วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[FIC] OURSONG ~我們的歌 -- หยางเฟิง / เพลงที่ 4





[FIC] OURSONG ~我們的歌 -- หยางเฟิง / เพลงที่ 4
Pairing :: หยางหยาง x หลี่อี้เฟิง
Rating :: PG
Tell :: เปิดเพลงตอนอ่านด้วยเนอะ
เพลงที่อยากให้ฟังตอนอ่าน ::

Jung Yong Hwa 
 For First-Time Lovers 
처음 사랑하는 연들을 위해 (반말송) 











"คะ... โครต บังเอิญ"




อี้เฟิงสาวเท้าพาตัวเองเดินผ่านโรงยิมชมรมเทควันโด้ก็เจอกับรุ่นพี่ช่างตื้อคนหล่อคนนั้น ...หยางหยาง




อะไรจะบังเอิญขนาดนี้




จริง ๆ เเล้วทางที่กำลังใช้กลับอยู่นี่ไม่ใช่ทางปกติ แต่เพราะวันนี้เขามีงานจ้างที่ทางชมรมฟุตบอลให้มาเปิดคอนเสิร์ตเพื่อผ่อนคลายให้คนในชมรม เงินดีเสียด้วย เพื่อน ๆ เเละอี้เฟิงจึงไม่ปฏิเสธ แถมยังมีเพื่อนในชมรมนั้นอีกก็ได้ไปสนุกกับเพื่อน ๆ เพิ่มไปสองเท่า หลังเลิกเรียนเขากับเพื่อน ๆ จึงตรงมายังชมรมฟุตบอล แต่ขามาก็ไม่ได้สังเกตอะไรเพราะรีบ แต่ขากลับ เขากลับมาคนเดียวแล้ว เพราะเพื่อน ๆ ยังอยู่สนุกต่อ แต่เพราะเขามีรายงานเล่มใหญ่ยังไม่ได้เคลียร์มิชชั่นเลยซักหน้า ก็เพราะดันตกวิชาพื้นฐานไปซะได้ คะแนนสอบเขาไม่พอก็ต้องซ่อมโดยทำรายงานเล่มหนึ่งส่ง อี้เฟิงจึงต้องขอตัวกลับบ้านอย่างเสียไม่ได้ แต่พอดูเวลามันก็เย็นย่ำค่ำแล้วก็ไม่ได้เร็วไม่ช้าเกินไปที่เขาจะกลับ


พอผ่านกลับมาคนเดียวก็ได้เดินช้า ๆ ดูอะไรตามทางไปเรื่อย และก็ผ่านชมรมเทควันโด้นี้ ก็เจอเข้ากับรุ่นพี่คนนั้น เขายังมองไม่เห็นอี้เฟิง แต่อี้เฟิงมองเห็นซ้อมเทควันโด้ในชมรมอยู่คนเดียว หน้าตาเคร่งเครียด ตากลม ๆ มุ่งไปยังรุ่นพี่คนนั้น หยุดมองโดย ไม่มีเหตุผล   เพียงแค่ว่าขอมองไว้ก่อนแล้วกัน แต่คงจะนาน เพราะไม่กี่นาทีต่อมาอี้เฟิงก็ได้ยินเสียงใครเรียกชื่อตัวเอง เขารู้สึกตัวทันที และคนเรียกก็คือคนที่เขาเผลอมองอย่างไม่มีเหตุผลคนเมื่อครู่





"น้องอี้เฟิง!"





เอ้า....




เพราะดันหยุดนานเกินไป จะวิ่งหนีก็ไม่ทัน รุ่นพี่หยางหยางเดินยิ้มหน้าบานมาจากไกล ๆ โน่นเลย อี้เฟิงเบะปากใส่หนึ่งครั้งถ้วนก่อนก้มหัวสวัสดีรุ่นพี่อย่างที่ควรทำ

"สวัสดีครับ..เอ่อ..หยางเกอ"
“ครับ ว่าแต่นี่..มารอพี่กลับพร้อมกันหรอ ? "
"เปล่าเหอะ ผมแค่ผ่านมาก็เห็นว่าเย็นย่ำขนาดนี้ ใครกันที่อยู่ในโรงยิมอยู่อีก"
"ก็ซ้อมต่อนิดหน่อยน่ะครับ"

หยางหยางยิ้มรับรุ่นน้องคนน่ารักที่เขาทันเห็นก่อนที่อีกคนจะเดินหนีไป เขาจึงตะโกนเรียกไว้ทัน อี้เฟิงดูเขิน ๆ นิดหน่อย แต่โชคดีที่อี้เฟิงยังไม่เดินหนีเขาไป แบบนี้หยางหยางอาจใช้ข้ออ้างให้ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเป็นกำไรวันนี้

