[FIC] OURSONG ~我們的歌 -- หยางเฟิง / เพลงที่ 4
Pairing :: หยางหยาง x หลี่อี้เฟิง
Rating :: PG
Tell :: เปิดเพลงตอนอ่านด้วยเนอะ
เพลงที่อยากให้ฟังตอนอ่าน ::
Jung Yong Hwa
For First-Time Lovers
처음 사랑하는 연들을 위해 (반말송)
"คะ...
โครต บังเอิญ"
อี้เฟิงสาวเท้าพาตัวเองเดินผ่านโรงยิมชมรมเทควันโด้ก็เจอกับรุ่นพี่ช่างตื้อคนหล่อคนนั้น
...หยางหยาง
อะไรจะบังเอิญขนาดนี้
จริง
ๆ เเล้วทางที่กำลังใช้กลับอยู่นี่ไม่ใช่ทางปกติ
แต่เพราะวันนี้เขามีงานจ้างที่ทางชมรมฟุตบอลให้มาเปิดคอนเสิร์ตเพื่อผ่อนคลายให้คนในชมรม
เงินดีเสียด้วย เพื่อน ๆ เเละอี้เฟิงจึงไม่ปฏิเสธ
แถมยังมีเพื่อนในชมรมนั้นอีกก็ได้ไปสนุกกับเพื่อน ๆ เพิ่มไปสองเท่า
หลังเลิกเรียนเขากับเพื่อน ๆ จึงตรงมายังชมรมฟุตบอล แต่ขามาก็ไม่ได้สังเกตอะไรเพราะรีบ
แต่ขากลับ เขากลับมาคนเดียวแล้ว เพราะเพื่อน ๆ ยังอยู่สนุกต่อ
แต่เพราะเขามีรายงานเล่มใหญ่ยังไม่ได้เคลียร์มิชชั่นเลยซักหน้า
ก็เพราะดันตกวิชาพื้นฐานไปซะได้
คะแนนสอบเขาไม่พอก็ต้องซ่อมโดยทำรายงานเล่มหนึ่งส่ง อี้เฟิงจึงต้องขอตัวกลับบ้านอย่างเสียไม่ได้
แต่พอดูเวลามันก็เย็นย่ำค่ำแล้วก็ไม่ได้เร็วไม่ช้าเกินไปที่เขาจะกลับ
พอผ่านกลับมาคนเดียวก็ได้เดินช้า
ๆ ดูอะไรตามทางไปเรื่อย และก็ผ่านชมรมเทควันโด้นี้ ก็เจอเข้ากับรุ่นพี่คนนั้น เขายังมองไม่เห็นอี้เฟิง
แต่อี้เฟิงมองเห็นซ้อมเทควันโด้ในชมรมอยู่คนเดียว หน้าตาเคร่งเครียด ตากลม ๆ มุ่งไปยังรุ่นพี่คนนั้น
หยุดมองโดย ไม่มีเหตุผล เพียงแค่ว่าขอมองไว้ก่อนแล้วกัน แต่คงจะนาน
เพราะไม่กี่นาทีต่อมาอี้เฟิงก็ได้ยินเสียงใครเรียกชื่อตัวเอง เขารู้สึกตัวทันที
และคนเรียกก็คือคนที่เขาเผลอมองอย่างไม่มีเหตุผลคนเมื่อครู่
"น้องอี้เฟิง!"
เอ้า....
