วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560

[Fic] H E A R T - Intro ‘ #Gradence



TITLE :    H E A R T
CHAPTER :   Intro ‘Once upon a time in the foggy Forest’
PAIRING : Percival Graves x Credence Barebone






H E A R T


“เดี๋ยวสิครับ รอผมด้วยครับคุณป้า”

เสียงเล็กใสพยายามตะโกนให้เสียงดังขึ้นอีกหน่อย เพื่อให้คนตรงหน้าที่เดินนำลิ่ว ๆ ไปได้ยินและลดความเร็วในการเดินลงบ้าง แต่ใยเลยคุณป้าเฮอร์ไมโอนี่ผู้รักความพิศวงและความลึกลับทั้งปวงจะยอมได้


เครเดนซ์ลอบถอนหายใจกับตัวเองแล้วถือตะเกียงเดินย่ำเข้าไปในป่าหลังบ้านของตน ซึ่งเขาและผู้เป็นป้าที่รับเลี้ยงเขามาอาศัยอยู่ที่นั่น แน่นอน เป็นป่าที่แทบไร้ผู้คน อยู่ในที่ห่างไกลเมือง ห่างไกลความวุ่นวาย ป้าลั่นไว้เลยว่าอย่างไรก็ต้องเป็นที่แบบนี้ล่ะ ความลึกลับมักซ่อนอยู่เสมอ แต่อยู่ไปหลายปี ป้าก็ไม่เห็นเจออะไรเลย แต่เครเดนซ์ก็มักจะได้ยินผู้เป็นป้าเล่าเรื่องที่เธอคิดว่ามีไปเรื่อยจากในป่าหลังบ้าน

ป้าของเครเดนซ์น่ะชอบเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้ แบบว่าแฟนคลับของเรื่องลึกลับเลย

“วันก่อนน่ะ  ยัยวอลเตอร์มาเล่ากับป้าว่า มีผีในป่าด้วยแถมชี้จุดเกิดเหตุให้อีกตังหาก จะเป็นผีแบบไหนกันนะ ป้าล่ะอยากรู้จริง ๆ “ เพราะป้าคนน่ารักของเครเดนซ์ดันเชื่อคำเล่าลือ ป่านนี้แล้ว เวลาจากนาฬิกาในบ้านหลังเล็กเฉกเช่นบ้านขนมปังในนิทานบอกเวลาไว้ว่าเป็นพลบค่ำที่ใกล้จะเข้าสู่วันใหม่อีกไม่กี่ชั่วโมง แต่ป้าดันอยากรู้เรื่องนี้ จนเก็บความอยากรู้ไว้ไม่ไหว

“ป้าไม่กล้ามาคนเดียวแต่ก็อยากรู้นี่เครเดนซ์ มาเป็นเพื่อนป้าน่ะแล้ว”
“แต่ผมยังอยากกินสโคนของป้าอยู่นะ มันเหงาแย่แล้วที่ผมไม่สนใจมัน”
“ก็ป้าทำแพนเค้กวางไว้ใกล้ ๆ มันแล้วไงจ๊ะ เครเดนซ์ ให้มันอยู่ด้วยกันไปก่อนเถอะ”

ช่วงเวลาแบบนี้ใครเขามาเดินในป่าฉับ ๆ กันแบบนี้ล่ะฮะ!  เครเดนซ์โอดครวญในใจ ผมหิวอ่ะ! ผู้เป็นหลานถอนหายใจอีกรอบแล้วเดินตามคุณป้าต่อ แต่ถึงเครเดนซ์จะเรียกเธอว่าป้า แต่บอกได้เลยว่าเธอยังดูสาวเสียจนเหมือนเป็นพี่สาวของเครเดนซ์ด้วยซ้ำ

“แล้วการบ้านหนูล่ะ ทำเสร็จแล้วใช่มั้ย”
“ป้าครับ มาดามพรอมฟีย์ยังไม่ตรวจเร็ว ๆ นี้หรอกหน่า”
“เจ้าเด็กขี้เกียจ”

มันก็ต้องมีเวลาแบบนี้บ้างสิครับคุณป้า  เครเดนซ์ที่ไปเรียนไกลในตัวเมือง แต่บ้านของเขาไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้นเขาจึงจำเป็นต้องลาออกจากโรงเรียนมาตั้งแต่เรียนจบไฮสคูลปี 3 อายุยังไม่ 15 ดีด้วยซ้ำแต่ก็ต้องมาทำงานเสียแล้ว เขาน่ะไม่เป็นไร แต่คนเป็นป้าที่แม้ยังสาวแต่สุขภาพไม่น่าไว้วางใจ ถ้าไปเรียนที่ตัวเมืองก็ห่วงป้าแถมเงินของเรียนก็สูงลิบ เครเดนซ์เด็กดีรักผู้เป็นป้าที่เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่มากกว่าเรื่องอื่นใด จึงมาทำงานแถว ๆ หมู่บ้านใกล้ที่พักดีกว่าต้องทิ้งป้าไปหากเธออยู่คนเดียวก็เป็นห่วงไม่เป็นอันเรียน จะว่าติดป้าก็ได้นะ แม้ว่าป้าจะโมโหจนตีเขาจนร้องไห้ไปหลายรอบแต่ในที่สุดป้ายอมเพราะเขาขอร้องป้าเฮอร์ไมโอนี่อย่างอ้อนวอนที่สุดแล้วจนเธออ่อนใจ และก็โชคดีมากที่มาดามคนเก่งผู้เคยเป็นครูสอนในโรงเรียนชื่อดังในเมืองหลวงที่ห่างไกล เธอหนีมาหาความสงบที่เมืองเล็ก ๆ และอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ไม่ไกลจากบ้านชายป่าของพวกเขา เครเดนซ์จึงมีโอกาสได้ร่ำเรียนตอบแทนกับงานที่เขาต้องไปช่วยมาดามในบ้านไม่ว่าจะเป็นงานบ้าน หรืองานหนักอื่น ๆ ที่เกินมีคนวัยล่วงสาวไปไกลจะทำ แน่นอนเครเดนซ์รักเรียนและเต็มใจช่วยเธออย่างยิ่งและแถมยังไม่ห่างป้าเฮอร์ไมโอนี่ด้วย เขาว่านี่ล่ะดี แม้ว่าต้องแลกกับการไม่มีเพื่อนเยอะแยะแบบนักเรียนที่ไปโรงเรียนแต่เพื่อนบ้านเขาก็น่ารักทุกคนและมีเพื่อนวัยเดียวกันอยู่ด้วย แม้บ้านดัดลี่ส์จะไม่ค่อยชอบหน้าบ้านเขาเท่าไหร่นัก
“ป้าครับ อากาศเริ่มหนาวแล้วนะครับ”
“ไม่เป็นไรหน่า ใกล้กับที่ยัยวอลเตอร์บอกป้าแล้ว”
“ป้าจะไม่สบายนะฮะ”
“เอาใจป้าหน่อยเถอะหน่า เครเดนซ์  เรื่องแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อย ๆ หน่า” หนุ่มน้อยเริ่มหนาวแล้วเหมือนกันก็ดันใส่ขาสั้นออกมาเพราะป้าดันวิ่งออกมาโดยไม่ทันบอกอะไรเครเดนซ์ล่วงหน้าเลยนี่

เมืองนี้ห่างไกลห่างไกลจากเมืองใหญ่และแทบไม่มีนายทุนคนไหนสนใจด้วย เพราะห่างไกลและไร้ผู้คนแวะเวียน ไม่มีที่ท่องเที่ยวใด ๆ เงียบสงัดแทนที่จะเงียบสงบ แทบจะติดชายแดนของอีกประเทศด้วยซ้ำไปแต่ป็นเมืองที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติอันล้ำค่าซึ่งมีรัฐบาลปกป้องและบ้านหลังน้อยของป้าเฮอร์ไมโอนี่และเครเดนซ์ก็แถบชายป่าที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้แต่ไม่ได้ล่วงล้ำป่าที่ถูกกฏหมายคุ้มครองอยู่ด้วยเรื่องทรัพยากร ผู้คนที่อยู่ในแถบ ๆ เดียวกัน มีบ้านไม่กี่หลังซึ่งทำให้เรารู้จักกันหมด มักจะเรียกบ้านสีครีมสวยเหมือนสีของขนมปังอบใหม่ว่าบ้านชายป่าแต่บางทีฝาแฝดตัวน้อยบ้านแคสตี้ที่อยู่ถัดไปฟากของชายป่าแต่ไม่ได้ไกลกันนักก็มักจะเรียกว่าบ้านขนมปัง เมื่อยามมาเยี่ยมเยือนและเอาของที่ต่างบ้านต่างเพาะปลูกได้มาแลกกัน
บ้านขนมปังของเรานั้นมองทิวทัศน์จากหน้าต่างล่ะก็เหมือนคุณอยู่บนสวนสวรรค์เลยล่ะ ยิ่งหน้าหนาวเข้าหน่อยแล้ว หมอกลงหนาพอสมควรก็เหมือนล่องลอยอยู่บนปุยเมฆบนสวรรค์เลย เครเดนซ์มักจะวาดนิทานในความคิดเมื่อเจอบรรยากาศดี ๆ นอกหน้าต่างของบ้านชายป่าของเขา แต่ตอนนี้เป็นช่วงยังไม่หนาวเท่าไหร่จึงยังไม่มีปุยเมฆมโนแบบนั้นหรอก แต่อากาศก็เริ่มเย็นบ้างแล้ว
“ป้าฮะ ผมกลัวอ่ะ”
“ป้าก็กลัว แต่ป้าอยากรู้”

เครเดนซ์ไม่แอบแล้วแต่ถอนหายใจเสียงดังจนป้าเฮอร์ไมโอนี่ต้องดุเสียงเบาผ่านสายลมมา ป้าของเครเดนซ์ถือตะเกียงสีขาวเสียงไฟจากตะเกียงไม่ได้สว่างมากแต่พอมองเห็นทางในความมืดมิดในป่าอยู่หลังบ้านของเขา เครเดนซ์เดินตามหลังมีตะเกียงน้ำมันอยู่อีกอัน เล็กกว่าของป้าหน่อยมีสีแดงแต่ไฟสว่างพอกัน หนุ่มน้อยถือมันไปพร้อม ๆ กับสาดส่ายสายตาซ้ายทีขวาทีด้วยความกลัวมากขึ้นทุกขณะ ไม่เชื่อเรื่องแบบนั้นแต่มืดแบบนี้น่ากลัว หมีจะออกมามั้ย วันก่อนมีคนลือว่ามีหมีตัวใหญ่มากในป่าวิ่งไล่ตอนไปเดินสำรวจแต่ก็รอดกลับมาได้แต่ในความมืดแบบนี้ถ้าเจอหมีล่ะ มันน่ากลัวว่าสิ่งลี้ลับอีกนะครับป้า แตกต่างกับกับป้าของเครเดนซ์เธอเดินฉับ ๆ เข้าป่า ท่าทางทะมัดทะแมง เธอทำงานเกษตรมาทั้งชีวิต เรื่องป่า ๆ เขา ๆ ก็ขอให้บอก เดินบ่อยเสียจนเหมือนบ้าน แต่ไม่เคยเอาของจากป่าไปหรอกนะ ของของมันก็ควรอยู่ในที่ของมัน และกลัวโดนตำรวจมาจับเอาน่ะสิ

“ป้าฮะ “
“ชู่ว์  หลานรัก อย่าส่งเสียง เมื่อครู่เหมือนป้าได้ยินเสียงอะไร”

หมีแน่นอนเลย! เครเดนซ์โอดในใจ ตายตายตายยย สิ่งลี้ลับแค่ทำให้กลัวแต่หมีตัวใหญ่ตบเขาติดต้นไม้ได้นะ เครเดนซ์ยิ่งคิดยิ่งกลัวหนัก เขาไม่ค่อยเข้ามาในป่าเท่าไหร่ หากไม่นึกสุนทรีย์อยากดูป่าเขาลำเนาไพรจริง ๆ แต่ป้าชื่นชอบเป็นพิเศษ โอย แต่ถ้าเขาจะปล่อยให้ป้าเฮอร์ไมโอนี่มาคนเดียว ไม่ได้หรอก กลัวป้าเมีอันตราย แต่ตอนนี้ที่ป้าได้ยินน่ะ เสียงอะไร

“ป้าฮะ ผมเริ่มกลัวแล้วนะ”
“เอาหน่าเครเดนซ์ ถ้าเจอจริง ๆ เราก็แค่วิ่งหนีไปตามทางที่ป้าหย่อนหินสีไว้”

ใช่ ป้าของเครเดนซ์รอบคอบและประสบการณ์มากกว่า เธอหย่อนหินสีตามทาง ส่องเอาด้วยตะเกียงก็จะพบเจอหินเหล่านั้น  แม้สลัวเหลือเกินก็กลับบ้านได้ และเธอจำทางได้เพราะมาเที่ยวออกบ่อย

หืม ? คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เสียงนั้นที่ป้าบอกหรือ ? เครเดนซ์คิด มันดังขึ้นอีกครั้ง

“อะไรน่ะฮะ..?”
“ไม่รู้ ต้นเสียงล่ะมาจากไหน”


เครเดนซ์พยายามเงี่ยหูฟังในความสงบในหมู่มวลไม้ และเสียงสลัวจากตะเกียง อ๊ะ พระจันทร์มา! เครเดนซ์อุทานในใจพร้อมเงยหน้าไปมองฟ้า พระจันทร์สอดส่องแม้ไม่เต็มดวงแต่ช่วยให้เห็นอะไรชัดเจนขึ้นในบริเวณรอบ ๆ ที่พวกเขายืนอยู่ พอเริ่มอากาศหนาวลง เครเดนซ์สัมผัสได้ว่าเริ่มมีหมอกบาง ๆ ปกคลุมแล้ว

“เห้อ ตกลงเสียงอะไรกัน ไม่เห็นมีอะไรเลย ป้าโดนยัยวอลเตอร์แกล้งอำแล้วกระมัง” ป้าเฮอร์ไมโอนี่ร้องถอนหายใจ แต่หลังจากเสียงนั้นดังขึ้น..เสียงสวบสาบคล้ายมีบางสิ่งเคลื่อนไหว เธอเอาตะเกียง เอาหลานมา เอาถุงใส่หินมาและแน่นอน เธอสะพายปืนล่าสัตว์ประจำตัวที่เธอเคยใช้ยิงเมื่อสมัยสาว ๆ มาด้วย เพื่อปกป้องหลานและความอยากรู้ไม่มีที่สิ้นสุดของตนเอง จึงต้องพกมา
เสียงจันทร์ถูกเมฆบดบังหายไปอีกครั้ง พื้นที่นั้นกลับสู่ความมืดสลัวอีกครา เครเดนซ์เริ่มรู้สึกว่าอากาศหนาวเพิ่มอีกระดับแล้ว และหมอกนั้นก็เริ่มหนาตามระดับอากาศหนาว ๆ หนุ่มน้อยห่อไหลเป่าปากตัวเองพ่นไอร้อน ๆ ลงฝ่ามือที่ว่างจากถือตะเกียง เสร็จข้างหนึ่งก็สลับมือถือและเป่าปากใส่มืออีกข้าง

เอ๊ะ...


จังหวะที่สลับตะเกียงแสงจากตะเกียงส่องวาบไปจุด ๆ หนึ่ง เครเดนซ์ใจตกลงไปที่ตาตุ่ม หนุ่มน้อยตัวสั่นเสียแล้ว


“หลานป้า ไม่เป็นไรนะ”
“ผมเหมือนเห็นอะไรตรงนั้นอ่ะ....”

หลานรักของป้าชี้ไปยังตรงที่เขาเห็นบางอย่างที่ว่า ตอนนี้ผีอะไรก็ค่อยว่ากัน อะไรที่ทำให้หลานรักของเธอกลัว ก็จะต้องจัดการก่อน แล้วก็ล่าผีกันต่อ เธอคว้าเอาปืนล่าสัตว์มาและเล็งไปยังทิศทางนั้น


แสงจันทร์สาดส่องมาอีกครั้ง ไร้เมฆบังแล้ว


“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก”


ทั้งเครเดนซ์และป้าเฮอร์ไมโอนี่กรีดร้องลั่นป่าเสียงดัง ป้าบอกให้เครเดนซ์รีบวิ่งให้ไว

“ผี!!!


เครเดนซ์ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะเจอตัวเป็น ๆ ตรงหน้า ไหนป้าเฮอร์ไมโอนี่บอกว่าแก่แล้วไง ไหงวิ่งเร็วกว่าหลานอายุ 15 แบบนี้ล่ะครับ


“เครเดนซ์มาเร็วมานี่”


หนุ่มน้อยรีบสาวเท้าตัวปลิวไปหาป้า แต่ดันล้มแบบไม่น่าให้อภัยเพราะหินซักก้อนในผืนป่านี้ ในขณะนั้นแสงจันทร์หายไปอีกแล้วเพราะก้อนเมฆก้อนใหม่ที่ลอยผ่านพระจันทร์มา


“ว๊ากกกกกก “ ไม่ใช่ป้าที่รักของเขาแน่ ๆ ที่รั้งเขาด้วยการคว้าเขาตรงไหล่ไว้


“ป้าฮะ ผีจับตัวผมไว้อ่ะ ป้าเฮอร์ฮะ” คนเป็นป้าที่กลัวก็กลัวแต่หลานรักตกอยู่ในอันตรายก็รีบหันหลังกลับแล้ววิ่งมาหาหลานของตน พร้อมกับกำลังจะตั้งลำกล้องเล็งไอ้ผีที่มาทำร้ายหลานรัก


“ดะ...เดี๋ยว....”




