สารบัญฟิค #ที่สุดของดวงใจ
หยางเฟิง (หยางหยาง x หลี่อี้เฟิง)
วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
[Fic] ที่สุดของดวงใจ : หยางเฟิง - CHAPTER :SPECIAL : KNOW
TITLE : ที่สุดของดวงใจ
CHAPTER : SPECIAL : KNOW
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG - 13
RATE : PG - 13
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
...ถึงแม้บางอย่างที่ได้รับรู้และบางอย่างที่ผมรู้เกี่ยวกับตัวเขา บางอย่างนั้น ทำให้ผมรับไม่ได้
ทำใจอยู่เนิ่นนาน ผมตัดสินใจ
คิดหนักมาก ๆ เลย เกี่ยวกับคน ๆ นั้น
ที่ผมตัดสินใจจะใฃ้ชิวิตและเดินไปเคียงข้างกับเขา
คน ๆ นั้น เขาชื่อ หยางหยาง
นิยามของชายคนนี้ ท่านประธานหยางกรุ๊ปผู้ร่ำรวย มาเฟียใหญ่มากอิทธิพล
และ พ่อของลูกสาวที่รักลูกมากกว่าสิ่งอื่นใด แต่หลัง ๆ นี้เขาก็บอกว่ารักผมพอ ๆ กับเสี่ยวอิ๋ง
(ผมแพ้เสี่ยวอิ๋งน่ะ ไม่เป็นไรหรอก ยังไงนั่นก็ลูก ผมเข้าใจเขา)
ผมคิดว่า โลกที่ใครหลาย ๆ คนบอกว่าไม่มีเรื่อบังเอิญก็อาจจะไม่ใช่
แต่พระเจ้ากำหนดให้เราทั้งสองคนมาเจอกันหรือเปล่า ? ถ้าแบบนั้นก็ไม่บังเอิญสิ
เพราะพระเจ้าขีดชะตาให้เรามาพบกัน แรกเจอเขา ผมตกอยู่ในอันตราย
และยิ่งอยู่ใกล้เขาก็ยิ่งได้เจออันตรายที่ร้ายแรงและหนักหนาขึ้นเรื่อย ๆ
หนักสุดก็มีปืนมาจ่อขมับผม
แต่ในที่สุด ทุกครั้ง เขาก็จะเป็นฮีโร่ของผมเสมอครับ เขาเป็น่นมาเฟีย เพราะผมมาพัวพัน
ข้องเกี่ยวกับเขา เลยมีเรื่องตามมา แต่ผมตัดสินใจแล้ว!
ผมจะอยู่กับคน ๆ นี้
ผม...
ผมเสพย์ติดทุกอย่างเกี่ยวกับคุณหยางหยางคนนั้น เริ่มตั้งแต่ใบหน้าหล่อ
ๆ นั่นเลย มองทีก็เหมือนถูกมนต์สะกด เสียงทุ้มบาดใจผมชวนละลายมาก ๆ
ความอบอุ่นของเขาที่ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้
ความรักของคุณหยางหยางต่อผมด้วย
ผมอยากอยู่กับไปตราบนานเท่านาน
ดูแลเสี่ยวอิ๋งและเขา เสี่ยวอ้าย แมวน่ารักอีกหนึ่งตัว
แต่เพราะความจริงบางอย่าง
เพราะเขาเป็นมาเฟีย
ศีลธรรมอันดีที่ผมมี มันขัดแย้งกับชายคนนี้มาก
ผมรู้ว่ามาเฟียเขา
‘ทำอะไร’ กันบ้าง แต่ไม่ละเอียดนักหรอก ก็พอรู้คร่าว ๆ
มันโหดร้ายที่ผมต้องมารับรู้
แต่ทำอะไรได้ล่ะ ก็ติดเขาเสียขนาดนี้
แต่ผมน่ะ! ...ผมก็จะไม่มีวันเข้าไปในสังคมของเขา
ผมไม่เข้าใจที่เขาทำ
แต่จะไปฝืนให้ชายที่อยู่ในสังคมในโลกแบบนั้นมาทั้งชีวิต
ออกมาจากโลกของเขาเพื่อแค่เพราะผมกับลูกก็คงไม่ได้
ทุกคนมีสิ่งที่ต้องดูแล
เราอยู่กับแค่เราสามคนไม่ได้ มีคนรอบข้างที่เราจำเป็นต้องมีอยู่ร่วมกัน
เราอยู่ลำพังกันแค่นั้นไมได้
และต่อให้เราหนีไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว
ศัตรูของคุณหยางหยาง ก็จะล่าเราเจอ
ก็สู้อยู่เจอพวกมันก่อนเลย ผมรู้ว่าคุณหยางหยางก็พยายามที่จะดูแลผมและลุกของเขาเป็นอย่างดี
ทำให้เราข้องเกี่ยวกับโลกนั้นในน้อยที่สุด
นี่เป้นวิธีที่ดีที่สุดที่เขาทำได้เพื่อพวกเรา แฟร์ ๆ กัน ผมก็ต้องทำเพื่อเขา
ขนาดเสี่ยวอิ๋งยังทำได้เลย
จริงอยู่ที่คุณหยางหยางของผมยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง
แต่ถ้าหากเขาจะล้ม ผมก็จะรับเขาไว้
ทั้งที่ไม่เข้าใจนี่ล่ะ
ว่าเขาจะมาอยู่ในโลกแบบนี้ทำไม มันโหดร้ายจริง ๆ
ผมรักคุณหยางหยางมาก
ผมจึงอยู่
อยู่เพราะเขา
ยืนเคียงข้างเขา
นั่นเพราะว่าเพราะผมเป็นดวงใจของชายคนนี้
“ทำอะไรอยู่ครับ”
เสียงทุ้มดังที่ได้บรรยายในจดหมายถึงคุณย่าดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศเงียบ อี้เฟิงกำลังตั้งใจ ใช้สมาธิ
หยางหยางเดินมามองคนที่เป็นดวงใจของตนก้มหน้าก้มตาตั้งใจเขียน
ใบหน้าหวานเงยมาสบตาคนรัก และยิ้มให้
“จดหมายถึงคุณปู่คุณย่าที่ผมบอกว่าจะวานให้คุณฟงไปส่งไง”
“งั้นหรอ”
หยางหยางยิ้มให้
และจ้องมองใบหน้าหวานนานขึ้นจนอีกฝ่ายแปลกใจ
อี้เฟิงก็นึกได้ว่าตนแปลกหูแปลกตาชายตรงหน้าไปนิดหน่อย วันนี้เขาใส่แว่นหนาเตอะ
สายตาก็เริ่มไม่ค่อยจะดีแล้ว
แว่นตาอันเก่าที่เพิ่งเผลอทำหล่นไปตอนอ่านหนังสือครั้งก่อน พอไปซื้อมาใหม่ค่าสายตาก็ทะลุไปไกล
หนาเตอะแต่ก็จำต้องใส่
“คุณใส่แว่นแบบนี้ออกไปไหนไมได้นะ “
“เอ้า ?”
“ก็น่ารักแบบนี้ ผมไม่ยอมให้ใครเห็นหรอก”
ขี้หวงไม่เข้าเรื่องจริง
ๆ ตาคนนี้ พอว่าอีกคนตามใจ
ก็ยิ้มให้หน่าย ๆ อี้เฟิงลงมือเขียนเติมบางส่วนของจดหมายให้จบ
ปล คุณปู่คุณย่า ถ้าบุรุษไปรณีย์ที่ส่งจดหมายของผม หน้าตาดุ ๆ
แต่งสูทดำก็ไม่ต้องกลัวนะครับ พวกเขาใจดีกว่าที่คิด คนของคุณหยางหยางล่ะ
ปล ผมรักปู่ย่านะ
หลี่อี้เฟิงของปู่ย่า
เมื่อลงชื่อเสร็จเรียบร้อย
อี้เฟิงเอียงคอไปมาเริ่มรู้สึกรำคาญผมหน้าม้าที่ทิ่มตาอยู่นิดหน่อย
ใบหน้าหวานเลยสะบัดมันให้พ้นระยะสายตา แต่มือมีดีมาช่วย
หยางหยางคว้ากิ๊บติดผมที่อยู่ใกล้ ๆ มือ อี้เฟิงเห็นแว้บ
ๆว่าเป็นของเสี่ยวอิ๋งที่ลืมทิ้งไว้ตอนเข้ามาซนเล่นในห้องของเขา
มือแกร่งข้างนั้นติดมันและเสยผมอี้เฟิงให้พาดไปอยู่ด้านบน
เปิดหน้าผากไม่ให้เกะกะการมองเห็นอีก
“ฝากจดหมายนี้ด้วยนะครับ”
“ได้ ผมจะบอกอาฟงให้”
หยางหยางยิ้มรับอีกครั้ง จากที่ยืนค้ำอยู่ใกล้ ๆ คุณครูที่นั่งเขียนจดหมายบนโต๊ะ เขารับจดหมายมาไว้กับตัว
ก่อนจะปล่ยอให้คุณครูได้พักผ่อนบ้าง เขาก็ขอตัวไปทำงานต่อ
แต่ก่อนไปก็ขอชื่นใจกับจูบหวานๆ กับคุณครูอี้เฟิงเสียหน่อย
“พอ..พอแล้ว”
“ราตรีสวัสดิ์ ดวงใจของผม”
พูดเสียงออดอ้อน แววตากลืนกิน
นิสัยที่เป็นแบบฉบับของหยางหยางที่อี้เฟิงเจอประจำ และไม่มีทางชินเสียที เมื่อได้สบตาหยางหยาง
อี้เฟิงก็เขินหน้าแดงระเรื่อไปไกล แต่วันนี้ท่านประธานจำต้องปล่อยแมวน้อยไปก่อน
ที่จริงเขาอยากฟัดแมวน้อยให้หายอยาก แต่ก่อนหน้านี้ ก็จำได้ว่าอี้เฟิงก็ตัวช้ำ ไม่มีที่ว่างให้เขาแต่งแต้มร่องรอยอะไรได้แล้ว
คงต้องพักซักคืน ไว้ไล่กินแมวกันใหม่
“ผมไปนะ”
“อื้อ”
ละจากจูบหวาน
ๆที่ริมฝีปากอิ่มก็ขอฉกฉวยตรงแก้มนิ่มและก้าวออกจากห้องอี้เฟิงไป
มีเสียงไล่ว่าตามหลังให้เขายิ้มจำได้กับความน่ารักนั้น
พอสิ้นธรณีประตูห้องของอี้เฟิง
หยางหยางก็ทำในสิ่งที่คนที่เป็นสุภาพบุรุษไม่ควรจะทำ
“ฮึ”
เขาแกะจดมหายที่อี้เฟิงปิดผนึกไว้อ่านมันทั้ง ๆ
ที่ยังไม่เดินเข้าห้องนอนดีด้วยซ้ำ
อ่านจบแล้ว หยางหยางก็คิดย้ำ
และแน่ใจว่าเขารักคนถูกแล้ว
หยางหยางไมได้อยากให้อี้เฟิงเข้ามาในโลกของเขา
เขาพยายามกันอี้เฟิงออกไป บางครั้งมันก้มีเรื่องราวหลุดไปถึงหูอี้เฟิง
แต่เด็กคนนั้นก็ไม่เคยพูดอะไรทำลายความสัมพันธ์ทำร้ายใจ เข้มแข็งไม่มีเปลี่ยน
และยืนหยัดในจุดยืนของตนที่สุด
ไม่เปลี่ยนไป แม้อยู่ท่ามกลางความมืด
จะอยู่ในที่สว่างคอยดูแลหยางหยางผู้ที่อยู่ในความมืดคนนี้จากจุดนั้น
หลี่อี้เฟิงก็ยังคงเป็นหลี่อี้เฟิง
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มออกมาอย่างไม่ปิดปัง รอยยิ้มนี้ช่างเย้ายวนใจหากมีใครได้ทอดมอง หยางหยางหันกลับไปที่ห้องของอี้เฟิง
เราก็มาพยายามด้วยกันนะ
หยางหยางพูดกับข้อความในจดหมาย ถึงคนเขียนจดหมายนี้ หยางหยางไม่ใช่ปู่ย่าของอี้เฟิงแต่ก็ดันรู้เนื้อหา จดหมายเสียแล้ว เเต่มันทำให้เขารู้ว่าอี้เฟิงคิดอะไรอยู่บ้าง เด็กคนนี้เข้มแข็งและไม่พูดอะไรแต่จะคิดและพูดในสิ่งที่ทำให้คนรอบข้างสบายใจ คอยดูแลความรู้สึกคนอื่นเสมอ
เห็นแบบนี้ เขายิ่งรักเด็กคนนี้มากขึ้นไปอีก
หลี่อี้เฟิง
"ผมรักคุณเหลือเกิน ดวงใจของผม"
--------------------------------- ที่สุดของดวงใจ : CHAPTER
