วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[Fic] THISMAN - หยางเฟิง CHAPTER 1 'คนคนนี้ กำลังทำอะไร'



TITLE : [Fic] THIS MAN 
CHAPTER : 1  'คนคนนี้ กำลังทำอะไร'
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG -15

TELL: ยิ้มก่อนอ่าน ตาหวานก่อนเปิด อ่านจบแล้วไปด่าได้ที่เมนชั่ยผมหรือเมนท์ข้างล่าง

************************************************************************



“ออกไป พอใจแล้วก็ออกไป”
"เอะอะก็ไล่คนอื่นอย่างกับอะไร ตัวเองก็ทำหน้าตาเหมือนร้องขอแบบนั้น.... คุณรุ่นพี่ครับ... เกรงว่าคุณรุ่นพี่น่ะล่ะ จะรั้งผมไว้เสียเอง"




















 THIS MAN   'คนคนนี้ กำลังทำอะไร'



















คนหยาบคาย......



คนรู้หน้าไม่รู้ใจ......



คนเอาแต่ใจ....แถมให้ด้วยอีกอย่างเย็นชา และใจร้าย



คนแบบนี้ ที่จริงฉันควรอยู่ไกลให้มากไม่ใช่หรือไง!











อี้เฟิงเงยหน้าไปสบตาคนที่กล่าวประโยคนั้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนหน้านี้ที่อี้เฟิงคิดว่าจะรอดพ้น และไปให้ไกล ๆ คนนิสัยพันนี้ อี้เฟิงไม่ชอบคน ๆ นี้ ทุกอย่างที่เป็นเขา





เกลียด






"นายหยางหยาง...ถอยไปให้ห่าง... จากฉัน"
"แน่ใจนะว่าอยากให้ผมทำแบบนั้น"
"ออกไป!"
"ก็ได้ แต่ถ้าอยากให้ช่วยอีกก็บอกนะครับ คุณรุ่นพี่"






ใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจละออกไปแต่ไม่วายจะขโมยกลิ่นหอมจากอี้เฟิงที่แก้มเนียนใสที่ขึ้นสีระเรื่อ เพราะความเหนื่อยหอบจากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน











ก่อนหน้านี้ อี้เฟิงและหยางหยางที่กำลังถ่ายละครซีนสำคัญและเเล้วเสร็จเรียบร้อย เป็นซีนที่ต้องลงไปถ่ายในน้ำกันทั้งหมดทุกคน นักแสดงต่างเปียกปอนและหนาวสั่นไปตามกัน อี้เฟิงรีบถลาหาผ้าขนหนูยกใหญ่ และเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนในห้องน้ำ ซึ่งที่นี่เป็นห้องน้้ำรวม แต่ก็ยังแบ่งชายหญิง จะเป็นใครทั้งทีมงานและนักแสดงก็ใช้ที่เดียวกัน





"หนาวชะมัด"









ร่างกายของอี้เฟิงทั้งเหนียวเหนอะเพราะเหงื่อและหนาวสะท้านเพราะความเย็นเฉียบของน้ำในบ่อเล็ก ที่ไว้เพื่อถ่ายทำละคร เขารีบเปลี่ยนเสื้อผ้า ถอดทุกส่วนที่เปียกปอนออกให้หมดและใส่เสื้อผ้าเซตใหม่จนแล้วเสร็จก็ออกมาจากห้องน้ำเล็ก ๆ ที่แบ่งไว้หลายห้องเผื่อให้ทุกคนได้ใช้พร้อมกัน และตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในห้องน้ำนี่คนเดียว




หยางหยาง....




เจ้ารุ่นน้องร่วมเรื่องที่เขาไม่ค่อยชอบขี้หน้าเท่าไหร่





อี้เฟิงอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมแต่รวมแล้วขออยู่ห่าง ๆ ไว้  อี้เฟิงเป็นคนมีสัญชาตญาณดีเยี่ยมเป็นที่สุด และมันบอกว่า อย่าเข้าใกล้บุคคลผู้นี้






สายตากลมโตมองผ่านรุ่นน้องคนนั้นไปและตรงไปยังอ่างล้างหน้าและเปิดน้ำเพื่อล้างหน้าเสียหน่อยเพื่อให้สดชื่น




อีกฝ่ายก็กำลังทำเช่นนี้อยู่เหมือนกัน ระหว่างทั้งคู่มีแต่ความเงียบงัน ไม่มีการทักทายใด ๆ อี้เฟิงไม่อยากคุย และอีกฝ่ายเขาก็ไม่ทักอะไรมา





จนอี้เฟิงเเล้วเสร็จกิจกรรมที่จะทำในห้องน้ำ



"เอ้อ.." เสียงหวานอุทาน เพราะเขาเพิ่งนึกออกว่าลืมนาฬิกาไว้ในห้องสุขาเล็กตอนที่เปลี่ยนเสื้อ ทันทีที่นึกออก อี้เฟิงจึงรีบเดินกลับไปดูในห้องน้ำและคิดว่ารีบไปเก็บมันคืนมาและรีบออกจากห้องน้ำนี่ไปซะ เขาไม่ชอบบรรยากาศในระหว่างที่จะต้องอยู่กับรุ่นน้องคนนี้เพียงลำพัง









"เห้ย "




แต่ไม่ทันไรที่อี้เฟิงหันหลังกลับเข้ามาเก็บนาฬิกาเรือนโปรดของตัวเองบนที่วางของหลังโถสุขา ประตูห้องสุขานี้ก็ปิดลง พร้อมกับผู้มาใหม่



"ออกไปนะ นายจะเข้ามาทำบ้าอะไรในนี้หยางหยาง"
"ก็เห็นเดินเข้ามา"
"แล้วนายมายุ่งอะไรด้วย"


หยางหยางที่เดินตามอี้เฟิงเข้ามาด้วย คนเป็นรุ่นพี่ไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะทำอะไรกันแน่ ที่แน่ ๆ คือ อี้เฟิงกำลังระแวงและหวาดหวั่นหยางหยางเหลือเกิน จะหนีไปไหนก็ไม่ได้ ทางออกคือประตูที่อยู่หลังหมอนั่น และห้องน้ำก็เเคบกางเเขนได้แทบไม่สุดแขนด้วยซ้ำ




"ให้ผมช่วยหามั้ย"
"ออกไปให้พ้น"
"ทำไมต้องทำหน้าตาเหมือนเกลียดกันนักหนา"
"อย่ามาว่าแค่ฉัน คนที่ทำแบบนั้น มันก็นายด้วย"
"อ้อ... ผมก็ไม่ยักกะรู้ตัวว่าทำหน้าตาเกลียดรุ่นพี่สุดโด่งดังและน่าเคารพแบบนั้นไปด้วย"






เกลียดสีหน้าที่ชอบเย้ยหยัน ประชดประชันเก่งนัก ยิ้มของหยางหยางมันทำให้เขาระแวง รู้สึกไม่ดี...อาจจะคิดว่าอี้เฟิงกำลังกลัวอยู่ก็ได้ สัญชาตญาณของเขาบอกอยู่ในใจโต้ง ๆ ว่า ทำอย่างไรก็ได้ที่จะต้องอยู่ห่างคน ๆ นี้ ไม่รู้จะโดนเขาทำอะไร และไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร




"ขอสั่งให้นายถอยไป"
"มีสิทธิ์อะไรมาสั่งผม"
"ไม่มีหรอก แต่ฉันจะออกจากที่นี่"
"อย่ามาเอาแต่ใจ ผมไม่ให้ออกไปก็อยู่ในนี้มันนี่ล่ะ ไม่มีคิวถ่ายแล้วด้วย"
"อะไรของนาย จะมาไม้ไหนอีก ทุก ๆ วันที่นายคอยมาทำให้ฉันประสาทเสียนี่ยังไม่สาแก่ใจนายอีกหรือไง"



หยางหยางไม่ตอบต่อประโยคแต่แค่คลี่ยิ้มมุมปากออกมา มองดูแล้วนั่นทำให้อี้เฟิงรู้สึกหวาดหวั่นในใจอีกเป็นสองเท่า มือของอี้เฟิงผลักอกของหยางหยางให้ชนประตูด้านหลังของเขาเองแต่ หยางหยางก็ดันตัวเองขึ้นมาได้ และดันให้อี้เฟิงนั่งลงกับโถสุขภัณฑ์ด้านหลังที่ปิดมิดชิดคล้ายป็นเก้าอี้ ..หยางหยางห็นว่ามันสามารถทำให้เขาทำอะไรกับรุ่นพี่คนนี้สนุกและสะดวกขึ้น



"หาอะไรฆ่าเวลากันดีกว่า คุณรุ่นพี่หลี่อี้เฟิง"
"ถอยออกไป"
"คุณไล่ผมกี่รอบแล้ว"
"ก็แล้วทำไมนายไม่ออกไปห่าง ๆ ฉันซักทีเล่า"



รุ่นน้องหล่อเหลาทำหน้าตาไม่สบตาอารมณ์สุดหัวใจ เขาใช้มือแข็งแกร่งกดที่ไหล่ของอี้เฟิงให้นั่งลงอีกครั้งเพราะอีกฝ่ายขัดขืนและยืนขึ้นมาใหม่ ร่างกายนั้นโน้มตัวลงไป และไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปนาน เขาจูบที่ริมฝีปากสีระเรื่อที่ดูน่ารักอย่างหนักหน่วงตามแรงอารมณ์ มือข้างที่กดไหล่น้อย ๆ นั่นเมื่อครู่ หยางหยางใช้มันประคองให้ท้ายทอยของอี้เฟิงรับกับจูบที่บ้าคลั่งนี้ อี้เฟิงประท้วงขอลมหายใจแต่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจ มืออีกข้างของหยางหยางกำลังทำสิ่งที่ไม่ควร และอันตรายอย่างยิ่งกับอี้เฟิง เพราะมือข้างนั้นเข้าจู่โขม แตะต้องเนื้อตัวอี้เฟิงใต้ร่มผ้าไปทั่ว ปลายนิ้วสัมผัสลูบผิวที่เนียนลื่นมือของคนใต้ร่าง หยางหยางไม่คิดว่ารุ่นพี่คนนี้จะมีของดี ทั้งริมฝีปากน่าลิ้มลอง ทั้งผิวเนียนสวยเช่นผู้หญิง ใบหน้าที่น่ารักน่าชังน่ารังแก ฝีปากก็กล้าไม่ใช่น้อย



ฮึ..เทพบุตรแห่งชาติบ้าบออะไรกัน ก็แค่ผู้ชายที่ไร้ความสามารถ และทำตัวออดอ้อนด้วยนิสัยของตัวเองไปวัน ๆ




