยู่รอด
และก็แค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น
ถ้าเขารู้จักทางการดี
เข้าถึงพวกมัน ก็จะใช้วิธีเดียวกัน ทำให้พวกทางการมันหลงกล พลาดพลั้งและฆ่ากันเอง
พวกมันก็เหมือนกันหมด
...และถ้าพวกทางการอ่อนแอมากกว่านี้ อู๋เทียนซื่อคิดไปถึงอนาคตในภายภาคหน้า
เขาจะเป็นใหญ่ได้ โดยไม่มีทั้งตระกูลใหญ่พวกนั้นมาทำให้รำคาญใจ
ทางการที่อ่อนแอจนถึงขีดสุด จนไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้
อู๋เทียนซื่อคิดต่อเรื่องอนาคตอันรุ่งเรืองดั่งฝันของตัวเองและยิ้มอย่างมีความสุข
ไอ้หมาน่าสมเพช
นิยามของไอ้คนที่น่ารังเกียจที่อยู่ตรงหน้า เป็นเรื่องที่เขาคิดมาตลอด ชายหนุ่มที่อู๋เทียนซื่อเรียกว่า 'ท่าน' มองอู๋เทียนซื่อด้วยสายตาเยียดหยัน
ไอ้หมาน่าสมเพช
นิยามของไอ้คนที่น่ารังเกียจที่อยู่ตรงหน้า เป็นเรื่องที่เขาคิดมาตลอด ชายหนุ่มที่อู๋เทียนซื่อเรียกว่า 'ท่าน' มองอู๋เทียนซื่อด้วยสายตาเยียดหยัน
หมารับใช้ที่ใฝ่จะเป็นราชสีห์เจ้าป่าหรือหมาป่าจ่าฝูง
เป็นไปไม่ได้หรอก
ท่านผู้นี้ของทางการทอดมองไอ้มาเฟียอ่อนด้อยทั้งกำลังและปัญญาคนนั้น
ยิ่งเห็นมันยิ่งสมเพช เขาคิด ที่ท่านผู้นี้ยอมให้บ้านอู๋มาเข้าร่วมอยู่ในกระบวนการ
ช่วยกันจัดการตระกูลหยาง และตระกูลเฉินด้วยก็เพราะพวกมันย่อมรู้ดีและมีข้อมูล
สืบทราบได้ง่ายกว่าทางการที่เคลื่อนไหวครั้งหนึ่งก็ต้องขออนุญาตตามกฎตามธรรมเนียม
อู๋เทียนซื่อเป็นเครื่องมือที่ดีที่ท่านผู้นี้จะได้ใช้ให้เป็นประโยชน์
รวมไปทั้งผลประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ท่านผู้นี้ยังสามารถใช้อู๋เทียนซื่อฆ่าคน หรือ
ทำเรื่องบางอย่างที่คนของทางการไม่สามารถไปลงมือเองได้
แถมไอ้หมาขี้เรื้อนใฝ่สูงนี่
ยังหัวอ่อนพูดง่าย แถมยังหลงใหลอยากเป็นใหญ่ คนหน้ามืดพวกนี้น่ะ มันหลอกง่าย
ท่านผู้นี้คิด อู๋เทียนซื่อที่ฉลาดน้อยและกู่ไม่กลับ มันคงคิดว่าทางการอ่อนแอจนต้องให้มาเฟียมาช่วย
แต่เปล่าเลย เราแค่ไม่อยากเปื้อนเลือด ไม่อยากเคลื่อนไหว ท่านผู้นี้คิดว่าในที่สุดก็ทำให้ขั้วอำนาจใหญ่ของทั้งสองตระกูลมลายสิ้นไปเสียที
โดยเฉพาะหยาง มันลำบากมากกว่าจะทำให้หยางหยางมันเสียที มาเฟียยิ่งใหญ่มากอำนาจ
และเก่งกาจแบบตระกูลหยาง ท่านผู้นี้รู้สึกเสียดายฝีมือหยางหยางนั้นเป็นคนเก่ง
แต่พวกมึงมันเลี้ยงไม่เชื่อง
มาเฟียตระกูลนี้ไม่สามารถเลี้ยงด้วยความโลภและผลประโยชน์ใด
ๆ ได้ ที่จริงก็ทั้งเฉินก็พอกัน
ทางการไม่สามารถทำให้สองตระกูลนั้นมาสวามิภักดิ์อยู่ใต้บัญชาได้
แถมพวกมันยังยกตนข่ม มีอำนาจเหนือกว่าทางการ
..ซึ่งถึงไม่อยากคิดแบบนี้แต่ทั้งหมดเป็นความจริง มาเฟียสองตระกูลนั้นแม้เป็นอริกัน
แต่ความยิ่งใหญ่ที่แผ่ไพศาลออกไป ทำให้ทางการยังต้องเกรงในอำนาจและอิทธิพลนั้น
แต่ในที่สุดพวกมันก็หายไป ท่านผู้นี้ยิ้มจอมปลอมให้อู๋เทียนซื่อ
เขาและหมาจอมใฝ่สูงในตอนนี้นัดแนะเจอกันที่หนึ่ง
ทิ้งเหตุการณ์ไม่นานหลังจากจัดการมาเฟียทั้งหมดนั่น แผนการคร่าว ๆ คือ ท่านผู้นี้ให้มาเฟียฆ่ากันเอง
แล้วเขาจะขอมาดูหน้าเพื่อนเก่า หยางหยาง ที่เคยบอกว่าจะไม่กลับมา
แต่มันกลับเข้าวงการมาเฟียอีกครั้ง จึงขอมาส่งหยางหยางลงนรกด้วยตนเอง
เพื่อความสาสมใจ