:SPECIAL : KNOW --------------------
วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
[Fic] ที่สุดของดวงใจ : หยางเฟิง --- CHAPTER :FINAL
TITLE : ที่สุดของดวงใจ
CHAPTER : FINAL
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG -13
RATE : PG -13
“นายครับ
แต่--- “
“กลับบ้าน...เดี๋ยวนี้”
ในที่สุดสิ่งที่ต้องการจะทำ
ก็เรื่องราวตอนนี้ก็จบลงเสียที.. อย่างน้อยเขาก็เป็นต่อ เป็นช่วงเวลาที่เขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
หลังจากที่เข้าไปที่งานเลี้ยงวีไอพีนั้น
หยางหยางเข้าไปปรากฏตัวในงานเลี้ยง
ห้องพิเศษที่มีแขกระดับวีไอพีซึ่งพวกนั้นเป็นพวกที่หยางหยางอยากจะคิดบัญชีแค้นที่ทดไว้แทบทั้งนั้น
ถึงจะมีคนที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่ถ้าเห็นหน้าก็ต้องรู้ว่าเป็นใคร และแน่นอน เขาไม่ได้มาร่วมงานอย่างที่ปากว่า
มือของหยางหยางลั่นไกใส่บางคนที่สามารถจัดการได้
เขาไม่ไว้ใจให้บางคนมีชีวิตอยู่และ ย้อนกลับมาแก้แค้นหรือทำร้ายเขาอีก
มีนักธุรกิจสองสามคนที่รู้ชะตาชีวิต ณ วินาทีนั้น ของตนดี แต่ที่ไหนเสีย
จะหนีพ้นปีศาจที่ตามกลับมาทวงแค้น ผู้นำตระกูลหยางอย่างเขาจึงทำในสิ่งที่ต้องทำ
เขาต้องแสดงอำนาจและความโหดเหี้ยมที่เลือดเย็นอย่างที่ไม่เคยเป็น ต้องให้มากกว่าตัวเขาในอดีต
ต้องสามารถปกป้องคนในปกครองได้ คนสำคัญของเขาทุกคน จะต้องแข็งแกร่งให้มากกว่านี้
“นาย
ขอร้องล่ะครับ ไป---”
“ก็บอกว่าให้กลับไปบ้านก่อน..”
หยางหยางสั่งลูกน้อง
ไม่สนใจสิ่งอื่นใด แม้พวกมันจะทำหน้าตาไม่อยากรับคำสั่งนั้น
เข้าใจดีในความเป็นห่วงแต่แค่เขาอยากกลับไปบ้านก่อนแค่นั้น
เขาเลิกสนใจใครอื่นในตอนนี้และเข้าไปในความคิดของตนต่อไป
คิดว่าการเชือดไก่ให้ลิงดูเสียบ้างก็ไม่เลว
เขาไม่ได้จงใจจะทำให้ตัวเองมีอำนาจ หรือดูเหนือกว่าใคร แต่คนพวกนั้นเริ่มก่อน หยางหยางก็เป็นประเภทไม่ชอบเข้าปะทะ แต่ถ้าจำเป็นเขาก็จะขอแสดงความเลือดเย็นและโหดร้ายราวกับปีศาจออกมาและจะไม่มีใครหยุดเขาได้จนปีศาจนั้นจะสงบ
ก็เหมือนในวันนี้ ใครที่เป็นต้นเรื่องก็ตาม หยางหยางได้มอบความตายให้
การฆ่าโดยไม่ทรมานมันถือว่าปรานีที่สุดแล้ว อย่างไอ้เจ้าอู๋เทียนซื่อนั่น ไม่มีค่าพอที่จะให้เขามานั่งทรมานด้วยซ้ำ
แต่ถ้าเขาเป็นคนฆ่ามันเสียเองก็สะใจไม่น้อย
มันเองก็ไม่มีโอกาสจะได้เป็นใหญ่อีกต่อไปแล้ว
ก็ไปเป็นใหญ่ในนรกหรือไปรอให้เขาฆ่ามันอีกรอบในนรกก็แล้วกัน แต่ถึงจะพูดให้ดูดี
อาการบาดเจ็บของเขาก็มีส่วนอย่างมาก แค่ยกปืนเหนี่ยวไกก็เต็ใกลืนแล้ว
ส่วนเหล่าบรรดา
‘ท่าน’ ทั้งหลายที่จงเกลียดจงชังมาเฟียนัก แต่ก็หาผลประโยชน์จากมาเฟีย
ในตอนนั้น คนพวกนี้นั่งมองหน้าเขา
ไม่ไหวติงมีหลากหลายอารมณ์แต่หลายคนก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะรอดมาได้
“แก
รอดมา..มาได้ยังไง”
“ทั้งที่ผมถูกยิงเข้าจุดสำคัญ
.ทั้งที่ผมถูกยิงซ้ำที่อื่น ไหนจะแรงกระแทกของน้ำ แบบนั้นสินะครับ”
หยางหยางตอบคำถามนั้นไปว่า
“ก็เพราะผมจำได้ว่ามีเรื่องที่จะต้องกลับมาทำ
คือจัดการสะสางเรื่องราวกับพวกท่านผู้มีเกียรติตรงนี้อย่างไรล่ะครับ
และปีศาจแบบผมเนี่ย ท่านคิดว่าเราจะลงนรกกันไปง่ายๆ หรือถ้าเรากลับขึ้นมาสนุกกันบนโลกแล้วน่ะ”
เขาบอกไปตามนั้น
มีทางการหลายคนที่เขาทดไว้ในใจคราวก่อน
หยางหยางที่เป็นมาเฟียตระกูลดังที่ขึ้นมาทัดเทียมกับตระกูลเฉิน
และในที่สุดเขาเป็นขั้วอำนาจที่คานกันเสมอมา แต่เพราะเฉินเชื่อคำลวง
อยากเป็นใหญ่เพียงผู้เดียว ทางการยุยง พวกมันก็โลภมาก หลงใหลในอำนาจและใช้วิธีไม่เด็ดขาด
พร้อมทั้งฝีมือที่ด้อยกว่าและกลยุทธที่เป็นรอง ตระกูลหยางที่ฝึกฝนมาอย่างดี
เพื่อมาเป็นใหญ่ ผู้อยู่รอดก็คือตระกูลหยาง แต่เพราะมีเรื่องราวที่เจ็บปวด
หยางหยางที่อ่อนแอในตอนนั้น ยอมรับข้อเสนอที่ทางการให้มา กับการกวาดล้าง
จำได้ว่ากำลังรบของเขาก็เสียไปมากเพราะการปะทะเหมือนกัน ทางการมันรอเวลาแทงข้างหลังมาตลอด
ในครั้งนี้ก็เหมือนกัน เพราะความช่วยเหลือจากคนในวงการมาเฟีย การญาติดีกับทางการ
หยางหยางได้ตัดสินใจแล้วว่าไม่ใช่เรื่องที่มาเฟียควรปฏิบัติ
มีสองทางสำหรับทางที่หยางหยาง ผู้นำตระกูลใหญ่ได้ตัดสินใจ
ตามความคิดในแบบฉบับของตน
ไม่เป็นปรปักษ์ต่อสู้จนรู้ผลกันไป
ก็ตัดขาดไม่ยุ่งกับทางการ และตกลงกับพวกนี้ว่าจะไม่รับความช่วยเหลือใด ๆ
แต่พวกนี้เองก็ต้องห้ามก้าวก่ายเรื่องที่พวกเขาทำ
พวกมันก็ใช่ว่าจะเป็นพวกใสสะอาดไปเสียหมด
ก็มี แต่เหมือนจะน้อยคน หายากนัก หยางหยางรู้ดีว่าใครคนไหนทำอะไร ทำชั่วทำเลวอย่างไรไว้
หากถูกเปิดโปงก็ย่อมเสียตำแหน่งและฐานะในสังคมไม่มีใครยอมแน่
แม้หยางหยางอยากจัดการให้จบ ๆ เช่น ฆ่าซะให้รู้แล้วรู้รอด
แต่นั่นก็เหมือนเขาจะใจร้อนเกินไป จึงทำเพียงแค่บอกพวกนั้นว่า
“อย่ายุ่งกับพวกเรา
เราเองก็จะไม่พยายามทำอะไรให้พวกคุณเห็น หรือหาข้ออ้างมาฆ่าฟันกันอีก แต่ถ้าจำเป็น
คุณลงมือเราก็จะตอบโต้ มีบางเรื่องที่เราทำ คุณไม่ควรยุ่ง
ซึ่งก็เหมือนกันคุณก็รู้ดีว่าเรื่องอะไร และเราก็เห็นพวกคุณทำชั่วทำเลวไว้มากมาย
อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้ ถือว่าแลกเปลี่ยน คุณก็ทำงานของคุณ มาเฟียก็มีงานเหมือนกัน
มาเฟียมันก็แค่คนกลุ่มหนึ่งที่มีอิทธิพล วิธีทำมาหากิน เราก็เหมือนมนุษย์ทั่วไป
เราก็เป็นพลเรือนประเทศนี้นะครับ ทุกท่าน
ก็ปล่อยให้เราทำมาหากินอย่างที่เราบอกพวกคุณว่ามัน ‘สุจริต’ ต่อไป “
เขาร่ายยาว
พูดไปให้ทุกคนรอบโต๊ะฟัง พวกเขาไม่มีทางพอใจกับการตกลงนี้ แต่หยางหยางเองก็ทำให้คนของทางการในวันนั้นรู้แล้วว่า
หากก้าวเข้ามาในโลกของเหล่ามาเฟียอีก ผลเป็นอย่างไร ก็คงจะรู้กันอยู่แล้ว
พวกนั้นทำได้แค่อึกอัก ไม่พอใจก็ต้องยอมรับ เพราะหลังจากนี้
หยางหยางผู้นี้กลับกลายเป็นปีศาจที่เลือดเย็น และเพิ่มความโหดร้ายมากกว่าเมื่อก่อน
ต่อกรกับหยางหยางที่กลับมาจากนรกแบบนี้คงไม่ดี
นั่นเป็นประโยคที่อาเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
ผู้นำของทางการในภาคส่วนหนึ่งกระซิบพูดกับคนสนิทที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หลังจากนั้น
หยางหยางจึงปล่อยให้คนของทางการอยู่บนโลก แต่ส่งหลายคนบนโต๊ะนั้นไปพบยมบาลเป็นตัวอย่างให้กับคนพวกนั้นก่อนแล้ว
ส่วนอู๋เทียนซื่อนั้น ก่อนไปเขามองศพมันอย่างสมเพชและจากไปจากที่ที่น่าขยะแขยงสำหรับเขา คนพวกนี้แสร้งทำตัวดี
แต่เบื้องหลัง..บางทีพวกมันอาจจะสกปรกและโหดร้ายกว่ามาเฟียอย่างพวกเขาก็เป็นได้
พวกมาเฟียอย่างไรก็เป็นพวกที่ทำอะไรกล้ารับ ไม่ตลบหลัง
และเป็นพวกเปิดเผย ตามนิสัยเดิมของตนและกฎในโลกของมาเฟียที่ดำรงมาช้านาน
แต่พวกนี้ตรงกันข้ามกับเขาทุกอย่าง ประชาชนในการดูแลของคนพวกนี้คงต้องทรมานไปอีกนาน
กว่าคนพวกนี้จะตายไป หยางหยางอยากฆ่าบางคนในนี้ด้วยมือของตัวเอง
ให้จบเรื่องไปแต่คนของทางการ ถ้าจัดการแล้ว เรื่องมันจะยิ่งยุ่งกว่าเดิม
คนดีในวงการนั้นก็มี หยางหยางไม่อยากให้มันเป็นสายพานทำให้พวกทางการเอากฎหมายมาผูกกับตน
อย่างน้อยก็เรื่องมันเงียบลง
ให้ได้อยู่กันสงบลงบ้าง
จบจากการสะสางทุกอย่างที่เป็นผลที่น่าพอใจแล้ว
หยางหยางก็อยากกลับไปหาสิ่งสำคัญของตน
“ขับเร็วกว่านี้หน่อยได้มั้ย”
“คะ..ครับ”
“คะ..ครับ”
อย่างที่บอก ปีศาจอย่างเขาก็มีดวงใจ
เขาอยากกลับไปพบดวงใจของเขาแล้ว
“แต่นายครับ !