หยางหยางไม่เคยรู้สึกเคารพหรือนับถืออะไรรุ่นพี่ตามที่เคยให้สัมภาษณ์ไปกับช่องทีวี หรือหนังสืออะไรนั่นเลยซักนิด ตอบตามสคริปส์ที่ทางทีมงานจัดหาไว้ให้ หน้าตายิ้มแย้มหรือความเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าทุกคนเมื่ออยู่กับคนที่เขาเรียกซ้ำ ๆ ว่ารุ่นพี่


สร้างเอาและโกหกเอาทั้งเพ



ไม่มีอะไรเป็นความจริงเสียซักอย่าง ทุกอย่างที่อยู่ในตัวหยางหยาง เมื่ออยู่กับหลี่อี้เฟิงคนนี้



คนตีสองหน้า




คนช่างประจบประแจง ทำเหมือตัวเองเป็นที่รักใคร่ของใคร ๆ หนักหนา




คนที่ชอบทำเหมือนตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลกใบนี้



นั่นล่ะ หลี่อี้เฟิง เขาเลย



คนแบบนี้ที่หยางหยางอยากหลีกหนีให้พ้นที่สุด




แต่ตอนนี้เขากำลังอยู่ใกล้คนแบบนี้ที่เขานิยามเพียงแค่ลมหายใจเบาบางกั้นและกำลังสบตาคู่นั้นของหลี่อี้เฟิงอยู่



ใช่..ใช่เลยรุ่นพี่ แววตาแบบนั้น

คุณเกลียดผม เช่นกันครับ ผมก็เกลียดคุณ





“แววตาคุณตอนนี้กำลังดีเลย”
“อ๋อ ..ฮึ แน่นอน ฉันกำลังบอกว่าฉันเกลียดนายยังไงล่ะ”
“อยากรู้ความรู้สึกของผมด้วยมั้ยว่าผมรู้สึกอย่างไร”


อี้เฟิงสะบัดหน้าออกจากมือแกร่งที่เชยคางอี้เฟิงไว้ เขาเกลียดมือคู่นั้น หลังจากหยางหยางจูบเขาจนแทบขาดลมหายใจตาย ริมฝีปากบวมเห่อทั้งแดงและปวดช้ำไปหมด รุ่นพี่สบตาและมองอีกฝ่ายตรง ๆ กลบความหวาดหวั่นที่มีอยู่ในใจ


“ไม่ต้องถามก็รู้ นายก็ไม่ได้ชอบหน้าฉัน----“
“เกลียด”


หยางหยางไม่ปล่อยให้รุ่นพี่เสวนาให้จบบทด้วยซ้ำ เขาโน้มตัวลงต่ำอีกนิดและกระซิบคำพยางค์เดียวชัด ๆให้อีกฝ่ายได้ยิน




อี้เฟิงไม่ได้คิดผิดต่างไปจากนี้ เพราะมันก็เป็นคำเพียงคำเดียวที่เขารู้ว่าหยางหยางจะต้องพูดให้เขาได้ยินซักวัน



ขอบคุณมาก นายช่างเป็นรุ่นน้องที่แสนดี พูดอะไรที่ตรงไปตรงมาเสมอ





“ออกไป พอใจแล้วก็ออกไป”
"เอะอะก็ไล่คนอื่นอย่างกับอะไร ตัวเองก็ทำหน้าตาเหมือนร้องขอแบบนั้น.... คุณรุ่นพี่ครับ... เกรงว่าคุณรุ่นพี่น่ะล่ะ จะรั้งผมไว้เสียเอง"


อี้เฟิงอยากลุกขึ้นชกหน้าไอ้หมอนี่ รุ่นน้องจอมกวนประสาทนี่ให้เข็ดแต่ติดที่ตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรองอยู่ค่อนข้างหลายขุม มือข้างนั้นของหยางหยางที่เข้ารุกล้ำร่างกายของอี้เฟิงยังไม่ละออกไป ไม่ใช่แค่ใต้ร่มผ้าส่วนบนเท่านั้นแต่หยางหยางยังลงมือเริ่มปลดกระดุมกางเกงยืนส์ที่อี้เฟิงเพิ่งจัดการสวมใส่มันเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านม

“อ๊ะ..”


เสียงหวานครางอุทานออกมาอย่างไม่ทันระวัง เผลอร้องออกมา เพราะรุ่นน้องที่อี้เฟิงสวดด่าในใจกำลังทำอะไรบ้า ๆ เขาสวดด่ารุ่นน้อง ว่านายมันบ้าไปแล้วหรอ แต่ก็แค่คิดอยู่ในหัว พูดออกมาก็รังแต่จะกลายเป็นเสียงแบบเมื่อครู่นี้  และตอนนี้คนตรงหน้ากำลังใช้มือรุกล้ำและปลุกความต้องการของอี้เฟิงขึ้นมา ไม่เข้าใจว่าจะทำให้อับอาย แกล้งกันให้เกลียดกันไปถึงไหน



“อะ..นาย ปล่อยมือออกกไปนะ”
“แน่ใจหรือครับว่าให้ปล่อย ผมเห็นแต่แววตาร้องขอจากคุณ อย่าปฏิเสธเลยหน่า มันรู้สึกดี คุณก็บอก—“


อี้เฟิงยกเอามืออีกข้างที่พ้นขอบเขตการพันธนาการของหยางหยางฟาดเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นจนเป็นรอยมือแดงบนแก้ม คนเป็นรุ่นน้องที่ไม่ทันระวังเบิกตาพลันตกใจ เขาโมโห จึงเอาความโมโหนั้นไปลงกับจังหวะการเร่งเร้าความต้องการของอี้เฟิงภายใต้กางเกงยีนส์เนื้อสวยนั่น ร่างเพรียวของรุ่นพี่กลั้นความรู้สึกเอาไว้ บิดตัวเบี่ยงหลบมือข้างนั้นที่กำลังกระทำการรังแกอย่างเป็นที่สุดต่อหลี่อี้เฟิงคนนี้ แต่ทานแรงไม่ไหว ความต้องการที่ถูกปลุกเร้าไม่ใช่อะไรที่ต่อต้านได้ง่าย ๆ สำหรับผู้ชาย


“อ๊ะ...— นาย มัน อ๊ะ---ชั่วร้าย..คนเลว--- อ๊ะ ปล่อยมือ ไสหัวไปให้พ้น –“

“จะไล่ผมก็ยังหลุดเสียงครางออกมา นี่คุณแน่ใจหรอว่าไล่ผมจริง ๆ “


คนชั่วร้าย คนเลวของอี้เฟิงทำต่อไปไม่สนใจคำว่ากล่าวรุนแรง ไม่ยี่หระมันด้วยซ้ำ มือแกร่งคู่นั้นปลุกเร้าอี้เฟิงจะแทบทำให้คนโดนกระทำมอดไหม้ด้วยความเร่าร้อน หยางหยางเห็นสีหน้าของรุ่นพี่อดไม่ได้ที่จะมอบความรุนแรงอีกทาง ใบหน้าหล่อเหลาจูบหน่วงหนักที่ริมฝีปากนุ่มนิ่มนั่นอีกครั้งอย่างหยาบคาย อีกฝ่ายไม่มีแรงต้านทานอะไรแล้วทั้งนั้น แต่แค่นั้นคนใจร้ายเป็นซาตานตรงหน้าอี้เฟิงก็ยังไม่พอใจ เขาใช้ฟันขบริมฝีปากที่ใคร ๆ ก็ต่างชมว่าน่ารักน่าชังจนเป็นแผลเลือดซิบ


“อ๊ะ..เจ็บ”



ใบหน้ารูปหล่อแต่ใจร้ายราวกับซาตานบนดิน เผยยิ้มน่ากลัวออกมา อี้เฟิงไม่อยากทนในสภาพน่าอับอาย และกล้ำกลืน แบบนี้แต่เขาขัดขืนได้ยากลำบากเหลือเกิน บิด เบี่ยง จะดิ้นเร่าแค่ไหนก็ละออกจากตัวหมอนี่ไม่ได้




“ว้า..หมดเวลาแกล้งแมวซะแล้ว”



หยางหยางละและหยุดมือข้างนั้นที่เร่งเร้าอารมณ์ของอี้เฟิงไว้ แม้มีของเหลวสีคุ้นเคยตาสำหรับผู้ชายออกมาแล้วนิดหน่อย ติดปลายนิ้วของหยางหยาง เขาจัดการมันโดยแตะที่ริมฝีปากน่ารักน่าชังนั้นของอี้เฟิง


“เอาของของตัวเองกลับไปด้วย คุณรุ่นพี่ ผมไม่ชอบเอาของใครติดมา”



แน่นอน อี้เฟิงไม่มีทางทำตามอย่างที่เจ้ารุ่นน้องใจร้ายนี่บอกอยู่ แถมยังถ่มน้ำลายใส่อย่างไม่เกรงกลัวอะไรอีก ต่อให้โดนสัตว์ร้ายอย่างคนนี้กินเข้าไปก็ไม่กลัวแล้ว



“เร็วเข้า!


