วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

[FIC] In the Rain 'รักนี้มีผลต่อหัวใจ' -- INTRO





[FIC] In the Rain 'รักนี้มีผลต่อหัวใจ' -- INTRO












อากาศประเทศนี้ช่างแปรปรวนเหมือนใจคน ...


ผมก็ว่าไปนั่น .. อันที่จริงแล้ว อากาศของประเทศไทยที่ตั้งอยู่ในแถบเขตร้อนมันก็คงจะเป็นแบบนี้ ซึ่งผมก็เริ่มชินแล้วล่ะ ยิ่งผมอยู่ในจังหวัดด้านขวานที่ว่ากันว่าเป็นภาคที่มีฝนแปดแดดสี่ ซึ่งก็จริงดังเขาว่า บทจะร้อนก็เผาผิวของผมเสียไหม้ บทจะฝนก็ตัวอย่างก็เป็นดังเช่นวันนี้ ผมที่ตั้งใจจะออกไปดูงาน ก็คงจะเป็นหมัน ไปเพราะฝนตกหนักมาก เหมือนฟ้ารั่วเสียอย่างนั้น และเมื่อผมแหงนหน้าไปมองฟ้า บนนั้นยังไงชวนทัพเมฆดำจ่ออีกสองสามคิว



“นายหัวซันครับ นายหัวซัน”


ลูกน้องตะโกนเรียกผมมาแต่ไกล เจ้านุ๊กมันวิ่งฝ่าฝนมาถือโทรศัพท์หรา ไม่ดูฝนฟ้าอากาศเลย กลัวมันจะโดนฟ้าผ่าเอา มันวิ่งมาหาผม ตัวเปียกซ่ก เจ้านุ๊กเป็นเด็กในความดูแลของผม เป็นทั้งคนงาน ทั้งเลขา ทั้งคนขับรถ เรียกอเนกประสงค์ ทำได้ทุกอย่าง ติดตามผมมาตนั้งแต่อยู่กรุงเทพ ยันลงไซต์งานที่นี่ เจ้านุ๊กเดินเข้ามาในชานเรือนของผม ผมที่วิ่งอออกมาตั้งแต่มันวิ่งตะโกนแล้ว จึงถามเอางานเอาความกับมัน


“นายหัวซัน ไซท์งานมีปัญหาครับ ผมตามนายไปดู” เจ้านุ๊กเอ่ยตามสำเนียงภาษาถิ่นด้านขวานของตน ผมฟังเข้าใจนะ เผลอ ๆก็ติดสำเนียงทองแดงมจากมันแล้วด้วย  ได้ความดังนั้น ใบหน้าเจ้านุ๊กฉายความกังวลแทนผม โอเค ผมจะต้องรีบรุกไปดูหน้าเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฝนจะไม่เป็นใจเทลงมา ไม่แน่ว่าเทวดาบนฟ้าท่านอาจกำลังโกรธอะไรอยู่ก็ได้




เมื่อผมตามเจ้านุ๊กมาถึงไซท์งานแล้ว ก็พบปัญหาดังที่เจ้านุ๊กว่า


เหล็กท่อนหนึ่งห้อยค้างเติ่งอยู่บนอาคารต่อเติมที่ผมเป็นคนดูแล ที่นี่ทั้งแถบเป็นส่วนที่ผมได้แบ่งงานมาจากจัดสรรปันส่วนของบริษัทต้นสังกัดแล้ว งานเข้าผมก็ว่าได้ เหล็กท่อนนั้นใหญ่พอสมควร และในท่ามกลางอากาศแบบนี้ ทั้งลมทั้งฝน ผมกลัวใจว่ามันจะตกมาใส่คนงาน หรือชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาแถวนี้ ใครได้รับบาดเจ็บเข้า ทั้งเราทั้งเขาจะลำบาก

