[Sfic] Be his heart
Pairing :: Yangyang x Liyifeng
RATE : PG-13
TELL : ฟิคแก้บน และไม่ค่อยได้แต่งแนวนี้ ก็เลยลองรื้อมาดู คิดว่าบรรยากาศของคู่นี้ก็เข้ากับคู่นี้ไม่เลวเลยเหมือนกัน
*****************************************************
“....ท่าทางวันนี้จะมีพายุทะเลทรายเสียด้วย”
เสียงหวานเอ่ยกล่าวกับผู้รับใช้ที่อยู่ใต้บัญชาที่อยู่รายรอบ
ใบหน้าที่ค่อนข้างเป็นกังวลหันไปดูท้องฟ้าเพื่อรับรู้สภาพอากาศ
และตอนนี้ก็ใกล้จะพลบค่ำเสียแล้วด้วย
“วันนี้ เวลาช่างผ่านไปไวเสียจริง” เจ้าของเสียงหวานนั้น
เอ่ยต่อขึ้นอีกครั้ง หยั่งความกังวลลึกเรื่อยๆ อากาศในหมู่บ้านแถบนี้แม้ว่าจะเป็นบ้านเกิดเมืองนอนแต่หากว่าเป็นหมู่บ้านที่อยู่ท่ามกลางทะเลทราย
ทะเลทรายอันกวางใหญ่อันไร้ปรานี หากเป็นช่วงที่ความมืดมิดปกคลุมสนิทดับท้องฟ้า
อันตรายก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณ นอกจากมีพายุทะเลทรายแล้ว สิ่งที่แฝงพรางอยู่ในพายุทะเลทั้งหากแต่อันตรายไม่แพ้กัน
“เร่งฝีเท้าเข้าให้ไว ทุกท่าน
พายุทรายและอันตรายในนั้นกำลังจะมาเยือน”
หลี่อี้เฟิงผู้เป็นพ่อหมอประจำหมู่บ้านเล็ก ๆ ในเขตเมืองที่อยู่ท่ามกลางทะเลทรายเอ่ยย้ำถึงเหตุการณ์ท่ามกลางเวลานี้
ความอันตรายที่แฝงมา
ทำให้ฝีเท้าทุกคนพร้อมทั้งความเร็วของพาหนะเพิ่มขึ้นทันทีที่สิ้นเสียง
ด้วยความจำดีเยี่ยม เขาระลึกได้ว่าวันนี้เป็นวันที่เข้าข้างแรม
พระจันทร์ถูกดับแสงสิ้นท้องฟ้า ไม่ว่าใคร ๆ
ก็มิกล้าเยื้อนเท้าออกจากเรือนชายของตนเอง
ยิ่งหากในช่วงย่ำค่ำ อย่างเช่นเวลานี้
“ต้องเร่งเท้าให้ไวกว่านี้เสียแล้ว”
เมื่อได้ของดั่งใจหลังจากที่เข้ามาในป่าที่มีอยู่เพียงน้อยนิด
ในขอบเขตเมืองที่หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่
พวกเขาทั้งหมดมาที่นี่เพื่อหาสมุนไพรที่จะนำไปใช้ในการรักษา และท่านหมอเองก็ตรวจตราผู้ป่วยในหมู่บ้านอย่างที่ทำเป็นประจำ
อี้เฟิงจึงรีบเตือนให้คนรับใช้ที่ติดตามเดินล่วงหน้าไปก่อน และให้ขนสัมภาระต่างๆ
พร้อมทั้งยาสมุนไพรที่หาได้กลับเข้าโรงหมอเสียให้ทันพายุที่กำลังจะมาถึงอีกในไม่ช้า เขาจะขอตรวจผู้ป่วยให้เสร็จสรรพและจะเร่งฝีเท้าตามไป
“นี่มืดขนาดแล้วหรือ? “ อี้เฟิงเอ่ยกับตนเอง
ตอนนี้เหลือเขาแค่เพียงคนเดียว
แม้คนรับใช้เอ่ยขออยู่เพื่อส่งคุณหนูของพวกเขาให้ถึงโรงหมอแต่อี้เฟิงห้ามและเร่งให้พวกคนรับใช้กลับไปก่อน
เหตุเพราะยาที่ถือไว้ในมือเป้นของยากและจำเป็นต้องใช้เพื่อรักษาคนในเมืหมู่บ้าน จนฟ้าเปลี่ยนสีเป็นดำแทบมืดสนิท
ท่านหมอผู้อารีย์ผู้นี้ได้แวะตามริมทาง
เพื่อสอบถามอาการของผู้ป่วยที่เคยรักษาตามทางเดินกลับโรงหมอของตน จนเลยเวลา
นี่ก็มืดค่ำมากแล้ว พายุกำลังจะเข้ามาในอีกไม่กี่ยามเวลา
อี้เฟิงสังเกตเห็นบรรยากาศของท้องฟ้าที่เริ่มแปรปรวน
มือท่าานหมอที่เรียวสวยกระตุกชายผ้าสีขาวที่คลุมอยู่เหนือศีรษะให้กระชับมาขึ้น ร่างกายอันเพรียวแต่ดูสุขภาพดีภายใต้ชุดผ้าชั้นเลิศตามแบบชายในแถบ
1001 ราตรี ประดับเลื่อมสีทองตามชายผ้าประปราย อากาศหนาวบ้างร้อนบ้าง เศษทรายที่พัดปลิวมากระทบเนื้อที่พ้นผ้าออกมาทำให้ร่างกายนี้สะท้านเล็กน้อย
ท่านหมอน้อยกระตุกผ้าคลุมเหนือศีรษะเป็นครั้งที่สอง ปิดใบหน้าอันงดงาม หวานราวเทพแห่งสวรรค์
นั้นไว้เสียไม่ได้
อย่างน้อยก็เข้าโรงหมอให้ได้เสียก่อน อากาศยามนี้ดูน่ากลัวไม่แพ้โรคภัยที่เขาพบอยู่บ่อยครั้ง
ในหมู่ผู้ป่วยเลย หมอหนุ่มคิดพร้อมเร่งฝีเท้าให้เข้าใกล้จุดหมายมากขึ้น
