วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2559

[SF] ทางเชื่อม - #หลางหยาป่าง : เซี่ยวจิ่งเหยียน x เหมยฉางซู(หลินซู)




ps. ไม่คิดเลยว่าติ่งจนต้องมาเขียนฟิค เป็นเรื่องที่สองจากเต้ามู่ที่ทำให้ลงมือเขียนฟิคได้ เพราะความสัมพันธ์ของสองคนในเรื่องนี้แท้ ๆ มันน่าจับมาปู้ยี้ปู้ยำด้วยอักษรยิ่งนัก โฮ๋ ๆ (ไม่มีอะไรหรอกค่ะก็ฟิคทั่วไป55) คารวะสามจอก สำหรับผู้ที่หลงผิดมาอ่านนะคะ ขอบคุณมากค่า




















“องค์ชาย..จิ่งเหยียน








หลังจากบุรุษแห่งพรรคยิ่งใหญ่แห่งพรรคบูรพานทีได้ยินเสียงอันเหมือนเสียงนั้นส่งมาจากสวรรค์ กระดิ่งที่อยู่ริมธรณีประตู ที่เป็นเหมือนทางเชื่อมใจของเขา และคนอีกฝั่งทางลับอันหามีผู้ใดล่วงรู้นอกจากคนสนิทของเขา เหมยฉางซูหรือหลินซูในอดีตกำลังเดินทอดเชื่องช้าเนื่องด้วยกำลังของเขาเมื่อรู้ว่าคนใหญ่สูงศักดิ์ที่เฝ้ารอกำลังมา ชายหนุ่มมากปัญญารู้จักแก้ปัญหา เฟยหลิวเหมือนจะไม่พึงใจเสียแล้วที่กระบืออย่างที่เด็กน้อยไร้เดียงสาเรียกมาเยือนเรือนของเขาอยู่บ่อยครั้ง พี่ใหญ่เมิ่งที่อยู่กับเขาอยู่ก่อนพี่ชายใหญ่คนนี้ที่รักและเป็นห่วงเขาเสมอเหมือนคนที่คลานตามกันมาลากเฟยหลิวไปแกล้งเล่นเสียจนเด็กน้อยหัวปั่น แต่ก็ดีที่ยอมไปแม้จะใช้มุขล่วงลวงเด็กน้อยโดยขนมที่เขาชอบ  ก่อนละไปจากชายหนุ่ม เฟยหลิวเอ่ยเรียกซูเกอเกอของเขาและค้อนงอน บอกว่า









“ซูเกอเกอกับกระบือ  พบเจอกันบ่อยเกินไปแล้ว”
“แต่เขาก็เอาขนมมาปรนเปรอเจ้าเสมอไม่ใช่หรือ เฟยหลิว”
“ฮึ๊”





ทั้งสองหัวเราะส่งเสียงเมื่อทำให้เด็กน้อยบูดบึ้งได้ แต่พี่เมิ่งก็กลับมองตาโตตกใจ เขาทำหน้าเหมือนคิดข้อนี้ได้เมื่อชั่วครู่และหันไปมองน้องชายผู้รอบรู้ เหมยฉางซูสะกิดใจคำกล่าวเอาแต่ใจของเฟยหลิว จึงพลันครุ่นคิด พี่ใหญ่เมิ่งเหมือนอยากถามอะไรเขาแต่เหมายฉางซูบอกว่าให้รีบพาเฟยหลิวไปก่อน ไม่เช่นนั้นคงไปเกาะติดเขาแจเป็นลูก หากประวิงเวลา เกรงว่าคนที่ยืนรออยู่หน้าประตูลับตรงนั้นจะรอคอย






“ก็จริงของเฟยหลิว เจ้ากับองค์ชายพบเจอกันบ่อย แต่ก็โชคดีที่เรามีทางลับ จะบ่อยแค่ไหนก็ตามแต่ใจเจ้ากับองค์ชาย”