ไม่ใช่เสียงเครเดนซ์ ไม่ใช่เสียงป้าเฮอร์ไมโอนี่


แต่เป็นเสียงผี


“ป้าฮะ ผี----พูด—พูดกะ.—ผมอ่ะ”

ผีที่เครเดนซ์ว่าอยู่ประชิดตัวบอบบางของเขามากจนได้ยินเสียงลมหายใจ เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ทำไมเดินไวนัก ถึงได้มาคว้าไหล่เขาได้ แต่ก็ผีนี่ จะทำอะไรเหนือมนุษย์ก็ได้ แต่ผีตนนี้มาจากไหนกัน แต่อะไรก็ไม่รู้ ฮือ ปล่อยไหล่ผมนะ!


“ป้าฮะ ฮืออออออ” เครเดนซืเริ่มกลัวจนต้องร้องไห้ออกมา


“แก๊! ไอ้ผีบ้า” ถึงตัวแล้วก็เอาลำกล้องปืนฟาดผีที่ว่านั่น ผีเซล้มหงายตึงไปแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่ก้าวเธอพบว่า เธอลืมใส่กระสุนปืนออกมาด้วย เลยเน้นใช้แรงกระแทกสันปืนใส่ผีแล้วกัน ป้าเฮอร์ไมโอนี่ของเครเดนซ์นึกเอาว่านี่อาจจะเป็นซอมบี้หรือผีดิบก็ได้


“ป้าฮะ เขา....” เครเดนซ์หลับตาปี๋หลังป้าเอาปืนฟาดผีตนนั้น เขากลัวมากน้ำตาหยดใสยังคลอหน่วงที่ปลายหางตาแต่ก็อยากรู้ว่าผีหน้าตาเป็นอย่างไร


“ป้าฮะ...ผม..ผมว่าเขา”
“อะไรเครเดนซ์ อย่าไปมอง เดี๋ยวมันฟื้น ไปเรารีบ----“




“ช่วยด้วย...ผม ช่วยผมด้วย....” เสียงจากผีที่ป้าเฮอร์ไมโอนี่ฟาดด้วยปืนยาวไป เป็นเสียงชายหนุ่ม



แสงจันทร์สว่างสาดส่องออกมาอีกครั้ง ไม่มีเมฆบดบังแล้ว


“ป้าฮะ ผีเลือดออก….“ ตรงที่ป้าฟาดผีไปเต็มรัก เป็นตรงหน้าผากของผีพอดี ตรงนั้นเป็นแผลเลือดออกไม่หยุด แต่ไม่ใช่แค่นัน เหมือนผีตรงหน้าที่ว่านี้กลับมีแผลบอบช้ำหลายที่ เหมือนไปผจญอะไรมา

“...เอ่อ....” ป้าผู้มากประสบการณ์เริ่มคิดอะไรบางอย่าง



“เครเดนซ์ ช่วยเขา นี่คน!



หลังจากประโยคนั้น ก็มีเสียงถอนหายใจแผ่วเบาที่สุดจากผีที่ตอนนี้มีสถานะเป็นคนในสายตาของป้าหลานคู่นี้แล้ว เครเดนซ์รีบถลาไปหาผีคนนั้น ไม่สิ คน ๆ นั้นแล้ว ป้าของเขาไปอีกฝั่ง ส่วนเครเดนซ์ไปทรุดนั่งใกล้ชายหนุ่มผู้บาดเจ็บคนนั้นอีกฝั่ง


“เขาเจ็บหนักมากเลย”
“ใช่ แล้วป้าก็เผลอไปเพิ่มแผลให้เขาด้วย”

ผู้เป็นป้าถอนหายใจต่อ เกือบจะเป็นผู้ร้ายฆ่าเขาแล้วมั้ยล่ะ ป้าเฮอร์ไมโอนี่บ่นกับตัวเอง เครเดนซ์ถอนหายใจ โล่งที่ไม่ใช่ผีและโล่งอีกต่อที่คนที่คนเป็น..จริง ๆ ไม่ตายเพราะป้าฟาดหัวเขา เขายังอยากให้ป้าอยู่กับเขาไปนาน ๆ เลย นั่นเพราะความตกใจแท้ ๆ มาล่าผีแต่เจอคนเจ็บแทน ชายหนุ่มตรงหน้าทั้งคู่ ได้สัมผัสเนื้อตัวกันแล้วเป็นมนุษย์แน่นอนไม่ผิดแน่ แต่เขาเจ็บมาก บาดแผลฉกรรจ์หลายที่ ซึ่งคิดว่าต้องไปตามหมอมารักษาซึ่งอยู่ถัดไปอีกชายป่าหนึ่ง หมอจิ๊ฟที่พร้อมจะรักษาผู้คนทุกเวลาเสมอ

“โอ๊ย...” คน ๆ นั้นร้องออกมา เพราะเครเดนซ์เผลอเอามือไปแตะบาดแผลที่หนึ่งของเขา ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่และกำยำแข็งแรงกว่าเครเดนซ์คนนี้พบเจออะไรมาถึงได้บาดเจ็บถึงเพียงนี้ เครเดนซ์ที่เผลอทิ้งตะเกียงไปตั้งแต่ตอวิ่งหนีผี มองหาแสงไฟนั้น และมันตกอยู่ไม่ไกล ตัวเล็กของหนุ่มน้อยจึงไปเอื้อมคว้ามาและขอส่องแสงมองใบหน้าคนแปลกในป่าแทบไร้แสงเวลานี้หน่อย

เครเดนซ์มองเห็นชายหนุ่มภายใต้หนวดเครารกครึ้มตั้งแต่สันกรามใต้หูลงมาถึงปลายคาง สีมันเหมือนสีผมของเขา ดวงตาของเขาใกล้จะปิดสนิท เหมือนชายหนุ่มตรงหน้ามีสติอยู่ ป้าของเขาง่วงกับการปฐมพยาบาลแผลที่เธอกระทำกับชายหนุ่มเอง ป้าเฮอร์ไมโอนี่เลื่อนศีรษะของชายหนุ่มปริศนาจากนอนราบไปกับพื้นให้นอนลงบนตักของหลานรักผู้บอบบางของเธอ “ช่วยป้าหน่อยจ้า” เครเดนซ์พยักหน้าเบา ๆ พลางมองก้มมองชายหนุ่มคนนี้จากมุมของตนที่อยู่สูงเหนือใบหน้าของคน ๆ นี้


มาจากไหนกันนะ เครเดนซ์คิด

นอกจากบาดแผลตามกายก็ยังมีที่ใบหน้าของเขาด้วย ตรงแก้มที่ดูสากนัก ตรงริมฝีปากบวมเจ่อเหมือนโดนใครต่อยมา มุมปากมีสีเลือดซิบ ๆ ด้วย เขามองชายหนุ่มที่นอนอ่อนแรงอยู่บนตักอย่างประหวั่น หาได้กลัวแล้วไม่ แต่รู้สึกเป็นห่วงตามประสาเพื่อนมนุษย์มากกว่าที่ใครเจ็บก็ต้องช่วย เราทั้งสองใจดี
“เขาจะไม่เป็นไรใช่มั้ยฮะ”
“ไม่จ้า เพราะป้าเก่ง” เครเดนซ์พยักหน้ารับ เขารู้อยู่แล้วว่าป้าของเขาทั้งสุดท้ายและรอบรู้ไปหมด ดวงตาคู่น้อยลดความวูบหวั่นในแววตาลง ความกลัวและความตื่นตระหนกหายไปแล้ว

ชายหนุ่มปริศนาคนเจ็บใต้การดูแลของป้าหลานทั้งสองพยายาม... เขาพยายามนักที่จะลืมตามองเหตุการณ์ตรงหน้าแต่อ่อนแรงเกินไปและไม่ไหวจริง ๆ สุดท้ายก็หลับตาลงไปในที่สุด สลบไสลทั้งที่นอนอยู่บนตักของหนุ่มน้อยตัวเล็ก ใบหน้าของชายหนุ่มเอียงไปข้างหนึ่ง แต่ป้าของเขาต้องบังคับให้กลับมามุมเดิม เพราะต้องปฐมพยาบาลแผลใหม่ให้

“เช็ดเลือด และปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว ต้องกลับไปทำแผลก่อน แล้วให้หมอจิ๊ฟมาดูแล้วล่ะ” ป้าบอกแบบนั้น เครเดนซ์เงยหน้ามองป้าแล้วพยักหน้ารับทราบ แล้วกลับมามองชายหนุ่มอีกครั้ง เพิ่งจะสังเกตอย่างจริงจังว่า เขามาท่องป่าใหญ่ด้วยชุดสูทหรู? มันดูไม่เข้ากับการเดินป่าเอาเสียเลยนะ


กระเป๋าตรงอกเสื้อของชายหนุ่มมีผ้าเช็ดหน้าสอดอยู่ เครเดนซ์ขอถือวิสาสะดึงมันออกมาดู เนื้อผ้านี้จับดูก็รู้ได้เลยว่าเป็นของดีราคาแพง

P กับ G หรือ”เสียงเล็กทวนอ่านตัวย่อที่ปักอยู่ตรงมุมของผ้าเช็ดหน้าที่แอบหยิบมาจากกระเป๋าเสื้อเขา ชายหนุ่มปริศนาผู้บาดเจ็บหนักที่ใช้ตักของเขาหนุนนอนอยู่ เครเดนซ์มองใบหน้าชายหนุ่มคนนั้น สลับกับผ้าเช็ดหน้า ย่อจากชื่อเขาหรือ ?



เครเดนซ์มองชายหนุ่มบนตักแล้วขมวดคิ้ว


ชายหนุ่มคงมาจากเมืองหลวง แต่เครารกครึ้มราวกับคนป่าเลยคุณ  


และหนุ่มน้อยก็นึกสนุกแบบประสาเด็กวัยรุ่นต่อว่า ถ้ายังไม่ทันตื่นเสียก่อนก็จะจับโกนหนวดเสียเลย หนวดเคราครึ้มเป็นผีป่าแบบนี้ ใคร ๆ ก็กลัว แถมตอนชายหนุ่มนอนบนตักนั้น มันเสียดสีกับต้นขาของเครเดนซ์ที่ดันติงต๊องใส่ขาสั้นเหนือเข่าทั้งที่ออกมาในท่ามกลางอากาศหนาวแบบนี้ มันจั๊กจี้พิลึกเลย






TBC Chapter 1





talk :: :เรื่องใหม่มาอย่างรวดเร็ว 5555 ต้องรีบเขียนกลัวไฟจะมอดไปเสียก่อนค่ะ คู่นี้เอยูหนึ่งล้านแบบจริง ๆ เราชอบจับกราเด๊นซ์เข้าป่า 555 เรื่องที่แล้วก็ค้างอยู่แล้ว แต่งอกเอยุใหม่อีกแล้ว อย่างไรก็ฝากด้วยค่า เรื่องนี้จะยาวกว่าเรื่องยาวของ COLEZRA หน่อยนะคะ และคิดว่าละมุนกว่าด้วย






วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2560

[Fic] La La La EP.5 (FINAL) #colezra





TITLE :  La La La 
CHAPTER :   5 (Final)
PAIRING : COLIN FARRELL x EZRA MILLER
 
 



La La La


“คุณคอลิน....”
“ว่าไง ?”

ผมแค่อยากเรียกเขาก่อนออกไปแค่แบบว่า..อยากเห็นหน้าเขาเพิ่มอีกซักนาทีนึง แผ่นหลังนั้นที่ผมมองตามหลังจากที่เขาเปิดประตูห้องแล้วก้าวออกไป ผมเริ่มคุ้นชินแล้ว แม้จะขัดเขินอยู่บ้าง พอผมร้องชื่อ คุณคอลินหันมาสบตาและยิ้มให้ ถามต่อผมทุกอย่างนั้นอยู่สายตาของผม โอย คุณรู้มั้ยล่ะว่า ผมเหมือนล่องลอยอยู่ในกาแล็กซี่เลยล่ะ

อย่างกับความฝัน
“สู้ ๆ กับงานนะครับ”

คุณคอลินยิ้มอย่างเผลอตัว เป็นยิ้มกว้างอีกครั้งที่ผมมีโอกาสได้เห็น ผมอยากบอกเหลือเกินว่า เอซร่าเอ๊ย แกโชคดีแค่ไหน ได้เทพบุตรกรีกสุดคูลมาทำตัวน่ารัก ๆ ให้แกเห็นแทบทุกวันแบบนี้ คุณคอลินหยุดยิ้มครู่หนึ่ง แล้วก้าวกลับมาหาผมอีก และฉวยเอาจูบดุจปุยนุ่มจากริมฝีปากผมไป ผมอึ้งค้างอยู่พักใหญ่ จนคุณเขาใช้ปลายนิ้วแตะที่แก้มผมเรียกสติผมคืนมา ใบหน้าหล่อเหลานั้นอยู่ใกล้ผมมากจนมีเงาของใบหน้าของผมเองสะท้อนในดวงตาคู่นั้นของอีกฝ่าย คุณคอลินจ้องหน้าผมนิ่ง เหมือนกำลังข่มอารมณ์บางอย่าง รู้หน่าว่าเขิน ผมก็ชอบทำให้คนแก่เขินเหมือนกันล่ะ รู้ตัวแล้วว่าผมอ่อยเก่งใช้ได้เหมือนกัน

“จะรีบกลับมานะ”
คุณคอลินเอ่ยจบก็หันหลังให้

“เอซร่าเอ๊ย ช็อตเมื่อกี้ คุณคอลินโคตรเท่เลยว้อยยยย “ ให้หลังคุณคอลินไปไม่นานเอง ผมรีบปิดประตูห้องกลับเข้ามากรีดร้องอย่างบ้าคลั่งกับหมอนที่เตียงของผมเอง เอาหัวตัวเองฟาดกับหมอน (ฟาดกับอย่างอื่นมันเจ็บน่ะสิ) อย่างกับคนเป็นบ้า ผมโคตรมีความสุขอะตอนนี้ ผมคิดว่าผมกำลังจะลอยข้ามจักรวาลไปไกลแล้ว จังหวะที่คุณคอลินหันกลับยิ้มให้ผมก่อนจะจูบน่ะ โคตรเท่ จังหวะได้มาก อย่างกับถ่ายโฆษณาแหน่ะ

โอย เอซร่าเอ๊ย



อ๊ะ รู้นะ ว่าอยากรู้อะไร



เขาไปทำงานครับ ผมเลยไม่อาลัยอาวรณ์ เขาไมได้ทิ้งผมไปไหนเสียหน่อย และที่สำคัญกว่านั้นคือ เมื่อคืนเขาอยู่ห้องผม เขาค้างคืนที่ห้องของผมเอง โอเค มันไม่ใช่ครั้งแรก แต่เพราะผมมีช่วงเวลาที่ทำให้ใจพองโตแบบนี้หลายครั้ง มันทำให้ผมเป็นบ้าแบบนี้เสมอ และตกหลุมรักเขาทุกครั้งที่เขาทำให้ผมใจเต้นแรง


“ให้ตายเหอะ เอซร่า” ผมยิ้มค้าง มันมีความสุขนะกับการที่ได้มีช่วงเวลาดี ๆ ที่หลากหลายกับคนที่คุณแอบชอบ กับคุณคอลินแม้เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน แต่ผมรู้สึกเหมือนเราได้อยู่ด้วยกันมาเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งเลยล่ะ เหมือนเราสองคนได้ซึมซับความรู้สึกกันและกันรวดเร็วมาก ผมชอบเขาและเขาก็รู้สึกต่อผมเหมือนกัน


แต่ยังไงก็ตาม คุณคอลินมักจะอ้อมไปอ้อมมาเสมอ ถ้าเจอกับคำถามจากเด็กขี้สงสัยอย่างผมบางคำถาม


“สถานะ..ของผมต่อคุณตอนนี้..ผมเป็นอะไรสำหรับคุณหรือครับ” ผมถามเขาอย่างสุภาพ หลังจากที่เราตื่นเช้ามาในเช้าวันหนึ่ง วันนั้นคุณคอลินมาค้างคืนที่ห้อง เขาขนงานมาทำ บอกกับผมว่า


“ผมคิดถึงคุณ แต่ผมก็จำเป็นต้องทำงานนี่ด้วย ไม่ว่าอะไรใช่มั้ย” ใครไปว่าล่ะครับ! จะขนบ้านมาสร้างในนี้ด้วยก็ได้ ให้ผมได้อยู่ใกล้คุณเถอะ ผมยอมทุกอย่าง

หลังจากนั้นหลังจากเขาเอางานมาโยนไว้บนโต๊ะตัวใหญ่ที่สุดในห้องของผม เขาก็เลิกสนใจงาน อ้าว ไหนล่ะ คุณจะมาทำงานที่นี่ กลายเป็นว่าก้าวเข้ามาในห้อง เขาโยนงานวางไว้แล้วก็มาฟัดกับผมบนเตียงยันดึก แล้วก็ตื่นมาทำงานตอนใกล้รุ่งสาง เขาดูเหนื่อยเหมือนกันครับ ถึงจะเป็นคนกินไม่ใช่คนโดนกินอย่างผมก็เถอะ (คิดอะไรของแกเนี่ย เอซร่า!) คุณคอลินตั้งใจทำงานมาก อยุ่ในโหมดตั้งสมาธิและจดจ่อกับงานจนเหมือนอยู่ในโลกของเขา และผมทำได้แค่นั่งมองและให้กำลังใจจากตรงนี้ จนล่วงเวลามาจนถึงเช้าตรู่ แสงแดดจากภายในส่องเข้ามาลอดช่องทะลุหน้าต่างที่ไม่ได้ถูกปิดด้วยผ้าม่าน คุณคอลินถึงได้รู้ว่าเวลามันล่วงเลยมาเท่าไหร่ เขาบิดตัวผ่อนคลาย เพราะเขานั่งท่าเดิม ครุ่นคิดกับงานตรงหน้า เขาเครียดนะ ผมเห็นเขาลอบถอนหายใจหลายต่อหลายรอบ ผมอยากช่วยอะไรเขาได้เหมือนกัน แต่มีแต่จะทำให้เขาหมดสมาธิกับการทำงาน จึงไม่ไปรบกวน