และรวมทั้งต้องมาเพื่อยืนยันการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับอู๋เทียนซื่อด้วย เพื่อให้เรื่องราวเสร็จสิ้น
ท่านผู้นี้ยังอยากใช้อู๋เทียนซื่อทำงานสกปรกหลายอย่าง
ไว้จะฆ่าไอ้หมาใฝ่สูงนี่ทีหลังก็ย่อมได้ มันอ่อนน้อยกว่าสองตระกูลที่จัดการ
แค่พลิกฝ่ามือก็ฆ่าทิ้งได้แล้ว
“โอเคครับท่าน
อย่าลืมนะ ปล่อยผมทำการค้าได้ง่าย ๆ คนเราก็ต้องทำมาหากิน”
“รู้แล้ว”
อู๋เทียนซื่อมองคนของทางการด้วยแววตานึกสมเพช
เป็นพวกที่อ่อนแอ แม้แต่งานเล็กน้อย ก็ไร้ความแข็งแกร่งพอที่จะทำมันยืมมือคนใต้ดิน
ซักวันพวกที่ตั้งตนเป็นคนดีแบบทางการก็จะปรากฏความชั่วร้ายออกถึงครั้งนั้นอู๋เทียนซื่อแค่ใช้ทริคนิดหน่อย
พวกมันก็จะล้มลงไปเอง
“โชคดี”
ท่านผู้นี้เอ่ย เมื่ออู๋เทียนซื่อลัดเลาะออกจากจุดนี้ไป
โผล่พ้นกลับไปยังเมืองใหญ่ไม่ใช่ที่ซ่อนในหมู่มวลธรรมชาติแล้ว ท่านผู้นี้ก็กลับหลัง
กลับไปที่รถของตนเองมองส่งอู๋เสียซื่อด้วยแววตาสมเพช
ที่เห็นคนที่ไม่ดูเงาหัวตัวเอง มักใหญ่ไม่ดูกำลัง ไว้หลังจากงานอีกไม่กี่งาน
เขาจะฆ่าบ้านอู๋เหมือนกัน มาเฟียพวกนี้ อย่างไรก็เลี้ยงไม่เชื่อง
คนเรามันจะดูรู้ได้อย่างไรกัน
ว่าที่สุดแล้วใครดีไม่ดี ทุกอย่างเปลี่ยนกันได้ เพื่อความอยู่รอด
ยิ่งไปกว่านั้นคือำนาจที่เหมือนฝัน ที่ใครครอบครองก็จะยิ่งอยู่สูงกว่าผู้อื่น
แต่ผู้ที่ได้อำนาจมาในมือก็จะต้องมีความสามารถพอที่จะรักษามันไว้ในมือเหมือนกัน
------------------ที่สุดของดวงใจ -----------
“พี่อี้เฟิง”
เจ้าหญิงของบ้านที่นอนไม่หลับอีกคืน
ขออ้อนมานอนด้วยกับคุณครูที่รักของเธอ อี้เฟิงไม่ขัดใจเธอแน่นอน อุ้มเด็กสาวมาไว้กับตัวเอง
พาเอนนอนลงไปด้วยกัน มือเรียววาดแขนรอบตัวเล็กของเด็กน้อย
กอดเธอและมอบความอบอุ่นทดแทนที่คุณพ่อของเธอยังไม่กลับจาก’ทำงาน’
“คนพวกนั้นไปหรือยังคะ
พวกเขาน่ากลัว...”
“เดี่ยวเขาก็ไปแล้วครับ
นอนเถอะนะ”
อี้เฟิงลอบถอนหายใจ
กังวลเข้าไปใหญ่ เขาไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้เลย คนพวกนั้นไม่ยอมออกไปกันง่าย ๆ ... ก็อาจจะต้องรอจนเช้านี้
เผื่อสถานการณ์จะดีขึ้น
แต่เมื่อเข้าวันใหม่
ทุกอย่างมันไม่เป็นอย่างที่อี้เฟิงวาดหวังไว้ เขาเพิ่งได้รับฟังข่าวที่น่าตกใจ จนตัวเขาล้มทรุดไปนั่งหมดแรงอยู่กับพื้น
คนพวกนั้นถอนกำลังออกไปจากตัวคฤหาสน์ตระกูลหยางเรียบร้อยแล้ว
ข่าวนั้นเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเขาก็ในเมื่อทำเป้าหมายให้เสร็จลุล่วงได้แล้ว
แต่สำหรับคนในตระกูลหยาง
มันเหมือนทำให้ใจสลายไม่มีชิ้นดี
“หยางหยางถูกหน่วยจู่โจมของเรายิง
ก่อนที่ร่างของมันจะตกหน้าผาไปครับ” จากรายงานนั้น
ทำให้พวกคนเหล่านี้ถอนกำลังออกจากที่นี่ ก่อนไปพวกนี้ยังยิ้มเยาะให้คนทุกคนในบ้าน
อี้เฟิงมองพวกเขาด้วยความจงเกลียดจงชังจากใจจริง ใครก็ตามที่ร้ายกับคนที่รักของตน
ก็ต้องถูกมองด้วยสายตาแบบนี้กันทั้งนั้น
คุณหยางหยาง....
อี้เฟิงที่ทรุดลงกับพื้นหลังจากคนพวกนั้นออกไปกันแล้ว มือเรียวยกปิดหน้า เขาไม่อยากร้องไห้
ทำตัวอ่อนแอในเมื่อเสี่ยวอิ๋งยังยืนอยู่ข้างตัวเขาแบบนี้
อี้เฟิงไม่กล้าบอกหนูน้อยด้วยซ้ำถึงข่าวร้ายที่น่ากลัว
โชคดีที่เธอไม่ทันมาได้รับฟังมัน แต่เขาเองก็ต้องใช้เวลาอีกพักหนึ่ง
ทำใจเพื่อบอกเด็กน้อย
“ทำไมคุณผิดสัญญา...”
