วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

[FIC] Stay,Still ..Stand : Stay Part 2 #หยางเฟิง




TITLE : Stay,Still ..Stand 'เราที่รักกัน'
Part :STAY
CHAPTER :   2
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : NC - 15 
TELL : สับสนค่ะ คนที่ไม่เคยรักก็มักจะสับสน
แนะนำให้ฟังเพลงไปด้วยค่า

STAY - Getsunova 


******************************************************



“อี้เฟิง นี่มันใช่เวลาที่นายควรมานั่งดื่มเหล้ามั้ยเนี่ย”

ครับ..ผมถูกเธอดุเป็นประจำ พักหลัง ๆ ผมที่คิดมาก เข้าในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องงานในวงการที่ผมต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไปในทางที่ดี อยากไปให้ไกลมากกว่านี้ ทะเยอทะยานเข้าไว้ มีฝันไว้ว่าอยากเปิดอะไรซักอย่างเป็นของตัวเอง เป็นนายตัวเอง แต่ก็ยังได้แค่ฝัน ตอนนี้ผมทำงานงก ๆ ซึ่งนั่นหมายความว่าผมแทบไมได้ไปไหนในรูปแบบส่วนตัวเลยซักครั้งแน่นอน ซึ่งเพราะผมไม่มีเวลาว่าง ทั้งยังมีพวกแฟนคลับที่ตามแจ ก็แค่บางกลุ่มแต่ผมไม่พอใจบ้างเป็นบางที ก็เลยต้องดุไปตามประสา ผลจะออกมาว่าไงก็ช่างมัน



นั่นแค่หลายเรื่องที่รุมเร้าผม ยังไม่รวมประเด็นใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตผมไปครึ่งหัวใจ



“ถ้าจะกินเหล้าต่างอาบแบบนี้ก็ไสหัวไปนอนให้หายบ้าซะ พรุ่งนี้จะตื่นมาทำงานไม่ได้”

พี่สาวผู้จัดการของผมเธอไม่ทนด่าผมแล้ว ทีนี้เธอกระชากตัวผมที่ทำตัวน่าโมโหให้ลุกจากเก้าอี้ตัวประจำในคอนโดแห่งใหม่ของผม มุมตรงนี้จะเป็นมุมที่ผมมักจะนั่งคนเดียวเวลาคิดอะไร


“แล้วก็เลิกละเมอถึงชื่อไอเด็กบ้านั่นด้วย ฉันฟังแล้วไม่ชอบใจ ทำไมต้องให้เด็กนั่นมามีอิทธิพลกับนายขนาดนี้ อี้เฟิง เธอควรเข้มแข็งกว่านี้สิ...”



เธอเคยเห็นผมเข้มแข็งกว่านี้ ....ก่อนหน้าที่จะพบหยางหยาง



เด็กบ้านั่นของเธอเท่ากับหยางหยาง ...เธอด่าผม แซะด่าหยางหยางจบเรื่องก็เดินตึงตังออกไปทำงาน หารือเรื่องงานใหม่และโฆษณาตัวใหม่ของผมที่เข้ามา ผมไม่สนใจอะไรนั่นแล้ว เลยทิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่มราคาแพงในห้อง มันไม่ทำให้ผมรู้สึกสบายอะไรขึ้นมาหรอก หากหัวใจผมยังเจ็บปวดหนึบอยู่แบบนี้



มันวูบโหวงพิกล เพราะด้วยความคิดบ้า ๆ อย่างหนึ่ง



“เอาจริง ๆ นี่ฉันรักหยางหยางบ้างหรือเปล่า”


คำถามบ้า ๆ อีกคำถามหนึ่งเป็นหนึ่งในหลาย ๆ คำถามที่หลุดออกมาจากสมอง เรื่องเกี่ยวกับหยางหยางในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ผมพบกับคน ๆ นี้ แน่นอนว่าผมกับเขามีสัมพันธ์ลึกซึ้งจนเขาเองบอกผมอย่างอาย ๆ ครั้งหนึ่งว่า เขาจำได้แม้กระทั่งไฝบนตัวผมด้วยซ้ำ จำได้เพราะเขาชอบฝากจูบไว้ตามตำแหน่งไฝดังที่เขาว่า  คำตอบแบบนี้ทำให้ผมหน้าร้อนเล่น ๆ ได้เหมือนกัน ผมด่าเขาแก้เขินไป ใจเต้นไปกับเสียงที่แม้ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่ากรุ้มกริ่มที่สุดเท่าที่เคยฟัง