“นายหัวซัน เอายังไงดี” เจ้านุ๊กหันมาถามผมเสียงดัง ตะโกนแข่งกับเสียงลมฟ้าฝนที่เทมาไม่ขาดสาย คนงานหลายคนเริ่มมาตามคำสั่งของผม และมายืนล้อมวงกันอยู่ในตึกต่อเติม ทุกคนสวมเสื้อกันใน พร้อมชุดยูนิฟอร์มทำงานและอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย เพื่อรอคำสั่งให้ผมสั่งการว่าจะให้ไปเอาอย่างไงเจ้าเหล็กเจ้าปัญหานั่น แน่นอน ตอนนี้ผมกำลังคิดไม่ตก กังวลว่ามันจะตกลงมาเพราะแรงลมจากฝนฟ้าคะนอง แต่จะให้คนงานไปจัดการกับมันที่ลอยเท้งก็กลัวคนงานจะถูกลมฝนพัดเอา ทำให้เกิดอันตราย


“แต่ยังไงก็ต้องเอามันลงมาก่อนที่มันจะสร้างปัญหา”... ผมพึมพำกับตัวเอง คนงานที่รายล้อมผมกับเจ้านุ๊กต่างก็หันมาทางผม เพื่อรอรับคำสั่งต่อไป


ผมหันไปสบตากับเจ้านุ๊ก และพยักหน้า เป็นเชิงสั่งว่า เอาเจ้าปัญหาที่ค้างอยู่ตรงนั้นลงมา



“เห้ย!




มันเหมือนกับฟ้าแกล้งกัน เมื่อผมออกคำสั่งจะให้ให้จัดการปัญหาตรงนั้น ก็ดันเกิดปัญหาตามมา


เจ้าเหล็กท่อนนั้นมันกำลังร่วงหล่นสู่พื้นเบื้องล่าง ความสูงในระดับตึก 5 ชั้น ผมรู้ในเสี้ยววินาทีว่า จะต้องสั่งให้ทุกคนออกจากพื้นที่ตรงนี้ให้หมด ผมเองก็ต้องวิ่งให้ทันด้วย


“ออกไป พวกมึงออกไป วิ่งเร็วๆ!” ผมสั่งพวกมันสู้กับเสียงฝน ให้ตายเถอะ ผมถึงได้เกลียดฝนไง เพราะมันทำให้ทุกอย่างไม่เป้นไปตามดังใจ ทำงานการอะไรก็ไม่ได้ดีซักอย่าง ชื้นแฉะ และน่ารำคาญ

มีเด็กน้อยที่วิ่งหนีอุดลุดอยู่ใกล้ ๆ พื้นที่ ผมวิ่งไปคว้าเจ้าหนูตัวเล็กให้พอดีอ้อมกอด แล้วเหวี่ยงออกจากพื้นที่ตรงนี้ไป


เอ้า.. เหลือกู ...ผมคิดในใจ

เหล็กท่อนนั้นมันเคลื่อนสู่เบื้องล่างตามแรงโน้มถ่วง ทุกคนเหมือนจะออกไปจากพื้นที่อันตรายกันหมด





“นายหัวซัน!



ผมไม่รับรู้อะไรแล้ว หลังจากนั้น เมื่อสิ้นเสียงคนงานของผมตะโกนเรียกชื่อเล่นผม กลางสายฝน  ผมคิดว่าตัวเองหนีไม่พ้น

เหล็กท่อนใหญ่นั่นต้องทับผมคาที่ ดับอนาถเป็นข่าวแน่ ๆ



“เอ่อ..” 



ผมพบว่าตัวเองยังสบายดี อา.. เจ็บนิดหน่อยกับรอยถลอก คล้ายกับว่าตัวผมครูดไปกับพื้น เจ็บแบบแสบ ๆ คัน ๆ เลือดซิบออกมาจากรอยถลอก เพราะโดนน้ำฝนชะล้างแผลนั้น เวียนหัวนิดหน่อย เพราะเหมือนโดนกระแทก แต่ไม่ได้เจ็บมากจนขนาดที่ผู้ชายอย่างผมต้องร้องออกมา


“อ่ะ...” ผมอึ้งค้างไว้อยู่ครู่หนึ่ง ปากหุบไม่ลงไปเสียอย่างนั้น เหมือนกับขากรรไกรเสียไปชั่วขณะอย่างนั้นล่ะ