อีกคนเร่งเสียงดัง ใบหน้าน่ารักเบี่ยงหน้าออกให้พ้นนิ้วของอีกคนที่จ่อที่ริมฝีปาก แต่รุ่นน้องไม่ยอมแพ้ ใช้มืออีกข้างคว้าหมับที่คางของใบหน้าน่ารักที่เริ่มมีน้ำโหบ้างแล้ว


“อ๋อ โกรธขึ้นมาแล้วสิ นึกว่าจะทำหน้าเคลิ้มเหมือนอย่างตะกี้”
“นายมันหยาบคาย ไอ้คนต่ำทราม”
“ด่าได้แค่นั้นหรือคุณเทพบุตรแห่งชาติ แค่นั้นผมไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย”


สุดท้ายของเหลวที่ติดปลายนิ้วของหยางหยางก็ถูกป้ายลงที่ริมฝีปากน่ารักที่มีรอยช้ำและแผลเลือดซิบที่ปากจนได้ อี้เฟิงเผลอรับรสมันอย่างอับอาย เขาอับอาย และรู้สึกโกรธ โมโหและแค้นเคืองสุดจะทน


เขาเกลียดคนคนนี้จริง ๆ



“ผมไปล่ะนะ เชิญคุณรุ่นพี่จัดการมันต่อแล้วกัน”
“ไปตายซะไป”
“ผมก็อยากพูดประโยคเดียวกับคุณเหมือนกัน แต่ติดที่ผมมีความเป็นสุภาพบุรุษเหลือเกิน เหมือนที่ผมเคยทำออกหน้ากล้องตอนอยู่กับคุณไง”
“นายมันคนหลอกลวง โกหกตอแหลคนอื่นทั้งเพ”
“แล้วคุณไม่ได้ทำแบบนั้นอยู่รึไง ที่ประจบประแจงคนทั้งโลก เอาแต่ใจทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลกให้คนมาเอาใจ นั่นคิดว่าเขาจะชอบงั้นหรือ”
“นายมันชั่ว”
“คุณก็ร้ายพอกัน อย่าเอามาเปรียบเทียบกันเลยครับ เดี๋ยวจะสูสีกัน แล้วจะทนความร้ายกาจของตัวเองไม่ได้นะหลี่อี้เฟิง”
“นี่นาย---“
“พอแล้วคุณรุ่นพี่ ผมไม่อยากให้ใครมาเห็นเรา...เอ่อ ..ดูสนิทสนมกันแบบนี้ ว่ามั้ยล่ะ ดูสนิทกันเกินไป..ด้วยซิ”



หยางหยางโน้มตัวมากระซิบในประโยคสุดท้ายความสนิทที่นี้ หยางหยางหมายถึง การที่หยางหยางยืนโท่อยู่ตรงหน้า มือไม้ไม่เป็นที่และหลี่อี้เฟิงที่อยู่สภาพน่าอายและเสื้อผ้าหลุดรุ่ย





“ไป”
“ไม่ต้องไล่ ผมก็ไม่ได้อยากอยู่ใกล้คุณนักหรอก ขอบคุณสำหรับความสนุกในวันนี้นะครับ คุณเทพบุตรแห่งชาติ”



เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาผู้เป็นขวัญใจสาว ๆ ส่งยิ้มทิ้งท้ายด้วยใบหน้าอารมณ์ที่แสนร้ายกาจตามที่อี้เฟิงเห็น เปิดประตูห้องสุขาและออกไปจากห้องน้ำ อี้เฟิงขว้างนาฬิกาเรือนโปรดที่เขาคิดจะกลับมาเอาแต่มันกลับสร้างเรื่องราวให้เขาโดนเอาเปรียบ หลี่อี้เฟิงปิดประตูล็อคห้องสุขาไว้ กอดเข่ากอดร่างตัวเองฟุบหน้าลงไป อยากตะโกนด่าแต่สรรหาคำพูดจะที่เหมาะสมกับคนบ้าคลั่งตรงหน้าไม่ได้ ใจร้ายเกินไป เลวทรามเกินไปแล้ว





ความต้องการที่หยางหยางปลุกเร้าไว้เมื่อครู่ลดลงแล้ว แต่ยังคงรู้สึกได้จนอี้เฟิงจะต้องข่มมันไว้ ถ้าทำต่อ มันก็จะทำให้ตัวเขารู้สึกอับอายจนแทบแทรกแผ่นดิน
ถึงจะแค้นจนน้ำตาจวนจะไหลออกมาแต่หลี่อี้เฟิงเก็บมันไว้ ไปร้องไห้กับอะไรอื่น ยังดีกว่ามาร้องไห้เพราะคนพรรค์นี้





“สนุกบนความทุกข์ของคนอื่น ... ไอ้การกระทำแบบนี้ก็สมกับนายแล้ว หยางหยาง แต่ฉันก็ไม่ได้ยอมให้นายกระทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอก..อยากจะสนุกนักใช่มั้ย...”



หลี่อี้เฟิงไม่ได้เห็นหยางหยางเป็นเพื่อนร่วมงานอีกต่อไป




เขาไม่อยากเรียกชื่อด้วยซ้ำ



แค่คนคนนี้ ก็มากพอแล้ว









******************************************************************************TBC 1



TALK :: ด่าใครก็ด่าแต่ห้ามด่าเฟิงเฟิงนะ!


วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[FIC] OURSONG ~我們的歌 -- หยางเฟิง / เพลงที่ 6




[FIC] OURSONG ~我們的歌 -- หยางเฟิง / เพลงที่ 6
Pairing :: หยางหยาง x หลี่อี้เฟิง
Rating :: PG


*****************************************************************************



“ตื่นแล้ว ๆ นาฬิกาสมัยนี้ปลุกได้น่าเตะจริง ๆ  โอย วันนี้มีเรียนมั้ยเนี่ย”


หลังจากเหตุการณ์ที่เขา และ รุ่นพี่หยางหยางคนนั้นเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ ที่จริงวันนั้นที่โรงพยาบาล เขาเองที่เป็นคนทำลายระยะหนึ่งช่วงแขน ทั้งที่ตัวเองเป็นคนกำหนดเอง แต่ก็ทำลายระยะเองเสียอย่างนั้น



ก็หยางเกอป่วยอยู่หรอกหน่า




ให้เหตุผลว่าหยางเกอของตัวเองป่วยก็เลยเข้าใกล้ในระยะใกล้แสนใกล้จนเขินกันทั้งคู่ แต่อี้เฟิงก็คิดว่ามันดี แบบว่ามันดีแล้วระยะนั้น เขาก็ได้รู้ใจตัวเองซักที




ชอบเขาไปซะแล้วล่ะ รุ่นพี่หยางหยางสุดหล่อของสาว ๆ
เผลอตกหลุมรักของหยางเกอเข้าแล้ว



อี้เฟิงก็ใช่ว่าจะไม่รู้ถึงความรู้สึกของรุ่นพี่ซะเลย รุกหน้ามาขนาดนั้น ไม่รู้ อี้เฟิงก็คงต้องกลับไปเช็คต่อมรับความรู้สึกของตัวเองใหม่แล้ว แต่ก็นั่นล่ะ อย่างที่เคยกังวล มันจะรอด จะเป็นไปได้ จะยาวนานขนาดไหน


แต่นั่นเป็นความกังวลก่อนเวลาเพียงเท่านั้น ถ้าหากชอบเขาแล้ว และเขาก็มีใจ สุดท้ายก็ห้ามใจของกันและกันไม่ได้หรอก



เดี๋ยวก็จะต้องเบนเข้าหา จูนกันติดและใกล้ชิดกันจนได้


ระยะนั้น ที่อี้เฟิงได้ตั้งไว้หายไปแล้ว เหมือนพูดไปก็ล่องลอยในอากาศเลย อยากตั้งใจให้ห่างแบบนั้นกันไปซักพัก แต่เป็นเขาเองที่ไม่กี่วันก็วิ่งเข้าไปหาเกอเขาเสียแล้ว


เสียเชิงซะหมด




ก่อนหน้านี้อี้เฟิงได้ลองโทรไปปรึกษาเพื่อนสนิทที่สุดซึ่งมีประมาณสี่ห้าคน กดประชุมสายคุยกัน วิเคราะห์ปัญหาหัวใจของอี้เฟิงอยู่เป็นชั่วโมง สรุปให้ว่าก็อย่างที่อี้เฟิงคิด


“เอ็งก็หลงรักเขานั่นล่ะอี้เฟิง”
“รักเขาเข้าแล้วล่ะ”
“อย่าปฏิเสธนะเว้ย ถ้าเป็นตามที่แกเล่า บวกเหตุการณ์ที่แกเจอ อีกคนชอบแกขนาดนั้น แถมแกก็มีปฏิกิริยากับเขาแบบนี้ สรุปให้เลย เอาเหล้าสามแก้วเป็นของประกัน ชอบเขาชัวร์”
แล้วคน ๆ นั้น เป็นใครวะ ใครที่ทำให้หนุ่มน้อยผู้ใจแข็งเป็นหินผาของพวกเรา เป็นได้ขนาดนี้ ถึงขั้นต้องมาเป็นที่ปรึกษาให้เนี่ย”



อี้เฟิงไม่ตอบเพื่อนสนิทในสายซักคน ไม่บอกอะไรเลย ยังไม่อยากให้รู้ แต่เพื่อนที่คบกันมานานจะไม่รู้เชียวหรือว่า เพื่อนคนนี้หนักใจกับปัญหาความรักนี้ขนาดไหน

“อี้เฟิง ฉันดาซุน จิ้งฝู เทียนฮ้าวกับหวินหลง ยังไงก็อยู่ข้างแก มีอะไรก็บอกได้ ใครทำอะไรแกก็บอกได้ หัวใจแกมีปัญหาก็บอก ไปก๊งเหล้ากัน”

เพื่อนสนิท ดาซุนของอี้เฟิงเอ่ยขึ้นมาทะลุปล้องเล่นเอาทั้งวงสนทนาในสายซาบซึ้งกันถ้วนหน้า

“ในคณะก็มีไอ้บ้าดาซุนนี่ล่ะที่กล้าพูดอะไรน้ำเน่าๆ แบบนี้ใส่ชาวบ้าน” จิ้งฝูเพื่อนอีกคน เอ็ดใส่ดาซุนแถมหัวเราะเสียดัง
“ว่าแต่อี้เฟิง แกหนักใจกับรักครั้งนี้มาก ปัญหามันใหญ่ขนาดไหน พ่อแม่?  ฐานะ ? ความสัมพันธ์ซ้อน? หรือ...”


