[FIC] OURSONG ~我們的歌 -- หยางเฟิง / เพลงที่ 6
Pairing :: หยางหยาง x หลี่อี้เฟิง
Rating :: PG
*****************************************************************************
“ตื่นแล้ว ๆ นาฬิกาสมัยนี้ปลุกได้น่าเตะจริง ๆ โอย
วันนี้มีเรียนมั้ยเนี่ย”
หลังจากเหตุการณ์ที่เขา
และ รุ่นพี่หยางหยางคนนั้นเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ ที่จริงวันนั้นที่โรงพยาบาล
เขาเองที่เป็นคนทำลายระยะหนึ่งช่วงแขน ทั้งที่ตัวเองเป็นคนกำหนดเอง
แต่ก็ทำลายระยะเองเสียอย่างนั้น
ก็หยางเกอป่วยอยู่หรอกหน่า
ให้เหตุผลว่าหยางเกอของตัวเองป่วยก็เลยเข้าใกล้ในระยะใกล้แสนใกล้จนเขินกันทั้งคู่
แต่อี้เฟิงก็คิดว่ามันดี แบบว่ามันดีแล้วระยะนั้น เขาก็ได้รู้ใจตัวเองซักที
ชอบเขาไปซะแล้วล่ะ
รุ่นพี่หยางหยางสุดหล่อของสาว ๆ
เผลอตกหลุมรักของหยางเกอเข้าแล้ว
อี้เฟิงก็ใช่ว่าจะไม่รู้ถึงความรู้สึกของรุ่นพี่ซะเลย
รุกหน้ามาขนาดนั้น ไม่รู้ อี้เฟิงก็คงต้องกลับไปเช็คต่อมรับความรู้สึกของตัวเองใหม่แล้ว
แต่ก็นั่นล่ะ อย่างที่เคยกังวล มันจะรอด จะเป็นไปได้ จะยาวนานขนาดไหน
แต่นั่นเป็นความกังวลก่อนเวลาเพียงเท่านั้น
ถ้าหากชอบเขาแล้ว และเขาก็มีใจ สุดท้ายก็ห้ามใจของกันและกันไม่ได้หรอก
เดี๋ยวก็จะต้องเบนเข้าหา
จูนกันติดและใกล้ชิดกันจนได้
ระยะนั้น
ที่อี้เฟิงได้ตั้งไว้หายไปแล้ว เหมือนพูดไปก็ล่องลอยในอากาศเลย
อยากตั้งใจให้ห่างแบบนั้นกันไปซักพัก แต่เป็นเขาเองที่ไม่กี่วันก็วิ่งเข้าไปหาเกอเขาเสียแล้ว
เสียเชิงซะหมด
ก่อนหน้านี้อี้เฟิงได้ลองโทรไปปรึกษาเพื่อนสนิทที่สุดซึ่งมีประมาณสี่ห้าคน
กดประชุมสายคุยกัน วิเคราะห์ปัญหาหัวใจของอี้เฟิงอยู่เป็นชั่วโมง สรุปให้ว่าก็อย่างที่อี้เฟิงคิด
“เอ็งก็หลงรักเขานั่นล่ะอี้เฟิง”
“รักเขาเข้าแล้วล่ะ”
“อย่าปฏิเสธนะเว้ย
ถ้าเป็นตามที่แกเล่า บวกเหตุการณ์ที่แกเจอ อีกคนชอบแกขนาดนั้น
แถมแกก็มีปฏิกิริยากับเขาแบบนี้ สรุปให้เลย เอาเหล้าสามแก้วเป็นของประกัน
ชอบเขาชัวร์”
“แล้วคน ๆ
นั้น เป็นใครวะ ใครที่ทำให้หนุ่มน้อยผู้ใจแข็งเป็นหินผาของพวกเรา เป็นได้ขนาดนี้
ถึงขั้นต้องมาเป็นที่ปรึกษาให้เนี่ย”
อี้เฟิงไม่ตอบเพื่อนสนิทในสายซักคน
ไม่บอกอะไรเลย ยังไม่อยากให้รู้ แต่เพื่อนที่คบกันมานานจะไม่รู้เชียวหรือว่า
เพื่อนคนนี้หนักใจกับปัญหาความรักนี้ขนาดไหน
“อี้เฟิง
ฉันดาซุน จิ้งฝู เทียนฮ้าวกับหวินหลง ยังไงก็อยู่ข้างแก มีอะไรก็บอกได้
ใครทำอะไรแกก็บอกได้ หัวใจแกมีปัญหาก็บอก ไปก๊งเหล้ากัน”
เพื่อนสนิท
ดาซุนของอี้เฟิงเอ่ยขึ้นมาทะลุปล้องเล่นเอาทั้งวงสนทนาในสายซาบซึ้งกันถ้วนหน้า
“ในคณะก็มีไอ้บ้าดาซุนนี่ล่ะที่กล้าพูดอะไรน้ำเน่าๆ
แบบนี้ใส่ชาวบ้าน” จิ้งฝูเพื่อนอีกคน เอ็ดใส่ดาซุนแถมหัวเราะเสียดัง
“ว่าแต่อี้เฟิง
แกหนักใจกับรักครั้งนี้มาก ปัญหามันใหญ่ขนาดไหน พ่อแม่? ฐานะ ? ความสัมพันธ์ซ้อน? หรือ...”
อี้เฟิงไม่ตอบอะไรเทียนฮ้าวที่ถามขึ้นต่อ
เพราะอยากรู้ เทียนฮ้าวละประโยคหลังไว้ หากเป็นอย่างที่เขาคิดไว้
“อี้เฟิง
หลี่อี้เฟิง ฉันจะบอกอะไรแกไว้ซักอย่าง รักใครก็รัก อย่าไปสนใจแม่งรอบตัว
หัวใจของแกเอง”
เทียนฮ้าวจัดประโยคเด็ดให้อี้เฟิง
พร้อมหวินหลงที่เสริมขึ้นมา
“รู้จักความรัก
ดีกว่ารักไม่เป็น รักซักครั้ง จะเป็นใคร อะไร ตัวอะไรก็รักแม่งไปเถอะ “
พอได้คุยกับเพื่อนสนิททั้งหมดเหล่านั้น
อี้เฟิงก็ผ่อนคลายหัวใจและความเครียดลง จะมีใครอื่นที่จะเครียดและกังวลกับการมีความรักเท่าเขามั้ยวะเนี่ย?