จากที่เขาคิดว่าวันนี้ซ้อมเสร็จแล้วก็จะเอาส่วยขนมอร่อย ๆ ไปส่งหน้าห้อง และคอยดูตอนน้องอี้เฟิงออกมาเล่นกีตาร์ริมระเบียงก็พอ วันนี้ก็เป็นวันโชคดีและบังเอิญของหยางหยางอีกวัน



"หยางเกอเลิกยิ้มได้แล้ว"
"เกอมีความสุขก็ต้องยิ้มสิ"


อี้เฟิงส่ายหัว ขมวดคิ้วไม่เข้าใจจะมีความสุขอะไรหนักหนา เขามองหน้ารุ่นพี่ที่ยังคงยิ้มอยู่ตรงหน้าก่อนไล่เรียงถามจะนอนที่นี่หรือคอยปิดโรงยิมให้มหาลัยหรือ ? หยางหยางจึงบอกให้เขารอตรงนี้ซักครู่และเข้าไปในโรงยิมเพื่อเก็บข้าวของนิดหน่อย


เขามองตามรุ่นพี่ที่เพิ่งเดินเข้าไปในโรงยิม ท่าทางอารมณืจนน่าหมั่นไส้

“ฮึ “

ยังจำได้หรอกหน่า ว่ารุ่นพี่คนนี้ถึงจะดูแปลก ๆ ไปหน่อย แต่ก็เป็นคนใจดีกับเขาคนหนึ่ง ล่าสุดก็คือบนรถบัสที่อี้เฟิงหลับไปก่อนระหว่างทางกลับหอพัก รุ่นพี่หยางหยางกลัวเขาจะหัวปูดไปเสียก่อน จึงเอามือในรองหัวเขาอี้เฟิงแทนหมอนให้ รถบัสที่ส่ายไปมาตลอดทางอาจจะทำให้หัวเขาปูดโนไปหลายวันแต่เมื่อรุ่นพี่หยิบยื่นความใจดีนั่นให้  พอเขาตื่นมาเห็นมือแกร่งข้างนั้น ตอนนี้ที่รุ่นพี่ก็หลับยังหลับอยู่ เขาจึงมีโอกาสขอบคุณแบบไม่ให้อีกคนรู้ตัวและใส่ลูกอมจำนวนหนึ่งขอบคุณรุ่นพี่ไว้ในกระเป๋าและปลุกเขากลับหอพักไปด้วยกัน



หลังนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว นอกจากความรู้สึกของอี้เฟิงที่เริ่มด้วยจังหวะและระดับที่เปลี่ยนไป

ต่อรุ่นพี่คนนี้น่ะนะ






แบบนี้ก็จะไม่เดินหนีไปซะก่อนก็ได้ รอเดินกลับหอพร้อมกันอีกซักวัน





ปกติแล้ว หลี่อี้เฟิงไม่ค่อยอยากยุ่งกับคนแปลก ๆ
แต่ตอนนี้เขากำลังเริมทำข้อยกเว้นนี้ให้กับหยางหยางซะแล้ว











"กลับหอพักกันเถอะครับ"





พอเก็บข้าวของเสร็จ หยางหยางก็รีบสาวเท้าเดินแทบวิ่งตรงมาหา กลัวอี้เฟิงจะหนีกลับเสียก่อน  พอได้เดินไปด้วยกันเเล้ว  ชะลอเท้าเดินช้าลง เพื่อให้ตัวเขาเองได้เคียงไหล่กับอี้เฟิงไประหว่างการเดินทางกลับที่พัก



แค่นี้ล่ะ พอแล้ว เขาคิดว่าเขามาได้ไกลเหลือเกิน


หยางหยางเสมองไปด้านข้าง เดินกับเขาไม่ทันไรก็หยิบมือถือตัวเองมาเล่นเกมส์เสียแล้ว เป็นนักดนตรีแถมยังติดเกมส์เสียอีก เขามองเห็นใบหน้าน่ารักนั้นจากด้านข้างก็ยังน่ารักอยู่ดี  ใบหน้านั้นกำลังตั้งใจ  ก้มกดโทรศัพท์ยุกยิก ไปพร้อมกับการก้าวเดินตามจังหวะไปพร้อมกับกับเขา

 เด็กคนนี้พอเห็นว่ามีคนเดินไปด้วยเลย ไม่ดูทางหรืออย่างไร แต่เห็นเขาสนุกกับเกมส์ในมือถือก็ยังไม่อยากขัด