แต่หากว่ากระแสลมจากพายุร้ายที่กำลังเข้ามา นั้นยิ่งเพิ่มกำลังทวีคูณมากขึ้นเรื่อย
ๆ ทุกวินาที อี้เฟิงคว้าผ้าคลุมศีรษพขาวสะอาดนั้นไว้แน่นก่อนที่มันปลิวหายไปกับลมพายุ
กว่าจะถึงโรงหมอ เราจะปลิวไปพร้อมลมนี่หรือเปล่า อี้เฟิงคิดอย่างนึกตลก ปลุกใจสู้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เขาหวาดกลัวพายุทรายนี้กว่าใคร
อันที่จริงจะกล่าวเช่นนั้นก็ไม่ถูกต้อง
หากจะโทษธรรมชาติเช่นนั้น
เขากลัวสิ่งที่แฝงเร้นมากับพายุนั่นต่างหาก
ตำนานโจรทมิฬที่มาพร้อมพายุทรายที่โหมกระหน่ำ
ทุกวันแรกของข้างแรม พวกเขาเหล่านั้นจะผ่านเขตหมู่บ้านนี้และพาเอาสิ่งที่เขาต้องการไป
และถ้ามีใครคิดขัดขวาง เหล่าโจรผู้นั้นก็จะขจัดให้พ้นทาง
โจรโหดเหี้ยมที่ถ้าเพื่อสิ่งที่ต้องการ ก็จะแย่งชิงมา
ถ้ามีใครมาขวางก็จะฆ่าเสียสิ้น
พวกเขาฆ่าคนไปมากมายเพื่อความต้องการเช่นนั้น
หมอที่มีหน้าที่เพื่อรักษาชีวิตคนแบบเขาไม่สามารถยื้อคนผู้นั้นมากมายเหล่านั้นไว้ได้เลย
ถ้าเป็นไปได้
อยากจะขออธิษฐานด้วยจิตที่แรงกล้าว่าให้โจรพวกนี้หายไปพร้อมพายุทรายเสีย
นั่นคือสิ่งที่อี้เฟิงเฝ้าอธิษฐานอยู่ทุกวัน
ตอนนี้ร่างใต้ชุดแสนสะอาดตากำลังเดินสู้กับลมที่มีกำลังแรงขึ้นเป็นลำดับ
อี้เฟิงจะต้องกลับถึงโรงหมอให้ทันที่โจรเหล่านั้นจะมา คนในหมู่บ้านแทบไม่มีหมอที่ไหนอีกแล้ว
ก็มีแค่เขากับคนรับใช้ที่คอยติดตามเท่านั้น หากเขาตายไปอีก
หมอที่ไหนก็หาไม่ได้อีกแล้ว
“ลมนี้ก็แรงเหลือเกิน” เสียงหวานเอ่ยกับตัวเองบ่นเอากับแรงลมนี้
ตัวเขาเองหากสัมผัสความแรงของระดับลม เจ้าพายุมาเร็วกว่าที่คิดหรือนี่ หมอหนุ่มคิด
มือเรียงสวยที่มีกล่องเครื่องมือหมอคล้องแขนอยู่
เอื้อมรวบชายผ้าคลุมมาไว้มือเดียวปกปิดส่วนใบหน้า เหลือแค่เพียงดวงตาคู่สวยฉายพ้นผ้าคลุมสีขาว
อีกมือยึดเอาเสาตรงข้างทางไว้เพื่อไม่ให้เซไปตามแรงลม ใกล้จะถึงโรงหมอที่เป็นที่พักของเขาแล้ว
แต่หากว่ามือของหมอหนุ่มกลับคว้าเสาถัดไป เพื่อประคองตัวเองพลาด
ทำให้ร่างเพรียวแรงน้อยกำลังจะล้มเซไปตามลมแรง
พายุทรายอนุภาพรุนแรง ...ได้มาถึงแล้ว
“อ๊ะ” หมอหนุ่มอุทานออกมา เหมือนจะล้มกระแทกอะไรบางอย่าง
แต่ผิวสัมผัสที่พ้นเสื้อผ้าราคาแพงนั้นรู้ได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิต
มือข้างหนึ่งกำลังโอบเอวบางของอี้เฟิง ในพายุทรายแม้มองไม่ชัดเจน แต่รู้ว่าเป็นมนุษย์ซักคนที่ติดอยู่ในพายุทรายนี่เช่นเดียวกันกับเขา
อี้เฟิงหันตัวกลับไปช้าๆ ดวงตาคู่สวยหรี่มองคนที่กำลังโอบเขาไว้
เป็นร่างสูงกว่า แข็งแรงกว่า แต่หากมือไม้สั่น จมูกที่ไวต่อคาวเลือดของอี้เฟิงเพราะสัมผัสบ่อยจากอาชีพหมอบ่งบอกว่า
ร่างกายแข็งแรงนี้กำลังบาดเจ็บอยู่ด้วย และคงจะหนักหนาสาหัสพอดูทีเดียวเพราะคาวเลือดฟุ้งเข้าจมูกเขาแม้มีลมพัดแรง
อี้เฟิงทันสังเกตว่าชายผ้าคลุมยังอยู่ในมือขาว
ปิดป้องใบหน้าหวานสวยภายใต้ผ้าคลุมสีสะอาดอยู่ ไม่ทันปลิวหายไปกับลม
“นายท่าน
ขอบคุณ...” หมอหนุ่มเอ่ยขอบคุณที่ร่างกายแข็งแรงคว้าเขาไม่ให้พัดไปตามลม
เป็นผู้ที่มีแรงมหาศาลยิ่งนักแม้ร่างกายบาดเจ็บ
“อ๊ะ “ คิดได้ไม่ทันไร ร่างสูงที่กำยำแข็งแรงนี่ก็เดินเซเสียแล้ว
อี้เฟิงคว้าร่างนั้นไว้ มือเรียวสวยปล่อยผ้าคลุมสีสะอาดให้ลอยล่องไปตามลมพัดแรงไม่สนใจมันอีกต่อไป
พายุยังไม่ลดเค้าความรุนแรง ดวงตาคู่สวยคู่เดิมหรี่มอง
ท่านผู้นี้มาพร้อมอาภรณ์สีทมิฬสนิท
หรือว่า.... อี้เฟิงยั้งความคิด เห็นอาภรณ์เช่นนี้
เขารู้ดีว่าท่านผู้นี้เป็นใคร
แต่หากเพราะเขาเป็นผู้มีพระคุณ และซ้ำยังเจ็บหนัก
....