“อ้าว ตื่นแล้วหรือ ? อรุณสวัสดิ์ครับ เอซร่า” เขาทักผม ไม่ว่าอย่างไร ผู้ชายคนนี้สุภาพและให้เกียรติผมเสมอแม้ผมจะเด็กกว่าหลายปี และสนิทชิดเชื้อกันจนถึงแอบอิงกันบนเตียงแล้วก็ตาม บางทีก็ขัดใจแต่ผมก็คิดว่าเป็นนิสัยติดตัวของเขาที่สุภาพไม่ว่าจะกับใคร

“ครับ พร้อมคุณ”
“หืม ?”
“เวลาคุณนั่งทำงาน ก็เท่ดีฮะ” ผมบอกเขา ตามความจริง เขาเท่มาก ตอนนั่งจดจ่อกับงาน ตอนใช้ความคิด มือหนาของคุณคอลินจะเผลอลูบไปตรงสันกราบ ไล้ไปโครงหน้าไม่มีที่ติของเขา เขาเม้มปากเหมือนกำลังนึกบางอย่าง บางทีเหมือนจะยอมแพ้เอามือท้าวคางแล้วเอียงคอไปมา เหมือนพยายามแค้น พยายามกลิ้งไอ้เจ้าความคิดให้ออกมาจากหัวซักที บางทีก็มีแอบหงุดหงิดกับตัวเองด้วย แต่ตรงนี้ผมดันขำเฉย ทั่งที่เขาเครียดอยู่นะ

“งั้นหรือ “ คุณคอลินจุดยิ้มแรกให้ผมในเช้าของวันนี้ และมาพร้อมกับกู๊ดมอร์นิ่งคิสแสนหวาน ที่ทำเอาผมแทบละลายเหมือนน้ำตาลก้อนในกาแฟอเมริกาโน่ของเขาที่ผมหัดชงให้คุณคอลินทุกเช้า


พอเราจูบกัน เราก็จะเหมือนล่องลอยไปในความฝัน เคลิบเคลิ้มไปกับความหวานจวนเจียนสิ้นใจของมัน ผมชอบจูบคุณคอลินมาก ๆ เลย ผมแทบไม่เคยจูบกับใครในชีวิต เมื่อพบกับคุณคอลินและจูบของเขา ผมติดใจเสียจนบางทีต้องขอจูบเขาเอง และเขาก็จะกดปุ่มต่อให้ทันทีที่ผมเริ่ม เพราะผมคิดถึงเขา และรักเขานั่นเอง ทำให้ผมนึกอยากจูบเขาเมื่อคิดถึงเขาเสมอ

และเมื่อเราสบตากันภายหลังเราจูบกันนานจนแทบหมดลมหายใจกันไปข้างหนึ่งบนเตียงแคบ ๆ ของผม คุณคอลินระบายยิ้มที่มองเหมือนภาพวาดเลอค่าในนิทรรศการภาพวาดระดับโลก คนตรงหน้าจ้องมองผมนิ่ง ๆ แต่สายตาชวนเขินเหลือเกิน สบตาเขาผมก็หลบ รวบรวมจิตใจที่แตกซ่านไปแล้วกลับมาใหม่แล้วสบตาสู้เขาอีกครั้งหนึ่ง นึกคำถามไคล์แมกซ์ที่อยากถามเพราะอยากรู้ จึงถามออกไป

“สถานะ..ของผมต่อคุณตอนนี้..ผมเป็นอะไรสำหรับคุณหรือครับ” 

คุณคอลินมีดวงตาวูบไหวไปครุ่หนึ่ง นั่นทำให้ผมหวั่นใจ ไม่รู้ว่าความวูบไหวจากดวงตาของเขานั้น ผมควรจะกังวลหรือเปล่า แต่เขาก็มักจะตอบผมด้วยจูบเสมอ  ๆ และจูบของคุณคอลินนั้นทำให้ผมลืมคำถามต่าง ๆ นานาที่อยากจะถามกับคุณคอลินคนนี้ไปหมดเลยล่ะ

ผมเคยถามถามคำถามคล้าย ๆ กันหรือในทำนองนี้ไปบ้างแล้ว แต่คุณเขาจูบผมท่าเดียว หรือจะตอบอ้อมมากจนผมไม่รู้ความหมายที่แท้จริง

“คุณ—คอลิน อื้มม”

ความสุขจะอยู่กับผมได้นานแค่ไหนกันนะ นั่นยังเป็นคำถาม แต่ความจริงตรงหน้าผม คนที่กำลังมอบจูบหวาน ๆ นี้ให้ เขายังจูบผม ปล้ำจูบผมอยู่เลย คุณคอลินสายหื่น! พอจุดติดก็ไฟลุกไม่หยุด  เพราะคุณคอลินเป็นแบบนี้ มักใช้การกระทำตอบผม หรืออ้อมไปอ้อมมา ผมที่ไม่ล่วงรู้ความคิดของคนที่อายุต่างวัยกันขนาดนี้ จึงไม่กล้าคาดคั้นอะไร เพราะเขาอาจจะมีมุมของเขา มีมุมที่ไม่เหมือนผม ผมเด็กกว่าเขาเกือบรอบ แต่เขายังตอบรักความรักของผม ผมมั่นใจเลยว่าตลอดที่เราเจอกัน ผมต้องเผยความนัยของผมต่อเขาออกไปแน่ แม้คิดว่าตัวเองจะเก็บไว้ในใจแล้วเหยียบไว้ก้ตาม ก็ใจมันร้องหา อย่างไรก็ต้องเผยให้เห็นซักทาง สายตาผม เวลามองเขามันสำคัญนะ ความรู้สึกผมอัดแน่นอยู่ในดวงตาคู่นี้ของผมที่ใช้มองเขาอยู่เสมอ

“เอซร่า”

เขาจะตอบผมหรือ ? หรือจะทำอะไรต่อจากจูบ โอ ไม่นะครับ เมื่อคืนแรงคุณไม่ใช่น้อยเลยนะ


“ผมน่ะ...” เขาไม่มองตาผม เหมือนที่ปกติเขาชอบแกล้ง ชอบใช้สายตาพิฆาตจ้องผม จนผมใจแตกไปเลย แต่ครั้งนี้ เขาหลบตาผมแทน อา...บอกไม่ถูกแฮะ ว่ารู้สึกยังไง


“ผม—“  ผมอยู่สองครั้งจนผมนี่ล่ะที่ขมวดคิ้วแทนเขาแล้ว คุณคอลินปากหนักจริง ๆ แต่ก็สมกับบุคลิกเขานะ ในมุมมองของผม ความเป็นผู้ใหญ่ ที่ดูสุขุม เป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้วแบบนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมตกหลุมรักเขา แต่ก็เอาตุ้มถ่วงน้ำหนักที่ปากอันเร่าร้อนของคุณที่ชอบจูบผมน่ะออกบ้างก็ได้นะฮะ...บางทีคำหวาน ๆ ผมก็อยากฟัง

คุณคอลินเม้มปาก ถอนลมหายใจพรืดใหญ่เหมือนกลั้นใจจะตอบ หรือผมเหมือนไปคาดคั้น บังคับหรือ แบบนั้น ผมก็ไม่อยากฟังแล้ว ซักครุ่หนึ่งคนตรงหน้าที่เป็นคนกดร่างผมนอนแนบกับเตียงก็มาสบตากันแล้วก็เอ่ย

“ผมเขิน..น่ะ” 


La La La


โอย ไอบ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

ผมอยากด่าคุณคอลินแบบนี้จริง  ๆ  นะ ถ้าคุณลองได้เห็น ณ วินาทีนั้น


(โอย แต่ผมไม่มีทางให้คุณได้เห็นหรอก)

ผมอยากระเบิดตัวตาย เข้าใจถึงความฟินระดับหนึ่งล้านชาเขียวของผมมั้ยล่ะ คนเท่ ๆ ที่ไม่น่าจะมีบุคลิคที่จะกล้าเอ่ยปากบอกกับใครว่าเขิน เขายิ้มมุมปาก  ดูเขินอาย เอียงคอ หลบตาไม่มอง แล้วตอบเสียงแผ่วเบาเหมือนกระซิบกัน ใครจะไปคิดผู้ชายมาดแบบคุณคอลิน ฟาร์เรล สุภาพบุรุษสุดเท่ของสาว ๆ จะมีท่าทีเอียงอาย และบอกผมว่าเขินแบบนั้น ตอนเขาบอกผม เวลานั้นเขาเขิน จนหูแดง กลั้วหัวเราะแก้เก้อด้วย เออ หัวใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ใจแตกไปแล้ว คุณคอลินทำผมแทบละลายไปอยู่กับแผงอกที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของเขา พอเขาพูดแบบนั้น ในหัวผมก็ระเบิดอย่างในโฆษณาอาหารเช้ารสช็อคโกแลตยี่ห้อหนึ่ง แล้วก็ซุกอกคุณเขาไปเลย

ผมเขินยิ่งกว่าเขาอีก ผมชิงความเขินของคุณคอลินมาเขินเอง ไม่เอาคำตอบอะไรแล้ว ถ้าเขาจะเป็นแบบนี้ ผมได้หัวใจวายคาอกเขาแน่ นี่ขนาดเขายังไม่ทำอะไรผมเลย แค่พูดแค่เขินใส่ผม ผมก็เป็นได้ขนาดนี้

ผมรักเขามากขนาดไหนกัน แต่ขนาดนั้นแล้ว ผมก็ยังไม่รู้ความในใจของคุณคอลิน เพราะความน่ารักของผู้ชาย ๆ คูลคนนี้มาบังตาผม ผมไม่สนคำตอบเรื่องนั้นแล้ว ผมจะกอดเขาแน่น ๆ เลยล่ะ ในตอนนั้นที่ผมคิด

ในวันนั้น หลังจากที่เขินกันไปกันด้วยท่าทางบนเตียงอันหมิ่นเหม่เหลือเกิน เขาก็มองเวลาจึงนึกออกว่าควรจะออกไปทำงานได้แล้ว ก่อนผลักจากผมก็ยังไม่วายขโมยจูบ เขาบ้าจูบจริง ๆ  แล้วหันไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน เขาเหมือนจะย้ายสำมะโนครัวมาอยู่บ้านผมแล้วด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผลว่า มีผมอยู่แล้วห้องมันก็ไม่กว้างเกินไป อยู่สองคนกำลังอุ่นพอดี และเขาต้องการพลังการทำงานเป็นรอยยิ้มของผมที่ไม่ว่าจะหันมาเมื่อไหร่ก็จะเจอ เป็นคำพูดชวนเขินมั้ยล่ะ คน ๆ นี้มีความสามรถแบบนี้ล่ะ พูดคำพูดชวนระเบิดได้หน้าตาเฉย ผมอมยิ้มตอบเขาไป มองเขาวิ่งเข้าห้องน้ำ แต่งตัว เตรียมของ แล้วก็นึกได้ว่าสกิลการชงกาแฟที่อุตส่าห์ไปฝึกที่ร้านตรงข้ามร้านหนังสือมาก็ควรจะงัดเอาใช้ อเมริกาโน่ใส่น้ำตาล 1 ก้อน ไม่ใช่คนขมแบบไม่ใส่น้ำตาลเลยขนาดนั้น เขาบอกว่ายังไงชีวิตก็ยังต้องการความหวานบ้างแต่ไม่ถึงขนาดต้องกินกาแฟใส่นม ขอน้ำตาลซักก้อน ส่วนของผมเป็นชาเขียวที่ชงสำเร็จมาจากร้านใส่ขวดเอาไว้ ผมชอบมาเก็บไว้ดื่มในช่วงเวลาที่อยากแต่ขี้เกียจไปซื้อถึงที่นั่น เขาชงดีชงอร่อยจริง ๆ


“กาแฟครับ”
“อยากลองชิมชาเขียวบ้างน่ะ”
“งั้นหรือครับ ?” ผมเทแก้วอีกแก้วให้ เขาจิบชาเขียวในแก้วนั้นก็พยักหน้าว่ากลมกล่อมทีเดียว ผมอวยร้านนี้ใหญ่เลยว่าเจ๋งจริง

“ผมเชือ” เขาพยักหน้ายิ้ม ๆ แล้วหมุนข้อมือดูนาฬิกาเรือนสวยอีกที


แล้วก็ออกจากห้องไป และจะมีผมไปส่งเขาหน้าห้อง ซึ่งโดนเขาขโมยจูบทุกวัน

ข่วงเวลาของพวกเราเป็นแบบนี้ล่ะครับ ที่จริงก็ซ้ำๆ แบบนี้แทบทุกวัน มีบางวันที่เขาไม่มาค้างเพราะงานเยอะ เขาบอกคงจะค้างที่บริษัท หรือที่บ้านถ้าขับรถไม่ไหว (บางทีเขาโทรมาหาผมเสียงดุเหมือนคนใกล้หลับไปทุกที แต่ก็ยังสื่อสารกันเข้าใจ) บางครั้งเราเจอกันได้แค่เสียงผ่านตามสายแม้เราไม่เจอกันแต่ก็ยังบอกกันเสมอว่า ตอนนี้เราทำอะไรกันอยู่ในที่ของตน ผมก็ทำงานเป็นปกติ ของเขาก็อยู่บริษัท

อันนี้เป็นอีกครั้งที่เขาโทรมา
“คิดถึงคุณจัง เอซร่า”

ผมหัวเราะคิกคักกลบเขินตัวเอง ส่วนตัวฝั่งผมก็มีอะไรอยากบอกคุณคอลินเหมือนกัน แต่ไม่ลอกการบ้านกันหรอกนะ
“ผมตกหลุมรักคุณทุกครั้งที่คุณบอกผมว่าคิดถึงผมล่ะ”


หยอดเก่งซะไม่มี อีกฝั่งก็จะเงียบไปแล้วก็คงจะยิ้มมุมปากแบบนิสัยของเขา

“อย่าหักโหมนะครับ งานสำคัญ แต่ร่างกายคุณก็สำคัญนะ” ผมบอกกลาย ๆ เตือน บางทีเป็นห่วงเหมือนกัน ที่จริงผมเป็นเด็ก เขาที่เป็นผู้ใหญ่กว่าเป็นไหน ๆ ผมสิต้องถูกห่วง แต่ผมบอกเขาเลยว่าไม่มีอะไรต้องห่วง งานปิดเทอมหน้าร้อนอันแสนสงบกับคุณเจ้าของร้าน เดินเที่ยวในละแวกการค้าที่คุ้นเคย กลับห้องพักนั่งเล่นเกมส์บ้าง อ่านหนังนิยายไป หรือท่องอินเตอร์เนต ดูหนังไปเรื่อย บางทีก็โทรไปกวนแม่ที่บ้าน บางทีก็คุยกับเพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัย ไปดูการบ้านแต่ก็ไม่ทำหรอก ไว้ใกล้เปิดเทอมก่อนแล้วกัน แต่คุณคอลินเขาหนักกว่ามาก เป็นผู้ใหญ่ต้องแบกรับภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่กว่าที่ผมจะเข้าใจ ไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ผ่อนคลายอะไรเท่าไหร่เลย เพราะเขาเป็นถึงซีอีโอบริษัทใหญ่ ซึ่งตอนนี้เหมือนกำลังรับมือกับอะไรหนัก ๆ อยู่

“อย่าเครียดแทนเลย เอซร่า ผมไหวอยู่แล้ว ทำมาทั้งชีวิตแล้วแค่นี้ไม่เป็นไร แค่ช่วงนี้มันมากขึ้นกว่าเดิมหน่อย เลยมีช่วงเวลาที่ผมไม่เจอคุณมากกว่าที่เคย ขอโทษนะที่ได้แค่คิดถึง”
“แค่คิดถึงผมก็พอแล้ว”

ผมบอกเขา จากใจจริง ๆ ไม่ได้หยอด แต่ผมดีใจต่างหากที่เขายังคิดถึงผมทั้งที่งานเยอะจนแทบไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลย ผมไม่เป็นไร ผมโตแล้วเป็นเริ่มเป็นผู้ใหญ่ในระดับหนึ่ง ผมอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เริ่มเรียนมหาวิทยาลัย ผมอยู่ได้ แค่คิดถึงคุณคอลินมาก ๆ ตั้งแต่มีเขาเข้ามาในใจ

“พูดแบบนี้ผมยิ่งคิดถึงคุณใหญ่”
“ครับ ผมก็กำลังคิดแบบคุณนั่นล่ะ”
“ผมคิดถึงรอยยิ้มคุณรู้มั้ย ขุมพลังงานชั้นดีของผมเลยนะ ผมขนงานไปรบกวนที่ห้องคุณ ก็เพราะสิ่งนี้นี่ล่ะ”
ได้ยินประโยคนี้ผมถึงกับต้องยกมือมากุมหัวใจใต้อกที่เต้นแรงเอาไว้
“เก็บรอยยิ้มน่ารักนั้นไว้ให้ผมเพียงคนเดียวนะ อย่าให้ใครอื่น”
ชอบพูดอะไรให้ซึ้งมาก ๆ แล้วก็ชิงตัดบททุกที