ผมขอร้องล่ะ
ไปโรงพยาบาลเถอะ”
“..ฉันก็ขอร้องแกเหมือนกัน..
พาฉันกลับบ้านเถอะ..”
ผู้นำตระกูลหยางที่หลุดจากภวังค์ความคิด
เพราะเสียงร้องขอของลูกน้อง แต่เขาไม่ยอมทำตาม ความหวังดีนั้นส่งถึงเขา
ชายหนุ่มก้มมองบาดแผลที่ใหญ่ที่สุดบนร่างกาย
หลังจากที่ถูกไล่ล่าจากทางการในวันนั้น เขาทั้งถูกยิงที่จุดสำคัญเสียเลือดไปมาก
แถมยังถูกซ้ำที่อื่น แรงกระแทกจากน้ำเชี่ยว โชคดีที่ทีมของหยางหยางย้อนกลับไปช่วยเขาไว้ได้
แม้จะทิ้งเวลาไปนานเป็นชั่วโมง ๆ เขาเกือบตายไปลงนรกจริง ๆ ยังไม่อยากไปหรอก
นรกนั้น
เขายังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก
นรกก็รอหยางหยางผู้นี้ไปก่อนแล้วกัน
ใตตอนนี้ ร่างกายของหยางหยางในตอนนี้เริ่มมีอาการทรุดลงเรื่อย
ๆ เขาเริ่มรู้สึกว่าบาดแผลที่ปิด และระงับการปวดเอาไว้เริ่มมีความเจ็บปวดมากขึ้น
บาดแผลใหญ่ที่สุดตรงหน้าเปิดจนเลือดซึมผ่านเสื้อเชิ้ต
ชายหนุ่มยกชายเสื้อปกปิดเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น ว่ากันตามจริง
อาการของหยางหยางตอนนี้ถ้าไม่มียาขนานดีที่ระงับความเจ็บปวดเอาไว้ได้
อย่าว่าแต่จะไปยกมือลั่นไกปืนฆ่าใครได้ แค่เขาจะพูดก็ลำบากแล้ว
มือแกร่งแตะที่ไทด์เส้นสวย
มีของแทนใจจากอี้เฟิงและกิ๊บติดผมของเสี่ยวอิ๋งที่หยางหยางแอบขโมยมา
อย่างน้อยก็มีนี่ล่ะเป็นกำลังใจสำคัญของหยางหยาง
“รีบเข้า”
เขาสั่งการลูกน้อง
ตรงกลับบ้านของเขาทันที ลูกน้องคนสนิทพยักหน้ารับคำสั่ง แม้ไม่อยากทำตาม
แต่คำสั่งของนายคือที่สุด อย่างไรก็อยากให้อีกฝ่ายเห็นใบหน้าของเขา
และหยางหยางเองก็อยากจะเห็นดวงใจยิ้มแย้มให้เขาเช่นกัน
--------ที่สุดของดวงใจ-------------
“จะกลับ...วันนี้ใช่มั้ย
คุณฟง”
เสียงหวานที่สั่นเครือเล็กน้อยเอ่ยถามช้า
ๆ เพื่อยืนยันข่าวใหม่ที่ได้รับ ผู้ที่ได้รับฟังไม่ใช่แค่อี้เฟิง ทั้งเสี่ยวอิ๋ง
น้าหนิง และแม้แต่เสี่ยวอ้ายเองก็ยังส่งเสียงตอบรับ
ใบหน้าของคุณครูและทุกคนมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อได้ยิน
แต่..มีบางอย่างที่อี้เฟิงติดใจ
“กำลังตรงมาทางนี้ครับ...”
อาฟงพูดให้ฟังดังนั้นหลังจากวางสายกับอีกฝั่ง แจ้งว่านายของเขาสะสางงานที่ต้องทำเสร็จเรียบร้อยและกำลังมุ่งตรงมาที่บ้านทันที ก่อนหน้านี้เขาได้ฟังอาเฉินเล่าเหตุการณ์คร่าว ๆ
คุณอี้เฟิงที่นั่งกดดันอยู่ข้างๆ
อาฟงเร่งรัดให้อาเฉินบอกถึงอาการบาดเจ็บของหยางหยางให้ละเอียดด้วย
นายนะนาย
หัวแข็งไม่เคยเปลี่ยน ห่วงคนอื่นยิ่งกว่าอะไร ยิ่งเป็นคุณหนูกับคุณอี้เฟิง
ยิ่งห่วงจนไม่คิดชีวิต อาฟงคิดในใจ พลางหันไปมองสองดวงใจของเจ้านายที่ยิ้มดีใจเมื่อคนที่ทั้งคู่เฝ้ารอกำลังมาหา เหมือนนายของเขาจะคิดว่าเดี๋ยวจะต้องมีคนของทางการมารังควานไม่เลิก
อย่างน้อยก็ขอกลับมาหาลูกกับคนรัก ให้เห็นว่าปลอดภัยก่อนถึงจะวางใจ
“เสี่ยวอิ๋งขอไปชงนมน้ำผึ้งให้ป๊าค่ะ
คุณป้าหนิงคะ ไปกัน!”
หนูน้อยชักชวนเจ้าของนมน้ำผึ้งต้นตำรับไป น้าหนิงรับคำและพาคุณหนูไปห้องครัว
เธอหันมามองหน้าอี้เฟิงครู่หนึ่ง ส่งสายตาเชิงขออนุญาตไปกับคุณหนูของเธอ
และไถ่ถามบางอย่างจากสายตา
น้าหนิงก็คงสงสัย... อี้เฟิงคิด ดีที่เสี่ยวอิ๋งออกไปแล้ว
เมื่อตรองแล้วว่าสะดวกที่จะถาม
จึงพูดคำถามในใจออกไปถามลูกน้องคนสนิทของผู้นำตระกูลหยาง
“คุณหยางหยางบาดเจ็บหนักมาก
ตามที่ผมคิด..จากเหตุการณ์คร่าว ๆ ที่คุณเล่า”
อี้เฟิงเอ่ยถามเสียงเข้ม ดุจนอาฟงนึกเกร็งเมื่อได้รับฟัง
เหมือนคุณครูที่กำลังดุนักเรียน เหมือนคุณครูอี้เฟิงกำลังดุเขา
พาลไปถึงเจ้านายและทุก ๆ คน
“อะ..เอ่อครับ”
อาฟงรับคำตะกุกตะกัก .. วิญญาณอะไรลง..คุณครูหรือ อย่าเพิ่งดุผมตอนนี้เลย ลูกน้องคนสนิทของหยางหยางพูดติดตลกในใจ
ไม่กล้าหยอกล้อออกไปตรง ๆ หรอก ตอนนี้คุณครูอี้เฟิงตรงหน้า
ส่งสายตาคาดคั้นแกมดุมาทางเขา เขาอยากจะหลับไปเพราะฤทธิ์ยาตอนนี้แต่คงไม่ได้แล้ว
“เมื่อครู่คุณโทรคุยกับคุณเฉินใช่มั้ย”
“คะ..ครับ
อาเฉินมันจะพูดคุยแทนนาย หากนายไม่อยากคุยหรือไม่สะดวก”
“กดโทรอีกที
ผมจะพูดเอง”
อี้เฟิงสั่งให้อาฟงทำ
เขาทรุดร่างลงนั่งข้างเตียงกดดันให้อาฟงเปิดมือถือกดสายต่อหาอีกฝ่ายที่เหมือนกำลังจะตรงมาทางนี้แล้ว
“นี่ครับคุณอี้เฟิง” อาฟงกดสายส่งให้ อาเฉินเป็นผู้รับสาย ซึ่งเป็นเบอร์โทรศัพท์ของหยางหยางอย่างที่เขาบอกไว้
แต่อี้เฟิงไม่ยอมคุยกับคนหัวแข็งใจร้อนแบบนั้น จะงอนให้ตายไปเลย
ทั้งที่บาดเจ็บมากขนาดนั้น ดูท่าทางก็คงฝืนไปทำงานอย่างที่ว่า
ถ้าบาดเจ็บมากขนาดนั้น กลับมาบ้าน ก็ไม่มีเครื่องมือแพทย์มากพอที่จะดูแล
พยาบาลที่เชี่ยวชาญ คุณหมอที่จะรักษาก็ไม่มี กลับมาเหมือนจะตายที่บ้านแบบนั้น
จะกลับมาทำไม
“นี่ผมเอง
หลี่อี้เฟิง บอกผู้ชายหัวแข็งเจ้านายคุณว่า ถ้าไม่หายดีก็ไม่ต้องกลับมา
บ้านนี้ไม่ต้องห่วง ผมจะช่วยดูแลให้อย่างดี อาฟง คุณน้าหนิงก็อยู่
เสี่ยวอิ๋งปลอดภัยแน่นอน เลี้ยวหัวรถตรงไปที่โรงพยาบาลที่ไว้ใจซะ”
อาฟงมองอี้เฟิงที่พูดใส่สายเสียงเรียบแต่แฝงด้วยพลัง
ทุกถ้อยคำที่คุณครูคนเก่งของนายคนนี้พูดใส่ปลายสายไป
อาฟงคิดว่านายของเขาคงกำลังตกใจ แถมคงปวดแผลกว่าเดิมแน่ ๆ อาฟงคิดต่อติดตลกว่า
เจ้านายของเขาควรเลี้ยวหัวกลับโรงพยาบาลประจำของตระกูลหยางไปเสียดีกว่าก่อนที่คุณครูแมวน้อยกลายร่างเป็นเสือจะเขมือบเอา
“นายครับ..เอ่อ
จะเอายังไงดี...”