“เข้า..ไปตรงนั้นก่อน” เสียงหวานเอ่ยบอก
ทั้งสองประคองกันเข้าไปตรงเพิงพักที่แข็งแรงที่สามารถต้านกระแสพายุได้ที่อยู่ใกล้แค่ไม่กี่ก้าว
ร่างแข็งแรงนั้นโอบเอวอี้เฟิงไว้อยู่
อี้เฟิงปล่อยร่างนั้นลงกับพื้นอย่างเบามือ
เมื่อทัศนวิสัยชัดเจนขึ้น ก็มองเห็นแล้วว่าเป็นชายหนุ่มในอาภรณ์สีทมิฬ
ที่ปิดคลุมแม้ตาใบหน้าเหลือเพียงแค่ดวงตาที่พ้นออกมา
“ท่าน...” หมอหนุ่มเอ่ยเรียกเสียงเบา
เมื่ออีกฝ่ายเงียบไป พลางมองดูร่างกายที่ยังคงนิ่งสนิท ..
“อ๊ะ”
และเมื่ออี้เฟิงไม่ทันตั้งตัว ท่านผู้นั้นก็ได้คว้าข้อมือของอี้เฟิงไว้เสียแน่นนานจนรู้สึกเจ็บปวด
แต่ก็คลายลงเมื่อสัมผัสเสียงครางเจ็บจากร่างเพรียว ตาคู่นั้นลืมตาขึ้น
แววตาดุดันเช่นเสือในป่าจ้องมองอี้เฟิง คล้ายกับเป็นเหยื่อในกำมือเสือ
“ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร ”
“ข้าเห็นชุดก็พอจะคาดเดาได้ เเต่ท่านในตอนนี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก ”
บทสนทนาโต้ตอบสั้น ๆ
ชายผู้นั้นไม่แม้แต่มองหน้าของอี้เฟิง
ท่านหมอเริ่มประหวั่นว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นไร แต่ไม่ได้คิดกลัวตาย
ใบหน้าหวานเคร่งเครียดขึ้นมาอีกครั้ง
มือเรียงสวยยื่นเข้าแตะจุดที่มีเลือดออกมาจากร่างแข็งแรงของชายหนุ่ม เลือดยังไหลไม่หยุด
เมื่อหมอหนุ่มเลิกเสื้อสีดำสนิทเปิดดู ก็พบแผลเป็นทางยาวและค่อนข้างลึก
เลือดยังไหลไม่หยุด โชคดีที่หมออย่างเขารอบคอบเสมอ จึงพกเครื่องมือประจำตัวติดกายออกมาด้วยเมื่อจะไปไหน
อี้เฟิงบังคับให้ชายหนุ่มชุดสีทมิฬถอนเสื้อออกให้เหลือแค่ร่างท่อนบนเปลือยเปล่า
ระหว่างที่เอ่ยตักเตือนในฐานะหมอว่าจะเสียเลือดมากและตายได้ในไม่ช้า
จนอีกคนไม่สามารถทานแรงไหว เพราะบาดเจ็บหนัก หมอรูปงามลงมือทำแผลอย่างประณีต
แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มร่างกายแข็งแรงกระตุกเพราะความเจ็บได้ จนแล้วเสร็จอี้เฟิงเงยหน้ามองผู้ป่วยรายใหม่ของเขา ชุดของหมอหนุ่มที่เป็นสีขาวสะอาดเปื้อนเลือดเสียทั่วแต่เขาก็ไม่ติดใจอะไร
หากอีกคนยังไม่ถอดผ้าคลุมสีทมิฬที่หน้าออกไป
“เหตุใด ..ทั้งที่ท่านรู้ ก็ยังจะช่วยข้า...”
“แล้วแปลกหรืออย่างไรข้าก็เป็นหมอ”
“แต่ท่านก็น่าจะรู้ดี ว่าชายชุดสีทมิฬ
ที่พกดาบยาววาดโค้งพระจันทร์เสี้ยวแบบข้าคือใคร”
“แล้วอย่างไรกัน? “ อี้เฟิงถามกลับไป
พร้อมก้มลงเก็บอุปกรณ์
มือขาววุ่นอยู่กับการเก็บของจนไม่ทันไหวตัวทัน
ปลายดาบพระจันทร์เสี้ยวอย่างที่โจรทะเลชุดสีทมิฬโอ้อวดก็จ่อที่ลำคอสวย
แม้จะตกใจแต่หมอหนุ่มก็ยังคุมสติไว้ได้
“เมื่อข้าหายดี
ข้าก็อาจจะย้อนกลับมาฆ่าท่านเมื่อเราเหล่าโจรทะเลทรายต้องการ
หากเราต้องการชีวิตท่าน...เราก็ทำได้” โจรหนุ่มขยับตัวเข้าใกล้มากขึ้น
ปลายดาบหันเปลี่ยนที่เป็นจ่อส่วนบริเวณอกของหมอหนุ่ม อี้เฟิงยิ้มบางเบา
เงยหน้าสบตาดวงตาดุเยี่ยงสัตว์ป่านั้นอย่างไม่ยอมลงให้แต่อย่างใด
“ข้าเป็นหมอ ต่อให้เจ้าเป็นโจรโหดร้ายเพียงใด หากบาดเจ็บ และมาอยู่ตรงหน้าเรา
หมออย่างข้าก็จะรักษาเจ้า”
แววตามั่นคงนั้นทำให้ปลายดาบของโจรชุดสีทมิฬเปลี่ยนทิศ
เขากลับปลายดาบจ่อเข้าที่หน้าอกตัวเอง
“งั้นท่านหมอก็ฆ่าข้าเสีย ข้าจะได้ไม่กลับมาฆ่าท่าน” โจรหนุ่มผู้นั้นไม่ลดละ
“มือข้ามีไว้ช่วยคน แล้วอีกอย่างท่านเองก็ไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น
