“อ๊ะ ใบปลิวครับ..”
ผมมายืนแจกใบปลิวที่ได้จากที่บ้านมาเช่นนี้ทุกวัน
ทำเป็นกิจวัตรตามคำสั่งของคุณแม่ของผมที่เลี้ยงดู แม่ให้อาหารให้ที่อยู่
เราตอบแทนแม่โดยการทำอย่างที่มีให้เราทำ แม้ว่าบางทีเราจะไม่ได้รับความสนใจ
เท่าไหร่ แต่เราก็ยังพยายามต่อไป
ผมมายืนแจกในจุด ๆ เดิม
ก็เพราะยังหาจุดแจกใบปลิวใหม่ที่น่าสนใจกว่านี้ไม่ได้
ที่อื่นผู้คนจะไม่ค่อยสัญจรผ่านเท่าตรงจุดนี้ แต่สุดท้าย ผมก็แจกใบปลิวไม่เคยหมด
และต้องแอบเอาไปทิ้งขยะ หรือเผาทิ้งเป็นประจำ
มันก็วนไปแบบนี้ เหมือนเดิม ผมเริ่มชินชากับมันเสียแล้ว นี่คือชีวิตที่ค่อนไปทางน่าเบื่อนิดหน่อยของเครเดนซ์
แบร์โบน
แม้ช่วงเร็ว ๆ นี้ จะมีช่วงเวลาบางเวลาที่ทำให้ผมใจพองโตหน่อย
แต่มันก็ไม่ใช่เสียทุกครั้ง ที่เวลาที่น่าตื่นเต้นนั้นจะมาเยือนผม
เวลาอันน่าเบื่อในตอนนี้ของผม ไม่มีอะไรมาทำให้มันสะดุดเลย
ผมกำลังคาดหวัง อะไรที่มันยากอยู่น่ะ
“..บะ..ใบปลิวครับ...”
ผมพยายามยื่นใบปลิวให้ใครต่อใครหลายที่เดินผ่านมา
แต่แทบทุกคนไม่สนใจมัน แน่นอน พวกเราไม่เคยได้รับความสนใจจากใครอยู่แล้ว
ผมรับรู้ตรงนี้ดี แต่ผมก็ยังพยายามต่อไปเพื่อที่จะแจกมัน อย่างน้อยก็ให้ได้พยายามถึงที่สุดก่อนทีใบปลิวทั้งหมดจะลงถังขยะไปในที่สุดก็ตามหากมันไม่ไปอยู่ในมือของคนอื่นนอกจากผม
“ใบปลิวครับ...”
ผมเงียบงันไปครู่หนึ่ง เพราะมีมือจากชายคนหนึ่งรับใบปลิวจากผม
มาจริง ๆ หรือ ...ช่วงเวลาบางเวลาที่มาทำให้ช่วงเวลาที่น่าเบื่อของผมสะดุดหกล้ม
“..มิสเตอร์เกรฟส์....”
ผมเอ่ยชื่อเขาแผ่วเบา ผมไม่กล้าพูดชื่อเขาเสียงดังด้วยซ้ำ
เพราะกลัวเขาโกรธ ถึงจะไม่รู้ว่าเขาจะโกรธผมกับแค่การเรียกชื่อเพียงเท่านั้นหรือ
เขาทำหน้าตาเคร่งเครียดหรือนิ่งดุขน้ำแข็งอันเย็นยะเยือกเหมือนทุกครั้งที่ผมพบเขา
“เจอเด็กคนนั้นหรือยัง”... เขาถามผมคำถามเดิมในทุกครั้งที่เจอกัน ถึงแม้ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรก
ๆ ที่เราสองคนได้พบกันก็ตาม
ผมได้รับงานบางอย่างจากชายผู้เก่งกาจจากมาคูซ่า เขาเป็นพ่อมด
แม้แม่ของผมจะเกลียดคนพวกนี้มาก แต่ผมกำลังคุยกับพ่อมดอยู่ล่ะ
เขาเท่ดีนะ
“เครเดนซ์ เธอฟังฉันอยู่ใช่มั้ย”
“..คะ..ครับ”
ผมเผลอมองใบหน้าที่หล่อเหลานั้นที่อยู่ภายใต้ความนิ่งสนิทนั้น ผมกังวลว่าเขาจะดุผมอีกมั้ย
หากใจผมลอยล่องไปไกล เมื่อยามได้สบตาเขา คิดเรื่องอื่นที่ไม่ควรคิดอยู่เมื่อเจอเขา
และเขาก็จบประโยคสุดท้าย เขาทิ้งงานให้ผมไว้
“เข้าใจครับ”
“ดีมากเด็กดี”
เขาจะใช้สรรพนามนั้นเรียกผม
ทำให้ผมเคลิบเคลิ้มไปกับความอ่อนโยนเพียงคราวครู่ของเขา แต่เท่านี้ผมก็ดีใจ