เขาทำให้ผมใจเต้น ไม่เป็นตัวเองตัวเอง



แต่หลังจากนั้นผมก็กลับมามีอารมณ์ปกติ ไม่คิดอะไรเช่นเดิม



ไม่คิดอะไรคืออะไร ? ซับซ้อนจัง แต่แค่ผมคิดถึงเพียงสัมผัสของหยางหยาง จะว่าผมติดก็ว่าได้ เหมือนติดยาอะไรแบบนั้น เวลาเขาร้อนแรงในช่วงเวลาแบบนั้น เขาเป็นหมาป่าร้ายที่ล่าเหยื่อ การมีอะไรกับหยางหยางท่ามกลางควรดิบเถถื่อนตามสัญชาติญาณของเขา ผมไม่ปฏิเสธเลยว่ามันดีเป็นบ้า แต่นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ผมคิดถึง เมื่อพูดถภึงหยางหยาง



รู้มั้ย นั่นล่ะเป็น สิ่งที่ผมเพิ่งค้นพบและเจอตัวเองว่า สำหรับผมแล้วหยางหยางคืออะไร




“แม่ง!


ผมเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้


แม่ง..เสียเวลส



ผมทำให้หยางหยางเสียเวลา



ไม่ใช่ว่าผมเพิ่งคิดได้ แต่ผมคิดทบทวนมาซักพัก ปฏิเสธอย่างแข็งขันกับตัวเองหนัก ๆ จนผมเริ่มคิดว่าตัวเองเป็นบ้าไปแล้ว



“เฮ้อ” การถอนหายใจหนึ่งในหลายครั้ง เมื่อผมพบว่าผมเริ่มมีอารมณ์อย่างว่า เมื่อคิดถึงใบหน้าหล่อเหล้าร้ายกาจยามเรามีสัมพันธ์สวาทร้อนแรงด้วยกัน ใบหน้าหยางหยางเวลานั้นช่างตราตรึงใจผมจนลืมไม่ลง ผมที่แม้ไม่อยากแต่ถ้าได้เห็นสีหน้าที่เว้าวอนของหยางหยาง เสียงทุ้มที่ร้องขอผม สัมผัสจากมือหนานั้นที่ลากไล้เล้าโลมจนเกิดความรู้สึก นั่นล่ะ หลังจากนั้น ผมไม่รอช้าที่จะสานต่อความรู้สึกนั้นกับหยางหยาง




“อา...หยางหยาง”



มือผมเริ่มซน มันไปตามอารมณ์ที่เริ่มพุ่งพล่านในตัว คิดว่าหน้าผมคงเริ่มแดงขึ้นมาเพราะฤทธิ์เหล้า เอาจริง ๆ ก็คิดว่าผมผมหน่อย ๆ แล้วล่ะ  แต่หลี่อี้เฟิงคนนี้ไม่ใช่คนเมาง่าย ๆ แค่ดื่มต่างอาบยังไม่ทำให้ผมรู้สึกเมาหัวทิ่มได้ แค่พอมีอารมณ์ทำอะไรอย่างที่อยากทำแต่ในเวลาปกติจะไม่กล้าทำ



ก็อย่างเช่น ไอ้อย่างที่ผมทำอยู่ตอนนี้



มือที่ซุกซนของผม ลากไล้ไปตามเส้นทางที่หยางหยางเคยตีตราไว้ ไปช้า ๆ ไม่ต้องรีบเร่ง ผมรู้ดีว่าเวลาไหนควรเริ่มทำอะไรแบบนี้ ทีมผู้จัดการของผมกลับบ้านไปพักผ่อนกันหมด ก่อนจะปล่อยผมไว้ที่คอนโดส่วนตัวให้เวลาความเป็นส่วนตัวผมหลังทำงานบ้างก่อนจะเจอกันใหม่ เวลานี้เป็นเวลาที่ผมควรอยู่กับตัวเอง




“ อื้อ..”