เพราะดันหยุดนานเกินไป
จะวิ่งหนีก็ไม่ทัน รุ่นพี่หยางหยางเดินยิ้มหน้าบานมาจากไกล ๆ โน่นเลย
อี้เฟิงเบะปากใส่หนึ่งครั้งถ้วนก่อนก้มหัวสวัสดีรุ่นพี่อย่างที่ควรทำ
"สวัสดีครับ..เอ่อ..หยางเกอ"
“ครับ
ว่าแต่นี่..มารอพี่กลับพร้อมกันหรอ ? "
"เปล่าเหอะ
ผมแค่ผ่านมาก็เห็นว่าเย็นย่ำขนาดนี้ ใครกันที่อยู่ในโรงยิมอยู่อีก"
"ก็ซ้อมต่อนิดหน่อยน่ะครับ"
หยางหยางยิ้มรับรุ่นน้องคนน่ารักที่เขาทันเห็นก่อนที่อีกคนจะเดินหนีไป
เขาจึงตะโกนเรียกไว้ทัน อี้เฟิงดูเขิน ๆ นิดหน่อย แต่โชคดีที่อี้เฟิงยังไม่เดินหนีเขาไป
แบบนี้หยางหยางอาจใช้ข้ออ้างให้ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเป็นกำไรวันนี้
จากที่เขาคิดว่าวันนี้ซ้อมเสร็จแล้วก็จะเอาส่วยขนมอร่อย
ๆ ไปส่งหน้าห้อง และคอยดูตอนน้องอี้เฟิงออกมาเล่นกีตาร์ริมระเบียงก็พอ
วันนี้ก็เป็นวันโชคดีและบังเอิญของหยางหยางอีกวัน
"หยางเกอเลิกยิ้มได้แล้ว"
"เกอมีความสุขก็ต้องยิ้มสิ"
อี้เฟิงส่ายหัว
ขมวดคิ้วไม่เข้าใจจะมีความสุขอะไรหนักหนา
เขามองหน้ารุ่นพี่ที่ยังคงยิ้มอยู่ตรงหน้าก่อนไล่เรียงถามจะนอนที่นี่หรือคอยปิดโรงยิมให้มหาลัยหรือ
? หยางหยางจึงบอกให้เขารอตรงนี้ซักครู่และเข้าไปในโรงยิมเพื่อเก็บข้าวของนิดหน่อย
เขามองตามรุ่นพี่ที่เพิ่งเดินเข้าไปในโรงยิม
ท่าทางอารมณืจนน่าหมั่นไส้
“ฮึ “
ยังจำได้หรอกหน่า
ว่ารุ่นพี่คนนี้ถึงจะดูแปลก ๆ ไปหน่อย แต่ก็เป็นคนใจดีกับเขาคนหนึ่ง
ล่าสุดก็คือบนรถบัสที่อี้เฟิงหลับไปก่อนระหว่างทางกลับหอพัก รุ่นพี่หยางหยางกลัวเขาจะหัวปูดไปเสียก่อน
จึงเอามือในรองหัวเขาอี้เฟิงแทนหมอนให้
รถบัสที่ส่ายไปมาตลอดทางอาจจะทำให้หัวเขาปูดโนไปหลายวันแต่เมื่อรุ่นพี่หยิบยื่นความใจดีนั่นให้ พอเขาตื่นมาเห็นมือแกร่งข้างนั้น
ตอนนี้ที่รุ่นพี่ก็หลับยังหลับอยู่ เขาจึงมีโอกาสขอบคุณแบบไม่ให้อีกคนรู้ตัวและใส่ลูกอมจำนวนหนึ่งขอบคุณรุ่นพี่ไว้ในกระเป๋าและปลุกเขากลับหอพักไปด้วยกัน
หลังนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว
นอกจากความรู้สึกของอี้เฟิงที่เริ่มด้วยจังหวะและระดับที่เปลี่ยนไป
ต่อรุ่นพี่คนนี้น่ะนะ
แบบนี้ก็จะไม่เดินหนีไปซะก่อนก็ได้
รอเดินกลับหอพร้อมกันอีกซักวัน
ปกติแล้ว
หลี่อี้เฟิงไม่ค่อยอยากยุ่งกับคนแปลก ๆ
แต่ตอนนี้เขากำลังเริมทำข้อยกเว้นนี้ให้กับหยางหยางซะแล้ว
"กลับหอพักกันเถอะครับ"
พอเก็บข้าวของเสร็จ
หยางหยางก็รีบสาวเท้าเดินแทบวิ่งตรงมาหา กลัวอี้เฟิงจะหนีกลับเสียก่อน พอได้เดินไปด้วยกันเเล้ว ชะลอเท้าเดินช้าลง
เพื่อให้ตัวเขาเองได้เคียงไหล่กับอี้เฟิงไประหว่างการเดินทางกลับที่พัก
แค่นี้ล่ะ
พอแล้ว เขาคิดว่าเขามาได้ไกลเหลือเกิน
หยางหยางเสมองไปด้านข้าง เดินกับเขาไม่ทันไรก็หยิบมือถือตัวเองมาเล่นเกมส์เสียแล้ว
เป็นนักดนตรีแถมยังติดเกมส์เสียอีก เขามองเห็นใบหน้าน่ารักนั้นจากด้านข้างก็ยังน่ารักอยู่ดี ใบหน้านั้นกำลังตั้งใจ ก้มกดโทรศัพท์ยุกยิก
ไปพร้อมกับการก้าวเดินตามจังหวะไปพร้อมกับกับเขา
