“อี้เฟิง ... คุณ”
น้ำเสียงทุ้มหล่อออกอาการตกใจเมื่อเรียกชื่อ
ชายหนุ่มคนนั้นเปิดประตูออกมารับเสียงเคาะประตูยามราตรี
หลังเขาเลิกงานซึ่งไม่ควรจะมีใครคนไหนมาทักทายเขาในยามนี้อีกแล้ว
เพราะชายหนุ่มรูปหล่อเพิ่งละจากการพูดคุยกับคนสนิทที่ทำงานด้วย เมื่อพูดคุยในงานของเช้าวันต่อไปจนเข้าใจ
พวกเขากลับไปครู่ใหญ่และเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เอ่อ...หยางหยาง”
แม้จะรู้ว่าอีกคนคงจะอยากพักผ่อน เขาเองก็เหมือนกันล่ะหน่า
ไม่ใช่ไม่อยากพักให้หายเหนื่อย แต่เพราะมีเรื่องคาใจอยู่
และบวกกับความรู้สึกบางอย่างที่อี้เฟิงไม่อยากอธิบายและไม่อยากยอมรับเลย
ซึ่งมันอยู่ในใจลึก ๆ
“คุณคิดถึงผมหรือ”
“ไม่.. เอ่อ..ไม่”
“แต่คุณก็มาตรงนี้แล้ว..”
หยางหยางคาคำพูดไว้แค่นั้นและรวบตัวดึงอี้เฟิงเข้าไปกอดไว้กับอก
และปิดประตูห้องก่อนที่จะมีใครมาเห็นเสียก่อน เมื่ออีกคนมาอยู่ในอ้อมกอดเขา
มือใหญ่ย้ำแรงให้ศีรษะของอี้เฟิงแนบอกไว้
ที่จริงนี่เป็นอีกนัยหนึ่งในการบอกว่าหยางหยางตื่นเต้นขนาดไหนที่อีกคนพยายามมาพบเขาทั้งที่มีคนรายล้อมเต็มไปหมด
เสี่ยงมากมายมหาศาล แต่ความกล้าของคน ๆ นี้ก็ทำให้เขาพบกับอะไรไม่คาดฝัน
ชายหนุ่มโอบกอดร่างในกอดให้แน่นขึ้น ถอนหายใจเล็กน้อย เมื่อพลันคิดต่อไปว่า
โชคดีแค่ไหนที่ไม่มีนักข่าวหรือแฟนคลับพบเห็นจนต้องมีเรื่องโวยวายเสียงดัง
หรือเป็นข่าวใหญ่ลงอินเตอร์เนต ซักพักหนึ่งคนในอ้อมกอดดิ้นขลุกขลัก เอ่ยว่า
หายใจไม่ออกเสียแล้ว
“ทำไมคุณถึงทำอะไรเสี่ยง ๆ แบบนี้กัน หืม “
“มัน..แบบว่า”
อี้เฟิงหาที่ลงให้คำตอบไม่ได้ ไม่กล้าบอก
ไม่กล้ายอมรับว่าในใจรู้สึกเช่นไร แม้ว่าโรงแรมของทั้งคู่จะอยู่นละแวกเดียวกัน
ในเมืองใหญ่แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายและเป็นเรื่องใหญ่แน่ หากมีใครรู้ว่า
ดาราดังสองคนที่มีข่าวด้านลยต่อกันมากมายอย่างเช่นเขาสองคนมาพบกันแบบนี้ นักข่าวคงมีอะไรเอาไปเขียนสกู๊ปอีกหลายวัน
แค่เราสองคนกอดกันก็อาจจะเป็นหน้าหนึ่งได้แล้ว
“ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ผมดีใจที่คุณมากหา คุณกล้าที่จะทำ ทั้ง ๆ ที่ผมไม่..”