อี้เฟิงไม่ตอบอะไรเทียนฮ้าวที่ถามขึ้นต่อ เพราะอยากรู้ เทียนฮ้าวละประโยคหลังไว้ หากเป็นอย่างที่เขาคิดไว้
“อี้เฟิง หลี่อี้เฟิง ฉันจะบอกอะไรแกไว้ซักอย่าง รักใครก็รัก อย่าไปสนใจแม่งรอบตัว หัวใจของแกเอง”

เทียนฮ้าวจัดประโยคเด็ดให้อี้เฟิง พร้อมหวินหลงที่เสริมขึ้นมา

“รู้จักความรัก ดีกว่ารักไม่เป็น รักซักครั้ง จะเป็นใคร อะไร ตัวอะไรก็รักแม่งไปเถอะ “




พอได้คุยกับเพื่อนสนิททั้งหมดเหล่านั้น อี้เฟิงก็ผ่อนคลายหัวใจและความเครียดลง จะมีใครอื่นที่จะเครียดและกังวลกับการมีความรักเท่าเขามั้ยวะเนี่ย? ความรักครั้งแรกก็จริง แต่ทำอย่างไรได้ล่ะ คนมันกังวล อีกฝ่ายดังสุด ๆ ไปเลยด้วย ป๊อบปูล่าขั้นเทพ จะไปหาใครที่เหมาะสมกว่า เขาก็คงไม่ว่ารุ่นพี่หยางหยางหรอก ทิ้งเขาไว้กลางทางตรงนั้น ไปกับคนที่ใช่ แบบนั้น เขาก็คงไม่เป็นไร



แต่คงช้ำตรงที่หัวใจมาก  ก็ตามที่หวินหลงว่า ดีกว่าไม่เคยรักใครและเสียดายช่วงเวลาดี ๆ ที่ได้พบเจออะไรที่สวยงามอย่างความรักในตอนนี้




“นั่นสินะ อย่างน้อยเราก็น่าจะเปิดใจให้เกอเขาหน่อย ฝั่งนั้นก็พยายามมามาก เราเองก็เห็นเขาทำอยู่ทุกวัน ๆ “

อี้เฟิงพูดกับตัวเอง พลางดันตัวเองให้ลุกขึ้นกับเตียง แต่สุดท้ายก็นั่ง ๆนอน ๆไม่พ้นเตียง คิดมากไปเรื่อย พอพูดถึงเรื่องตียงแล้ว  ก็พาลไปคิดถึงเหตุการณ์ในโรงพยาบาลวันนั้น เขาอยู่จนถึงเช้าตามที่ให้สัญญาไว้ รุ่นพี่หยางหยางนั่นก็บ้าจี้ นั่งนอนมองเขาทั้งคืน อี้เฟิงที่นอนหลับน้ำลายยืดอยู่ที่โซฟา เครื่องนอนนั้นก็ลักขโมยเอาจากตู้สำรองของโรงพยาบาล จำได้ว่าหยางเกอบอกว่า กลัวอี้เฟิงจะแอบกลับ ก็เลยขอมองแบบนี้ทั้งคืน สรุปไอ้รุ่นพี่บ้าต้องอยู่โรงพยาบาลเพิ่มอีกหนึ่งวันเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ


บ้าจริง ๆ คนอะไร มานั่งมองคนนอนหลับทั้งคืน ตอนนอนหลับ เขาเผลอกรน เผลอทำอะไรประหลาด ๆ รึเปล่าก็ไม่รู้


หยางหยางบอกอี้เฟิงว่า มีแอบละเมอถึงของกินบ้าง แล้วก็เกือบตกโซฟาแต่ที่ดีหยางหยางไปคว้าตัวไว้แทน และถ้าไม่ติดว่าป่วยอยู่จะอุ้มขึ้นไปนอนบนเตียงด้วย แต่ก็ลำบาก อี้เฟิงออกจะหนัก พอโดนแซวแบบนั้นอี้เฟิงก็ขอปาหมอนใส่ซักทีและขอตัวกลับก่อน เพราะอีกวันถัดมามีเรียน รุ่นพี่คนนั้นขอบคุณ และยังไม่วายแอคแทคหัวใจชาวบ้านเขาอีก


“ขอบคุณที่มาให้เกอมองทั้งคืนนะ เสียดายวันนี้อยากกลับพร้อมอี้เฟิง “
“เอาหน่า เดี๋ยวเราก็ได้เดินกลับหอพักพร้อมกันอีก เกอหายดีก่อนแล้วกัน”
“พรุ่งนี้จะไปรับแต่เช้าเลยนะ”
“ถ้าผมไม่มีเรียนผมไม่ตื่นเช้าหรอก”
“ว้า เช้าวันนั้นของเกอคงเฉา”

พูดจบก็ทำหน้าเฉาไปตามคำพูดจนอี้เฟิงแอบยกยิ้มขำ “แต่รุ่นพี่ก็ค่อยมาราตรีสวัสดิ์ผมก็ได้”

“งั้นขอไปราตรีสวัสดิ์ กู๊ดไนท์กันถึงเตียงนอนอี้เฟิงเลยได้มั้ยล่ะ”

อี้เฟิงเบะปากเล่นหูเล่นตาใส่ ไม่ตอบ รุ่นพี่ก็พอรู้ว่านั่นคือการปฏิเสธอย่างสุภาพไม่ตอบกลับอย่างตรง ๆ ให้เขาเสียใจ หยางหยางยิ้มให้และไล่ให้อี้เฟิงกลับไปเตรียมตัวเข้าเรียน ซึ่งรุ่นน้องก็ทำตามอย่างว่าง่าย คนน่ารักบอกลารุ่นพี่ แถมยังกำชับว่านอนแต่หัวค่ำ กินข้าวเยอะ ๆ


“เดี๋ยวผมจะมาหาตอนค่ำ ๆ วันนี้มีเรียนทั้งวันมีซ้อมด้วย “
“ไม่ต้องอี้เฟิง ไม่ต้องมาแล้ว เกอโอเคขึ้นมากแค่พักผ่อนไม่พอ”
“ก็เพราะเกอบ้านั่งมองผมทั้งคืนก็ความผิดผม”



หยางหยางไหวไหล่และส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนตอบ



“ขอเอาโควตาของคืนนี้ไปใช้วันอื่น ที่อื่นได้ไหม แบบ...ขอไปนั่งห้องอี้เฟิงซักวันนึง”
“จะเข้าห้องผมให้ได้เลยใช่มั้ย”
“ก็อยากไปดู ห้องว่าที่แฟนเป็นแบบไหน”
“ห๊ะ ?”

หลุดคำสรรพนามแปลก ๆ ออกมาอีกแล้วตารุ่นพี่คนนี้ อี้เฟิงคิด พร้อมมองเจ้าของประโยคและสรรพนามประหลาดแทน อี้เฟิงตาแทบถลน

“อย่าเพิ่งทำหน้าดุแบบนั้นซี่ คิดว่าเกอไม่จริงจังกับอี้เฟิง แค่จะมาจีบเล่น ๆ แล้วไปหรือไง เรื่องขอเป็นแฟนจริงจังมากนะ แต่ขอให้อี้เฟิงไว้ใจเกอให้มากกว่านี้ซักนิด นานกว่านี้ไปอีกก็ไม่เป็นไร “

อี้เฟิงตั้งใจฟัง จนคิ้วขมวด หยางหยางเห็นแล้วรู้สึกเครียดแทนเจ้าตัวจึงยกมือชี้หน้าตัวเองบอกตำแหน่งที่ระหว่างคิ้วจิ้มให้อี้เฟิงสังเกตว่าตัวเขาเองเครียดแค่ไหน และบอกให้ผ่อนคลาย

“อี้เฟิงอย่ากังวลเลยครับ อย่ามากังวลแทนเกอ อี้เฟิงจะรับรักเกอมั้ย ก็ให้เกอคิดมากแค่คนเดียวก็พอ อยากให้อี้เฟิงทำตัวตามสบาย นั่งพิจารณาหยางเกอคนนี้ เพียงเท่านั้น”
“เกอพูดแบบนั้น เอาแต่ใจชะมัด”









อี้เฟิงทิ้งไว้แค่นั้นแล้วก็หันหลังกลับออกจากห้องพักคนไข้ไป หยางหยางยังคงงงกับประโยคเมื่อครู่และพยายามตีความแต่เพราะประโยคนั้นมันสั้นเกินไป อี้เฟิงทิ้งไว้ให้เขาคิด เขาเอาแต่ใจจริง ๆ
“แสดงออกว่าตัวเองรักเขามากขนาดนั้นก็ลำบากใจสิ แถมดันตกหลุมรักกลับด้วย แบบนั้นจะมานั่งสบายใจอยู่ได้ไงเล่า คนบ้า”




ตัดกลับมาที่ปัจจุบันหลังจากที่อี้เฟิงนั่ง ๆ นอน ๆใช้ความคิดบนเตียงหลังตื่นมา และพบว่า


“ชิบ! เที่ยง ไอ้บ้าอี้เฟิงเอ๊ย”



เขามีเรียนสิบโมง และตอนนี้มันก็เที่ยงแล้ว คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเผลอโดดเรียนไป เขานึกว่ามันผ่านไปแค่ สิบนาทีเองแท้ ๆ จริง ๆ แล้วมันสามชั่วโมงต่างหาก

“ช่างมัน เฮ้อ”

บ่นตัวเองจบก็เอนตัวลงเตียงนอนเหมือนเดิมอย่างแมวขี้เกียจ คิดว่าช่างหัวมันแล้วกัน คาบเดียวไม่เป็นไร รายวิชานี้อี้เฟิงยังไม่เคยขาด เก็บโควต้าไว้เผื่อมีงานหรือเหตุการณ์อะไรสำคัญ เออ วันนี้สำคัญ เพราะมีปัญหาป่วยหัวใจคิดมากอยู่แบบนี้



ออด



เสียงออดหน้าห้องพักดังขึ้น คนน่ารักยู่หน้าสงสัยว่าใครจะมาหาเขา หรือเป็นเพื่อน ๆ ?



“เห้ย!

พอเปิดประตูออกไป ก็พบกับคนรูปหล่อขวัญใจสาว ๆ และต้นเหตุปัญหาป่วยหัวใจของอี้เฟิง



“หยางเกอ!
“ครับ เกอเอง วันนี้ทำไมไม่ไปเรียน เรามีตารางเรียนสิบโมงไม่ใช่หรอ”
“รู้ได้ไงอ่ะ!
“ง่ายนิดเดียว ก็เดินไปถามเพื่อนเราที่ชมรมน่ะสิ”
“ห๊ะ ????”


หยางหยางพอรู้ว่าอี้เฟิงมีเพื่อนสนิทที่ชมรมซึ่งเป็นเพื่อนคณะเดียวกันด้วย พอหยางหยางเดินเข้าไปในชมรม สาว ๆ ก็ตกใจกันใช่ย่อย เพราะไม่คิดว่าเขาจะไปเยือนที่นั่น และได้คุยกับกลุ่มเพื่อนของอี้เฟิงหลายคน














“ตารางเรียนอี้เฟิงหรอ วันนี้มันมีเรียนสิบโมงแต่ก็ดันโดด ว่าแต่รุ่นพี่มีอะไรกับมันหรือเปล่าครับ? “

เพื่อน ๆ ของอี้เฟิงหลายคนเป็นกังวลว่าแมวทโมนอย่างอี้เฟิงจะไปกวนบาทาอะไรประธานชมรมเทควันโดแชมป์ประเทศคนนี้หรือเปล่า คิดแล้วก็ขนลุกหากเป็นปัญหากันขึ้นมาจริง ๆ อี้เฟิงคงเจ็บตัวแน่ ๆ


“มีปัญหานิดหน่อยน่ะครับ”
“เวรแล้ว อี้เฟิงไปทำอะไรรุ่นพี่ ผมกราบขอโทษแทนมันก่อนเลย”

หยางหยางเผยยิ้มออกมา โบกมือปัดไม่เป็นไร และขอตัวออกมาก่อน แต่ไม่ทันจะเดินออกมาพ้นธรณีประตู มีสาว ๆกรี๊ดกร๊าดริมข้างทางเดินที่หยางหยางเดิน เพื่อนสี่คนที่สนิทที่สุดของอี้เฟิงก็มาดักหน้าหยางหยางไว้


“ขอถามแบบละลาบละล้วงนะครับรุ่นพี่ ผมเองก็ผู้ชายชอบใครเป็น ว่ากันตรง ๆ ที่พี่มาถามหาอี้เฟิงนี่  เพราะมีเรื่องอะไรกันแน่ ๆ ใช่ไหมครับ” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของอี้เฟิงที่เป็นห่วงเพื่อน จึงถามเอาจริงจัง หยางหยางยิ้มและให้รุ่นน้องเหล่านี้ผ่อนคลายเสียหน่อย
“มีปัญหาครับ”
“เรื่อง ? “


หยางหยางไม่อยากปิดบัง ไม่ใช่สิ เขาคิดหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของอี้เฟิง ดันมองออกเสียแล้วว่าเขาเดินข้ามฟากมาที่ชมรมดนตรีทั้งที่ไกลปานคนละขอบโลกนี่ทำไม 

“เพื่อนผมไปป่วนหัวใจรุ่นพี่รึเปล่าครับ ?”
“ก็นิดหน่อยครับ”
“แล้วมันทำอะไรมากกว่านั้นไหม”
“มากกว่านั้นหมายถึงอะไรล่ะ ?”