เด็กคนนี้พอเห็นว่ามีคนเดินไปด้วยเลย
ไม่ดูทางหรืออย่างไร แต่เห็นเขาสนุกกับเกมส์ในมือถือก็ยังไม่อยากขัด
“อี้เฟิง
เก็บมือถือก่อน เดี๋ยวถึงห้องก็ค่อยเล่น”
“แป๊บนึง หยางเกอ
อีกด่านเดียว”
พอได้ยินอีกคนเรียกหยางเกอ
หยางหยางคนนี้ก็ใจอ่อนกับเสียงเรียกหวานน่ารักนั่นแล้ว
เอาเป็นว่าเขาจะดูแลเป็นบอดี้การ์ดให้คนน่ารักที่เดินอยู่ข้าง ๆ
ก็ลั่นวาจาไปขนาดนั้นแล้ว
เขาก็จะทำหน้าที่อย่างดีอย่างที่เคยบอกไว้ว่าจะต้องดูแลคนนี้
เรื่องตามดูแลคนเขาถนัด
ที่เรียนเทควันโด้มาตั้งนานก็ เพื่อสิ่งนี้ ดูแลครอบครัว เพื่อน ๆ และคนที่รัก
น้องอี้เฟิงอยู่ในนิยามคำที่สาม คำสุดท้ายที่หยางหยางบอกไปเมื่อครู่นี้
คนน่ารักที่เป็นคนที่รัก
“ด่านนี้ยากจังแฮะ”
รุ่นพี่ได้ยินเสียงบ่น ๆ มาจากข้าง ๆ
ข้ามไหล่มา คนน่ารักที่กำลังยุ่งกับบอสในเกมส์มือถือ อี้เฟิงกดยุกยิก ๆ และตั้งใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
โชคดีที่ก่อนหน้านี้ หยางหยางรับกีตาร์บนหลังของอี้เฟิงมาดูแลแทน
แม้อีกคนจะดื้อดึงบอกว่านี่ลูกรักถือเองได้ แต่หยางหยางก็ตื้อจนอีกฝ่ายต้องยอม และสุดท้าย หยางหยางก็ไม่อยากดุอะไรรุ่นน้องจึงทำน่าหน้าที่บอดี้การ์ดดูแลคุณหนูคนนี้ไปตลอดทางกลับ
“โอ๊ย
เจ้าบอสนี่ตาย ๆ ไปซักที” หยางหยางอมยิ้มขำพลางมองทางข้างหน้า อีกคนบ่นให้ฟังเป็นระยะตลอดทางเดินกลับ
ก่อนหน้านี้อี้เฟิงที่ก้มเล่นบ้างดูทางบ้าง ก็ยังดีที่มีเขาอยู่ไม่เป็นอันตราย
“ดูทางหน่อยอี้เฟิง
เดี๋ยวจะสะดุดล้ม”
“ไหนบอกจะมาเป็นบอดี้การ์ดผมไง
ผมติดพันมากเลย ฝากด้วยนะคุณบอดี้การ์ด”
คนเป็นรุ่นพี่หัวเราะร่วนยกมือเขกหัวอีกคนไปหนึ่งครั้งถ้วนจนต้องร้องโอดออกมา
บอกว่าถ้าวันไหนเขาไม่อยู่จะเดินแบบนี้ไม่ได้นะ
อี้เฟิงทำหน้ายุ่งใส่แล้วก็บอกตามที่คิด
“หยางเกอจะโดดงานเหรอ”
“เผื่อวันไหนพี่ไม่ว่างมาส่งอี้เฟิงไง”
“ก็ได้
ผมจะให้เพื่อนผมเดินมาเป็นเพื่อน ไม่เห็นต้องง้อเลย”
“
แต่ถึงร่างกายเกอไม่มา แต่หัวใจยังมาตามดูแลนะ
ยังไงก็ขอเบอร์ไว้ด้วยจะไดตามดูแลสะดวกและปลอดภัยไง”
อี้เฟิงเห็นรุ่นพี่ตบมุขเข้าขอเบอร์กันง่าย
ๆ ก็นึกขำ แต่เขาก็ให้ไป ไหน ๆก็เป็นเพื่อนบ้านข้างห้องกันด้วย
เผื่อมีเหตุฉุกเฉินก็จะได้ติดต่อกันได้ ดีเหมือนกันเผื่อป้าข้างห้องด่าเขาเรื่องเล่นกีตาร์
ท่าทางป้าเขาจะชอบคนหล่อ ๆเอารุ่นพี่หยางหยางไปสู้น่าจะชนะใส ๆ
“และทีนี้ก็เก็บมือถือได้แล้ว
ตอนนี้เริ่มมืด ระวังตัวเองไว้ก่อนก็ดีนะครับ ถึงเกอจะดูแลอี้เฟิงอยู่ก็ตามเถอะ”
“คร๊าบ ๆ
ดุจริง รุ่นพี่หรือพ่อ”
“อี้เฟิง”
“โอเค ๆ
เก็บก็ได้”
“อุบัติเหตุมันเกิดโดยที่เราไม่คาดฝันนะ”
“คร๊าบ ๆ
อย่าดุกันเลย ผมไม่ใช่เด็กในชมรมเกอนะ”
อี้เฟิงหมดคำจะเถียงกับรุ่นพี่ข้างๆ
กาย เขาเป็นห่วงอี้เฟิงก็รู้แต่มันติดพันจริง ๆ
เขายอมแพ้รุ่นพี่เพราะเดี๋ยวจะโดนดุไปตลอดทางกลับ เขาจึงเก็บมือถือลงกระเป๋าไป
ก็ไม่รู้ทำไมต้องเชื่อ แต่ก็คิดไปก็จริง อุบัติเหตุมันก็เกิดได้ทุกเวลา
“ขอทางหน่อย !”