“ขอบคุณนะ เอซร่า มิลเลอร์” เขาเรียกผมเต็มยศ ผมจึงติดตลกใส่ไปเป็นคอลเซ็นเตอร์บริการส่งรอยยิ้มและความรักส่งตรงคุณคอลินเสียเลย เจอมุกราคาถูกของผมไป คุณคอลินก็ได้หัวเราะบ้าง ไม่นานก็มีเสียงเรียกคุณคอลิน เป็นเสียงผู้หญิง ใจความแว้บ ๆ ว่าเป็นประชุมใหญ่ คิดว่าเป็นเลขา ซึ่งก็ใช่คุณคอลินต้องบอกลาผมแล้ว

“คิดถึงผมนะ เชื่อใจกันนะ” เสียงทุ้มแสนเสน่ห์หลอกล่อให้ผมเคลิบเคลิ้มอีกแล้ว ผมยอมแล้วครับ คุณคอลิน ฟาร์เรล



ก็พอวางสายจากเขาไป ทุกครั้งที่เราคุย มีบางวันที่เรามาพบกันไม่ได้ บางวันคุณคอลินติดงานหนักจนโทรมาได้แค่บางเวลา ไม่นาน ส่งข้อความได้เท่านั้น บางครั้งก็มีรูป คอลวีดีโอกันนิดหน่อย ยิ่งพักหลังยิ่งหนักใหญ่ เขาก็เล่าผมบ้างถึงงานหนัก และแม้ว่าเขาจะไม่อยากบอก ก็มีครั้งที่หลุดปากเล่าถึงปัญหาในบริษัทของเขาเอง เขาเหนื่อยมากเลยนะ ผมสัมผัสได้

ผมช่วยเขาได้มากกว่านี้มั้ยนะ อยากถามเขา แต่ไม่ถามจะดีกว่า เหมือนผมยิ่งไปเป็นภาระเขาด้วยซ้ำ ถ้าเพิ่มคำถามอะไรให้เขาอีก

“เฮ้อ”

วันนี้เป็นวันหยุดของร้าน คุณเจ้าของร้านไปหาญาติเมืองใกล้ ๆ จะกลับมาเปิดร้านพรุ่งนี้ พออยู่คนเดียว แล้วก็คิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อย ๆ ซึ่งผมเป็นคนประเภทชอบคิดแล้วก็ต่อเติมจินตนาการไปเรื่อย ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญยิ่งย้ำคิดสารตะที่สุดจนบางครั้งก็มาจิตตกกับตัวเองมาก แล้วก็ต้องหยิบชาเขียวของโปรดมาซดให้ความเข้มข้นและความหวานปะแล่มขมของใบชาเข้าไปในเส้นเลือดให้ผมได้สดชื่นขึ้นมา

ผมคิดถึงคุณคอลินนะ แต่ไม่กล้ากวนเขา

ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าผมเป็นอะไรกับเขา เรามีสถานะอะไรกันล่ะ ? ผมเคยถาม แต่เขาไม่ให้คำตอบที่แท้จริงต่อผมเสียที แต่มีการกระทำคอยให้ผมเดาทางไปเรื่อยแต่บอกแล้วว่าผมเป็นคนขี้มโน บางทีที่คิดไว้มันอาจจะไปคนละทางกับที่คุณคอลินคิดไว้ก็ได้


“เอซร่า แกคิดอะไรอีกแล้วเนี่ย” ว่าแล้วผมก็ลุกไปเอาชาเขียวในตู้เย็นมาดื่มจนหมดขวด สงสัยคืนนี้ผมคงต้องไปซื้อมาใหม่
หืม ? มือถือมีแสบวาบขึ้นมา แจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้า จากคุณคอลิน


เสียงเขา มันเป็นข้อความเสียง เขาบอกว่าติดพันงานหลายอย่าง และกำลังเจองานหนักอยู่ มาหาผมในวันนี้ไม่ได้แล้ว ทั้งที่อยากไปมากจริง ๆ และลงท้ายความคิดถึงไว้


งานยุ่งถึงขนาดส่งได้แค่ข้อความเสียงมาขนาดนี้ ผมไม่กล้าโทรกลับไปหาเขาเพื่อเพียงเพราะอยากกำจัดความคิดถึงของผมที่มีต่อเขาหรอก


“เขางานยุ่ง เอซร่า บ้า คิดมากอีกแล้วนะแกน่ะ” ผมเตือนตัวเอง ผมบอกแล้วว่าผมมันเป็นคนจินตนาการกว้างไกล



ผมเผลอคิดว่าเขาอาจจะอยู่กับใครซักคนที่ทำให้เขายิ้มได้มากกว่าผมก็ได้ก็ได้ ทำไมคิดแบบนี้วะ ไร้สาระจริง ๆ เขาบอกนาย ให้เชื่อใจ นั่นน่ะ สำคัญนะเอซร่า



La La La



ผมคิดว่าผมเริ่มใกล้จะเป็นประสาท เลยออกมานอกห้อง หาลมเย็น ๆ กับชาเขียวที่หมดไปมาดื่ม เลยแวะไปที่ร้านประจำ คุณเจ้าของร้านมาชงและเสิร์ฟเองเลย ชงได้อร่อยถูกใจผมมาก ๆ จนต้องซื้อขวดเพิ่มแล้วใส่ชาเขียวกลับบ้านไปอีก ผมนั่งทอดอารมณ์และความคิดอยู่ในร้าน ถ้าผมไม่ทำงาน ก็จะมานั่งทำการบ้าน และรายงานอันมากมายของผมจากมหาวิทยาลัย โต๊ะประจำผมหรือ ? ก็ต้องมุมร้านในสุดเลย เงียบสงบ คนผ่านน้อย แถมยังมีวิวดี ๆ มองเห็นสวนเล็ก ๆ ที่ร้านข้าง ๆ เขาจัดไว้ด้วย



“สวัสดี”


เสียงนี้...


อา...คุณคอลินเคยถามผมว่า มีคนตัวหมี ๆ มาหาผมบ้างมั้ย ถ้ามีก็เตรียมแหเหวี่ยงมันไว้จะได้ไม่โดนหมีระราน อะไรวะ เขาเปรียบเทียบเพื่อนตัวเองเป็นอะไรกันเนี่ย


“คุณหมีเบน..”
“เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ ?”
“เอ่อ..สวัสดีครับ คุณเอฟเฟล็ค”


คุณแอฟเฟล็ค คุณเบน คุณหมีเบน หรือ สั้น ๆ คุณหมี  เป็นคนที่คุณคอลินเคยถามถึงว่าเขามาหาบ้างมั้ย หลังจากที่ผมรู้เพื่อนคนแรกของคุณคอลินอย่างคุณคนสวยอย่างคุณลิลี่ไปแล้ว เขาเล่าถึงเพื่อนคนนี้ของเขาว่า เป็นเพือนซีร่างหมีที่อึนและทำตัวเป็นตัวเองที่สุดในโลกที่เคยเจอ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใด ๆ ทั้งสิ้น ข้าจะทำ นั่นคือเบน โมโหเกรี้ยวกราดด่าคนถ้าไม่พอใจกับสิ่งที่ถูกกระทำ ไม่ใช่สิ่งที่เขาผิดเองนั่นคือเบน แต่นิสัยเสีย ๆ อย่างเช่นทำงานแล้วก็จะจมกับตัวเองไม่สนใจโลกว่าเขาไปถึงไหนกันแล้ว นั่นคือเบน หรือนิสัยชอบแกล้งใครที่กำลังอยู่ในความสนใจหรือเป็นเป้าหมาย (นี่นิสัยหมีนี่! ) หลายครั้งคนที่คุณคอลินเคยมีสัมพันธ์ด้วย เคยคบมาก่อน ถูกคุณหมีเบนเข้ามาทดสอบหรือมาทำอะไรซักอย่างทนไม่ไหวก็หายไปจากชีวิตคุณคอลินเลย (ถึงตรงนี้เขาเล่าไป ผมก็รับฟัง นั่นมันอดีต ปัจจุบันคือคนเล่าเนี่ยนอนกอดกับผมบนเตียงอยู่ ผมไม่สนใจหรอก )หรือชอบแย่งของกินคนอื่น


“เอามาดื่มหน่อยดิ๊”
“นี่ของผม!
อะไรวะ...อยู่ๆ คุณหมีเบนก็แย่งชาเขียวที่ผมกำลังจะยกแก้วจรดปากตัวเองอยู่แล้วไปดื่มหน้าตาเฉย แต่ผมไม่กล้าว่าอะไรโกรธ ผมไม่มีแหติดตัวมาด้วย ถ้าเขาโกรธผมโดนเขาเหวี่ยงติดผนังแน่

“อร่อยดี คุณตรงนั้นย่ะ ขอแบบคุณมิลเลอร์แก้วใหญ่แก้วหนึ่ง” คุณหมีเบนเลียนแบบผม สั่งเครื่องดื่มชาเขียวที่ผมชอบด้วย แล้วเขาก็ทรุดนั่งตรงเก้าอี้ตรงหน้าผม


“สวัสดีอีกที”
“ครับ”
“คอลินไปทำงานหรือ ? ไปซักที งานมันจะล้มละลายอยู่แล้ว”
“ห๊ะ ?”  คุณเบนหมีพูดอะไรน่ากลัว แล้วก็เล่าถึงสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้น ว่าผมทำให้คุณคอลินโดดงานมาหลายครั้ง จนมีครั้งหนึ่งที่คุณคอลินพลาดประชุมสำคัญ ซึ่งวันนั้น หากบอร์ดบริหารคนไหนไม่อยู่ก็จะไม่มีสิทธิ์ตัดสิน แต่ไม่คิดว่าคนในบอร์ดจะใช้เวลานั้นมาทำให้คุณคอลินลำบาก เขาเล่าลึกไปว่า พวกนั้นจงใจจะล้มคอลินที่เป็นประธานอยู่แล้ว ช่วงนี้เลยลำบาก งานหนักหน่อย ทีต้องกำจัดพวกไม่รักดีออกไป

“ผมทำให้เขาเหนื่อยกว่าเดิมมั้ย”
“ไม่รู้ ฉันไม่ใช่คอลิน”
โว๊ะ หมีวกวน! เขานี่นิสัยเสียจริง ๆ ผมอยากเพิ่มนิสัยเสียให้อีกอย่างคือ เขาชอบเอามือมาโบก ๆ หัวคนอื่น เขากำลังลุบหัวหรือ  ? ผมรู้สึกมันเหมือนการเอามือมาโบก ๆ ให้ทรงผมเสียทรงมากกว่า

“เอาหน่า อย่างน้อยคอลินก็มาหานาย นายน่าจะดีใจ ถึงจะไม่ได้ฟังคำบอกรักของเจ้าวัวบ้านั่นเลยก็เถอะ ฉันลุ้นอยู่นะ ว่านายจะมาง้างปากวัวปากหนัก”

คุณหมีเบนพูดจบก็ได้ทีคุณเจ้าของร้านเอาชาเขียวมาเสิร์ฟพอดี พอวางปุ๊บคุณหมีเบนก็ยกดื่มเลย สีหน้าดูชอบทีเดียว

“ลิลี่น่ะ รักคอลินมากนะ เลี้ยงมากับมือ “ เดี๋ยวนะ เลี้ยงมากับมือ ผมชักสงสัยในความสัมพันธ์ของคุณคอลินกับคุณลิลี่ แต่ไม่ใช่ในแง่นั้น ผมคิดแล้วขำมากกว่า เป็นลูกหรือ ? ผมเผลอยิ้ม

“อย่ามาทำเป็นยิ้มดีใจเชียว นายรู้จักคอลินดีแค่ไหนกันเล่า ลิลี่น่ะ รู้จักคอลินมาทั้งชีวิตมันเลยนะ วัวที่เติบโตมาด้วยคุณแม่ที่เลี้ยงดูเป็นอย่างดี” พูดเสียใจหายแว้บ แต่ไหงลงท้ายให้ผมขำกว่าเดิมงั้นล่ะ พูดจบคุณหมีเบนก็ยกชาเขียวใหญ่ดื่มอีก

“คอลินน่ะรักลิลี่มาก แต่บอกไม่ถูกนะว่าทำไมรักขนาดนั้น ลิลี่ไม่ยอมให้ใครผ่านด่านเลย ถ้าคบแล้วไม่ผ่าน เธอจะไล่ชนิดที่ว่าไม่ให้กลับมาเกาะแกะ บางคนที่ฉันไปทดสอบก็ยังไม่ยอมรามือทั้งที่ฉันไม่ชอบ แต่ลิลี่ทำได้ ฉันเองก็ยังทำไม่ได้” คุณหมีสารภาพแล้วสินะว่าเคยทำนิสัยเสียๆ โดยการไปแกล้งคนที่คุณคอลินคบอยู่ในขณะนั้น
“ผมเข้าใจครับ ผมเห็นคุณลิลี่และคุณคอลินอยู่ด้วยกัน ผมก็รู้ด้เลยว่าพวกเขามีสายสัมพันธ์และความผูกพันกันมากแค่ไหน แต่มันเป็นคนละแบบกับที่ผมและคุณคอลินผูกกันนะฮะ”

ผมบอกเขาไป คุณเบนเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วก็ดื่มชาเขียวอีกหนึ่งอึก เขาจุดยิ้มมุมปาก แววตานิ่ง ดูว่างเปล่า แต่คิดอะไรแหง ๆ เหมือนเขาอยากเอ่ยต่อ

“แต่คอลินน่ะ---“
“ไอ้หมี!



ไม่คิดว่า



“คุณคอลิน”



เขามายังไงเนี่ย ? ติดงานตอนนี้เขา..เอ่อ จู่ๆ ก็มาตะโกนใส่เพื่อนว่าไอ้หมี ตรงหน้าผม

“แกจะมาทำอะไรเอซร่าน่ะ”
“เปล๊า”

คุณหมีเบนชิลสุด ๆ ยกชาเขียวดื่มจนหมดแก้วแล้วก็นั่งกระดิกเท้ารอเพื่อนอีกคนมานั่งใกล้ตัวเอง แล้วเขม่นกันตาคว่ำ อะไรกัน ศึกวัวกับหมีหรือ ?

“คนนี้ไม่ได้ คนนี้จริงจัง” คุณคอลินเริ่มก่อน เขาพูดถึงผมหรือเปล่านะ ?
“อะไรกัน คอลิน ฉันแค่มานั่งดื่มอะไรกับเขาเฉย ๆ “ ไม่จริงครับ คุณหมีโบกผมตะกี้
“เบน “
“อะไร”
“นายคิดจะทำอะไร”
“เปล๊า” เสียงสูงอีกแล้ว! คุณหมีน่ะ!
“นายอย่ารวนเขา เอซร่าคนนี้น่ะ นายจะชอบเขา เชื่อฉัน อย่า ได้โปรด”
“ก็บอกว่ายังไมได้ทำอะไร บ๊า ! บ้าจริงเจ้าวัว คิดมาก”

คุณเบนพูดตามสไตล์เขา เอื่อย ๆ ทื่อ ๆ ทำหน้ามึนไปเรื่อย เขาพูดจบดื่มชาเขียวหมดจนหยดสุดท้าย แล้วก็ลุกขึ้น

“ไปล่ะ คุณมิลเลอร์ อันนี้อร่อยดี”  คุณเบนจากไปเสียแล้ว กลับมาที่คุณคอลิน เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เบนพูดอะไรกับคุณ?”
“เอ่อ ก็ทั่วไปน่ะครับ” ผมไม่อยากบอกว่าเพื่อนเขามาขายเขาให้ผมหรอก เดี๋ยวตีกันตาย ท่าทีจะศึกใหญ่ด้วย สัตว์ใหญ่ทั้งคู่ (เดี๋ยวนะ เอซร่า..) “เพื่อนคุณเขาเป็นห่วงคุณนะครับ เขาบอกงานคุณหนักมาก”
“ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไร เห้อ ให้ตายเถอะ เจ้าเบน ผมรีบมาเลยนะ เพราะได้ยินข่าวจากลิลี่ที่มีลูกน้องโทรมาบอกว่าเจ้าบ้านี่มาหาคุณ กลัวคุณจะถูกเบนแกล้งเอา”

คุณลิลี่หรอ...  คิดอะไรบ้าบออีกแล้ว แต่ผมปัดมันทิ้งไป เขาเพื่อนกันนี่ ไม่แปลกเลย สนิทกันมากขนาดนั้น ผมควรเคารพสายสัมพันธ์ที่ดีนั้นไว้

“เจ้าบ้านั่น เฮ้อ เอซร่า ไม่ว่ายังไงก็อย่ายอมแพ้นะ ถ้าเจ้านั่นแกล้งคุณ คือผมจะพูดยังไงดี” คุณคอลินเขาพูดไปก็แสดงสีหน้าเหนื่อยแต่ก็ยังกลั้วหัวเราะ “ผมเหนื่อยกับมันนะ เบนน่ะ แต่เบนเป็นเพื่อนของผม และความน่ารักของคนนิสัยแบบมันก็ช่วยผมได้ในบางทีเหมือนกัน” ผมเข้าใจนะ เพื่อนรักเพื่อนซี้ ใครเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตเพื่อนอีกคน พวกเพื่อนก็จะคอยดูแลให้ แต่ในกรณีคุณเบนผมไม่แน่ใจ แต่ก็เข้าใจในนิสัยของคุณเบนแต่ไม่เข้าใจนิสัยเสีย ๆ ที่ชอบโบกหัวคนอื่นซักที

“เบนมีนิสัยเสียบ้าง แต่เป็นคนดีครับ แค่ชอบทดสอบคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย เดี๋ยวเลิกไปเอง ผมมั่นใจมากว่าเบนชอบคุณเหมือนที่ลิลี่ชอบแต่กับเบนทนเขาหน่อยนะ ผมกำลังพยายามมาให้ทันทุกครั้งที่ได้ข่าวว่าเบนมาหาคุณ ลิลี่จะรู้ทุกครั้งหากเจ้าหมีนี่ไปไหน“

ผมรับฟังคุณคอลิน รักเขาก็ต้องรักเพื่อนเขาด้วย ผมยิ้มให้ บอกว่าคุณเบนแค่มาทักทายจริง ๆ ทั้งที่แม้ว่าคุณคอลินยังไม่เคยพามาให้รู้จัก แต่คุณคอลินเข้าใจว่าคุณเบนมารู้จักผมได้ยังไง ก็เพราะว่าผมมาเป้นคนของคุณคอลินมาเป็นคนที่จะเข้ามาทดสอบว่าจะง้างปากวัวของคุณเบนให้บอกรักผมได้มั้ย


ผมยังรอนะ แต่ตอนนี้คุณคอลินกลับไปทำงานอีก เขามาเพราะเป็นห่วงผมจะถูกคุณเบนแกล้ง ผมก็งงแล้วก็ตลกไปพร้อมกัน เขากลัวว่าผมจะถูกคุณเบนแกล้งจนเลิกรักเขาหรือ มันยากนะ เพราะผมรักเขามากขนาดนี้แล้ว ถึงแม้จะชอบคิดมาก และจินตนาการก็มากตามความคิด



La La La




ผมขับรถกลับมาอพาร์ทเม้นท์มา พอจอดรถเสร็จกำลังจะเดินขึ้นตึกกลับห้องตัวเอง แต่ปรากฏว่ามีเงาทะมึนของร่างสูงใหญ่ตรงหน้าผม



อีกแล้ว...