หยางหยางทวนคำถามรุ่นน้องเหล่านี้ พวกเขาดูเป็นห่วง หรืออาจจะหวงเพื่อนเสียด้วยซ้ำ แต่ก็เข้าใจได้ หลี่อี้เฟิงเป็นเด็กที่น่าเป็นห่วง ต้องมีคนหวงจริง ๆ ด้วยระดับความน่ารักแบบไม่ธรรมดาอย่างที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว


“เพื่อนผม เห็นบ้า ๆ บวม ๆ แบบนั้น คนมาจีบก็เยอะนะครับ แต่มันบ้าเองที่ไม่รู้”
หยางหยางนิ่วหน้าเชิงถาม จนเพื่อนอีกคนหนึ่งของอี้เฟิงต้องบอกข้อมูลลับออกมาเพิ่ม
“เอาจริง ๆ พวกผมก็ไม้กันดี ๆ นี่ล่ะ อี้เฟิงมันติงต๊องไม่ทันคน แถมยังโดนแกล้งออกบ่อย พวกผมรวมทั้งเพื่อนคนอื่นในชมรมเป็นห่วงมัน ก็ใช่ว่าใครจะมาแกล้งมันได้หรอกนะครับ ทั้งทางกายทั้งทางใจ”

เพื่อนของอี้เฟิงเริ่มตั้งป้อมใหญ่ คราวนี้เขาเริ่มเจออุปสรรคสำคัญแล้วหนึ่งอย่าง อี้เฟิงเองก็ดูเป็นคนรักเพื่อนมาก และเพื่อนก็รักเขามากเช่นกัน ด่านนี้ยากไม่เลวเลย

ฉะนั้น ลองพุ่งชนหน่อยเป็นไร


“เพื่อนพวกน้อง หลี่อี้เฟิงน่ะ มีปัญหา..กับผมนิดหน่อย”
“ครับ ? “
“เขาขโมยหัวใจผมไป”

พอตอบตามตรง จากที่โดนดักตั้งป้อมอยู่นาน ท่าทางเพื่อนอี้เฟิงกลุ่มนี้จะสะเทือนไม่น้อย
“เหยด รุ่นพี่หยางหยางคนจริง “ เพื่อนคนแรกอุทานตกใจ
“รุ่นพี่ชอบมัน ??! อีกคนก็ทวนถามหยางหยางให้แน่ใจ
“จะว่าไป ไอ้อี้เฟิงมันก็เดินไปไหนมาไหนกับรุ่นพี่บ่อย ๆ ด้วยนี่หว่า” อีกคนก็ทบทวนเหตุการณ์ให้เพื่อนที่เหลือฟัง แล้วพากันไปวิเคราะห์กันใหญ่โต

หลังจากนั้นหยางหยางขอตัวออกไปก่อน และเขาก็ลักลอบได้ยินบทสนทนาของเด็กกลุ่มนั้น ท่าทางอี้เฟิงอาจจะเอาปัญหาหัวใจหลายอย่างมาปรึกษา เขามั่นใจว่านั่นต้องมีปัญหาของเขาด้วยแน่


มีประโยคสุดท้ายที่เพื่อนคนหนึ่งของอี้เฟิงตะโกนหลังจากเขาเดินออกจากชมรมดนตรีออกมา


“รุ่นพี่หยางหยาง ถ้าทำให้อี้เฟิงร้องไห้ใจร้ายกับมัน พวกผมจะไปพังโรงยิมชมรมพี่“















เจ้าเด็กพวกนี้พูดอะไรแบบนั้น ใจร้ายที่ไหนกัน เพื่อนเขาต่างหากที่ใจร้าย ยังไม่เปิดใจให้กันซักนิด



“หยางเกอ หยางเกอฮะ!
“หา ?”
“ผมเรียกอยู่นานแล้วเนี่ย  เกอไม่มีเรียนรึไง แล้วไปหาผมที่ชมรมแบบนั้น เพื่อนผมไม่ตกใจกรี๊ด เกรียนใส่เกอแย่หรือ”
“เพื่อนอี้เฟิง แค่เป็นห่วงอี้เฟิงมากไปหน่อยเท่านั้น”




อี้เฟิงงงงวยกับคำตอบของหยางหยาง อีกฝ่ายตอบมาแบบนั้น เขาต้องถามอะไรต่อ หวังว่าเจ้าพวกนั้นคงไม่ทำอะไรรุ่นพี่หรอกนะ  และคิดว่าเจ้าพวกนั้นบางคนก็คงรู้แล้ว ว่ารุ่นพี่คนนี้ไปทำอะไรที่นั่น และไปในฐานะอะไร



“ เฮ้อ เจ้าพวกนั้น...”
“ไม่มีอะไรหรอกอี้เฟิง แต่แค่หยางเกอคนนี้ต้องพยายามให้มากกว่านี้หลายเท่า จะคว้าหัวใจคนน่ารัก ฝ่าด่านเยอะก็ไม่แปลกหรอก”
“อย่ามาล้อเล่นแบบนี้ซี่ ไปถามหาผมถึงที่นั่น รู้เรื่องกันหมดบางแล้วมั้ง โอย”


หยางหยางมองใบหน้าของคนขี้กังวล อี้เฟิงขมวดคิ้วอีกแล้ว รุ่นพี่ถึงกับต้องยกมือข้างที่ว่างอยู่สะกดจุดจิ้มเข้าที่ระหว่างคิ้วให้คนน่ารักคลายเครียด

“เกอขอโทษนะ คนมันเป็นห่วงจริง ๆ ไปดูที่ห้องเรียน ตึกคณะที่คิดว่าน่าจะมีก็ไม่เจอ เลยต้องไปถามน่ะ”
“โทรศัพท์ก็มี ถามผมซี่”
“อี้เฟิงปิดเครื่องเอาไว้ไม่ใช่รึไง”

พอนึกขึ้นได้ เขาปิดเครื่องไว้จริง ๆ จำได้ว่าฟังเพลงจนแบตหมด และก็ไม่ได้เอามันไปชาร์ตต่อและปล่อยไว้อย่างนั้น พอเปิดดูก็เจอมิสคอลจากหลายคนที่คงจะโทรปลุกให้เขาไปเรียนและสายเข้าจากรุ่นพี่อีกเพียบ

“ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”
“ไม่เป็นไรครับ เกอเองที่เป็นห่วงอี้เฟิง อย่ากังวลไปเลย แล้วก็..ขอโทษที่เข้าไปที่ชมรมโดยไม่บอกก่อน มันอาจจะทำให้อี้เฟิงวุ่นวาย ต่อไปเกอจะไม่ทำอีก”



ตายล่ะ...อี้เฟิงคิด เขาเผลอแสดงอารมณ์แบบไหนออกไป หยางเกอพูดด้วยน้ำเสียงติดตัดพ้อแบบนั้น เขาไม่รับรู้เลยว่าหยางหยางอาจจะแค่เป็นห่วงและไม่รู้จะทำอย่างไรจึงต้องไปที่นั่น




“คือผม ..”
“ไม่เป็นไร ๆ อี้เฟิงก็อย่าไปคิดอะไรมากเลย เกอจำเป็นต้องทำ และทำไปแล้ว เกอจะไปจัดการเรื่องยุ่งยากนั่นให้”
“จัดการยังไง ให้เจ้าพวกนั้นมันเลิกพูดมาก ทำไม่ได้หรอกเกอ ป่านนี้เรื่องของเกอที่ไปถามถึงผม คงรู้กันทั้งชมรมแล้ว”
“นั่นล่ะ...”

อี้เฟิงเห็นท่าไม่ดี รุ่นพี่ดูสีหน้าไม่ดีเลย คิดมากเป็นคนแก่ไปใหญ่แล้วละมั้งเนี่ย  คนน่ารักพยายามาบตามองรุ่นพี่ที่เบี่ยงไปเบี่ยงมา


โดยเขาน้อยใจใส่แล้วอี้เฟิง แกเอ๊ย


เขาไม่ได้นึกรังเกียจอะไรรุ่นพี่แต่แค่จะโดนล้อกันทั้งบาง ก็เท่านั้น เห็นคนหล่อทำหน้าแบบนี้ อี้เฟิงพลอยหวั่นไหว ใจเสียไปด้วย


ไม่ไหวเลย หัวใจของอี้เฟิงรับไม่ไหวเลย เห็นแล้วปวดใจยิ่งกว่าอีก


“หยางเกอเข้ามา”
“นี่มันห้อง..”
“เออห้องผม เข้ามาเถอะหน่า เรายืนคุยกันตรงนี้นานเกินไปแล้ว”



อี้เฟิงถูลู่ถูกังรุ่นพี่เข้ามาในห้อง หยางหยางตกใจเล็กน้อยทั้งที่ก่อนหน้าอี้เฟิงไม่เปิดโอกาสให้เขาเลย แต่ครั้งนี้กลับลากเขาเข้ามาเสียเอง

“อี้เฟิง..”
“หยางเกอคงไม่ทำอะไรไม่ดีใช่มั้ยล่ะ ก็ไม่เป็นไร เอ้านั่งคุยกันก่อนเลย!