อี้เฟิงพูดเสียงค่อย เบาหวิวจนเหมือนไม่เหมือนเอ่ยพูด
น้ำตาหยดหนึ่งที่พยายามห้ามไม่ให้มันไหลออกมา
ในที่สุดมันก็หน่วงและทิ้งตัวหยดที่แก้ม และหลังจากนั้นก็ตามมาอีกหลายหยด อี้เฟิงร้องไห้ แต่ไม่สะอื้นจนมีเสียง
มือสั่นจนควบคุมไม่อยู่ เสี่ยวอิ๋งทรุดนั่งข้าง ๆ เธอร้องไห้เหมือนกัน
แต่เสียงดังและสะอื้นจนตัวโยน...ข้างตัวมีเสี่ยวอ้ายที่นั่งนิ่งใกล้ ๆทั้งสอง
น้าหนิงน้ำตารินไหลอย่างเงียบเชียบ เฝ้ามองคนสำคัญของเจ้านายที่กำลังต่อสู้กับความเสียใจ
คุณผิดสัญญา...อี้เฟิงค่อนขอดหยางหยางในใจ
คนบ้า! อี้เฟิงไม่รู้ว่าชายหนุ่มพลาดพลั้งอย่างไร
แบบไหน แต่สถานการณ์ทั้งหมดมันสรุปอย่างลงตัวแล้วว่า
หยางหยางเสียท่าให้กับใครซักคน ก็อาจจะเป็นทางการ พวกนั้นทำร้ายหยางหยาง
จ้องที่จะเล่นงานมานาน ในที่สุดก็ทำได้
“คุณหยางหยาง...”
เสียงหวานเอ่ยสั่นไหว สะท้อนความเจ็บปวด
ไม่มีคนที่จะกอดเขาแล้ว
ใครจะมอบความอบอุ่นและปลอดภัยให้ล่ะ
แล้วทำไมกลายเป็นคุณพ่อใจร้ายถึงทิ้งลูกสาวไป
ความคิดทุกอย่างปะปน
อารมณ์ความรู้สึกปนเปกันจนจัดระเบียบไม่ได้ ต้นเหตุมาจากความเสียใจ มันหนักหนาเกินไป
หยางหยางไม่อยู่ซักคน แล้วที่นี่ ตระกูลหยางจะเป็นอย่างไร
แล้วเขาล่ะ..หลี่อี้เฟิงคนนี้ที่ทั้งรักและเสพย์ติดความอบอุ่นนั้น
รอยยิ้มละลายหัวใจนั้น เขาจะไม่ได้เห็นมันแล้วหรือ?
เรื่องราวที่โหดร้ายแบบนี้เกิดขึ้นกับอี้เฟิงได้อย่างไร..มันรวดเร็วเหลือเกิน
น้ำตาอีกหยดหลั่งไหล
อี้เฟิงร้องไห้ไม่มีเสียง แต่หอบตัวโยนจนน่าสงสาร น้าหนิงมาโอบรอบตัวคุณครูเอาไว้
และอีกข้างก็เป็นเด็กน้อยที่ยังสะอื้นไห้ไม่หยุด เธอคิดถึงคุณป๊าที่อบอุ่นของเธอ
ไม่มีป๊าแล้ว เธอก็ไม่เหมือนไม่มีหลักใด ๆ บนโลกใบนี้แล้ว
โลกทั้งโลกของคนสองคนเหมือนพังลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
แม้แต่น้าหนิงเองก็ด้วย
เธอเลี้ยงดูชายผู้ยิ่งใหญ่เหมือนพ่อของเขาคนนี้มาตั้งแต่ไหน รักเหมือนแก้วตาดวงใจ
เธอไม่สามารถรับรู้เรื่องราวนี้
ไม่อยากยอมรับมันเลย
เมี๊ยว
..เสี่ยวอ้ายร้องออกมาอีกหนึ่งเสียง เสี่ยวอิ๋งรวบตัวมันมากอดไว้กับตัว
เธอคิดว่ามันเสียใจที่เจ้าของคนอีกของมันหายไป
แต่ไม่ใช่
มันร้องเพื่อทักทายบางคนที่มันคุ้นเคย เคยวิ่งไล่จับกันมา
“คุณหนูครับ...คุณอี้เฟิง”
เสียงนี้....
อี้เฟิงเงยหน้าที่เปรอะน้ำตามองที่มาของต้นเสียง
“อาฟง!”
------ที่สุดของดวงใจ-----
อี้เฟิงรีบพาอาฟงที่บาดเจ็บหลายที่มาปฐมพยาบาลเบื้องต้น
และน้าหนิงก็ติดต่อหมอประจำที่สนิทใจและจะไม่แพร่งพรายความลับของบ้านนี้แน่นอน
อี้เฟิงและเสี่ยวอิ๋งอาสาทำแผลให้อาฟงที่รอดมาจนถึงที่นี่ อี้เฟิงดีใจที่เห็นเขา
เขาเป็นบอดี้การ์ดที่ดูแลอี้เฟิงเสมอไม่ว่าเวลาไหน
แค่ครั้งนี้ที่ถูกเรียกตัวไปเสริมกำลังรบกับยืนเคียงข้างหยาง
สลับกับที่หยางหยางส่งกำลังคนที่มีฝีมือที่ถูกจ้างมาพิเศษมาดูแลคฤหาสน์ตระกูลหยางแทนเพราะศึกครั้งนี้จำต้องใช้คนที่ไว้ใจที่สุดเป็นกำลังสำคัญ
แต่ไม่เห็นเงาของคนที่อยากพบ อี้เฟิงก็ยังวูบโหวงในใจ
“คุณอี้เฟิง
คุณหนู โอเคนะครับ ไม่เป็นไรอะไรใช่ไหม ไม่บาดเจ็บนะครับ?” อาฟงถามออกมาในขณะที่อี้เฟิงทำแผลให้
พยาบาลจำเป็นพยักหน้าแทนคำตอบ เสี่ยวอิ๋งตอบเสียงใส เธอยังสะอื้นไม่หยุด
แต่ก็ดีใจที่ยังเห็นคนที่จากออกจากบ้านไป กลับมาให้เห็นหน้าอีกครั้ง
ทั้งสองดวงใจยังหวังปาฏิหาริย์ที่ภาวนาจะเกิดขึ้น
“ผมรอจนข้ามวัน
ให้พวกทางการมันถอนกำลังออกไป นายคิดไว้แล้วว่า พวกมันจะต้องมาที่นี่แน่ นายเลยส่งผมมาหาคุณ
พวกนั้นประมาทไม่ได้ นายให้อาเฉินดูหลังให้ ตอนที่ผมออกมาจากที่นั่น
...ก็กำลังลำบากมากครับ...”