พูดจาแปลก ๆ อีกแล้ว เหมยฉางซูคิด เขาจำได้ว่าเคยเอ่ยไปกับพี่ใหญ่คนนี้แล้วว่าให้ใช้คำพูดที่จะสื่อระหว่างเขากับองค์ชายคนนั้นให้ดีเสียหน่อย







แม้จะคนที่คุ้นเคยแต่เวลาหากใช่เวลาดั่งในอดีต อีกฝ่ายไม่รู้ล่วงเรื่องความลับอันใด พูดจาแปลก ๆ เกิดเข้าหูอีกฝ่ายจะเกิดเรื่อง







ประมุขบูรพานทีพาตัวเองเดินไปที่ห้องลบด้วยหัวใจที่ผิดแผก เขาไม่อยากเข้าใจในเรื่องนี้ ยอมเป็นคนเขลาสำหรับเรื่องของหัวใจ กับหนีหวง สาวน้อยที่อย่างไรก็ยังคงเป็นสาวน้อยของหลินซูอย่างเช่นในอดีต หัวใจเขาก็ไม่ผิดแผกแปลกประหลาดเช่นนี้  แต่กับองค์ชายจิ้ง..จิ้เหยี่ยนคนนั้น สหายสนิทร่วมตายของหลินซูในอดีต หรือองค์ชายจิ้งในตอนนี้ของเหมยฉางซู


ก่อนเดินถึงที่หมายคือห้องลับที่มีของประดับไม่กี่ชิ้นที่อยู่ภายในห้อง ไกล ๆ บุรุษเหมยแห่งพรรคบูรพานทีมองเห็นไกล ๆ คือบานประตูที่เชื่อมทางลับระหว่างจวนขององค์ชายจิ้งและเรือนของเขา ชายหนุ่มผู้ปราดเปรื่องยิ้มออกมาโดยหารู้ถึงระดับของความสุขในรอยยิ้มของเขาเอง













“องค์ชายจิ้ง”








เรียกแล้วก็ไม่ยอมตื่นเจ้ากระบือนี่...คนที่กำลังกล่าวประโยคนี้ คือหลินซูไม่ใช่เหมนฉางซู  แต่หาได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปล่งจากปากแต่เป็นในใจที่ได้ยินเพียงผู้เดียว






องค์ชายร่างใหญ่กำยำที่คงจะยืนคอยหน้าประตูจนเหนื่อยและอ่อนเพลีย  เมื่อเหมยฉางซูเปิดประตูไปพบเขา องค์ชายใหญ่แห่งแคว้นก็หลับพิงผนังข้างประตูจวนตัวเองเสียอย่างนั้น ข้างตัวเขามีกล่องขนมคุ้นตาที่ไม่ต้องเอ่ยถามก็ทราบได้ว่าเป็นพระกรุณาจากพระสนมจิ้งอย่างแน่แท้  บุรุษเหมยยกกล่องขนมอย่างเงียบเชียบและวางมันไกลออกจากร่างใหญ่ขององค์ชาย และแทนที่ด้วยร่างกายอันบอบบางของเขาเอง แม้พื้นตรงนี้จะเย็นไปเสียหน่อยก็ไม่กระไร









“เสี่ยวซู”





คนหลับใหลเพราะความเหนื่อยเผลอละเมอเรื่องในใจที่ฝังอยู่ในส่วนลึกที่สุดของเขาออกมา เหมยฉางซูหรือหลินซูที่แท้จริงย่อมรู้ดีว่าองค์ชายผู้มีใจห้าวหาญและซื่อตรงคนนี้ เป็นคนที่คิดถึงหลินซูทุกลมหายใจ เก็บเรื่องราวของเราสองคนตลอดมา บางครั้งก็ทำให้ฝ่าบาทผู้พ่อกริ้วไม่พอพระทัยบ่อยครั้งที่ ลูกคนนี้เอ่ยเรื่องคดีใหญ่ในอดีตแต่องค์ชายหัวแข็งก็หาสนใจไม่ เขาหมายที่จะล้างมลทินแก่คนที่เขาคิดถึงอยู่ทุกลมหายใจ










