TITLE : Stay,Still ..Stand 'เราที่รักกัน'
Part :STAY
CHAPTER : 2
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : NC - 15
RATE : NC - 15
TELL : สับสนค่ะ คนที่ไม่เคยรักก็มักจะสับสน
แนะนำให้ฟังเพลงไปด้วยค่า
แนะนำให้ฟังเพลงไปด้วยค่า
STAY - Getsunova
******************************************************
“อี้เฟิง นี่มันใช่เวลาที่นายควรมานั่งดื่มเหล้ามั้ยเนี่ย”
ครับ..ผมถูกเธอดุเป็นประจำ พักหลัง ๆ ผมที่คิดมาก เข้าในหลาย ๆ เรื่อง
ทั้งเรื่องงานในวงการที่ผมต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไปในทางที่ดี
อยากไปให้ไกลมากกว่านี้ ทะเยอทะยานเข้าไว้
มีฝันไว้ว่าอยากเปิดอะไรซักอย่างเป็นของตัวเอง เป็นนายตัวเอง แต่ก็ยังได้แค่ฝัน
ตอนนี้ผมทำงานงก ๆ ซึ่งนั่นหมายความว่าผมแทบไมได้ไปไหนในรูปแบบส่วนตัวเลยซักครั้งแน่นอน
ซึ่งเพราะผมไม่มีเวลาว่าง ทั้งยังมีพวกแฟนคลับที่ตามแจ
ก็แค่บางกลุ่มแต่ผมไม่พอใจบ้างเป็นบางที ก็เลยต้องดุไปตามประสา
ผลจะออกมาว่าไงก็ช่างมัน
นั่นแค่หลายเรื่องที่รุมเร้าผม ยังไม่รวมประเด็นใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตผมไปครึ่งหัวใจ
“ถ้าจะกินเหล้าต่างอาบแบบนี้ก็ไสหัวไปนอนให้หายบ้าซะ
พรุ่งนี้จะตื่นมาทำงานไม่ได้”
พี่สาวผู้จัดการของผมเธอไม่ทนด่าผมแล้ว
ทีนี้เธอกระชากตัวผมที่ทำตัวน่าโมโหให้ลุกจากเก้าอี้ตัวประจำในคอนโดแห่งใหม่ของผม
มุมตรงนี้จะเป็นมุมที่ผมมักจะนั่งคนเดียวเวลาคิดอะไร
“แล้วก็เลิกละเมอถึงชื่อไอเด็กบ้านั่นด้วย ฉันฟังแล้วไม่ชอบใจ
ทำไมต้องให้เด็กนั่นมามีอิทธิพลกับนายขนาดนี้ อี้เฟิง เธอควรเข้มแข็งกว่านี้สิ...”
เธอเคยเห็นผมเข้มแข็งกว่านี้ ....ก่อนหน้าที่จะพบหยางหยาง
เด็กบ้านั่นของเธอเท่ากับหยางหยาง ...เธอด่าผม
แซะด่าหยางหยางจบเรื่องก็เดินตึงตังออกไปทำงาน
หารือเรื่องงานใหม่และโฆษณาตัวใหม่ของผมที่เข้ามา ผมไม่สนใจอะไรนั่นแล้ว
เลยทิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่มราคาแพงในห้อง มันไม่ทำให้ผมรู้สึกสบายอะไรขึ้นมาหรอก
หากหัวใจผมยังเจ็บปวดหนึบอยู่แบบนี้
มันวูบโหวงพิกล เพราะด้วยความคิดบ้า ๆ อย่างหนึ่ง
“เอาจริง ๆ นี่ฉันรักหยางหยางบ้างหรือเปล่า”
คำถามบ้า ๆ อีกคำถามหนึ่งเป็นหนึ่งในหลาย ๆ คำถามที่หลุดออกมาจากสมอง
เรื่องเกี่ยวกับหยางหยางในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ผมพบกับคน ๆ นี้
แน่นอนว่าผมกับเขามีสัมพันธ์ลึกซึ้งจนเขาเองบอกผมอย่างอาย ๆ ครั้งหนึ่งว่า