อี้เฟิงดันอกให้รุ่นพี่นั่งที่โซฟาตัวแคบที่มีพื้นที่สามารถนั่งได้สองคนเท่านั้น และหันมาจ้องหน้ารุ่นพี่ดี ๆ  สายตารุ่นพี่คอยมองเขาอยู่ก่อนแล้ว และทันที่อี้เฟิงหันไปสบสายตา เขาก็เริ่มพูด


“หยางเกอ”
“ครับ “
“อย่าทำหน้าตาแบบนั้น “

อี้เฟิงเอ่ยข้อความกำกวม หน้าตาแบบไหนที่อี้เฟิงคนนี้ไม่ชอบ เขาจะไม่ทำ หรือเผลอหน้าบึ้งหรือแสดงอารมณ์ที่อีกคนไม่ชอบหรือ หยางหยางคิด พอรู้ตัวใบหน้าหล่อเหลาก็เผยยิ้มให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้น

“ก็ยังไม่ดี “

หยางหยางสบตารุ่นน้องอีกครั้งอย่างนึกสงสัย เขายังทำอีกฝ่ายไม่พอใจหรือ หยางหยางยังคงยิ้มอยู่แบบนั้น แต่เขาไม่พูดอะไรแต่เอียงคอเล็กน้อยเชิงถามไปแทน

“ผมแค่จะเขินมาก เวลาโดนแซว ยิ่งเป็นเรื่องความรักจะยิ่งเขินมาก จะทำตัวไม่ถูก เกอเข้าใจมั้ย”

คนฟังนึกประหลาดใจ อีกคนอ่านใจเขาออก และนั่นคงแสดงออกไปทางสีหน้า กังวลว่าอีกคนจะรังเกียจหรืออึดอัด


โดยรวมทั้งหมดคือ เผลอแสดงอาการน้อยใจใส่น้องเขาไปแล้ว



“หยางเกอครับ ฟังผมดี ๆ ถ้าผมนึกไม่ชอบเกอตั้งแต่แรก คงไม่ให้เกอมาป่วนผมแบบนี้ ทั้งสมองทั้งหัวใจผม มีแต่เรื่องหยางเกอทั้งนั้น เกอทำให้ผมไม่ได้หยุดพัก เกอทำให้ผมต้องโดดเรียน ชดใช้มาเลย”


คนน่ารักร่ายยาว มือแมว ๆ อยู่ในสุขเอาแนบหน้ารุ่นพี่ แตะแก้มเขาแล้วขยับให้ใบหน้าหล่อเหลานั่นไปตามแรงมือ รุ่นพี่ขี้น้อยใจเป็นคนแก่เลย  แต่ปลอบเขาได้ไม่นานก็กลับมาระบายอารมณ์ใส่เขาเสียแล้วและคาดโทษว่าเขาเป็นต้นเหตุให้ตัวเองต้องโดดเรียน แต่หยางหยางกลับยิ้มออก ทั้งที่โดนคนน่ารักหน้ายู่เป็นแมวงอนคาดโทษเนือง ๆ  

“ให้หยางเกอคนนี้ทำยังไงดี” พออี้เฟิงแกล้งรุ่นพี่คนหล่อสมใจ ทันที่ลดมือลง รุ่นพี่ก็รีบคว้าไว้ มากอบกุมเอาไว้ไม่ให้เสียโอกาส อี้เฟิงค้อนใส่ใหญ่โต แต่ก็ปล่อยให้เขาจับไว้อยู่นั่น แค่จับมือไม่เป็นไรหรอกหน่า ไม่สึกหรอเสียหน่อย
“เกอนี่นะ ได้ทีก็..”
“ทำเป็นมองข้ามไปบ้างหน่าอี้เฟิง”
“หมาป่าไลน์เริ่มออกแล้วเห็นไหมล่ะ”

หยางหยางกลั้วหัวเราะ ก็พอจะรู้ตัวว่าพออยู่ต่อหน้าอี้เฟิงแล้วเขาจะสวมวิญญาณแบบนี้ แต่ให้ทำอย่างไรได้ อยากได้น้องเขามาเป็นของตัวเองเหลือเกิน

“ว่าไง อี้เฟิงให้เกอทำอะไรไถ่โทษที่ทำให้อี้เฟิงต้องโดดเรียน”
รุ่นน้องคนน่ารักใช้ความคิดซักพักก็มีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นมา อี้เฟิงหน้าแดงทันที ก็เพราะนั่นเป็นเสียงท้องเขาร้องน่ะสิ หยางหยางขำยกใหญ่จนอี้เฟิงจะต้องสลัดการกอบกุมอุ่น ๆนั้นมาฟาดใส่รุ่นพี่ซักที โทษฐานล้อเลียนเขา ก็คนมันหิวนี่หน่า

“งั้นผมขอข้าวซักมื้อ ซักชุดจะเป็นพระคุณเลยเกอ ผมหิวมาก”


หยางหยางหัวเราะ เป็นเด็กที่ช่างกินเก่งเสียจริง วันก่อนที่อยู่ด้วยกันที่โรงพยาบาลเห็นว่าดึกดื่นมากแล้วก็ยังแอบหยิบขนมมากินทั้งที่พี่พยาบาลสั่งไว้ว่าห้ามเอาเข้ามาในห้อง แถมปริมาณก็ไม่ใช่น้อย ก็รู้ดีกรีของอี้เฟิงแล้ว ถ้าบอกว่าเขาเป็นแชมป์แข่งกินในรายการไหนซักรายการก็เชื่อ




สงสัยต้องทำอาหารเลี้ยงเด็กเพื่อขอโทษแล้วล่ะมั้ง











 ********************* OURSONG ~我們的歌 --*******************************















  


“เอาล่ะ อี้เฟิงนั่งรอเกออยู่นี่  แป๊บเดียว เดี๋ยวได้กิน ”
“หยางเกอจะทำให้ผมกินหรอ??”
“ครับ”



อี้เฟิงถามจบก็ได้คำตอบทันที หยางเกอของเขาจะกลายเป็นเซฟจำเป็นไปเสียแล้ว ไม่ยักกะรู้ว่าคน ๆ นี้มีความสามารถด้านนี้อีกด้วย คุณรุ่นพี่พาเขากลับมาที่ห้องของตัวเอง เดินเข้าครัวมาทันที เปิดหาวัตถุดิบในตู้เย็นเครื่องหรูหรา เขาที่ไม่เชื่อฟังคำบอกของรุ่นพี่เดินตามเข้าครัวมาด้วย ก็เพราะความอยากรู้อยากเห็น


“เกอจะเก่งเกินไปแล้ว ทำได้ทุกอย่างเลย”
“ไม่หรอกไม่ครบทุกอย่าง ตอนนี้ยังขโมยใจใครบางคนไม่ได้เลย” พูดจบประโยคก็ส่งสายตาออดอ้อนแบบชนิดที่สาว ๆเห็นต้องละลาย อี้เฟิงก็ละลายแม้ไม่ใช่สาวๆ แต่ก็ต้องเก๊กเข้มไว้ก่อน แม้จะหน้าแดงสู้กับมะเขือเทศบนเขียงนั่นก็เถอะ


แย่จริงหยางเกอทำให้อี้เฟิงคนนี้เขินได้ตลอด เดี๋ยวก็เป็นโรคหัวใจตายพอดี


“หยางเกอก็ได้หัวใจไปแล้วนี่ จากข้อความตอนที่อยู่โรงพยาบาลนั่นไง”
 เด็กน้อยยิงมุขหวาน ๆ ใส่หยางหยางบ้าง เขาได้ยินถึงกับเกือบทำมีดบาดมือ กำลังหั่นผักอยู่เชียวเด็กคนนี้

“ออกไปนั่งเล่นก่อน อย่าเพิ่งมากวนใจเกอสิ เดี๋ยวอดกินนะ”
“ผมยังไม่ทำอะไรเลย”
“แล้วเมื่อกี้ล่ะ ช่างพูดเหลือเกินนะเรา”
“ยังไม่ได้พูดอะไรเลี่ยนๆ แบบเกอเลยซักคำ อย่ามาคาดโทษกันสิ”


อี้เฟิงเอ่ยจบก็เล่นหูเล่นตาแลบลิ้นใส่ก่อนออกไปจากครัวเสียตามที่รุ่นพี่ว่า เกรงใจเดี๋ยวจะไม่ได้กินข้าวแต่น้ำตาลจะหกรดเต็มครัว แถมไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้เลย อี้เฟิงจะออกมาวิ่งเล่นด้านนอกครัว ในพื้นที่ห้องพักที่มีรูปแบบคล้ายกับของเขาแต่จัดห้องได้เรียบและมีสไตล์มากกว่าเขาหลายขุมนัก

“เป็นคนมีรสนิยมดีนะเนี่ย”

เขาเดินดูนั่นนี่ในห้องของหยางหยางไปเรื่อย ๆ  ห้องของหนุ่มรูปหล่อขวัญใจสาว ๆ ทั้งมหาลัย เผลออาจจะนอกมหาลัยด้วย เดินไปก็ฉายความหล่อขนาดนั้น อี้เฟิงกวาดสายตามองดูก็มีของที่สมแล้วที่เป็นห้องของหยางหยางคนนี้ หนังสือที่มีประโยชน์ อาหารบำรุงสุขภาพ คู่มือต่าง ๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น โซฟาที่เรียบและดูดี  มีเปียโนกลางห้องด้วย แม้อาจจะทำให้ห้องแคบคับ แต่โคตรดี สุดยอดเป็นบ้า เปียโนยี่ห้อดังราคาแพงลิบเสียด้วย ถัดไปจากตรงนั้นเป็นชั้นวางกรอบรูปเยอะแยะ หันไปมองบน ชั้นวางมีรูปในอิริยาบถต่างๆของรุ่นพี่ ตอนไปแข่งที่นั่นทำกิจกรรมที่นี่ ไล่ดูไปเรื่อย ๆก็พบสองรูปที่ต้องสังเกตเป็นพิเศษ


อี้เฟิงถือวิสาสะเข้าไปดูใกล้ ๆ


รูปแรกในรูปมีสามคน



คนแรกเป็นคุณแม่ ถัดไปเป็นคุณพ่อของรุ่นพี่...และรุ่นพี่ยืนใกล้ ๆท่าน...
ส่วนอีกกรอบรูปหนึ่งเป็นหยางเกอกับสาวสวยคนหนึ่งที่ถ่ายรูปกันแนบชิด และดูสนิทกันจนอี้เฟิงที่มองรูปนี้อยู่ต้องยกมือกุมตรงที่หัวใจ


มันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นเข้าหัวใจ



“เกอขอยืนยันนะว่า อี้เฟิงเป็นรักครั้งแรกของเกอ”


ไม่รู้หยางหยางออกจากครัวตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาถืออาหารสองจานวางด้วยกัน สังเกตว่าเป็นอาหารง่าย ๆ แต่ทำให้อร่อยได้ยากอย่างสปาเกตตี้ไก่สับ เขาวางมันลงกับโต๊ะอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากครัว และเดินตรงมาหาอี้เฟิง ที่ทำหน้าตาไม่สบายใจ


“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเกอสมัยมัธยม สนิทกันมากเพราะเราอยู่บ้านใกล้กัน และก็เรียนที่เดียวกันด้วย”
“ตอนนี้เธอ ?”
“ไปเรียนต่างประเทศน่ะ แต่ก็มีเหตุนิดหน่อยที่ทำให้เกอต้อง---- “
“หยางเกอ”
“ครับ ?