อุบัติเหตุมาอย่างไม่คาดฝัน เพราะจู่ ๆ ก็มีเด็กมัธยมที่ปั่นรถจักรยานมาด้วยความเร็วสูง
ตะโกนเรียกขอทาง แต่ระยะที่ตะโกนนั้นไม่ห่างจากทั้งคู่เท่าไหร่เลย
อี้เฟิงจับสายตาดูระยะทาง กำลังคิดว่าจะไปทางไหนถึงจะไม่เจ็บตัว
แต่ในขณะกำลังคิดหยางหยางที่คล่องตัวและไวกว่าคว้าตัวเขาไปแล้วและพาหลบเขาข้างทางทัน
จนรถจักรยานคันนั้นปั่นเร็วและจากไปไกลแล้ว
“โอ๊ย
เจ้าเด็กคนนั้นปั่นจักรยานไม่ดูคนเลย”
“เป็นอะไรมั้ย
อี้เฟิง”
“ไม่ ๆ
ผมโอเค”
พอลองมองตัวเองในตอนนี้
พบว่าตัวเองถูกกอดจากด้านหลัง อยู่ในวงแขนของรุ่นพี่ โอบกอดช่วงเอวของอี้เฟิง กระชับแน่นเหมือนกลัวว่าอี้เฟิงจะหายไป
อีกข้างหนึ่ง หยางหยางใช้ยันกำแพงข้าง ๆ ถนนไว้ เพื่อไม่ให้ตัวเองและกีตาร์ที่สะพายอยู่ด้านหลังไปกระแทกกำแพงเข้าเต็มแรงเหวี่ยง
ใบหน้าของหยางหยางเกยอยู่ตรงไหล่ ใกล้ ๆ ช่วงลำคอระหงส์ของอี้เฟิง
จนคนที่ถูกกอดได้ยินเสียงหายใจรุ่นพี่ใกล้ ๆที่แทบจะเป็นจังหวะเดียวกันกับเขา
“หยางเกอ
รถจักรยานปั่นไปไกลแล้ว”
“ครับ
แต่อี้เฟิงไม่เป็นอะไรนะ”
“อือ
แต่พี่จะกอดผมแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”
“ว้า นึกว่าจะเคลิ้ม
ไม่อยากปล่อยเลยนะเนี่ย”
ว่าแล้ว...
อี้เฟิงกระแทกศอกใส่รุ่นพี่เบา ๆ ไปอีกหนึ่งครั้งถ้วน ไม่ใช่เพราะความเผลอ
แต่เจ้ารุ่นพี่คนนี้เจ้าเล่ห์จริง ๆ จนพอถูกปล่อยเป็นอิสระจากวงแขนนั้น
อี้เฟิงก็ถอนหายใจและแถมค้อนใส่ให้รุ่นพี่คนหล่อไป
“หยางเกอ
มือพี่..”
อี้เฟิงสายตาไว
ไปเห็นมือหยางหยางข้างที่ไม่ได้กอดเขาไว้มีแผลเลือดออก
อาจจะเพราะไปยันเข้ากับกำแพงและเสียดสีจนเป็นแผล
เขารีบรุดเข้าไปดูอาการแต่รุ่นพี่เบี่ยยงมือหลบจนเขาต้องตีหน้าดุใส่บ้าง
“เดี๋ยวไปทำแผลกัน
ที่ห้องผม”
“แผลแค่นี้ไม่เป็นไร”
“ต้องทำแผลนะ!”
“จะชวนผู้ชายเข้าห้องหรอ”
“ผมก็ผู้ชาย ”
“แต่พี่เป็นผู้ชายที่ชอบอี้เฟิงนะ...”
โอโห...