อาฟงเล่าเสียงเรียบรายงานเหตุการณ์ให้ดวงใจของเจ้านายได้รับทราบ...แต่น้าหนิงบอกให้อาฟงหยุดเล่าแต่เพียงเท่านั้น
และโน้มน้าวชักชวนเสี่ยวอิ๋งออกจากห้องนี้ไปก่อน เรื่องราวหนักหนา
ยังไม่ควรจะให้เจ้าหญิงของบ้านได้รับรู้ ควรจะเป็นอีกซักพัก
เมื่อพวกผู้ใหญ่อย่างเราที่ล้มลงไปก่อนได้ทำใจยืนขึ้นมาเพื่อปกป้องเจ้าหญิงน้อยได้
แล้วตอนนั้นเราก็อาจจะต้องบอกเธอ
“แล้ว..จากนั้นล่ะครับ”
อาฟงขืนตัวนั่งตัวตรง
ร่างกายของเขาบาดเจ็บหนัก อี้เฟิงแค่ทำการปฐมพยายามเท่าที่ทำได้
เฝ้ารอคำตอบจากอาฟง แม้จะรู้แก่ใจแล้ว ทางการบอกเขามา
แต่มารับฟังซ้ำจากคนสนิทของหยางหยางก็เหมือนยืนยัน...อี้เฟิงคงใจสลายหากได้ยิน
“นายตกผาน้ำตกนั่นไป
ถูกยิง แต่ผมไม่รู้แน่ชัดว่านายถูกยิงที่จุดสำคัญและแผลร้ายแรงแค่ไหน
เพราะไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย...”
อาฟงบอกช้า ๆ
ประโยคยาว ๆที่เขาพูดต้องใช้กำลังเอ่ยเสียงออกไปทั้งที่ร่างกายบาดเจ็บหนัก
เขาพยายามบอกอี้เฟิง
“แต่นายรอดแล้วครับ
คนของเราที่ตามไปสมทบช่วยนาย นายเองก็อึดเหนือคนจริง ๆ ....”
“อะไรนะครับ!??”
“โอ๊ย
คุณอี้เฟิง ใจเย็น ๆ ครับ”
อี้เฟิงแค่อยากยืนยันว่าตนไม่ได้ฟังผิดไป
จนเผลอกดแรงที่แผล ณ ขณะที่ปฐมพยาบาลจนอาฟงร้องออกมา น้าหนิงวิ่งมาดูเพราะอาฟงร้องเสียงดังมาก
และก็ได้ยินเรื่องราวใหม่ที่น่าตกใจอีกครั้ง
“คนของเราที่นายส่งไปอีกฟาก
กลับมาบางส่วนช่วยกันหานาย และเราก็ได้พรรคพวกมาเสริมเป็นคนที่เราเคยมีบุญคุณกัน
เป็นพันธมิตรของเรา ส่งคนมารับเราออกไปจากที่นั่น ตอนนี้นายอยู่ที่กบดาน
ซ่อนตัวอยู่ครับ ยังออกมาไม่ได้ซักพักใหญ่ เพราะคนของทางการยังคงจับตาอยู่ ก็ทำให้นายเป็นคนตายไปก่อน
ผมคิดว่าพวกมันคงจะต้องยืนยันการตายด้วยการค้นหาศพของนายกับพวกของเราที่ตกลงหน้าผาที่น้ำตกนั่นไป
แต่ที่นั่นน้ำเชี่ยวพอสมควร แต่ผมก็บอกแล้วว่านายผมมันเหนือคน
ไอ้พวกที่ตามนายไปก็ด้วย ฝึกฝนด้วยกันมานี่ครับ เกือบเป็นเกือบตายไปพร้อม ๆ กัน
นายเองก็ไม่ทิ้ง เราก็ไม่ทิ้งของพวกเราหรอก”
อาฟงสาธยายรายงานเหตุการณ์ทั้งหมด
และบอกถึงความเป็นได้ และที่อยู่ปัจจุบันของหยางหยาง
ทั้งอี้เฟิงและน้าหนิงที่ใจสลายกลับมาฟื้นตัวเหมือนเกิดใหม่
อี้เฟิงยิ้มออกมาได้เมื่ออาฟงบอกข่าวดีนี้ เขาก็ร้องไห้อีก แต่ครั้งนี้เป็นเพราะความดีใจ
น้าหนิงประคองให้อาฟงเอนลงนอน รักษาตัวบนเตียงในห้องนอนห้องของน้าหนิงเอง
คุณครูและพยาบาลเบื้องต้นเอ่ยถามต่อ
“เขาจะกลับเมื่อไหร่ครับ
?”