“อี้เฟิง เก็บมือถือก่อน เดี๋ยวถึงห้องก็ค่อยเล่น”
“แป๊บนึง หยางเกอ อีกด่านเดียว”

พอได้ยินอีกคนเรียกหยางเกอ หยางหยางคนนี้ก็ใจอ่อนกับเสียงเรียกหวานน่ารักนั่นแล้ว เอาเป็นว่าเขาจะดูแลเป็นบอดี้การ์ดให้คนน่ารักที่เดินอยู่ข้าง ๆ ก็ลั่นวาจาไปขนาดนั้นแล้ว เขาก็จะทำหน้าที่อย่างดีอย่างที่เคยบอกไว้ว่าจะต้องดูแลคนนี้



เรื่องตามดูแลคนเขาถนัด ที่เรียนเทควันโด้มาตั้งนานก็ เพื่อสิ่งนี้ ดูแลครอบครัว เพื่อน ๆ และคนที่รัก น้องอี้เฟิงอยู่ในนิยามคำที่สาม คำสุดท้ายที่หยางหยางบอกไปเมื่อครู่นี้


คนน่ารักที่เป็นคนที่รัก





“ด่านนี้ยากจังแฮะ” รุ่นพี่ได้ยินเสียงบ่น ๆ มาจากข้าง ๆ  ข้ามไหล่มา คนน่ารักที่กำลังยุ่งกับบอสในเกมส์มือถือ อี้เฟิงกดยุกยิก  ๆ และตั้งใจมากขึ้นเรื่อย ๆ โชคดีที่ก่อนหน้านี้ หยางหยางรับกีตาร์บนหลังของอี้เฟิงมาดูแลแทน แม้อีกคนจะดื้อดึงบอกว่านี่ลูกรักถือเองได้ แต่หยางหยางก็ตื้อจนอีกฝ่ายต้องยอม และสุดท้าย หยางหยางก็ไม่อยากดุอะไรรุ่นน้องจึงทำน่าหน้าที่บอดี้การ์ดดูแลคุณหนูคนนี้ไปตลอดทางกลับ


“โอ๊ย เจ้าบอสนี่ตาย ๆ ไปซักที” หยางหยางอมยิ้มขำพลางมองทางข้างหน้า อีกคนบ่นให้ฟังเป็นระยะตลอดทางเดินกลับ ก่อนหน้านี้อี้เฟิงที่ก้มเล่นบ้างดูทางบ้าง ก็ยังดีที่มีเขาอยู่ไม่เป็นอันตราย
“ดูทางหน่อยอี้เฟิง เดี๋ยวจะสะดุดล้ม”
“ไหนบอกจะมาเป็นบอดี้การ์ดผมไง ผมติดพันมากเลย ฝากด้วยนะคุณบอดี้การ์ด”


คนเป็นรุ่นพี่หัวเราะร่วนยกมือเขกหัวอีกคนไปหนึ่งครั้งถ้วนจนต้องร้องโอดออกมา บอกว่าถ้าวันไหนเขาไม่อยู่จะเดินแบบนี้ไม่ได้นะ อี้เฟิงทำหน้ายุ่งใส่แล้วก็บอกตามที่คิด

“หยางเกอจะโดดงานเหรอ”
“เผื่อวันไหนพี่ไม่ว่างมาส่งอี้เฟิงไง”
“ก็ได้ ผมจะให้เพื่อนผมเดินมาเป็นเพื่อน ไม่เห็นต้องง้อเลย”
“ แต่ถึงร่างกายเกอไม่มา แต่หัวใจยังมาตามดูแลนะ ยังไงก็ขอเบอร์ไว้ด้วยจะไดตามดูแลสะดวกและปลอดภัยไง”

อี้เฟิงเห็นรุ่นพี่ตบมุขเข้าขอเบอร์กันง่าย ๆ ก็นึกขำ แต่เขาก็ให้ไป ไหน ๆก็เป็นเพื่อนบ้านข้างห้องกันด้วย เผื่อมีเหตุฉุกเฉินก็จะได้ติดต่อกันได้ ดีเหมือนกันเผื่อป้าข้างห้องด่าเขาเรื่องเล่นกีตาร์ ท่าทางป้าเขาจะชอบคนหล่อ ๆเอารุ่นพี่หยางหยางไปสู้น่าจะชนะใส ๆ

“และทีนี้ก็เก็บมือถือได้แล้ว ตอนนี้เริ่มมืด ระวังตัวเองไว้ก่อนก็ดีนะครับ ถึงเกอจะดูแลอี้เฟิงอยู่ก็ตามเถอะ”
“คร๊าบ ๆ ดุจริง รุ่นพี่หรือพ่อ”
“อี้เฟิง”
“โอเค ๆ เก็บก็ได้”
“อุบัติเหตุมันเกิดโดยที่เราไม่คาดฝันนะ”
“คร๊าบ ๆ อย่าดุกันเลย ผมไม่ใช่เด็กในชมรมเกอนะ”


