วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

[FIC] Stay,Still ..Stand : Stay Part 1 #หยางเฟิง




TITLE : Stay,Still ..Stand 'เราที่รักกัน'
Part :STAY
CHAPTER :  1 
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG  
TELL : หากอ่านดิสแมนมาแล้ว ก็จอยอันนี้ต่อได้ หรือถ้าไม่เคย ก็อ่านได้นะ


เพลงที่อยากให้ฟังตอนอ่าน 
STAY - getsunova



**********************************************************************************************************



“แค่นี้นะ”



เรารักกันจริงหรือเปล่า ? หรือเราไม่เคยรักกันมาตั้งแต่แรกแล้ว




คิดบ้าอะไรอยู่



“อืม”


จะว่าไป...


ผมยังจำได้ว่าหยางหยางเคยมาขอร้อง ขอความรัก ขอให้ผมกับเขาได้สัมผัสกันอีกครั้ง เขาเคาะประตูจนมือห้อเลือดกับเป็นแผล  ในใจของผมยอมแพ้เขาอย่างหมดหัวใจ แค่ได้ยินเสียงขอร้องของหยางหยางอย่างเหน็ดเหนื่อย เขาหายใจอยู่ท่ามกลางห้วงอากาศที่เดียวกัน เขาที่แค่ผมเปิดประตูออกไปก็จะได้เห็นหน้ากัน


นั่นล่ะ ความรักของเรา




ผมรักเขา นี่คือคำที่ผมเคยบอกเขา


แต่เชื่อไหมว่า ผมกลับมาถามตัวเอง หลังจากเรื่องราวทั้งหมดมันคลี่คลายไปแล้ว

ที่จริงมันควรจะเป็นวันฟ้าใสของเราทั้งคู่ ทั้งผม หลี่อี้เฟิง และหยางหยาง เพราะในเมื่อเราผ่านเรื่องราวมากมาย ทำร้ายกันมาก็เยอะ หรือแม้มอบความอบอุ่นให้กันก็ไม่น้อย จะทางกายหรือผ่านแค่เสียงแค่ข้อความ


ทั้งหมดนั้นเป็นความรัก ที่ผมกับหยางหยางแสดงออกได้ แต่ถ้าจะมากกว่านี้ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะแสดงออกมายังไง



เมื่อครู่ ผมวางสายจากหยางหยางมา ตั้งแต่เรามีความสัมพันธ์คืบหน้าไปมาก ความรู้สึกของเราทั้งคู่ต่อกันและกัน มีมาก กลายเป็นสิ่งที่เราเรียกกันว่าความรัก


อืม... ความรักงั้นหรือ


เราสองคนคบกันหลังจากที่ผ่านอะไร ๆ อย่างที่บอกมา แต่ไม่รู้สิ ทำไมผมรู้สึกว่ามันยัง...


ผมยังคงต้องการอะไรบางอย่าง อย่างนั้นหรือ ? ผมต้องการอะไรอีก ในเมื่อผมได้รักกับหยางหยางแล้ว


เราถือว่าเป็นคนรักกันแล้วนะ เพราะหยางหยางบอกรักผมบ่อยจนเลี่ยนหู ผมเองก็มีโอกาสได้พูดคำว่ารักกับหยางหยางบ้างเป็นบางครั้ง หากเป็นโอกาสสำคัญ



แล้วความรู้สึกนี้มันอะไรกัน


ผมไม่เข้าใจ ผมโง่ เมื่อตอนนี้ตีความความรู้สึกตัวเองไม่ถูก



จากบทสนทนาที่ผมคุยกับหยางหยาง


ผมไม่แน่ใจ ...

แน่นอนเราทั้งสองคนยังคงถูกจับแยกกันอย่างเป็นทางการ เป็นคู่ น้ำกับไฟ ในวงการบันเทิงแผ่นดินใหญ่อย่างที่เป็นมาตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ผมกับหยางหยาง ไม่เคยออกรายการด้วยกัน ไม่เคยมีงานร่วมกัน แม้จะถ่ายแมกกาซีนคู่กันซักสองสามหน้า สัมภาษณ์ด้วยกันหรือ ไม่มีทางเลย ขนาดโฆษณาที่ได้เข้าร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ด้วยกันก็ยังจำต้องแยกกองถ่ายกันอย่างช่วยไม่ได้


เคยบอกกกับตัวเองว่า แค่นี้ก็พอแล้วไม่ใช่หรือ ได้เป็นคนรักแล้วนี่ บอกว่าเราเป็นคนรักกันแล้วนะ แค่มองเห็นกันได้ในจุดที่ตัวเองยืน มองเห็นว่าอีกคนมีความสุขจากความรักของกันและกัน  คนรอบข้างน่ะหรือ? ก็ช่างมัน แค่นี้ผมคิดว่ามันคงพอแล้วสำหรับความรักของเรา