หยางหยางที่บอกให้อาเฉินเปิดลำโพงโทรศัพท์เมื่อรู้ว่าปลายสายที่พูดเป็นอย่างไรบ้าง
เขาเป็นห่วงอี้เฟิง และยายหนูจับใจ
เพราะเมื่อไปปรากฏตัวให้ทั้งทางการและวงการที่รู้จักรู้แล้วว่าเขายังมีชีวิตอยู่
ก็อาจจะมีเหตุวุ่นวาย
แต่ว่า..ดูเหมือนเขาไม่กลับบ้านตอนนี้จะดีกว่า
.. ลองอี้เฟิงเทศน์เขาเสียยาวยืดแบบนี้
ที่บ้านก็คงยังไม่มีอะไรอันตราย
นี่เขาเลี้ยงแมวหรือเสือไว้กันแน่วะเนี่ย
..หยางหยางคิดพลางส่ายหัวช้า ๆ นึกถึงใบหน้าหวานยามโกรธเกรี้ยว
ถ้าอย่างนั้นจะไม่เสี่ยงคงจะดีกว่า
“คุณอี้เฟิงโกรธแล้ว...
เอ่อ ...น่ากลัวเหมือนกันนะครับเนี่ย..”
อาเฉินพูดกับนายที่นั่งอยู่ที่เบาะหลัง
เขาเป็นผู้ขับรถให้นายมีลูกน้องที่ไว้ใจได้อีกคนที่รอดชีวิตจากเหตุปะทะ
กับตระกูลเฉินที่หยางหยางส่งไป นั่งอยู่ข้าง ๆ คอยดูอาการของเจ้านายอีกแรง
หยางหยางถอนหายใจและเผยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก
อาเฉินเลิกคิ้วแปลกใจที่เจ้านายแสดงอารมณ์ผ่านใบหน้าเช่นนั้น
แต่ก็เข้าใจในอีกไม่กี่วินาทีว่า คนที่เจ้านายรักทั้งสองคนปลอดภัยและแข็งแกร่งกว่าที่เขาจะไปเป็นห่วงเกินกว่าเหตุ แต่ตอนนี้..ดูไป เจ้านาย
อาการแย่และน่าเป็นห่วงกว่าหลายเท่า อาเฉินคิด
“ไอ้ฟงมันไปเล่าอะไรให้อี้เฟิงฟังวะเนี่ย”
“คงรายละเอียดงานที่เรามาทำกับอาการของนาย
แต่คุณอี้เฟิงก็พูดถูกนะครับนาย อย่าฝืนอีกเลย”
อาเฉินบอก
แม้เจ้านายจะห่วงที่บ้านมาก แต่อาการของเจ้านายก็น่าเป็นห่วงและน่ากลัวเกินไปที่จะเดินทางและฝืนไม่พักรักษาตัว
ยาที่ได้มาก่อนหน้านี้คงหมดฤทธิ์ไปแล้ว
สีหน้าของหยางหยางหลังจากออกมาจากงานเลี้ยงก็ไม่สู้ดี นี่ก็ผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้ว
ต้องขับรถไปอีกพักใหญ่ กว่าจะถึงบ้าน
ผู้นำตระกูลหยางถอนหายใจ
เหมือนปลงตก และทอดยิ้มออกมา “ ไปโรงพยาบาลเถอะ ถ้าอี้เฟิงโกรธ ฉันก็ยังกลัวเขา”
อาเฉินได้ฟังก็หลุดหัวเราะออกมาจนได้
แถมยังหลุดปากแซวเจ้านายอย่างที่คนสนิทร่วมทุกข์กันมานานไม่ใช่แค่นายกับลูกน้องด้วย
บอกว่า เจ้านายกลัวเมียยิ่งกว่าอะไร หยางหยางต้องหาอะไรซักอย่างที่อยู่ใกล้มือเขวี้ยงไปข้างหน้า
เพื่อให้ลูกน้องตัวแสบหยุดขำเขาเสียที ก็แล้วมันทำไม ก็แค่เกรงใจเท่านั้น
เขาเกรงใจอี้เฟิงที่จะต้องมาเดือดร้อนคอยดูแลเขา ก็แค่นั้นเอง
---------------ที่สุดของดวงใจ ---------------
“ทางนี้ครับ
“ อาเฉิน
หัวหน้าบอดี้การ์ดและทีมของตระกูลหยางส่งคนมารับทีมจากบ้านตระกูลหยางที่หน้าลิฟต์ของโรงพยาบาล
ทั้งอี้เฟิงเองซึ่งมาพร้อมกับเสี่ยวอิ๋งและน้าหนิงที่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้างจากที่ไม่ได้ออกมานอกบ้านเสียนาน
อี้เฟิงยังออกมาไปกลับมหาวิทยาลัยบ้างแต่สองคนต้องอยู่กับบ้าน คุณน้าหนิงจะต้องอยู่ดูแลคุณหนูของตระกูลหยางที่แม้แต่หน้าบ้านนอกรั้วก็ถูกห้ามไม่ให้ไปไหน
ทีมบอดี้การ์ดฃุดใหม่ที่แข็งแกร่งของหยางหยางที่ตรึงกำลังดูแลอี้เฟิง
คุณหนู
และคนที่บ้านไว้นั้นตามมาดูแลทั้งสามด้วยและแบ่งกำลังไง้อีกส่วนเพื่อเฝ้าสถานการณ์ที่บ้าน ตอนนี้หยางหยางมีพันธมิตรเพิ่มขึ้น
ทีมบอดี้การ์ดเซตใหม่ก็ได้มาจากเหล่าพันธิมตรที่หยางหยางตรองแล้วว่าเชื่อใจได้ หลังจากที่กลับมาอย่างอาจหาญ
มาเฟียหลายแก๊งค์ที่ยอมรับในฝีมือและความแข็งแกร่งของหัวหน้าตระกูลคนนี้กลับมาขออยู่ร่วมเป็นพันธิมตรด้วย
จึงมีพรรคพวกเพิ่มขึ้นเพียงพอสำหรับการดูแลพื้นที่ของตนและพันธมิตรได้อย่างทั่วถึง
“เชิญครับ “
ลูกน้องคนสนิทเปิดประตูให้คนจากคฤหาสน์ตระกูลหยางเข้าห้องพักพิเศษห้องใหญ่ของโรงพยาบาลชั้นนำในเมืองใหญ่นี้
เป็นโรงพยาบาลที่ตระกูลหยางเป็นผู้บริจาคในช่วงการสร้างและต่อเติมโรงพยาลนี้และตระกูลของหยางหยางก็เป็นเกลอเก่ากับเจ้าของโรงพยาบาลนี้มาช้านาน
ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลและลูกชายก็เป็นผู้ที่พบเห็นและมีพระคุณกับตระกูลหยางเช่นเดียวกับที่ตระกูลหยางได้ช่วยเหลือในหลาย
ๆ เรื่องกับที่นี่
รวมถึงลูกชายของเจ้าของโรงพยาลบาลก็นับถือในตัวหยางหยางในความน่าเกรงขามของเขาเช่นกัน
“ป๊าคะ!!! “
เสี่ยวอิ๋งร้องเรียกเสียงเป็นคนแรก เรียกคนบนเตียงที่กำลังนั่งพิงเตียงให้คุณพยาบาลทำแผลให้
เหมือนกำลังใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคน น้าหนิง เสี่ยวอิ๋ง
และอี้เฟิงเดินเข้าไปใกล้ ๆ ยืนอยู่ที่ข้างเตียง
เด็กน้อยยืนเกาะราวเตียงคนไข้มองคุณป๊าของเธอกำลังนั่งนิ่งให้คุณพยาบาลทำแผล
น้าหนิงที่หอบเอาของกินของใช้บางส่วนมาให้หยางหยางกำลังไปอีกมุมห้องเพื่อจัดของ
และไม่ลืมนมน้ำผึ้งที่คุณหนูเสี่ยวอิ๋งตั้งใจชงให้คุณชายของเธอเป็นพิเศษรอคุณพ่อกลับมา
น้าหนิงกำลังรินนมจากกระติกที่ใส่จากบ้านถ่ายใส่แก้วของโรงพยาบาลรอเสิร์ฟทีหลัง
ส่วนอี้เฟิงนั่งลงที่โซฟาข้างเตียงคนไข้
มีอาเฉินที่นั่งเฝ้าอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว แต่พออี้เฟิงทรุดนั่ง เขาลุกขึ้น
“นั่งเถอะคุณเฉิน
ไม่เป็นไร”
เมื่อพูดแบบนั้นอาเฉินจึงทำตามที่อี้เฟิงว่า
เขายังนึกกลัวเสียตามสายของอี้เฟิงเมื่อครู่นี้
คล้ายว่าถ้านายเขาจะขัดใจคุณอี้เฟิงอีกล่ะก็ เขาก็จะไม่ยอมทำตามเลี้ยวหัวรถไปโรงพยาบาล
จะยอมฝืนคำสั่งนายก็วันนี้ล่ะ
บางทีอาเฉินเองก็ไม่แน่ใจว่า
สรุปแล้วคุณอี้เฟิงเป็นนายคนใหม่ของเขาอย่างเป็นทางการแล้วหรือยัง เพราะแม้แต่เขาเองก็ยังเผลอทำตามที่คุณอี้เฟิงสั่งอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจก็เพราะเจ้านายรักคุณอี้เฟิงมากขนาดนั้น
“อี้เฟิง..” ชายหนุ่มคนป่วยหนักบนเตียงเอ่ยเรียก แต่คนที่ถูกเรียกชื่อไม่ตอบกลับอะไรมาเลย
ได้แค่มองคุณพยาบาลทำแผล และจนเสร็จเขาก็เดินไปส่ง ไม่ได้สนใจหยางหยางอย่างที่เขาอยากให้เป็น
นึกว่ามาหาแล้วจะร้องไห้โผเข้าใส่แท้
ๆ หยางหยางคิดวาดภาพไว้เช่นนั้นแต่อี้เฟิงไม่ได้เป็นแบบนั้น
ดูเหมือนแมวน้อยกลายเป็นเสืออย่างที่อาเฉินมันแซวไว้ก่อนหน้านี้จริง ๆ
และเมื่ออี้เฟิงกลับเข้าห้องมาใหม่ก็ลงนั่งที่เดิม
แถมยังหยิบนิตยสารในห้องมาอ่านไม่สนใจเขาอีก ยิ่งทำเอาหยางหยางคิดน้อยใจ