อี้เฟิงร้องในใจ เมื่อไหร่จะเลิกจู่โจมแบบนี่เสียที
อี้เฟิงไม่อยากหลงคารมอะไรเขาเลย ไม่รู้มาทีเล่นทีจริง หรือมาไม้ไหน
“ขอโทษ..คิดเสียว่าหยางกเอคนนี้ไม่ได้พูดแล้วกัน”
อี้เฟิงมองใบหน้านั้นเพียงครู่เดียวแล้ว
ต่างคนก็เสหลบกันไป
อี้เฟิงไม่ใช่คนที่คิดต่าง
และไม่ใช่คนยึดติด รักใครชอบใครให้หัวใจเขาไปเลย จะเป็นอะไรบนโลกก็ได้หมด
เขาจะรักปลาทองในตู้หรือ น้องแมวแถวไหน ถ้ามีใจให้
หลี่อี้เฟิงก็ไม่เคยปฏิเสธความรู้สึกตัวเอง และ ณ ที่นี้
ไม่ใช่น้องแมวหรือปลาทองแต่เป็นรุ่นพี่นิสัยหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง
ที่อี้เฟิงคิดว่าซักวันเขาอาจจะจำเผลอให้ใจเขาไปก็ได้
ตอนนี้อี้เฟิงจะพยายามฉุดรั้งตัวเองไม่ให้หลงรักคน
ๆ นี้ก่อนแล้วกัน
แต่อีกฝ่ายรุกมาหนักเหลือเกิน
อี้เฟิงเองก็ไม่รู้ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมให้เขาเข้ามายุ่งย่ามกับชีวิตเขาได้ง่าย
ๆ แบบนี้
อันนี้อี้เฟิงจะต้องแก้ปริศนานี้ไปพร้อมกับศึกษาคน
ๆ นี้ต่อ อาจจะรู้ว่าในที่สุดแล้ว
ความรู้สึกของหลี่อี้เฟิงคืออะไร แค่อยากรู้ว่าเขาคิดอย่างหรือรักเขาไปแล้ว
“น้องอี้เฟิงจะด่าเกอมาบ้างก็ได้นะ
อย่าเงียบไปแบบนี้”
“ด่าทำไมล่ะ
คนเขาบอกชอบผมก็ดีใจ เกอชอบผม เพราะผมเป็นรุ่นน้องที่ดีที่อยู่ข้างห้อง”
อี้เฟิงตอบกลับไปพาซื่อ
พลางดูแผลที่มือของหยางหยางไปด้วย
อี้เฟิงควานหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงและเมื่อเจอ
อี้เฟิงจัดการเอามันพันไว้ที่แผลไปแก้ขัดก่อนที่แผลนี้จะได้รับการรักษาทำแผลอย่างถูกวิธี
“อี้เฟิงเข้าใจคำว่าชอบของเกอจริง
ๆ ใช่มั้ย”
คนถูกถามไม่ตอบ
แต่เสเบี่ยงไปอีกทาง
และปล่อยมือของหยางหยางลงเมื่อพันผ้าเช็ดหน้าคลุมแผลนั้นเสร็จเรียบร้อย ถอยห่างหยางหยางไป
“ไม่รู้สิ”
หยางหยางมองรุ่นน้องที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
เขาแน่ใจว่าอีกคนเข้าใจ แต่ไม่ทำเป็นรับรู้
หรือวิธีการของหยางหยางอาจจะไม่เป็นที่พอใจกับอีกฝ่าย
“ผมเข้าใกล้คุณเกิน
มากไปรึเปล่า”
อี้เฟิงหันควับกลับมา
รุ่นพี่เปลี่ยนสรรพนามกลับไปเหมือนเมื่อตอนแรกเจอ อี้เฟิงเข้าใจว่า
ใกล้เกินไปนั่นหมายถึงอะไร รุ่นพี่คนนี้สื่อถึงอะไร แต่เขาแปลกใจ แล้วจะเปลี่ยนสรรพนามให้ดูไกลกันเกินไปทำไม
แต่รุ่นพี่จริงจัง ตีหน้าค่อนไปทางดุ
อี้เฟิงเม้มปากคิด
ขมวดคิ้วดูยุ่ง และให้คำตอบที่ตรงตามหัวใจ
“ตอนนี้ไกลเกินไป
หยางหยางพอเดาออกว่าเมื่อเขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกแล้ว
อี้เฟิงดูไม่พอใจเล็กน้อย เหมือนเขาไปประชดประชันให้น้องมันหงุดหงิด
“แล้วถ้าเป็นระยะนี้
ได้มั้ยครับ หยางเกอคนนี้แค่อยากมองอี้เฟิงให้ชัดเจนด้วยสายตา เพียงเท่านั้น”
พอเปลี่ยนกลับมาเป็นสรรพนามที่ใกล้ชิดอย่างที่เคยขออี้เฟิงให้เรียกกัน
รุ่นน้องคนนี้จึงดูผ่อนคลายลงแล้ว
เขาใช้ทริคเล่นกับหัวใจของรุ่นน้องนิดหน่อย
แต่ความจริงใจและความรักของหยางหยางเป็นของจริง
เขาอยู่ในระยะไม่ใกล้มากและไม่ไกลเกิน
อี้เฟิงสบตาของกลับมา และเป็นแววตาที่พร้อมจะตอบคำถามและ