ไม่เช่นนั้นท่านคงปล่อยให้ข้าปลิวไปกับลมแรงเมื่อครู่แล้ว”
“ท่านนี่ใจดีเสียจริง”
“ข้าไม่ได้ใจดี แต่เพราะข้าเป็นหมอแค่นั้น “
อี้เฟิงคว้าด้ามดาบนั้นไว้ และยึดมันมา วางมันลง และผลักให้ผู้บาดเจ็บที่ดื้อดึงนั่งลงกับพื้น
“ท่านนั่งนิ่งๆ เถิด แผลเจ้าเป็นทางยาว
หากขยับตัวมาก อาจจะเจ็บหนักกว่าเดิม รอให้พายุทรายจางหายไปเสียก่อน .. ท่านจะไปไหนเสียก็ตามแต่ใจท่าน " ผู้เป็นหมอเอ่ยด้วยเสียงหวานที่เป็นเอกลักษณ์ของตน และขยับลงนั่งข้างโจรผุ้นั้นอย่างเหน็ดเหนื่อยเช่นกัน
“ท่าน....หมอ”
เสียงทุ้มเอ่ยพ้นผ่านผ้าคลุมสีทมิฬ
ขยับเข้าใกล้ให้ปลายจมูกคมสันจรดที่กลุ่มผมสีเปลือกไม้ และพร้อมหอมกลิ่นดอกไม้นานาพรรณนั้น
ทำให้ชายหนุ่มในชุดสีทมิฬเกิดอากัปกิริยาประหลาด
เขาสูดกลิ่นจากกลุ่มผมนั้นอย่างเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ
แม้ว่าจะตกอยู่ในความประหลาดใจ
แต่ก็ยังคงสติไว้นิ่ง อี้เฟิงเงยหน้ามาสบดวงคู่ดุดันอย่างจงใจ
หลังจากที่ก้มหน้าเพื่อควบคุมอารมณ์และอาการตกใจ
แต่ก่อนจะได้พูดอะไร ชายหนุ่มได้กระทำการบางอย่าง
อย่างรวดเร็ว เขาใช้มือปลดดึงผ้าส่วนตรงบริเวณปากออก
และชายหนุ่มผู้นั้นได้มอบจูบครั้งแรกในชีวิตของอี้เฟิง
ช่างเป็นจูบที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย
ทั้งอ่อนโยน เศร้าสร้อย เร่าร้อน ดุดัน
แทบจะปรับอารมณ์ตามอีกฝ่ายไม่ทัน
ริมฝีปากนั้นที่อี้เฟิงสัมผัสได้ช่างแห้งผากแต่เขาก็รับจูบนั้นโดยดี
มือแกร่งของอีกฝ่ายประคองศีรษะของอี้เฟิงไว้
เพื่อรับจูบ ทั้งสองแลกเปลี่ยนลมหายใจ ความหวานที่ซับอยู่ภายในปาก
โจรก็ยังเป็นโจรอยู่วันยังค่ำ ชายหนุ่มในชุดสีทมิฬขโมยเอาความหวานจากท่านหมอไปมากมาย
และเมื่อเริ่มอ่อนแรงคิ อี้เฟิงยกมือทุบอกอีกฝ่าย ประท้วงขออากาศเพื่อหายใจ
หน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นเป็นสีสวยน่ามอง แววตาเช่นเสือของชายหนุ่มเปลี่ยนไปอีกแล้ว
ไม่เข้าใจมาก ไม่เข้าใจมากเรื่อย ๆ
“...ทำแบบนี้ทำไม” หมอหนุ่มที่ยังคงตกใจกับจูบยาวนานเมื่อครู่เอ่ยขึ้น
มองอีกฝ่ายด้วยความระแวงอย่างเป็นที่สุด
ตอนนี้ผ้าคลุมสีทมิฬนั่นเริ่มหลุดหลุ่ย
เหลือแค่ส่วนตรงกลางขอใบหน้า ชายหนุ่มปลดผ้าคลุมที่พันเกะกะนั่นออกช้า ๆ
“ท่านหมอรู้หรือไม่
โจรทะเลทรายผู้โหดเหี้ยมแบบเราจะไม่เปิดเผยหน้าตากับใคร
เพราะอาจจะถูกย้อนศรและทำให้เราถูกฆ่าตาย ถึงแม้จะเป็นท่านหมอก็เถิด”
“แล้วท่าน...” อี้เฟิงไม่เข้าใจแต่หากใบหน้านั่นได้เปิดเผยต่อเขาแล้ว
เป็นชายหนุ่มรูปงาม ใบหน้าคมคาย ผิวที่พ้นแดดอาจจะดูคล้ำ
แต่ผิวที่ปกปิดไว้ไว้ยังเป็นผิวพรรณที่งดงาม ชายหนุ่มคนนี้ รูปงามราวกับเทพบุตร หรืออาจจะบอกว่าความหล่อเหลาเกินบรรยายของชายหนุ่มชุดดสีทมิฬผู้นี้ได้รับประทานจากซาตานมาก็ย่อมได้
ท่านหมอหนุ่มคิดเอาว่าเช่นนั้น
เเละเพราะอาศัยในทะเลทรายที่โหดร้าย
แววตาเยี่ยงสัตว์ป่าดุร้ายที่เขาแทนได้ว่าเป็นเสือก็อาจจะมาเหตุนี้
เมื่อหวนคิดถึงจูบจากชายหนุ่ตรงหน้าเมื่อครู่นี้ หัวใจเต้นระส่ำเสียแล้ว
ไม่ควรเป็นแบบนี้ทั้งที่อี้เฟิงอยู่ตรงหน้าโจรใจโหดเหี้ยม
หมอหนุ่มไม่เข้าใจหัวใจของตนในเวลานี้
และภาพสุดท้ายที่จดจำได้คือรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความหมายบนใบหน้าหล่อเหลาของโจรหนุ่ม
เเละในไม่ช้าหมอหนุ่มรูปงามก็ไร้สติไป..........
___be his heart___
ท่านหมออยู่ตรงนั้น..