“ป๊าขา
กินนมนะ”
ลูกสาวของเขายื่นนมน้ำผึ้งที่เธอบอกว่าเธอชงเองมาให้
เขารับมาดื่มแต่ที่จริงเหมือนหมอจะสั่งห้ามทานอะไรที่เป็นของนอกโรงพยาบาลแต่นี่เป็นของลูกสาวเขา
ไม่มีทางที่จะปฏิเสธ
“อร่อยจังเลยค่ะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว
สูตรคุณป้าหนิงอร่อยที่สุดโลกอยู่แล้วค่ะ”
เสี่ยวอิ๋งพูดเสียงใสเอ่ยชมคนที่สอนเธอทำ และยิ้มน่ารักให้คุณพ่อที่นอนป่วยอยู่
“หายไว ๆ
นะป๊า เสี่ยวอิ๋งอยากไปเที่ยวแล้ว”
“ได้ค่ะ
แต่หนูต้องเป็นเด็กดีนะคะ แล้วก็อย่าซนด้วย
ตอนป๊าไม่อยู่ซนจนพี่อี้เฟิงปวดหัวรึเปล่า”
เขาพยายามโยงให้มีอี้เฟิงมาอยู่ในกลุ่มสนทนาด้วย
แต่อีกฝ่ายเพียงแค่ผงกหัวขึ้นมารับทราบว่ามีตัวเองอยู่ในกลุ่มสนทนาแต่ไม่สนใจจะเข้าร่วม
“แน่นอนค่ะ
เสี่ยวอิ๋งเรียบร้อยเป็นเด็กดี พี่อี้เฟิงไม่ดุหนูเลยนะ”
เธอหันไปหาคุณครูคนเก่งของเธอ ยิ้มและอวดอีกว่าตอนที่มีคนน่ากลัว ๆ
เข้ามาในบ้านพี่อี้เฟิงเท่สุด ๆ ไปเลย
ซึ่งนั่นทำให้หยางหยางรับรู้ว่าอีกคนทำในสิ่งที่ฝืนตัวเอง
หยิบปืนกระบอกนั้นที่เขาทิ้งไว้ให้ อี้เฟิงใช้มันไม่ว่าจะด้วยกรณีไหน
แต่อี้เฟิงก็จับปืนแล้ว ถึงแม้เขาจะทิ้งปืนเผื่อยามจำเป็นแต่
เขาก็หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรที่ต้องให้อี้เฟิงใช้มัน
แต่ในที่สุดก็จำเป็นที่จะต้องหยิบมันมาเพื่อปกป้องใครซักคน
หยางหยางนึกเสียใจที่ในที่สุด
เขาทำให้อี้เฟิงต้องคว้าอันตายแบบนั้นมาไว้ใกล้ตัว แม้อีกฝ่ายจะไม่เอ่ยโทษเขา
“ขอโทษนะอี้เฟิงที่ทำให้คุณต้องทำแบบนั้น” และหยางหยางก็นึกพูดไปตามใจนึก
แต่อี้เฟิงก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับ และสนใจนิตยสารในมือ รับรู้ได้เลยแม้ยายหนูของเขาก็ยังรู้ว่า
หยางหยางถูกอี้เฟิงโกรธหนักมากแน่ ๆ
อาจจะเป็นในหลากหลายประเด็นที่จะทำให้อี้เฟิงโกรธมากมาย
ทั้งตั้งแต่ที่ทำให้ชีวิตของอี้เฟิงวุ่นวาย ต้องมาเสี่ยงภัยเจออันตราย
แถมยังต้องทำให้เขาทำเรื่องน่ากลัวโดยการคว้าปืนมาใช้ทั้งที่ถ้าหากอี้เฟิงอยู่ในโลกธรรมดาก็ไม่จำเป็นต้องข้องเกี่ยวกับของพวกนี้ด้วย
ชีวิตของอี้เฟิงกลับตาลปัตรและไม่สงบอีกต่อไป เพราะหยางหยาง
บางที..เขาคิดว่าดวงใจของเขาคนนี้เจ็บปวดมากแค่ไหน เราพูดกันรู้เรื่องแล้วว่าจะไม่แยกจากกัน
แต่ไม่แน่ว่า เพราะเหตุการณ์มันหนักขึ้นเรื่อย ๆ ที่ร้ายแรงที่สุด
คือถึงขั้นอี้เฟิงถูกปืนจ่อขมับใกล้ความตายขนาดนั้น
เขาคิดได้อย่างเดียวว่าถ้าช่วยไม่ทัน เขาคงเสียใจไปตลอดชีวิต
แม้ช่วยทันก็เป็นแผลต่อใจอี้เฟิงนัก
ขอโทษ...
หยางหยางเอ่ยในใจอีกครั้ง เพราะหากเปล่งเสียงออกมา อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะอยากไม่รับอะไรอีกแล้ว
-------------- ที่สุดของดวงใจ --------------
“ป๊าคะ
หนูกลับก่อนนะคะ “ คุณหนูตัวน้อยเอ่ยลาคุณพ่อ
“ค่ะ
อย่าซนกับคุณน้าหนิงนักนะ”
“ค่า~~
ป๊าก็คืนกิ๊บของหนูด้วยนะ
เสี่ยวอิ๋งรู้แล้วนะว่าป๊าเอาไปน่ะ!”
เด็กน้อยทวงของของเธอที่ป๊าให้ไว้ ที่จริงเธอก็แค่อยากแกล้งผู้เป็นพ่อ
อยากให้ยิ้มแย้มบ้าง
รู้ดีว่าพ่อของเธอต้องเจอกับอะไรมากมายจนทำให้บาดเจ็บต้องนอนโรงพยาบาลนาน ๆ เธออยากให้ป๊ายิ้ม
ยิ้มของป๊าของเธอนั้นจะทำให้รู้ว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
“กลับไปได้แล้ว
ยัยตัวยุ่งเอ๊ย” หยางหยางพูดไล่ลูกสาวติดตลก
หนูน้อยแล่บลิ้นแกล้งป๊าของเธอจนถึงหน้าประตูและกลับออกนอกห้องไปพร้อมอี้เฟิงที่ลุกไปอย่างเงียบ
ๆ ไปส่งทั้งสอง อาฟงที่ยืนอยู่ที่มุมห้อง
โค้งให้เจ้านายและรับคำสั่งตามหลังไปว่าให้ดูแลเสี่ยวอิ๋งและน้าหนิงดี ๆ
หยางหยางสั่งการไป เมื่อทั้งหมดจากไป เขาจึงพ่นลมหายใจออกมา เพราะหยางหยางอดกลั้นไม่แสดงความเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บสาหัสที่ทนอยู่นาน
อาเฉินเผยสีหน้ากังวล เขาอยากจะเรียกหมอมาดูอีกครั้งแต่นายเขาปฏิเสธ
อี้เฟิงที่เดินไปส่งเสี่ยวอิ๋ง น้าหนิง อาฟง ก็กลับเข้าห้องมาแล้ว
วันนี้อี้เฟิงจะอาสาอยู่เฝ้าหยางหยางเอง
จึงตกลงกับน้าหนิงว่าจะเปลี่ยนเวรมาหาหยางหยางแต่เวรแรกก็จะเป็นอี้เฟิงก่อน
ในตอนแรกที่หยางหยางเอ่ยขัด บอกว่ามีพยาบาลและคุณหมออยู่แล้ว ไม่ต้องลำบาก
แต่เมื่อได้ยินหยางหยางพูด สายตาดุของอี้เฟิงถูกส่งไปหาหยางหยาง
เขางับปากลงพลันไม่กล้าเอ่ยอะไรต่อ อาเฉินเองที่เจออิทธิฤทธิ์กันเต็มตา
ก็เป็นเหมือนเจ้านายตัวเอง ไม่กล้าพูดอะไรเสริมช่วยนาย
ปล่อยให้คุณอี้เฟิงตกลงกับน้าหนิงไป เขาเป็นแค่ลูกน้องทีมดูแลของเจ้านายเท่านั้น
คิดว่าเรื่องภายใน เหล่าลูกน้องไม่มีสิทธิ์ไปข้องเกี่ยว นอกจากจะได้รับอนุญาต
“นายครับ
งั้นผมขอตัวไปคุยเรื่องค่ารักษากับทางโรงพยาบาลก่อนนะครับ”
หยางหยางพยักหน้ารับคำเมื่อลูกน้องบอกเช่นนั้น เขารู้ว่าอาเฉินมันอยากให้เขากับอี้เฟิงอยู่กันตามลำพัง
แน่นอน ทั้งคู่ต้องการเช่นนั้น
“อี้เฟิง...”
ในที่สุดหยางหยางก็ได้สบตากับคน ๆ นี้ เจ้าของดวงตาสุกใสที่หลงใหล
แต่นัยน์ตาคู่นี้คลอหน่วงไปด้วยน้ำตา และหยาดหยดลงมากระพริบตา
เขาทำอี้เฟิงร้องไห้
“..ผม....” หยางหยางได้แค่เอื้อยเอ่ยออกมาได้แค่นั้น
เขาไม่กล้าปลอบอี้เฟิงด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้แม้เคยเห็นอี้เฟิงร้องไห้
แต่ก็ไม่เคยเห็นแบบนี้ อี้เฟิงร้องไห้ออกมาเสียงดัง สะอื้นตัวโยน
หนักกว่าครั้งที่ผ่าน ๆ มา
แววตาเจ็บปวดมากเกินที่เขาจะคณาถึงความรู้สึกของเจ้าของดวงตา จนในที่สุด
อี้เฟิงก็ทรุดนั่งไปกับพื้นห้องอย่างหมดแรงที่จะเดินไปนั่งบนโซฟาด้วยซ้ำ
“ขอโทษ..” คำนี้ไม่ใช่หยางหยาง แต่เป็นเจ้าของเสียงหวานเอ่ยขึ้นคลอด้วยอาการสะอื้นไห้
อี้เฟิงเอ่ยคำนี้ออกมาก่อนหยางหยาง
“ขอโทษที่..มาร้องไห้ให้คุณเห็น
ผม..มันอ่อนแอ พอเห็นหน้าคุณก็จะร้องไห้จะตลอดเลย”
“อี้เฟิง...
อย่าร้องไห้เลย”
หยางหยางที่แม้จะขยับได้แต่ก็ลำบากเพราะสายอุปกรณ์การแพทย์ระโยงระยางเต็มตัวเต็มเตียงไปหมด
เขาอยากปลอบอี้เฟิงใจจะขาด แต่ก็ทำไม่ได้ได้แค่มองอี้เฟิงร้องไห้จนแทบหมดแรงทรุดไปกับพื้นห้องพัก
“ไม่เป็นไร...ฮึ่ก...