“ก็อีกไม่นาน
ครับ ตอนนี้เราติดต่อกันไม่ได้ อาจจะมีการดักฟังอยู่
ผมได้คุยกับนายเมื่อเช้ามืดนี้แค่ไม่กี่นาทีด้วยซ้ำ
แค่ยืนยันว่านายหยางหยางของพวกเรายังอยู่ดี เขาเองก็อยากส่งข่าวให้พวกคุณด้วย
เจ้านายประเมินสถานการณ์ได้ดีครับ เลยส่งผมมาก่อนที่จะลงนรกกันไปหมดแต่จริง ๆ เสียงนายไม่ค่อยสู้ดีนักครับ รอดมาก็ถมถืดแล้ว
เขาจะต้องอยู่นิ่งๆ ไปอีกหลายวัน รักษาตัว “
อาฟงเล่าให้ฟัง
อี้เฟิงและน้าหนิงพยักหน้า และมีผู้ฟังใหม่!
“ป๊าไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ยคะพี่ฟง!”
“ครับ คุณหนู”
เสี่ยวอิ๋งมาแอบฟังด้วย
เธอไม่ยอมนอนอย่างที่คุณป้าหนิงของเธอบอก แอบตามน้าหนิงมาฟังข่าวดี คุณป๊าของเธอเป็นยอดฮีโร่ในใจของเธอ
และก็จะกลับมาหาเธอในไม่ช้า เด็กน้อยยิ้มแย้มกับข่าวนี้
กอดเสี่ยวอ้ายในอ้อมกอดแน่น
“ป๊าจะมาแล้วเนอะ
เสี่ยวอ้ายเนอะ”
ทุกคนมองเด็กหญิงตัวน้อยดีใจ
ทุกคนชอบให้เธอร่าเริง เธอเป็นเหมือนสิ่งที่มอบความสดในให้บ้านนี้
เป็นหนึ่งในดวงใจของผู้ยิ่งใหญ่จากตระกูลหยาง
“นายยังมีเรื่องที่จะต้องทำ
เรื่องใหญ่มาก เลยต้องเตรียมตัวครับ นายจะกลับมาหาทุกคนแน่นอน
แต่ตอนนี้พวกเราก็ต้องรอ ...นายส่งผมมาที่นี่ เพื่อดูแลพวกคุณ เราจะต้องอยู่นิ่ง ๆ
ไม่เคลื่อนไหวและต้องทำเป็นไม่รู้ ตีหน้าโศกเศร้ากันบ้าง
ป้องกันการสังเกตการณ์จากทางการและอื่น ๆ ที่คิดว่านายหยางหยางของเราตายแล้ว”
อาฟงเล่ายาว
ทุกคนพยักหน้ารับ
แผนการที่เร่งรีบและรวบรัดถูกส่งเป็นภารกิจให้ทุกคนในตระกูลหยางตอนนี้ทำ
“บอดี้การ์ดที่อยู่กับพวกคุณด้านนอก
นี่ก็เป็นเพื่อน ๆ พวกที่สนิท และนายก็สนิท ไม่ต้องห่วงครับ พวกมันถวายชีวิตปกป้องพวกคุณ
เก่งเทียมผมกับอาเฉินแน่นอน แต่ที่มันไม่ปะทะกับทางการ ก็เพราะมันได้ไม่คุ้มเสีย
เราเริ่มก่อนก็ไม่ได้ พวกมันก็แค่วิ่งมาค้นหาอะไรลมๆ แล้ง ๆ แล้วก็ไปน่ะ”
อี้เฟิงยิ้มออก
เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายไปมาก เขาดีใจเป็นที่สุดที่หยางหยางยังไม่ตายจากไป
เป็นคนที่อึดเหนือมนุษย์ อาฟงบอกแบบนั้น เสียงหวานคิดก็นึกขำ
จนต้องหัวเราะเสียงค่อยออกมา เสียงหวานหูนั้นทำให้ทั้งสามคนที่อยู่ใกล้หันมอง
ใบหน้าหวานแสดงความโล่งใจออกมา ระบายยิ้มให้ทุกคนที่อยู่รอบตัว
“คุณอี้เฟิง...
นายบอกว่า อยากให้คุณช่วยเป็นกำลังสำคัญของบ้าน ดูแลคุณหนูแทนเขา และคุณหนูเสี่ยวอิ๋งครับ
ป๊าฝากมาบอกว่าจะพาไปซื้อขนมเค้กที่ร้านโปรด ไปด้วยกันทั้งหมดเลย ให้คุณหนูเป็นเด็กดีช่วยคุณอี้เฟิงดูแลบ้านกับเสี่ยวอ้าย
ทำได้ใช่มั้ยครับ”
“ได้อยู่แล้วค่ะ! “
คุณหนูของบ้านรับคำ อาฟงเห็นความสดใสนี้ ก็ยิ้มออกมาได้
ดวงใจของเจ้านายฟื้นฟูตัวเอง ใจแกร่งหินพอ ๆ กับเจ้านายของเขาไม่ต่างกัน
สมกับเป็นคนที่เจ้านายรักและปกป้องด้วยชีวิต
อาฟงมอบด้วยความตั้งใจ
ถ่ายทอดคำพูดและพยายามบอกความรู้สึกของเจ้านายของตน
“และคำฝากถึงคุณอี้เฟิง
อีกนิดนึงครับ คือ.. พูดไปก็เขินแทนนาย แต่
รอยยิ้มของคุณสามารถเยียวยาทุกคนในบ้านได้ นายของผมชอบรอยยิ้มของคุณมาก
เขาบอกแบบนั้นครับ เอ่อ... ผมเห็นด้วยนะ ”
“เสี่ยวอิ๋งก็ชอบมากค่ะ!”
หลังจากอาฟงบอกทั้งความที่ถ่ายทอดมาจากเจ้านาย
แถมเสริมด้วยความรู้สึกตนไปด้วย เขากลั้วหัวเราะ จนมีเด็กน้อยเสริมทัพอีก
เธอเหมือนคุณพ่อเหลือเกิน ในเรื่องนี้ หลงใหลคุณครูคนเก่งคอยออดอ้อนขอยิ้มสวย ๆ
จากคุณครูกับพ่อของเธอบ่อย ๆ
คุณครูที่ถูกชมว่ายิ้มสวยคิดถึงใบหน้าของชายหนุ่มที่ชอบบอกเขาแบบนั้น
เมื่อถ่ายทอดผ่านคนกลางมา พูดได้ไม่อายเลยนะ ตานี่
แต่ถึงจะค่อนขอดเขาแต่อี้เฟิงก็เขินอายเมื่อนึกถึง
ทั้งสามคนที่ทอดมองอี้เฟิงในตอนนี้ พลางยิ้มไปด้วย
รอยยิ้มที่งดงาม
จากคนที่ใสบริสุทธิ์แบบนี้มันนาหลงใหล
คุณครูพยักหน้ารับสารที่ถูกถ่ายทอดมาจากอาฟง
และพูดต่อ
“ผมทำได้
แค่รู้ว่าเขามีชีวิตอยู่ ผมก็ใจดีมากแล้ว.. “ เฟิงรับคำมั่น
ไม่ว่าจะต้องพบเรื่องราวอะไร ในเมื่อหยางหยางเชื่อใจเขามากขนาดนี้ แค่รอยยิ้มเองที่เขาจะต้องมอบมันให้ทุกคนตามที่หยางหยางบอกมา
ทำไมจะทำไม่ได้ ให้มากกว่านี้เขาก็ทำได้
เพื่อให้หยางหยางได้เบาใจว่ามีคนอย่างหลี่อี้เฟิงอยู่ด้วย
ตลอดจากนี้จะไม่เสียใจที่มีเขาอยู่เคียงข้าง
อี้เฟิงจะรอที่จะได้สวมกอดหยางหยางอีกครั้ง
และรอยยิ้มที่เขามีจะมอบให้ชายหนุ่มตลอดไป
--------------ที่สุดของดวงใจ -------------
“หวังว่างานเลี้ยงนี้จะมีของอร่อย
ๆ ให้กินนะ อยู่ในนั้นตั้งนาน กินแต่ของรสชาติห่วย ๆ “
“อย่าบ่นมากสิวะ
ก็กินเหมือน ๆ กันหมดละวะ”
ชายหนุ่มสองคนพูดคุยกันในขณะปฏิบัติงานให้เจ้านาย
กำลังขับรถตรงไปงานเลี้ยงที่หนึ่งที่มีเหล่าบรรดาแขกคนสำคัญในระดับสูงไม่ว่าจะวงการไหน
เป็นงานเล็กที่คับแน่นไปด้วยอำนาจ อิทธิพลเต็มงาน ใช่ว่าใครจะเข้าไปในงานกันง่าย ๆ
จะต้องมีการตรวจบัตร ตรวจอาวุธ ไหนจะคุมเข้มเรื่องเครื่องแต่งกาย มีกฎเคร่งครัดก่อนจะเข้าไปในงาน
“นายครับ
ถึงแล้วครับ”
“อืม”
ผู้เป็นเจ้านายตอบรับเสียงเรียบไม่แสดงสีหน้าแววตาใด
ๆ ลูกน้องทั้งคู่ที่คุยเล่นกับสนุกปาก ซ่อนอารมณ์ที่ตื่นเต้นที่จะได้ทำงานใหญ่ไว้
เปลี่ยนสีหน้าแววตาให้เหมาะกับงานที่จะปฏิบัติในต่อไปอีกไม่กี่นาที คนหนึ่งเมื่อเห็นเจ้านายเตรียมตัวเสร็จแล้ว
เขาวิ่งลงไปเปิดประตูรถให้เจ้านาย มีรถคันอื่นที่ขับตามมาอีกหลายคัน
ล้วนเป็นรถสีดำ รูปร่างคล้ายกันหมด พวกเขาตรงเข้าไปในงานเลี้ยงวีไอพีระดับสูงทันทีที่พร้อมสำหรับการปฏิบัติงานที่เตรียมการกันมา
“พวกคุณเป็นใครน่ะ!”