เขาจำได้แม้กระทั่งไฝบนตัวผมด้วยซ้ำ
จำได้เพราะเขาชอบฝากจูบไว้ตามตำแหน่งไฝดังที่เขาว่า คำตอบแบบนี้ทำให้ผมหน้าร้อนเล่น ๆ ได้เหมือนกัน
ผมด่าเขาแก้เขินไป
ใจเต้นไปกับเสียงที่แม้ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่ากรุ้มกริ่มที่สุดเท่าที่เคยฟัง
เขาทำให้ผมใจเต้น ไม่เป็นตัวเองตัวเอง
แต่หลังจากนั้นผมก็กลับมามีอารมณ์ปกติ ไม่คิดอะไรเช่นเดิม
ไม่คิดอะไรคืออะไร ? ซับซ้อนจัง แต่แค่ผมคิดถึงเพียงสัมผัสของหยางหยาง
จะว่าผมติดก็ว่าได้ เหมือนติดยาอะไรแบบนั้น เวลาเขาร้อนแรงในช่วงเวลาแบบนั้น
เขาเป็นหมาป่าร้ายที่ล่าเหยื่อ
การมีอะไรกับหยางหยางท่ามกลางควรดิบเถถื่อนตามสัญชาติญาณของเขา
ผมไม่ปฏิเสธเลยว่ามันดีเป็นบ้า แต่นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ผมคิดถึง
เมื่อพูดถภึงหยางหยาง
รู้มั้ย นั่นล่ะเป็น สิ่งที่ผมเพิ่งค้นพบและเจอตัวเองว่า
สำหรับผมแล้วหยางหยางคืออะไร
“แม่ง!”
ผมเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้
แม่ง..เสียเวลส
ผมทำให้หยางหยางเสียเวลา
ไม่ใช่ว่าผมเพิ่งคิดได้ แต่ผมคิดทบทวนมาซักพัก
ปฏิเสธอย่างแข็งขันกับตัวเองหนัก ๆ จนผมเริ่มคิดว่าตัวเองเป็นบ้าไปแล้ว
“เฮ้อ” การถอนหายใจหนึ่งในหลายครั้ง
เมื่อผมพบว่าผมเริ่มมีอารมณ์อย่างว่า
เมื่อคิดถึงใบหน้าหล่อเหล้าร้ายกาจยามเรามีสัมพันธ์สวาทร้อนแรงด้วยกัน
ใบหน้าหยางหยางเวลานั้นช่างตราตรึงใจผมจนลืมไม่ลง
ผมที่แม้ไม่อยากแต่ถ้าได้เห็นสีหน้าที่เว้าวอนของหยางหยาง เสียงทุ้มที่ร้องขอผม
สัมผัสจากมือหนานั้นที่ลากไล้เล้าโลมจนเกิดความรู้สึก นั่นล่ะ หลังจากนั้น
ผมไม่รอช้าที่จะสานต่อความรู้สึกนั้นกับหยางหยาง
“อา...หยางหยาง”
มือผมเริ่มซน มันไปตามอารมณ์ที่เริ่มพุ่งพล่านในตัว
คิดว่าหน้าผมคงเริ่มแดงขึ้นมาเพราะฤทธิ์เหล้า เอาจริง ๆ ก็คิดว่าผมผมหน่อย ๆ
แล้วล่ะ
แต่หลี่อี้เฟิงคนนี้ไม่ใช่คนเมาง่าย ๆ
แค่ดื่มต่างอาบยังไม่ทำให้ผมรู้สึกเมาหัวทิ่มได้ แค่พอมีอารมณ์ทำอะไรอย่างที่อยากทำแต่ในเวลาปกติจะไม่กล้าทำ
ก็อย่างเช่น ไอ้อย่างที่ผมทำอยู่ตอนนี้
มือที่ซุกซนของผม ลากไล้ไปตามเส้นทางที่หยางหยางเคยตีตราไว้ ไปช้า ๆ
ไม่ต้องรีบเร่ง ผมรู้ดีว่าเวลาไหนควรเริ่มทำอะไรแบบนี้
ทีมผู้จัดการของผมกลับบ้านไปพักผ่อนกันหมด ก่อนจะปล่อยผมไว้ที่คอนโดส่วนตัวให้เวลาความเป็นส่วนตัวผมหลังทำงานบ้างก่อนจะเจอกันใหม่
เวลานี้เป็นเวลาที่ผมควรอยู่กับตัวเอง
“ อื้อ..”