อี้เฟิงหมดคำจะเถียงกับรุ่นพี่ข้างๆ กาย เขาเป็นห่วงอี้เฟิงก็รู้แต่มันติดพันจริง ๆ เขายอมแพ้รุ่นพี่เพราะเดี๋ยวจะโดนดุไปตลอดทางกลับ เขาจึงเก็บมือถือลงกระเป๋าไป ก็ไม่รู้ทำไมต้องเชื่อ แต่ก็คิดไปก็จริง อุบัติเหตุมันก็เกิดได้ทุกเวลา






“ขอทางหน่อย !



อุบัติเหตุมาอย่างไม่คาดฝัน  เพราะจู่ ๆ ก็มีเด็กมัธยมที่ปั่นรถจักรยานมาด้วยความเร็วสูง ตะโกนเรียกขอทาง แต่ระยะที่ตะโกนนั้นไม่ห่างจากทั้งคู่เท่าไหร่เลย อี้เฟิงจับสายตาดูระยะทาง กำลังคิดว่าจะไปทางไหนถึงจะไม่เจ็บตัว แต่ในขณะกำลังคิดหยางหยางที่คล่องตัวและไวกว่าคว้าตัวเขาไปแล้วและพาหลบเขาข้างทางทัน จนรถจักรยานคันนั้นปั่นเร็วและจากไปไกลแล้ว


“โอ๊ย เจ้าเด็กคนนั้นปั่นจักรยานไม่ดูคนเลย”
“เป็นอะไรมั้ย อี้เฟิง”
“ไม่ ๆ ผมโอเค”

พอลองมองตัวเองในตอนนี้ พบว่าตัวเองถูกกอดจากด้านหลัง อยู่ในวงแขนของรุ่นพี่  โอบกอดช่วงเอวของอี้เฟิง  กระชับแน่นเหมือนกลัวว่าอี้เฟิงจะหายไป อีกข้างหนึ่ง หยางหยางใช้ยันกำแพงข้าง ๆ ถนนไว้ เพื่อไม่ให้ตัวเองและกีตาร์ที่สะพายอยู่ด้านหลังไปกระแทกกำแพงเข้าเต็มแรงเหวี่ยง ใบหน้าของหยางหยางเกยอยู่ตรงไหล่ ใกล้ ๆ ช่วงลำคอระหงส์ของอี้เฟิง จนคนที่ถูกกอดได้ยินเสียงหายใจรุ่นพี่ใกล้ ๆที่แทบจะเป็นจังหวะเดียวกันกับเขา


“หยางเกอ รถจักรยานปั่นไปไกลแล้ว”
“ครับ แต่อี้เฟิงไม่เป็นอะไรนะ”
“อือ แต่พี่จะกอดผมแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”
“ว้า นึกว่าจะเคลิ้ม  ไม่อยากปล่อยเลยนะเนี่ย”


ว่าแล้ว... อี้เฟิงกระแทกศอกใส่รุ่นพี่เบา ๆ ไปอีกหนึ่งครั้งถ้วน ไม่ใช่เพราะความเผลอ แต่เจ้ารุ่นพี่คนนี้เจ้าเล่ห์จริง ๆ จนพอถูกปล่อยเป็นอิสระจากวงแขนนั้น อี้เฟิงก็ถอนหายใจและแถมค้อนใส่ให้รุ่นพี่คนหล่อไป

“หยางเกอ มือพี่..”

 อี้เฟิงสายตาไว ไปเห็นมือหยางหยางข้างที่ไม่ได้กอดเขาไว้มีแผลเลือดออก อาจจะเพราะไปยันเข้ากับกำแพงและเสียดสีจนเป็นแผล เขารีบรุดเข้าไปดูอาการแต่รุ่นพี่เบี่ยยงมือหลบจนเขาต้องตีหน้าดุใส่บ้าง


“เดี๋ยวไปทำแผลกัน ที่ห้องผม”
“แผลแค่นี้ไม่เป็นไร”
“ต้องทำแผลนะ!
“จะชวนผู้ชายเข้าห้องหรอ”
“ผมก็ผู้ชาย ”
“แต่พี่เป็นผู้ชายที่ชอบอี้เฟิงนะ...”


