ps. ไม่คิดเลยว่าติ่งจนต้องมาเขียนฟิค เป็นเรื่องที่สองจากเต้ามู่ที่ทำให้ลงมือเขียนฟิคได้ เพราะความสัมพันธ์ของสองคนในเรื่องนี้แท้ ๆ มันน่าจับมาปู้ยี้ปู้ยำด้วยอักษรยิ่งนัก โฮ๋ ๆ (ไม่มีอะไรหรอกค่ะก็ฟิคทั่วไป55) คารวะสามจอก สำหรับผู้ที่หลงผิดมาอ่านนะคะ ขอบคุณมากค่า
“องค์ชาย..จิ่งเหยียน”
หลังจากบุรุษแห่งพรรคยิ่งใหญ่แห่งพรรคบูรพานทีได้ยินเสียงอันเหมือนเสียงนั้นส่งมาจากสวรรค์
กระดิ่งที่อยู่ริมธรณีประตู ที่เป็นเหมือนทางเชื่อมใจของเขา
และคนอีกฝั่งทางลับอันหามีผู้ใดล่วงรู้นอกจากคนสนิทของเขา เหมยฉางซูหรือหลินซูในอดีตกำลังเดินทอดเชื่องช้าเนื่องด้วยกำลังของเขาเมื่อรู้ว่าคนใหญ่สูงศักดิ์ที่เฝ้ารอกำลังมา
ชายหนุ่มมากปัญญารู้จักแก้ปัญหา เฟยหลิวเหมือนจะไม่พึงใจเสียแล้วที่กระบืออย่างที่เด็กน้อยไร้เดียงสาเรียกมาเยือนเรือนของเขาอยู่บ่อยครั้ง
พี่ใหญ่เมิ่งที่อยู่กับเขาอยู่ก่อนพี่ชายใหญ่คนนี้ที่รักและเป็นห่วงเขาเสมอเหมือนคนที่คลานตามกันมาลากเฟยหลิวไปแกล้งเล่นเสียจนเด็กน้อยหัวปั่น
แต่ก็ดีที่ยอมไปแม้จะใช้มุขล่วงลวงเด็กน้อยโดยขนมที่เขาชอบ ก่อนละไปจากชายหนุ่ม
เฟยหลิวเอ่ยเรียกซูเกอเกอของเขาและค้อนงอน บอกว่า
“ซูเกอเกอกับกระบือ พบเจอกันบ่อยเกินไปแล้ว”
“แต่เขาก็เอาขนมมาปรนเปรอเจ้าเสมอไม่ใช่หรือ เฟยหลิว”
“ฮึ๊”
ทั้งสองหัวเราะส่งเสียงเมื่อทำให้เด็กน้อยบูดบึ้งได้
แต่พี่เมิ่งก็กลับมองตาโตตกใจ
เขาทำหน้าเหมือนคิดข้อนี้ได้เมื่อชั่วครู่และหันไปมองน้องชายผู้รอบรู้
เหมยฉางซูสะกิดใจคำกล่าวเอาแต่ใจของเฟยหลิว จึงพลันครุ่นคิด
พี่ใหญ่เมิ่งเหมือนอยากถามอะไรเขาแต่เหมายฉางซูบอกว่าให้รีบพาเฟยหลิวไปก่อน
ไม่เช่นนั้นคงไปเกาะติดเขาแจเป็นลูก หากประวิงเวลา
เกรงว่าคนที่ยืนรออยู่หน้าประตูลับตรงนั้นจะรอคอย
“ก็จริงของเฟยหลิว เจ้ากับองค์ชายพบเจอกันบ่อย
แต่ก็โชคดีที่เรามีทางลับ จะบ่อยแค่ไหนก็ตามแต่ใจเจ้ากับองค์ชาย”
พูดจาแปลก ๆ อีกแล้ว เหมยฉางซูคิด
เขาจำได้ว่าเคยเอ่ยไปกับพี่ใหญ่คนนี้แล้วว่าให้ใช้คำพูดที่จะสื่อระหว่างเขากับองค์ชายคนนั้นให้ดีเสียหน่อย
แม้จะคนที่คุ้นเคยแต่เวลาหากใช่เวลาดั่งในอดีต