“เอาเหอะหน่า มันไม่สำคัญหนิ ว่าใครจะไปหาใครก่อน ฉันแค่มาก่อน
ถ้าทิ้งเวลาไว้ สุดท้ายคนที่ทนไม่ไหวก็อาจจะเป็นนาย ..”
อี้เฟิงขืนกอดของหยางหยางและเงยหน้ามาสบตาให้คนที่กอดเขาอยู่เนินนาน
ด้วยแววตามุ่งมั่นและมากมายด้วยความรู้สึก
หยางหยางที่มักจะทำให้อี้เฟิงเขินอยู่เป็นประจำกลับหน้าแดงแทนขึ้นมาและหลบสายตาที่แสนซื่อตรงของอี้เฟิงไปเสียอย่างนั้น
ทำไมหลี่อี้เฟิงถึงเป็นคนซื่อขนาดนี้
รักเขามากแค่ไหนก็แสดงออกมาทางแววตาซุกวนนั้นหมดเลย ..หยางหยางคิด
แทนที่จะเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องทำอะไรให้คนน่ารักตรงหน้าเขินซักอย่างสองอย่าง
เมื่อเวลาพบกัน แต่วันนี้กลับกัน แค่แววตาซุกซน บวกความซื่อตรงจากความรู้สึกที่แท้จริง สื่อผ่านมาว่ารักเขาเพียงใด
แค่นี้ก็ทำให้หยางหยางเขินคนน่ารักของเขาได้แล้ว
ไม่เป็นไรหรอกที่อี้เฟิงจะไม่พูดให้หยางหยางได้ยิน เขาจะพูด..พูดแทนอี้เฟิงเอง
เขารับรู้ว่าอี้เฟิงรักเขามาก เพียงแค่มองตาคู่นั้นที่น่ารักและสดใสก็รู้หมดหัวใจ
“ผมรักคุณ”
คนถูกมองตากลับเริ่มตั้งต้นเขิน
อี้เฟิงผงักไปครู่หนึ่งเมื่อคนของเขาบอกรัก เจ้าคนหล่อนี่จะเล่นอะไรอีก
อี้เฟิงขมวดคิ้ว เอียงหัวเล็กน้อยใช้ความคิด และนึกขึ้นได้
ว่าครั้นเมื่อมองตาอีกคนตรงหน้าที่ชอบกอดเขานักหนา
แววตาของของที่ส่งไปคงบอกอะไรไปหมดหัวใจแล้วกระมังว่ารู้สึกและรักเขามากมายเช่นไร
แอบเห็นคนรูปหล่อหน้าแดงเขินเสียด้วย ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น
และเพิ่มเติมจากคำบอกรักหวานหู
คุณเทพบุตรแห่งชาติยิ้มกระหย่องได้ใจ
แม้เป็นยิ้มที่ตั้งใจให้เห้นถึงความเจ้าเล่ห์เจ้ากลของอี้เฟิง
แต่หยางหยางกลับมองว่ารอยยิ้มนี้น่ารักกว่าใคร
หยางหยางลากพามือของอี้เฟิงมานั่งที่ริมเตียง
ห้องพักของโรงแรมนี้ก็ไมได้กว้างใหญ่อะไรขนาดนั้น
แต่ตรงที่หยางหยางนั่งมีวิวสวยของเมืองใหญ่ยามราตรี เขาทรุดลงนั่งใกล้อี้เฟิง
ใม่ใช่บนเตียงที่อี้เฟิงนั่งอยู่ แต่เป็นพื้นที่ว่างตรงหน้าที่อี้เฟิงนั่ง
คนน่ารักเบิกตาไม่เข้าใจ ว่าจะลงไปนั่งตรงนั้นทำไม
จนเมื่อผ่านไปไม่กี่วินาทีถึงจะรู้
เขาถูกอ้อนเสียแล้ว