อารมณ์หวาบหวามที่พุ่งทยานตามแนวการลากไล้ของมือ
ผมถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออก มันเหม็นเหล้าอย่างที่พี่เขาว่า แต่ผมไม่สน โยนมันไปไกล
ๆ มือ ใช้มือนันที่ขว้างเสื้อมากระตุ้นอารมณืของตนเอง
ก่อนจะครางร้องออกมาด้วยเสียงของตัวเองที่หยางหยางบอกว่ามันหวานหนักหนา
ผมไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ หรือหยางหยางแค่อยากจะให้ผมรู้สึกดีใจ
“อ๊ะ..”
ตอนนี้มือที่ซุกซนของผมข้างหนึ่งเริ่มจัดการของส่วนตัวที่เริ่มชันขึ้นเพราะความต้องการ
มือของผมรู้งานดี ก็จัดการกับเครื่องแต่งกายที่ระเกะระกะของผมตอนนี้ออกมาให้พ้นไว
ๆ ก่อนจะพบว่าตัวเองเปลือยอยู่บนเตียงจนน่าอาย แต่ตอนนี้ผมอยู่คนเดียวจะไปอายอะไร
“ฮึก”
มือของผมกำรอบของส่วนตัวของตัวเองไว้ มันร้อนขึ่นนิดหน่อยหลังจากตื่นตัว
ผมไม่คิดเลยว่ากับการแค่คิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของหยางหยางจะทำให้ผมมีอารมณ์กับมันขนาดนี้
ยิ่งคิดมือก็ยิ่งรูดรั้งเร่งรัดให้ไปถึงจุดหมายปลายทางไว ๆ
แต่ก็ผมก็เข้าใจทรมาณตัวเอง ยั้งเฮือกสุดท้ายไว้
คิดถึงคำพูดที่เราเคยสนทนากันบนเตียงนุ่ม ๆ ยามเราทำเรื่องแบบนี้กัน
น่าอายแต่ก็ยังจำกลับมา คำหวานๆ เองก็เหมือนกัน ผมจำได้แทบทุกคำ ผมชอบมันนะ
และเอามันมาใช้ตอนนี้ด้วย
“อื้อ..อ๊ะ หยาง..หยางหยาง ฉัน..”
แต่ระหว่างที่ผมมีอะไรกับหยางหยาง คำว่า “รัก”
ที่หยางหยางพูดกับผมบ่อยเหลือเกิน ก็ไม่เคยหลุดออกมาให้เจ้าตัวเขาชื่นใจได้ดั่งใจ
ตอนนี้ผมที่แม้อยู่คนเดียวไม่มีหยางหยาให้อายให้เขินก็ยังไม่กล้าพูด
มันกระอักกระอ่วน
ผมจึงหงุดหงิดและอยากขจัดความหงุดหงิดแบบนี้ไปโดยเร่งให้จังหวะมือที่รูดรั้งอยู่ที่ปลายที่อ่อนนุ่มนั้นเพิ่มความหวาบหวามให้ตัวเอง
“อ๊ะ..อื้อ”
ผมเกือบจัดการตัวให้จบในม้วนเดียว
แต่มันยังไม่เติมเต็มให้กัยตัวเองเท่าที่ต้องการ เมื่อไม่มีหยางหยาง
ผมไม่เจอหยางหยางตัวเป็น ๆ มาเกือบปีแล้วเห็นจะได้ เจอกันในตอนนั้น
เขาฟัดผมอย่างกับหมาป่าบ้า ๆ ตัวหนึ่งที่หิวกระหาย เป็นรอยทั่วตัวจนผมไปทำงานไม่ได้ไปสองสามวัน
ต้องโกหกเอเจนซี่ต่าง ๆ ที่มีคิวงานด้วยว่าผมเป็นหวัดไข้นอนซมจนออกจากห้องไมได้
แต่พี่สาวผู้จัดการโทรไปด่าหยางหยางโวยลั่นห้องว่ทำให้ผมเสียงานเสียการ
ก้เพราะความตะกละตะกรามของหยางหยางนั่นล่ะ ผมชอบ..จะว่าผมเอ็มก็คงใช่
แค่เจ้าบ้านั่นชอบทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง
นี่ก็เป็นเรื่องที่ผมคิดมาก อีกส่วนหนึ่ง
“อื้มม”
มันยังไม่จบเพียงแค่นี้
มือผมข้างหนึ่งที่ไม่ได้อยู่กับของของตัวเองที่มีอารมณ์ถึงขีดสุด
ผมใช้มือข้างนั้นแทนของของหยางหยางที่ใหญ่คับเกินความจำเป็นแม้ความรู้สึกไม่เท่าแต่ก็ทดแทนได้’บ้าง’ แค่นั้น
ผมสอดนิ้วเข้าไปให้พอตัวเองทนได้ คิดถึงขนาดของหยางหยางเข้าไว้ ๆ และเริ่มขยับ
“อ๊ะ ๆ ..โอ๊ย..”