อยากตั้งคำถามกับเขาอีก แต่จะแบบไหนก็เป็นแววตาที่มาจากดวงตาน่ารักสดใส
เขาพร้อมที่จะสบตาได้ตราบนานเท่านาน
“ระยะนี้ก็ได้
กำลังดี ไม่ใกล้เกินไปไม่ไกลเกินไป หยางเกอมองเห็นผมชัดเจนดีมั้ย”
“สายตาของเกอปกติ
ระยะนี้กำลังใช้ได้ครับ”
หยางหยางตอบกลับไปเขายิ้มเพื่อให้ทั้งคู่ต่างผ่อนคลาย
อี้เฟิงคนน่ารักของเขาก็ยิ้มน่ารักแบบที่เขาเป็นส่งตอบกลับมาให้
นั่นทำให้หยางหยางเบาใจขึ้น
“ให้ผมได้ศึกษาหยางเกอมากกว่านี้ซักนิด
ถ้าผ่านด่านได้ ก็ไว้ค่อยมาเจอบอสแบบผม
ในระยะใกล้ ๆ นะ ตัวต่อตัวไปเลย“
“แบบนั้นก็ได้ครับ”
หยางหยางยิ้มกับประโยคน่ารักน่าฃังนั้น
และตั้งคำถามต่อ
“แล้วระยะแค่ไหนที่เกอจะใกล้อี้เฟิงได้มากที่สุดล่ะ”
อี้เฟิงยิ้มกว้างมากขึ้น
ผู้ชายคนนี้เปลี่ยนแววตาเป็นอีกแบบไม่ใช่ที่เล่นทีจริงแบบเมื่อครู่แล้ว
แววตานี้เอาจริง มามาดเท่เต็มตัว อี้เฟิงก็ไม่ได้ไร้เดียงสาที่จะไม่รู้ว่าคน ๆ
นี้ตั้งใจจะมาจีบตัวเอง เขาไม่ได้เพิ่งเจอหยางหยางเป็นคนแรกเสียเมื่อไหร่ แต่สำหรับคนอื่น
ๆ ก่อนหน้านี้ เขาไม่สนใจ ไม่มีใครทำให้เขารู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
อ๊ะ
ที่บอกว่าทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้
หยางเกอคนนี้เพิ่งทำให้เขารู้สึกแบบนั้นเมื่อไม่นานมานี้
ครั้งแรกคิดว่าเขาคิดไปเองตอนที่เห็นรุ่นพี่ใช้มือต่างหมอนรองให้เขานอนบนรถบัส
แต่ล่าสุดคือโดนเขาโอบกอด
ทีนี้เข้าใจแล้วว่า
หยางเกอทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะได้จริง ๆ
อี้เฟิงเงยหน้า
หันไปสบตารุ่นพี่อีกที อย่างตั้งใจ เขาอีกฝ่ายเหมือนรอคำตอบจากเขาอยู่
ยิ้มรับอย่างอบอุ่น
อันนี้ก็เริ่มทำให้หัวใจอี้เฟิงเต้นผิดจังหวะได้อีกเหมือนกัน
“ระยะนี้...
ระยะตอนนี้ล่ะครับ”
หืม ?
อี้เฟิงที่ก่อนหน้านี้สาวเท้าออกห่างจากหยางหยางไป
กลับเดินเข้ามาให้รุ่นพี่ใจเต้น น้องอี้เฟิงจะยอมให้ได้แค่ไหน
ให้ใกล้ได้ระยะเท่าไหร่ แต่ อย่างน้อยก็ลดระยะให้ ต่อแต้มให้เขาหน่อย
และเมื่ออี้เฟิงหยุดเดิน
อี้เฟิงก็ยกแขนข้างหนึ่งมาวัดตีกะระยะ
จากตัวเองไปถึงหยางหยาง แล้วชี้ให้หยางหยางยืนหยุดกับที่ตรงนั้นแล้วบอก
“โอเค นี่ล่ะ
หนึ่งช่วงแขน ”
“หนึ่งช่วงแขน
? “
เป็นความคิดและระยะที่น่ารักดีจริง
ๆ หยางหยางคิดพลางโคลงหัวซ้ายขวา ดับอารมณ์ เขาแทบจะคลั่งตายกับความน่ารักนี้
ขยันทำอะไรให้เขาใจเต้นได้เหลือเกินหลี่อี้เฟิง
“ถือเป็นสมนาคุณ
ให้เกอใกล้ผมที่สุดได้เท่านี้ สายตาหยางเกอปกติดีใช่มั้ยล่ะ ถ้าเป็นระยะนี้
ที่ผมยืนอยู่ต่อหน้าเกอ อย่าว่าแค่ใบหน้าผมเลย แววตาผมบอกอะไร
หยางเกอก็คงเดาออกหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าเกอเข้าใกล้ผมมากกว่านี้โดยไม่มีเหตุผล ผมจะวิ่งหนี”
ประโยคถัดมาก็น่ารักอีกแล้ว หยางหยางคิดต่อ
และพร้อมกับมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่ตั้งคำถามใส่รอคำตอบจากเขา แมวขี้สงสัย
รุ่นพี่คนนี้ยิ้มกว้างออกมาและตอบรับ
“ครับ หนึ่งช่วงแขนก็ได้
ว่าแต่..เกอน่ากลัวแบบนั้นเลยหรือ?”