โอโห... อี้เฟิงร้องในใจ เมื่อไหร่จะเลิกจู่โจมแบบนี่เสียที อี้เฟิงไม่อยากหลงคารมอะไรเขาเลย   ไม่รู้มาทีเล่นทีจริง หรือมาไม้ไหน

“ขอโทษ..คิดเสียว่าหยางกเอคนนี้ไม่ได้พูดแล้วกัน”


อี้เฟิงมองใบหน้านั้นเพียงครู่เดียวแล้ว ต่างคนก็เสหลบกันไป


อี้เฟิงไม่ใช่คนที่คิดต่าง และไม่ใช่คนยึดติด รักใครชอบใครให้หัวใจเขาไปเลย จะเป็นอะไรบนโลกก็ได้หมด เขาจะรักปลาทองในตู้หรือ น้องแมวแถวไหน ถ้ามีใจให้ หลี่อี้เฟิงก็ไม่เคยปฏิเสธความรู้สึกตัวเอง และ ณ ที่นี้ ไม่ใช่น้องแมวหรือปลาทองแต่เป็นรุ่นพี่นิสัยหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ที่อี้เฟิงคิดว่าซักวันเขาอาจจะจำเผลอให้ใจเขาไปก็ได้


ตอนนี้อี้เฟิงจะพยายามฉุดรั้งตัวเองไม่ให้หลงรักคน ๆ นี้ก่อนแล้วกัน



แต่อีกฝ่ายรุกมาหนักเหลือเกิน อี้เฟิงเองก็ไม่รู้ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมให้เขาเข้ามายุ่งย่ามกับชีวิตเขาได้ง่าย ๆ แบบนี้
อันนี้อี้เฟิงจะต้องแก้ปริศนานี้ไปพร้อมกับศึกษาคน ๆ นี้ต่อ  อาจจะรู้ว่าในที่สุดแล้ว ความรู้สึกของหลี่อี้เฟิงคืออะไร แค่อยากรู้ว่าเขาคิดอย่างหรือรักเขาไปแล้ว


“น้องอี้เฟิงจะด่าเกอมาบ้างก็ได้นะ อย่าเงียบไปแบบนี้”
“ด่าทำไมล่ะ คนเขาบอกชอบผมก็ดีใจ เกอชอบผม เพราะผมเป็นรุ่นน้องที่ดีที่อยู่ข้างห้อง”

อี้เฟิงตอบกลับไปพาซื่อ พลางดูแผลที่มือของหยางหยางไปด้วย อี้เฟิงควานหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงและเมื่อเจอ อี้เฟิงจัดการเอามันพันไว้ที่แผลไปแก้ขัดก่อนที่แผลนี้จะได้รับการรักษาทำแผลอย่างถูกวิธี


“อี้เฟิงเข้าใจคำว่าชอบของเกอจริง ๆ ใช่มั้ย”

คนถูกถามไม่ตอบ แต่เสเบี่ยงไปอีกทาง และปล่อยมือของหยางหยางลงเมื่อพันผ้าเช็ดหน้าคลุมแผลนั้นเสร็จเรียบร้อย ถอยห่างหยางหยางไป

“ไม่รู้สิ”


หยางหยางมองรุ่นน้องที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เขาแน่ใจว่าอีกคนเข้าใจ แต่ไม่ทำเป็นรับรู้  หรือวิธีการของหยางหยางอาจจะไม่เป็นที่พอใจกับอีกฝ่าย





“ผมเข้าใกล้คุณเกิน มากไปรึเปล่า”





อี้เฟิงหันควับกลับมา รุ่นพี่เปลี่ยนสรรพนามกลับไปเหมือนเมื่อตอนแรกเจอ อี้เฟิงเข้าใจว่า ใกล้เกินไปนั่นหมายถึงอะไร รุ่นพี่คนนี้สื่อถึงอะไร  แต่เขาแปลกใจ แล้วจะเปลี่ยนสรรพนามให้ดูไกลกันเกินไปทำไม แต่รุ่นพี่จริงจัง ตีหน้าค่อนไปทางดุ


อี้เฟิงเม้มปากคิด ขมวดคิ้วดูยุ่ง และให้คำตอบที่ตรงตามหัวใจ

“ตอนนี้ไกลเกินไป


 หยางหยางพอเดาออกว่าเมื่อเขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกแล้ว อี้เฟิงดูไม่พอใจเล็กน้อย เหมือนเขาไปประชดประชันให้น้องมันหงุดหงิด

“แล้วถ้าเป็นระยะนี้ ได้มั้ยครับ หยางเกอคนนี้แค่อยากมองอี้เฟิงให้ชัดเจนด้วยสายตา เพียงเท่านั้น”