ไม่ทำอะไรแบบนี้มานานพักหนึ่งก็เริ่มไม่รู้งาน
ช่องทางที่ใช้ประจำเริ่มขาดประสิทธิภาพ ผมไม่มีเวลาและแรงมาทำเรื่องอย่างว่าเท่าไหร่หรอกกลับมาจากที่ทำงานก็หมดแรงตายไปแล้ว
เพราะคิวงานถ่ายใหม่บู๊ล้างผลาญ และแถมยังใช้พลังในการเข้าถึงบทแบบจริงจัง
กลับมาถึงห้อง ถึงเตียงก็ล้มพับ
แต่วันนี้เป็นวันพักผ่อน..เรื่องแบบนี้ในยามที่ผมอ่อนไหวก็เข้ามาในหัว...
“อ๊ะ.. ไม่..ไม่ไหว..หยาง...หยางหยาง..อื้ม..”
ผมร้องเรียกชื่อหยางหยางจนแทบไม่คำ ยิ่งขยับมือ
ยิ่งแรงขึ้นยิ่งลึกยิ่งเร่งก็ยิ่งเพิ่มความหวาม วูบโหวงในช่องท้อง มวลไปหมด
จนขึ้นถึงอารมณ์นั้นในที่สุด
ใบหน้าหล่อเหลาของหยางหยางปรากฏในจินตนาการแค่นั้นก็ช่วยผมไปถึงฝั่งฝันได้สมบูรณ์แบบจนผมต้องซุกตัวเองกับฟูกนุ่ม
ๆ ของเตียงหรูจากที่ตัวโก่งงอเพราะแรงอารมณ์เมื่อครู่ และเมื่อถึงฝั่งอย่างใจ
ก็หมดแรงไปเสียดื้อ ๆ
คราบขาวที่หลั่งไหลจากปลายยอด มันขุ่นและหยาดเหนียวนิดหน่อย
เพราะห่างหายจากการปลดปล่อยไปนาน ตอนนี้ตัวเปล่าเปลือยของผมชักจะหนาวขึ้นแล้ว
“ฮึก..”
ยังคงมีแรงอารมณ์อยู่บ้างเมื่อของของผมเสียดสีกับผ้าปูที่นอนสีขาวบริสุทธิ์
เลยหยาดหยดเอาน้ำสีขาวออกมาอีกนิด
มันก็หลั่งมาพร้อมน้ำหยดใสสีขาวของผมที่ออกมาจากปลายหางตา
“ทำไมวะ...” ผมร้องไห้
ไม่เข้าใจว่าทำไม หลี่อี้เฟิง ผู้นี้ถึงร้องไห้
ด้วยเหตุผลที่อธิบายเป็นประโยคได้ว่า ผมที่มีความคิดถึงมาก ๆ ส่งไปถึงใครคนหนึ่ง
ผมเหงา..ในที่สุดก็ยอมรับตัวเอง ผมเหงาจริง ๆ
ผมไม่เจอหยางหยางมานานเกินจนหัวใจผมเหนื่อยที่จะคิดถึงเขาแล้ว เขาคิดถึงผม ผมรู้
แต่ความคิดถึงเพียงแค่ปลายเสียงตามสายไม่ช่วยเติมเต็มความเหงาของผมหรอก
ก่อนหน้านี้ ผมทะเลาะกับหยางหยางด้วย
“ฉันอยากเจอนาย”
“ผมก็อยากเจอคุณ อี้เฟิง”
“แต่เราก็ไปเจอกันไม่ได้อยู่ดี อะไร ๆ ก็ยากไปหมด”
“เราต่างก็รู้กัน ผมคิดถึงคุณ แต่จะโยกตัวไปไหน
ผมก็รังจะทำให้คุณลำบาก”
“ฉันลำบากไปกับนายได้หน่า!”
