วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558

[Fic] THISMAN :: HiddeN - CHAPTER : FOREVER



TITLE :  THISMAN :: HiddeN
CHAPTER : FOREVER
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG - 13





***********************************************************************










คุณคิดว่าเราจะต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ความรู้สึกของเราแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนหรือ ?


ตลอดกาล










พอได้ฟังประโยคนั้นจากปากอี้เฟิงแล้ว ก็ทำเอาผมเจ็บปวดที่หัวใจ เหมือนมีใครเอาอะไรตอกที่ใจซ้ำ ๆ ย้ำเป็นพันครั้งที่จริงก็คือหลี่อี้เฟิงคนนั้นที่ทำแบบนั้นกับผม








ตอนนี้ผมเหมือนกำลังถูกเขาลงโทษอยู่  กลายเป็นซาตานผู้ถูกจองจำ ด้วยความรักที่ผมมอบให้เขา







ที่จริงคำว่าตลอดกาลนั่น อาจจะหมายถึงความรักที่ผมจะต้องมีเพื่อเขาตลอดไป รวมถึงหัวใจของผมด้วย







ในขณะที่ผมถามประโยคนั้นกับอี้เฟิงออกไป ผมเหมือนคนบ้าคนหนึ่ง ด้วยความมุทะลุเป็นนิสัยเดิมติดตัว ที่ทำงานที่บังเอิญใกล้กันโดยไม่แจ้งกล่าว ต่างฝ่ายต่างยุ่งจนไมได้ระวังกัน  ผมได้มาอยู่ใกล้แม้ไม่เต็มปากว่าใกล้ตาแต่ผมยังวิ่งฝ่าคำสั่ง คำดุของเหล่าบรรดาผู้จัดการออกมา  คลุมหัวด้วยฮู้ดตัวเก่งที่ผมซื้อมาใส่คู่กันกับเขา แม้เขาจะไม่คิดหยิบมันมาใส่ ผมสวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าและกันฝุ่นละอองจากบรรยากาศที่ค่อนข้างแย่นิดหน่อยของเมืองหลวง


และยิ่งฝนตกหนักแบบนี้ ผมยิ่งเหน็บหนาว





“คุณคิดว่าเราจะต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ความรู้สึกของเราแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนหรือ ? “


“ตลอดกาล “




เพียงแค่ประโยคสั้นที่เมื่อได้ฟังแล้ว อี้เฟิงพูดประโยคนั้นด้วยน้ำเสียงปกติ ช้า ๆ และชัดถ้อยคำ เหมือนย้ำให้ผมเข้าใจถึงความเป็นไปไม่ได้ในความรักของเรา และไม่มีวัน ไม่มีทางที่ใครจะเข้าใจ แม้คนใกล้ตัวเองอาจจะต้องกังขาถึงความรักของเราด้วยเหมือนกัน 







มันเป็นเหมือนคำสาปที่อาจจะเกิดจากที่ผมเคยทำอะไรกับอี้เฟิงไว้มากมาย รอยแผลนั่นที่ผมตีตราในใจอี้เฟิง มันร้ายแรงเสียจนไม่มีวันหายดีเป็นปกติได้ และเขาคงจดจำไปตราบนานเท่านาน







อาจจะเท่า ๆ กับคำว่าตลอดไป ที่เขาพูดมา









ก็อาจจะตอบแทนกันได้ด้วยวิธีนี้  ผมรักเขาไปแล้ว ยิ่งมากวันความรู้สึกยิ่งทวีคูณ ผมทำอะไรไม่ได้แล้ว







แค่คิดถึงใบหน้าของอี้เฟิง ผมก็ฝันดีทุกวัน ได้รับการติดต่อจากเขา เราได้พูดคุยกันทางโลกออนไลน์ แค่นั้นผมก็มีความสุขมากจริง ๆ และผมทำได้แค่นี้








 .. ซาตานที่ตกหลุมรักเทพบุตร เป็นความรักที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ คนที่แตกต่างกันมาก และแทบจะไม่มีวันโคจรมาเจอกันได้รักกัน  นี่ก็เหมือนคำสาปแล้วใช่ไหม








ช่างมันเถอะ ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น  ผมแค่รักหลี่อี้เฟิง









แค่นั้นก็พอ....






“ผมรักคุณ”







ผมพูดประโยคนี้ในขณะที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ หน้าตึกสูงระฟ้าซึ่งเป็นที่ทำงานที่สุดท้ายของอี้เฟิงวันนี้ ที่บังเอิญให้เรามาใกล้กัน  สายตาผมทอดมองไป  หลี่อี้เฟิงยืนอยู่ที่หลังประตูกระจกใสในร่มอาคาร








ดีแล้วที่เขาไม่โดนฝน  เขาเป็นคนป่วยง่าย  







เห็นแววตาของอี้เฟิงเหมือนกัน มองมาทางผม  เขารู้แน่นอนว่าคนที่ยืนนิ่งทื่อ อยู่กลางในหน้าตึก คือผม มีแค่ผมคนเดียวที่ชอบทำอะไรบ้า ๆ จนเขาเหนื่อยใจ






ผมแค่อยากเห็นหน้าอี้เฟิงด้วยตาคู่นี้แค่นั้น 






และผมก็กำลังจะกลับไป...









แต่ก่อนไปก่อนหน้านี้ ผมก็โชว์ความอ่อนแอให้คนที่ผมรักเห็นเสียก่อนแล้ว







ผมร้องไห้แข่งกับท้องฟ้า









THISMAN –HIDDEN- :: FOREVER ::








"หยางหยาง นายมาได้ยังไง"
"ผมแค่อยากเห็นหน้าคุณ"
"แล้วก็วิ่งฝ่าฝนมาเนี่ยนะ?!"
"อี้เฟิง.. คุณตอบผมซักคำถามได้มั้ย"
..."อืม"
 .คุณคิดว่าเราจะต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ความรู้สึกของเราแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนหรือ ? “




........
.....
...
..
.









“ตลอดกาล "








แม้อยากจะกัดปากตัวเองให้ห้อเลือด แต่อี้เฟิงเลือกพูดตามความเป็นจริงที่เห็นกันอยู่







ทำไมจะมองไม่เห็นกันว่านั่นเป็น ไอหมาบ้าที่ชอบทำอะไรบ้า  ๆ จนคาดไม่ถึงและทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย










ประโยคนั้นผมเองก็ย้ำในใจอยู่บ่อยครั้ง ความรักที่จะต้องเป็นความลับ  มันไม่มีทางที่จะเปิดเผยให้ใครรู้ได้ แม้แต่คนรอบข้างยังมองเราอย่างสงสัย  แต่เราสองคนจะต้องใช้ภาพลักษณ์เพื่อมีชีวิตอยู่ในสังคมในประเทศนี้







ผมและเขาก็เหมือนโดนคำสาป








ผมรู้ดีว่าหยางหยางรักผมมากแค่ไหน  แน่นอน ความรักของผมที่มีต่อหยางหยางมันเพิ่งเริ่มต้น  ไม่เท่าที่หยางหยางมอบให้ด้วยซ้ำ แต่ผมกำลังพยายาม







ผมกำลังหลงรักเขา







หยางหยางชอบอะไรให้ประหลาดใจ แต่นั่นก็ทำให้ประทับใจ ปนละเหี่ยใจในบางครั้ง เขาอายน้อยกว่าและประสบการณ์บางอย่างเขายังด้อยนัก แต่ไม่นับความรักของเขาต่อผมที่มากมายจนทำให้รู้สึกทึ่ง






ผมอยากรู้ว่าเขาจะรักผมมากขนาดไหน  คำว่า ตลอดกาล  จึงหลุดปากไป แต่ก็เหมือนจะถูกต้องอยู่แล้ว สำหรับการตอบคำถามของหยางหยาง ที่ได้ถามผมมาเมื่อก่อนหน้า








ก่อนหน้านั้นครู่ใหญ่ หยางหยางยกโทรศัพท์โทรหาผม ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เวลาที่ถูกควรเท่าไหร่ที่เราจะได้คุยกัน เรามักจะโทรหากันหากสามารถทำได้ แต่ต้องหลังเสร็จงานทุกอย่าง แต่ถ้าไม่มีโอกาส เราก็จะใช้โลกออนไลน์เป็นสื่อ เราถูกจับตาจากคนรอบข้างมากมาย  จึงทำอะไรไม่ได้มาก







อย่าว่าแค่จะพบหน้ากันเลย ได้แค่ในฝันด้วยซ้ำไป







แต่เขาก็ทำอะไรบ้า ๆ อย่างที่ผมคาด หมอนั่นวิ่งมายืนหน้าตึกที่ผมทำงาน ผมที่เพิ่มเข้ามาในตึกนี้ ได้ครู่เดียว เพราะเพิ่งจะมาถึง เขารู้ว่าผมกำลังมา เขาจึงวิ่งข้ามฟากจากตึกสูงอีกฝั่งที่เขากำลังถ่ายแบบ ตรงมาหาผม ทั้งที่ฝนตกหนักมากไปไหนมาไหนลำบาก ต่อให้มีเสื้อฝนหรือร่มก็จะต้องเปียกไปทั่วตัว







แต่ไม่นาน เขาก็มายืนตรงหน้าผมแล้ว 






หยางหยางหอบเล็กน้อยจากการวิ่งมา เมื่อผ่อนคลาย เขาทอดมองตรงมาที่ผม และยิ้มให้ ผมไม่เห็นว่าริมฝีปากที่ผมนึกชื่นชมของเขายกยิ้มอย่างไร แต่ตาคมกริบของหยางหยางยิ้มอยู่







แต่เขาร้องไห้ด้วย






ตอนแรกผมคิดว่าเป็นหยาดฝนที่กระเซ็นโดนใบหน้าเขา..แต่มองไปก็ไม่ใช่...เพราะอะไร?  ได้เจอหน้าผมอย่างนั้นหรือ  เพียงไม่กี่ครั้งนับตั้งแต่วันที่เราได้ตกลงปลงใจกัน  น้ำตาของหยางหยางดูเป็นของต้องห้ามห้ามหลี่อี้เฟิงคนนี้มากมาย  ผมพยายามคิดว่านั่นเป็นหยาดฝนที่สาดกระเซ็นโดนใบหน้าหล่อเหลาของเขา







เพราะถ้าไม่คิดแบบนั้น มันจะทำให้ผมยิ่งอยากวิ่งเข้าไปกอดเขามากขึ้น





 ผมมันเป็นเทพบุตรที่ช่างขี้ขลาดตาขาว แม้ว่าเขาจะสมควรได้รับการลงโทษ ..ให้เจ็บปวดบ้าง แต่ผมก็รักเขาบ้างเเล้ว นั่นก็ทำให้ผมพลอยเจ็บไปพร้อม ๆ กับซาตานผู้นั้นด้วย




อ่อนแอกันเหลือเกิน ทั้งคู่เลย









เพราะที่ที่อยู่มีผู้คนมากมาย ผมไม่สามารถก้าวขาออกไปได้  ฟังดูเห็นแก่ตัว ไม่มีข้อแก้ตัวด้วย แต่หากว่าผมก็คิดเผื่อหยางหยาง หากผมวิ่งออกไป แฟนคลับที่อยุ่ห่างออกไปจากตึกบางคนต้องรู้แน่ว่า ผมกำลังทำบ้าอะไรที่จู่ ๆ ก็วิ่งออกไปกอดคน ๆ หนึ่งท่ามกลางฝนกระหน่ำเช่นนั้น นักข่าว ปาปารัซซี่มากมาย






ผมกลัว









กลัวหลายอย่าง กลัวทั้งเรื่องของตัวเอง กลัวทั้งเรื่องระหว่างเรา ยิ่งอยากเปิดเผย ยิ่งทำร้ายสายสัมพันธ์ของเราทั้งคู่











ตลอดกาล นั่นล่ะเหมาะสมแล้ว








เราจะต้องซ่อนความรักของเราเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ต้องอารมณ์ความรู้สึกมากมาย แม้อยากจะกอดเขาแค่ไหนก็ตาม













หยางหยางเดินจากไปแล้ว ก่อนเขาไปก็ทิ้งทวนประโยคซ้ำเดิมที่บอกรักผมทุกครั้ง ครั้งนี้เขามาเพื่อแค่อยากเห็นหน้าผมจริง ๆ








ดวงตาที่โผล่พ้นหน้ากากอนามัยและฮู้ดที่คลุมอยู่
ผมเห็นเขาร้องไห้ ระยะของเราไมได้ไกลกันขนาดที่มองตากันไม่ได้เลย










ดวงตาของเขา ใบหน้าของเขา ไออุ่นจากเขา
ไม่ใช่ว่าผมไม่คิดถึงมัน แค่เพราะหักห้ามใจเอาไว้










“หยางหยาง นายห้ามป่วยนะ”











ผมอวยพรเขาผ่านน้ำเสียงอันสั่นเครือทั้งที่พยายามเก็บความรู้สึกแล้ว ผ่านสายโทรศัพท์ที่เรายังไม่ได้วางสายกันไปเลยตั้งแต่เราพบหน้ากันเมื่อก่อนหน้านี้  พอกดวางสายไปในที่สุด ผมก็หันหลังและเดินออกจากจุดนั้นไป











ผมอยากร้องไห้ท่ามกลางสายฝนเป็นเพื่อนหยางหยางบ้าง













******************************END ***************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น