เพราะความอ่อนโยนแบบนี้ ผมไม่มีทางได้รับจากใครแม้แต่จากแม่ของผมอยู่แล้ว
ช่วงเวลาอันน่าเบื่อของผมกำลังจะกลับมาอีกครั้ง
เมื่อมีสัญญาณว่าคนที่ทำให้ความน่าเบื่อของผมสะดุดกำลังจะจากไป
ตอนนี้คิดว่ามิสเตอร์เกรฟส์เขาคงจะหมดธุระกับผมแล้ว
เขากำลังจะหายใจและจางหายไปในอากาศ แต่ก่อนเขากลับหลังหันกลับไป
มิสเตอร์เกรฟส์ผู้เสมือนเจ้าชายน้ำแข็งตรงหน้าผม เขาเหมือนสะดุดใจอะไร
และเดินกลับมาหาผม และหยุดตรงหน้า ในระยะที่ทำให้หัวใจของผมทำงานติดขัด
“เครเดนซ์
อย่าคาดหวังให้ฉันมาพบเธอทุกครั้ง นอกจากเวลาที่ฉันมีธุระจำเป็นกับเธอ ฉันคงมาหาทุกครั้งที่เธออยากเจอไม่ได้หรอก”
เขาพูดอะไรตรงและบีบหัวใจผมดี ซึ่งมันก็ถูก เขาคงไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น
เพอร์ซิวัล เกรฟส์ผู้นี้เป็นถึงมือปราบมารของมาคูซ่า เขามีงานมากมายที่รอสะสาง
ผมเข้าใจ
ผมคาดหวังจริง ๆ แต่มันมีแค่คำตอบเดียวอยู่แล้ว
ผมรู้ดีว่ามันคงเป็นไม่ได้ที่เขาจะมาหาผมนอกจากเหตุผลอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานที่เขาให้ผมทำ
ผมคาดหวังว่ามิสเตอร์เกรฟส์จะมาพบกับผม เพราะว่าเขาอยากเจอผม
เหมือนที่ผมคิดคาดหวังอย่างนั้นกับเขาบ้าง
ผมอยากพบเขาทุกวัน แต่ก็นั่นล่ะ ความคาดหวัง
“เรื่องนั้น ผมทราบดี---“
เสียงผมขาดเป็นห้วงไปครู่หนึ่งเพราะความคาดหวังที่สูงเกินไปของผมมันเกิดติดคอขึ้นมา
ชายหนุ่มตรงหน้าเขาเอียงใบหน้าหล่อเหลาของเขามองผม และเมื่อผมสบตา
พบว่าเขายิ้มแม้จะเบาบางจนแทบไม่เห็นหากไม่สังเกต
“ฉันหมายถึงว่า ให้เธอเปลี่ยน ความคาดหวัง เป็นความคิดถึง
แบบนั้นจะเป็นผลดีต่อหัวใจของเธอกว่านะ”
ผมแทบทำใบปลิวกองย่อม ๆ ในมือร่วง เขาจุดยิ้มให้เห็นชัดยิ่งขึ้น
และมือของเขาก็ร่ายเวทมนต์โดยไม่ต้องอาศัยไม้กายสิทธิ์ จัดการใบปลิวผมเสียเรียบ
เขาไม่ได้เผาทิ้ง แต่มิสเตอร์เกรฟเอามันแต่ใบไปยัดใส่มือโนแมจบนท้องถนนที่ผ่านไปผ่านมาแบบงง
ๆ มันดูตลกดีหากมองหน้าของผู้โชคดีที่ได้รับใบปลิวของผมไป เขาดูตกใจกันใหญ่ จนผมเผลอหลุดยิ้มขำออกมา
“ยิ้มแบบนี้ก็ได้นี่ หากเจอฉันอีก
ให้ยิ้มแบบนี้ไว้รอรับฉันล่ะ เครเดนซ์”
ผมมองเขา ชายตรงหน้าผมคนนี้มีอารมณ์เช่นนี้กับเขาด้วยหรือ นั่นทำให้ผมประหลาดใจ
ครู่หนึ่งเหมือนเขาคงนึกได้ว่ามีงานต่อ จึงสาวเท้าห่างจากผม เขากำลังจะไปจริง ๆ
“ให้คิดถึงฉันไว้เธอจะมีความสุขที่เจอฉัน
แต่ถ้าหากฉันไม่มาเธอก็ยังคงเก็บความคิดถึง แต่อย่าคาดหวังถึงฉัน เพราะหากฉันไม่มา
เธออาจจะร้องไห้หากพบว่าวันนั้นที่เธอคาดหวังฉันไม่มาหาเธอ”
“แล้วคุณ..เอ่อ... ผมหมายถึงว่า ถ้าผมคิดถึงคุณแล้ว ....ละ.. แล้วคุณล่ะครับ?”