“วันนี้ผมหลับฝันดีแน่ ๆ”
“ก็คงอย่างนั้นล่ะนะ”
หยางหยางตั้งใจทรุดนั่งตรงพื้นที่ว่างตรงหน้าอี้เฟิง
เขาเอนร่างแข็งแรงซบที่ขาของอี้เฟิง พลางดึงมืออี้เฟิงมากอบกุมไว้
หลับตาและเอนพิงเหมือนตั้งใจจะฝันดีตรงนี้ เหมือนลูกหมาขี้อ้อนตัวหนึ่ง
หยางหยางไม่ใช่คนจำพวกที่มีนิสัยออดอ้อนใคร แต่ยกเว้นกับคน ๆ นี้ หลี่อี้เฟิง จะให้เขาทำอะไรก็ได เพื่อให้คน ๆ
นี้รักเขามากขึ้น หยางหยางจะยอมทำทุกอย่าง
มือใหญ่สองข้างขอมือของอี้เฟิงมาสัมผัส ทั้งกอบกุม
ทั้งยกมือนิ่มข้างนั้นมาจูบและก็ไม่ปล่อยคืนเจ้าของง่าย ๆ
เขารั้งมืออี้เฟิงไว้อย่างนั้น และเอนหลับพิงขาอี้เฟิงไป
เหมือนสุนัขผู้ภักดีต่อเจ้าของของมัน
“หยางหยาง”
“ครับ”
เหมือนอี้เฟิงเริ่มจะเอ่ยบางอย่าง ที่น่าจะเป็นจุดประสงค์หลักที่ทำให้หลี่อี้เฟิงมาหาหยางหยางถึงห้องในวันนี้
คนรูปหล่อที่นั่งต่ำกว่าเงยหน้ามามองสบตาอีกฝ่ายและรับฟัง
แววตาซุกซนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเขินอายและดูไม่อยากเอื้อนเอ่ยคำถาม
แต่อาจจะคาใจคนน่ารักอยู่นานแล้ว
“อย่าหาว่างี่เง่าเลยนะหยางหยาง แต่ ..เอ่อ คนเราต่อให้รู้ใจ
รู้ความรู้สึกกัน แต่ฉันเป็นพวกคิดมาก”
“ครับ”
“หยางหยางเผยยิ้มพิฆาตใจ ยิ่งทำให้อี้เฟิงยิ่งเอ่ยออกมายาก
ใช้มืออีกข้างที่หยางหยางเว้นว่างไว้ให้ปิดหน้าปิดตาเท่าที่ทำได้
สุดท้ายก็ทำใจและพูดออกมาสำเร็จ
“คือ..นายกับผู้หญิงคนนั้น ดาราที่มีข่าวด้วยน่ะ...ยังไงดี
ฉันไมได้มาคาดคั้นนะ แต่ถ้ามีอะไรก็บอกได้นะ เอ่อ..แบบว่า—อ๊ะ”
อี้เฟิงยังพูดไม่จบประโยคดี
คนที่นั่งอยู่ด้านล่างเปลี่ยนที่เปลี่ยนทางเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
อาจเป็นเพราะอี้เฟิงมัวแต่เขิน เอาอารมณืตัวเองยอยู่ฝ่ายเดียว
เพราะหยางหยางตอนนี้ไมได้นั่งอยู่ตรงพื้นนั่น แต่เป็นคร่อมอยู่ตัวตัวอี้เฟิงแทน
เขาถูกกดไหล่ให้เอนนอนไปกับพื้นเตียงอย่างรวดเร็ว แรงของหยางหยางไม่ใช่น้อย
ตัวอี้เฟิงแทบจะจมลงไปกับความนุ่มของเตียงหรูหราของโรงแรม คนน่ารักเบิกตาตกใจ
และไม่ทันไรใบหน้าหล่อก็อยู่ใกล้เพียงแค่ปลายจมูกแตะกัน
“ขอโทษนะคุณ แต่เพราะความเผลอของผมเอง คุณมันน่ารักเสียแบบนี้