มีเสียงหนึ่งจากยามรักษาการณ์หน้าสถานที่จัดงานเลี้ยง
ตะโกนถามเมื่อเห็นบรรยากาศที่ชายฉกรรจ์หลายคนในสูทดำเดินเข้ามาพร้อมกันทั้งที่กฎของงานข้อหนึ่งคือห้ามนำคนของตนมาไม่เกินจำนวนที่กำหนดไว้
แต่กลุ่มนี้กลับมาพร้อมกับคนจำนวนมาก พร้อมกับอาวุธครบมือ ทำให้ส่วนของการรักษาความปลอดภัยของงานตื่นตัว
ต่างมารับมือกับคนกลุ่มนี้ ซึ่งแน่นอนว่า หัวหน้าของคนในกลุ่มนี้ไม่มีบัตรเชิญเหมือนแขกคนอื่น
“นะ..นั่นมัน...—
อั่ก-” ชายหนุ่มหนึ่งเอ่ยเสียงขาดหาย
และตกใจกับภาพเหตุการณ์คนตรงหน้า ก่อนที่เขาจะไม่ได้คิดอะไรต่อเพราะลูกปืนแสกผ่านหน้าผากเข้าสมองไป
เขาตายไปทันที่จะคิดพูดอะไรได้
“ นายครับ
เชิญทางนี้” ลูกน้องคนหนึ่งผายมือเชิญผู้เป็นนายไปทางเข้าของห้องจัดเลี้ยง บรรยากาศรอบนอกก็ดูเหมือนงานเลี้ยงทั่วไป
มีการตบแต่งให้สวยงามเข้ากับความหรูหราของสถานที่ และความมั่งคั่งร่ำรวยตามสถานพของแขกระดับวีไอพีที่มาร่วมงานในวันนี้
พื้นที่ไม่ได้กว้างเท่าไหร่ แต่เป็นงานที่มีบรรยากาศไม่เลว จำนวนแขกที่อยู่ในวงนอกไม่มากเท่าไหร่แต่มีคนอีกกลุ่มที่อยู่ในห้องพิเศษที่มีแค่ระดับสูงที่จะเข้าไปนั่งเก้าอี้ในห้องนั้นได้
ซึ่งแน่นอน คนที่ชายหนุ่มผู้เป็นนายคนนี้ต้องการพบเจออยู่กันเกือบครบทุกคน
เป็นเพื่อนเก่าที่ชายหนุ่มอยากเจอ
เดินก้าวด้วยจังหวะปกติ
ระหว่างทางก็มีพวกปลาซิวปลาสร้อยมาขวางทาง
ลูกน้องของชายหนุ่มจัดการไปไม่คณามือลูกน้องของเขาซักนิด เปิดทางให้ง่ายดาย มาจนาถึงหน้าประตูงาน
ลูกน้องของผู้เป็นนายคนนี้จัดการเคลียร์เปิดทางให้หมดแล้ว
ตั้งแต่ลงรถมาจนถึงบริเวณจัดเลี้ยงมาจนถึงหน้าห้องจัดเลี้ยง หน่วยรักษาความปลอดภัย
ทั้งกลุ่มบอดี้การ์ด หน่วยอารักขาทุกคนที่มาพร้อมกับเจ้านายของตน ตายเรียบ
ไม่มีใครเหลือ ผู้มาใหม่ใช้อาวุธที่เตรียมพร้อมมาครบมือ ทั้งการเตรียมการมาพร้อมกับการดูที่ตั้งของของงานเลี้ยงอันน่ารื่นรมย์ในวันนี้
เวลาอันสั้นเขาจัดการให้พวกลูกน้องก็ยึดพื้นที่จัดเลี้ยงนี่ได้ทั้งหมด
“ไปกันเถอะ”
ชายหนุ่มผู้เป็นนายเอ่ยกับลูกน้องคนสนิทข้างตัว
มือแกร่งของชายหนุ่มจัดสูทราคาแพงสีดำสนิทให้เข้าที่ บนไทด์เส้นหรูหราราคาแพงมีของสำคัญที่เขารักษายิ่งชีวิตจากดวงใจของเขาอยู่บนนั้น
มือแกร่งของชายหนุ่มแตะมันเพื่อขอกำลังใจร่างของชายหนุ่มยังมีบาดแผลใหญ่ทั้งเจ็บปวดไปทั่วจากแรงกระแทกจากที่สูงและแรงน้ำ
ยังไม่หายสนิทดีเสียด้วยซ้ำ เดินมาก็ต้องแทบรีดพลังทั้งหมด
เพราะอาการบาดเจ็บหนักเช่นนี้ ต้องรักษากันเป็นเดือน ๆ
แต่เขาขอฟื้นตัวสะสางเรื่องราวที่ค้างคาใจให้จบสิ้น จึงขอยาแรง ๆ กับหมอที่ไว้ใจได้มาก่อน
เพื่อระงับอาการปวด
“ไปทักทายเพื่อนเก่ากันหน่อย
มันน่าน้อยใจจริง ๆ ที่พวกมันไม่เชิญฉันมาด้วย”
เสียงทุ้มเอ่ยกับลูกน้องข้างกาย
คนสนิทที่ไว้ใจ
พร้อมกับให้เปิดประตูห้องจัดเลี้ยงแขกวีไอพีในงานเลี้ยงของคนระดับสูงในทุกวงการ
ชายหนุ่มสูทดำที่ดูน่าเกรงขามและทรงอำนาจแม้ไม่ใช่คนที่รูปร่างสูงใหญ่
แต่ความสมส่วนของร่างกาย และใบหน้าหล่อเหลา สายตาคมกริบเฉือดเฉือนทุกสิ่งภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งสงบและรอยยิ้มที่เยียดบนใบหน้าหล่อนั้น
“นั่นมัน...!”
ชายหนุ่มที่มาใหม่ที่เข้ามาในห้องจัดเลี้ยง
แขกทุกคนสงสัยว่าใครที่กล้าเปิดประตูมารบกวนความบันเทิงของของพวกเขาทั้งที่สั่งการว่าห้ามใครรบกวน
แต่เมื่อพบคนที่มาใหม่ ทุกคนก็ต้องตะลึงไปตาม ๆ กัน
มือแกร่งของผู้มาใหม่ยกขึ้นมา
พร้อมเล็งปากกระบอกปืนไปทางชายคนหนึ่ง
ปัง!
เขาลั่นไกปืนตรงไปยังเป้าหมายที่ต้อง
คนที่ล้มลงไปเป็นคนที่ชายผู้สังหารเขายิ้มเยียด
พอใจกับผลงาน และชายที่ตกเป็นเป้าหมายนั้นตายทันทีในนัดเดียวด้วยความแม่นราวจับวางของผู้ยิงที่ฝึกฝนมาอย่างดี
“อู๋เทียนซื่อ!!”
ชายคนหนึ่งในห้องพิเศษของแขกวีไอพีตะโกนลั่นเรียกชื่อของผู้ที่เพิ่งถูกสังหาร
จากนั้นก็หันไปมองชายผู้มาใหม่ที่ส่งสายตาเยือกย็นราวน้ำแข็ง เขาไม่กล้ามองสบตา
หลีกไปอีกทาง ให้ห่างจากชายคนนั้น
“แก...ทำไม...