แต่หลี่อี้เฟิงคนนี้กลายเป็นคนละโมบเป็นแล้วล่ะ




ผมยังต้องการอะไรมากกว่า อะไรที่มากกว่าความรู้สึกที่เรามอบให้กัน มากกว่าเสียงที่เราส่งถึงกันผ่านเครื่องมือเทคโนโลยีพวกนี้



อะไรที่ผมให้ผมกลายเป็นคนแบบนี้ ?
อาจจะเป็นเพราะงาน เพราะความเหน็ดเหนื่อยจากสังคมที่อยู่
หรือเพราะผมไม่ไว้ใจหยางหยางกันแน่


“เห้อ อะไรที่ทำให้ฉันเป็นบ้าแบบนี้วะ หลี่อี้เฟิง แกต้องเข้มแข็งกว่านี้”



ผมพูดกับตัวเองแบบนี้ซักร้อยรอบได้ ผมเป็นคนรักของหยางหยาง อันนี้ผมรู้อยู่แก่ใจและหยางหยางก็เตือนความจำผมอยู่บ่อย



แต่ผมไม่เคยพอกับคำพูดพวกนั้น ให้ตายสิ!


“อี้เฟิง อีกสามสิบนาที ฉันจะมาตามเธอไปนะ อย่ามัวแต่คุยกับไอ้เด็กนั่นจนลืมเวลาท่องบท “  พี่สาวผู้จัดการที่รักคนเดิมคนเก่าของผมร้องบอกมา และเหมือนเดิม เขาไม่ชอบหยางหยางอย่างไร ก็ไม่ชอบอย่างนั้น



อืม....อาจจะเป็นเพราะสังคมรอบข้างด้วย... เพราะความรักของเรา ไม่เป็นที่รักสำหรับคนรอบข้าง ผมที่คิดว่า รักกัน ก็รักกันแค่สอง แต่ตอนนี้เพราะผมเป็นผู้ใหญ่ และคงเป็นผู้ใหญ่ที่ติสต์ เพราะส่วนตัวผมก็เนิร์ดเป็นสไตล์ ไม่เป็นดาราไอดอลก็คงนั่งเนิร์ดติดเกมส์ ติดห้องไม่ออกไปไหน นอกจากทำงาน ผมที่เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงมาก ในตอนนี้ผมกลายเป็นคนของสังคม โลกส่วนตัวของตนหายากขึ้น และที่สุด หยางหยางมาแบ่งโลกของผมไปด้วยอีกครึ่ง



อา..หลี่อี้เฟิง แกชักเห็นตัวมาไปแล้ว



ผมคิดถึงหยางหยางนะ คิดถึงทุกวัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากคิดถึง มากที่สุดคงโทรหาและบอกรักด้วยคำพูดและเสียงหวาน ๆ อ้อน ๆ ผมเคยทำแบบนั้นให้เขาสองสามครั้ง แม้ไม่ใช่วิสัย แค่นั้นก็จบการสนทนา



ความรู้สึกของหลี่อี้เฟิงตอนนี้ สับสน ความรู้สึกมันเรียงกันไม่เป็นระเบียบ จัดการความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลย ผมไม่รู้ว่าควรทำยังไง ช่วงนี้ทำเหนื่อยมาก งานหนักมาก บ่นไปก็เท่านั้นล่ะ เพราะก็ต้องทำอยู่ดี กลับห้องก็ต้องเช็คเรตติ้ง โปรโมตงาน จะโพสถึงหยางหยางหรือ ? อย่าคิดเลย ผมเคยพยายามจะทำอยู่หลายที แต่ไม่ได้หรอก เดี๋ยวจะพาลกันตายทั้งคู่เปล่า ๆ เพราะเราก็ต่างคนต่างก็จำเป็นต้องใช้ชื่อเสียงทำงานทำมาหากิน เหน็ดเหนื่อยมากแล้วจริง ๆ จบที่เตียงก็นอนแบบไม่ต้องปรือตาเล่นโทรศัพท์ต่อ แต่ก็แข็งใจกดโทรหา บอกหยางหยางสองสามนาทีว่าวันนี้ทำอะไร ก่อนตายและฟื้นมาใหม่บนเตียงในเช้าวันรุ่งขึ้น



เล่าจบแล้ว วันหนึ่ง ๆ ของผมเป็นแบบนี้ล่ะ หยางหยางก็เล่าว่า เขาเองก็เป็นประมาณนี้ และก็พากันขำ เมื่อพบว่าเราก็ต่างไม่มีเวลาว่างมาพบกันเลยแม้แต่เสี้ยว  อืม... ช่างเป็นการคบกันที่ลำบากในรูปแบบหนึ่ง