คุณหยางหยาง ผมแค่...กลั้นมันไม่ไหวแล้ว..แค่นั้น “
เสียงหวานพยายามพูดเสียงสะอื้นเพราะร้องไห้ไปด้วย
สั่นเครือจนต้องพยายามฟัง มือเรียวยกปิดหน้าไว้ อี้เฟิงไม่ให้เขาเห็นแม้แต่ใบหน้ายามร้องไห้
เป็นเด็กที่เข้มแข็งขึ้นทุกครั้งที่พบ แต่ก็ยังใสบริสุทธิ์เหมือนแรกเจอ
เข้มแข็งที่แม้เจอเหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตมากมาย
อันตรายรอบตัวก็ยังอดกลั้นเอาไว้ไม่แสดงอะไรออกมา
จนมาถึงในเวลาที่มีคนตัวเขาเองไว้ใจให้เห็นความอ่อนแอของตัวเองได้
ถึงจะกล้าเปิดเผยออกมา ว่าเจ็บหนักขนาดไหน อยากร้องไห้มากเพียงใด
หยางหยางรู้ว่าถ้าน้าหนิงกับเสี่ยวอิ๋งอยู่
อี้เฟิงจะไม่แสดงความอ่อนแอแบบนั้นให้ทุกคนเห็น
“ถ้า...ถ้าคุณ..กลับบ้านไปทั้งที่มีแผลบาดเจ็บมากขนาดนั้น
.. แรกเห็นคุณผมคงต้องร้องไห้ออกมาทันทีแน่ ๆ ..ผมไม่กล้าให้ใครเห็นน้ำตาผมนอกจากคุณหรอก”
อี้เฟิงที่ก้มหน้าร้องไห้
ร้องจนพอและหยุดสะอื้นแล้ว สูดลมหายใจและตั้งใจบอกอีกฝ่ายที่นั่งอยู่บนเตียงไป
ใบหน้าหวานเปรอะน้ำตาเปื้อนทั่วหน้า เขาสงสารอี้เฟิงจับใจ
“ขอโทษนะ
อี้เฟิง”
“เรื่องอะไร”
“ก็ทำให้คุณ..ต้องร้องไห้มากขนาดนี้
“
“จะพูดอะไร ?
อยากให้ผมไปจากคุณเพราะคุณจะทำให้ผมลำบาก เราคุยกันแล้วนี่ว่าจะไม่สนใจเรื่องนั้น
แค่คุณมีชีวิตมาหาพวกเรา..ก็ดีที่สุดแล้ว”
จบคำนั้น
อี้เฟิงก็สิ้นสุดการร้องไห้สะอื้นคำสุดท้าย และลุกขึ้นยืนเมื่อรวบรวมแรงที่มีได้
ก้าวไปข้างเตียงและทรุดนั่งตรงเก้าอี้ที่อยู่ตรงนั้น มองใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยแผล
ไล่มองไปตามร่างของชายหนุ่มที่บาดเจ็บรักษาตัวอยู่บนเตียงคนไข้ มีผ้าพันแผลเต็มตัว
เครื่องมือแพทย์บนตัวบางส่วน ที่คน ๆ นี้รอดมาได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
จากเหตุการณ์ที่ได้รับฟังมาจากอาฟง เขากลัวเหลือเกินว่าหยางหยางจะเป็นอะไรไป
“คุณหยางหยาง..”
เสียงหวานเรียก
มือเรียวคว้ามือแข็งแรงที่วางอยู่ข้าง ๆ กอบกุมยกมาแนบใบหน้าไว้
ในที่สุดก็ได้เจอกันได้สัมผัสความอบอุ่นนี้อีกครั้ง อี้เฟิงคิดถึงเหลือเกิน
ที่อี้เฟิงเว้นฃ่วงไป
เสียงขาดเป็นห้วงแห่งความเงียบ คล้ายว่าจะรอให้หยางหยางตอบรับการเรียกชื่อนั้น
มือของเขาที่ถูกอี้เฟิงลอบขโมยความอบอุ่นที่ฝ่ามือ
หยางหยางขยับนิ้วมือตัวเองที่แตะอยู่บนแก้มเนียนนุ่ม
เขาไล้ปลายนิ้วไล่คราบน้ำตาให้คนขี้แย ก่อนมองด้วยความรักใคร่อย่างยิ่ง
แมวน้อยเริ่มขี้อ้อนเมื่ออี้เฟิงขยับให้ใบหน้าหวานรับกับสัมผัสจากปลายนิ้วของหยางหยางที่ไล้ที่แก้มตัวเองอยู่
หยางหยางรักคน
ๆ นี้มากจริง ๆ
“ผมกลับมาแล้ว
ดวงใจของผม”
---------------ที่สุดของดวงใจ ----------------
หลังจากที่หยางหยางปรากฏตัว
ทั้งที่ทุกคนเชื่อว่าเขาน่าจะตายไปแล้วคำสันนิษฐานของผู้ที่รับผิดชอบมอบความตายให้หยางหยาง
ทุกคนรุมว่าคน ๆ นั้น และการกลับมาของปีศาจเช่นหยางหยาง
สำหรับทางการคือความระส่ำระสายครั้งใหญ่
“มันแข็งแกร่งขึ้น
“ ในที่ประชุมลับตอนนี้ทุกต่างเคร่งเครียด วันงานเลี้ยงวันนั้น แม้ฝ่ายทางการจะไม่มีใครตาย
แต่เครือพันธมิตรนอกวงทางการก็ไม่เหลือซักคน หยางจัดการตัดปัญหา
คิดว่าการเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นการข่มให้ทางการกลัวจนไม่อยากจะยุ่งกับมาเฟียอีก
ไม่มีทางหรอก
แม้จะอ่อนกำลังกว่าแต่ทางการก็ไม่มีทางจะละมือจากพวกมาเฟียพวกนี้ได้
แต่ตอนนี้ยิ่งพวกมันกลับมา
ยิ่งตัวหยางหยางด้วยแล้ว ที่ทั้งไม่มีใครขัดแข้งขา ศัตรูของตระกูลหยางก็ตายไปหมด
มีพันธมิตรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากการเลื่อมใสความแข็งแกร่งและอิทธิพลของหยางหยางเริ่มเพิ่มขึ้น
ผลมาจากอดีตและเรื่องราวศึกครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น
เรียกกำลังศรัทธาจากมาเฟียกลุ่มอื่นได้ไม่น้อย
“
เข้มแข็งยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก” อีกเสียงหนึ่งสมทบ
คนของทางการที่กำลังประชุมอยู่ตอนนี้
แม้อยากจะกำจัดหยางหยางให้พ้นทางไปอย่างไร ก็เคลื่อนไหวได้ยากแล้ว
แผนการที่ทำเหมือนล้มเหลวไม่เป็นท่า แถมยังเรียกขวัญพวกมาเฟียให้กลับมาแกร่ง
และกระด้างกับทางการยิ่งกว่าที่ผ่านมา ไม่มีใครที่จะแปรพักตร์มาเหมือนครั้งก่อน
ๆ พวกมันเหมือนจะรวมกันเป็นกลุ่มก้อนมากขึ้น
เพราะตอนนี้มีแค่ขั้วอำนาจเดียวแล้ว
คือ
ตระกูลหยางที่เติบโตและยิ่งใหญ่ โดยการนำของหยางหยาง ที่เหมือนปีศาจจากนรก
ทางการคงจะต้องหาทางอีกนาน
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะทำลายระบบมาเฟียได้อีก ในเมื่อผิดพลาดได้ขนาดนี้
“ปีศาจจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งน่ะหรือ...”
ท่านทั้งหลายของทางการคิดหนักเมื่อได้ยินประโยคนี้จากใครซักคนในที่ประชุม
พวกเขาก็จนหนทางแล้วเช่นกัน
-----------------------ที่สุดของดวงใจ-----------------
“ทางนี้ก็เรียบร้อยแล้วครับ”
อาเฉินรายงานความคืบหน้า หลังจากศึกการปะทะวันนั้น ก็ยังมีเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
เข้ามาให้รำคาญใจ พวกลองดีทั้งหลายที่อยากจะลองดีกับตระกูลหยาง
หลังจากที่หยางหยางพักฟื้นที่โรงพยาบาล รักษาตัวจนอาการทุเลาขึ้นแต่ยังไม่หายสนิท
แต่ก็พอเดินเหินไปทำงานได้แล้ว โชคดีที่ช่วงนั้นไม่มีเหตุร้ายแรงที่เขาจะต้องลงไปดูเอง
ก็พอสั่งเก็บไปหมด ผู้นำตระกูลหยางก็ลงมาดูพื้นที่งานของตัวเองบ้าง
มาดูความคืบหน้าของงาน เครืออสังหาริมทรัพย์ที่ถูกทำลาย ถูกรบกวนในหลาย ๆ ที่
ผลมาจากตั้งแต่เริ่มศึกลับ ๆกับเฉินจนหลังเรื่องราวนั้น ตระกูลหยางและรวมทั้งพันธมิตรที่ใหญ่ขึ้น
ช่วยกันสร้างอาณาจักรกันขึ้นมาใหม่ และมีกฎที่เพิ่มมา
โดยหยางหยางเสนอในที่ประชุมลับใต้ดินของวงการมาเฟีย ห้ามไม่ให้ทำเรื่องร้ายแรงจนไม่สามารถควบคุมได้จนทำให้ทางการสามารถหาช่องทางเล่นงานพวกเราได้
บางเรื่องชั่วช้ายังไงหยางหยางก็จะทำเป็นไม่สนใจแต่ขอให้เงียบที่สุด ก็ถือว่าเป็นช่องทางทำมาหากินของแต่ละตระกูลไป
เขาที่แม้เป็นผู้นำตระกูลหยางขั้วอำนาจใหญ่แห่งวงการก็จะไม่ยุ่งกับกิจการภายในของกลุ่มแก๊งค์นั้น
แต่ห้ามให้ทางการสอดมือสอดเท้ามายุ่ง เป็นไปได้ก็อย่าไปขอความช่วยเหลือ
“ผมได้เปิดทางไว้บางส่วนแล้ว
ทางการก็คงไม่มายุ่งกับเราพักใหญ่ แต่หลังจากนั้นเราอาจจะต้องไปเยี่ยมพวกเขาอีกที
ตามเวลาที่เหมาะสมล่ะนะ”
