TITLE : คุณในนั้น-- You're in
Chapter : 6
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG
TELL : มาเเล้ว~~~
************************************************************************************************************************
“คุณ..หลี่อี้เฟิง!”
“เจ้าจะตะโกนทำไมกัน!”
หยางหยางเรียกอีกคนที่อยู่บนบก ตรงริบน้ำเสียงดัง
แต่เจ้าตัวตกใจเสียเหมือนกลัวราวกบัว่าใครจะได้ยินเสียง
สายตาคมกริบลองหมุนตัวสังเกตไปรอบตัว
เหมือนเดิม ..แต่เปลี่ยนไป
ทุกอย่างอยู่ในสภาพเดิม แต่หยางหยางรู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ที่เขาเคยอยู่
ทุกอย่างอยู่ที่เดิม บ่อน้ำนี่ก็คือบ่อที่เขาตกลงไป
แต่บรรยากาศที่เปลี่ยนไป
และบางอย่างที่เขารู้จากจิตใต้สำนึกว่ามันไม่ใช่
ยิ่งคนตรงหน้า! ยิ่งไม่ใช่กันเข้าไปใหญ่
“คุณ..หลีอี้เฟิง จริง ๆ น่ะหรือ ?”. หยางหยางเอ่ยเสียงเบา ราวกับว่า
ถ้ายิ่งดัง คนตรงหน้าจะสลายไปเพราะตกใจเสียงทุ้ม
แต่เจ้าของหน้าตาน่ารักในชุดจีนโบราณตีหน้าขึงขังถือขลุ่ยด้ามสวยพร้อมหยกปลายขลุ่ยยชี้มาตรงหน้าคนรูปหล่อในบ่อน้ำ
“ก็ข้าน่ะสิ จะใคร แล้วเจ้าน่ะเป็นใคร ทำไมมาตกน้ำอยู่ในบ่อน้ำบ้านข้า
ขโมยรึ!?” อี้เฟิงพูดเสียงเบาลงอีกหนึ่งระดับเหมือนให้ได้ยินกันสองคน
แววตาสู้คนแต่ตัดผ่านด้วยความกังวลและกลัว...หยางหยางมองเห็นว่าคนตรงหน้ามีความกลัวต่อเขา
ตอนนี้หยางหยางงงไปหมด นี่มันอะไรกัน แล้วทำไมคุณในนั้น
คุณที่หยางหยางเฝ้าฝันอยากเจอที่อยู่ในรูปกลายเป็นตัวจริที่เขาสามารถสัมผัสได้
“เห้ย ๆ .. เจ้าน่ะ..กะ..ใกล้ข้าไปแล้ว” ไม่รู้ตัวเลย...ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หยางหยางปืนข้ามขอบบ่อมาถึงตัวของอี้เฟิง ใช้เวลาไม่นานแต่เขาไม่รู้ตัวว่าเขาเข้าใกล้อี้เฟิงได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อี้เฟิงไมได้ถอยห่างไปไกล ทั้งกลัวทั้งสงสัย ชยัชนะแห่ความสงสัยมีมากกว่านัก อี้เฟิงรอว่าคนแปลกตรงหน้าจะทำอะไรเขา หยางหยางที่รู้ตัวแล้วว่าตนเข้าใกล้ร่างสวยงามตรงหน้ามากเกินไปแล้ว พอรับรู้ถึงระยะ จึงหยุด
ใกล้ระยะไหน วัดกันได้แค่ปลายขลุ่ยที่ชี้มาตรงสันจมูกหยางหยาง
หากขยับเข้าไปอีกซักคืบ ก็คงโดนปลายขลุ่ยฟาดสันสวย ๆ นี่เข้าให้
เขาปีนขึ้นมาจากบ่อ มันไม่ได้สูงมากขนาดเกินความพยายาม
ดวงตาคาสวยที่เต็มไปด้วยความทึ่งปนตกใจ จดจ้องเขาไม่วางตาและหยางหยางมั่นใจว่าดวงตาของเขาเองก็สะกดเจ้าตัวเจ้าของดวงตาคู่สวยนั้นอยู่หมัดเช่นกัน
เพราะไม่เช่นนั้นก็คงรู้ตัว ยามที่เขาเข้าไปใกล้ขนาดนี้
“ผมแค่อยากมองหน้าคุณให้ชัด..คุณ...จริง ๆ ด้วย “
หยางหยางพูดเหมือนล่องลอยในฝัน
ในที่สุดเขาก็ได้มองใบหน้าหวานที่เฝ้าคิดถึงได้ซักที แต่ตอนนี้เขาอยู่ไหนน่ะหรือ ?