นี่ผมกำลังพยายาม..อืม ..พยายามอดทนอยู่นะ”
คนน่ารักใต้ร่างมองใบหน้าและสายตาของคนที่ทับคร่อมตัวเองอยู่
แค่แว้บเดียวก็รู้แล้วว่าความอดทนของหยางหยางมีไว้ใช้กับอะไร
คิดแล้วก็พลันหน้าแดงขึ้นมานั่นทำให้ความอดทนของหยางหยางลดลงอีกหน่อย
ฉกกฉวยโอกาสหอมแก้มที่แดงก่ำเป็นลูกเชอร์รี่
เมื่อหายอยากก็กลับมามองใบหน้าที่ตกใจและตื่นเต้นของอี้เฟิง และพบว่าเขาถูกงอนอีกตามเคย
“อี้เฟิง เรื่องข่าวอะไรทั้งหมด มันไม่มีอะไรเลย
แต่ให้ผมสรุปกับคุณคร่าว ๆ เพราะเวลาเราน้อยเหลือเกิน อย่าไปเชื่อมัน ทั้งหมด
และผมไม่ได้บอกให้คุณเชื่อในตอนนี้จากความรู้สึกของผมทั้งหมด ผมมองให้คุณแล้ว
ผมรักคุณ นั่นคือสิ่งที่ผมอยากให้คุณเข้าใจมันซักวันหนึ่ง”
อี้เฟิงอยากพยักหน้าว่ารู้แล้ว เข้าใจตั้งนานแล้ว แต่เพราะค้างคาใจ
เพราะอี้เฟิงเปิดหน้าอินเตอร์เนตกดโน่นกดนี่ไปจนเจอ มันมีมากมาย
จนทนอ่านไม่ไหวในที่สุดก็กลับมานั่งเครียดเอง
ทั้งที่หยางหยางก็ย้ำคำว่ารักกับเขาทุกวันก็ไม่เคยมั่นใจซักครั้ง
“ผมไม่ขอให้อี้เฟิงเชื่อใจผม เดี๋ยวนี้เวลานี้
แต่ขอให้พยายามด้วยกันกับผมซักครั้งนะ”
คนน่ารักใต้ร่างไม่ตอบรับอะไรเลย จนหยางหยางใจเสีย
ยังหลบตาหลุบต่ำไม่มีปฏิกิริยาอะไร นิ่งไปเสียอย่างนั้น
หยางหยางจึงคิดว่าเขาควรปล่อยคนใต้ร่างจากพันธนาการเสียดีกว่า
เพราะเราควรเว้นระยะให้กัน เพื่อคิดทบทวน.. บางทีเขาอาจจะเร่งเร้าอี้เฟิงเกินไป
และเขามันไม่น่าไว้ใจก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ
หยางหยางไม่นึกตำหนิอี้เฟิงแต่เขาตำหนิตัวเองที่ไม่มีอะไรทำให้อี้เฟิงนึกอยากเชื่อได้ซักอย่าง
อี้เฟิงไม่ใช่คนคิดมากแต่เพียงอี้เฟิงรักเขาและอยากได้อะไรยืนยันว่าเขาจะรักอี้เฟิงเหมือนที่อีกฝ่ายรัก
“เห้ย”
แต่ไม่ทันได้ปล่อยมือขาดกันเกินสามวินาที
ร่างของหยางหยางก็เปลี่ยนตำแหน่ง ทีนี้คนรูปหล่อตกใจจริง ๆ
เพราะกลายเป็นว่าร่างเขาถูกกดให้เอนนอนไปกับเตียง
แรงนั้นน้อยกว่าคนที่แข็งแรงและออกกำลังกายเช่นเขา แต่ก็เล่นเอาตกใจไม่น้อย
ในที่สุดคนที่อยู่ด้านล่างนอนเอนสบตาคนด้านบนก็เป็นหยางหยางเสียเอง คนที่อยู่บนตัวเขาไม่คร่อมตัวเขาแบบที่เขาทำกับอีกฝ่ายอย่างเมื่อครู่