อี้เฟิงหยุดคำของหยางหยาง ซึ่งในตอนแรกก็กำลังตั้งใจฟังอยู่แต่เมื่อนึกขึ้นได้ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ซึ่งอี้เฟิงคิดว่า เขาไม่ควรไปยุ่งย่าม


“ผมดีใจที่เกอบอกว่าผมเป็นรักแรก แค่นั้นก็พอแล้ว เรื่องอื่นไม่เป็นไรหรอก”
“แต่เกอเห็นอี้เฟิงมองรูปนั้นแล้วสีหน้าเปลี่ยนไปมาก จนเกออยากจะกอดซักที”





คนน่ารักเผยยิ้มกับมุขตลกแกมหยอกของรุ่นพี่ เขารู้สึกปวดจิ๊ดขึ้นมาจริง ๆ นั่นล่ะ ก็เพราะใบหน้าของหยางเกอในรูปมันสดใสเกินไป เมื่ออยู่กับคนอื่นแล้วเกอเป็นแบบนั้น มันทำให้เขารู้สึกเจ็บที่ใจขึ้นอย่างแปลกประหลาด


นี่คือการรับรู้อีกขั้น ถึงความรู้สึกที่เขามีต่อรุ่นพี่คนนี้

ชอบเขามากขึ้นไปอีกระดับหนึ่งแล้ว





หยางหยางเห็นใบหน้าที่น่ารักต้องมุ่ยลงเพราะมีเรื่องให้คิด นี่เขาและอี้เฟิงสลับอารมณ์กันหรือ

แต่อย่างไรอีกคนก็สามารถทำให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้นได้ นี่ถือเป็นเรื่องดี

มือแกร่งยื่นออกไปตรงหน้า ตากลมโตมองเอียงคอนึกสงสัย แต่ก็คว้ามือเขาจับไว้โดยไม่ลังเล

“เราไปกินมื้อเที่ยงกันเถอะ “





















หลังจากมื้อเที่ยงผ่านไป สองคนชวนกันมานั่งตรงระเบียงหน้าห้อง หยางหยางสารภาพว่าตรงนี้ก็คือสถานที่ที่เขามาแอบฟังอี้เฟิงร้องเพลงเมื่อครั้งก่อนและทุก ๆ ครั้งที่อี้เฟิงเปิดคอนเสิร์ตตรงระเบียง หยางหยางก็มักจะมาแอบฟัง


“แบบนี้น่าจะเก็บค่าบัตรคอนเสิร์ตให้เข็ด”
“จะให้เกอจ่ายเท่าไหร่”
“ขอเป็นกับข้าวอร่อย ๆ ทุกมื้อแบบตะกี้ได้มั้ย”


หยางหยางยกยิ้มหัวเราะขำน้องอี้เฟิงของตัวเอง เด็กอะไรกินเก่ง จะว่าแรง ๆ ก็เห็นแก่กินจริง ๆ ตัวเขากำลังประมวลผลคิดอยู่ว่าจะต้องซื้ออะไรใส่ตู้เย็นเพิ่มบ้างเสียแล้ว อยากมีคนมาแบ่งกันกินแล้วเหมือนกัน

“แล้วเกอไม่มีซ้อมหรือเรียนแล้วหรอ ?”


อี้เฟิงไถ่ถามว่ารุ่นพี่ไม่มีเรียนหรือซ้อมอย่างไร ก็ได้คำตอบตลก ๆ แกมร้ายของรุ่นพี่จอมเจ้าเล่ห์มา



“ขอโดดวันนึง”



คุณรุ่นพี่บิดขี้เกียจโชว์แล้วหันมาหาอี้เฟิง เหมือนลูกชายขออนุญาตคุณแม่ไม่ไปเรียนพิเศษแบบนั้นเลย คนน่ารักยิ้มหลายรอบของวันก็ยังคงยิ้ม เขาชอบใจกับความเป็นตัวของตัวเองต่อหน้าเขาตอนนี้ของหยางหยางคนนี้เสียแล้ว

“เกเรแล้ว ประธานชมรม ไปซ้อมเถอะไป”
“วันนี้โดดได้นะอี้เฟิง เด็ก ๆ ในชมรมไปเข้ากิจกรรมของโรงเรียนกันหมด ส่วนรุ่นพี่อย่างเกอก็โน่นตายที่บ้านกันหมด เจ้าพวกนั้นดันโดดเรียนจนต้องปั่นงานให้ทันส่งอาจารย์คาบหน้า ส่วนของเกอ สบายเสร็จแล้ว เจ้าพวกนั้นก็ลอกกันอยู่”

รุ่นพี่กลั้วหัวเราะท้ายประโยคประกอบการอธิบายให้เหตุผลถึงที่เขาอยากโดดซ้อมชมรมวันนี้บ้าง  อ้างถึงเพื่อนและรุ่นน้องของเขา อี้เฟิงพอจำได้ว่าวันนี้รุ่นน้องปีต่ำลงไปมีกิจกรรมของมหาวิทยาลัย คงมาซ้อมไม่ได้ ทั้งชมรมดนตรีเองก็ด้วย
เจ้าของใบหน้าน่ารักใช้ความคิดต่อ จากประโยคที่หยางหยางได้อธิบายให้เขาฟัง ...อี้เฟิงพาลคิดว่ารุ่นพี่คนนี้คงเป็นคนเพอร์เฟค เป็นเทพบุตรของโลกใบนี้และจับต้องได้ยาก แต่อี้เฟิงคิดไปเอง ตอนนี้เขาเป็นแค่มนุษย์มีหัวใจเหมือนกับอี้เฟิงนั่นล่ะ



“ปกติจะเห็นหยางเกอดูขรึม ๆ เข้ม ๆ มีมาด แถมเข้มงวด เจอเกอบอกว่าจะโดดซ้อมแบบนี้ ผมก็ตกใจเหมือนกันนะเนี่ย”
“มันก็มีบ้างล่ะครับอี้เฟิง เกอเองก็ไม่ใช่เด็กดีขนาดนั้น ตอนปีหนึ่งเคยโดดซ้อมไปเกมส์เซนเตอร์ด้วยล่ะ เล่นซะจนดึกดื่นแม่นี่วิ่งวุ่นตามหา แถมโดนลงโทษหักค่าขนมอีกตังหาก”


อี้เฟิงหัวเราะกับเรื่องเล่าของรุ่นพี่ถึงความแสบของตัวเอง

เขาเอียงคอรุ่นพี่อย่างพินิจพิจารณา










จับต้องได้จริง ๆนั่นล่ะ


“อี้เฟิง ...?”











พอคิดถึงคำว่าจับต้องได้ อี้เฟิงก็เผลอยกมือแตะเข้าที่แก้มรุ่นพี่ด้วยเสียอย่างนั้น นั่นจึงเป็นโอกาสให้รุ่นพี่คว้ามือนุ่มนิ่มข้างนั้นเอาไว้ และแนบฝ่ามือไว้ที่ใบหน้าหล่อเหลานั่นให้เต็มฝ่ามือโดยไม่ต้องเกรงใจอะไร


“อยากสัมผัสหยางหยางคนนี้มากกว่านี้มั้ย อี้เฟิง”


พอรุ่นพี่แทนตัวเองด้วยชื่อจริง นั่นเป็นจุดที่ทำให้อี้เฟิงใจสั่นไหวได้อีกจุด เขาเลื่อนมือข้างนั้นของอี้เฟิงลงต่ำที่อกที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นแบบกล้ามของนักกีฬาที่แข็งแรง มือข้างนั้นแนบอยู่ตรงนั้นพอดี


สัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจของหยางหยางได้ชัดเจน



“หยางเกอ...”





ระยะของทั้งสองก็ยังเป็นหนึ่งช่วงแขน แต่ว่ามันไม่สุดแขนในระยะวัดของอี้เฟิง หยางหยางย่อระยะนั้นให้สั้นลงเรื่อย ๆ ทำให้แขนของอี้เฟิงงอพับ ลดระยะให้หยางหยางเข้าใกล้อี้เฟิงได้จนใกล้สายตา



“หัวใจของเกอเต้นผิดจังหวะขนาดนี้ แถมดังมากด้วย รู้สึกไหม?”
“จังหวะอะไรก็ไม่รู้แถมดังจนแทบระเบิดเลย แต่...เอาจริง ๆ ของผมก็ด้วย”


หยางหยางได้ยินคำสารภาพของอี้เฟิงดังนั้น ก็พอใจเขาคงไม่ได้หัวใจเต้นผิดจังหวะอยู่คนเดียว และตอนนี้มั่นใจว่าเขาไม่ได้เข้าข้างตัวเองแล้ว




กล่าวถึงระยะอีกครั้ง



ใบหน้าหล่อเหลาของหยางหยางตอนนี้อยู่ใกล้ในระยะปลายจมูกชิดกันแล้ว แบบที่เคยมีระยะนี้กันในโรงพยาบาล คืนวันนั้น และเกือบจะมีสถานการณ์”กำลังจะ” เลิฟซีน แต่มันไม่เกิดขึ้น




“อี้เฟิง...” หยางหยางใช้มือที่ว่างอีกข้างหนึ่งยกไล้ริมฝีปากที่นึกฝันว่าจะได้ประทับจูบซักครั้งในชีวิต เขาสบสายตากับอีกคน แววตาสั่นไหว และหวั่นไหวเป็นอย่างมาก  สงสัยในสิ่งที่เขากำลังจะทำกับอีกฝ่ายในตอนนี้


“จูบ...เกอเคยบอกไว้ว่าครั้งต่อไปจะเป็นจูบที่ริมฝีปากนี้ ...”
“เกอกำลังขออนุญาตผมใช่มั้ย”
“ครับ”
“ถ้าผมบอกว่าไม่อนุญาตล่ะ”
“เกอก็จะไม่ทำ ไว้เป็นเวลาอื่นแล้วกัน”
“งั้น..... ไม่อนุญาต”