ผ้าคลุมสีดำทมิฬถูกยกคลุมปกปิดใบหน้า หยางหยางกลับมาที่หมู่บ้านอีกครั้ง
เพื่อเฝ้ารักแรกพบของเขา โจรที่ใคร
ๆ ร่ำลือว่าโหดเหี้ยม ซึ่งไม่อาจจะรักใครได้ด้วยซ้ำ
แต่เขากลับตกหลุมรักหมอหนุ่มรูปงามตั้งแต่แรกเจอ
และเมื่อสืบทราบด้วยเวลาเพียงน้อยนิดก็รู้ได้ไม่ยากว่าเขามีนามว่า หลี่อี้เฟิง ผู้เป็นหมอหนุ่มรูปงามผุ้อารีประจำหมู่บ้านนี้ที่ใครๆ
ต่างพากันชื่นชม
และนั่นรวมทั้งโจรใจหยาบช้าที่ขโมยจูบเขาตั้งแต่แรกเจอ
อย่างหยางหยางด้วย
ในครั้งที่เขาผจญพายุเขาก็เจอกับมนุษย์ผู้งดงามในชุดขาวสะอาด
ในตอนนั้นหยางหยางคิดว่า นี่เขาตายไปแล้วหรือไร เมื่อเจอมนุษย์รูปงามเช่นเทพสวรรค์ที่บังเอิญเซล้มเข้ามาตรงอก
และให้เขาโอบได้อย่างย่ามใจ
ผ้าคลุมที่ปลิวไปตามแรงลมเผยให้เห็นใบหน้าที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้พบเจอในระยะใกล้ได้
เป็นใบหน้าที่หยางหยางจะจดจำไปตลอดชีวิต
และความเข้มแข็งอันกล้าแกร่ง ผ่านดวงตาคู่สวย
เมื่อมาพบพานความรู้สึกของตนอีกครั้ง
หยางหยางพบว่าเขาได้ตกหลุมรักหมอหนุ่มรุปงามนั้นหมดหัวใจ
ฟังแล้วมันอาจจะดูไม่น่าเชื่อสำหรับโจรใจโหดเหี้ยมเช่นเขา
แต่มันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว
เพราะเช่นนี้หยางหยางจึงฝ่าฝืนคำสั่งของหัวหน้ากลุ่มโจรและกลับมาที่หมู่บ้าน
เขาได้ข่าวว่ามีคำสั่งให้ฆ่าท่านหมอผู้เป็นที่รักของเขาเมื่อไม่นาน
เพราะเหมือนจะมีเหตุการณ์ที่ท่านหมอได้เข้าไปขัดขวางการค้าในด้านมืดของพ่อค้าชายผู้หนึ่ง
รวมถึงพ่อค้าผู้นั้นก็คับแค้นเรื่องที่ท่านหมอของเขาไม่รับความรักอีกด้วยจึงมาจ้างกลุ่มโจรทะเลทรายทำภารกิจนี้
อย่าหวังเสียเลยเจ้าพ่อค้าเลว
หยางหยางผู้นี้จะปกป้องหัวใจของเขาด้วยทุกอย่างทั้งหมดที่เขามี
เขามั่นใจในฝีมือของตัวเอง ความเลื่องชื่อเรื่องนี้
แม้แต่หัวหน้ากลุ่มก็ยังต้องระวัง
จากก่อนหน้านี้ที่หยางหยางเข้ากลุ่มโจรทะเลทรายนี้เพราะเพียงแค่หาบางสิ่งบ่งอย่างทำ
เพื่อดับวามกระหายอยากสู้ และความเบื่อ ที่สำคัญคือเพื่อความอยู่รอด
ชีวิตของเขามันดูไร้ค่า ไร้จุดหมาย ไม่มีญาติมิตรที่ใด และไม่มีใครซักคนที่อยากให้หยางหยางคนนี้อยากปกป้อง
แต่หากว่าตอนนี้ เขาได้พบแล้ว
ผู้ซึ่งหยางหยางผู้นี้เรียกว่าหัวใจ
“หยางหยาง “
ร่างกายเข้มแรงและว่อไวต่อรอบข้างสัมผัสได้ถึงผู้มาใหม่
แน่นอนเป็นโจรด้วยกันในกลุ่มโจรทะเลทรายนั่นเอง
“แกคิดจะหักหลังหัวหน้ารึอย่างไร แกถึงมาขัดขวางงานของพวกเราแบบนี้”
หนึ่งในกลุ่มโจรเอ่ยถาม
หยางหยางหัวเราะเบาในลำคอ
แต่ฟังดูแล้วน่ายำเกรงต่อผู้ได้ยิน เพราะเจ้าของเสียงหัวอันน่ายำเกรงผู้นี้ได้รับฉายาว่าเป็นปีศาจของกลุ่มโจรทะเลทราย
อันเลื่องชื่อ เพราะทั้งฝีมือที่ร้ายกาจและวิสัยอันเหี้ยมโหดของเขา
แต่ตอนนี้ปีศาจได้เปลี่ยนไป
เขามีหัวใจและมอบให้ใครซักคน
“แกก็คอยมาปกป้องเจ้าหมอนั่น
ไม่ใช่ว่าเจ้าไปหลงรักมันเข้าให้แล้วเชียว ไม่น่าเชื่อเลยว่าปีศาจอย่างเจ้า...”
“แล้วอย่างไรหรือ ..... ?” หยางหยางขัดขึ้นมากลางประโยค
มือแกร่งยกดาบพระจันทร์จ่อหน้าหนึ่งในกลุ่มโจรนั่น
“เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ว่ามันไม่มีสัจจะไม่หมู่โจร”
“แต่เจ้าดันมีความรักสินะ
มันน่าขันเสียจนข้าปวดท้องไปหมด”
หยางหยางนึกไม่สบอารมณ์เมื่อได้ยินคำปรามาสของโจรผู้อื่นที่อยู่รอบรอบ
แม้ท่านหมอไม่คิดรักหรือแม้แต่จะเหลียวมองโจรต่ำช้าแบบเขา
อาจจะถึงเกลียดชังเพราะเขาฆ่าคนมากมาย
เส้นทางของโจรโหดและหมอผู้อารีมันเปรียบอย่างเส้นขนานที่ไม่มีทางบรรจบ แต่สามารถเคียงข้างกันได้
เขาไม่อาจเข้าใกล้ท่านหมอที่รักได้อีก
แต่หากมีระยะที่ใกล้ที่สุดที่หยางหยางสามารถปกป้องได้
“อยากตายก็ดาหน้าเข้ามา
ต่อให้ฆ่าพวกเจ้าหมดทั้งกลุ่ม ข้าก็จะทำ เพียงแต่ปกป้องหัวใจข้าได้”
___ Be his heart___
“นายน้อยเจ้าคะ”
เสียงของคนรับใช้เอ่ยเรียกอย่างเร่งรีบ อี้เฟิงรีบลุกขึ้นตามเสียงเรียกนั่นออกไปดู
สาวใช้รายงานว่ามีการสู้กันเกิดขึ้นไม่ไกลจากโรงหมอที่พักของอี้เฟิงเท่าไหร่
แต่ที่น่าแปลกใจคือ ศพที่ถูกฆ่าเป็นชายชุดสีทมิฬของโจรทะเลทรายซึ่งบอกกันว่าน่าจะเป็นเหตุฆ่ากันเองเนื่องจากผลประโยชน์
เป็นเขาคนนั้นหรือ ?....