“สวัสดี”
“สวัสดีครับคุณแอฟเฟล็ค”


ทักทายกันพอเป็นพิธี แล้วเขาก็ชวนผมไปนั่งรถเล่น ทั้งที่ผมเพิ่งกลับจากข้างนอก แต่ก็ต้องไปกับเขาล่ะครับ

“ไปเซอร์ไพร์สคอลินกันหน่อย มันชอบนายมาก ไปหามันน่าจะช่วยให้หายเหนือย”คุณหมีเบนพูดแบบนั้น งั้นหรือ ? ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ดีใจ แต่จะดีหรือ ? ผมว่าคุณคอลินงานยุ่งมาก และผมไม่น่าจะเข้าไปทำให้เขาเขว เพราะคงจะต้องผลักจากงานมาหาผมแน่ ๆ

“เอาหน่า อย่าทำหน้าแบบนั้น มันอยู่บ้าน เจ้าวัวบ้านั่นน่ะ” พูดจบคุณหมีเบนก็ยิ้มกว้างให้ผม แล้วเราก็เงียบไป ผมก็ลุ้นว่าบ้านของคุณคอลินจะเป็นอย่างไร แล้วคุณเบนจะพาผมไปจริง ๆ หรือ ไม่ใช่พาไปกินเนื้อแล้วโยนทิ้งข้าง



“เอ้า นั่นประไร นั่นออกมากับใครกันน่ะ เจ้าวัวบ้า” คุณเบนพูดเหมือนรำพันกับตัวเอง แต่ผมได้ยิน เขาแค่บรรยายภาพเหตุการณ์ตรงหน้า


คุณคอลินเดินเคียงข้างอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง แน่นอนไม่ใช่คุณลิลี่ ผมเลยใจกระตุก




หรือความคิดประหลาด ๆ ที่ผมเคยจินตนาการฟุ้งซ่านไว้จะเป็นจริง....

“อืม นายว่า คอลินมันมากับใคร”
“ผมจะไปรู้หรือ “ แต่ผมตัดสินใจที่จะไม่ไปหาเขา นั่งอยุ่ในรถแล้วก็มองเหตุการณ์นั้น คุณคอลินคุยกับสาวสวยคนนั้นยิ้มให้ และสนทนาไปเรื่อย เธอขึ้นรถคุณคอลินไปโดยคุณคอลินเปิดประตูให้ ผมเคยนั่งรถคนนั้นแล้ว เธอนั่งทับที่ผม และตัวเธอทั้งตัวก็ทับหัวใจผมด้วย


“เอาไงล่ะ นายอยากรู้มั้ยว่านั่นเป็นใคร”
“คงจะเป็นเลขาของเขา”
“—หรืออาจจะเป็นคนอื่นของคอลินก็ได้ ว่ามั้ยล่ะ”


หรือที่เขาไม่บอกรักผมซักที เป็นเพราะสาวสวยคนนี้หรือ


ไม่หรอก สายตาที่ผมเห็น ที่เขามองผม ผมมั่นใจต่อความรู้สึกของคุณคอลินมาก และเขาก็บอกให้เชื่อใจ แม้ตัวเขาจะปากหนักแค่ไหน อ้อมค้อมขนาดไหนก็ตาม

“ถ้าเขาไม่บอกผมให้รู้ ผมก็คงยังไม่ถึงเวลาที่จะรู้ ฉะนั้นผมรอเขาบอกเองดีกว่า”
“โง่หน่า ไม่รู้สึกอะไรหรือ”
“ผมเชื่อใจเขานะ”
“ฮึ”
“ถึงจะรู้สึกโง่ ๆ นิดหน่อยก็เถอะ “ ผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ แต่ที่ตอบสวยหรู เพราะผมไม่กล้าถามเขาต่างหาก เพราะกลัวคำตอบหรือความจริงที่ได้รับมันไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ผมอยากให้เป็น





แต่ว่าไปเธอคนนั้นผมคุ้นจัง


เมลจากคุณคอลิน ?








“เอ๊ะ!”  คุณคอลินส่งรูปที่เขาถ่ายกับสาวสวยคนนั้นมาให้ผมดู คุณเบนก็ชะโงกหน้ามาอ่านด้วย...ผมต้องรู้สึกยังไงกัน


ดาราคนนี้ คุณจำได้มั้ยที่ผมเคยเล่าตอนเราอยู่ด้วยกันว่า เธอจะมาเป็นพรีเซนเตอร์คู่กับผมงานหน้าในแบรนด์น้ำหอมของลิลี่ไง สวยมากเลยล่ะ แต่ผมบอกคุณก่อนเลยว่าผมคิดถึงคุณทันทีที่เห็นเธอเลยนะ แต่ความสวยเธอทำผมเขวจริง ๆ เธอมากับลูกสาวด้วย น่ารักทีเดียว แต่ที่ไม่น่ารักคือยัยลิลี่ที่ใช้งานผมอีกแล้ว แต่ขัดไม่ได้ผมกลัวยัยนั่นจะแหกอกผมเอาน่ะสิ


ผมหัวเราะขำข้อความจากคุณคอลินอย่างหนัก คุณเบนก็ตกใจเหมือนกัน มันเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อครู่เหนือความคาดหมาย



“ให้ตาย แผนพลาด” คุณหมีเบนสารภาพออกมาแล้ว ว่าในที่สุด ทั้งหมดมันเป็นแผนล่อผมออกมาจากถ้ำนั่นเอง คุณคอลินนี่ก็เหนือความหมายมากนะ เขาน่ารักจัง! ทำไมต้องรายงานกับรายละเอียดเล็กน้อยแบบนี้กับผมด้วยนะ เขามีมุมแบบนี้กับคนอื่นเขาด้วย แบบนี้มันเหมือนคนรักกันก็มักจะรายงานอะไรก็ตามที่เจอให้กับอีกคนฟัง ต้องการแบ่งปันเรื่องราวในแต่ละวันของตนให้อีกคนรู้ ให้เหมือนรู้สึกเราว่าเป็นคน ๆ เดียวกัน



“ผมว่าเขาดักทางคุณได้นะคุณแอฟเฟล็ค” ผมยิ้มท้าทายหมีตัวใหญ่
“ก็ว่างั้น” หมีตัวใหญ่เบะปากใส่ผม


คุณหมีเบนเซ็งไปเลยล่ะ หน้ามึน ๆ หมี ๆ บูดบึ้งเหมือนหมีโดนขังกรง มือใหญ่ ๆของเขายกขวดที่มีเครื่องดื่มกลิ่นคุ้นจมูกผม ชาเขียวนี่! ชอบล่ะซี่ เขายกดื่มหลายอึกเลยล่ะ แล้วก็เอามืออีกข้างโบกหัวผม นี่ล่ะที่ผมเบื่อเขา

“กลับกันเถอะครับ คุณแอฟเฟล็ค ผมไม่อยากรับบทเป็นภรรยาขี้หึงที่มาคอยจับผิดสามีตัวเองแบบนี้ “



La La La



วันนี้ผมมาทำงานแล้ว เป็นวันเปิดร้าน ซึ่งวันนี้มีลูกค้าเยอะหน่อย เพราะเป็นวันสุดสัปดาห์ คุณคอลินจะมาค้างกับผมคืนนี้เลยขอเคลียร์งานทั้งช่วงกลางวัน และสัญญากับผมอย่างมั่นคงว่าจะมาหาผมตอนก่อนอาทิตย์ตก พร้อมเครื่องดื่มและขนมที่ถูกปากผม ผมรับปากจะรอเขา


“สวัสดีครับ”


ผมทักทายคุณลูกค้าที่เข้ามาซื้อหนังสือในร้านด้วยความแข็งขัน แต่มีคน ๆ หนึ่งที่ผมคิดถึงเดินตามคุณลูกค้าคนนั้นเข้ามาด้วย ผมเลยยิ้มกว้างเป็นพิเศษนคุณลูกค้าคิดว่าผมยิ้มให้เขา

“คุณคอลินมาเร็วกว่าที่บอกนะครับ”
“เร่งให้เร็วที่สุด ผมไม่อยากให้คุณรอ”



เขาบอกคำหวานแล้วยิ้มให้ผมครั้งหนึ่ง ก่อนบอกว่าจะไม่กวนแล้วหลบไปหลังร้าน ไปหาคุณเจ้าของร้านแทน แล้วอยู่คุยกับเธอพักใหญ่เลยล่ะ จนใกล้ถึงเวลาปิดร้านแล้ว



“สวัสดีครับ” ผมทักทายคุณลูกค้าตามปกติ ก็คือ..จำเป็นต้องปกติล่ะ เพราะผมจะไม่ทักก็ไม่ได้ เขามาอีกแล้ว



“สวัสดี” คุณหมีเบน..และมาพร้อมพร็อปประกอบใหม่เป็นแก้วเครื่องดื่มของเครื่องที่ผมคุ้นเคย ชาเขียวของร้านตรงข้ามนี่เอง เขาคงติดใจจากที่แย่งของผมไปดื่มตั้งแต่วันนั้น


“คอลินอยู่กับนายสินะ”
“ครับ แต่เขาไม่ได้โดดงานมานะ”
“ก็ยังไม่ได้ว่า คอลินมันเคลียร์งานแล้วนี่ ฉันรู้ ฉันไปเที่ยวบริษัทมันมา  ตอนนี้มีอะไรมาบอกคอลินด้วย”


คุณหมีเบนยกชาเชียวดื่มแล้วพูดจนจบแต่ตีสีหน้าเคร่งเครียด คุณคอลินที่สนทนากับคุณเจ้าของร้านหลังร้านจบก็ออกมาหาผมพอดี เห็นเพื่อนตัวเองก็ตีหน้าหน่ายใส่เลย



“เบน”
“เออ”



เขาทักทายกันสั้น ๆ แต่เพื่อนกันคงรู้ว่าอีกฝ่ายมีอะไรผิดแปลก คุณหมีดูไม่เหมือนที่เคย แบบสงบนิ่งกว่าที่เป็น



“ลิลี่....อยู่โรงพยาบาล”


คุณคอลินเบิกตากว้างตกใจอย่างกับว่าไม่เชื่อสิ่งที่คุณหมีเบนพุด ผมเองก็ตกใจ ไม่เจอเธอนานอยู่แต่ไม่คิดว่าเธออยู่โรงพยาบาล เธอทำงานหนักขนาดไหนกัน


“เบน แกอย่ามาอำ”
“อำกับผี ฉันไม่เอาเรื่องแบบนี้มาอำ”


คุณเบนตีสีหน้าจริงจังแล้วเขาก็ดูเครียดมากจริง ๆ แต่คุณคอลินดูยังจะไม่เชื่อ พยายามโทรหาคุณลิลี่ใหญ่แต่เธอไม่รับสายเขา


“เบน ..ลิลี่อยู่ไหน”


คุณหมีเบนให้ที่อยู่โรงพยาบาลนี้ไป แล้วคุณคอลินก็หันมาหาผม


“ผมไปหาลิลี่ ไปหาเพื่อน คุณ—“
“ไปเลยครับ อย่าช้าเลย ผมขอให้คุณลิลี่หายไว ๆ ฝากความคิดถึงของผมไปด้วย”
“ไปกับผมมั้ย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าคุณจะต้องไปหาคุณลิลี่ก่อน เพื่อนคนสำคัญของเธอคือคุณนะครับ”

ผมตกใจกับเหตุการณ์และข้อมูลใหม่ที่ผ่านมาไวจริง ๆ ผมผลักหลังดันให้คุณคอลินรีบไปเลย ผมก็กังวลมากจริง ๆ ไม่ได้ประชดเลยนะ ผมกังวลแทนด้วยซ้ำ มีคนไปดูแลเธอหรือยัง คนสำคัญของเธอมีใครบ้าง เธอน่ารักกับผมดีกับผมแม้จะช่วงสั้น ๆ แต่เธอน่ารัก! แต่ผมลับเก็บเพื่อนคนสำคัญของเธอไว้ มิสลิลี่คนสวยคนนั้น เพื่อนคนสำคัญของคุณคอลินเลยนะ คนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งนานครึ่งชีวิตขนาดนั้น ความเป็นห่วงเป็นใยมากขนาดนี้เป็นเรื่องธรรมดา


“จะไปด้วยมั้ย คุณมิลเลอร์”
“ผม....เอ่อ ไปได้หรอ” ผมกลัวว่าจะไปเป็นส่วนเกินตรงนั้น คุณคอลิน คุณเบนคุณลิลี่ เป็นเพื่อนรักกัน แต่คุณคอลินกับคุณลิลี่คบกันเป็นเพื่อนกันยาวนานกว่าใคร แล้วผมเข้าไปแล้ว จะดีหรือ ?


คุณเบนชวนผมไปด้วย แต่ผมก็ปฏิเสธไปเป็นรอบที่สองหลังจากที่คุณคอลินชวนผมไป   เขาโบกมือลาผมแล้วเดินตามออกไปด้วย ผมภาวนาให้คุณลิลี่หายป่วยไว 



ผมได้ยินคำถามนั้นจากคุณเบนที่กำลังจะย่างเท้าออกจากร้านไป แต่กลับหยุดชะงัก เขายืนอยู่ซักพักหนึ่ง แล้วกลับมายืนใกล้ ๆ ผม ผมเลยเชิญให้เขาไปนั่งที่ชุดโต๊ะเก้าอี้ที่มุมร้าน



“อยากพูดอะไรต่อรึเปล่าครับ”
“คุณมิลเลอร์ คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงจะต้องมาทดสอบคนที่เข้ามาหาคอลิน”
เขาพูดพลางถอนหายใจ
“ก็เพราะว่าคน ๆ นั้นน่ะ ถ้าไม่มีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งหรือรักคอลินให้เท่ากับที่ลิลี่เป็นไม่ได้  คน ๆ นั้นก็ยากที่จะไปเป็นคู่รักของคอลิน “



..ผมยิ้มกับคำตอบที่เขาตอบ ผมพยักหน้าเห็นด้วย ที่จริงแล้วตรงนี้ต่างหากล่ะที่สำคัญ คุณลิลี่

ผมกับเขานั่งเงียบกันไปพักใหญ่เลยล่ะ ให้ผมได้ครุ่นคิด ผมคิดว่าแบบนั้น คุณหมีเบนเองก็ทำแค่ดื่มชาเขียวอยู่ข้างผม


คุณลิลี่สำคัญกับคุณคอลินมาก


ถึงคุณคอลินกับคุณลิลี่จะบอกกันเป็นเสียงเดียวว่าทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน แต่รอบข้างที่มองอาจจะไม่เหมือนกันที่พวกเขามองกันและกัน พวกเขาอาจจะผูกพัน กันมากกว่านั้น มากกว่า---











“ไอ้หมี! หน็อยแน่ ! นายกล้าแช่งฉันให้เข้าโรงพยาบาลหรอยะ มาให้ฉันฆ่าซะดี ๆ คอลิน นายไปเอาแหมาเหวี่ยงตาบ้านี่ไปถ่วงทะเลหน่อย! “ คุณคอลินกับคุณลิลี่เดินฉับ ๆ อย่างเร็วเข้าร้านหนังสือ โอเค ไม่ต้องปิดร้านมันแล้ว เลยเวลาปิดแม้ไม่มีลุกค้าก็มีผุ้ใหญ่สามคนมาปึงปังกันตรงนี้ คุณเจ้าของร้านออกมาดูเหตุการณ์อยู่ไกล ๆ


เฮ้.!..นั่นมันอะไรน่ะ....เดี๋ยวนะ ผมงง งงไปหมดแล้ว


“ไหนแกบอกว่า ลิลี่อยู่โรงพยาบาล!
“ไปจริงไม่ใช่รึไง”
“ฉันแค่ไปเยี่ยมลูกน้องในบริษัท ดีนะที่มันไม่ไกลจากที่นี่ ขับรถแป๊บเดียวก็มาถึง ไอ้หมีบ้า! ฉันไม่ได้เป็นอะไร คอลินเองก็บ้า แค่ฉันไม่รับโทรศัพท์แค่ไม่กี่สิบสายก็เป็นบ้าไปตามไอ้หมีนี่  “

คุณลิลี่โมโหเกรี้ยวกราดใหญ่แล้ว อา..เวลาเธอโมโหก็ยังสวย แต่ก็น่ากลัวอะ ผมมองสามผู้ใหญ่ตีกันแบบงง ๆ


“คอลินจับตาบ้านี่ไว้ ฉันจะหาอะไรตีกบาลตาบ้านี่ มีอย่างที่ไหน กล้ามาแช่งให้มิสลิลี่ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้เข้าโรงพยาบาล ทั้งที่ฉันไม่เคยมีประวัติรักษาอะไรนอกศัลยกรมแปลงเพศเลย ฉันน่ะผู้หญิงถึกนะยะ! นายนั่นล่ะ เบน แอฟเฟล็ค ที่จะไปโรงพยาบาลสัตว์แทนน่ะ!” คุณลิลี่ที่โมโหจะพูดอะไรก็พูดออกมาหมด โกรธคุณเบนจนฉุดไม่อยู่แล้ว เธอพยายามจะเอากระเป๋าใบสวยของเธอฟาดคุณเบน ส่วนคุณคอลินพยายามจะดักคุณหมีเบนไว้ไม่ให้วิ่งหนีไปเสียก่อน


“แกนี่มัน แกต้องการอะไรกันแน่วะห๊ะ”
“เปล๊า แต่แกก็ไม่ฟังต่อเองอะ”
“แกพูดไม่ชัดเจน บอกแบบนั้น ตีสีหน้าแบบนั้น ใครก็คิดไปในทางไม่ดีสิวะ!”
“นายตั้งใจจะแช่งฉันอยู่แล้วสินะ ไอ้หมีบ้า ตาย!