อี้เฟิงบอกชัดถ้อยคำ หยางหยางรู้สึกเสียดายและมีอารมณ์หลากหลาย แต่รวมแล้วนั่นทำให้เขารู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ รุ่นพี่รูปหล่อเบี่ยงใบหน้าออกจากอี้เฟิงไปมองทางอื่นแทนแต่มืออีกข้างก็ยังกอบกุมมือนุ่มนิ่มอีกข้างเอาไว้


“แต่ถ้าผมขออนุญาตเกอแทนล่ะ ?”พออี้เฟิงพูดจาชวนสงสัยหยางหยางก็หันกลับมามองใบหน้าน่ารักนั้น อี้เฟิงพูดอย่างมีเลศนัย กำลังจะเล่นอะไรกับหัวใจรุ่นพี่อีก หลี่อี้เฟิง



“ขออนุญาต ?”
“อือ”
“เรื่องอะไรครับ ? “
“โอ๊ย ไม่ขอแล้ว จูบเลยแล้วกัน”






ไม่ปล่อยให้เวลาล่วงไปเกินถึงสามวินาที เพราะต่อถึงวินาทีที่สี่ อี้เฟิงจะเขินจนไม่กล้าทำอะไรแน่ “เลิฟซีน” ที่กำลังจะเริ่มอยู่หลายครั้งในที่สุดก็เกิดขึ้นซักที หยางหยางที่กำลังตกใจ เขาโดนอี้เฟิงจู่โจมจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว ขออนุญาตแล้วไม่รับคำเสียอย่างนั้น แต่เป็นแค่จูบในระดับหนึ่ง ที่เป็นแค่การประทับจูบที่ริมฝีปากอีกคนให้รู้สึกถึงความอบอุ่นเพียงแค่นั้น  รุ่นน้องก็ค้างไว้จนตัวเองทนเขินไม่ไหวและละริมฝีปากออกมาช้า ๆ อี้เฟิงหอบเล็กน้อยเพราะกลั้นลมหายใจเหตุด้วยความตื่นเต้น และไม่ปล่อยให้รุ่นพี่จับสายตาได้ทัน


 รุ่นน้องคนน่ารักถอยกลับไปยืนในระยะหนึ่งช่วงแขนดังเดิมโดยที่ยังกอบกุมมือรุ่นพี่อยู่


“ให้เกอจูบ ผมจะเขินกว่านี้มาก เขินจนแทบเป็นลม แบบนี้ดีกว่าเยอะ ผมยังโอเคกว่า”
“ห๊ะ ?” หยางหยางที่ยังคงตกใจกับจูบจู่โจมของอี้เฟิงไม่หาย สมองเขาช็อตไปเล็กน้อย ประมวลไม่ทัน
“ก็ถือว่าเป็นของตอบแทนที่หยางเกอดูแลผม คอยมอบความรู้สึกดี ๆ ให้ พยายามเข้านะหยางเกอ พยายามเอาหัวใจผมไปให้ได้ทั้งดวง เอาไปแค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไอ้ส่วนที่มันอยู่ที่ผมมันจะรู้สึกเจ็บปวดที่โดนทอดทิ้งนะ”



พูดยาวเป็นประโยคเสร็จ ก็บีบมือคุณรุ่นพี่ที่รักเป็นสัญญาณให้กำลังใจหนึ่งครั้ง และมีโบนัสแถมให้อีกด้วย


“อันนี้ของแถมสำหรับค่ากับข้าวฮะ”



โดนขโมยหอมแก้มอีกฟอดใหญ่ไป …. แมวน้อยขี้ขโมยหนีไปแล้ว






พอร่างเพรียววิ่งดุ๊กดิ๊กอย่างเร็วกลับออกจากห้องพักของหยางหยางไป คนที่โดนขโมยทั้งจูบทั้งโดนขโมยหอมแก้มค่าอาหารเมื่อครู่ก็ทรุดลงกับพื้นที่ยืนอยู่ตรงนั้น







เขาว่าเขากำลังจะเป็นบ้า







ไม่คิดเลยว่าคนที่ชอบฉวยโอกาสคิดจะเก็บเล็กเก็บน้อยกับอี้เฟิงเขาก่อนแบบหยางหยาง จะโดนอี้เฟิงขโมยทั้งจูบทั้งหอมแก้ม แถมยังได้คำหวานจากเสียงหวาน ๆ ของคนน่ารักเก็บมาฝันเฟื่องเล่นต่อก่อนนอนทุกคืนได้อีก



หยางหยางกำลังคิดว่าเขาควรทำอย่างไรกับความดีใจที่สุดบรรยายนี้ดี เขาควรตะโกนบอกคนทั้งตึกไหม หรือโทรบอกเพื่อนสนิททุกคน บอกครอบครัว หรือออกไปวิ่งให้หายตื่นเต้นก่อนดี



แต่ที่เขาคิดได้คือ หันไปหาของที่ซ่อนอยู่ในที่ที่ลับเฉพาะของเขา

ในมือถือของหยางหยางมีรูปของอี้เฟิง ขอนั่งมองแก้คิดถึงเสียที เขามีมันไว้นานแล้วไม่กล้าปรินท์ออกมาติดในห้องเพราะหากซักวันที่น้องเขาเข้ามาในห้อง เจอเข้าก็อาจจะมองว่าเขาเป็นโรคจิตก็ และโทรศัพท์เป็นสิ่งที่เขาต้องใช้ทุกวัน ต้องเปิดมันไว้ตลอด อย่างไรเขาก็จะเห็นน้องอี้เฟิงบนสกรีนวอลเปอร์ทุกครั้งที่ใช้โทรศัพท์ ได้ แต่แค่รูปในโทรศัพท์ก็ดูเหมือนหยางหยางเป็นโรคจิตเข้าไปทุกวันแล้ว  


รูปของอี้เฟิงที่หยางหยางแอบถ่ายได้ตอนที่เขาสองคนไปเล่นดนตรีที่โรงพยาบาลเด็ก หยางหยางแอบถ่ายมาแค่ได้รูปเดียว หากมีเยอะ เกินไปก็ดูเหมือนตัวเองโรคจิต แต่ไม่มีเลยก็ไม่มีรูปว่าแก้คิดถึงหากไม่ได้เจอกันซักวัน


เป็นรูปตอนที่อี้เฟิงกำลังตั้งใจเล่นกีตาร์ ใบหน้าน่ารักเปี่ยมรอยยิ้มเต็มไปด้วยความสุข ดวงตาเปล่งประกาย


ให้ตายสิ รู้ตัวอีกที ตอนนี้แค่ อี้เฟิงวิ่งกลับห้องไม่กี่นาทีก็คิดถึงเสียแล้ว



หยางหยางลองส่องข้อความไปหาอี้เฟิง


เนื้อความบอกว่า “  1 นาทีที่ห่างกันก็คิดถึงแล้ว”

น้องเขาส่งกลับมาอย่างที่คิด ก็ต้องบอกว่าเขาเลี่ยนเป็นบ้า แต่อี้เฟิงมี ปล ต่อท้ายมาด้วย


ผมก็คิดถึงเกอซะแล้ว  ซะเมื่อไหร่...ผมคิดถึงหน้าเกอตอนผมขโมยหอมแก้มต่างหาก   เกอดูตกใจสุด ๆ ไปเลย โคตรตลก แถมยังใส่อีโมติค่อนขำยกใหญ่มาต่อให้รู้ระดับความตลก



เจ้าเด็กคนนี้ชักจะเอาใหญ่ ทำให้เขาทั้งหัวเราะ เครียด เสียใจ มีความสุข ทุกอย่างรวมที่เขา หลี่อี้เฟิงคนเดียว


คนเดียวในโลกจริง ๆ หยางหยางเป็นบ้าได้เพราะหลี่อี้เฟิง ได้แค่คนเดียว


“บอกให้พยายามแต่ตัดกำลังกับความน่ารักนั่นเหลือเกินอี้เฟิง ต่อให้ตายก็จะเอาหัวใจของอี้เฟิงมาทั้งดวงเลย ประกันด้วยความรักของหยางหยางคนนี้ต่อหลี่อี้เฟิงเลย”












SPE


ข้อความเข้าใหม่จากหยางเกอ ?


“จะส่งอะไรมาให้อีก จะเอาให้หัวใจวายตายเลยรึไงพ่อคุณ” อี้เฟิงคาดโทษหยางหยางผ่านโทรศัพท์พลางกดเปิดข้อความ


มันเป็นข้อความเสียง



ข้อความเสียงความยาว 1 นาทีกว่า เป็นเสียงบรรเลงเปียโนเพลงที่เขาคุ้นหูเป็นอย่างดี



“หวอ่เหมินเต่อเกอ ....”


王力宏 Lee Hom- 我們的歌 Our Song (Piano Version)




อี้เฟิงยิ้มแก้มแทบแตก เขินจนทำโทรศัพท์ตกหล่นลงพื้น พอทรุดลงไปเก็บโทรศัพท์ก็ลุกขึ้นมาไม่ไหว นั่งย่ำกับพื้นนั่นซะเลย หมดแรงแล้ว จะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะแบบนี้กันไปถึงเมื่อไหร่ กันตาคนนี้


“ไว้จะไปแอบเล่นเปียโนที่ห้องนะ แต่ให้ดีเกอก็มาเล่นด้วยกันกับผมด้วยสิ”  อี้เฟิงพูดทวนประโยคมือยุกยิกกดข้อคตวามใส่โทรศัพท์มือถือในมือ ในนั้นเป็นข้อความเดียวกันกับที่เขาพูด และกดส่งไป พอส่งไปก็นึกว่าคนรับต้องทำหน้าแบบนั้นไปแบบนี้ อี้เฟิงก็พาลเขินใส่โทรศัพท์ เอามันเคาะกับหัวตัวเองซักทีให้หายเป็นบ้าลงหน่อย


“โอย อี้เฟิงเอ๊ย แกจะตายมั้ยเนี่ย”














****************************************************************** TBC 7



TALK :: รอดไปอีกตอนนึง ฟู่ว์ พลิกพล็อตไปมา ก็เลยกลายเป็นแบบนี้ค่ะ 555
ที่จริงมีอีกรูทนึงแต่คิดว่าหากอยากให้ตัวละครในเรื่องมีพัฒนาการ ก็ควรจะเป็นแบบนี้ดีกว่า
เจอกันตอนหน้าน้า แล้วก็เตรียมตังค์ไว้ด้วยล่ะ อีกเดือนครึ่ง ฮี่