ความรักครั้งแรกก็จริง แต่ทำอย่างไรได้ล่ะ คนมันกังวล อีกฝ่ายดังสุด ๆ ไปเลยด้วย
ป๊อบปูล่าขั้นเทพ จะไปหาใครที่เหมาะสมกว่า เขาก็คงไม่ว่ารุ่นพี่หยางหยางหรอก
ทิ้งเขาไว้กลางทางตรงนั้น ไปกับคนที่ใช่ แบบนั้น เขาก็คงไม่เป็นไร
แต่คงช้ำตรงที่หัวใจมาก
ก็ตามที่หวินหลงว่าดีกว่าไม่เคยรักใครและเสียดายช่วงเวลาดี ๆ
ที่ได้พบเจออะไรที่สวยงามอย่างความรักในตอนนี้
“นั่นสินะ
อย่างน้อยเราก็น่าจะเปิดใจให้เกอเขาหน่อย ฝั่งนั้นก็พยายามมามาก
เราเองก็เห็นเขาทำอยู่ทุกวัน ๆ “
อี้เฟิงพูดกับตัวเอง
พลางดันตัวเองให้ลุกขึ้นกับเตียง แต่สุดท้ายก็นั่ง ๆนอน ๆไม่พ้นเตียง
คิดมากไปเรื่อย พอพูดถึงเรื่องตียงแล้ว ก็พาลไปคิดถึงเหตุการณ์ในโรงพยาบาลวันนั้น
เขาอยู่จนถึงเช้าตามที่ให้สัญญาไว้ รุ่นพี่หยางหยางนั่นก็บ้าจี้
นั่งนอนมองเขาทั้งคืน อี้เฟิงที่นอนหลับน้ำลายยืดอยู่ที่โซฟา
เครื่องนอนนั้นก็ลักขโมยเอาจากตู้สำรองของโรงพยาบาล จำได้ว่าหยางเกอบอกว่า
กลัวอี้เฟิงจะแอบกลับ ก็เลยขอมองแบบนี้ทั้งคืน สรุปไอ้รุ่นพี่บ้าต้องอยู่โรงพยาบาลเพิ่มอีกหนึ่งวันเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ
บ้าจริง ๆ คนอะไร
มานั่งมองคนนอนหลับทั้งคืน ตอนนอนหลับ เขาเผลอกรน เผลอทำอะไรประหลาด ๆ
รึเปล่าก็ไม่รู้
หยางหยางบอกอี้เฟิงว่า
มีแอบละเมอถึงของกินบ้าง แล้วก็เกือบตกโซฟาแต่ที่ดีหยางหยางไปคว้าตัวไว้แทน
และถ้าไม่ติดว่าป่วยอยู่จะอุ้มขึ้นไปนอนบนเตียงด้วย แต่ก็ลำบาก อี้เฟิงออกจะหนัก
พอโดนแซวแบบนั้นอี้เฟิงก็ขอปาหมอนใส่ซักทีและขอตัวกลับก่อน
เพราะอีกวันถัดมามีเรียน รุ่นพี่คนนั้นขอบคุณ และยังไม่วายแอคแทคหัวใจชาวบ้านเขาอีก
“ขอบคุณที่มาให้เกอมองทั้งคืนนะ
เสียดายวันนี้อยากกลับพร้อมอี้เฟิง “
“เอาหน่า
เดี๋ยวเราก็ได้เดินกลับหอพักพร้อมกันอีก เกอหายดีก่อนแล้วกัน”
“พรุ่งนี้จะไปรับแต่เช้าเลยนะ”
“ถ้าผมไม่มีเรียนผมไม่ตื่นเช้าหรอก”
“ว้า
เช้าวันนั้นของเกอคงเฉา”
พูดจบก็ทำหน้าเฉาไปตามคำพูดจนอี้เฟิงแอบยกยิ้มขำ
“แต่รุ่นพี่ก็ค่อยมาราตรีสวัสดิ์ผมก็ได้”
“งั้นขอไปราตรีสวัสดิ์
กู๊ดไนท์กันถึงเตียงนอนอี้เฟิงเลยได้มั้ยล่ะ”
อี้เฟิงเบะปากเล่นหูเล่นตาใส่
ไม่ตอบ รุ่นพี่ก็พอรู้ว่านั่นคือการปฏิเสธอย่างสุภาพไม่ตอบกลับอย่างตรง ๆ ให้เขาเสียใจ
หยางหยางยิ้มให้และไล่ให้อี้เฟิงกลับไปเตรียมตัวเข้าเรียน ซึ่งรุ่นน้องก็ทำตามอย่างว่าง่าย
คนน่ารักบอกลารุ่นพี่ แถมยังกำชับว่านอนแต่หัวค่ำ กินข้าวเยอะ ๆ
“เดี๋ยวผมจะมาหาตอนค่ำ
ๆ วันนี้มีเรียนทั้งวันมีซ้อมด้วย “
“ไม่ต้องอี้เฟิง
ไม่ต้องมาแล้ว เกอโอเคขึ้นมากแค่พักผ่อนไม่พอ”
“ก็เพราะเกอบ้านั่งมองผมทั้งคืนก็ความผิดผม”
หยางหยางไหวไหล่และส่ายหน้าเบา
ๆ ก่อนตอบ
“ขอเอาโควตาของคืนนี้ไปใช้วันอื่น
ที่อื่นได้ไหม แบบ...ขอไปนั่งห้องอี้เฟิงซักวันนึง”
“จะเข้าห้องผมให้ได้เลยใช่มั้ย”
“ก็อยากไปดู
ห้องว่าที่แฟนเป็นแบบไหน”
“ห๊ะ ?”
หลุดคำสรรพนามแปลก
ๆ ออกมาอีกแล้วตารุ่นพี่คนนี้ อี้เฟิงคิด
พร้อมมองเจ้าของประโยคและสรรพนามประหลาดแทน อี้เฟิงตาแทบถลน
“อย่าเพิ่งทำหน้าดุแบบนั้นซี่
คิดว่าเกอไม่จริงจังกับอี้เฟิง แค่จะมาจีบเล่น ๆ แล้วไปหรือไง เรื่องขอเป็นแฟนจริงจังมากนะ
แต่ขอให้อี้เฟิงไว้ใจเกอให้มากกว่านี้ซักนิด นานกว่านี้ไปอีกก็ไม่เป็นไร “
อี้เฟิงตั้งใจฟัง
จนคิ้วขมวด หยางหยางเห็นแล้วรู้สึกเครียดแทนเจ้าตัวจึงยกมือชี้หน้าตัวเองบอกตำแหน่งที่ระหว่างคิ้วจิ้มให้อี้เฟิงสังเกตว่าตัวเขาเองเครียดแค่ไหน
และบอกให้ผ่อนคลาย
“อี้เฟิงอย่ากังวลเลยครับ
อย่ามากังวลแทนเกอ อี้เฟิงจะรับรักเกอมั้ย ก็ให้เกอคิดมากแค่คนเดียวก็พอ
อยากให้อี้เฟิงทำตัวตามสบาย นั่งพิจารณาหยางเกอคนนี้ เพียงเท่านั้น”
“เกอพูดแบบนั้น
เอาแต่ใจชะมัด”
อี้เฟิงทิ้งไว้แค่นั้นแล้วก็หันหลังกลับออกจากห้องพักคนไข้ไป
หยางหยางยังคงงงกับประโยคเมื่อครู่และพยายามตีความแต่เพราะประโยคนั้นมันสั้นเกินไป
อี้เฟิงทิ้งไว้ให้เขาคิด เขาเอาแต่ใจจริง ๆ
“แสดงออกว่าตัวเองรักเขามากขนาดนั้นก็ลำบากใจสิ
แถมดันตกหลุมรักกลับด้วย แบบนั้นจะมานั่งสบายใจอยู่ได้ไงเล่า คนบ้า”
ตัดกลับมาที่ปัจจุบันหลังจากที่อี้เฟิงนั่ง
ๆ นอน ๆใช้ความคิดบนเตียงหลังตื่นมา และพบว่า
“ชิบ! เที่ยง ไอ้บ้าอี้เฟิงเอ๊ย”
เขามีเรียนสิบโมง
และตอนนี้มันก็เที่ยงแล้ว คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเผลอโดดเรียนไป
เขานึกว่ามันผ่านไปแค่ สิบนาทีเองแท้ ๆ จริง ๆ แล้วมันสามชั่วโมงต่างหาก
“ช่างมัน
เฮ้อ”
บ่นตัวเองจบก็เอนตัวลงเตียงนอนเหมือนเดิมอย่างแมวขี้เกียจ
คิดว่าช่างหัวมันแล้วกัน คาบเดียวไม่เป็นไร รายวิชานี้อี้เฟิงยังไม่เคยขาด
เก็บโควต้าไว้เผื่อมีงานหรือเหตุการณ์อะไรสำคัญ เออ วันนี้สำคัญ
เพราะมีปัญหาป่วยหัวใจคิดมากอยู่แบบนี้
ออด
เสียงออดหน้าห้องพักดังขึ้น
คนน่ารักยู่หน้าสงสัยว่าใครจะมาหาเขา หรือเป็นเพื่อน ๆ ?