เราเป็นแบบนี้ เราจะไปกันได้มั้ย เราจะไปกันได้อีกนานหรือเปล่า




เมื่อก่อนไม่คิดถามตัวเองแบบนี้เลย จนพี่สาวที่รัก ผู้จัดการใหญ่ของผมถามขึ้น และผมก็เก็บมาคิด




เธอทิ้งประโยคเด็ดไว้ด้วย ผมวนประโยคนั้นในหัวจนหลอน


“สุดท้ายพวกนายสองคนก็ต้องแยกย้ายกันไปแต่งงาน มีลูก มีครอบครัว รักกันแบบนี้ก็รังแต่เจ็บ”




จิ๊ดใจผมจริง ๆ แต่ทำอย่างไรได้ล่ะ ผมกับหยางหยาง ก็คบกัน เราบอกรักกันแล้ว เรารักกันนะ ผมเถียงเธอในใจ

“สุดท้ายพวกนายสองคนก็ต้องแยกย้ายกันไปแต่งงาน มีลูก มีครอบครัว รักกันแบบนี้ก็รังแต่เจ็บ”

เห็นมั้ย ประโยคนี้หลอนผมอีกแล้วล่ะ ผมควรทำอย่างไรดี






“อืม..”


ตอนนี้ใกล้จะหมดเวลาพัก เหลือประมาณ 15 นาที หลังจากถ่ายทำซีนนี้ ก็หมดเวลางานวันนี้ เหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด หาเงินแบบนี้ถึงจะได้มาทีละเยอะ ๆ แต่เหนื่อยไม่เบาเลยกับการเป็นคนบันเทิง ปั้นหน้า ปั้นตา ปั้นความรู้สึก ปั้นแต่งทุกอย่างใส่หน้ากาก เป็นตัวเองได้ ก็หลังจากเข้านอน

“หืม?”

แต่มีสายเข้าจากหยางหยางอีกครั้ง ก็อาจจะเพราะเขาว่าง เลยโทรมาทุกครั้ง เขาบอกว่า ถ้าว่างมากกว่า 10 นาที เขาจะโทรมา ให้รับสายด้วย หากผมว่างเหมือนกัน


ก็ช่างมันเหอะ... ทำไมจู่ ๆ ผมก็ไม่อยากรับโทรศัพท์จากเขา ก็... ไม่รู้สิ เราคุยกันมาสี่รอบของวันแล้ว รอบที่ห้าไว้ก่อนนอนแล้วกัน



อืม...




ผมว่า ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปนิดหน่อยแล้วล่ะ



อ่อนไหวกว่าทุกครั้ง แต่ไม่ได้เพิ่งจะมาเป็น...มันเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้ ผมไม่สามารถข่มความเปลี่ยนแปลงในตัวเองได้แล้ว



ต้องให้เวลามันเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความเปลี่ยนแปลงนี้ในตัวผม จะทำให้ดอกไม้ที่หยางหยางปลูกไว้ในใจผมผลิบานเช่นเดิม หรือ จะเฉาตายไปเสีย



สายเข้าจากหยางหยางอีกครั้ง หลังจากหลุดไปเมื่อผมไม่รับสาย...



เมื่อจอสว่างวาบ ก็ฉายภาพคู่ของผมกับหยางหยางที่แอบถ่ายด้วยกันแบบรู้กันแค่สองคน ในช่วงที่เราเคยร่วมงานปลายปีที่ผ่านมา งานล่าสุดของเราที่กลัวจะเป็นงานสุดท้ายเหลือเกิน เพราะงานนั้นความรู้สึกของผมกับหยางหยางฉายหราอยู่บนจอช่องดังคับประเทศ ใครสังเกตกันหน่อยก็รู้ว่าผมกับหยางหยางนั้นพิเศษต่อกัน



เห็นรูปนี้บนจอก็เป็นร้อยครึ่ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เมื่อเห็นรูปนี้ ผมรู้สึกวูบโหวงในใจพิลึก อยากเปลี่ยนชะมัด




ผมไม่รับสายเขาอีกครั้ง และแสงจากจอโทรศัพท์ก็ดับลง เมื่อสายหยางหยางหลุดไป




ผมจ้องโทรศัพท์อยู่นานเป็นนาที จนพี่สาวผู้จัดการตะโกนเรียกให้ผมไปเข้ากองถ่ายงานต่อได้แล้ว 
มือผมเคลื่อนไปหยิบโทรศัพท์ และกดที่ปุ่มล่างแช่ไว้ และโทรศัพท์ก็ปิดเครื่องไป ...
วันนี้เป็นวันแรกที่ผมรู้สึกตัวเองว่า 


ผมอ่อนไหวมากจริง ๆ




บ้าชิบ




“หลี่อี้เฟิงเอ๊ย”









***TBC  Stay,Still ..Stand : Stay Part 2 ****** 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น