โอย นี่ผมกำลังดูอะไรอยู่สารคดีสัตว์ในสงครามหรือ ให้ตาย ผมทั้งงง ทั้งขำ ผมกำลังยิ้มอยู่และ



“ฮ่า  ๆ  “




“เอ่อ...ขอโทษครับ” ผมเผลอหัวเราะเสียงดังออกมาอย่างไม่เกรงใจจนคุณลิลี่หันมาคาดโทษ..ขอโทษมาก ๆ จริง ๆ ครับ ....ก็มันขำจริง ๆนะ แม้แต่คุณเจ้าของร้านอออกมาดูก็ยังขำไปด้วย เธอบอกว่า “สามคนนี่สนิทกันดีจังนะ” ผมก็คิดว่าแบบนั้น มาเจอกลุ่มเพื่อนที่รักกันขนาดนี้ เป็นคุณจะไม่หัวใจพองฟูหรือ ? ผมชอบความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนรักแบบนี้มากเลยนะ ดูเกลียดกันชอบกลแต่จริง ๆ เขารู้ใจและรักกันมาก ปกป้องซึ่งกันและกัน แม้คุณเบนจะปกป้องเพื่อนผิดวิธีไปบ้างก็ตาม


“ให้ตายเถอะ เบน! นายออย่าทำแบบนี้อีก ที่ฉันตกใจก็เพราะเป็นยัยนี่ ลิลี่น่ะไม่มีวันเป็นอะไร ยัยนี่ถึกอย่างกะแรดในสวนสัตว์เมือง ไม่มีทางเป็นอะไรหรอกหน่า”
“ตาบ้าคอลิน! นายกำลังหลอกด่าฉันอยู่เรอะ””
“แค่เปรียบเทียบหน่า ก็เธอน่ะปกติแข็งแรงจะตายไป ฉันป่วยบ่อยกว่าเธออีก จริงๆ นะเอซร่า ผมน่ะดูเหมือนแข็งแรงแล้ว แต่ยัยนี่โตมาไม่เคยเข้าโรงพยาบาลซักครั้ง ตรวจสุขภาพก็แข็งแรงตลอดปี เข้าแค่ครั้งที่เข้าผ่าตัดใหญ่ครั้งเดียวออกมาก็เป็นคนถึกแบบนี้อีก ที่ผมตกใจมากก่อนหน้าก็เพราะว่าไม่คิดว่ายัยนี่จะเข้าโรงพยาบาลน่ะสิ” คุณคอลินพูดกับคุณลิลี่แล้วก็หันมาอธิบายกับผมต่อ อธิบายไปก็เปรียบเทียบเธอเป็นแรดไป เธอได้ยินแบบนั้นก็เหมือนโดนจี้จุด ฟาดคุณคอลินใหญ่ที่เธอเป็นแรดเธอค้านสุดใจแล้วบอกว่าเธอน่ารักกว่านั้นเยอะ

“ไอ้บ้า ไอ้พวกบ้าเอ๊ย! “  คุณลิลี่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ กระฟัดกระเฟียดใส่ทั้งหมีทั้งวัวข้างเธอ ผมยิ้มให้เธอด้วย ตอนนี้เหมือนผมจะถูกเธอโกรธไปด้วย เป็นเพราะคุณคอลินเลย คือที่คุณคอลินวิ่งออกนอกร้านไป หายไปครู่หนึ่งเหมือนกันแต่ไม่นานก็กลับเข้าร้านมาใหม่กับคุณลิลี่ แล้วเรื่องมันก็กลายเป็นอย่างนี้

“ลิลี่ ขอโทษ” คุณเบนพูดทื่อมะลื่อกลางวันจากที่ทุกคนเงียบกันไปเพราะให้คุณลิลี่หายโกรธก่อนแ ล้วก็ค่อยสารภาพผิด


“นายจะทดสอบอะไรเอซร่าเขา คนนี้โอเค ฉันให้ผ่าน! “”
“เธอเห็นเพราะว่าเขาน่ารักล่ะสิ!
“ก็เออสิยะ แล้วที่สำคัญเด็กคนนี้ความคิดน่ารัก ฉันเห็นแค่ครู่เดียวก็รู้ ไม่ต้องไปมองตอนไหนเลย ดูเขา! เขาตอนนี้ เขามองเราแล้วยังยิ้มแทนที่จะทำหน้าตาไม่เข้าใจ ก็เพราะเอซร่าเขาเข้าใจว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน นายกะจะทำให้ฉันกับคอลินดูเป็นคู่รักกันแล้วชงให้เอซร่าเข้าใจผิดสินะ นี่มันมากไปแล้วนะ เบน!
“ก็เธอสนิทกับคอลินมากไม่ใช่รึไง! มันเป็นเรื่องจริงนี่!

คุณหมีเบนพูดบางอย่าง ประโยคสุดท้ายทำให้คุณลิลี่เธอสตั๊นไป คุณคอลินก็เช่นกัน คุณเบนพูดแบบนี้ไป...มันผิดปกติแล้ว ผมกับคุณคอลินมองหน้ากันอย่างอัตโนมัติ ผมว่าตอนนี้ตรงนี้อาจจะไม่ใช่ที่ของเราแล้ว


“ก็ใช่สิยะ ฉันเป็นเพื่อนกับคอลินมานานแล้วนี่ ตานี่จะเป็นห่วงฉันที่โตมาพร้อมกันเหมือนพี่เหมือน้องก็ไม่แปลก”
“ ใช่สิ!” คุณเบนเบะปากใส่ ประชดประชันคุณลิลี่เสียอย่างนั้น อะไรกัน ทำไมนิสัยเสียแบบนี้ คุณลิลี่หยิกต้นแขนคุณเบนเสีนจนหมีร้องเสียงหลง แล้วเธอก็ว่า


“นายมันบ้า! เข้าใจอะไรบ้า ๆ ! คอลินเองก็เหมือนกัน บอกรักเด็กคนนี้ได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะโมโห รักกันจะตายอยู่แล้วกั๊กทำไม เขาหายไป นายจะตายเอา”


เธอวกกลับมาเรื่องของผม แต่ด้วยความโมโห เธอเหมือนดุผมกับคุณคอลินกลาย ๆ ผมกับคุณคอลินมองหน้ากันแล้วยิ้มเจื่อน


คนอื่นมองเรา..เราดูรักกันมากขนาดนั้นเลยหรือ


“อย่ามาทำเป็นมองตากัน ฉันอิจฉา! แค่มองฉันก็รู้แล้ว ความรู้สึกพวกเธอสองคนมันทะลุตาออกมาให้ฉันหมันไส้นี่ยะ “


คุณลิลี่จากที่โมโหเรื่องคุณเบนอยุ่แล้ว ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอทำไมโมโหขนาดนี้ แต่เธอก็พยายามปรับอารมณ์โมโหให้ลดลงแต่ยากหน่อย คุณเบนอยุ่ตรงนี้ ต้นเหตุแห่งความโกรธเกรี้ยวทั้งปวงของคุณลิลี่อยู่ตรงหน้า เธอยังลงไม่ได้ง่าย ๆ


“ฉันไปล่ะ พวกบ้า!” เอ่อ พวกบ้านี่รวมผมด้วยหรือเปล่าครับ แต่นั่นเป็นเพียงคำถามในใจของผมไม่กล้าถามหรอก กลัวโดนกินหัวเอา พูดจบเธอก็ลุกขึ้นแต่ทว่า










“ลิลี่!


เป็นคุณหมีเบนที่วิ่งเข้าไปรับร่างคุณลิลี่ที่เซล้มได้ทัน จู่ ๆ เธอก็เซแล้วเหมือนจะล้มลงไป พวกเราที่ตกใจกัน แต่คุณเบนได้สติไปรับร่างเธอก่อน แต่เหมือนเธอสลบไปแล้ว


“ลิลี่! “ คุณเบนเรียกคุณลิลี่เสียงดังลั่นร้าน เธอที่ตัวสูงใหญ่พอ ๆ กับคุณคอลินแต่พออยู่ในอ้อมอกของคุณเบนกลับดูตัวเล็กบอบบาง คุณเบนเขย่าร่างคุณลิลี่ที่สลบในอกเรียกให้เธอตื่น แต่เธอสลบไม่ได้สติแล้ว คุณเบนไม่พูดอะไรเลยแล้วก็รีบอุ้มร่างของคุณลิลีแล้ววิ่งไปข้างนอก ผมกับคุณคอลินยังไม่ทันคิดอะไรทันคุณเบนด้วยซ้ำ


“เอซร่า ผมว่าคุณน่าจะเห็นแล้ว...”
“ผมว่าผมเข้าใจนะครับ”


เพราะท่าทีคุณเบนมันออกชัดเจนแต่แค่คุณเบนยังไม่รู้มากกว่า ผมเลยพอเข้าใจว่าท่าทีของคุณเบนที่ร้อนรนมากกว่าใครเพื่อนแบบนั้นเกิดขึ้นเพราะอะไร


“เจ้าหมีความรู้สึกช้า มันยังไม่รู้ตัวเองน่ะสิ ว่าชอบลิลี่ ชอบมาตั้งนาน ไม่สิ รักเลยมั้ง เวลาผมกับลิลี่อยู่ด้วยกัน รังสีอำมิหิตขี้หวงออกเชียวล่ะแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากโมโหตีอกในใจ “

ผมรู้ความจริงทั้งหมด คุณคอลินก็เป็นเพื่อนที่ใส่ใจเพื่อนมาก ถึงได้ดูอาการกันออกก็สมกับที่สนิทกัน

“ส่วนลิลี่ ไม่ต้องพูดถึงเลย ยัยนั่นมาโอดครวญ บางทีถึงกับร้องไห้ เรื่องเบน”
“เอ๋”
“ลิลี่รักเบนมาตั้งนานแล้ว" 
"เห้ย" 

ผมร้องตกใจ ! ข้อนี้เหนือความคาดหมายผม ...มากเลยล่ะ นี่มันบิวตี้แอนด์เดอะแบร์ เอ๊ย บีสต์ชัด ๆ เลย แต่จริงๆ แล้วคุณเบนก็หล่อมากนะแค่หน้ามึน นิสัยไม่ดีในบางเรื่อง (ขอโทษครับ...) เท่านั้นเอง

“เราก็ไปกันเถอะ “ ผมรีบกุลีกุจอปิดร้านหนังสือให้เสร็จแล้วตามไปดูอาการของคุณลิลี่ คุณคอลินที่ดูใจเย็น ไม่ใช่เพราะไม่เป็นห่วงเพื่อนรักแต่เพราะคุณเบนอยุ่ตรงนั้นแล้ว

“ลิลี่ตื่นมาเห็นเบนเป็นคนแรกคงร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่ ๆ “

ผมหัวเราะคำเปรียบเปรยนั่น คุณคอลินกับผมออกมากันแล้ว และกำลังมุ่งไปยังโรงพยาบาลที่ใก้ที่สุดที่คุณเบนพาคุณลิลี่ไปรักษาตัวที่นั่น

“เพราะว่าคนที่รักอยู่ใกล้ ๆ ยังไงก็วางใจ ฉันน่ะเป็นห่วงลิลี่ที่สุดก็เรื่องนี้ล่ะ รักคนอื่นมากกว่าตัวเอง เรื่องฉันก็หนึ่ง ไหนจะเรื่องเบนที่ความรู้สึกช้า ไม่รู้ใจลิลี่ซักที ฉันเองก็ไม่อยากให้เพื่อนเสียใจ เกือบจะบอกเบนไปแล้วแต่ลิลี่ห้ามไว้ บอกกว่า บางทีเบนอาจจะไม่ชอบเธอ ยัยลิลี่ปิดกั้นตัวเองสุด ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะอยากรู้ด้วยซ้ำว่าเบนรุ้สึกกับเธอมากแค่ไหน เธอกลัวว่าตัวเองจะคิดไปเอง”

ผมฟังคุณคอลินเล่า เรื่องราวของคุณลิลี่กับคุณเบนก็สะท้อนตัวเองกับคุณคอลินตอนนี้ได้เหมือนกัน ผมกับคุณลิลี่คล้ายกันตรงนี้ กลัวว่าเราจะรักเขาข้างเดียวแล้วอีกคนหนึ่งไม่ได้คิดอะไร แบบนั้นจะกลายเป็นฝันค้างเอาน่ะสิ


“แล้วคุณล่ะครับ คุณกำลังทำให้ผมคิดไปเองหรือเปล่า ว่าคุณรักผม”


 La La La


ช่างเป็นเวลาประขวบเหมาะที่เมื่อผมลั่นคำถามนั้น แต่ก็ถึงโรงพยาบาลพอดี เราทั้งคู่เลยไมได้พูดอะไรต่อกันจนไปถึงห้องพักรักษาตัวของคุณลิลี่ จึงปล่อยให้เป็นช่องว่างเอาไว้ ผมถือว่าผมให้คุณคอลินไปทำเป็นการบ้าน


“ลิลี่หลับอยู่เบาหน่อย”


คุณเบนนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง พอเราเข้าไปห้องพักก็เตือนให้พวกเราเงียบก่อนเลย คุณคอลินเข้าไปบ่าเพื่อนสนิทแล้วก็นั่งลงตรงโซฟาหลังคุณเบน ผมนั่งข้าง ๆ คุณคอลิน มองทั้งคู่คนหนึ่งที่นอนสลบอยู่บนเตียง คนหนึ่งนั่งมองคนที่อยู่ในนิทราอย่างกังวล

“ลิลี่ทำงานหนักเกินไปจนอ่อนเพลีย ยัยนี่ลืมไปด้วยซ้ำว่ายังไม่กินอะไรตั้งแต่เช้า แล้วฉันก็ทำยัยนี่โมโห”

คุณเบนที่สั่งให้เราเงียบกลับพูดเสียเอง เขาดูรู้ผิดมากและกังวลกัลป์คุณลิลี่ที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วย คุณเบนท้าวคางมองดูคนสวยที่หลับ เขาเผลอยิ้มออกมา แล้วก็คว้ามือที่ดูนุ่มนิ่มของเธอไปจับไว้

“ฉันจะนั่งรอจนเธอตื่น ลิลี่” 




แค่นั้นผมคงไม่ต้องคิดมากเรื่องที่คุณเบนอุตส่าห์พร่ำชงแล้ว ผมว่าคุณเบนนั่นล่ะ ต้องดูแลใจตัวเองก่อนเลย


หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคุณพยาบาลเรียกให้คุณเบนไปเซนรับทราบเรื่องค่ารักษา เขาจึงพาร่างหมีออกไปจากห้อง และฝากให้เราดูแลคุณลิลี่

“ถ้ายัยนั่นตื่น บอกว่าฉันยังอยู่แถวนี้ล่ะ เดี่ยวกลับมา” คุณเบนกำชับแล้วตามคุณพยาบาลไป พอให้หลังปิดประตูห้องคนไข้แล้ว




“ลิลี่ ตื่นได้แล้ว อย่านอนอมยิ้มแบบนั้น มันน่ากลัวนะ” คุณคอลินคุยกับคุณลิลี่ ที่ไหนกัน เธอตื่นอยู่หรือ ?


