วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2560

[Sf] moment #Gradence







“อ๊ะ ใบปลิวครับ..”

ผมมายืนแจกใบปลิวที่ได้จากที่บ้านมาเช่นนี้ทุกวัน ทำเป็นกิจวัตรตามคำสั่งของคุณแม่ของผมที่เลี้ยงดู แม่ให้อาหารให้ที่อยู่ เราตอบแทนแม่โดยการทำอย่างที่มีให้เราทำ แม้ว่าบางทีเราจะไม่ได้รับความสนใจ เท่าไหร่ แต่เราก็ยังพยายามต่อไป


ผมมายืนแจกในจุด ๆ เดิม ก็เพราะยังหาจุดแจกใบปลิวใหม่ที่น่าสนใจกว่านี้ไม่ได้ ที่อื่นผู้คนจะไม่ค่อยสัญจรผ่านเท่าตรงจุดนี้ แต่สุดท้าย ผมก็แจกใบปลิวไม่เคยหมด และต้องแอบเอาไปทิ้งขยะ หรือเผาทิ้งเป็นประจำ


มันก็วนไปแบบนี้ เหมือนเดิม ผมเริ่มชินชากับมันเสียแล้ว นี่คือชีวิตที่ค่อนไปทางน่าเบื่อนิดหน่อยของเครเดนซ์ แบร์โบน



แม้ช่วงเร็ว ๆ นี้ จะมีช่วงเวลาบางเวลาที่ทำให้ผมใจพองโตหน่อย แต่มันก็ไม่ใช่เสียทุกครั้ง ที่เวลาที่น่าตื่นเต้นนั้นจะมาเยือนผม เวลาอันน่าเบื่อในตอนนี้ของผม ไม่มีอะไรมาทำให้มันสะดุดเลย


ผมกำลังคาดหวัง อะไรที่มันยากอยู่น่ะ


“..บะ..ใบปลิวครับ...”



ผมพยายามยื่นใบปลิวให้ใครต่อใครหลายที่เดินผ่านมา แต่แทบทุกคนไม่สนใจมัน แน่นอน พวกเราไม่เคยได้รับความสนใจจากใครอยู่แล้ว ผมรับรู้ตรงนี้ดี แต่ผมก็ยังพยายามต่อไปเพื่อที่จะแจกมัน อย่างน้อยก็ให้ได้พยายามถึงที่สุดก่อนทีใบปลิวทั้งหมดจะลงถังขยะไปในที่สุดก็ตามหากมันไม่ไปอยู่ในมือของคนอื่นนอกจากผม


“ใบปลิวครับ...”


ผมเงียบงันไปครู่หนึ่ง เพราะมีมือจากชายคนหนึ่งรับใบปลิวจากผม





มาจริง ๆ หรือ ...ช่วงเวลาบางเวลาที่มาทำให้ช่วงเวลาที่น่าเบื่อของผมสะดุดหกล้ม



“..มิสเตอร์เกรฟส์....”


ผมเอ่ยชื่อเขาแผ่วเบา ผมไม่กล้าพูดชื่อเขาเสียงดังด้วยซ้ำ เพราะกลัวเขาโกรธ ถึงจะไม่รู้ว่าเขาจะโกรธผมกับแค่การเรียกชื่อเพียงเท่านั้นหรือ เขาทำหน้าตาเคร่งเครียดหรือนิ่งดุขน้ำแข็งอันเย็นยะเยือกเหมือนทุกครั้งที่ผมพบเขา

“เจอเด็กคนนั้นหรือยัง”... เขาถามผมคำถามเดิมในทุกครั้งที่เจอกัน ถึงแม้ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรก ๆ ที่เราสองคนได้พบกันก็ตาม


ผมได้รับงานบางอย่างจากชายผู้เก่งกาจจากมาคูซ่า เขาเป็นพ่อมด แม้แม่ของผมจะเกลียดคนพวกนี้มาก แต่ผมกำลังคุยกับพ่อมดอยู่ล่ะ


เขาเท่ดีนะ


“เครเดนซ์ เธอฟังฉันอยู่ใช่มั้ย”
“..คะ..ครับ”


ผมเผลอมองใบหน้าที่หล่อเหลานั้นที่อยู่ภายใต้ความนิ่งสนิทนั้น ผมกังวลว่าเขาจะดุผมอีกมั้ย หากใจผมลอยล่องไปไกล เมื่อยามได้สบตาเขา คิดเรื่องอื่นที่ไม่ควรคิดอยู่เมื่อเจอเขา และเขาก็จบประโยคสุดท้าย เขาทิ้งงานให้ผมไว้

“เข้าใจครับ”
“ดีมากเด็กดี”