อีกฝ่ายไม่รู้ล่วงเรื่องความลับอันใด พูดจาแปลก ๆ เกิดเข้าหูอีกฝ่ายจะเกิดเรื่อง
ประมุขบูรพานทีพาตัวเองเดินไปที่ห้องลบด้วยหัวใจที่ผิดแผก
เขาไม่อยากเข้าใจในเรื่องนี้ ยอมเป็นคนเขลาสำหรับเรื่องของหัวใจ กับหนีหวง
สาวน้อยที่อย่างไรก็ยังคงเป็นสาวน้อยของหลินซูอย่างเช่นในอดีต
หัวใจเขาก็ไม่ผิดแผกแปลกประหลาดเช่นนี้
แต่กับองค์ชายจิ้ง..จิ้เหยี่ยนคนนั้น สหายสนิทร่วมตายของหลินซูในอดีต
หรือองค์ชายจิ้งในตอนนี้ของเหมยฉางซู
ก่อนเดินถึงที่หมายคือห้องลับที่มีของประดับไม่กี่ชิ้นที่อยู่ภายในห้อง
ไกล ๆ บุรุษเหมยแห่งพรรคบูรพานทีมองเห็นไกล ๆ คือบานประตูที่เชื่อมทางลับระหว่างจวนขององค์ชายจิ้งและเรือนของเขา
ชายหนุ่มผู้ปราดเปรื่องยิ้มออกมาโดยหารู้ถึงระดับของความสุขในรอยยิ้มของเขาเอง
“องค์ชายจิ้ง”
เรียกแล้วก็ไม่ยอมตื่นเจ้ากระบือนี่...คนที่กำลังกล่าวประโยคนี้
คือหลินซูไม่ใช่เหมนฉางซู แต่หาได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปล่งจากปากแต่เป็นในใจที่ได้ยินเพียงผู้เดียว
องค์ชายร่างใหญ่กำยำที่คงจะยืนคอยหน้าประตูจนเหนื่อยและอ่อนเพลีย เมื่อเหมยฉางซูเปิดประตูไปพบเขา องค์ชายใหญ่แห่งแคว้นก็หลับพิงผนังข้างประตูจวนตัวเองเสียอย่างนั้น
ข้างตัวเขามีกล่องขนมคุ้นตาที่ไม่ต้องเอ่ยถามก็ทราบได้ว่าเป็นพระกรุณาจากพระสนมจิ้งอย่างแน่แท้ บุรุษเหมยยกกล่องขนมอย่างเงียบเชียบและวางมันไกลออกจากร่างใหญ่ขององค์ชาย
และแทนที่ด้วยร่างกายอันบอบบางของเขาเอง แม้พื้นตรงนี้จะเย็นไปเสียหน่อยก็ไม่กระไร
“เสี่ยวซู”
คนหลับใหลเพราะความเหนื่อยเผลอละเมอเรื่องในใจที่ฝังอยู่ในส่วนลึกที่สุดของเขาออกมา
เหมยฉางซูหรือหลินซูที่แท้จริงย่อมรู้ดีว่าองค์ชายผู้มีใจห้าวหาญและซื่อตรงคนนี้
เป็นคนที่คิดถึงหลินซูทุกลมหายใจ เก็บเรื่องราวของเราสองคนตลอดมา
บางครั้งก็ทำให้ฝ่าบาทผู้พ่อกริ้วไม่พอพระทัยบ่อยครั้งที่
ลูกคนนี้เอ่ยเรื่องคดีใหญ่ในอดีตแต่องค์ชายหัวแข็งก็หาสนใจไม่
เขาหมายที่จะล้างมลทินแก่คนที่เขาคิดถึงอยู่ทุกลมหายใจ
“เสี่ยวซู”
คนหลับร่างใหญ่ภายใต้อาภรณ์หรูหราละเมอเป็นด้วยเสียงทุ้มเป็นคำเดิม