หยางหยางบอกกับที่ประชุมไป
และทุกคนก็ไม่ขัด หรือเห็นต่าง แต่มีเสริมไปตามเรื่อง
วงการมาเฟียกำลังกลับมา
หลังจากนี้พวกเขาคงมีเรื่องให้จัดการกันอีกมาก
ในที่สุดหยางหยางก็ต้องกลับมาที่เดิมของตน
ปีศาจจะไปไหนได้ถ้าไม่ใช่ที่ของตนเอง
ที่มืดแบบนี้ล่ะ เหมาะสมกับเขาแล้ว
เรื่องทั้งหมด
มันเพิ่งจะเริ่มต้น หลังจากนี้ต่างหากที่เป็นศึกที่เขาจะต้องเผชิญจริง ๆ
ตอนนี้เขาไม่สามารถกลับไปเป็นคนธรรมดาบนโลกธรรมดานั่นได้อีกแล้ว
แต่หากว่าต้องลากคนใสบริสุทธิ์คนนั้นลงมาด้วย
หลัง ๆ อี้เฟิงชักจะเข้าใจเรื่องราวในวงการนี้ง่ายเกินไปแล้ว
บางทีเขาก็กลัวว่าอี้เฟิงจะเผลอเอาตัวเองเข้ามาเกี่ยวกับวงการนี้มากเกินไป
เขาจำเป็นต้องระวัง
ให้ตาย หยางหยางก็จะไม่ให้อี้เฟิงต้องลงมาเกลือกกลั้วกับวงการสกปรกโสมมนี่
อย่างน้อยแค่ดวงใจของเขาที่รักษาความบริสุทธิ์นี้ไว้ได้ ยายหนูไม่มีทางอยู่แล้ว
เธอไม่รู้อะไรไปมากกว่านั้น และยายหนูยังเด็ก
และอี้เฟิงแม้เติบโตที่จะเข้าใจอะไรมากขึ้น แต่เขาก็จะไม่ให้คน ๆ นี้เข้ามาในวงการแน่นอน
“อาเฉิน
กลับบ้าน” เผลอเป็นไม่ได้ เขาก็คิดถึงอีกแล้ว
แต่งานของเขาก็เสร็จและเรียบร้อยไปได้ด้วยดี
งานก็ดำเนินไปตามที่มันควรจะเป็นมีอาฟงที่เขาทิ้งให้ดูแลงานไว้
ที่บ้านก็ให้ลูกน้องทีมที่ไว้ใจดูแล
หยางหยางบอกอาเฉินดังนั้น ลูกน้องคนสนิทรับคำสั่ง ผู้นำตระกูลใหญ่นั่งทอดอารมณ์ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มออกมาเมื่อคิดถึงดวงใจของตน
การมีใครซักคนไว้ให้เราปกป้อง
ทำให้เขารู้สึกว่าเขามีค่า ชีวิตนี้มีค่ามากขึ้น การปกป้องใครซักคน ซึ่งผลที่ได้กลับมาตอบแทนเป็นความอบอุ่นที่ได้รับ
เพียงแค่นี้เท่านั้นเองที่เขาอยากได้
“ขอบคุณจริง ๆ “
หยางหยางเอ่ยกับตัวเองเพื่อขอบคุณอีกคน
ขอบคุณดวงใจของเขาที่ทำให้เขารู้สึกว่าตนคิดดีแล้วที่มีชีวิตอยู่
-------------------ที่สุดของดวงใจ--------------------
“ใส่ประมาณนี้
ก็ใช้ได้แล้วล่ะมั้งนะ” คุณครูคนเก่ง
หลี่อี้เฟิงยังไม่หลับ เพราะกังวลว่า
หยางหยางที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาได้ไม่กี่วันแม้คุณหมออนุญาตให้ออกเองตามอาการที่ดีขึ้นตามลำดับ
แต่คน ๆ นั้นไม่ยอมพักผ่อนตามที่หมอบอกไล่หลังมา ไปทำงานอีก ถึงจะบอกว่ามีงานคั่งค้างเยอะก็เถอะ
แต่กลับดึกดื่นอีกแล้ว
“เฮ้อ
คนเค้าเป็นห่วงแท้ ๆ ไม่ฟังกันเลย”
อี้เฟิงก็สอนพิเศษเสี่ยวอิ๋งตามปกติ หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างสงบลง
แต่เสี่ยวอิ๋งก็ติดนิสัยเจ้าเล่ห์ของคุณพ่อของเธอมา หาเรื่องโดดเรียน
เริ่มต้นด้วยแกล้งป่วย แกล้งเบื่อ แต่เด็กหญิงเป็นคนเก่งและเรียนรู้ได้เร็ว
อี้เฟิงจึงลดชั่วโมงการเรียนลง และเพิ่มชั่วโมงทำขนมแทน เธอจึงกลับเข้ามาในระบบการสอนใหม่
และเร่งวิชาทำขนมให้ใกล้เข้ามาเร็วขึ้น
อี้เฟิงขบคิดเรื่องการเรียนของเสี่ยวอิ๋งว่าเขาอาจจะลองปรึกษากับหยางหยางดูอีกครั้ง
เรื่องการเข้าโรงเรียนของเด็กน้อย อี้เฟิงเคยลองหยั่งถาม เธอบอกว่าอยากไปมาก ๆ
ดูสนุก แต่ก็กลัวคุณป๊าของเธอจะลำบาก หยางหยางเองก็ยังดูชั่งใจ
แต่เขาก็ผ่อนคลายขึ้น เก็บไปคิดบ้าง
ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ไม่มีความคิดนี้ในหัวด้วยซ้ำ เพราะเป็นห่วงลูกสาวมาก เป็นสัญญาณที่ดีว่าเขาอาจจะอนุญาต
ในชณะคิดเรื่องราวทั้งหมดนี้
อี้เฟิงก็ลงมือทำนมน้ำผึ้งสูตรเจ้าเก่าของน้าหนิงจนเสร็จเรียบร้อย ทั้งบ้านติดใจนมสูตรนี้ของน้าหนิง
แม้แต่พวกลูกน้องมาเฟียในบ้านหยางหยางเองก็หมั่นมาหาคุณน้าหนิง
ขอให้ชงให้ดื่มตอนอยู่เฝ้ายามของบ้านหลายต่อหลายครั้ง น้าหนิงก็ใจดีไม่เคยปฏิเสธ
คุณครูคนเก่งลองใช้ช้อนชาชิมดูก็พบรสชาติที่พอดีลงตัว
แก้วนี้เป็นของเสี่ยวอิ๋ง วันนี้คุณพ่อของเธอกลับช้า และน้าหนิงก็ดูเหนื่อยมาก
อี้เฟิงจึงอาสาทำเอง
“อ๊ะ!” มือเรียวสวยกำลังจะหยิบแก้วจากที่วางมาอีกใบ
เพื่อจะชงนมน้ำผึ้งอีกแก้ว รอเจ้าบ้านตระกูลหยางกลับมา แต่ก็กลับมีบางอย่างจู่โจม
“หอมจังคุณครู
นมน้ำผึ้งหรือ ?”
ก็เป็นเจ้าบ้านตระกูลหยางที่เล่นอะไรไม่รู้จนอี้เฟิงเกือบทำแก้วหล่นจากมือ
“คุณหยางหยาง! “
“ตกใจหรอ? “
“แหงสิครับ “
“แค่ผมอยากกอดคุณแค่นั้นเอง
“ พูดจาออดอ้อนจบ หมาป่าที่อี้เฟิงค่อนขอดในใจก็ซุกใบหน้าหล่อที่ไหล่ลาด
จมูกโด่งของหยางหยางไล่ตามแนวไหล่มาคลอเคลียตรงช่วงลำคอแล้วเขาก็กดปลายจมูกลอบขโมยความหอมให้ฉ่ำใจซักที
“ถอยออกไปก่อนสิ
ผมยัง— อ๊ะ คุณหยางหยาง”
มือซุกซนไต่ไปตรงนั้นตรงนี้
จากที่กอดเอวของอี้เฟิงก็กลับไต่เข้าใต้ร่มผ้า
อี้เฟิงไล่ตีมือมืดแกร่งที่ซุกซนนั้น จนอีกฝ่ายยอมแพ้
วันนี้แมวน้อยไม่เล่นด้วยกับเขาเลย
“ไม่ได้นะครับ
นั่นของเสี่ยวอิ๋งนะ! “
พอเล่นด้วยไม่ได้ หยางหยางก็ละความพยายาม
เก็บไว้ลองอีกที หลังจากที่เจอสายตาดุเป็นเสือแบบครั้งก่อน เขาไม่กล้าจะลองดีด้วยซ้ำ
สายตาคมกริบก็ไปพบนมน้ำผึ้งที่วางอยู่หนึ่งแก้ว
ชายหนุ่มขโมยคว้ามาจิบเสียอย่างนั้น
“คุณก็ชงใหม่สิ”
“คุณนั่นล่ะ
ชงให้ลูกสาวเลย ช่วงนี้ละเลยหน้าที่นะ!”
“ก็คุณอยู่ทั้งคน
จะผมจะคุณก็เหมือนกันล่ะหน่า”
“ไม่เหมือน
คุณเป็นพ่อเธอนะ”
“แต่คุณก็กลายเป็นคนของบ้านนี้แล้วนะครับ
คุณกับผมน่ะ สำหรับเสี่ยวอิ๋งก็อยู่ในฐานะเดียวกันแล้วนะ”
ยิ่งท้ายประโยค
เสียงทุ้มนั้นยิ่งหวานสะท้านหัวใจ อี้เฟิงเม้มปากเขินไม่หันมองเจ้าของเสียง ในขณะที่พูดไป ชายหนุ่มก็พลางวางแก้วนมที่จิบจนหนำใจแล้ว
มือก็กลับไปโอบร่างนุ่มนิ่มอีกที ครั้งนี้หยางหยางพยายามอีกครั้งให้คว้าไหล่ให้อี้เฟิงหันมาหา
และครั้งนี้ก็สำเร็จ
“อี้เฟิง”
“จะมาอ้อนเอาอะไรครับ”
“ไม่มีอะไร
แค่อยากอ้อนแค่นั้น”
“คุณทำตัวเลี่ยนขึ้นทุกวันเลยนะ
“
อี้เฟิงพูดไปก็เหมือนคำพูดหายไปกับสายลม
เพราะชายหนุ่มไม่ได้ฟังก็ซุกใบหน้าหล่อแถว ๆ ลำคอสวย
กดจมูกโด่งไปตามจุดที่ทำให้อี้เฟิงเสียวสะท้าน อี้เฟิงสะกดกลั้นอารมณ์และยกมือตีหลายๆ
ครั้งจนอีกฝ่ายถอยทัพกลับ แต่ไม่นานก็ถูกประทับจูบเพราะเผลอตัว
หยางหยางอยากให้อี้เฟิงชิมรสชาตินมน้ำผึ้งที่แสนอร่อย
เขาคิดว่าอี้เฟิงชงน้ำนมผึ้งรสชาติดีขึ้นทุกครั้งที่ชิม
จึงใช้ลิ้นร้อนดันให้อี้เฟิงขยับริมฝีปากและเปิดช่องทางให้หยางหยางแบ่งปันรสชาติของนมน้ำผึ้งและขอขโมยความหวานของอี้เฟิงไปด้วย
แลกเปลี่ยนลมหายใจและความหวานกันเนิ่นนาน และถอนออกมาเมื่อแทบขาดอากาศหายใจ
“คุณ...”
“ว่าไงครับ ?”