ผมตะโกนใส่หยางหยางผ่านโทรศัพท์
ปลายสายดูอึ้งไปนิดหน่อยจากเสียงอุทานที่ไม่ตั้งใจ และเขาก็กลั้วหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ผมเข้าใจคุณ แต่อยากให้คุณเข้าใจผมด้วย
ผมไม่อยากให้คุณต้องมาลำบากกับผมอีกแล้ว..”
ผมรู้ดีว่าหยางหยางหมายถึงอะไร..เรื่องราวในอดีตยากจะลืมเลือน ..มันมากมาย
ไม่ใช่ว่าผมจำไม่ได้ แต่ไม่ลืมเลยต่างหาก
ให้พูดจริง ๆ
นั่นก็เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผมกลับมาคิดเรื่องราวของเขา
ไอ้ที่บอกว่ากลัวหยางหยางจะกลับไปเป็นอย่างเดิม..น่ะ เป็นเรื่องจริง
แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่..ผมก็มั่นใจ แต่พี่สาวผู้จัดการไม่เคยเชื่อว่า
ปีศาจจะเป็นเทวดาขึ้นมาภายในเวลาไม่เท่าไหร่
ปีศาจก็ยังเป็นปีศาจ เธอบอกผม
แต่เธอจะรู้มั้ย..ผมว่า เทวดาที่เธอสรรเสริญมาตลอดจากปากเธอเองอย่างผม
จริง ๆ อาจจะร้ายกว่าหยางหยางก็ได้ จริง ๆ หยางหยางอาจจะเป็นเทวดาตัวจริง
เอาจริง ๆ ว่าผมเริ่มคิดแบบนี้ ตั้งแต่ผมมีความคิดอย่างหนึ่งผุดขึ้นมา
ว่าผมรักหยางหยาง..จริงหรือ..? หรือแค่หวั่นไหวกับทุกอย่างที่เป็นหยางหยาง
“ฮึก..” ผมยังคงร้องไห้หลั่งน้ำตาแบบกลั้นเสียง
พ้อมทั้งความรู้สึกที่สับสนทั้งเบื้องล่างยังไม่หมดความต้องการ
ผมรู้จักหยางหยาง หวั่นไหวกับความหล่อสะท้านหัวใจ งดงามราวเทพบุตร
มาถึงเหตุการณ์บ้าบอทุกอย่างที่เกิดขึ้น ผมที่ถูกเขากระทำซ้ำ ๆ จนคุ้นชิน
ยิ่งชินก็ยิ่งคิดถึงและต้องการเมื่อมองร่างกายของตัวเองที่ถูกสัมผัสไปแล้วโดยหยางหยางผู้นั้น
จำได้ ผมจำได้ที่เคยบอกหยางหยางว่ารัก มันลึกซึ้งมาก จากใจผมเองเลย แต่คุณรู้มั้ยล่ะว่าผมสับสนแค่ไหน
บอกเขาว่าก้าวแรกที่จะเริ่มความรู้สึกรักก็หนักจะแย่
เป็นอย่างนั้นจริง ๆ หลังจากนั้น ผมก็รักเขา..นั่นคือที่ผมเข้าใจ
แต่ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์..และมาจนถึง...ตอนนี้ มันผ่านมานานนะ
หลายวินาที หลายนาที หลายชั่วโมง หลายวัน จนเป็นเดือน เกือบจะครบปีแล้ว
“แม่งเอ๊ย” ผมไม่สนใจความรู้สึกที่เบื้องล่างแล้ว
ผมสนใจความรู้สึกด้านบนแทน คือ สมองและหัวใจของผม มันไปด้วยกันไมได้เลย