ในฝัน หรือจมน้ำตายไปแล้ว ...
“ในเมืองนี้ มีคนประหลาดแบบเจ้า..ดะ..ด้วยหรือไง “ อี้เฟิงพูดโพล่งขึ้นมา
เมื่อสายตาคมกริบจับจ้องไม่ขาด ยิ่งมองจ้งมา ยิ่งทำให้หน้าขึ้นสี
รู้สึกขวยเขินขึ้นมาเสียอย่างนั้น
อี้เฟิงสังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้ว
เขาที่นั่งเป่าขลุ่ยทอดอารมณ์เบื่ออยู่ริมบ่อน้ำบ้านตัวเอง อยู่ ๆ
ก็มีบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น
ราวกับเทพบุตร... อี้เฟิงให้นิยามเมื่อครั้งแรกที่ได้พบหยางหยาง
มันแปลก ที่จู่ ๆจะมีคน ๆ หนึ่งโผล่ขึ้นมาจากน้ำ บ้าเสียจริง อี้เฟิงขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีก
นึกว่าเขาคงง่วงจนละเมอไปแล้ว จึงเห็นคนโผล่มาจากใต้น้ำ แต่ไม่ใช่ คนจริง ๆ
เป็นมนุษย์หรือเทพบุตรก็ไม่รู้แน่ได้ แค่รับทราบได้จากสายตาของเขาเองว่า
รูปร่างตรงหน้านี้ช่างน่ามอง ใบหน้าที่ราวกับรูปสลักสวรรค์ ความหล่อเหลาหาใครเทียบ
ดวงตาดำขลับนิ่ง คมกริบดุจกระบี่กระบี่เชือดเฉือนใจ รูปร่างที่ดี เป็นสัดส่วนทองคำ
มองจนครบก็รู้ได้ว่าดูแลรุปร่างของตนมาเป็นอย่างดี
ความแข็งแรงนี้ไม่ใช่เรื่องโป้ปด
ยามที่สายตาของชายหนุ่มตรงหน้าอี้เฟิงจับจ้องมาทางเขา ก็เหมือนโลกเปลี่ยนไป
ชายนหุ่มตรงหน้าตาหวานใส่อี้เฟิงเหลือเกินจนต้องเบือนหน้าหนี พอหันกลับไป
เพราะความอยากรู้ ก็ยังคงมองอยู่ไม่วางตา และในที่สุดความอยากรู้ของอี้เฟิงก็ขนะ
ก็สู้สายตาชายหนุ่มตรงหน้านี้เสียเลย
อีกฝ่ายเองก็กำลังขยับเข้ามาใกล้อี้เฟิงแล้วเช่นกัน
ระยะเราของเราใกล้กันมากจนอี้เฟิงหายใจติดขัด
เขาขึ้นมาจากน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
เพราะสายตาของอี้เฟิงโดนสะกดไว้กับใบหน้าหล่อเหลาดั่งรูปสลักนั้น
จนไม่สังเกตเลยว่าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้เพียงใด
และเมื่อเข้ามาใกล้ได้ก็พร่ำกับเขาว่าได้พบซักที
“พบคุณแล้ว คุณในนั้นของผม”
เสียงทุ้มชวนฝันพูดดังนั้น ..และไม่นานนัก
ชายผู้นั้นที่มากับผิดแปลพิสดาร ก็รุกเข้ามาใกล้ขึ้น
และใกล้มากจนได้ยินเสียงหายใจ ไม่ทันไรก็จู่โจมจนใกล้เสียขนาดนี้
ได้ซักครู่ก็สบตากัน
หลังจากนั้นไม่นานนัก.....
และชายหนุ่มแปลกหน้าผู้นี้ก็ได้ขโมยจูบแรกของหลี่อี้เฟิงไปแล้ว
*** คุ ณ ใ น
นั้ น ***
“นั่งตรงนั้นเลย!” เสียงหวานเอ่ยสั่งไม่ให้ร่างชองชายหนุ่มแปลหน้าขยับออกจากพื้นที่ที่สั่งได้
อี้เฟิงยังหน้าแดงไม่ตกสี ทั้งพวงแก้ม
ทั้งใบหู ลามไปจนถึงจมูกได้รูปสวย แดงเป็นลูกตะลึงดูน่ารักน่าชัง
จนหยางหยางมองไม่วางตา อี้เฟิงคนน่ารักคาดโทษให้แล้ว
“เจ้านี่มันบ้า”
“คุณน่ารัก”
“ยังจะมาพูด!”
“ก็คุณน่ารักจริง
ๆ “
“ข้าไม่ชอบให้พูดกับข้าแบบนั้น”
“คุณน่ารัก”
อี้เฟิงแทบจะเขวี้ยงขลุ่ยใส่จมูกโด่ง
ๆ นั่น ถ้าไม่ติดว่าเป็นของหวงของตน หลังจากจูบกัน เพียงริมฝีปากสัมผัส
คล้ายกับว่าหยางหยางอยากรู้ว่า คนตรงหน้าเป็นความจริงหรือแค่ฝัน
ได้ได้รับรู้แล้วจึงละจูบออกมา และยิ้มพราวให้จนอี้เฟิงตาลายไปหมด และไม่นาน
ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกของคนรับใช้ภายในบ้าน ก็คงเพราะเสียงของเขาที่ตกใจโวยวายไปก่อนหน้า
และเหมือนอี้เฟิงคุยกับใครอยู่ ในเรือนนี้ นอกจากอี้เฟิงก็ไม่มีใครแล้ว
จะมีก็แต่เรือนหลังใหญ่ถัดไปอีกไกล คนรับใช้จึงคิดห่วงเข้ามาดูเจ้านายอย่างอี้เฟิง
อี้เฟิงจึงต้องพาชายแปลหน้าหลบฉากเข้าห้องปิดประตูลงกลอน และเมื่อคนรับใช้ตะโกนเข้ามาไถ่ถามก็เพียงแต่บอกไปว่า
ไม่มีอะไร ข้าละเมอ ข้าจะนอน และดับเปลวไฟปลายเทียน
ทีนี้ก็เหลือเพียงแค่เขาและชายหนุ่มแปลกหน้าแล้ว
..
..
“คุณ...เอ่อ ...” ชายหนุ่มรูปสลักสวรรค์เอ่ยพูดกับอี้เฟิง
ดวงตากลมโตชายตาไปมองดู แม้คาดทาไว้อยู่เต็มหน้าผากเขา
แต่ก็อยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไร
“ผม..เอ่อ ..หนาวน่ะ มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนหน่อยมั้ย”
ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มออก..ลอบขำคน ๆ นั้น หนาวก็เป็นด้วย
คนประหลาดก็หนาวเป็น
ใบหน้าชายหนุ่มตรงหน้า
อี้เฟิงเห็นไม่ถนัดนัก เพราะมีเพียงแค่แสงจันทร์จากท้องฟ้ายามค่ำคืนส่องมา
แต่รับรู้ได้ว่าแววตาคมกริบยังมองมาไม่เลิก
อี้เฟิงเดินไปหยิบเสื้อผ้าของตนที่ชั้นวาง
เมื่อครบชิ้นก็คลำทางไปถึงตัวชายแปลกหน้า ส่งให้เขาไป แต่ยังระวัง กลัวจะโดนทำอะไรอีก
จึงไม่เข้าไปใกล้มากนัก
“ผมไม่จูบคุณแล้วหน่า”
“ฮึ!”
แม้อี้เฟิงจะแปลกใจกับคำพูดบางคำ และสรรพนามไม่คุ้นหู
แต่แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่เข้าใจที่ชายแปลกหน้าพูดทุกคำ
“ข้าถามได้ไหม
? เจ้ามาจากไหน?”
“ผมเองก็ยังไม่รู้เลย
ว่าตอนนี้ ผมอยู่ที่ไหน”
“เรือนบ้านหลี่
ใจกลางเมืองค้าแห่งจีนแผ่นดินใหญ่”
“แต่ทำไมผม..รู้สึกว่ามันเหมือนไม่ใช่”
“ทำไมจะไม่ใช่”
“มันพูดยาก”
หลังเอ่ยจบ ทิ้งปริศนาให้คนน่ารักงง หยางหยางมองไปรอบตัว
หาจุดที่มีแสง อยากรู้ว่าจริง ๆ แล้วเขาอยู่ที่ไหน และกำลังทำบ้าอะไรอยู่กันแน่
แม้ตอนนี้เขาจะพอเข้าใจสถานการณ์ ปะติดปะต่อได้ แต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่ออยู่ดี
ว่าเขาข้ามเวลาจากปัจจุบันมาสู่อดีตแล้ว
และมาพบกับหลี่อี้เฟิงตัวจริง
นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เขาอยู่เดิม
เหมือนเวลามันเปลียนไป ..
ชายหนุ่มที่ได้รับเสื้อผ้ามาแล้ว จึงถอดเปลี่ยนเสียตรงนั้น ชุดเดิม
กางเกงสแลช เสื้อเชิ้ตเรียบหรูที่ใส่มา เขาถอดทิ้งวางไว้ตรงเก้าอี้ตัวข้าง ๆ
อี้เฟิงรีบหันหน้าหนีไปทางอื่น เหมือนไม่ชินที่มีคนเปลี่ยนผ้า ถอดกันตรงหน้า
ริมฝีปากเรียวยิ้มเหยียดออกมา หยางหยางนึกอยากแกล้งนัก
“คุณอี้เฟิง”
“อะ..อือ”
หยางหยางรู้สึกขอบคุณที่อี้เฟิงดับเทียน ทำให้แสงเหลือแค่เพียงความสลัวจากจันทร์สวย
และทำให้เขารู้สึกไม่กระดากตอนถอดกางเกงเปลี่ยนเป็นผ้าเบาสบายแบบชุดโบราณ
เหลือก็เพียงเสื้อท่อนบนที่หยางหยางไม่ยอมใส่มันซักที
“คุณอี้เฟิง”
“ใส่เสื้อก่อนสิเจ้าน่ะ!”
“ตอนนี้ผมก็เริ่มไม่หนาวเท่าไหร่แล้ว”
“เออ !.. แต่เจ้าก็ควร..ปะ..ไปใส่เสื้อ!”
ออกปากไล่ขนาดนี้ หลบหน้า ตัวสั่นขนาดนี้ หยางหยางจึงไม่แกล้งแล้ว
ถ้าแสงพอ เขาคงเห็นแก้มน่ารักขึ้นสีอีกเป็นแน่ ชายหนุ่มใส่เสื้อผ้า ให้เรียบร้อย
โชคดีที่ชุดมันเข้าใจง่ายหน่อย ไม่ได้แปลกมาอย่างที่เคยคิด
สมใส่ง่ายแค่เพียงผูกให้แน่น หยางหยางจัดการกับเสื้อผ้าเรียบร้อย
ก็เดินไปรอบห้องอย่างหมาป่าดมกลิ่นหาเหยื่อ
ตอนนี้เขาอยากรู้ว่าสิ่งที่เขาคิดมันจริงหรือไม่
มีหนังสือเล่มหนึ่ง เปิดค้างไว้บนโต๊ะใกล้ ๆ นี้
หยางหยางรีบเดินเข้าไปเปิดดู
“ไม่ได้นะ!”
คล้ายเป็นบันทึกประจำวัน
.เจ้าของห้องรีบถลาเข้ามาแย่งเข้าไปไว้ในอ้อมอก เม้มปากคาดโทษแปะไว้ที่หน้าผากของ หยางหยางอีกอัน
แต่ก่อนที่คนน่ารักจะแย่งไป เขามองเห็นข้อความที่อยู่ในนั้นก่อนแล้ว
วันเดือนปีที่บันทึกในสมุดเล่มนั้น....