คือชื่อของคนที่นั่งอยู่ข้างกายเขา เหมยฉางซูเอียงร่างท้าวคางมองดูชายหนุ่มที่เขาก็คิดถึงมากที่สุดไม่แพ้กัน
แววตาบุรุษเหมยในตอนนี้ คงเผยออกมาหมดว่ารู้สึกเช่นไร หากอีกคนตื่นมาสบตา แต่ไม่กระนั้น
องค์ชายจิ้งเหยียนหลับเป็นตาย เขาประมาณเอาว่าคงเหน็ดเหนื่อยกับภารกิจที่หลังจากการแต่งตั้งตำแหน่งใหม่
เรื่องราวมากมายใหญ่น้อยให้จัดการ มือน้อยของชายหนุ่มมากปัญญาเคลื่อนเข้าใกล้ช้า ๆ
และประทับตรงหน้าผากชายร่างใหญ่สูงศักดิ์อย่างแผ่วเบา
“กระบืออย่างเจ้าเนี่ยนะ”
เหมยฉางซูเอ่ยเบาเหมือนรำพันกับตัวเอง
แต่ก็หมายถึงคนที่นั่งหลับอยู่ตรงหน้า เขาเอ่ยเบาก็ยิ้มพิมพ์ใจไปด้วย
มององค์ชายใจร้อนอย่างมีความหมาย บุรุษประมุขบูรพานทีหมายอยากจะทำอะไรอย่างหนึ่ง
เขาไม่กล้าพอที่จะสัมผัสชายในใจเขา แม้อีกคนหลับก็ใกล้เกินไป
จนหัวใจผิดแผกแปลกประหลาด แต่เหมายฉางซูก็มีฝ่ามือของเขาที่ประทับอยู่บนหน้าผากขององค์ชายร่างสูงนี้แล้ว
เซียวจิ้งเหยียน ได้โปรดมีความสุขเพื่อข้าไปนาน ๆ ด้วย ... เมื่อเอ่ยในใจจบ
ในตอนนี้เขาเป็นหลินซู และกำลังเคลื่อนร่างโน้มใกล้
ประทับริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเองบนหลังมือตัวเอง เขากล่าวในใจซ้ำ ๆ
ว่าเขาไม่กล้าพอที่จะสัมผัสคนผู้นี้ใกล้เกินไป มันทำให้หัวใจของเขาอ่อนแอ
จบจากการฝากความคิดถึงไว้ ร่างบอบบางของบุรุษเหมยขยับอย่างเงียบเชียบ
และเคลื่อนจากไปอย่างสงบแต่เขาคว้าหยิบเอากล่องขนมไป แต่ก่อนหน้านั้น
เหมยฉางซูได้ทูลองค์ชายที่เหน็ดเหนื่อยเหลือเกินให้ทรงทราบในกระดาษที่เขียนด้วยปลายพู่กันลายมือสวยงามของประมุขพรรคบูรพานทีไว้ว่า
ไม่กล้าปลุกท่านจากบรรทม ข้าจึงปล่อยให้ท่านหลับสบาย
และขอบพระทัยสำหรับขนมจากสนมจิ้ง ทรงเป็นพระกรุณาแล้ว
เหมยฉางซูหยุดที่ปลายทางครั้งหนึ่งก่อนออกกจากห้องลับ
เพื่อเอี้ยวมองร่างที่กำลังหลับอยู่ เขาไม่ปิดประตูห้องในฝั่งเขา
เผื่อองค์ชายใจร้อนผู้นี้หรือเซี่ยวจิ่งเหยียนจะมีเรื่องอะไรสำคัญ
แต่ในตอนนี้เขากำลังเข้าสู่นิทราอย่างสงบ
เมื่อพ้นธรณีออกไป
เหมยฉางซูก็ยังบ่นในใจ...ไม่..เขาที่บ่นถึงกระบือตอนนี้คือหลินซู เป็นแน่แท้
น่าร้ากกกกกก ชอบคู่นี้มากเลยค่ะ
ตอบลบ