ผมอยากรักเขาจะตาย ผมร้องไห้เป็นพัน ๆ รอบ เพื่อร้องว่าอยากพบเขา
แต่กลับพบและค้นใจตัวเองเจอ
ผมนึกถึงเขา แล้วมีอารมณ์สวาท หวั่นไหววูบโหวงและกังวลตลอดเวลา
กลัวที่จะรักเขา หนักใจที่จะคิดถึง เริ่มเหนื่อยและท้อแล้ว เมื่อพูดถึงเขา
ผมเริ่มเบื่อการบ่นซ้ำ ๆ ของพี่สาวผู้จัดการ
คิดถึงอนาคตที่เปราะบางของความรักของเรา
พบแล้วว่ามันเป็นความเห็นแก่ตัวของผมเองทั้งสิ้น ผมคิดถึงหยางหยางก็จริงแต่ก็คิดถึงความเห็นแก่ตัวของตัวเองอย่างยิ่งยวด
ผมเสียดายเวลาที่หยางหยางให้มาและเสียเวลาไปนานมาก
เพื่อพิสูจน์ความรัก
“ฮึก” ผมร้องไห้อยู่นาน ปวดตาแล้ว คงบวมเบ่งจนดูไม่
ความรักอะไรวะอี้เฟิง ที่ทำให้แกรู้สึกหวาดกลัวที่จะรักแบบนี้ เรียกความรักหรือ
โคตรแม่งสับสน ... ผมเลื่อนมือมาขยี้กลุ่มผมตัวเองจนยุ่ง
แล้วก็เลื่อนลงมาตรงหน้าตบแก้มตัวเองหนัก ๆ ให้ตัวเองรู้สึกตัวซักที สติจงกลับ!
ผมต้องรักหยางหยางสิ ไม่ใช่ความรู้สึกว่า ‘หลี่อี้เฟิงไม่ได้รักหยางหยางจริงหรอก’
มันมารบกวนแบบนี้
จริง ๆ แล้ว ความรักมันคืออะไรวะ ? ผมถามตัวเอง
แล้วก็ร้องไห้อยู่นั่น ผมคิดถึงเขาแล้วจะมีความรู้สึกแค่ไม่กี่อย่าง
ใจเต้น มีอารมณ์สวาทและร้องไห้ วนกันไป
จากที่ผมเคยบอกตัวเองว่า ผมอ่อนไหวมาก ก็คงเป็นแบบนี้
วันนี้ก็ยิ่งร้ายแรงกว่าเดิม ตอนนี้ผมต้องการกอดของใครซักคนแล้ว
หืม?!
ใครซักคน ? มันจะเป็นใครซักคนได้อย่างไร นายต้องคิดถึงหยางหยางสิ
อี้เฟิง
ผมหยุดร้องไห้แล้ว.. ความสับสนก็ยังไม่จางหาย แต่กลับมาพร้อมคำถามใหม่
ผมขี้เหงา ผมอ่อนไหว
แต่ถ้าผมไม่ให้หยางหยางเติมเต็มความรู้สึกนี้ หากแต่เป็นคนอื่น
ผมยังคิดถึงเขามั้ย หยางหยางคนนั้น
คิดแล้วผมก็ร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบ .. รักกันมันจะมาวอกแวกแบบนี้ได้ไงวะ
อี้เฟิง
ฟ้าเบื้องบนน่าจะเข้าใจผมบ้าง ว่า การอยู่ในที่สูงเพียงคนเดียว
และคนที่เราบอกว่ารักและเขารักเรามันอยู่ไกล มันทำให้เหนื่อยที่จะคิดถึงแค่ไหน
น้ำตาผมเริ่มหลั่งออกมาอีกครั้ง อัดอั้นมากเหลือเกิน ..ร้องไห้ให้กับเรื่องเดิม ครั้งที่ 1001
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น