“เห้ย!”
พอเปิดประตูออกไป
ก็พบกับคนรูปหล่อขวัญใจสาว ๆ และต้นเหตุปัญหาป่วยหัวใจของอี้เฟิง
“หยางเกอ!”
“ครับ เกอเอง
วันนี้ทำไมไม่ไปเรียน เรามีตารางเรียนสิบโมงไม่ใช่หรอ”
“รู้ได้ไงอ่ะ!”
“ง่ายนิดเดียว
ก็เดินไปถามเพื่อนเราที่ชมรมน่ะสิ”
“ห๊ะ ????”
หยางหยางพอรู้ว่าอี้เฟิงมีเพื่อนสนิทที่ชมรมซึ่งเป็นเพื่อนคณะเดียวกันด้วย
พอหยางหยางเดินเข้าไปในชมรม สาว ๆ ก็ตกใจกันใช่ย่อย
เพราะไม่คิดว่าเขาจะไปเยือนที่นั่น และได้คุยกับกลุ่มเพื่อนของอี้เฟิงหลายคน
“ตารางเรียนอี้เฟิงหรอ
วันนี้มันมีเรียนสิบโมงแต่ก็ดันโดด ว่าแต่รุ่นพี่มีอะไรกับมันหรือเปล่าครับ? “
เพื่อน ๆ
ของอี้เฟิงหลายคนเป็นกังวลว่าแมวทโมนอย่างอี้เฟิงจะไปกวนบาทาอะไรประธานชมรมเทควันโดแชมป์ประเทศคนนี้หรือเปล่า
คิดแล้วก็ขนลุกหากเป็นปัญหากันขึ้นมาจริง ๆ อี้เฟิงคงเจ็บตัวแน่ ๆ
“มีปัญหานิดหน่อยน่ะครับ”
“เวรแล้ว อี้เฟิงไปทำอะไรรุ่นพี่
ผมกราบขอโทษแทนมันก่อนเลย”
หยางหยางเผยยิ้มออกมา
โบกมือปัดไม่เป็นไร และขอตัวออกมาก่อน แต่ไม่ทันจะเดินออกมาพ้นธรณีประตู มีสาว
ๆกรี๊ดกร๊าดริมข้างทางเดินที่หยางหยางเดิน เพื่อนสี่คนที่สนิทที่สุดของอี้เฟิงก็มาดักหน้าหยางหยางไว้
“ขอถามแบบละลาบละล้วงนะครับรุ่นพี่
ผมเองก็ผู้ชายชอบใครเป็น ว่ากันตรง ๆ ที่พี่มาถามหาอี้เฟิงนี่ เพราะมีเรื่องอะไรกันแน่ ๆ ใช่ไหมครับ” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของอี้เฟิงที่เป็นห่วงเพื่อน
จึงถามเอาจริงจัง หยางหยางยิ้มและให้รุ่นน้องเหล่านี้ผ่อนคลายเสียหน่อย
“มีปัญหาครับ”
“เรื่อง ? “
หยางหยางไม่อยากปิดบัง
ไม่ใช่สิ เขาคิดหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของอี้เฟิง ดันมองออกเสียแล้วว่าเขาเดินข้ามฟากมาที่ชมรมดนตรีทั้งที่ไกลปานคนละขอบโลกนี่ทำไม
“เพื่อนผมไปป่วนหัวใจรุ่นพี่รึเปล่าครับ
?”
“ก็นิดหน่อยครับ”
“แล้วมันทำอะไรมากกว่านั้นไหม”
“มากกว่านั้นหมายถึงอะไรล่ะ
?”
หยางหยางทวนคำถามรุ่นน้องเหล่านี้
พวกเขาดูเป็นห่วง หรืออาจจะหวงเพื่อนเสียด้วยซ้ำ แต่ก็เข้าใจได้
หลี่อี้เฟิงเป็นเด็กที่น่าเป็นห่วง ต้องมีคนหวงจริง ๆ ด้วยระดับความน่ารักแบบไม่ธรรมดาอย่างที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว
“เพื่อนผม
เห็นบ้า ๆ บวม ๆ แบบนั้น คนมาจีบก็เยอะนะครับ แต่มันบ้าเองที่ไม่รู้”
หยางหยางนิ่วหน้าเชิงถาม
จนเพื่อนอีกคนหนึ่งของอี้เฟิงต้องบอกข้อมูลลับออกมาเพิ่ม
“เอาจริง ๆ
พวกผมก็ไม้กันดี ๆ นี่ล่ะ อี้เฟิงมันติงต๊องไม่ทันคน แถมยังโดนแกล้งออกบ่อย
พวกผมรวมทั้งเพื่อนคนอื่นในชมรมเป็นห่วงมัน ก็ใช่ว่าใครจะมาแกล้งมันได้หรอกนะครับ
ทั้งทางกายทั้งทางใจ”
เพื่อนของอี้เฟิงเริ่มตั้งป้อมใหญ่
คราวนี้เขาเริ่มเจออุปสรรคสำคัญแล้วหนึ่งอย่าง อี้เฟิงเองก็ดูเป็นคนรักเพื่อนมาก
และเพื่อนก็รักเขามากเช่นกัน ด่านนี้ยากไม่เลวเลย
ฉะนั้น
ลองพุ่งชนหน่อยเป็นไร
“เพื่อนพวกน้อง
หลี่อี้เฟิงน่ะ มีปัญหา..กับผมนิดหน่อย”
“ครับ ? “
“เขาขโมยหัวใจผมไป”
พอตอบตามตรง
จากที่โดนดักตั้งป้อมอยู่นาน ท่าทางเพื่อนอี้เฟิงกลุ่มนี้จะสะเทือนไม่น้อย
“เหยด
รุ่นพี่หยางหยางคนจริง “ เพื่อนคนแรกอุทานตกใจ
“รุ่นพี่ชอบมัน
??!” อีกคนก็ทวนถามหยางหยางให้แน่ใจ
“จะว่าไป
ไอ้อี้เฟิงมันก็เดินไปไหนมาไหนกับรุ่นพี่บ่อย ๆ ด้วยนี่หว่า”
อีกคนก็ทบทวนเหตุการณ์ให้เพื่อนที่เหลือฟัง
แล้วพากันไปวิเคราะห์กันใหญ่โต
หลังจากนั้นหยางหยางขอตัวออกไปก่อน
และเขาก็ลักลอบได้ยินบทสนทนาของเด็กกลุ่มนั้น
ท่าทางอี้เฟิงอาจจะเอาปัญหาหัวใจหลายอย่างมาปรึกษา
เขามั่นใจว่านั่นต้องมีปัญหาของเขาด้วยแน่
มีประโยคสุดท้ายที่เพื่อนคนหนึ่งของอี้เฟิงตะโกนหลังจากเขาเดินออกจากชมรมดนตรีออกมา
“รุ่นพี่หยางหยาง
ถ้าทำให้อี้เฟิงร้องไห้ใจร้ายกับมัน พวกผมจะไปพังโรงยิมชมรมพี่“
เจ้าเด็กพวกนี้พูดอะไรแบบนั้น
ใจร้ายที่ไหนกัน เพื่อนเขาต่างหากที่ใจร้าย ยังไม่เปิดใจให้กันซักนิด
“หยางเกอ
หยางเกอฮะ!”