“สายตาหมาป่าของเกอ
ปิดผมไม่มิดหรอกนะ”
หยางหยางหัวเราะกับคำเปรียบเทียบของอี้เฟิง
คนน่ารักเม้มปากแสดงท่าทางล้อเลียนเขา ทำตัวเป็นแมวระวังหมาป่าก่อนหัวเราะน้อย ๆ
เสียงหวานนนั่นน่ารักจับหัวใจหยางหยางจนหลงแทบปีนหลุมรักนั่นขึ้นมาไม่ได้แล้ว
พอก่อนหลี่อี้เฟิง
อย่าเพิ่งฆ่าหยางเกอกันตอนนี้เลย
“หยางเกอเลิกใช้สายตาแบบนั้นมองผมได้แล้ว”
“แบบไหนกัน”
“ยังไม่รู้ตัวอีก
คุณหมาป่า”
พอจบคำหยางหยางกลับหัวเราะเสียงดังออกมา
เขามีความสุขอย่างที่บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้
อีกฝ่ายมองเขาอย่างงง ๆ
รุ่นพี่จึงเลิกคิ้วล้อเลียนคืนไปบ้าง
“ระวังคุณหมาป่าคนนี้แล้วกัน”
พอเขาพูดจบ
อี้เฟิงก็หันขวับกลับไปเดินเป็นแมวสงบเรียบร้อย แต่แก้มแดงขึ้นเรื่อย ๆ
สงสัยเผลอปล่อยสายตาแบบที่น้องเขาเรียกว่า
หมาป่า ออกไปอีกล่ะมั้ง
เมื่อเห็นว่าท้องฟ้ามืดลงเต็มที
หยางหยางมองดูทางและชวนอี้เฟิงเดินกลับหอพักกันก่อนที่จะดึกไปกว่านี้ ระหว่างทางกลับ ในระยะหนึ่งช่วงแขน ที่จริงดูเหมือนห่างกันไปหน่อย ทั้งที่เขาอยากเดินชนไหล่กับน้องคนน่ารักแท้
ๆ
แต่ตอนนี้เทียบกับก่อนหน้าที่อี้เฟิงมีความรู้สึกระแวงและไม่แน่ใจกับเขาแต่อยู่ในระยะใกล้
กับระยะหนึ่งช่วงแขนนี้ ที่ หยางหยางเห็นอีกคนแก้มแดงน่ารัก
แถมตอนนี้ไม่ก้มเล่นเกมส์แล้วด้วย หันมามองเขาบ้างเป็นบางครั้ง
เหมือนว่าจะเช็คระยะว่าใกล้เกินไป หรือไกลเกินไปหรือเปล่า
ระยะตอนนี้ดีกว่าก่อนหน้า ดีว่า คำว่า”กำลังดี” แต่เป็นระยะ “ที่น่ารัก”
ที่อี้เฟิงยอมให้หยางหยางเข้าใกล้ได้มากที่สุด
“หยางเกอ
เกินช่วงแขนหนึ่งของผมไปแล้ว ขยับเข้ามา อ๊ะ ไม่ ๆ นี่ก็ใกล้ไป “
เขาขยับตามใจคนพูด
อีกคนที่พูดจริงจังตีหน้าดุ แต่แอบอมยิ้ม แถมยังดูเขิน ๆ
หยางหยางก็ก้าวตามที่เขาว่าไป จนพอใจก็หยุดที่ระยะนั้นและเดินไปพร้อม ๆกัน
“โอเค
ระยะที่ล่ะ เดินต่อได้”
แก้มใส ๆ
ก็ยังคงแดงระเรื่อ อยู่แบบนั้น ต้องขอบคุณแสงไฟข้างทางที่ทำให้เขามองเห็น
รุ่นพี่คนนี้มั่นใจว่าอี้เฟิงกำลังเขินอยู่ และเขาเองก็เช่นกัน กลั้นยิ้มแทบไม่อยู่
นี่มันประสบความสำเร็จที่สุด
“โอย หยางเกอ
นี่ผมกำลังเล่นอะไรอยู่เนี่ย”
พอพูดจบก็หัวเราะร่วนออกมา
หยางหยางส่ายหัวไปมา แค่เสียงหัวเราะของอีกคนก็ทำให้เขาใจเต้นได้
นี่มันหลงเขาสุด