“นายหัว นายหัวซัน ไม่เป็นไหรนะ” คนงานหลายคน พร้อมเสียงเจ้านุ๊กอื้ออึงตะโกนแข่งส่งมาหาผม เป็นสำเนียงท้องถิ่น ฝนบ้านี่ก็ยังไม่ยอมหยุด ไหนจะเสียงฟ้าลั่นโครม ๆ นั่นอีก


ผมที่หาตัวตนของตัวเองเจอแล้วก็พบว่า ตัวผมเอนนอนอยู่ในอ้อมอกของชายหนุ่มผู้หนึ่งที่เหมือนจะวิ่งมาจากไหนซักที่ อา..ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเขามาจากไหน ไอบ้านี่ใครวะ? ผมคิดแบบนั้น แต่เขามาช่วยผมไว้ทันเวลา ผมต้องขอบคุณเขาเป็นอย่างยิ่ง

“คุณไม่เป็นไรแล้วครับ”  ผมดูหน้าเหวอและตกใจมากอย่างนั้นหรือ แทนที่จะเป็นประโยคคำถามทั่วไป แต่เป็นประโยคปลอบประโลมใจผมที่ดูเหมือนกำลังจะตกใจมาก 


ผมตกใจจริง ๆ แต่ผมอึ้งมากกว่าว่าพี่แกวิ่งมาชาร์ตและคว้าผมออกมาจากพื้นที่อันตรายตรงนั้นได้ทันได้อย่างไร แต่เอาเป็นว่าผมซาบซึ้งกับฝีเท้าของพี่เขามาก



“เอ่อ.. ผมโอเคครับ” ผมที่ก็เพิ่งหาเสียงตัวเองเจอเหมือนกัน บอกเขาไปดังนั้น แต่เจ้าตัวยังกอดร่างผมไว้แนบแน่นกับอก ในวงแขนอันแข็งแรง ...อืม.. พี่เขาไม่ยอมปล่อยผมไป




ทำไมน่ะหรือ ? ผมไม่แน่ใจ แต่เจ้านุ๊กและคนงานตรงนั้น พูดเป็นภาษาถิ่นสำเนียงบ้านตัวเอง บอกว่านายหัวของมันตัวสั่นเป็นลูกนกน้อยที่หวาดกลัว มือของผมคว้าชายเสื้อที่เปียกโชกของชายหนุ่มที่กอดผมอยู่ไม่ยอมปล่อย



กลายเป็นผมเองงั้นหรือที่ไม่ปล่อยเขา ?



ผมเงยหน้า เพียงเล็กน้อยก็พบพานสายตาที่แท้จริงของผุ้ช่วยชีวิตของผมจากเหตุการณ์น่าระทึกเมื่อครู่



ฝนบ้านี่สู้แววตาอบอุ่นของพี่ท่านไมได้เลยซักนิด





“นายหัวซัน คุณตัวสั่นมากเกินไปแล้วล่ะครับ ผมจะพาคุณไปนะ”



ว่าดังนั้น พี่ท่านก็หอบเอาร่างอุ้มผมไป เอาจริง ๆ ผมไม่รู้สึกถึงเรี่ยวแรงของตัวเองอีกแล้ง ทั้งร่างกายทั้งหมดทุกส่วน อาจจะเป็นเพราะผมตกใจเสียจนลืมสิ้นทุกอย่าง เพราะความตายที่เข้ามาใกล้ เลยปลดปล่อยทุกสิ่งออกไป ผมคิดแล้วว่ากูตายแน่ ๆ แต่ยังทำเป็นพระเอก เพราะฝีเท้ากาก ๆ ของผมและพื้นที่ลื่นโคตรเพราะน้ำฝนเฉอะแฉะ


แต่พี่ท่านคนนี้เขา..กำลังอุ้มผมออกจากตรงนี้ไป



“อ่ะ..เดี๋ยวคุณ” ผมเอ่ยเรียกเขา เขาชะงัก เพียงแค่ยิ้มให้ผม เขาผินหน้าออกไป มองตรงไปยังทางที่จะไปข้างหน้า คาดว่าเป็นที่ร่มหลบฝนซักแห่ง ผมเพิ่งรู้เหมือนกันว่าตัวผมสั่นมาก และมือเจ้ากรรมไม่รักดี กำเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่น