ด้วยเหตุหรือความรู้สึกเช่นไร อี้เฟิงก็ไม่รู้ได้
แต่ในที่สุดหมอหนุ่มก็มาจนถึงที่เกิดเหตุดังทีสาวใช้ได้บอก
มีคนในหมู่บ้านมามุงดูกันแน่นขนัด หมอหนุ่มขอแทรกตัวเข้าไปดูใกล้ ๆ
อี้เฟิงรู้สึกโล่งใจเช่นไรก็หาอธิบายได้ไม่
เหตุเพราะในกลุ่มโจรที่ถูกฆ่าเหล่านั้นไม่มีชายผู้นั้นอยู่
“แล้วเราจะโล่งใจไปทำไมกัน “ เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา
เมื่อคิดได้ดังนั้น อี้เฟิงถอยออกมาจากฝูงคนที่มุงดู เดินออกมาให้ห่างไกล ไม่นานก็มีคนของทางการมาจัดการกับเหล่าโจรพวกนั้นกับสถานที่เกิดเหตุอันน่ากลัวที่คนทั้งหมู่บ้านได้แค่ยืนมองอย่างหวาดประหวั่น
แต่คนเป็นหมอเช่นเขาชินชากับความตายอยู่พอตัว
อี้เฟิงถอยมาจากสถานที่เกิดเหตุได้ไม่นาน
เขาเศร้าใจที่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาเหล่านั้นก็ตายสนิทไม่อาจช่วยไว้ทัน
แต่กลับโล่งใจอย่างประหลาด.....
หมอหนุ่มเริ่มสับสนในความคิดและความรู้สึกอีกครั้ง
ทำไม ทำไมกัน
นี่หาใช่เรื่องที่เราเป็นควรกังวลเลย
อี้เฟิงเดินคิดมาตลอดทางจนกลับถึงโรงหมอ
โรงหมอของอี้เฟิงเป็นกระโจมหลังใหญ่ที่โดดเด่นในแถมถนนในเขตของหมู่บ้าน
ทำให้ผู้คนสังเกตได้ง่าย และที่นี่สถานที่ที่พวกเขาจะสามารถมาพักรักษาได้เมื่อพวกเขาเจ็บป่วย
มือคู่สวยเลิกผ้าแพรผืนสวยที่ปิดส่วนทางเข้ากระโจมออก
อี้เฟิงไม่เห็นคนรับใช้
คิดว่าคงยังอยู่ในที่เกิดเหตุนั้นเพื่อถามคำถามแลกเปลี่ยนกับคนในหมู่บ้าน
พรึ่บ..
ดูเหมือนข้างนอกลมแรง เป็นหมู่บ้านที่อยู่ในหมู่บ้านเล็กกลางทะเลทราย ฟ้าลมอากาศเป็นสิ่งที่คาดเดายาก
ลมพัดแรงเสียจนทำให้ผ้าแพรหน้าทางเข้าออกกระโจมปลิวสะบัด
ปลายผ้าลอยลมกลางอากาศ
เผยให้เห็นร่างหนึ่งที่ยืนอยู่หน้ากระโจม
เบื้องหลังผ้าม่านประตูของกระโจมนั้น อี้เฟิงเดินเข้าไปใกล้ทางเข้าเมื่อครู่ที่เขาเพิ่งผ่านเข้ามาอย่างช้า
ๆ เขาประสงค์มองให้ชัดเจน หรือจะเป็นผู้ป่วย ?
ผ้าม่านนั้นกลับสู่สภาพเดิมแล้ว เพราะแรงลมแผ่วลง
ปลายผ้าห้อยลงตามแรงโน้มถ่วงเช่นเคย มือเรียวข้างหนึ่งเลิกชายผ้านั้นออกอีกครั้ง
ไม่ทันที่จะได้จับภาพเบื้องหลังผ้าม่านด้านนอกได้
ลมแรงก็พัดพามาอีกครั้ง หน้าหวานหลับตาลง ป้องกันเม็ดทรายที่มาตามแรงลม
“ลมพัดแรงเช่นนี้ ถ้าท่านจะออกมาด้านนอก
ก็ควรมีผ้าคลุมป้องกันใบหน้างดงามของท่านด้วย”
เอ๊ะ... ?