แต่เนนอนทับแนบอกมาเลย ส่งเสียงหัวเราะชอบใจ
“อี้เฟิง ทำไมเล่นแบบนี้เนี่ย”
“ก็นายทำหน้าตาแบบนั้นนี่”
“แบบไหน”
“คิ้วขมวด คิดมากแบบที่ฉันทำบ่อย ๆ ปล่อยใหฉันเป็นคนเดียวก็พอหน่า”
คนน่ารักที่อิงแนบอกพูดเป็นต่อยหอยจบแล้วก็แอบขำอีกพักใหญ่
หยางหยางก็เลยพลอยยกยิ้มขำไปกับเสียงใส ๆ นั่นด้วย มือใหญ่โอบรอบเอวคอดสวย
และขอกอดอี้เฟิงไว้แน่น ๆ แบบนี้อีกตราบนานเท่านาน
“ฉันเป็นคนคิดมาก หยางหยาง เพราะว่าความรู้สึกถึงนายมันมีมากเกินไป
และที่มาหานายที่นี่ก็เพราะความรู้สึกทั้งหมดพามาหานาย”
อี้เฟิงยกขืนตัวเองขึ้นมา เอาแบนยันอกแกร่งไว้
และได้สบสายตาคมกริบของหยางหยางที่จ้องมองการกระทำของอี้เฟิงอยู่ก่อนแล้วทุกจังหวะ
จนเมื่อมาสบตากัน สอดประสานความรู้สึก คนน่ารักอมยิ้มแก้มตุ่ย ก่อนบอก
“ฉันคิดถึงนาย”
คำสั้น ๆ เล่นเอาคนรูปหล่อใต้ร่างอี้เฟิงเขินจนหน้าแดงเป็นรอบที่สอง
เขาเบนหน้าไม่สบตาอี้เฟิงหลังจากคำนั้นจนอี้เฟิงล้อไปอีกยกใหญ่
เสียงใสหัวเราะชอบใจ ทำให้หยางหยางนึกอยากแกล้งคนตัวนิ่มในอ้อมกอด
อยากฟัดลูกแมวช่างแกล้ง จึงใข้แรงโอบร่างอี้เฟิงหมุนเปลี่ยนตำแหน่งให้อี้เฟิงมาอยู่ใต้ร่างเขาอีกกครั้ง
แต่มีหรือที่อี้เฟิงจะยอมง่าย ๆ
แรงมีน้อยกว่าคนแข็งแรงแบบหยางหยางก็จริงแต่ก็มีลูดฮึดสู้ไม่ถอย
“โอ๊ย หยางหยางไม่เล่นแล้วนะ”
“คุณแกล้งผมทำไมล่ะ”
“ก็เห็นหน้านายแบบนั้นอ่ะ น่าแกล้งจะตายไป”
“แบบนี้ต้องลงโทษ”
ตอบโต้กันไปแบบนั้นได้ซักพักก็ยังเล่นกันเป็นเด็ก ๆ
อยู่บนเตียงไปเรื่อย ๆ จนเหนื่อยกันไปเองและไม่แน่ใจว่าเวลานานเท่าไหร่
ในที่สุดทั้งคู่ก็ผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยจากงานและการเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ
อย่างที่ไม่ค่อยได้ทำเท่าไหร่
แต่ก่อนหน้าจะนิ่งหลับกันไปทั้งคู่ หยางหยางยังทิ้งคำหวานไว้ให้คนน่ารักค้อนใส่เล่น
ๆ อี้เฟิงส่งสายตางอนให้ เพราะ
หยางหยางมักจะชอบพูดอะไรชวนใจเต้นแกล้งกันอยู่เรื่อย
“ผมรักคุณมากนะ รู้มั้ย”
แค่นี้ก็หวานมากพอสำหรับสองเราแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น