และเหมือนผม...กำลังร้องไห้ เหมือนคนที่เพิ่งรอดตายและได้ชีวิตคืนมา

จะไม่ด่าเทวดาที่เทฝนจากฟ้าลงมาอีกแล้ว





“ไม่ต้องกลัว ผมอยู่นี่แล้ว”  พี่ท่านที่อุ้มผมอยู่บอกแบบนั้น ผมไม่ได้ยินเสียงใครแล้ว แต่ปรือตาไปเห็น ว่าคนงานเอาร่มมากางให้ผมกับพี่คนนี้ และออกเดินกึ่งวิ่งไปทางเพิงพักคนงานใกล้ ๆ มือผมเกาะเขาแน่น ตอนนี้ผมเรียบเรียงอะไรไม่ค่อยถูก อยากจะบอกจะเอ่ยอะไรก็ไม่เป็นลำดับ เลยคิดสาระตะในหัวเอาเอง



ใกล้ถึงเพิงพักคนงานแล้ว เวลามันเดินไปช้านักนะ ผมแหงนหน้ามองคนที่อุ้มร่างผมไว้ตอนนี้ กลางสายฝนที่เทลงมาไม่ขาด แต่เหมือนจะเบาแรงลง มองไล่ไปตั้งแต่ปลายคาง เหลือบเห็นถึงสันจมูกพี่ท่านเขา ขนตาเป็นแพยาวจรดหางตา แต่ดูเหมือนไม่สนใจความยาวของผมหน้าม้าตัวเองเท่าไหร่ เพราะเมื่อมันลู่น้ำเปียกมันก็มาปกปิดใบหน้าส่วนหนึ่งของเขา เหมือนจะเป็นคนผิวดี ใบหน้านี่ไม่มีสิวเลย หน้าใส ขาวเสียด้วย ถ้าเป้นคนแถวนี้ ถ้าไม่แทนแบบที่ผมเป็นอยู่ก็คงสีคล้ำกว่านั้น ตามสภาพแดดที่นี่ หลงถิ่นมารึ



“นายหัวซัน “
“อ่ะ.. เอ่อ” เขาคงรู้ว่าผมมองเขาอยู่ เขาเลยเอ่ยเรียกผมทั้งที่ยังเดินกึ่งวิ่งและมองไปทางตรงหน้า เขาเรียกแค่นั้น เหมือนเรียกสติ เขาก็ออกเดินต่อไป อุ้มร่างผมไปที่พักให้จงได้







ไม่รู้ฝนตกนี่ ดีหรือไม่ดี แต่ผมไม่ชอบฝนนั่นคือความจริง วันนี้ไม่ดีเพราะในบ้านี่ทำให้เกิดเรื่อง  




“นายหัวฝน ขอบคุณมากครับที่ช่วยนายหัวของผมไว้” เสียงเจ้านุ๊กตะโกนอีกแล้ว เสียงดังไปทำไม ฝนก็เบาลงแล้ว บอกใครซักคนในกลุ่มที่กำลังแห่ผมอยู่นี่


“ไม่เป็นไร แต่นุ๊ก ช่วยบอกนายหัวคุณด้วยนะ ว่าเขาตัวหนักเป็นบ้า” 




ไอบ้าที่กำลังบอกว่าผมตัวหนัก ก็คือคนที่อุ้มผมอยู่




นายหัวฝน ? ชื่อเขา ? พี่แกเป็นใคร?


ผมเงยหน้าไปมองอีกรอบ แก้มเขาป่องออกมา เหมือนอมยิ้ม หยดฝนที่หยาดมาตามแก้มเขาก็ไหลลู่มาตามผิวหน้าของพี่ท่าน เขายิ้มอยู่หรือ ?



อุ้มผมได้ขนาดนี้ แต่ชื่อฝน



ฝนบ้าจะอบอุ่นขนาดนี้ ..อันนี้วัดเอาจากสายตาของเขานะครับ


***** INTRO

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น