อารมณ์หวาบหวามที่พุ่งทยานตามแนวการลากไล้ของมือ ผมถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออก มันเหม็นเหล้าอย่างที่พี่เขาว่า แต่ผมไม่สน โยนมันไปไกล ๆ มือ ใช้มือนันที่ขว้างเสื้อมากระตุ้นอารมณืของตนเอง ก่อนจะครางร้องออกมาด้วยเสียงของตัวเองที่หยางหยางบอกว่ามันหวานหนักหนา ผมไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ หรือหยางหยางแค่อยากจะให้ผมรู้สึกดีใจ


“อ๊ะ..”



ตอนนี้มือที่ซุกซนของผมข้างหนึ่งเริ่มจัดการของส่วนตัวที่เริ่มชันขึ้นเพราะความต้องการ มือของผมรู้งานดี ก็จัดการกับเครื่องแต่งกายที่ระเกะระกะของผมตอนนี้ออกมาให้พ้นไว ๆ ก่อนจะพบว่าตัวเองเปลือยอยู่บนเตียงจนน่าอาย แต่ตอนนี้ผมอยู่คนเดียวจะไปอายอะไร

“ฮึก”


มือของผมกำรอบของส่วนตัวของตัวเองไว้ มันร้อนขึ่นนิดหน่อยหลังจากตื่นตัว ผมไม่คิดเลยว่ากับการแค่คิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของหยางหยางจะทำให้ผมมีอารมณ์กับมันขนาดนี้ ยิ่งคิดมือก็ยิ่งรูดรั้งเร่งรัดให้ไปถึงจุดหมายปลายทางไว ๆ แต่ก็ผมก็เข้าใจทรมาณตัวเอง ยั้งเฮือกสุดท้ายไว้ คิดถึงคำพูดที่เราเคยสนทนากันบนเตียงนุ่ม ๆ ยามเราทำเรื่องแบบนี้กัน น่าอายแต่ก็ยังจำกลับมา คำหวานๆ เองก็เหมือนกัน ผมจำได้แทบทุกคำ ผมชอบมันนะ และเอามันมาใช้ตอนนี้ด้วย


“อื้อ..อ๊ะ หยาง..หยางหยาง ฉัน..”


แต่ระหว่างที่ผมมีอะไรกับหยางหยาง คำว่า “รัก” ที่หยางหยางพูดกับผมบ่อยเหลือเกิน ก็ไม่เคยหลุดออกมาให้เจ้าตัวเขาชื่นใจได้ดั่งใจ ตอนนี้ผมที่แม้อยู่คนเดียวไม่มีหยางหยาให้อายให้เขินก็ยังไม่กล้าพูด มันกระอักกระอ่วน ผมจึงหงุดหงิดและอยากขจัดความหงุดหงิดแบบนี้ไปโดยเร่งให้จังหวะมือที่รูดรั้งอยู่ที่ปลายที่อ่อนนุ่มนั้นเพิ่มความหวาบหวามให้ตัวเอง

“อ๊ะ..อื้อ”


ผมเกือบจัดการตัวให้จบในม้วนเดียว แต่มันยังไม่เติมเต็มให้กัยตัวเองเท่าที่ต้องการ เมื่อไม่มีหยางหยาง ผมไม่เจอหยางหยางตัวเป็น ๆ มาเกือบปีแล้วเห็นจะได้ เจอกันในตอนนั้น เขาฟัดผมอย่างกับหมาป่าบ้า ๆ ตัวหนึ่งที่หิวกระหาย เป็นรอยทั่วตัวจนผมไปทำงานไม่ได้ไปสองสามวัน ต้องโกหกเอเจนซี่ต่าง ๆ ที่มีคิวงานด้วยว่าผมเป็นหวัดไข้นอนซมจนออกจากห้องไมได้ แต่พี่สาวผู้จัดการโทรไปด่าหยางหยางโวยลั่นห้องว่ทำให้ผมเสียงานเสียการ


ก้เพราะความตะกละตะกรามของหยางหยางนั่นล่ะ ผมชอบ..จะว่าผมเอ็มก็คงใช่ แค่เจ้าบ้านั่นชอบทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง

นี่ก็เป็นเรื่องที่ผมคิดมาก อีกส่วนหนึ่ง


“อื้มม”


มันยังไม่จบเพียงแค่นี้ มือผมข้างหนึ่งที่ไม่ได้อยู่กับของของตัวเองที่มีอารมณ์ถึงขีดสุด ผมใช้มือข้างนั้นแทนของของหยางหยางที่ใหญ่คับเกินความจำเป็นแม้ความรู้สึกไม่เท่าแต่ก็ทดแทนได้บ้าง แค่นั้น ผมสอดนิ้วเข้าไปให้พอตัวเองทนได้ คิดถึงขนาดของหยางหยางเข้าไว้ ๆ และเริ่มขยับ


“อ๊ะ ๆ ..โอ๊ย..”


ไม่ทำอะไรแบบนี้มานานพักหนึ่งก็เริ่มไม่รู้งาน ช่องทางที่ใช้ประจำเริ่มขาดประสิทธิภาพ ผมไม่มีเวลาและแรงมาทำเรื่องอย่างว่าเท่าไหร่หรอกกลับมาจากที่ทำงานก็หมดแรงตายไปแล้ว เพราะคิวงานถ่ายใหม่บู๊ล้างผลาญ และแถมยังใช้พลังในการเข้าถึงบทแบบจริงจัง กลับมาถึงห้อง ถึงเตียงก็ล้มพับ แต่วันนี้เป็นวันพักผ่อน..เรื่องแบบนี้ในยามที่ผมอ่อนไหวก็เข้ามาในหัว...



“อ๊ะ.. ไม่..ไม่ไหว..หยาง...หยางหยาง..อื้ม..”


ผมร้องเรียกชื่อหยางหยางจนแทบไม่คำ ยิ่งขยับมือ ยิ่งแรงขึ้นยิ่งลึกยิ่งเร่งก็ยิ่งเพิ่มความหวาม วูบโหวงในช่องท้อง มวลไปหมด จนขึ้นถึงอารมณ์นั้นในที่สุด ใบหน้าหล่อเหลาของหยางหยางปรากฏในจินตนาการแค่นั้นก็ช่วยผมไปถึงฝั่งฝันได้สมบูรณ์แบบจนผมต้องซุกตัวเองกับฟูกนุ่ม ๆ ของเตียงหรูจากที่ตัวโก่งงอเพราะแรงอารมณ์เมื่อครู่ และเมื่อถึงฝั่งอย่างใจ ก็หมดแรงไปเสียดื้อ ๆ  คราบขาวที่หลั่งไหลจากปลายยอด มันขุ่นและหยาดเหนียวนิดหน่อย เพราะห่างหายจากการปลดปล่อยไปนาน ตอนนี้ตัวเปล่าเปลือยของผมชักจะหนาวขึ้นแล้ว



“ฮึก..”




ยังคงมีแรงอารมณ์อยู่บ้างเมื่อของของผมเสียดสีกับผ้าปูที่นอนสีขาวบริสุทธิ์ เลยหยาดหยดเอาน้ำสีขาวออกมาอีกนิด  มันก็หลั่งมาพร้อมน้ำหยดใสสีขาวของผมที่ออกมาจากปลายหางตา



“ทำไมวะ...” ผมร้องไห้




ไม่เข้าใจว่าทำไม หลี่อี้เฟิง ผู้นี้ถึงร้องไห้ ด้วยเหตุผลที่อธิบายเป็นประโยคได้ว่า ผมที่มีความคิดถึงมาก ๆ ส่งไปถึงใครคนหนึ่ง ผมเหงา..ในที่สุดก็ยอมรับตัวเอง ผมเหงาจริง ๆ ผมไม่เจอหยางหยางมานานเกินจนหัวใจผมเหนื่อยที่จะคิดถึงเขาแล้ว เขาคิดถึงผม ผมรู้ แต่ความคิดถึงเพียงแค่ปลายเสียงตามสายไม่ช่วยเติมเต็มความเหงาของผมหรอก



ก่อนหน้านี้ ผมทะเลาะกับหยางหยางด้วย



“ฉันอยากเจอนาย”
“ผมก็อยากเจอคุณ อี้เฟิง”
“แต่เราก็ไปเจอกันไม่ได้อยู่ดี อะไร ๆ ก็ยากไปหมด”
“เราต่างก็รู้กัน ผมคิดถึงคุณ แต่จะโยกตัวไปไหน ผมก็รังจะทำให้คุณลำบาก”
“ฉันลำบากไปกับนายได้หน่า!



ผมตะโกนใส่หยางหยางผ่านโทรศัพท์ ปลายสายดูอึ้งไปนิดหน่อยจากเสียงอุทานที่ไม่ตั้งใจ และเขาก็กลั้วหัวเราะออกมาเบา ๆ


“ผมเข้าใจคุณ แต่อยากให้คุณเข้าใจผมด้วย ผมไม่อยากให้คุณต้องมาลำบากกับผมอีกแล้ว..”

ผมรู้ดีว่าหยางหยางหมายถึงอะไร..เรื่องราวในอดีตยากจะลืมเลือน ..มันมากมาย ไม่ใช่ว่าผมจำไม่ได้ แต่ไม่ลืมเลยต่างหาก  ให้พูดจริง ๆ นั่นก็เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผมกลับมาคิดเรื่องราวของเขา


ไอ้ที่บอกว่ากลัวหยางหยางจะกลับไปเป็นอย่างเดิม..น่ะ เป็นเรื่องจริง แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่..ผมก็มั่นใจ แต่พี่สาวผู้จัดการไม่เคยเชื่อว่า ปีศาจจะเป็นเทวดาขึ้นมาภายในเวลาไม่เท่าไหร่


ปีศาจก็ยังเป็นปีศาจ เธอบอกผม
แต่เธอจะรู้มั้ย..ผมว่า เทวดาที่เธอสรรเสริญมาตลอดจากปากเธอเองอย่างผม จริง ๆ อาจจะร้ายกว่าหยางหยางก็ได้ จริง ๆ หยางหยางอาจจะเป็นเทวดาตัวจริง



เอาจริง ๆ ว่าผมเริ่มคิดแบบนี้ ตั้งแต่ผมมีความคิดอย่างหนึ่งผุดขึ้นมา ว่าผมรักหยางหยาง..จริงหรือ..? หรือแค่หวั่นไหวกับทุกอย่างที่เป็นหยางหยาง


“ฮึก..” ผมยังคงร้องไห้หลั่งน้ำตาแบบกลั้นเสียง พ้อมทั้งความรู้สึกที่สับสนทั้งเบื้องล่างยังไม่หมดความต้องการ


ผมรู้จักหยางหยาง หวั่นไหวกับความหล่อสะท้านหัวใจ งดงามราวเทพบุตร มาถึงเหตุการณ์บ้าบอทุกอย่างที่เกิดขึ้น ผมที่ถูกเขากระทำซ้ำ ๆ จนคุ้นชิน ยิ่งชินก็ยิ่งคิดถึงและต้องการเมื่อมองร่างกายของตัวเองที่ถูกสัมผัสไปแล้วโดยหยางหยางผู้นั้น จำได้ ผมจำได้ที่เคยบอกหยางหยางว่ารัก มันลึกซึ้งมาก จากใจผมเองเลย แต่คุณรู้มั้ยล่ะว่าผมสับสนแค่ไหน


บอกเขาว่าก้าวแรกที่จะเริ่มความรู้สึกรักก็หนักจะแย่ เป็นอย่างนั้นจริง ๆ หลังจากนั้น ผมก็รักเขา..นั่นคือที่ผมเข้าใจ



แต่ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์..และมาจนถึง...ตอนนี้ มันผ่านมานานนะ หลายวินาที หลายนาที หลายชั่วโมง หลายวัน จนเป็นเดือน เกือบจะครบปีแล้ว



“แม่งเอ๊ย” ผมไม่สนใจความรู้สึกที่เบื้องล่างแล้ว ผมสนใจความรู้สึกด้านบนแทน คือ สมองและหัวใจของผม มันไปด้วยกันไมได้เลย ผมอยากรักเขาจะตาย ผมร้องไห้เป็นพัน ๆ รอบ เพื่อร้องว่าอยากพบเขา แต่กลับพบและค้นใจตัวเองเจอ


ผมนึกถึงเขา แล้วมีอารมณ์สวาท หวั่นไหววูบโหวงและกังวลตลอดเวลา กลัวที่จะรักเขา หนักใจที่จะคิดถึง เริ่มเหนื่อยและท้อแล้ว เมื่อพูดถึงเขา ผมเริ่มเบื่อการบ่นซ้ำ ๆ ของพี่สาวผู้จัดการ คิดถึงอนาคตที่เปราะบางของความรักของเรา


พบแล้วว่ามันเป็นความเห็นแก่ตัวของผมเองทั้งสิ้น ผมคิดถึงหยางหยางก็จริงแต่ก็คิดถึงความเห็นแก่ตัวของตัวเองอย่างยิ่งยวด


ผมเสียดายเวลาที่หยางหยางให้มาและเสียเวลาไปนานมาก เพื่อพิสูจน์ความรัก


“ฮึก” ผมร้องไห้อยู่นาน ปวดตาแล้ว คงบวมเบ่งจนดูไม่




ความรักอะไรวะอี้เฟิง ที่ทำให้แกรู้สึกหวาดกลัวที่จะรักแบบนี้  เรียกความรักหรือ


โคตรแม่งสับสน ... ผมเลื่อนมือมาขยี้กลุ่มผมตัวเองจนยุ่ง แล้วก็เลื่อนลงมาตรงหน้าตบแก้มตัวเองหนัก ๆ ให้ตัวเองรู้สึกตัวซักที สติจงกลับ! ผมต้องรักหยางหยางสิ ไม่ใช่ความรู้สึกว่า หลี่อี้เฟิงไม่ได้รักหยางหยางจริงหรอก มันมารบกวนแบบนี้



จริง ๆ แล้ว ความรักมันคืออะไรวะ ? ผมถามตัวเอง


แล้วก็ร้องไห้อยู่นั่น ผมคิดถึงเขาแล้วจะมีความรู้สึกแค่ไม่กี่อย่าง ใจเต้น มีอารมณ์สวาทและร้องไห้ วนกันไป



จากที่ผมเคยบอกตัวเองว่า ผมอ่อนไหวมาก ก็คงเป็นแบบนี้ วันนี้ก็ยิ่งร้ายแรงกว่าเดิม ตอนนี้ผมต้องการกอดของใครซักคนแล้ว




หืม?!






ใครซักคน ? มันจะเป็นใครซักคนได้อย่างไร นายต้องคิดถึงหยางหยางสิ อี้เฟิง

ผมหยุดร้องไห้แล้ว.. ความสับสนก็ยังไม่จางหาย แต่กลับมาพร้อมคำถามใหม่



ผมขี้เหงา ผมอ่อนไหว
แต่ถ้าผมไม่ให้หยางหยางเติมเต็มความรู้สึกนี้ หากแต่เป็นคนอื่น
ผมยังคิดถึงเขามั้ย หยางหยางคนนั้น




คิดแล้วผมก็ร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบ .. รักกันมันจะมาวอกแวกแบบนี้ได้ไงวะ อี้เฟิง






ฟ้าเบื้องบนน่าจะเข้าใจผมบ้าง ว่า การอยู่ในที่สูงเพียงคนเดียว และคนที่เราบอกว่ารักและเขารักเรามันอยู่ไกล มันทำให้เหนื่อยที่จะคิดถึงแค่ไหน






น้ำตาผมเริ่มหลั่งออกมาอีกครั้ง อัดอั้นมากเหลือเกิน ..ร้องไห้ให้กับเรื่องเดิม ครั้งที่ 1001 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น