“หา ?”
“ผมเรียกอยู่นานแล้วเนี่ย เกอไม่มีเรียนรึไง แล้วไปหาผมที่ชมรมแบบนั้น
เพื่อนผมไม่ตกใจกรี๊ด เกรียนใส่เกอแย่หรือ”
“เพื่อนอี้เฟิง
แค่เป็นห่วงอี้เฟิงมากไปหน่อยเท่านั้น”
อี้เฟิงงงงวยกับคำตอบของหยางหยาง
อีกฝ่ายตอบมาแบบนั้น เขาต้องถามอะไรต่อ
หวังว่าเจ้าพวกนั้นคงไม่ทำอะไรรุ่นพี่หรอกนะ และคิดว่าเจ้าพวกนั้นบางคนก็คงรู้แล้ว
ว่ารุ่นพี่คนนี้ไปทำอะไรที่นั่น และไปในฐานะอะไร
“ เฮ้อ
เจ้าพวกนั้น...”
“ไม่มีอะไรหรอกอี้เฟิง
แต่แค่หยางเกอคนนี้ต้องพยายามให้มากกว่านี้หลายเท่า จะคว้าหัวใจคนน่ารัก ฝ่าด่านเยอะก็ไม่แปลกหรอก”
“อย่ามาล้อเล่นแบบนี้ซี่
ไปถามหาผมถึงที่นั่น รู้เรื่องกันหมดบางแล้วมั้ง โอย”
หยางหยางมองใบหน้าของคนขี้กังวล
อี้เฟิงขมวดคิ้วอีกแล้ว
รุ่นพี่ถึงกับต้องยกมือข้างที่ว่างอยู่สะกดจุดจิ้มเข้าที่ระหว่างคิ้วให้คนน่ารักคลายเครียด
“เกอขอโทษนะ
คนมันเป็นห่วงจริง ๆ ไปดูที่ห้องเรียน ตึกคณะที่คิดว่าน่าจะมีก็ไม่เจอ
เลยต้องไปถามน่ะ”
“โทรศัพท์ก็มี
ถามผมซี่”
“อี้เฟิงปิดเครื่องเอาไว้ไม่ใช่รึไง”
พอนึกขึ้นได้
เขาปิดเครื่องไว้จริง ๆ จำได้ว่าฟังเพลงจนแบตหมด และก็ไม่ได้เอามันไปชาร์ตต่อและปล่อยไว้อย่างนั้น
พอเปิดดูก็เจอมิสคอลจากหลายคนที่คงจะโทรปลุกให้เขาไปเรียนและสายเข้าจากรุ่นพี่อีกเพียบ
“ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”
“ไม่เป็นไรครับ
เกอเองที่เป็นห่วงอี้เฟิง อย่ากังวลไปเลย
แล้วก็..ขอโทษที่เข้าไปที่ชมรมโดยไม่บอกก่อน มันอาจจะทำให้อี้เฟิงวุ่นวาย
ต่อไปเกอจะไม่ทำอีก”
ตายล่ะ...อี้เฟิงคิด
เขาเผลอแสดงอารมณ์แบบไหนออกไป หยางเกอพูดด้วยน้ำเสียงติดตัดพ้อแบบนั้น
เขาไม่รับรู้เลยว่าหยางหยางอาจจะแค่เป็นห่วงและไม่รู้จะทำอย่างไรจึงต้องไปที่นั่น
“คือผม ..”
“ไม่เป็นไร ๆ
อี้เฟิงก็อย่าไปคิดอะไรมากเลย เกอจำเป็นต้องทำ และทำไปแล้ว
เกอจะไปจัดการเรื่องยุ่งยากนั่นให้”
“จัดการยังไง
ให้เจ้าพวกนั้นมันเลิกพูดมาก ทำไม่ได้หรอกเกอ ป่านนี้เรื่องของเกอที่ไปถามถึงผม
คงรู้กันทั้งชมรมแล้ว”
“นั่นล่ะ...”
อี้เฟิงเห็นท่าไม่ดี
รุ่นพี่ดูสีหน้าไม่ดีเลย คิดมากเป็นคนแก่ไปใหญ่แล้วละมั้งเนี่ย คนน่ารักพยายามาบตามองรุ่นพี่ที่เบี่ยงไปเบี่ยงมา
โดยเขาน้อยใจใส่แล้วอี้เฟิง
แกเอ๊ย
เขาไม่ได้นึกรังเกียจอะไรรุ่นพี่แต่แค่จะโดนล้อกันทั้งบาง
ก็เท่านั้น เห็นคนหล่อทำหน้าแบบนี้ อี้เฟิงพลอยหวั่นไหว ใจเสียไปด้วย
ไม่ไหวเลย
หัวใจของอี้เฟิงรับไม่ไหวเลย เห็นแล้วปวดใจยิ่งกว่าอีก
“หยางเกอเข้ามา”
“นี่มันห้อง..”
“เออห้องผม
เข้ามาเถอะหน่า เรายืนคุยกันตรงนี้นานเกินไปแล้ว”
อี้เฟิงถูลู่ถูกังรุ่นพี่เข้ามาในห้อง
หยางหยางตกใจเล็กน้อยทั้งที่ก่อนหน้าอี้เฟิงไม่เปิดโอกาสให้เขาเลย
แต่ครั้งนี้กลับลากเขาเข้ามาเสียเอง
“อี้เฟิง..”
“หยางเกอคงไม่ทำอะไรไม่ดีใช่มั้ยล่ะ
ก็ไม่เป็นไร เอ้านั่งคุยกันก่อนเลย!”
อี้เฟิงดันอกให้รุ่นพี่นั่งที่โซฟาตัวแคบที่มีพื้นที่สามารถนั่งได้สองคนเท่านั้น
และหันมาจ้องหน้ารุ่นพี่ดี ๆ
สายตารุ่นพี่คอยมองเขาอยู่ก่อนแล้ว และทันที่อี้เฟิงหันไปสบสายตา
เขาก็เริ่มพูด
“หยางเกอ”
“ครับ “
“อย่าทำหน้าตาแบบนั้น
“
อี้เฟิงเอ่ยข้อความกำกวม
หน้าตาแบบไหนที่อี้เฟิงคนนี้ไม่ชอบ เขาจะไม่ทำ
หรือเผลอหน้าบึ้งหรือแสดงอารมณ์ที่อีกคนไม่ชอบหรือ หยางหยางคิด
พอรู้ตัวใบหน้าหล่อเหลาก็เผยยิ้มให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้น
“ก็ยังไม่ดี “
หยางหยางสบตารุ่นน้องอีกครั้งอย่างนึกสงสัย
เขายังทำอีกฝ่ายไม่พอใจหรือ หยางหยางยังคงยิ้มอยู่แบบนั้น
แต่เขาไม่พูดอะไรแต่เอียงคอเล็กน้อยเชิงถามไปแทน
“ผมแค่จะเขินมาก
เวลาโดนแซว ยิ่งเป็นเรื่องความรักจะยิ่งเขินมาก จะทำตัวไม่ถูก เกอเข้าใจมั้ย”
คนฟังนึกประหลาดใจ
อีกคนอ่านใจเขาออก และนั่นคงแสดงออกไปทางสีหน้า กังวลว่าอีกคนจะรังเกียจหรืออึดอัด
โดยรวมทั้งหมดคือ
เผลอแสดงอาการน้อยใจใส่น้องเขาไปแล้ว
“หยางเกอครับ
ฟังผมดี ๆ ถ้าผมนึกไม่ชอบเกอตั้งแต่แรก คงไม่ให้เกอมาป่วนผมแบบนี้
ทั้งสมองทั้งหัวใจผม มีแต่เรื่องหยางเกอทั้งนั้น เกอทำให้ผมไม่ได้หยุดพัก
เกอทำให้ผมต้องโดดเรียน ชดใช้มาเลย”
คนน่ารักร่ายยาว
มือแมว ๆ อยู่ในสุขเอาแนบหน้ารุ่นพี่ แตะแก้มเขาแล้วขยับให้ใบหน้าหล่อเหลานั่นไปตามแรงมือ
รุ่นพี่ขี้น้อยใจเป็นคนแก่เลย แต่ปลอบเขาได้ไม่นานก็กลับมาระบายอารมณ์ใส่เขาเสียแล้วและคาดโทษว่าเขาเป็นต้นเหตุให้ตัวเองต้องโดดเรียน
แต่หยางหยางกลับยิ้มออก ทั้งที่โดนคนน่ารักหน้ายู่เป็นแมวงอนคาดโทษเนือง ๆ
“ให้หยางเกอคนนี้ทำยังไงดี” พออี้เฟิงแกล้งรุ่นพี่คนหล่อสมใจ ทันที่ลดมือลง รุ่นพี่ก็รีบคว้าไว้
มากอบกุมเอาไว้ไม่ให้เสียโอกาส อี้เฟิงค้อนใส่ใหญ่โต
แต่ก็ปล่อยให้เขาจับไว้อยู่นั่น แค่จับมือไม่เป็นไรหรอกหน่า ไม่สึกหรอเสียหน่อย
“เกอนี่นะ
ได้ทีก็..”