ๆ ไปเลยนี่ หยางหยาง เล่นเอาหัวใจแทบหยุดเต้น
เป็นคนที่น่ารักอะไรเช่นนี้
ไว้ใกล้ได้มากกว่าหนึ่งช่วงแขน
เขาจะขอกอด แบบก่อนนี้อีกทีให้ชื่นใจ
พอหยางหยางกลับไปถึงห้อง
คืนกีตาร์และส่งรุ่นน้องคนน่ารักเสร็จสรรพถึงหน้าห้อง
เขาไม่ยอมเข้าห้องรุ่นน้องไปตามคำชวน แค่นี้ก่อน เขาพอแล้ว ถ้ามากกว่านี้
หยางหยางกลัวว่าตัวเองจะเผลอเข้าใกล้และทำลายระยะที่เหมาะสมในเวลานี้
ก่อนจากกันในวันนี้ เขาแค่พูดทิ้งท้ายไว้
“เราสนิทกันแล้ว
มากกว่าเมื่อก่อน ระยะก็ใกล้กันมากกว่าเดิม รอให้สนิทกว่านี้ ใกล้กันกว่านี้ ...”
มีอีกนิดแต่หยางหยางยั้งคำไว้
อี้เฟิงทำตาโตเริมอยากรู้ เขายิ้มให้กับท่าทางนั้น
“ไว้ใกล้กันกว่านี้..เกอมี
‘ประโยคหนึ่งที่อยากจะพูดให้ฟัง’ โปรดรอฟังด้วยนะครับ
”
อี้เฟิงไม่แสดงออกอะไรไปมากกว่าส่งยิ้มให้
และมีแววตาก็ยังคงอยากรู้เหมือนเดิม หยางหยางก้มหน้าหลบสายตานั้น เพราะคงจะไม่พ้น
บอกออกไปก่อนเวลา แบบนั้นคงไม่ดี ใจอีกคนคงยังไม่พร้อม
“หืม ?”
หยางหยางที่กลับถึงห้องไม่นาน เขาได้รับเมสเสจจากอี้เฟิง
จำได้ว่าเราเพิ่งจะแลกเบอร์กัน เขาเปิดข้อความรอให้โหลดมาเต็ม ๆ อย่างตื่นเต้น
เป็นเพลงเพลงหนึ่ง ของวงแบนด์เกาหลีที่เขาเห็นอยู่ในโซเชี่ยลมีเดียจีน
เขารู้จักบ้าง และเคยเห็นเพลงผ่านตาไม่น้อย แต่เพลงนี้เขายังไม่เคยฟัง และมีข้อความถัดมาจากคนน่ารักคนเดิม
“เพลงนี้น่าจะเข้ากับหยางเกอดีนะ ลองหาความหมายดู”
“อืม”
หยางหยางจึงลองเปิดและหาความมหมายเพลงนี้
และเมื่ออ่านแล้วก็เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
..เด็กคนนี้เข้าใจส่งมาให้จริง ๆ
เป็นเพลงที่เข้ากับความสัมพันธ์ของเราสองคนตอนนี้ได้ดีทีเดียว
หยางหยางยิ้มออกมา
ไม่มีคนเห็นแล้ว
ยิ้มนี้จึงเปิดเผยความรู้สึกของเขาที่อดกลั้นทำเป็นเท่ต่อหน้ารุ่นน้องที่รักไว้นานสองนาน
ให้ตายเถอะ....
คิดว่า น้องอี้เฟิงคงจะพอรู้แล้วล่ะว่า ‘ประโยคหนึ่งที่อยากจะพูดให้ฟัง’
ประโยคนั้นคืออะไร
ที่จริงมันง่ายนิดเดียว
“ไว้จะซ้อมบอกรักไว้ก่อน รอเกอคนนี้ด้วยล่ะ อี้เฟิง”
.........................................................................................TBC5
TALK :: มากันถึง สี่ตอนแล้ว ไม่อยากจะเชื่อ 5555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น