คนช่างแกล้งทำหน้าตาไม่ทุกข์ร้อนแต่อี้เฟิงเขินจนหน้าแดง
ค้อนใส่หยางหยางนับไม่ถ้วน ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำตาเพราะความหวานจากจูบเมื่อครู่
เขินจนวางมือไม่ถูก เลยเอาไปฟาดเข้าที่แขนล่ำของหยางหยางหลาย ๆทีระบายอารมณ์เขิน
“ทำไมคุณถึงนิสัยเสียแบบนี้นะ”
“ก็คุณน่ารัก..น่า—“
“หยุดเลยนะ
จะพูดอะไร อย่ามาทะลึ่งแถวนี้”
“คุณคิดอะไรอยู่
ผมจะบอกว่าคุณน่ารัก น่าทะนุถนอมเอง”
“แต่แววตาที่คุณกำลังพูดกับผม
มองแล้วมันไม่ใช่นี่ หมาป่าเจ้าเล่ห์เอ๊ย! “
เถียงกันหลายฉาก
อี้เฟิงหอบตัวโยน
เพราะนอกจากจะต้องเอ่ยปากเถียงหยาหยางแล้วก็ยังต้องหลบสัมผัสร้อนจากมือแกร่งของหยางหยางอีก
จูบหวานเมื่อครู่ต่างปลุกเร้าอารมณ์ของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี
“อ๊ะ สมุดหล่น~
“
จากที่คิดว่ามีแค่เพียงสองคนที่ยังอยู่ตรงนี้
แต่มีคนมาใหม่
“เสี่ยวอิ๋ง!” อี้เฟิงเรียกเสียงดังเหมือนตะโกน
เหมือนเด็กน้อยจะมาดูอยู่นานแล้ว เธอแก้มแดงเหมือนกับเขา
คงจะเห็นว่าพ่อตัวเองแกล้งเขาอยู่บ้าง
อายชะมัด
..โอ๊ย
หยางหยางที่หันไปพบลูกสาวตัวแสบที่ยืนแอบอยู่มุมเสาหน้าห้องครัว
ก็รู้ว่าลูกแอบดูอยู่ แต่ไม่คิดว่าจะกล้าขัดจังหวะของเขากับอี้เฟิง
ไม่ยอมหนีไปนอนเสีย แอบดูจนตัวเองเขินหน้าแดงไปด้วย
สงสัยเขาต้องทำสงครามอีกรอบ
แย่งคุณครูตัวนิ่มยิ้มสวยกับลูกสาว
“ป๊าแกล้งพี่อี้เฟิงอีกแล้วน่ะ! เสี่ยวอ้าย
จัดการเลย! “ เธอพูดต่อหลังจากแกล้งทำสมุดหล่นขัดขวางการโจมตีพี่อี้เฟิงจากป๊าของเธอ
“เราอิจฉาป๊าล่ะสิ”
“ไม่เลย หนูไปนอนห้องพี่อี้เฟิงทุกวันเลยล่ะ
ตอนป๊าไม่อยู่ ฮึ ๆ “
“ป๊าได้ทั้งหอม
ทั้งจูบพี่อี้เฟิงเลยนะ”
“ป๊าอ่ะ!
อย่ามาข่มเสี่ยวอิ๋งนะ เสี่ยวอ้าย จัดการป๊าเลย ! ”
พ่อลูกสองคนนี้นี่...
อี้เฟิงบ่นในใจและหน่ายใจไปพร้อมกัน ทั้งสองเถียงกันไปมา
ตาคนเป็นพ่อก็ไปของขึ้นตามลูกแกล้งลูกไปเสียอีก คนเป็นลูกก็ยอมใครที่ไหน
ได้นิสัยพ่อมาเต็มเม็ดเต็มหน่วย อี้เฟิงถอนหายใจออกมา เพราะตอนนี้ทั้งคู่ก็พยายามจะมายุ่งกับตัวเขา
กอดบ้าง หอมแก้มบ้าง วุ่นวายไปหมด
“พอแล้วทั้งคู่เลย!
แล้วนายด้วยเสี่ยวอ้าย อย่าไปวุ่นวายกับเจ้านายของนายด้วยสิ! “
ในที่สุดอี้เฟิงก็ต้องประกาศิตเพราะค่ำมืดดึกดื่นก็ยังมาเสียงดังแบบนี้
เดี๋ยวก็มีใครมาเห็นเข้า ลูกน้องของหยางหยางมาเห็นเจ้านายที่ยิ่งใหญ่ของตัวเองทำตัวบ้าบอแกล้งลูกสาวเป็นเด็กแบบนี้
คงเสื่อมศรัทธากันพอดี
พอได้ยินประกาศิตจากคุณครู
เสียงหวานนั้นทะลุผ่านโสตประสาทของพ่อลูกตระกูลหยาง ทันที ทั้งคู่ก็หยุดสงครามระหว่างกันไว้ก่อน เพราะไม่เช่นนั้นคุณครูแมวน้อยของทั้งคู่แปลงร่างเป็นเสือดุอีกแน่
หยางหยางหยุดในขณะที่กำลังแกล้งลูกสาว
อุ้มตัวลอยไม่ให้ยัยตัวยุ่งของเขาไปกอดอี้เฟิงได้ เขาก็ทำเพียงแค่แกล้งลูก
และลูกสาวเขาก็รู้ดีว่า เขาอยากเล่นด้วยเพราะไม่ได้อยู่เลย ไม่ได้เล่นกับลูกมานาน
และเราสองพ่อลูกก็รู้ดีว่า เราอยากให้หลี่อี้เฟิงคนนี้มีความสุขและผ่อนคลายลงบ้าง
อยากเห็นยิ้มสวย ๆ อีกบ่อย ๆ
“มาจ้องหน้ากันทำไมเล่า
ไปนอนสิ!” อี้เฟิงออกปากไล่ทั้งคู่ แต่พ่อลูกก็ยังไม่ยอมไป
จนอี้เฟิงต้องส่งสายตาดุ ดันหลังให้พ่อลูกกลับห้องไปซักทีและบอกไล่หลังว่าจะเอานมน้ำผึ้งไปเสิร์ฟตามทีหลัง
พอกำราบความซ่าของพ่อลูกตระกูลหยางได้
อี้เฟิงรู้สึกใจดีปนกับความสุข คฤหาสน์ตระกูลหยางสดใสขึ้นมาบ้างแล้ว
อี้เฟิงเห็นหยางหยางที่ยิ้มแย้มจากใจเมื่อตอนเล่นกับลูกสาวตัวน้อย
นี่ล่ะสิ่งที่อี้เฟิงอยากให้เกิดขึ้นในบ้านบ่อย ๆ
หลี่อี้เฟิงหลงรักตระกูลหยางเสียแล้ว
ทุก ๆ อย่างเลย ต้องขอบคุณคนที่เชื้อเชิญให้เขามาเป็นดวงใจ
หยางหยาง
ชายคนนั้น ที่แรกเจอแม้จะหน้าตาดุไปหน่อย แต่บอกได้เลยว่าครั้งแรกที่พบ
เขาแอบตะลึงในความหล่อราวเทพบุตรของหยางหยางมากทีเดียว
“เอ๋ ?” เป็นหนูน้อยเสี่ยวอิ๋งส่งเสียงอุทานประหลาดใจ
เมื่อหลังจากถูกดันหลังให้ขึ้นบันไดกลับห้องพร้อมป๊าของเธอ ป๊าของเธอก็เหมือนกันก็ประหลาดใจที่ได้ยินบางอย่าง
“ป๊า
พี่อี้เฟิงหัวเราะล่ะ! น่ารักจัง! “
เมื่อหันไปตามต้นเสียงก็พบใบหน้าหวานยกยิ้มหัวเราะออกมา
ความสุขระบายบนใบหน้าของอี้เฟิง จนคนมองต้องยิ้มตาม
เสี่ยวอิ๋งหัวเราะคิกคักตามคุณครูของเธอ
ข้าง ๆ ตัวมีเสี่ยวอ้ายคลอเคลียใกล้ ๆ ขาของเจ้านายของมัน
เหมือนเสียงหวานนี้จะได้ยินไปจนถึงฝั่งนอก
อาเฉินกับอาฟง มาแอบดูว่ามีเหตุการณ์อะไร แต่ก็เป็นเหตุการณ์น่ารักของเจ้านายและดวงใจของเขา
น้าหนิงมาเห็นสองคนนี้แอบดูจึงมีตีแขนไล่ไป บอกอย่ามาแอบดูเรื่องเจ้านาย
แต่เธอก็ลอบมองครู่หนึ่งเหมือนกันก่อนจะทิ้งให้พวกเขาอยู่กันตามลำพัง
ยิ้มของคุณสวยจริง
ๆ หยางหยางคิดในใจ
และยิ้มไปพร้อมกับคนที่ทำให้เขายิ้มได้
ใบหน้าหวานยังคงยิ้มอยู่แต่หยุดหัวเราะแล้ว
เพราะเขินที่ถูกทั้งพ่อทั้งลูกตระกูลหยางมองจ้องหน้า ก็คงประหลาดที่จู่ ๆ ก็หัวเราะแต่นั่นเพราะอี้เฟิงมีความสุขมาก ๆ
จนต้องหัวเราะออกมา
“คุณอี้เฟิง”
“ครับ”
หยางหยางยิ้มกว้างออกมา
จำได้ว่าช่วงแรกที่เจอกัน อี้เฟิงเคยบอกว่าเขายิ้มไม่จริงใจ
ดูเป็นยิ้มการค้าไปเสียหมด เขาจึงลองดู และเมื่อยิ้มออกมา อีกฝ่ายก็เขินจนหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ
หยางหยางยังคงชอบอาการแบบนี้ของคุณครูคนเก่ง เป็นคนซื่อตรงกับความรู้สึกจากใจ
เสี่ยวอิ๋งรีบวิ่งไปแอบตรงชั้นสอง
เพราะรู้แล้วว่าป๊าของเธอต้องพูดอะไรหวาน ๆ แน่ ๆ ในละครก็มี คุณพระเอกจะชอบทำโรแมนติกแบบนี้ให้คุณนางเอกเสมอเลย
และอี้เฟิงเอียงคอรอฟังจากจุดเดิม
ยิ้มสวยยังปรากฏบนใบหน้าหวาน ลุ้นใจจดใจจ่อว่า ท่านประธานหยางคนนี้จะว่าอย่างไร
และ
“ผมรักคุณ”
“ห๊า?”
“ผมรักคุณ
ได้ยินใช่มั้ย”
“อ่ะ..เอ่อ—“
“ผม---“
“หยุด ๆ
ผมได้ยินแล้วครับ พอแล้ว”
อี้เฟิงหลุดเหรอหราออกมา
เพราะไม่คิดว่า หยางหยางจะกล้าบอกรักทั้งที่ลูกสาวยังยืนฟังอยู่ทนโท่ตรงชั้นสอง ไม่อายลูกเลย
ตาบ้านี่
“แล้วคุณล่ะ”
หยางหยางมองอีกฝ่าย
ตกใจทำหน้าตาตลก จนเขาต้องขำออกมาด้วย ใบหน้าหวานแดงมากกว่าเดิม แถมอมยิ้มเขิน
แต่เพราะความเขินที่ส่งไปแค่อมยิ้มก็เอาไม่อยู่ อี้เฟิงจึงเผยยิ้มสวยอออกมาอีกครั้ง
ดวงตากลมโตที่หลบไปทางนั้นทีทางนี้ทีก็ถูกสายตาคมกริบของหยางหยางสะกดไว้ไม่ให้หันไปทางอื่นได้แล้ว
ทั้งยิ้มสวย
ทั้งดวงตาคู่นั้น หยางหยางหลงใหลมาก
ที่จริงมันก็ทั้งหมดของอี้เฟิงนั่นล่ะที่เขารัก
“อี้เฟิง
แล้วคุณล่ะว่าไง”
คนถูกถามเผยยิ้มให้กว้างขึ้น
ดวงตาของเขาก็ยิ้มไปด้วย สูดลมหายใจและเอ่ยบอก คำตอบที่ถูกถามมาเมื่อครู่
ขอบคุณมาก
คุณหยางหยาง
หลังจากนี้ผมขอฝากชีวิตไว้ที่คุณด้วย
ให้ผมมาเป็นดวงใจของคุณแล้ว
ก็ช่วยดูแลดวงใจของคุณดวงนี้ด้วยนะ
“ผมก็รักคุณ “
จบคำตอบนั้น
ยิ้มสวยก็ยังงดงามคงไม่เปลี่ยนแปลง ความบริสุทธิ์ดุจแก้วก็ยังคงอยู่เหมือนตอนแรกเจอ ตาคู่นั้นยังทอประกายสุกใสที่เขาหลงใหล
หลี่อี้เฟิง ผู้เป็นดวงใจของหยางหยาง เขาจะดูแลด้วยชีวิต
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)