“ทำเป็นมองข้ามไปบ้างหน่าอี้เฟิง”
“หมาป่าไลน์เริ่มออกแล้วเห็นไหมล่ะ”
หยางหยางกลั้วหัวเราะ
ก็พอจะรู้ตัวว่าพออยู่ต่อหน้าอี้เฟิงแล้วเขาจะสวมวิญญาณแบบนี้ แต่ให้ทำอย่างไรได้
อยากได้น้องเขามาเป็นของตัวเองเหลือเกิน
“ว่าไง
อี้เฟิงให้เกอทำอะไรไถ่โทษที่ทำให้อี้เฟิงต้องโดดเรียน”
รุ่นน้องคนน่ารักใช้ความคิดซักพักก็มีเสียงแปลก
ๆ ดังขึ้นมา อี้เฟิงหน้าแดงทันที ก็เพราะนั่นเป็นเสียงท้องเขาร้องน่ะสิ
หยางหยางขำยกใหญ่จนอี้เฟิงจะต้องสลัดการกอบกุมอุ่น ๆนั้นมาฟาดใส่รุ่นพี่ซักที
โทษฐานล้อเลียนเขา ก็คนมันหิวนี่หน่า
“งั้นผมขอข้าวซักมื้อ
ซักชุดจะเป็นพระคุณเลยเกอ ผมหิวมาก”
หยางหยางหัวเราะ
เป็นเด็กที่ช่างกินเก่งเสียจริง
วันก่อนที่อยู่ด้วยกันที่โรงพยาบาลเห็นว่าดึกดื่นมากแล้วก็ยังแอบหยิบขนมมากินทั้งที่พี่พยาบาลสั่งไว้ว่าห้ามเอาเข้ามาในห้อง
แถมปริมาณก็ไม่ใช่น้อย ก็รู้ดีกรีของอี้เฟิงแล้ว ถ้าบอกว่าเขาเป็นแชมป์แข่งกินในรายการไหนซักรายการก็เชื่อ
สงสัยต้องทำอาหารเลี้ยงเด็กเพื่อขอโทษแล้วล่ะมั้ง
********************* OURSONG ~我們的歌 --*******************************
“เอาล่ะ
อี้เฟิงนั่งรอเกออยู่นี่ แป๊บเดียว เดี๋ยวได้กิน
”
“หยางเกอจะทำให้ผมกินหรอ??”
“ครับ”
อี้เฟิงถามจบก็ได้คำตอบทันที
หยางเกอของเขาจะกลายเป็นเซฟจำเป็นไปเสียแล้ว ไม่ยักกะรู้ว่าคน ๆ นี้มีความสามารถด้านนี้อีกด้วย คุณรุ่นพี่พาเขากลับมาที่ห้องของตัวเอง เดินเข้าครัวมาทันที
เปิดหาวัตถุดิบในตู้เย็นเครื่องหรูหรา เขาที่ไม่เชื่อฟังคำบอกของรุ่นพี่เดินตามเข้าครัวมาด้วย
ก็เพราะความอยากรู้อยากเห็น
“เกอจะเก่งเกินไปแล้ว
ทำได้ทุกอย่างเลย”
“ไม่หรอกไม่ครบทุกอย่าง
ตอนนี้ยังขโมยใจใครบางคนไม่ได้เลย” พูดจบประโยคก็ส่งสายตาออดอ้อนแบบชนิดที่สาว
ๆเห็นต้องละลาย อี้เฟิงก็ละลายแม้ไม่ใช่สาวๆ แต่ก็ต้องเก๊กเข้มไว้ก่อน
แม้จะหน้าแดงสู้กับมะเขือเทศบนเขียงนั่นก็เถอะ
แย่จริงหยางเกอทำให้อี้เฟิงคนนี้เขินได้ตลอด
เดี๋ยวก็เป็นโรคหัวใจตายพอดี
“หยางเกอก็ได้หัวใจไปแล้วนี่
จากข้อความตอนที่อยู่โรงพยาบาลนั่นไง”
เด็กน้อยยิงมุขหวาน ๆ ใส่หยางหยางบ้าง
เขาได้ยินถึงกับเกือบทำมีดบาดมือ กำลังหั่นผักอยู่เชียวเด็กคนนี้
“ออกไปนั่งเล่นก่อน
อย่าเพิ่งมากวนใจเกอสิ เดี๋ยวอดกินนะ”
“ผมยังไม่ทำอะไรเลย”
“แล้วเมื่อกี้ล่ะ
ช่างพูดเหลือเกินนะเรา”
“ยังไม่ได้พูดอะไรเลี่ยนๆ
แบบเกอเลยซักคำ อย่ามาคาดโทษกันสิ”
อี้เฟิงเอ่ยจบก็เล่นหูเล่นตาแลบลิ้นใส่ก่อนออกไปจากครัวเสียตามที่รุ่นพี่ว่า
เกรงใจเดี๋ยวจะไม่ได้กินข้าวแต่น้ำตาลจะหกรดเต็มครัว แถมไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้เลย
อี้เฟิงจะออกมาวิ่งเล่นด้านนอกครัว
ในพื้นที่ห้องพักที่มีรูปแบบคล้ายกับของเขาแต่จัดห้องได้เรียบและมีสไตล์มากกว่าเขาหลายขุมนัก
“เป็นคนมีรสนิยมดีนะเนี่ย”
เขาเดินดูนั่นนี่ในห้องของหยางหยางไปเรื่อย
ๆ ห้องของหนุ่มรูปหล่อขวัญใจสาว ๆ
ทั้งมหาลัย เผลออาจจะนอกมหาลัยด้วย เดินไปก็ฉายความหล่อขนาดนั้น
อี้เฟิงกวาดสายตามองดูก็มีของที่สมแล้วที่เป็นห้องของหยางหยางคนนี้ หนังสือที่มีประโยชน์
อาหารบำรุงสุขภาพ คู่มือต่าง ๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น โซฟาที่เรียบและดูดี มีเปียโนกลางห้องด้วย แม้อาจจะทำให้ห้องแคบคับ
แต่โคตรดี สุดยอดเป็นบ้า เปียโนยี่ห้อดังราคาแพงลิบเสียด้วย ถัดไปจากตรงนั้นเป็นชั้นวางกรอบรูปเยอะแยะ
หันไปมองบน ชั้นวางมีรูปในอิริยาบถต่างๆของรุ่นพี่
ตอนไปแข่งที่นั่นทำกิจกรรมที่นี่ ไล่ดูไปเรื่อย ๆก็พบสองรูปที่ต้องสังเกตเป็นพิเศษ
อี้เฟิงถือวิสาสะเข้าไปดูใกล้
ๆ
รูปแรกในรูปมีสามคน
คนแรกเป็นคุณแม่
ถัดไปเป็นคุณพ่อของรุ่นพี่...และรุ่นพี่ยืนใกล้ ๆท่าน...