จู่ ๆ ประโยคอะไรก็ไม่รู้หลุดจากปากผมไป มิสเตอร์เกรฟส์เลิกคิ้วทำท่าสนใจแต่เขาจำเป็นต้องจากไปจริง
ๆ จึงทิ้งเพียงรอยยิ้มตราตรึงไว้ให้ผมคิดถึงเขา
ที่เขาพูดมา
มิสเตอร์เกรฟส์ทราบดีถึงความหมายของคำว่าคิดถึงใช่มั้ย
ผมจุดยิ้มเล็กน้อย และคิดถึงเขา คำว่าคิดถึงมันดีกว่าคาดหวังจริง ๆ
คาดหวัง หากคาดหวัง รอแล้วรอเล่า เขาไม่มา
ผมก็คงจะเฉาเป็นต้นไม้ขาดน้ำเพราะรอโอกาสครั้งต่อไปเพื่อจะเจอเขาเอามาหล่อเลี้ยงหัวใจผม แต่ความคิดถึงมันหล่อเลี้ยงด้วยช่วงเวลาดี
ๆ ที่เราเจอกันก่อนหน้า หัวใจผมถูกช่วงเวลาที่ดีที่ผมได้พบกับมิสเตอร์เกรฟส์ทุกครั้ง
ความคิดถึงเป็นอะไรที่ดีมาก ๆ
อย่างน้อยหาก มิสเตอร์เกรฟส์ไม่มาหาผม หากไม่มีงานจำเป็น
ไม่มาการเรียกมาเพราะเหตุจำเป็น (ผมบอกคุณหรือยัง
เขาทิ้งบางอย่างไว้ให้ผมเรียกเขาเมื่อมีความคืบหน้าเรื่องงานแต่ถ้าไม่มี
เขาจะมาหรือหากเขาไม่อยากมา ) ผมก็จำเป็นต้องใช้ความคิดถึงนี่หล่อเลี้ยงไป
เอาทุกช่วงเวลาวนไปแบบนี้
และรอช่วงเวลาใหม่ที่จะพบเจอกัน
เช้าวันรุ่งขึ้นมา ผมก็ยังคงคิดถึงมิสเตอร์เกรฟส์ ตามคำของเขา
ผมไม่คาดหวังที่จะพบเขาแล้วผมทำเพียงแค่คิดถึงช่วงที่เราเจอกันและเลิกคาดหวัง นั่นทำให้หัวใจผมดีขึ้นเยอะ เห็นได้ว่าความคิดถึงดีกว่าจริง ๆ
“ใบปลิวครับ “ ผมยังคงมาแจกใบปลิวเช่นเดิม แต่วันนี้เปลี่ยนจุดที่แจก
เพราะแม่ของผมบอกให้เปลี่ยนบ้าง ช่วงเวลาเดิม ๆ
ของผมดำเนินไปพร้อมความคิดถึงต่อมิสเตอร์เกรฟส์
“บะ..ใบปลิวครับ”
จำได้ว่าเมื่อก่อนเขาไป ผมเผลอหลุดถามอะไรโง่ ๆ
ว่าเขาคิดถึงผมเหมือนกันไหม ? แม้ผมจะรู้คำตอบอยู่แล้วว่ามัน---
“ใบปลิวของฉันล่ะ?”
หืม ? ทันทีที่ผมกำลังจะให้คำตอบตัวเองเรื่องเขา แต่เขา---
เสียงที่ผมคุ้นเคยดีหลุดเข้ามาในภวังค์แต่นั่นไม่ใช่เสียงในความคิดเป็นเสียงของคนที่ผมคิดถึง
ตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ
“ฉันแวะมาให้คำตอบเธอสำหรับคำถามที่ฉันไม่มีเวลาตอบให้ เมื่อวานนี้
เครเดนซ์ แต่ฉันคงไม่จำเป็นต้องตอบอะไรเธอ เพราะการมาของฉัน
เป็นคำตอบอยู่แล้ว"
ผมแอบยิ้มในขณะที่มิสเตอร์เกรฟส์หรี่ตามองผม เพราะดูเหมือนว่าผมกำลังแอบขำเขาจากตรงนี้ แต่มันก็...
"ครับ"
ผมขออนุญาตคิดนะครับ มิสเตอร์เกรฟส์
ว่านั่นเป็นคำตอบที่อ้อมโลกที่สุดที่ผมเคยได้รับมาเลย
end (less) moment
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น