พอเปลี่ยนกลับมาเป็นสรรพนามที่ใกล้ชิดอย่างที่เคยขออี้เฟิงให้เรียกกัน รุ่นน้องคนนี้จึงดูผ่อนคลายลงแล้ว  เขาใช้ทริคเล่นกับหัวใจของรุ่นน้องนิดหน่อย แต่ความจริงใจและความรักของหยางหยางเป็นของจริง

เขาอยู่ในระยะไม่ใกล้มากและไม่ไกลเกิน  อี้เฟิงสบตาของกลับมา  และเป็นแววตาที่พร้อมจะตอบคำถามและ อยากตั้งคำถามกับเขาอีก แต่จะแบบไหนก็เป็นแววตาที่มาจากดวงตาน่ารักสดใส เขาพร้อมที่จะสบตาได้ตราบนานเท่านาน

“ระยะนี้ก็ได้ กำลังดี ไม่ใกล้เกินไปไม่ไกลเกินไป หยางเกอมองเห็นผมชัดเจนดีมั้ย”
“สายตาของเกอปกติ ระยะนี้กำลังใช้ได้ครับ”


หยางหยางตอบกลับไปเขายิ้มเพื่อให้ทั้งคู่ต่างผ่อนคลาย อี้เฟิงคนน่ารักของเขาก็ยิ้มน่ารักแบบที่เขาเป็นส่งตอบกลับมาให้ นั่นทำให้หยางหยางเบาใจขึ้น

“ให้ผมได้ศึกษาหยางเกอมากกว่านี้ซักนิด ถ้าผ่านด่านได้ ก็ไว้ค่อยมาเจอบอสแบบผม  ในระยะใกล้ ๆ นะ ตัวต่อตัวไปเลย“
“แบบนั้นก็ได้ครับ”

หยางหยางยิ้มกับประโยคน่ารักน่าฃังนั้น และตั้งคำถามต่อ

“แล้วระยะแค่ไหนที่เกอจะใกล้อี้เฟิงได้มากที่สุดล่ะ”


อี้เฟิงยิ้มกว้างมากขึ้น ผู้ชายคนนี้เปลี่ยนแววตาเป็นอีกแบบไม่ใช่ที่เล่นทีจริงแบบเมื่อครู่แล้ว แววตานี้เอาจริง มามาดเท่เต็มตัว อี้เฟิงก็ไม่ได้ไร้เดียงสาที่จะไม่รู้ว่าคน ๆ นี้ตั้งใจจะมาจีบตัวเอง เขาไม่ได้เพิ่งเจอหยางหยางเป็นคนแรกเสียเมื่อไหร่ แต่สำหรับคนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ เขาไม่สนใจ ไม่มีใครทำให้เขารู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะได้

อ๊ะ ที่บอกว่าทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้ หยางเกอคนนี้เพิ่งทำให้เขารู้สึกแบบนั้นเมื่อไม่นานมานี้ ครั้งแรกคิดว่าเขาคิดไปเองตอนที่เห็นรุ่นพี่ใช้มือต่างหมอนรองให้เขานอนบนรถบัส แต่ล่าสุดคือโดนเขาโอบกอด


ทีนี้เข้าใจแล้วว่า หยางเกอทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะได้จริง ๆ


อี้เฟิงเงยหน้า หันไปสบตารุ่นพี่อีกที อย่างตั้งใจ เขาอีกฝ่ายเหมือนรอคำตอบจากเขาอยู่ ยิ้มรับอย่างอบอุ่น


อันนี้ก็เริ่มทำให้หัวใจอี้เฟิงเต้นผิดจังหวะได้อีกเหมือนกัน


“ระยะนี้... ระยะตอนนี้ล่ะครับ”


หืม ?


อี้เฟิงที่ก่อนหน้านี้สาวเท้าออกห่างจากหยางหยางไป กลับเดินเข้ามาให้รุ่นพี่ใจเต้น น้องอี้เฟิงจะยอมให้ได้แค่ไหน ให้ใกล้ได้ระยะเท่าไหร่ แต่ อย่างน้อยก็ลดระยะให้ ต่อแต้มให้เขาหน่อย



และเมื่ออี้เฟิงหยุดเดิน






อี้เฟิงก็ยกแขนข้างหนึ่งมาวัดตีกะระยะ จากตัวเองไปถึงหยางหยาง แล้วชี้ให้หยางหยางยืนหยุดกับที่ตรงนั้นแล้วบอก







“โอเค นี่ล่ะ หนึ่งช่วงแขน ”
“หนึ่งช่วงแขน ? “

เป็นความคิดและระยะที่น่ารักดีจริง ๆ หยางหยางคิดพลางโคลงหัวซ้ายขวา ดับอารมณ์ เขาแทบจะคลั่งตายกับความน่ารักนี้ ขยันทำอะไรให้เขาใจเต้นได้เหลือเกินหลี่อี้เฟิง