ทำไมแกมาอยู่ที่นี่!”
คนที่ถูกถามเลิกคิ้วและยิ้มเยียดส่งให้คนที่ถาม
เขาโค้งเล็กน้อยตามมารยาททักทาย และไม่สนใจเขาอีกต่อไป เดินก้าวเข้าไปในห้องตามดั่งใจ
ไว้จัดการทีหลังแล้วกัน
ทางการยังเก็บไอบ้าไว้อยู่อีกงั้นหรือ ? ชายหนุ่มคนนั้นคิด
เมื่อสรุปดังนั้น
ชายหนุ่มจึงหันมาสนใจกับบรรยากาศรอบข้างเสียหน่อย ตอนนี้เขาต้องปฏิบัติตัวให้สมกับที่แต่งสูทมาเสียเต็มยศ
ให้เข้ากับสถานการณ์ ชายหนุ่มผู้น่าเกรงขามและน่ากลัวสำหรับคนในห้องพิเศษนี้
เดินก้าวไปยังโต๊ะอาหารใหญ่ที่รวมเหล่าบรรดาแขกเรื่อระดับสูงหลายคนที่นี่มีคนที่ชายหนุ่มต้องคิดบัญชีทดในใจหลายคนนัก
เมื่อมาถึงจุดที่ต้องการ ลูกน้องคนสนิทที่เดินตามหลังมาถีบศพที่ชายหนุ่มที่ผู้เป็นนายเพิ่งจะลั่นไกฆ่าไป
ให้ออกไปให้พ้นเส้นทางเดินของเจ้านายของเขา
และเลื่อนเก้าอี้ให้เจ้านายนั่งตรงนั้นแทน
“บริกร
ขอแชมเปญซักแก้วสิ”
เมื่อผู้เป็นนายนั่งลงที่นั่งตรงนั้น เขาเรียกบริกรที่อยู่ใกล้ที่สุด
เขาหวาดกลัวชายหนุ่มที่น่าเกรงขามนี่จับใจ
แม้ใบหน้าหล่อราวเทพบุตรแต่แววตาวาวโรจน์เยี่ยงปีศาจ บริกรมือสั่นเสิร์ฟแชมเปญให้แต่ชายหนุ่มไม่ว่าอะไร
ก่อนที่เขาจะหันหน้าเข้าโต๊ะ เพื่อทักทายแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่อยู่ร่วมงานรอบโต๊ะนี้ ซึ่งแขกทุกคนต่างตกตะลึงไม่หาย เมื่อยิ่งได้เห็นใบหน้าจนชัดเจนของชายหนุ่มที่อุกอาจเข้ามาในห้องนี้
พวกเขารู้จักคน ๆ นี้ ซึ่งทำให้ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะยกมุมปากยิ้มทักทายหรือเอ่ยอะไร
จะขยับตัวก็ไม่กล้าซักเซนติเมตรเดียว
จากนั้นชายหนุ่มผู้มาใหม่ยกยิ้มแทนพวกเขาที่นั่งมองตัวแข็ง
ขยับตัวตามสบายท่วงท่ามากด้วยพลัง มือแกร่งที่ดูสวยงามยกแก้วแชมเปญส่งสัญญาณประกอบการทักทายพวกแขกวีไอพีรอบโต๊ะ
แต่บางคนตกใจจนเสียมาดไป ใบหน้าบางคนบนโต๊ะวีไอพีบูดเบี้ยวเพราะความกลัว เสียงทุ้มเอ่ยแทนทุกคนที่กลายเป็นใบ้กันหมด
“สวัสดีครับ
ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย ไม่ได้เจอทุกท่านเสียนาน ยังจำผมกันได้ใช่มั้ย "
ไม่มีใครตอบรับคำถามนั้น ชายหนุ่มก็ทำเพียงส่งยิ้มให้ทุกคน และกล่าวต่อไป มือพลางยกแก้วแชมเปญประกอบฉาก
"
"ปะ.. ปีศาจ เหมือนปีศาจมันกลับมาจากนรก...มัน .. มัน"
ชายของทางการระดับสูงที่สวมเครื่องแบบมาร่วมงาน เป็นแขกร่วมโต๊ะระดับวีไอพีคนหนึ่งเอ่ยตะกุกเพราะหวาดกลัว ใบหน้าเมื่อเอ่ยพูดบูดเบี้ยวแสดงอารมณ์เต็มที่ ผู้มาใหม่ที่ขอมาร่วมโต๊ะด้วย หันไปยิ้มทักทาย ราวกับคำว่า ' ปีศาจ'นั้น เป็นเหมือนชื่อเรียกของเขา เสียงทุ้มของแขกคนใหม่ถูกเปล่งอีกรอบ
"ผม หยางหยาง ครับ เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่จะได้ร่วมงานเลี้ยงหรูหรากับทุกท่านในวันนี้"
ชายของทางการระดับสูงที่สวมเครื่องแบบมาร่วมงาน เป็นแขกร่วมโต๊ะระดับวีไอพีคนหนึ่งเอ่ยตะกุกเพราะหวาดกลัว ใบหน้าเมื่อเอ่ยพูดบูดเบี้ยวแสดงอารมณ์เต็มที่ ผู้มาใหม่ที่ขอมาร่วมโต๊ะด้วย หันไปยิ้มทักทาย ราวกับคำว่า ' ปีศาจ'นั้น เป็นเหมือนชื่อเรียกของเขา เสียงทุ้มของแขกคนใหม่ถูกเปล่งอีกรอบ
"ผม หยางหยาง ครับ เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่จะได้ร่วมงานเลี้ยงหรูหรากับทุกท่านในวันนี้"
TBC ที่สุดของดวงใจ : -- CHAPTER : FINAL
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น