เป็นไปไม่ได้...แต่มันก็เป็นไปแล้ว ..เขายืนอยู่ในห้วงเวลาที่เป็นไปไม่ได้
...วันเดือนปีมันผิดเพี้ยน ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ควรมีคนอย่างหยางหยางคนนี้อยู่
เขาข้ามเวลามาจริง ๆ
เคยอ่านเจอแต่ในนิยาย แต่ไม่อยากเชื่อว่า
ช่วงชีวิตหนึ่งจะมาอยู่ในจุดนี้
เรื่องมหัศจรรย์เช่นนี้ เขาเองก็แปลกใจที่มันเกิดขึ้นกับเขา
“เจ้า...มาจากไหน เจ้ายังไม่ตอบข้า”
หยางหยางเงยหน้า เมื่อได้ยินคำถามที่เสียงใสสงสัย
ชายหนุ่มยิ้มละไมส่งให้ เขาส่ายหน้า ไม่ใช่ไม่รู้
เขาไม่ใช่คนไม่ยอมรับความจริงหรือเข้าใจอะไรยาก แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยต่างหาก
“ผม..มาจากโลกอนาคต คุณ..ท่านสินะ ท่านจะเชื่อมั้ย หลี่อี้เฟิง”
แน่นอน แววตาตรงหน้า วาวโรจน์เหมือนดวงตาแมวตอนกลางคืน
แสงจันทร์ตกกระทบใบหน้าหวานนั่นพอดีมุม
เลยทำให้มองเห็นสีหน้าตกใจจนเกือบหลุดมาดคุณชายผู้สง่างาม
จนในที่สุดกลับเข้าสภาพอารมณ์เดิม อี้เฟิงที่ยังแปลกใจก็ถามกลับมา
“โลกอนาคต...เจ้าว่าอย่างนั้นหรือ”
“ใช่ ผมมาจากที่นั่น ผมบอกแบบนี้แล้ว คุณ..ไม่สิ ท่าน ตกใจหรือเปล่า”
หยางหยางคงยิ้มหล่อเหลาไว้ พอได้อยู่ใกล้อี้เฟิง อารมณ์ช่างไม่เชื่อฟัง
มันพาให้หยางหยางต้องทำอะไรอย่างที่ใจต้องการ
บังคับไม่ได้ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ อี้เฟิงที่วิ่งเข้ามาใกล้
หยางหยางสืบเท้าเข้าไปอีกระยะ เพื่อให้ใกล้ยิ่งกว่า มือชองหยางหยางรุกไปสัมผัสแก้มเนียนนั่นแล้ว
แต่ผิดที่อี้เฟิงไม่ขยับออกไป
“เจ้า..” เสียงหวานเอ่ยเบาหวิว
แววตากลมสุกใส มองจ้องมาทางหยางหยาง หยางหยางก็จดจ้องกลับไป
สื่อความทางสายตา
ไม่อยากเชื่อว่าคนตรงหน้าจะมาเป็นตัวตนที่มีอยู่จริงตรงหน้าเขาได้
หยางหยางดีใจและประหลาดใจ
เขาคิดว่าเรื่องแบบนี้คงมีแค่เขาเพียงผู้เดียวที่ได้ประสบ
“ไม่น่าเชื่อ...จะมาจากไหนก็แล้วแต่ แต่เจ้าก็มาแล้ว ดั่งคำทำนาย”....
อี้เฟิงเอ่ยเหมือนตัวล่องลอยจากฝัน
คำทำนายทายทักที่เมื่อก่อนอี้เฟิงไม่เคยสนใจ แม้ท่านแม้จะพยายามแค่ไหนที่จะให้อี้เฟิงไปรับม้วนกระดาเก่า
ๆ ยับยู่ยี่มาจากที่ไกล ๆ อี้เฟิงแค่อ่านและโยนมันทิ้งไปหลังตู้เก็บหนังสือ
แต่คำทำนายน่าเหลือเชื่อที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาในชีวิต
มันช่างน่าขันที่มันเป็นจริงทั้งที่มันไม่น่าจะเป็นจริงมากที่สุด
“เจ้า...” แม้ไม่แน่ใจ แต่อี้เฟิงรู้สึกถึงอะไรบางอย่างในอก
ทำให้วูบโหวงผิดแผกแปลกประหลาด ความรู้สึกนี้ทำให้รู้สึกทั้งขันและเขินตัวเอง
ริมฝีปากน่ารักเม้มเข้าหากันอย่างใช้ความคิดหนัก
“ผมมาแล้ว...แล้วมันทำไมหรือ” อี้เฟิงได้ยินอีกคนถาม
รู้อยู่ว่ามีคนมือซนเอามือใหญ่มาไล้ไล่เกลี่ยนแก้มตน แต่อี้เฟิงก็ไม่สนใจ หากไม่มากไปกว่านี้
เขามองใบหน้ารูปสลักตรงหน้า ในตอนแรกก็แทบปักใจเชื่อแล้วเชียวว่าคน ๆ
นี้ไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสิ่งที่ประทานมาจากฟากฟ้าที่ตกน้ำลงมาจริง ๆ ด้วยความรูปงามมากจนน่าตกใจ
แต่พอเจอจูบนั่นบวกแววตาวิบวับน่าอายที่ส่งมา ก็รู้ว่าเจ้านี่มันเป็นมนุษย์ไม่ใช่อะไรอื่น
แต่หากว่าเป็นมนุษย์ที่เสมือนเทพบุตรจริง ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น