“ถือเป็นสมนาคุณ ให้เกอใกล้ผมที่สุดได้เท่านี้ สายตาหยางเกอปกติดีใช่มั้ยล่ะ ถ้าเป็นระยะนี้ ที่ผมยืนอยู่ต่อหน้าเกอ อย่าว่าแค่ใบหน้าผมเลย แววตาผมบอกอะไร หยางเกอก็คงเดาออกหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าเกอเข้าใกล้ผมมากกว่านี้โดยไม่มีเหตุผล ผมจะวิ่งหนี

 ประโยคถัดมาก็น่ารักอีกแล้ว หยางหยางคิดต่อ และพร้อมกับมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่ตั้งคำถามใส่รอคำตอบจากเขา แมวขี้สงสัย รุ่นพี่คนนี้ยิ้มกว้างออกมาและตอบรับ

 “ครับ หนึ่งช่วงแขนก็ได้ ว่าแต่..เกอน่ากลัวแบบนั้นเลยหรือ?”
“สายตาหมาป่าของเกอ ปิดผมไม่มิดหรอกนะ”


หยางหยางหัวเราะกับคำเปรียบเทียบของอี้เฟิง คนน่ารักเม้มปากแสดงท่าทางล้อเลียนเขา ทำตัวเป็นแมวระวังหมาป่าก่อนหัวเราะน้อย ๆ เสียงหวานนนั่นน่ารักจับหัวใจหยางหยางจนหลงแทบปีนหลุมรักนั่นขึ้นมาไม่ได้แล้ว





พอก่อนหลี่อี้เฟิง อย่าเพิ่งฆ่าหยางเกอกันตอนนี้เลย






“หยางเกอเลิกใช้สายตาแบบนั้นมองผมได้แล้ว”
“แบบไหนกัน”
“ยังไม่รู้ตัวอีก คุณหมาป่า”


พอจบคำหยางหยางกลับหัวเราะเสียงดังออกมา เขามีความสุขอย่างที่บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้  อีกฝ่ายมองเขาอย่างงง ๆ  รุ่นพี่จึงเลิกคิ้วล้อเลียนคืนไปบ้าง

“ระวังคุณหมาป่าคนนี้แล้วกัน”



พอเขาพูดจบ อี้เฟิงก็หันขวับกลับไปเดินเป็นแมวสงบเรียบร้อย แต่แก้มแดงขึ้นเรื่อย ๆ

สงสัยเผลอปล่อยสายตาแบบที่น้องเขาเรียกว่า หมาป่า ออกไปอีกล่ะมั้ง













เมื่อเห็นว่าท้องฟ้ามืดลงเต็มที หยางหยางมองดูทางและชวนอี้เฟิงเดินกลับหอพักกันก่อนที่จะดึกไปกว่านี้  ระหว่างทางกลับ ในระยะหนึ่งช่วงแขน  ที่จริงดูเหมือนห่างกันไปหน่อย ทั้งที่เขาอยากเดินชนไหล่กับน้องคนน่ารักแท้ ๆ



แต่ตอนนี้เทียบกับก่อนหน้าที่อี้เฟิงมีความรู้สึกระแวงและไม่แน่ใจกับเขาแต่อยู่ในระยะใกล้   กับระยะหนึ่งช่วงแขนนี้  ที่ หยางหยางเห็นอีกคนแก้มแดงน่ารัก แถมตอนนี้ไม่ก้มเล่นเกมส์แล้วด้วย หันมามองเขาบ้างเป็นบางครั้ง เหมือนว่าจะเช็คระยะว่าใกล้เกินไป หรือไกลเกินไปหรือเปล่า



ระยะตอนนี้ดีกว่าก่อนหน้า  ดีว่า คำว่า”กำลังดี” แต่เป็นระยะ “ที่น่ารัก” ที่อี้เฟิงยอมให้หยางหยางเข้าใกล้ได้มากที่สุด




“หยางเกอ เกินช่วงแขนหนึ่งของผมไปแล้ว ขยับเข้ามา อ๊ะ ไม่ ๆ นี่ก็ใกล้ไป “

เขาขยับตามใจคนพูด อีกคนที่พูดจริงจังตีหน้าดุ แต่แอบอมยิ้ม แถมยังดูเขิน ๆ หยางหยางก็ก้าวตามที่เขาว่าไป จนพอใจก็หยุดที่ระยะนั้นและเดินไปพร้อม ๆกัน



“โอเค ระยะที่ล่ะ เดินต่อได้”