ส่วนอีกกรอบรูปหนึ่งเป็นหยางเกอกับสาวสวยคนหนึ่งที่ถ่ายรูปกันแนบชิด
และดูสนิทกันจนอี้เฟิงที่มองรูปนี้อยู่ต้องยกมือกุมตรงที่หัวใจ
มันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นเข้าหัวใจ
“เกอขอยืนยันนะว่า
อี้เฟิงเป็นรักครั้งแรกของเกอ”
ไม่รู้หยางหยางออกจากครัวตั้งแต่เมื่อไหร่
เขาถืออาหารสองจานวางด้วยกัน สังเกตว่าเป็นอาหารง่าย ๆ แต่ทำให้อร่อยได้ยากอย่างสปาเกตตี้ไก่สับ
เขาวางมันลงกับโต๊ะอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากครัว และเดินตรงมาหาอี้เฟิง
ที่ทำหน้าตาไม่สบายใจ
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเกอสมัยมัธยม
สนิทกันมากเพราะเราอยู่บ้านใกล้กัน และก็เรียนที่เดียวกันด้วย”
“ตอนนี้เธอ ?”
“ไปเรียนต่างประเทศน่ะ
แต่ก็มีเหตุนิดหน่อยที่ทำให้เกอต้อง---- “
“หยางเกอ”
“ครับ ?
อี้เฟิงหยุดคำของหยางหยาง
ซึ่งในตอนแรกก็กำลังตั้งใจฟังอยู่แต่เมื่อนึกขึ้นได้ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
ซึ่งอี้เฟิงคิดว่า เขาไม่ควรไปยุ่งย่าม
“ผมดีใจที่เกอบอกว่าผมเป็นรักแรก
แค่นั้นก็พอแล้ว เรื่องอื่นไม่เป็นไรหรอก”
“แต่เกอเห็นอี้เฟิงมองรูปนั้นแล้วสีหน้าเปลี่ยนไปมาก
จนเกออยากจะกอดซักที”
คนน่ารักเผยยิ้มกับมุขตลกแกมหยอกของรุ่นพี่
เขารู้สึกปวดจิ๊ดขึ้นมาจริง ๆ นั่นล่ะ ก็เพราะใบหน้าของหยางเกอในรูปมันสดใสเกินไป
เมื่ออยู่กับคนอื่นแล้วเกอเป็นแบบนั้น มันทำให้เขารู้สึกเจ็บที่ใจขึ้นอย่างแปลกประหลาด
นี่คือการรับรู้อีกขั้น
ถึงความรู้สึกที่เขามีต่อรุ่นพี่คนนี้
ชอบเขามากขึ้นไปอีกระดับหนึ่งแล้ว
หยางหยางเห็นใบหน้าที่น่ารักต้องมุ่ยลงเพราะมีเรื่องให้คิด
นี่เขาและอี้เฟิงสลับอารมณ์กันหรือ
แต่อย่างไรอีกคนก็สามารถทำให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้นได้
นี่ถือเป็นเรื่องดี
มือแกร่งยื่นออกไปตรงหน้า
ตากลมโตมองเอียงคอนึกสงสัย แต่ก็คว้ามือเขาจับไว้โดยไม่ลังเล
“เราไปกินมื้อเที่ยงกันเถอะ
“
หลังจากมื้อเที่ยงผ่านไป
สองคนชวนกันมานั่งตรงระเบียงหน้าห้อง หยางหยางสารภาพว่าตรงนี้ก็คือสถานที่ที่เขามาแอบฟังอี้เฟิงร้องเพลงเมื่อครั้งก่อนและทุก
ๆ ครั้งที่อี้เฟิงเปิดคอนเสิร์ตตรงระเบียง หยางหยางก็มักจะมาแอบฟัง
“แบบนี้น่าจะเก็บค่าบัตรคอนเสิร์ตให้เข็ด”
“จะให้เกอจ่ายเท่าไหร่”
“ขอเป็นกับข้าวอร่อย
ๆ ทุกมื้อแบบตะกี้ได้มั้ย”
หยางหยางยกยิ้มหัวเราะขำน้องอี้เฟิงของตัวเอง
เด็กอะไรกินเก่ง จะว่าแรง ๆ ก็เห็นแก่กินจริง ๆ
ตัวเขากำลังประมวลผลคิดอยู่ว่าจะต้องซื้ออะไรใส่ตู้เย็นเพิ่มบ้างเสียแล้ว
อยากมีคนมาแบ่งกันกินแล้วเหมือนกัน
“แล้วเกอไม่มีซ้อมหรือเรียนแล้วหรอ
?”
อี้เฟิงไถ่ถามว่ารุ่นพี่ไม่มีเรียนหรือซ้อมอย่างไร
ก็ได้คำตอบตลก ๆ แกมร้ายของรุ่นพี่จอมเจ้าเล่ห์มา
“ขอโดดวันนึง”
คุณรุ่นพี่บิดขี้เกียจโชว์แล้วหันมาหาอี้เฟิง
เหมือนลูกชายขออนุญาตคุณแม่ไม่ไปเรียนพิเศษแบบนั้นเลย
คนน่ารักยิ้มหลายรอบของวันก็ยังคงยิ้ม เขาชอบใจกับความเป็นตัวของตัวเองต่อหน้าเขาตอนนี้ของหยางหยางคนนี้เสียแล้ว
“เกเรแล้ว
ประธานชมรม ไปซ้อมเถอะไป”
“วันนี้โดดได้นะอี้เฟิง
เด็ก ๆ ในชมรมไปเข้ากิจกรรมของโรงเรียนกันหมด ส่วนรุ่นพี่อย่างเกอก็โน่นตายที่บ้านกันหมด
เจ้าพวกนั้นดันโดดเรียนจนต้องปั่นงานให้ทันส่งอาจารย์คาบหน้า ส่วนของเกอ
สบายเสร็จแล้ว เจ้าพวกนั้นก็ลอกกันอยู่”
รุ่นพี่กลั้วหัวเราะท้ายประโยคประกอบการอธิบายให้เหตุผลถึงที่เขาอยากโดดซ้อมชมรมวันนี้บ้าง อ้างถึงเพื่อนและรุ่นน้องของเขา
อี้เฟิงพอจำได้ว่าวันนี้รุ่นน้องปีต่ำลงไปมีกิจกรรมของมหาวิทยาลัย คงมาซ้อมไม่ได้
ทั้งชมรมดนตรีเองก็ด้วย
เจ้าของใบหน้าน่ารักใช้ความคิดต่อ
จากประโยคที่หยางหยางได้อธิบายให้เขาฟัง
...อี้เฟิงพาลคิดว่ารุ่นพี่คนนี้คงเป็นคนเพอร์เฟค
เป็นเทพบุตรของโลกใบนี้และจับต้องได้ยาก แต่อี้เฟิงคิดไปเอง ตอนนี้เขาเป็นแค่มนุษย์มีหัวใจเหมือนกับอี้เฟิงนั่นล่ะ
“ปกติจะเห็นหยางเกอดูขรึม
ๆ เข้ม ๆ มีมาด แถมเข้มงวด เจอเกอบอกว่าจะโดดซ้อมแบบนี้ ผมก็ตกใจเหมือนกันนะเนี่ย”
“มันก็มีบ้างล่ะครับอี้เฟิง
เกอเองก็ไม่ใช่เด็กดีขนาดนั้น ตอนปีหนึ่งเคยโดดซ้อมไปเกมส์เซนเตอร์ด้วยล่ะ
เล่นซะจนดึกดื่นแม่นี่วิ่งวุ่นตามหา แถมโดนลงโทษหักค่าขนมอีกตังหาก”
อี้เฟิงหัวเราะกับเรื่องเล่าของรุ่นพี่ถึงความแสบของตัวเอง
เขาเอียงคอรุ่นพี่อย่างพินิจพิจารณา
จับต้องได้จริง
ๆนั่นล่ะ
“อี้เฟิง
...?”