อี้เฟิงจำโทนเสียงทุ้มนี้ได้ดี
หน้าหวานเงยพยายามเงยหน้าขึ้นมอง
แต่ทำได้ลำบากเพราะพบว่าลมแรงนั้นไม่ปรานีแต่อย่างใด แต่จับเค้าได้ว่าผู้ที่สนทนากับเขาอยู่ตรงหน้า
เป็นชายชุดสีทมิฬ โจรแห่งทะเลทรายผู้โหดเหี้ยมผู้นั้น
“ท่านกลับมาฆ่าข้าหรือ” หมอหนุ่มถามอย่างซื่อตรง
แม้ยังก้มหน้าสู้แรงลมทะเลทราย
หน้าใบคมคายนั้นพ้นผ้าคลุมออกมาจนมองเห็นได้ชัด
ขัดกับกฏเกณฑ์ของโจรที่เขาได้บอกมาก่อนหน้าที่พบกัน ที่อี้เฟิงจำได้แม่นยำที่สุดคือภาพใบหน้าหล่อเหลาหลังจากเจ้าโจรขี้ขโมยผู้นี้ลักขโมยเอาจูบแรกในชีวิตของอี้เฟิงไป มือที่ค่อนไปทางหยาบกร้านของโจรหนุ่มแตะแผ่วเบาตรงใบหน้าหน้าหวาน
ลากวนผ่านแก้มเนียน
แม้ท่ามกลางลมทะเลทรายแรงกระหน่ำ
ยังไม่วายของขโมยลักล่วงละเมิดร่างกายผู้อื่น หมอหนุ่มคิดคาดโทษ
แต่หากไม่อาจขัดขืน
“ข้ามีเรื่องสงสัยมาถามท่าน"
ในเวลานี้น่ะหรือ เขาสงสัยอะไรกันจึงถามเอาในเวลาลมพายุพัดมาเช่นนี้ อี้เฟิงคิดพลางขมวดคิ้วและพยายามเงยหน้ามองจอมโจรผู้มาใหม่
“ท่านคิดว่าโจรใจโหดเหี้ยมจะมีความรักต่อผู้ใดได้หรือไม่”
อี้เฟิงไม่เข้าใจคำถาม และเหตุใดจะต้องมาถามด้วยสถานการณ์นี้ด้วย
แต่เขาก็ตอบกลับโจรหนุ่มด้วยคำถามที่เคยคิดวนในความคิดเมื่อไม่นาน
“โจรโหดเหี้ยมเช่นนั้น มีหัวใจด้วยหรือ”
จนตอนนี้หน้าหวานสามารถเงยหน้าสู้ลมแรงนี้ได้
เมื่อมันแผ่วแรงลง อี้เฟิงได้สบดวงตาที่เคยพบพานมาก่อนหน้า
แววตายังดุดันไม่เปลี่ยน แต่ดูมีความนัยน์แฝงเร้นต่อเขา
จากที่สัมผัสได้ จนทำให้ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อ
เหตุเพราะเกิดเข้าใจความหมายนั่นด้วยความบังเอิญ นัยน์ตานั้นสื่อความรู้สึกตรงมาหาอี้เฟิงได้ดีเกินไปเสียด้วย
หากแต่หมอหนุ่มรอให้โจรหนุ่มหล่อเหลาในชุดสีทมิฬเอ่ย
“ก่อนหน้าเคยมีแต่เป็นหัวใจที่เย็นชา จนเหมือนไม่มี แต่หากตอนนี้
ข้าก็ไม่มีมันเหมือนเคย แต่หากเหตุผลนั้นเปลี่ยนไป”
หมอหนุ่มช่างสงสัย และสังเกตแววตา โจรผู้นี้กระตุกยิ้มให้เห็นจนอี้เฟิงเผลอคิดว่ายิ้มนั้นทำให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะไป
หรือหมออย่างเขาจะมีโรคหัวใจเป็นของประจำกายแล้วหรือ
“เหตุผลนั้นล่ะ ?”
โจรโหดเหี้ยมรูปงามสาวเท้าเข้ามาใกล้จนมองเห็นใบหน้างดงามหวานราวน้ำผึ้งนั่นชัดเจน
เขานึกอยากมอบจูบให้อีกครั้ง แต่เกรงว่าจะถูกหมอหนุ่มค้อนงอนเสียก่อน
จึงทำได้แค่ฝากสัมผัสปลายนิ้วอันหยาบกร้านของเขาที่ริมฝีปากน่ารักนั้นไว้เเทน
“หัวใจข้าอยู่ที่ท่านแล้ว”
อี้เฟิงเบิกตากว้าง เขาคิดไปเองแล้วนั่นเป็นคำบอกความนัยย์ที่หวานเลี่ยนที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาแม้จะทางคำบอกเล่าของสาวใช้หรือจะโดนมากับตัว
แต่หัวใจของหมอหนุ่มยอมรับแต่โดยดี นับว่านี่
อาจจะเป็นรักที่เจอเมื่อแรกพบ
เขาเป็นหมอ แต่เรื่องรักใช่ว่าจะคิดเดาไม่ได้เลย
“มาฝากหัวใจไว้ที่ข้าเช่นนี้ แต่หาได้บอกชื่อเสียงเรียงนาม
หมออย่างข้าจะรับฝากไว้ได้อย่างไรกัน และอย่าถามข้าเลยว่าทำไม ข้าถึงไม่นึกกลัวท่าน .....ข้าตอบไม่ได้.... นั่นก็หมายถึงหัวใจของข้าด้วย”
ท่านหมอตอบแกมกวนใจ เผยยิ้มสวยออกมาให้โจรหนุ่มหลงไหลมากกว่าเดิมเป็นเท่าทวี
หยางหยางรับทราบจากดวงตาคู่สวยที่เอ่ยความนัยย์ผ่านทางนั้นมาเช่น
เขาคิดประหลาดใจที่ท่านหมอไม่นึกรังเกียจคนชั่วช้าเช่นเขา
จากที่เคยโทษสวรรค์มาตลอดชีวิตที่ทำให้เขาต้องเป็นเช่นนี้
แต่ตอนนี้หยางหยางกลับแทบขอบคุณสวรรค์พันครั้งที่ทำให้ได้พบเจอ ผู้ที่เป็นหัวใจ
“โจรหนุ่มหยาบช้าผู้นี้นามหยางหยาง ขอฝากหัวใจของข้าไว้ที่ท่านด้วย ท่านหมออี้เฟิง”
ท่านหมออี้เฟิงรับไว้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนคว้ามือโจรหนุ่มหยางหยางเข้ากระโจมมา
กล่าวต่อด้วยประโยคที่กลัวอยู่ในใจ
“เดี๋ยวลมพายุจะพัดท่านหายไป “
“ท่านหมออี้เฟิงช่างกลัวเสียจริง”
ท่านหมอผู้มีใบหน้าน่ารักน่าชังนิ่วหน้าค้อนใส่โจรหนุ่มข้างกาย
ยกเอามือเคาะตรงหน้าผาก แม้จะเคอะเขินอยู่บ้าง แต่หัวใจเขาอยากทำเช่นนี้
อยากอยู่ใกล้เขา
“ขโมยจูบข้าไป ท่านต้องชดใช้ข้านะ”
“ข้ามอบหัวใจไปให้ท่านแล้วไง”
“เพียงแค่นั้นเองหรือ ?”
ท่านหมอเฟิงเรียกร้องเพิ่มก่อนยื่นใบหน้างดงามนั้นเข้าใกล้โจรผู้หล่อเหลา
ไม่มีใครยอมใคร ต่างจ้องตามองกันอย่างมีความหมาย
“ความสุข ท่านต้องการมันหรือไม่”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“ตอนนี้ท่านไม่มีคนไข้สินะ พายุพัดเข้ามาพอดี ยังไม่มีใครมาหรอก...อืม....”