“ก็ฉันดีใจ อย่างน้อยตานั่นก็รู้สึกอะไรบ้างแล้ว” คุณลิลี่คนสวยที่หน้าตาดูซีดลงหน่อย ตื่นมาพร้อมรอยยิ้ม เธอบอกว่าป่วยแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่าตานั่นรู้สึกเป็นห่วงอะไรกันบ้างมั้ยแต่ฉันก็ไม่ได้เป็นมากขนาดจะสลบให้เจ้าหมีนั่นอุ้มาหรอกนะ นั่นสกิลอ่อยล้วน ๆ จะบอกให้ เธอตบท้ายให้ผมขำ คุณนี่แยบยลมาก ทำเอาคุณหมีเสียศูนย์ไปเลย

“เบนวิ่งเข้าไปหาเธอก่อนใครเลยต่างหาก” คุณคอลินบอกคุณลิลี่ไป เธอยังคงยิ้มดีใจไม่สร่าง ขนาดเธอป่วยหน้าซีดก็ยังสวยขนาดนี้ ผมเห็นแล้วยิ่งหลงเธอถ้าไม่ติดว่าผมรักคุณคอลินเข้าแล้วน่ะนะ


“อย่ากังวลเลยลิลี่ ฉันเคยบอกเธอแล้วว่าหมีนั่นมันรู้ตัวช้า แต่ใกล้ ๆ นี่แล้ว ฉันคิดว่าเธอน่าจะได้ฟังข่าวดี” คุณคอลินส่งสัญญาณความดีใจให้เพื่อนคนสวย ชอบกับคว้ามือเธอมากระชับแน่นให้กำลังใจ เพื่อนคู่นี้ก็น่ารักดีนะครับ ผมพูดจริง ๆ สายสัมพันธ์เพื่อนแบบนี้ สมัยนี้มันหายากจริง ๆ ถ้าไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ก็คงจะต้องแทบควานหากันเลย


“นายก็เหมือนกันคอลิน หนูเอซร่าเขาทำให้นายเป็นถึงขนาดนี้ บางทีนิสัยปากหนัก เขินเก่งของนายก็ต้องเอาออกไปทิ้งซะบ้าง” คุณลิลี่วกกลับมาหาผมอีกแล้ว คุณคอลินก็หันมาทางผมเหมือนกันแต่ก็หลบตาไป คุณลิลี่พยายามเอื้อมมือมาผลักให้ใบหน้าคุณคอลินหันมาทางผม สั่งให้คุณคอลินสบตาผมใหม่ เธอดุเข้าให้


“แค่สบตาเขาให้นานกว่านี้ แล้วตั้งใจบอกเขาไปว่า นายคลั่งรักเขามากแค่ไหน บอกเอซร่าไปให้เท่าที่นายมาเป็นบ้ากับฉัน คอลิน ส่วนเอซร่าเอง ก็..ฟังนะ ตานี่น่ะ ภาพลักษณ์ดูคูล ดูสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้วใช่มั้ยล่ะ แต่จริง ๆ ตานี่โก๊ะแล้วก็ขี้อายจะตายไป แถมบางทีก็ชอบตีหน้ามึนแบบตาหมีบ้านั่นด้วย แต่อย่างน้อยตานี่ก็เข้าใจว่าตกหลุมรักมันเป็นยังไง โอ๊ยตายจริงนี่ฉันกำลังสอนเด็กหัดรักอยู่หรือ”






La La La






“คุณคอลิน ...เอ่อ ...กาแฟหน่อยมั้ยฮะ”
“กะ..ก็ดี” 


หลังจากถูกคุณแม่ เอ๊ย คุณลิลี่ดุมา คุณคอลินก็ทำหน้าเซ็งเหมือนถูกคุณแม่ดุอย่างไรอย่างนั้น แล้วชวนผมออกมาหลังจากที่คุณเบนกลับเข้าห้องมาเฝ้าคุณลิลี่ที่แกล้งหลับไปอีกแล้ว เพราะอยากให้คุณเบนจับมือเธอไว้นาน ๆ

“คุณคอลิน กาแฟครับ”

ส่งกาแฟให้เขา ผมก้ทรุดนั่งข้าง ๆ และลอบมองใบหน้าจากด้านข้างคุณคอลิน เขารูปหล่อมากจริง ๆ แล้วก็เท่มากด้วย แต่ไม่คิดว่าจะมีมุมขี้อายมากถึงขนาดไม่กล้าบอกรักใครเพราะเขินจนเกินไป แต่ไปเป็นบ้าเป็นหลังกับเพื่อนตัวเอง อย่างที่คุณลิลี่แจกแจงมา


เธอเล่าว่าคุณคอลินเริ่มชอบผมเพราะด้วยความน่ารักเวลาที่ผมเป็นตัวเอง ครั้งแรกที่เจอ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราเจอกัน มันคือร้านกาแฟตรงกันข้ามที่ผมมักจะไปนั่งทำการบ้านเป็นประจำ


“ฉันเหมือนไอ้โรคจิตส่องนักศึกษานั่งทำการบ้าน”


เขาแทนตัวเองแบบนั้น คุณลิลี่เพิ่มเติมอีกว่า ตอนที่คุณคอลินไปหาเธอเพราะเรื่องนี้ เธอแทบทำน้ำหอมราคาแพงของเธอตกพื้น

“คอลินไม่เคยตกหลุมรักใคร เด็กน้อย ตลอดชีวิตมันมักจะเป็นคน ๆ นั้นเข้าหาคอลินก่อนโดยที่คอลินไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะตานี่หล่อซะขนาดนี้ แถมครบเครื่อง คนเข้ามาหาแล้วก็ทดลองคบกัน ทนความบ้างานของคอลินได้ ทนความปากหนักที่ไม่ยอมพูดว่ารักของตานี่ได้หรือไม่ใส่ใจก็ไม่รู้สินะ ทนกับความไม่มีสถานะเวลาอยู่กับตานี่ได้แล้วบางทีก็ละเลยบ้าง หลังจากนั้นก็จะต้องมาทนกับฉันที่คอยสอดส่องคนที่มาเป็นคนของเพื่อนฉัน ฉันรักเพื่อนนะ ฉันดูของฉันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เราเหมือนพี่น้องกัน เพราะก็ต่างไม่มีญาติมิตรที่ไหนเยอะแยะ แล้วก็ยังต้องมาทนกับตาเบนบ้าที่ชอบเอาเรื่องความรักของเพื่อนมาสนุกอีก ทนได้ก็ผ่านแต่ปัญหานั่นคือไม่มีใครทนได้ มีหลายรายที่มักจะคิดว่าฉันกับคอลินเป็นแฟนกันอยู่ก่อนแล้วแอบไปคบกับคนอื่นเพราะคอลินทะเลาะกับฉัน มโนไปเรื่อย ถ้าเป็นแฟนกับตานี่ฉันยอมไปเลี้ยงวัวทั้งฟาร์มดีกว่า และที่สำคัญเลย คอลินไม่เคยรักใครจริง ที่ผ่านมาเลยซักคน ฉันไม่เคยเห็น”

เธอเปรียบเปรยเพื่อนกับสัตว์ได้น่ากลัวเกินไป แต่ผมฟังไปแล้วก็ขำไป คุณคอลินกระอักกระอ่วนมากที่เธอเล่าออกมา บอกให้หยุดซักที เธอก็หยุดเพราะเริ่มเหนื่อยและอ่อนล้าแล้ว แต่ก็ยังเสริมต่อ

"เธอเป็นเด็กที่แปลกดี ทำไมเป็นเด็กที่ใจดีและโตไว ฉันหมายถึงความคิดเธอดูเป็นเด็กแต่ก็เข้าใจผู้ใหญ่แบบเราไม่งี่เง่าแบบที่เคยเจอ เป็นเด็กดีทีเดียว เธอเข้าใจสายสัมพันธ์ของฉันกับคอลิน แล้วก็เบนด้วย และเข้าใจว่าทำไมฉันถึงห่วงคอลิน ส่วนเบน ช่างตานั่นหัวไปซะเถอะ เบนแค่รักคอลินและสนุกอยู่แต่เขาไม่มีอะไร ตาหมีนั่นน่ารักแค่แค่แสดงความรักต่อเพื่อนไม่เป็น"

คุณลิลี่เอ่ยชมผมมากเกินไปแล้ว ผมไม่เป็นแบบนั้นหรอก ไม่ได้เป็นเด็กดี ผมคิดทุกอย่างที่คุณพูดแต่เเค่ไม่กล้า เพราะกลัวคุณคอลินรำคาญและจากผมไป ฝันผมก็จะพังทลาย แต่ผมแค่โชคดีที่คุณคอลินชอบผมด้วยเพียงเท่านั้น ถือเป็นความรักที่หลุดออกมาจากฝันเลยทีเดียว


คุณรักใคร ซักคนแน่นอนไม่ใช่แค่เราคนนะ รอบตัวของเราสองคนก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน



คุณลิลี่ยิ้มให้ผม  เธอน่ารักขนาดนี้ ผมไม่มีทางเกลียดเธอลงแน่ ๆ คนก่อนหน้านี้เขาคิดอะไรกันนะ ถึงได้ไม่ชอบยคนสวยและนิสัยน่ารักแบบคุณลิลี่ 


"คนก่อนหน้าของคุณคอลิน เขาไม่ชอบคุณกับคุณเบนกันหรือ"
"หนึ่งเขาบอกว่าเบนยุ่งเกินไป สองเขาบอกว่าฉันสวยกว่าและสนิทกับคอลินมากเกิน ซึ่งนั่นเป็นเ่รื่องงี่เง่ามาก ถ้าคนๆนั้นจะอยู่กับคอลิน และคอลินรักฉันและเบนมากขนาดนี้ อย่างไรเราก็ต้องเจอกัน " ถึงตรงนี้ คุณคอลินเสริมว่า ยัยนี่ห็เหมือนแม่ผม แต่คุณลิลี่เหวใส่ว่า แค่พี่สาวก็พอย่ะ ตาบ้า

ผมพยักหน้าเข้าใจ เธอต่อ "แล้วเธอล่ะ ว่าไง"
"คุณน่ะหรือ? ผมชอบคุณฮะ คุณลิลี่ ส่วนคุณเบน ก็น่ารักนะครับ ถ้าเขาหยุดโบกหัวผมซักที" เธอยิ้มและหัวเราะ เสียงใสของเธอน่าฟังจนผมต้องยิ้มเคลิ้ม คุณคอลินเริ่มหน้าหงิกแล้ว จนคุณลิลี่ดุอีกที แล้วผมก็ไม่สนใจเขาด้วย คุณลิลี่บอกว่า ตาวัวบ้านี่ขี้อิจฉา เลยอยากแกล้ง เธอโน้มให้ผมไปใกล้ๆ แล้วหอมแก้มผม คุณคอลินร้องเห้ยดังลั่นห้อง! แต่เธอไม่สน ผมก็ไม่สน แถมยิ้มร่าแกล้งคุณคอลินต่อด้วย ผมกับคุณลิลี่ยิ้มให้กันสนุกสนานที่ได้แกล้งคุณคอลินจนหน้าหงิกกว่าเดิม ซักครู่หนึ่งเธอพยักเพยิดไปทางคอลินขี้งอนของเธอแล้วกระซิบ


“ไปคาดคั้นให้ได้เลยนะว่าตานี่ตกหลุมรักเธอมากแค่ไหน เอซร่า”





ฮึ




“ว่าไงครับ เพื่อนคุณแฉขนาดนี้แล้ว ผมต้องรู้ต่อจากนั้นนะ”

คุณคอลินดูประหม่ามากกว่าเดิมจากเมื่อครู่ที่กำมือแบมือไม่หยุดตอนนี้เป็นยกมือจับหูจับคอบ้าง ผมพยายามมองหน้าเขาก็ไม่มอง ผมเลยใช้มือประกบแก้มเขาทั้งสองข้างแล้วบังคับให้หันมาหากันซะเลย

“คุณคอลิน “


“เฮ้อ


คอลิน ฟาร์เรล สุภาพบุรุษมาดเท่แห่ยุคของสาว ๆ เขาเขินได้มากขนาดนี้เชียวหรือ


“คุณรู้มั้ย เอซร่า ผมเป็นคนแบบนี้ เป็นคนปากหนัก และชีวิตผมไม่เคยรู้สึกกับใครอย่างที่รู้สึกกับคุณมาก่อนเลย การจะพูดคำนั้น สำหรับคนอย่างผมเป็นคำที่ยิ่งใหญ่มาก กับการพูดออกไป..ผมคิดว่ามันต้องมีโอกาสที่ดี...บรรยากาศที่ดี....มาก ๆ “


ประหม่า  บ่ายเบี่ยง  ไม่กล้า  เขิน   เขาเขินผม


“คุณไม่เคยบอกรักใครจริงจังเลยถูกมั้ย”
“ก็....ทำนองนั้น” ผมจี้ถามคุณคอลิน ให้ตายเถอะ ผมมาเจอผู้ใหญ่ที่น่ารักขนาดนี้เลยหรือ แต่มีสิ่งที่ผมสงสัย


“แล้วคนที่ผ่านมาสำหรับคุณล่ะครับ “


“ว่าที่คนรัก แต่ผมไม่เคยยกให้ใครที่ผ่านมาเป็นคนรักเลย เพราะผมไม่เคยรู้สึกแบบนั้นกับใครจริง ๆ ทั้งที่มีบางคนที่ผมคิดว่าใช่ แต่สุดท้ายผม..ผมว่ามันเป็นแค่ความหลง”


เขาบอกผม เริ่มเผยความออกมาทีละนิด คุณคอลินตอนนี้ต้องมองหน้าผมและพูดออกมาแล้ว เพราะผมใช้มือบังคับประกบแก้มเขาสองข้างบังคับให้เขาหันมาหาผมให้เขามองหน้าจ้องตากับผม เอาล่ะไม่รู้เรื่องก็ไม่ไปไหน ดราม่ากันอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าโรงพยาบาลนี่แหละ

“คุณต้องอธิบายความรู้สึกของคุณต่อผมบ้างล่ะ นอกจากการจูบแทนคำอธิบายของคุณ แบบนั้นผมไม่รู้หรอก ผมโง่จะตาย”
“คุณรู้ เอซร่า คุณรู้ว่าผมรักคุณ...”




ฮึ หลุดมาแล้ว





และคนพูดก็รู้ว่าเขาหลุดแล้ว คุณคอลินยกมือปิดปากตัวเองทันที เขาเผลอจริง ๆ เขาลืมตัว แล้วเขาก็ถอนหายใจพรืดใหญ่ออกมา คนคูลๆ เวลาเขาหลุดผมว่าเขาน่ารัก

“คุณน่ารักจัง คุณคอลิน!” ผมก็หลุดปากบอก คุณคอลินออกไปแบบนั้น ผู้ชายสไตล์คุณคอลินคำว่าน่ารักคงไม่เหมาะเป็นคำชมสำหรับเขาเท่าไหร่ เขาเลยหน้างอใส่ผม ผมหรือ ยิ้มร่าใส่เขาเลย มุมแบบนี้ใครได้เห็นอีกนอกจากผม สาวๆ แฟนคลับคุณคอลินก็อย่าหวัง


“ โธ่ ให้ตายสิ  โอย คือ...กับคนที่รู้สึกมากจริงๆ สินะ ถึงได้เผลอพูดออกไป” คุณคอลินถอนหายใจอีก เขาเขินจริงๆ นะครับน่ะ หูแดงไปหมดแล้ว น่ารัก!  คอลิน ฟาร์เรลมุมนี้ผมบอกได้เลยว่าคุณติดใจแน่นอนถ้าได้เห็นแต่ผมก็ไม่ให้เห็นอยู่ดี ฮ่าฮ่า

“รู้มั้ย เอซร่า คนที่ไม่เคยคิดรักใคร แต่พอรู้ตัวแล้วตกหลุมรักใครเข้าจริง ๆ ก็จะเป็นแบบผมนี่ล่ะ เป็นบ้าแบบผม”

ผมมองหน้าเขา ในขณะที่เขาหลบตาอีกแล้ว ผมเลยบังคับให้เขามองผมเบี่ยงใบหน้าหล่อให้อยู่องศาเดียวกัน แล้วเข้าประชิดให้ใกล้ที่สุด จนหน้าผากเราทั้งคู่ชนกัน ผมยิ้มให้เขาโดยดึงความรู้สึกมาจากก้นบึ้งของหัวใจเลย









“ผมรักคุณ”












ตอนแรกผมกะจะบอกรักเขาก่อนเพื่อให้เขาอินกับผมแล้วไหลตามความรู้สึกไป และผมก็จะได้รับฟังคำคำ นั้นเสียที แต่ไม่ต้องแล้วล่ะ


นั่นเสียงคุณคอลิน เขาบอกแล้ว


“ผมรักคุณ เอซร่า ได้ยินมั้ย”



เหมือนสุภาพบุรุษตรงหน้าผมตั้งใจและกลั้นความเขินเก็บไว้จนหมดสิ้นแล้วกลั่นความรู้สึกจากใจบอกออกมา เพราะเราใกล้กันมากขนาดนี้ จึงทำให้ได้ยินชัดเจนถึงเสียงลมหายใจที่สอดระหว่างคำ คุณคอลินที่บอกรักผมจบก็กลับมาสบตากันจริงจังเสียที เรามองกันอยู่นานจนผมต้องล่าถอยออกมาเอง


ผมไม่พูดอะไร แค่ยิ้มเขิน กลายเป็นผมเขินต่อเขาแล้ว เพราะเขาบอกรักผม


“ขอโทษที่ให้รอนานขนาดนี้ คุณเอซร่า ผมแค่อยากเก็บคำว่ารักที่มันมีค่าที่สุดสำหรับที่คนที่รักกัน ไว้บอกในเวลาที่ผมคิดว่ามันจะโรแมนติคและคุณจะซึมซับมันไว้ได้มากที่สุด แต่ที่จริงมันก็มีช่วงเวลานั้นแล้ว ล่ะแค่ผมไม่กล้า คือแบบว่า คุณรู้ตัวมั้ย เวลาผมอยู่ใกล้ ถึงจะทำตัวเป็นคนลามกคุกคามคุณก็เถอะ แต่ผมทำแบบนั้นก็เพราะไม่กล้าพูดอะไรกับคุณต่างหาก คุณน่ารักมากจนเวลาผมอยู่ใกล้แล้วประหม่าไปหมด แค่คุณยิ้มผมก็ละลายแล้ว ยิ้มคุณมันละลายใจชัด ๆ ”


เขาใช้คำว่ายิ้มละลายใจกับผมหรือ ผมไม่รู้สึกว่าเป็นแบบนั้นเลย ถึงแม้ว่าจะมีคนชมบ้างประปราย แต่จริงหรือ


“นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมสนใจจะหยุดสายตาไว้ที่คุณนะ ”