พอคิดถึงคำว่าจับต้องได้
อี้เฟิงก็เผลอยกมือแตะเข้าที่แก้มรุ่นพี่ด้วยเสียอย่างนั้น นั่นจึงเป็นโอกาสให้รุ่นพี่คว้ามือนุ่มนิ่มข้างนั้นเอาไว้
และแนบฝ่ามือไว้ที่ใบหน้าหล่อเหลานั่นให้เต็มฝ่ามือโดยไม่ต้องเกรงใจอะไร
“อยากสัมผัสหยางหยางคนนี้มากกว่านี้มั้ย
อี้เฟิง”
พอรุ่นพี่แทนตัวเองด้วยชื่อจริง
นั่นเป็นจุดที่ทำให้อี้เฟิงใจสั่นไหวได้อีกจุด
เขาเลื่อนมือข้างนั้นของอี้เฟิงลงต่ำที่อกที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นแบบกล้ามของนักกีฬาที่แข็งแรง
มือข้างนั้นแนบอยู่ตรงนั้นพอดี
สัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจของหยางหยางได้ชัดเจน
“หยางเกอ...”
ระยะของทั้งสองก็ยังเป็นหนึ่งช่วงแขน
แต่ว่ามันไม่สุดแขนในระยะวัดของอี้เฟิง หยางหยางย่อระยะนั้นให้สั้นลงเรื่อย ๆ
ทำให้แขนของอี้เฟิงงอพับ ลดระยะให้หยางหยางเข้าใกล้อี้เฟิงได้จนใกล้สายตา
“หัวใจของเกอเต้นผิดจังหวะขนาดนี้
แถมดังมากด้วย รู้สึกไหม?”
“จังหวะอะไรก็ไม่รู้แถมดังจนแทบระเบิดเลย
แต่...เอาจริง ๆ ของผมก็ด้วย”
หยางหยางได้ยินคำสารภาพของอี้เฟิงดังนั้น
ก็พอใจเขาคงไม่ได้หัวใจเต้นผิดจังหวะอยู่คนเดียว และตอนนี้มั่นใจว่าเขาไม่ได้เข้าข้างตัวเองแล้ว
กล่าวถึงระยะอีกครั้ง
ใบหน้าหล่อเหลาของหยางหยางตอนนี้อยู่ใกล้ในระยะปลายจมูกชิดกันแล้ว
แบบที่เคยมีระยะนี้กันในโรงพยาบาล คืนวันนั้น และเกือบจะมีสถานการณ์”กำลังจะ”
เลิฟซีน แต่มันไม่เกิดขึ้น
“อี้เฟิง...” หยางหยางใช้มือที่ว่างอีกข้างหนึ่งยกไล้ริมฝีปากที่นึกฝันว่าจะได้ประทับจูบซักครั้งในชีวิต
เขาสบสายตากับอีกคน แววตาสั่นไหว และหวั่นไหวเป็นอย่างมาก สงสัยในสิ่งที่เขากำลังจะทำกับอีกฝ่ายในตอนนี้
“จูบ...เกอเคยบอกไว้ว่าครั้งต่อไปจะเป็นจูบที่ริมฝีปากนี้
...”
“เกอกำลังขออนุญาตผมใช่มั้ย”
“ครับ”
“ถ้าผมบอกว่าไม่อนุญาตล่ะ”
“เกอก็จะไม่ทำ
ไว้เป็นเวลาอื่นแล้วกัน”
“งั้น.....
ไม่อนุญาต”
อี้เฟิงบอกชัดถ้อยคำ
หยางหยางรู้สึกเสียดายและมีอารมณ์หลากหลาย แต่รวมแล้วนั่นทำให้เขารู้สึกไม่ดีเท่าไหร่
รุ่นพี่รูปหล่อเบี่ยงใบหน้าออกจากอี้เฟิงไปมองทางอื่นแทนแต่มืออีกข้างก็ยังกอบกุมมือนุ่มนิ่มอีกข้างเอาไว้
“แต่ถ้าผมขออนุญาตเกอแทนล่ะ
?”พออี้เฟิงพูดจาชวนสงสัยหยางหยางก็หันกลับมามองใบหน้าน่ารักนั้น
อี้เฟิงพูดอย่างมีเลศนัย กำลังจะเล่นอะไรกับหัวใจรุ่นพี่อีก หลี่อี้เฟิง
“ขออนุญาต ?”