เขาจะใช้สรรพนามนั้นเรียกผม ทำให้ผมเคลิบเคลิ้มไปกับความอ่อนโยนเพียงคราวครู่ของเขา แต่เท่านี้ผมก็ดีใจ เพราะความอ่อนโยนแบบนี้ ผมไม่มีทางได้รับจากใครแม้แต่จากแม่ของผมอยู่แล้ว


ช่วงเวลาอันน่าเบื่อของผมกำลังจะกลับมาอีกครั้ง เมื่อมีสัญญาณว่าคนที่ทำให้ความน่าเบื่อของผมสะดุดกำลังจะจากไป


ตอนนี้คิดว่ามิสเตอร์เกรฟส์เขาคงจะหมดธุระกับผมแล้ว เขากำลังจะหายใจและจางหายไปในอากาศ แต่ก่อนเขากลับหลังหันกลับไป มิสเตอร์เกรฟส์ผู้เสมือนเจ้าชายน้ำแข็งตรงหน้าผม เขาเหมือนสะดุดใจอะไร และเดินกลับมาหาผม และหยุดตรงหน้า ในระยะที่ทำให้หัวใจของผมทำงานติดขัด


“เครเดนซ์  อย่าคาดหวังให้ฉันมาพบเธอทุกครั้ง นอกจากเวลาที่ฉันมีธุระจำเป็นกับเธอ ฉันคงมาหาทุกครั้งที่เธออยากเจอไม่ได้หรอก”

เขาพูดอะไรตรงและบีบหัวใจผมดี ซึ่งมันก็ถูก เขาคงไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น เพอร์ซิวัล เกรฟส์ผู้นี้เป็นถึงมือปราบมารของมาคูซ่า เขามีงานมากมายที่รอสะสาง ผมเข้าใจ

ผมคาดหวังจริง ๆ แต่มันมีแค่คำตอบเดียวอยู่แล้ว ผมรู้ดีว่ามันคงเป็นไม่ได้ที่เขาจะมาหาผมนอกจากเหตุผลอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานที่เขาให้ผมทำ

ผมคาดหวังว่ามิสเตอร์เกรฟส์จะมาพบกับผม เพราะว่าเขาอยากเจอผม เหมือนที่ผมคิดคาดหวังอย่างนั้นกับเขาบ้าง

ผมอยากพบเขาทุกวัน แต่ก็นั่นล่ะ ความคาดหวัง



“เรื่องนั้น ผมทราบดี---“


เสียงผมขาดเป็นห้วงไปครู่หนึ่งเพราะความคาดหวังที่สูงเกินไปของผมมันเกิดติดคอขึ้นมา ชายหนุ่มตรงหน้าเขาเอียงใบหน้าหล่อเหลาของเขามองผม และเมื่อผมสบตา พบว่าเขายิ้มแม้จะเบาบางจนแทบไม่เห็นหากไม่สังเกต


“ฉันหมายถึงว่า ให้เธอเปลี่ยน ความคาดหวัง เป็นความคิดถึง แบบนั้นจะเป็นผลดีต่อหัวใจของเธอกว่านะ”


ผมแทบทำใบปลิวกองย่อม ๆ ในมือร่วง เขาจุดยิ้มให้เห็นชัดยิ่งขึ้น และมือของเขาก็ร่ายเวทมนต์โดยไม่ต้องอาศัยไม้กายสิทธิ์ จัดการใบปลิวผมเสียเรียบ เขาไม่ได้เผาทิ้ง แต่มิสเตอร์เกรฟเอามันแต่ใบไปยัดใส่มือโนแมจบนท้องถนนที่ผ่านไปผ่านมาแบบงง ๆ มันดูตลกดีหากมองหน้าของผู้โชคดีที่ได้รับใบปลิวของผมไป เขาดูตกใจกันใหญ่ จนผมเผลอหลุดยิ้มขำออกมา


“ยิ้มแบบนี้ก็ได้นี่  หากเจอฉันอีก ให้ยิ้มแบบนี้ไว้รอรับฉันล่ะ เครเดนซ์”


ผมมองเขา ชายตรงหน้าผมคนนี้มีอารมณ์เช่นนี้กับเขาด้วยหรือ นั่นทำให้ผมประหลาดใจ ครู่หนึ่งเหมือนเขาคงนึกได้ว่ามีงานต่อ จึงสาวเท้าห่างจากผม เขากำลังจะไปจริง ๆ


“ให้คิดถึงฉันไว้เธอจะมีความสุขที่เจอฉัน แต่ถ้าหากฉันไม่มาเธอก็ยังคงเก็บความคิดถึง  แต่อย่าคาดหวังถึงฉัน เพราะหากฉันไม่มา เธออาจจะร้องไห้หากพบว่าวันนั้นที่เธอคาดหวังฉันไม่มาหาเธอ”


“แล้วคุณ..เอ่อ... ผมหมายถึงว่า ถ้าผมคิดถึงคุณแล้ว ....ละ.. แล้วคุณล่ะครับ?”