แก้มใส ๆ ก็ยังคงแดงระเรื่อ อยู่แบบนั้น ต้องขอบคุณแสงไฟข้างทางที่ทำให้เขามองเห็น รุ่นพี่คนนี้มั่นใจว่าอี้เฟิงกำลังเขินอยู่ และเขาเองก็เช่นกัน  กลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ นี่มันประสบความสำเร็จที่สุด


“โอย หยางเกอ นี่ผมกำลังเล่นอะไรอยู่เนี่ย”

พอพูดจบก็หัวเราะร่วนออกมา หยางหยางส่ายหัวไปมา แค่เสียงหัวเราะของอีกคนก็ทำให้เขาใจเต้นได้


นี่มันหลงเขาสุด ๆ ไปเลยนี่ หยางหยาง  เล่นเอาหัวใจแทบหยุดเต้น เป็นคนที่น่ารักอะไรเช่นนี้




ไว้ใกล้ได้มากกว่าหนึ่งช่วงแขน เขาจะขอกอด แบบก่อนนี้อีกทีให้ชื่นใจ



















พอหยางหยางกลับไปถึงห้อง คืนกีตาร์และส่งรุ่นน้องคนน่ารักเสร็จสรรพถึงหน้าห้อง เขาไม่ยอมเข้าห้องรุ่นน้องไปตามคำชวน แค่นี้ก่อน เขาพอแล้ว ถ้ามากกว่านี้ หยางหยางกลัวว่าตัวเองจะเผลอเข้าใกล้และทำลายระยะที่เหมาะสมในเวลานี้ ก่อนจากกันในวันนี้ เขาแค่พูดทิ้งท้ายไว้

“เราสนิทกันแล้ว มากกว่าเมื่อก่อน ระยะก็ใกล้กันมากกว่าเดิม รอให้สนิทกว่านี้ ใกล้กันกว่านี้ ...”


มีอีกนิดแต่หยางหยางยั้งคำไว้ อี้เฟิงทำตาโตเริมอยากรู้ เขายิ้มให้กับท่าทางนั้น

“ไว้ใกล้กันกว่านี้..เกอมี ประโยคหนึ่งที่อยากจะพูดให้ฟังโปรดรอฟังด้วยนะครับ ”


อี้เฟิงไม่แสดงออกอะไรไปมากกว่าส่งยิ้มให้ และมีแววตาก็ยังคงอยากรู้เหมือนเดิม หยางหยางก้มหน้าหลบสายตานั้น เพราะคงจะไม่พ้น บอกออกไปก่อนเวลา แบบนั้นคงไม่ดี ใจอีกคนคงยังไม่พร้อม























“หืม ?”



หยางหยางที่กลับถึงห้องไม่นาน เขาได้รับเมสเสจจากอี้เฟิง จำได้ว่าเราเพิ่งจะแลกเบอร์กัน เขาเปิดข้อความรอให้โหลดมาเต็ม ๆ อย่างตื่นเต้น


เป็นเพลงเพลงหนึ่ง ของวงแบนด์เกาหลีที่เขาเห็นอยู่ในโซเชี่ยลมีเดียจีน เขารู้จักบ้าง และเคยเห็นเพลงผ่านตาไม่น้อย แต่เพลงนี้เขายังไม่เคยฟัง และมีข้อความถัดมาจากคนน่ารักคนเดิม  


“เพลงนี้น่าจะเข้ากับหยางเกอดีนะ ลองหาความหมายดู”


“อืม”
หยางหยางจึงลองเปิดและหาความมหมายเพลงนี้



และเมื่ออ่านแล้วก็เข้าใจอย่างลึกซึ้ง


..เด็กคนนี้เข้าใจส่งมาให้จริง ๆ เป็นเพลงที่เข้ากับความสัมพันธ์ของเราสองคนตอนนี้ได้ดีทีเดียว



หยางหยางยิ้มออกมา ไม่มีคนเห็นแล้ว ยิ้มนี้จึงเปิดเผยความรู้สึกของเขาที่อดกลั้นทำเป็นเท่ต่อหน้ารุ่นน้องที่รักไว้นานสองนาน






ให้ตายเถอะ....



คิดว่า น้องอี้เฟิงคงจะพอรู้แล้วล่ะว่า ประโยคหนึ่งที่อยากจะพูดให้ฟังประโยคนั้นคืออะไร




ที่จริงมันง่ายนิดเดียว






“ไว้จะซ้อมบอกรักไว้ก่อน รอเกอคนนี้ด้วยล่ะ อี้เฟิง”











.........................................................................................TBC5




TALK ::  มากันถึง สี่ตอนแล้ว ไม่อยากจะเชื่อ 5555 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น