“อือ”
“เรื่องอะไรครับ
? “
“โอ๊ย
ไม่ขอแล้ว จูบเลยแล้วกัน”
ไม่ปล่อยให้เวลาล่วงไปเกินถึงสามวินาที
เพราะต่อถึงวินาทีที่สี่ อี้เฟิงจะเขินจนไม่กล้าทำอะไรแน่ “เลิฟซีน” ที่กำลังจะเริ่มอยู่หลายครั้งในที่สุดก็เกิดขึ้นซักที
หยางหยางที่กำลังตกใจ เขาโดนอี้เฟิงจู่โจมจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว ขออนุญาตแล้วไม่รับคำเสียอย่างนั้น
แต่เป็นแค่จูบในระดับหนึ่ง ที่เป็นแค่การประทับจูบที่ริมฝีปากอีกคนให้รู้สึกถึงความอบอุ่นเพียงแค่นั้น
รุ่นน้องก็ค้างไว้จนตัวเองทนเขินไม่ไหวและละริมฝีปากออกมาช้า
ๆ อี้เฟิงหอบเล็กน้อยเพราะกลั้นลมหายใจเหตุด้วยความตื่นเต้น และไม่ปล่อยให้รุ่นพี่จับสายตาได้ทัน
รุ่นน้องคนน่ารักถอยกลับไปยืนในระยะหนึ่งช่วงแขนดังเดิมโดยที่ยังกอบกุมมือรุ่นพี่อยู่
“ให้เกอจูบ ผมจะเขินกว่านี้มาก
เขินจนแทบเป็นลม แบบนี้ดีกว่าเยอะ ผมยังโอเคกว่า”
“ห๊ะ ?” หยางหยางที่ยังคงตกใจกับจูบจู่โจมของอี้เฟิงไม่หาย
สมองเขาช็อตไปเล็กน้อย ประมวลไม่ทัน
“ก็ถือว่าเป็นของตอบแทนที่หยางเกอดูแลผม
คอยมอบความรู้สึกดี ๆ ให้ พยายามเข้านะหยางเกอ พยายามเอาหัวใจผมไปให้ได้ทั้งดวง
เอาไปแค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไอ้ส่วนที่มันอยู่ที่ผมมันจะรู้สึกเจ็บปวดที่โดนทอดทิ้งนะ”
พูดยาวเป็นประโยคเสร็จ
ก็บีบมือคุณรุ่นพี่ที่รักเป็นสัญญาณให้กำลังใจหนึ่งครั้ง และมีโบนัสแถมให้อีกด้วย
“อันนี้ของแถมสำหรับค่ากับข้าวฮะ”
โดนขโมยหอมแก้มอีกฟอดใหญ่ไป
…. แมวน้อยขี้ขโมยหนีไปแล้ว
พอร่างเพรียววิ่งดุ๊กดิ๊กอย่างเร็วกลับออกจากห้องพักของหยางหยางไป
คนที่โดนขโมยทั้งจูบทั้งโดนขโมยหอมแก้มค่าอาหารเมื่อครู่ก็ทรุดลงกับพื้นที่ยืนอยู่ตรงนั้น
เขาว่าเขากำลังจะเป็นบ้า
ไม่คิดเลยว่าคนที่ชอบฉวยโอกาสคิดจะเก็บเล็กเก็บน้อยกับอี้เฟิงเขาก่อนแบบหยางหยาง
จะโดนอี้เฟิงขโมยทั้งจูบทั้งหอมแก้ม แถมยังได้คำหวานจากเสียงหวาน ๆ ของคนน่ารักเก็บมาฝันเฟื่องเล่นต่อก่อนนอนทุกคืนได้อีก
หยางหยางกำลังคิดว่าเขาควรทำอย่างไรกับความดีใจที่สุดบรรยายนี้ดี
เขาควรตะโกนบอกคนทั้งตึกไหม หรือโทรบอกเพื่อนสนิททุกคน บอกครอบครัว
หรือออกไปวิ่งให้หายตื่นเต้นก่อนดี
แต่ที่เขาคิดได้คือ
หันไปหาของที่ซ่อนอยู่ในที่ที่ลับเฉพาะของเขา
ในมือถือของหยางหยางมีรูปของอี้เฟิง
ขอนั่งมองแก้คิดถึงเสียที
เขามีมันไว้นานแล้วไม่กล้าปรินท์ออกมาติดในห้องเพราะหากซักวันที่น้องเขาเข้ามาในห้อง
เจอเข้าก็อาจจะมองว่าเขาเป็นโรคจิตก็ และโทรศัพท์เป็นสิ่งที่เขาต้องใช้ทุกวัน
ต้องเปิดมันไว้ตลอด
อย่างไรเขาก็จะเห็นน้องอี้เฟิงบนสกรีนวอลเปอร์ทุกครั้งที่ใช้โทรศัพท์ ได้
แต่แค่รูปในโทรศัพท์ก็ดูเหมือนหยางหยางเป็นโรคจิตเข้าไปทุกวันแล้ว
รูปของอี้เฟิงที่หยางหยางแอบถ่ายได้ตอนที่เขาสองคนไปเล่นดนตรีที่โรงพยาบาลเด็ก
หยางหยางแอบถ่ายมาแค่ได้รูปเดียว หากมีเยอะ เกินไปก็ดูเหมือนตัวเองโรคจิต แต่ไม่มีเลยก็ไม่มีรูปว่าแก้คิดถึงหากไม่ได้เจอกันซักวัน
เป็นรูปตอนที่อี้เฟิงกำลังตั้งใจเล่นกีตาร์
ใบหน้าน่ารักเปี่ยมรอยยิ้มเต็มไปด้วยความสุข ดวงตาเปล่งประกาย
ให้ตายสิ
รู้ตัวอีกที ตอนนี้แค่ อี้เฟิงวิ่งกลับห้องไม่กี่นาทีก็คิดถึงเสียแล้ว
หยางหยางลองส่องข้อความไปหาอี้เฟิง
เนื้อความบอกว่า
“ 1 นาทีที่ห่างกันก็คิดถึงแล้ว”
น้องเขาส่งกลับมาอย่างที่คิด
ก็ต้องบอกว่าเขาเลี่ยนเป็นบ้า แต่อี้เฟิงมี ปล ต่อท้ายมาด้วย
ผมก็คิดถึงเกอซะแล้ว ซะเมื่อไหร่...ผมคิดถึงหน้าเกอตอนผมขโมยหอมแก้มต่างหาก เกอดูตกใจสุด ๆ ไปเลย โคตรตลก แถมยังใส่อีโมติค่อนขำยกใหญ่มาต่อให้รู้ระดับความตลก
เจ้าเด็กคนนี้ชักจะเอาใหญ่
ทำให้เขาทั้งหัวเราะ เครียด เสียใจ มีความสุข ทุกอย่างรวมที่เขา
หลี่อี้เฟิงคนเดียว
คนเดียวในโลกจริง
ๆ หยางหยางเป็นบ้าได้เพราะหลี่อี้เฟิง ได้แค่คนเดียว
“บอกให้พยายามแต่ตัดกำลังกับความน่ารักนั่นเหลือเกินอี้เฟิง
ต่อให้ตายก็จะเอาหัวใจของอี้เฟิงมาทั้งดวงเลย ประกันด้วยความรักของหยางหยางคนนี้ต่อหลี่อี้เฟิงเลย”
SPE
ข้อความเข้าใหม่จากหยางเกอ
?
“จะส่งอะไรมาให้อีก
จะเอาให้หัวใจวายตายเลยรึไงพ่อคุณ”
อี้เฟิงคาดโทษหยางหยางผ่านโทรศัพท์พลางกดเปิดข้อความ
มันเป็นข้อความเสียง
ข้อความเสียงความยาว
1 นาทีกว่า เป็นเสียงบรรเลงเปียโนเพลงที่เขาคุ้นหูเป็นอย่างดี
“หวอ่เหมินเต่อเกอ
....”
王力宏 Lee Hom- 我們的歌 Our Song (Piano Version)
อี้เฟิงยิ้มแก้มแทบแตก
เขินจนทำโทรศัพท์ตกหล่นลงพื้น พอทรุดลงไปเก็บโทรศัพท์ก็ลุกขึ้นมาไม่ไหว
นั่งย่ำกับพื้นนั่นซะเลย หมดแรงแล้ว
จะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะแบบนี้กันไปถึงเมื่อไหร่ กันตาคนนี้
“ไว้จะไปแอบเล่นเปียโนที่ห้องนะ
แต่ให้ดีเกอก็มาเล่นด้วยกันกับผมด้วยสิ”
อี้เฟิงพูดทวนประโยคมือยุกยิกกดข้อคตวามใส่โทรศัพท์มือถือในมือ
ในนั้นเป็นข้อความเดียวกันกับที่เขาพูด และกดส่งไป
พอส่งไปก็นึกว่าคนรับต้องทำหน้าแบบนั้นไปแบบนี้ อี้เฟิงก็พาลเขินใส่โทรศัพท์
เอามันเคาะกับหัวตัวเองซักทีให้หายเป็นบ้าลงหน่อย
“โอย
อี้เฟิงเอ๊ย แกจะตายมั้ยเนี่ย”
****************************************************************** TBC 7
TALK :: รอดไปอีกตอนนึง ฟู่ว์ พลิกพล็อตไปมา ก็เลยกลายเป็นแบบนี้ค่ะ 555
ที่จริงมีอีกรูทนึงแต่คิดว่าหากอยากให้ตัวละครในเรื่องมีพัฒนาการ ก็ควรจะเป็นแบบนี้ดีกว่า
เจอกันตอนหน้าน้า แล้วก็เตรียมตังค์ไว้ด้วยล่ะ อีกเดือนครึ่ง ฮี่