จู่ ๆ ประโยคอะไรก็ไม่รู้หลุดจากปากผมไป มิสเตอร์เกรฟส์เลิกคิ้วทำท่าสนใจแต่เขาจำเป็นต้องจากไปจริง ๆ จึงทิ้งเพียงรอยยิ้มตราตรึงไว้ให้ผมคิดถึงเขา




 ที่เขาพูดมา มิสเตอร์เกรฟส์ทราบดีถึงความหมายของคำว่าคิดถึงใช่มั้ย




ผมจุดยิ้มเล็กน้อย และคิดถึงเขา คำว่าคิดถึงมันดีกว่าคาดหวังจริง ๆ

คาดหวัง หากคาดหวัง รอแล้วรอเล่า เขาไม่มา ผมก็คงจะเฉาเป็นต้นไม้ขาดน้ำเพราะรอโอกาสครั้งต่อไปเพื่อจะเจอเขาเอามาหล่อเลี้ยงหัวใจผม  แต่ความคิดถึงมันหล่อเลี้ยงด้วยช่วงเวลาดี ๆ ที่เราเจอกันก่อนหน้า หัวใจผมถูกช่วงเวลาที่ดีที่ผมได้พบกับมิสเตอร์เกรฟส์ทุกครั้ง ความคิดถึงเป็นอะไรที่ดีมาก ๆ


อย่างน้อยหาก มิสเตอร์เกรฟส์ไม่มาหาผม หากไม่มีงานจำเป็น ไม่มาการเรียกมาเพราะเหตุจำเป็น (ผมบอกคุณหรือยัง เขาทิ้งบางอย่างไว้ให้ผมเรียกเขาเมื่อมีความคืบหน้าเรื่องงานแต่ถ้าไม่มี เขาจะมาหรือหากเขาไม่อยากมา ) ผมก็จำเป็นต้องใช้ความคิดถึงนี่หล่อเลี้ยงไป เอาทุกช่วงเวลาวนไปแบบนี้


และรอช่วงเวลาใหม่ที่จะพบเจอกัน










เช้าวันรุ่งขึ้นมา ผมก็ยังคงคิดถึงมิสเตอร์เกรฟส์ ตามคำของเขา ผมไม่คาดหวังที่จะพบเขาแล้วผมทำเพียงแค่คิดถึงช่วงที่เราเจอกันและเลิกคาดหวัง นั่นทำให้หัวใจผมดีขึ้นเยอะ เห็นได้ว่าความคิดถึงดีกว่าจริง ๆ


“ใบปลิวครับ “ ผมยังคงมาแจกใบปลิวเช่นเดิม แต่วันนี้เปลี่ยนจุดที่แจก เพราะแม่ของผมบอกให้เปลี่ยนบ้าง ช่วงเวลาเดิม ๆ ของผมดำเนินไปพร้อมความคิดถึงต่อมิสเตอร์เกรฟส์




“บะ..ใบปลิวครับ”

จำได้ว่าเมื่อก่อนเขาไป ผมเผลอหลุดถามอะไรโง่ ๆ ว่าเขาคิดถึงผมเหมือนกันไหม ? แม้ผมจะรู้คำตอบอยู่แล้วว่ามัน---





“ใบปลิวของฉันล่ะ?”



หืม ? ทันทีที่ผมกำลังจะให้คำตอบตัวเองเรื่องเขา แต่เขา---


 “มิสเตอร์เกรฟส์ ?”



เสียงที่ผมคุ้นเคยดีหลุดเข้ามาในภวังค์แต่นั่นไม่ใช่เสียงในความคิดเป็นเสียงของคนที่ผมคิดถึง ตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ
 ชายหนุ่มตรงหน้าผมมองผมหน้านิ่งขรึมจนผมกลัวแต่ก็เปลี่ยนแววตาเป็นอ่อนโยนใบหน้าแต้มรอยยิ้มบางเบา


“ฉันแวะมาให้คำตอบเธอสำหรับคำถามที่ฉันไม่มีเวลาตอบให้ เมื่อวานนี้ เครเดนซ์ แต่ฉันคงไม่จำเป็นต้องตอบอะไรเธอ เพราะการมาของฉัน เป็นคำตอบอยู่แล้ว"


ผมแอบยิ้มในขณะที่มิสเตอร์เกรฟส์หรี่ตามองผม เพราะดูเหมือนว่าผมกำลังแอบขำเขาจากตรงนี้ แต่มันก็...


"ครับ"


ผมขออนุญาตคิดนะครับ มิสเตอร์เกรฟส์ ว่านั่นเป็นคำตอบที่อ้อมโลกที่สุดที่ผมเคยได้รับมาเลย









end (less) moment


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น