คำพูดช่างน่ารักจับใจจนผมที่ได้ยินเขาพูดถึงผมขนาดนั้นก็ต้องยิ้มอย่างเขินอายออกมา และเมื่อเขาเห็นผมยิ้มสายตาที่เขาบอกว่ามันหยุดอยู่แค่ผม ก็เป็นไปตามนั้น เขามองผม และเรามองตากัน


“ขอจูบคุณได้มั้ย”
“ต้องขอด้วยหรือ ปกติคุณก็ขี้ขโมย”
“คราวนี้ขอดี ๆ ขอความรักคุณด้วย ผมบอกคุณแล้ว ทีนี้ผมจะถามคำถามต่อไป ตั้งใจฟังผมนะ”

คุณคอลินจุดยิ้มเอาไว้ เขาหัวเราะเบา ๆ เหมือนหลุดขำตัวเองที่เขินขนาดนี้ บ่นว่าตัวเองเหมือนเด็กหนุ่มวัยวัยรุ่นเลยนะที่มาเขินกับอะไรง่าย ๆแบบนี้ ไม่เป็นผู้ใหญ่เลย แต่ผมสวนไปว่า


“มาชอบเด็กก็ต้องแบบนี้ล่ะ ได้ใจ”


เขายิ้มอีกครั้ง แล้วรวบรวมพลังแล้วบอกอะไรผมต่อ


“มาเป็นคนรักของผมเถอะนะ”


La La La



ผมไม่มีทางตอบว่าไม่อย่างแน่นอน อยากจะบอกด้วยซ้ำว่า ผมมโนว่าผมเป็นคนรักของคุณตั้งแต่ผมเจอคุณครั้งแรกแล้ว จบคำขอนั้นเราก็จูบกันจนหวานฉ่ำไปถึงหัวใจ แต่แค่นั้นมันไม่พอหรอก


“ให้ถึงห้องผมก่อนไม่ได้หรือไง”
“ตรงนี้ก็ดีไม่ใช่หรือ?”
“เดี๋ยวก็มีข่าวออกมาหรอก เดี๋ยวนี้กล้องประสิทธิภาพสูงมากนะครับ อื้ม--- คุณคอลิน ไม่นะ”
“นะครับ..เอซร่า”


เขาใช้ไม้อ่อน อ้อนขนาดนี้ กระซิบใกล้หู เสียงกระเซ่าแหบเพร่าสะท้านหัวใจผมจริง ๆ จนจุดอารมณ์ในตัวผมขึ้นมาได้เพียงแค่เสียงกระซิบ เขารู้แล้วว่าจุดผมติด ไฟลุกท่วมขนาดนี้ ก็เริ่มเลย


“นี่มันในรถนะครับ แคบจะตายไป!
“เร้าใจดีออกนะ”


พูดได้หน้าชื่นตาบาน ให้ตายเถอะคน ๆ นี้


“อื้อ—“

ผมถูกเขาจูบแบบคอมโบ เขาชอบจูบผมมากไม่ว่าจะตรงไหน โดยให้ความหมายของการกระทำนี้ว่าเป็นการตีตราจอง ผมหวงคุณมากนะ เอซร่าแต่คุณไม่รู้  เมื่อพอใจว่าจูบได้ครบตามที่ใจต้องการ เขาก็เปลี่ยนมาเป็นปรนเปรอความสุขที่มากกว่าให้กับผม โดยถอดเสื้อผ้าท่อนล่างผมไปหมดสิ้นจนไม่มีอะไรปกปิด เขาก้มมาครู่หนึ่งจนผมต้องบอกว่าผมอาย เขาเลยกลับมามองหน้าผม


“น่ารักจัง” คุณคอลินย้อนคำกลับที่ชมเขาไป
“ไม่ต้องมาพูดเลย --- อืม*-- “ มือหนาข้างหนึ่งใช้รูดรั้งให้ความสุขผมเป็นจังหวะเริ่มตั้งแต่ช้า ๆ แบบวอลซ์กันไปเลย จนตอนนี้เป็นแบบเพลงแรปไปแล้ว ทั้งเร็วและระรัวจนผมหอบหายใจ เสพย์ความสุขนี้แทบไม่ทัน ความสุขล้นทะลักเต็มมือเต็มหน้าท้องผมไปหมดแล้ว อา... โอย ผมจะตายคามือเขามั้ย

“ช่วยผมด้วยสิ” นั่งบนรถก็ว่าลำบากแล้ว เบาะหลังสำหรับชายร่างพอ ๆ กันสองคนไม่ใช่เรื่องตลกเลย ผมจากที่อยู่ใต้ร่างเขา เราพลิกกลับมาเป็นท่านั่งและผมก็ต้องลงไปคุกเข่าตรงพื้นรถ และตรงหน้าผมคือส่วนกลางอันใหญ่โตที่ผมเคยพบเจอมาแล้วของคุณคอลิน มันใหญ่จนคับปากผมมาก แม้จะพยายามอ้าปากให้กว้างที่สุดรับมันให้หมดทั้งเซตแต่ก็ยังลำบาก

“อา....เอซร่า ผม...” ผมได้ยินชื่อตัวเองจากปากเขา ทำใหรู้ว่าเขาได้รับความสุขจากผมไปได้พอสมควรนะจนเมื่อผมรู้งานจึงรูดรั้งด้วยปากเล็ก ๆ ของผมให้จังหวะของเราไปพร้อมกัน ผมให้เขาเสพย์สุขด้วยปากของผมก่อนหนึ่งครั้ง จนสัญลักษณ์ของเหลวสีขาวนั้นออกมาเป็นพยาน คละคลุ้งเต็มปากผม


“ผมสนใจคุณในวันหนึ่งที่ไม่มีอะไรพิเศษ วันนั้นผมแค่ผ่านไปพบลูกค้าและเกิดอยากดื่มกาแฟ เลยนัดเขาที่ร้านกาแฟที่นั้น และผมเห็นคุณนั่งขีด ๆ เขียนๆ อยู่ตรงมุมหนึ่งของร้าน"


คุณคอลินเริ่มเรื่องของเขาตั้งแต่วันที่เจอผม รายละเอียดใช้ได้เลย แต่มาเล่าอะไรตอนกำลังเมคเลิฟกันอยู่ล่ะเนี่ย ! ผมแทบฟังไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว เพราะความคับใหญ่ของเขาไปส่งความเสียวไปถึงข้างในตัวผม ใครจะไปฟังละครับคุณ! ผมฟังไม่รู้เรื่องตาลายไปหมดแล้ว มือไม้ผมสั่นแถมระทวย จวนจะละลายคาอกเขา เราอยู่ในท่านั่ง ผมที่ถูกดึงมาคร่อมทับตัวเขาที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลัง ส่วนนั้นของเขาสอดเข้าสุดจนมิดเข้าไปข้างในตัวผม ทั้งเจ็บทั้งอึดอัดแต่ไม่อยากให้เลิกทำ คุณคอลินใช้แรงทั้งหมดส่งความรักให้ผมทางนั้น จนผมร้องครางชื่อเขา หรือบางทีก็ฟังไม่รู้เรื่องเป็นคำ แต่นี่เขาเล่าเรื่องยาวเหยียด สตอรี่ที่เจอผม ในช่วงเวลานี้เนี่ยนะ

“อ๊ะ..อื้ม ..ฮ้า--”
“ผมนั่งมองคุณที่นั่งขีดเขียนอะไรซักอยู่ อา... อืม  ...ผมมองคุณจนรู้สึกว่ามองนานไปหน่อย แต่ตอนมองแรก ๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรก็แค่หาจุดพักสายตา หาอะไรทำ แต่ผมเห็นคุณยกชาในแก้วของคุณขึ้นดื่มแล้วยิ้มออกมา ยิ้มนั้น คุณรู้มั้ย ผมในตอนนั้น ถึงกับต้องไปถามคุณพนักงานที่อยู่ตอนนี้ว่า เมนุที่คุณสั่งตอนนั้น คือเมนูอะไร เขาบอก อืม...คะ..คิด.... กรีนทีลาเต้ ผมก็สั่งตามคุณเลย เพราะผมก็เดาว่ามันคงอร่อยมาก จนทำให้คุณต้องออกมาได้เจิดจ้าและเปล่งประกายจนทำให้สายตาผมหยุดที่คุณได้ แต่สุดท้ายผมก็ดื่มถี่อย่างคุณที่ดื่มทุกวันไม่ได้ ปริมาณในการรับน้ำตาลของผมไม่เท่ากับเด็กอย่างคุณนะ ก็เลยได้ชิมเป็นครั้งคราวไป“



โอเค กรีนทีลาเต้ของผมมันอร่อย สูตรเฉพาะของผมเองเลยด้วยว แต่ผมอยากจะว๊ากใส่คุณเขาว่ามาเล่าอะไรป่านนี้ ค่อยเล่าก็ได้ แต่ผมจะขาดใจคาอกเขาอยู่แล้ว 


"ตอนนั้นน่ะ ผมเรียกคุณว่าคุณยิ้มชาเขียวอยู่พักหนึ่งก็เพราะไม่รู้จักชื่อ ตามอยู่ตั้งนานก็รู้ว่าทำงานอยู่ร้านหนังสือตรงข้ามกันนี่เอง"


เขาเล่าความหลังต่อ ผมพยักหน้าพร้อมกับกล้ำกลืนทนข่มอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในตัว เพราะเขาผ่อนแรง แต่บางก็แรงเกินไปจนผมคลั่งในขณะที่เขาเล่าเรื่อง  แล้วทำให้ผมไม่ไปถึงฝั่งฝันได้ง่าย ๆ ผมมวนในท้องน้อยจนไม่เป็นอันฟังอะไรทั้งสิ้นจนต้องบีบที่ไหล่เขา



“ช่วยผมที..”

ผมบอกเขา ไม่รู้ล่ะด้วยท่าทีท่าทางเสียงโทนไหน แต่ต้องให้เขาช่วยผม เพราะผมทนไม่ไหวแล้ว และเหมือนเขาก็เข้าใจเลยจัดให้ตามขอ แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะนิ่งอึ้งไปนานหน่อยก็ตาม

“คุณเซ็กซี่ได้ขนาดนี้เลยหรือ เอซร่า..”
“หา ?”

ผมไม่แน่ใจในคำของเขาแต่เขาบอกว่าผมเซ็กซี่ ? งั้นหรือ แบบนั้นก็ดี เขาจะได้ทำให้ผมไปสวรรค์ซักที จะตายอยู่แล้วนะ! ผมจะยั่วยวนเขาให้เขาคลั่งผมด้วยความเซ็กซี่ที่ผมมีจากที่เขาบอกนี่ล่ะ



“เร็วกว่าหน่อยสิครับ...”


ชายหนุ่มหันกลับมามองผมและหยุดนิ่งไปเลย จากที่กำลังจัดความสุขชุดใหญ่ผมอยู่ เฮ้ คุณคอลิน คุณแกล้งผมอยู่หรอ!

“ทำไม..อื้อ.. หยุดทำไม”
“กำลังคิดว่า ผมคงหยุดไม่ได้แล้วล่ะ หลังจากนี้ เตรียมใจไว้เลนคุณเอซร่า ผมไม่ฟังคุณแล้วต่อให้คุณร้องขอก็เถอะ”


ว้อยยย ผมโอดในใจ แล้วคุณหยุดทำไมครับ ผมจะตายอยู่แล้ว ช่วยผมให้ไปฝั่งฝันก่อนเถอะ คุณมันอดกลั้นเก่ง จะทนได้อีกนานแต่ผมจะตายแล้ว ผู้ใหญ่รังแกเด็ก!

“เห้ย!” เราเปลี่ยนท่า...ผมตกใจเขาที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนกะทันหันจากที่นั่งกัน ผมโดนกดให้นอนราบกับพื้นเบาะที่นั่งด้านหลังเหมือนเดิม ซึ่งนั่นทำให้ผมมองใบหน้าหล่อเหลาที่ขึ้นสีด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านในตัว และอารมณ์รักกำลังทำให้เขา...

“ผมจะรักคุณในเต็มที่เลย ไหนๆ วันนี้ผมก็บอกรักคุณแล้ว ช่วยรับฟังมันด้วยนะ ”

“อ๊ะ..— โอ๊ย”


รักผมแรงไปมัย คุณคอลิน! ผมเห็นดวงตาวาวโรจน์ของเขา เขาเป็นวัวคลั่งไปแล้ว เขาถอดด้ามของเขาออกไปแล้วสอดเข้ามาใหม่ ทีนี้ช่องทางของผมกลายเป็นผ้าสีแดงของมาธาดอร์ล่อวัวคลั่งเลยหรือไง เขาใส่ในร่างผมไม่ยั้งแรงจนต้องบีบไหล่ ข่วนหลังก็แล้วให้เบาแรง แต่เบาที่ไหนกันล่ะ! ผมร้องโอดให้เขาได้ยิน

“เจ็บหรือ ?”
“มาก คุณใจเย็นๆ หน่อยซี่”
“เมื่อกี้คุณยั่วผมก่อนนะ ใครจะทนไหวกัน”


ผมเผลอไปจุดไฟวัวบ้าเข้าให้แล้ว ผมเชื่อแล้วว่าเขาเป็นวัวบ้าจริง ๆ


.

จากคนในฝันของผม ที่คิดว่าได้แค่ฝัน เอาแต่จินตนาการเอาเอง แต่ก็ไม่ทันได้มองออกไปนอกตัวผมเองเลยว่า ที่จริงเขามองผมอยู่ก่อนหน้าแล้ว และตกหลุมรักผมเพียงแค่ รอยยิ้มที่ผมยิ้มออกมาเพียงเพระชาเขียวในมือผมมันอร่อยมากเท่านั้นเอง



โคตรรักชาเขียวเลยว้อย



“เอซร่า มีอะไรจะสารภาพกับคุณอีกอย่าง”


มาสารภาพตอนผมแทบหมดแรงตอบโต้กับเขา คุณคอลินที่ถูกจุดไฟรักโหมกระหน่ำไฟนั้นใส่ผมไม่ลดความร้อนแรงเลย ใจเย็นๆ พ่อวัวบ้า เห็นใจกันหน่อย ผมตั้งรับไม่ทันนะ

“—อื้มม คะ— ครับ” ของเหลวบางส่วนของเขาคลั่งค้างในร่างกายผม และเขายังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดส่งมันมาให้

“หลังจากผมเจอคุณ ผมก็เก็บคุณกลับไปฝันเหมือนกันนะ แต่เรทไหนผมคงไม่บอกคุณ แต่มั่นใจมีครั้งหนึ่งในฝันผม คุณระทวยคามือผมจนสลบไปเลย”


เดี๋ยวสิ...ผมว่า...เอ่อ..ผมยังไม่เคยฝันรุนแรงขนาดนั้น ผมต้องถูกวัวบ้าไล่ต้อนขนาดไหนกัน ในฝันผมถึงมีสภาพแบบนั้น

“เรทขนาดนี้ ถ้าผมบอกคุณตั้งแต่ช่วงแรกทีเราเจอกันผมกลัวคุณจะหนีผมไปก่อน เพราะตกใจว่าตาแก่คนนี้ทำไมลามกขนาดนี้ นับวันผมยิ่งเอาคุณออกไปจากหัวผมไม่ได้ ยิ่งฝันยิ่งติดเรท จนผมต้องทำอะไรกับตัวเองก่อนที่ผมจะคลั่งตาย...เริ่มจากวันนั้น ผมเข้าไปจูบคุณในร้าน ตอนนั้นเป็นวันที่ผมเริ่มรู้สึกแล้วว่า ผมห้ามตัวเองไม่ให้ผมคิดถึงคุณไม่ได้แล้ว"

"คุณมันลามก!"
"ก็เป็นกันทั้งคู่นี่ อย่างกับคู่แท้เลย จริงมั้ยครับ เอซร่า"

จบประโยคคุณคอลินก็ก้มมองลงมาใต้ร่างสมส่วนที่ดีของตัวเอง มองผมที่แทบหมดแรง มองเขาอย่างอ่อนใจตรงหน้า สายตาลวมลามสุด ๆ เล่นเอาผมเสียววาบซ้ำ ๆ ตรงท้องน้อย โอย ทำอะไรก็ทำยอมคุณแล้วครับแค่มองก็เหมือนถูกปล้ำไปแล้ว ผมบอกให้เขาผ่อนแรงให้หน่อยแต่ก็เหมือนแกล้งกัน จนทำเอาผมไม่มีแรงจะตอบเขาซักคำ ได้แต่เม้มปากเขินใส่และถูกขโมยจูบอยู่ร่ำไป


ฝันอะไรลามก แต่ผมก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันนะ แต่เดี๋ยวก่อน ..ผมคิดว่าหลังจากนี้ เราน่าจะลามกมากกว่าในฝันอีก ในความเป็นจริงของเราสองคน เริ่มแรก นี่เลย เราเมคเลิฟกันบนรถ


ผมไม่ได้ฝันแล้ว ขอลองหยิกแก้มคุณคอลินทีหนึ่ง เอ้าฮึ่บ

“โอ๊ย เอซร่า คุณหยิกแก้มผมทำไมกัน”






ความจริงทำให้มีความสุขมากแบบนี้นี่เอง ความจริงที่เริ่มต้นกันง่าย ๆ ด้วยจินตนการล้ำลึก ลามกกันทั้งคู่!




La La La







 END 



TALK :: จบแล้วค่า ขอบคุณสำหรับความรักต่อเรื่องนี้ เจอกันเรื่องต่อไปนะคะ 
อ้อ จะมีตอนพิเศษฝั่งคุณอาออกมาด้วยน้า แล้วก็มีคู่รองที่แม่แมวชื่นชอบเป็นพิเศษด้วยล่ะ