ท่านหมอตามไม่ทันโจรหนุ่ม
อย่างไรแล้วผู้เป็นโจรเจ้าเล่ห์เช่นหยางหยางก็ต้องมีเล่ห์เพทุบายให้ท่านหมออี้เฟิงไร้เดียงสาเรื่องนี้หลงกลได้เสมอ
เขาคว้าร่างกายที่น่าสัมผัสนั้น โอบรัดแล้วดันลงกับเตียงคนไข้ที่ว่างอยู่ข้าง ๆ
“เอ๋!?”
“อย่าตกใจ ข้ากำลังจะมอบความสุชให้ท่าน”
“เดี๋ยวสิ...”
“อย่าขัดขืนเลย ท่านบอกเองว่าท่านอยากได้ความสุข
นี่คือความสุขแรกของเรานะท่านหมออี้เฟิง”
โจรรูปงามก้มกระซิบจนสิ้นประโยค สิ้นเสียงทุ้มแสนเสน่ห์นั้น
ไม่นานเขาก็ถูกผลัดอกดันให้ลุกออกจากตัวท่านหมอ ยิ่งนานยิ่งทุบอกแรงขึ่น
เอาเป็นว่าเขาจะแกล้งเพียงแค่นี้ หยางหยางจึงลุกขึ้นออกไป
“เจ้าคนบ้า!”
“ขอโทษท่านหมออี้เฟิง ข้าอยากเพียงแค่แกล้งท่าน”
หยางหยางสบตามองท่านหมอคนงามที่ค้อนตาคว่ำแต่หากยังน่ารักน่าชังสายตา
ตอนนี้อี้เฟิงไม่อนุญาตให้แตะต้องร่างนุ่มนิ่มแล้ว เพราะเกรงจะโดนกระทำแบบเดิม
“หยางหยาง เจ้าโจรขี้ขโมย ! อย่าคิดว่าเป็นโจรมาก่อนแล้วข้าจะกลัวนะ
อย่าทำอะไรแบบนั้นกับข้า หากข้ายังไม่อนุญาตให้ทำ
อย่าคิดข้าหลงไหลเจ้าแล้วจะทำอะไรได้สิ”
“ข้าขอโทษท่านแล้วท่านหมอ ท่านหายโกรธข้าเถิด จะให้ทำอะไรก็ได้”
อี้เฟิงร่ายยาวฮึดฮัดโกรธเข้าจริง
จนเดินกลับเข้าโรงครัวด้านในไปแล้ว นี่เขาเคยเป็นโจรมาก่อนแน่หรือ เขานึกแปลกใจ
แค่ไม่ทันข้ามวัน จากโจรร้ายใจโหดเหี้ยมก็กลายเป็นเช่นนี้
เขากลัวท่านหมอโกรธเหลือเกิน นี่น่าจะเป็นความกลัวของเขาที่สุดในชีวิต
ขนาดโจรโหดเหี้ยมร้อยคนยังไม่สู้ผู้เป็นหัวใจโกรธและเย็นชาใส่
“ท่านหมอ”
“อะไร”
“ยังโกรธข้าอยู่หรือ”
ท่านหมออี้เฟิงหันมาหา หลังจากหยางหยางเดินตามง้อถึงในครัว
หมออี้เฟิงคว้าทัพพีใกล้มือคว้าจ่อหน้าโจรที่ตอนนี้อยู่ใต้คำสั่งเขาแล้ว
“เรียกท่านหมอ ท่านหมออยู่ได้ ข้ามีชื่อนะ”
“อี้เฟิง..ท่านหายโกรธข้าได้หรือยัง”
คนเจ้าของชื่อดูดีใจมากขึ้นเมื้อได้ยินเสียงเรียกชื่อจากหยางหยาง
“ที่จริงข้าไม่ได้ห้ามเจ้าหรอกหยางหยาง
แต่ไว้เป็นตอนอื่นที่สาวใช้ข้าไม่มองจะได้มั้ย ข้านี่อายจนแทรกแผ่นดินหนี
แล้วเจ้าน่ะรูปหล่อจนสาวใช้ของข้าไม่เป็นอันทำงานแล้ว “
เรื่องที่อี้เฟิงโกรธหยางหยางก็มีเพียงเท่านั้น อายสาวใช้นี่เอง
ถ้าเช่นนั้น เวลาพลบค่ำย่ำราตรี ไม่เป็นปัญหา
เขาสามารถแตะต้องได้ทุกสัมผัสอย่างแน่นอน
“ไว้ตอนค่ำ ข้าก็ไม่ได้ว่า ตอนนี้ยังอยู่ในเวลางาน เข้าใจมั้ย
ท่านโจรผู้โหดเหี้ยม หยางหยาง
เจ้าของชื่อยิ้มรับ แต่ไม่วายทำให้ท่านหมอต้องอาย
เพราะก่อนละเท้าจากครัว โจรก็ยังเป็นโจร
เขาลักลอบหอมแก้มใสเยนนั่นซักครั้งใมห้หายย่ามใจและจากไป
เส้นขนานนี้ที่ดูเหมือนไม่มีทางบรรจบได้ แต่เพราะเส้นพหรมลิขิตคอยเชื่อมไว้
จึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปที่เส้นขนานสามารถจะเชื่อมถึงกัน
***************************************************************************************END
TALK :: ฟิรแก้บน ฟิคแก้บน ฟิคแก้บน
ไม่รู้จะชอบหยางเฟิงกันในรูปแบบนี้มั้ยเนอะ แต่แต่งออกมาแล้วเเหละ
ฟิคแก้บน ฟิคแก้บน ฟิคแก้บน
หมอแมวกับจอมโจรแกะน่ารักมากเลยค่ะ ( *////// *)
ตอบลบไรเตอร์เขียนได้ละมุนแทบทุกเรื่องจริงๆ
จริงด้วยเรื่องนี้ ฟีลนี้เป็นที่สุดมาก ตอนที่ได้อ่านครั้งแรกไม่มีโอกาสเม้น
ตอบลบอารมณ์เรื่องนี้แบบนี้ มันสุดๆดีจริง