“เสี่ยวซู”  คนหลับร่างใหญ่ภายใต้อาภรณ์หรูหราละเมอเป็นด้วยเสียงทุ้มเป็นคำเดิม คือชื่อของคนที่นั่งอยู่ข้างกายเขา เหมยฉางซูเอียงร่างท้าวคางมองดูชายหนุ่มที่เขาก็คิดถึงมากที่สุดไม่แพ้กัน แววตาบุรุษเหมยในตอนนี้ คงเผยออกมาหมดว่ารู้สึกเช่นไร หากอีกคนตื่นมาสบตา แต่ไม่กระนั้น องค์ชายจิ้งเหยียนหลับเป็นตาย เขาประมาณเอาว่าคงเหน็ดเหนื่อยกับภารกิจที่หลังจากการแต่งตั้งตำแหน่งใหม่ เรื่องราวมากมายใหญ่น้อยให้จัดการ มือน้อยของชายหนุ่มมากปัญญาเคลื่อนเข้าใกล้ช้า ๆ และประทับตรงหน้าผากชายร่างใหญ่สูงศักดิ์อย่างแผ่วเบา









“กระบืออย่างเจ้าเนี่ยนะ”




เหมยฉางซูเอ่ยเบาเหมือนรำพันกับตัวเอง แต่ก็หมายถึงคนที่นั่งหลับอยู่ตรงหน้า เขาเอ่ยเบาก็ยิ้มพิมพ์ใจไปด้วย มององค์ชายใจร้อนอย่างมีความหมาย บุรุษประมุขบูรพานทีหมายอยากจะทำอะไรอย่างหนึ่ง











เขาไม่กล้าพอที่จะสัมผัสชายในใจเขา แม้อีกคนหลับก็ใกล้เกินไป จนหัวใจผิดแผกแปลกประหลาด แต่เหมายฉางซูก็มีฝ่ามือของเขาที่ประทับอยู่บนหน้าผากขององค์ชายร่างสูงนี้แล้ว










เซียวจิ้งเหยียน ได้โปรดมีความสุขเพื่อข้าไปนาน ๆ ด้วย ... เมื่อเอ่ยในใจจบ ในตอนนี้เขาเป็นหลินซู และกำลังเคลื่อนร่างโน้มใกล้ ประทับริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเองบนหลังมือตัวเอง เขากล่าวในใจซ้ำ ๆ ว่าเขาไม่กล้าพอที่จะสัมผัสคนผู้นี้ใกล้เกินไป มันทำให้หัวใจของเขาอ่อนแอ











จบจากการฝากความคิดถึงไว้ ร่างบอบบางของบุรุษเหมยขยับอย่างเงียบเชียบ และเคลื่อนจากไปอย่างสงบแต่เขาคว้าหยิบเอากล่องขนมไป แต่ก่อนหน้านั้น เหมยฉางซูได้ทูลองค์ชายที่เหน็ดเหนื่อยเหลือเกินให้ทรงทราบในกระดาษที่เขียนด้วยปลายพู่กันลายมือสวยงามของประมุขพรรคบูรพานทีไว้ว่า ไม่กล้าปลุกท่านจากบรรทม ข้าจึงปล่อยให้ท่านหลับสบาย และขอบพระทัยสำหรับขนมจากสนมจิ้ง ทรงเป็นพระกรุณาแล้ว












เหมยฉางซูหยุดที่ปลายทางครั้งหนึ่งก่อนออกกจากห้องลับ เพื่อเอี้ยวมองร่างที่กำลังหลับอยู่ เขาไม่ปิดประตูห้องในฝั่งเขา เผื่อองค์ชายใจร้อนผู้นี้หรือเซี่ยวจิ่งเหยียนจะมีเรื่องอะไรสำคัญ แต่ในตอนนี้เขากำลังเข้าสู่นิทราอย่างสงบ














เมื่อพ้นธรณีออกไป เหมยฉางซูก็ยังบ่นในใจ...ไม่..เขาที่บ่นถึงกระบือตอนนี้คือหลินซู เป็นแน่แท้












END *** 



1 ความคิดเห็น: