“ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมเป็นพยานของเราในวันนี้นะ”
จบคำกล่าวขอบคุณอย่างเป็นกันเองของคู่บ่าวสาวบนเวทีนั้นแล้ว
บ่าวสาวที่น่ารักก็โชว์ความหวานกันในคนในงานซึ่งมีทั้งเพื่อนร่วมงาน
ทั้งเพื่อนสมัยเก่าก่อน หรือญาติทุกคนได้อิจฉาตาร้อนกัน หลายคนในงานก็คงจะเป็นเพื่อนฝั่งเจ้าบ่าวส่งเสียงตะโกนเชียร์กันใหญ่
ชอบใจ
อีกฝ่ายเพื่อนเจ้าสาวไม่แพ้กันก็เชียร์ให้เพื่อนสาวของพวกเธออย่ายอมให้เจ้าบ่าวหวานใส่อยู่ฝ่ายเดียว
“เอะอะกันจริ๊ง”
อี้เฟิงเอ่ยกับตัวเองอยู่เพียงผู้เดียว
เจ้าสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นเพื่อนสมัยเรียนที่เคยกุ๊กกิ๊กกันแต่ตอนนี้
เธอมีรักใหม่ที่น่ารักและดูมีความสุข ซึ่งอี้เฟิงก็ดีใจไปกับเธอ
รวมทั้งเจ้าบ่าวคนนั้นก็แสนดีจนอี้เฟิงนึกอิจฉาเพื่อนสาวของเขาเสียเอง ตอนนี้เพื่อนสาวของอี้เฟิงพากันมาให้รู้จัก
เพื่อน ๆ
ในกลุ่มรวมทั้งอี้เฟิงได้รู้จักเจ้าบ่าวคนนั้นก็ส่งเสียงโอดครวญอิจฉากันเป็นการใหญ่
เขาแสนดีอย่างที่ทุกคนพูดกัน จึงหวังว่าเธอกับเขาจะครองรักกันไปตราบนานเท่านาน
อี้เฟิงไม่ได้มีความรู้สึกดั่งเช่นเมื่อวาน เหลือเพียงความเป็นเพื่อนให้แล้วจึงได้แต่อวยพรให้เธอมีความสุข
“โอ๊ะ ขอโทษครับคุณ”
ในระหว่างที่อี้เฟิงกำลังทอดมองความสุขของเพื่อนสาวตรงหน้า เขาไม่กล้าเข้าไปร่วมวงตะโกนด้วย
เพราะเพื่อนเจ้าสาวฝั่งเขาเป็นผู้หญิงเสียเยอะ แถมยังเฮ้วไม่ใช่เล่น ตะโกนปาว ๆ
เชียร์เพื่อนสาวที่ใส่ชุดแต่งงานให้หอมแก้มเจ้าบ่าวโชว์กันใหญ่ แต่ไม่ทันไรก็มีบางอย่างที่ทำให้เขาอารมณ์สะดุด
หล่อ..มาก ....
แบบนี้เจ้าบ่าวต้องอายกันแล้วมังเนี่ย
“มะ..ไม่เป็นไร”
อี้เฟิงตอบเสียงเบากลับไปหาชายหนุ่มอีกคนที่ทำให้เขาอารมณ์สะดุด
จากที่ทอดสายตาความน่ารักของหมู่เจ้าบ่าวเจ้าสาวและเพื่อน ๆ หน้าเวที
ชายหนุ่มคนนี้ทำให้เขาต้องละสายตามา
“แต่สูทคุณมันเปื้อนนิดหน่อย”
เสียงทุ้มเข้มบอกเช่นนั้น แต่ด้วยระยะที่ทำให้อี้เฟิงตกใจ
ทำให้ร่างของอี้เฟิงขยับหนีตามสัญชาตญาณ อีกฝ่ายเห็นก็ยกยิ้มขำ
“ขอโทษอีกทีนะครับ”
“อื้อ”
พอได้เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ คือ ชายหนุ่มสุดหล่อตรงหน้าอี้เฟิงเดินมาจากที่ไหนซักที่แล้วดันชนกับอี้เฟิงเข้าจนเชมเปญจากแก้วทรงสวยในมือของชายหนุ่มกระเฉาะออกจากแก้วมาเปื้อนสูทของอี้เฟิง
แม้ไม่มากแต่ก็ถือว่าเปื้อน มือเรียวสวยของชายหนุ่มล้วงผ้าเช็ดหน้าผืนสวยราคาแพงมาจากอกเสื้อสูทและตั้งใจเช็ดแชมเปญที่เปื้อนให้
“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกคุณ แค่นี้เอง”
“ผมทำคุณเปื้อนนะ”
โอโห..สายตา...
สายตาของชายหนุ่มตรงหน้าที่ช้อนมองอี้เฟิงในระดับที่ต่ำกว่าเล็กน้อย
เพราะเขาก้มมองระยะเปื้อนตรงสูทของอี้เฟิงบริเวณอกเสื้อ เมื่อละจากตรงหน้า
เขาก็หันมาตอบอี้เฟิง และด้วยสายตาที่ส่งมา
“คุณครับ”
“หา ?”
สายตาชายหนุ่มคนนั้นยังไม่เปลี่ยนไปเลย จะฆ่ากันรึไง ...
อี้เฟิงโอดครวญในใจ นี่ขนาดเขาเป็นผู้ชาย ยังหวั่นใจได้ขนาดนี้
หากว่าสาวที่ไหนลองเจอสายตาหวาน ๆ ของชายหนุ่มในสูทดำ ตาคมกริบ
และหล่อเหลาระดับเทวดาจากสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าเขานี้แล้วล่ะก็
คงมีระทวยกันบ้างไม่มากก็น้อย
เขาทิ้งช่วงเสียงทุ้มหล่อนั้นอยู่นาน
ทำให้อี้เฟิงรอลุ้นว่าเขาจะพูดอะไร
“หยางหยาง”
แต่เขาก็ไม่ได้พูดต่อ เพราะมีอีกเสียงจากที่ไกล ๆ
น่าจะเป็นเพิ่อนของเขาที่ร้องเรียกให้ไปรวมกลุ่มกันสังสรรค์ เพื่อนเจ้าบ่าวหรือ ?
“ไว้เจอกันใหม่นะครับ”
เขาพูดเหมือนว่าเราจะต้องได้กลับมาพบกันแน่ ๆ เขาแน่ใจงั้นหรือ
แต่อี้เฟิงก็หวังว่าจะได้พบคน ๆ นี้อีกเช่นกัน
สายตานั้นมัดใจเขานัก
แถมยังดูมีความนัย
อี้เฟิงอยากจะรู้อีกอย่างหนึ่งด้วยว่าเขาอยากจะเอื้อนความอะไรซักอย่างออกมา
ไว้เจอใหม่นะ คุณเพื่อนเจ้าบ่าว
หลังจากนั้นอี้เฟิงก็ถูกเรียกมาร่วมวงสังสรรค์ด้วยกับเพื่อน ๆ
ในฝั่งเจ้าสาว โดยไม่มีถามความเห็นของเขาซักคำ ในกลุ่มเพื่อนเจ้าสาว
นอกจากจะมีเพื่อนชายน้อยอยู่แล้ว เพื่อนผู้ชายของฝั่งเจ้าสาวก็มีแฟนกันหมดทุกคน
ดีจริง.. อี้เฟิงประชดประชันตัวเอง
ก็เขามันเป็นพวกไม่สนใจเรื่องแบบนี้มากเท่าที่ควร
หลังจากวัยเรียนนั้นมาก็ทำแต่งานจนแทบไม่มีเวลาคิดเรื่องพวกนี้
“นี่ ๆ ทุกคน ดูฝั่งโต๊ะนั้น เพื่อนเจ้าบ่าวกลุ่มนั้น
ผู้ชายที่ดูสมาร์ท ๆ คนนั้นอ่ะ”
“คนที่หล่อสุด ๆ ไปเลยน่ะหรอ? “
“ก็คนนั้นล่ะ”
แล้วสาว ๆ ก็จับกลุ่มคุยกันถึงประเด็นที่สาว ๆเขาชอบ
อี้เฟิงขอนั่งกินอาหารเลี้ยงในงานไปแล้วกัน แม้จะเอออตามไปบ้างเดี๋ยวเพื่อนสาว ๆ
จะโกรธเอาที่ไม่ฟังกัน แต่จู่ ๆ...
“ไม่ใช่ว่าคุณชายสุดหล่อคนนั้นมองอี้เฟิงอยู่หรอวะ
ตั้งแต่เมื่อกี้นี่แล้ว “
คำพูดของเพื่อนชายหนึ่งในเพียงไม่กี่คนที่นั่งข้างอี้เฟิงถัดไปข้าง ๆ
ก็มีแฟนของเพื่อนคนนี้อีกที
เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทุกคนหันไปมองอี้เฟิงเป็นตาเดียว
และเขาก็กำลังกินอาหารไม่ทันใส่ใจอะไร
“เอ่อ.. เดี๋ยวนะเว้ย ฉันไม่รู้เรื่อง”
คนที่ตกเป็นเป้าตอบทั้งที่อาหารยังคาปากอยู่ แต่สายตากลมโตหันไปคาดคั้น
ค้อนใส่เพื่อนชายที่นั่งข้างกัน
ด่าไอบ้าทางสายตาแล้วเมื่อเคี้ยวของในปากจนหมดก็เอ่ยต่อว่าว่าพูดอะไรก็ไม่รู้ สุดท้ายประเด็นของอี้เฟิงก็กลายเป็นประเด็นใหม่ของสาว ๆ เพื่อนของเขาบนโต๊ะสังสรรค์นี้ซะแล้ว
เพื่อนชายของอี้เฟิงคนนี้หันมาถามเขาชัด ๆ อีกที
“นี่แกไม่รู้จริง ๆ หรอวะ
ว่าเขามองแกมาตั้งแต่เข้างานมา เจอพวกเขาหน้างาน เข้าก็จับตาดูแกอยู่ ไม่ปล่อย
อย่างกับหมาป่ารอล่าเหยื่อ”
อี้เฟิงส่ายหัวบอกว่าไม่ได้คิดแบบนั้นเสียหน่อย เขาเป็นผู้ชายจะมาจับตาดูอะไรผู้ชายด้วยกัน
“แกนี่มันไม่รู้อะไรเล๊ย อี้เฟิง”
พออี้เฟิงบอกเช่นนั้นจบ เหมือนทุกคนบนโต๊ะจะได้ยินกันหมด
โดยที่อี้เฟิงไม่รู้ และอีกอย่างที่เขาไม่เข้าใจคือทุกคนหัวเราะขำกันไปหมด
PROJECT SWEET :: Sweet Bouquets
จนสุดท้ายท้ายที่สุดของงาน เหมือนเป็นเวลาที่หญิงสาวในงานต่างรอคอย
พิธีในงานแต่งของเพื่อนของอี้เฟิงไม่ค่อยเป็นรูปแบบแบบแผน อยากจะทำอะไรก็ทำ
เพราะเป็นงานกันเองไม่ได้มีแขกเกรื่อมาก ก็เท่าที่เชิญไป
เขาถูกดึงให้มายืนคอยเป็นทัพเสริมให้เพื่อนสาวที่อยากได้ช่อดอกไม้จากมือเจ้าสาวแสนสวยเพื่อนของเขา
อี้เฟิงไม่ขัดอะไรอยู่แล้ว วันนี้ที่มาก็เหมือนถูกลากมาอย่างเสียไม่ได้ อาหารเลี้ยงที่กินค้างไว้ก็จำต้องละไว้ก่อน
“สวัสดีครับ มารอรับช่อดอกไม้ด้วยหรือ? “
“เอ๊ะ?”
“ผมแซวเล่นหน่า”
คุณหมาป่า.. อืม..อี้เฟิงตั้งชื่อให้เขาแม้จะรู้นามของคุณหมาป่าอยู่แล้ว ชายหนุ่มคนนี้มายืนเลียบเคียงไหล่อยู่ใกล้ ๆ ใช้สายตาคมกริบเยี่ยงหมาป่าแอบมองอี้เฟิงลัดเลาะมา
แม้อี้เฟิงจะจับได้แล้วว่าเขาแอบมองอยู่นะ ก็ยังไม่เลิกมองอยู่ดี
“คุณมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า”
“คุณไม่สงสัยหรือว่าผมจะพูดอะไรกับคุณ..เมื่อตอนนั้น”
“เอ๋? “
นึกไปถึงก่อนหน้าที่เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยที่ชายหนุ่มคนรูปหล่อที่ชื่อหยางหยางทำเชมเปญหกรดสูทเขา
เมื่อเขารับผิดชอบเช็ดคราบเชมเปญที่เปื้อนสูทให้แล้ว ที่จริงอี้เฟิงรู้สึกเหมือนเขาจงใจที่จะให้เกิดอุบัติเหตุเล็ก ๆ นั่น ก่อนเขาจากไปก็ดูเหมือนมีความนัยซะอย่างอยากจะเอ่ย
อี้เฟิงคิดว่าเขาใช้สายตาบอกมาแล้วล่ะแต่แค่อี้เฟิงไม่เข้าใจ
“แล้วคุณอยากจะพูดอะไรกันล่ะครับ”
ชายหนุ่มคนรูปหล่อหันมาหาอี้เฟิงแบบเต็มตัว บดบังทัศนวิสัยของอี้เฟิงที่มองสถานการณ์การเตรียมโยนช่อดอกไม้เจ้าสาวตรงหน้า
อี้เฟิงมองเห็นหยางหยางแทน และทันใดนั้น...
เขาขยับปลายเท้าที่สวมใส่รองเท้าหนังราคา ใกล้ชิดอี้เฟิงได้มากเท่าที่ทำได้
และเอียงกระซิบใกล้หู ส่วนสูงของทั้งสองแตกต่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตร
“ผมตกหลุมรักคุณแล้ว คุณตาสวย”
“โอ๊ย”
มือสองมือมันไปเองโดยทันทีที่ได้ยิน
เหมือนกำลังใช้ระบายความเขินที่เกิดโดยฉับพลัน
ร่างของชายหนุ่มคนนั้นถอยห่างไปเพียงไม่กี่ก้าว
เขาก็ดูตกใจไม่น้อยแต่ก็ยกยิ้มแบบที่ฆ่าหัวใจอี้เฟิงได้
ไม่เข้าใจชายหนุ่มคนนี้จริง ๆ
“นี่คุณหยางหยาง!”
“ในที่สุดคุณก็เรียกชื่อผมซักที”
เขาพูดเหมือนเขารออยู่อย่างนั้น
อี้เฟิงมองใบหน้าหล่อราวเทวดาตกสวรรค์ชองอีกฝ่าย ไม่เข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้น
อยากให้คน ๆ นี้อธิบายแต่ใจอี้เฟิงยังไม่พร้อมฟังเท่าไรนักแม้อยากจะรู้
เขาเขินมากเหลือเกิน อายเสียด้วยอีกอย่างก็เพราะประโยคบอกรักที่ได้ยินจากปากได้รูปและเสียงทุ้มของคุณหยางหยางนี่
“ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ เอาจริง ๆ เพื่อนคุณเขาก็รู้กันอยู่นี่หน่า
แถมกันผมสุดฤทธิ์ ถึงผมจะชื่อเสียงไม่ค่อยดีนักแต่ก็ช่วยให้โอกาสผมหน่อย กว่าผมจะใจกล้าเข้ามาคุยกับคุณ ผมก็ใช้เวลาทำใจอยู่นานเลยนะครับ"
ออดอ้อนเก่งเหลือเกิน ... เมื่อคิดไปแบบนั้นก็พลันมองใบหน้าและท่าทางอีกฝ่าย เหลือเกินจริง ๆ ขนาดเขาที่เป็นชายยังต้องใจอ่อนกับทุกอย่างที่ชายหนุ่มนามหยางหยางแสดงออกมา
ออดอ้อนเก่งเหลือเกิน ... เมื่อคิดไปแบบนั้นก็พลันมองใบหน้าและท่าทางอีกฝ่าย เหลือเกินจริง ๆ ขนาดเขาที่เป็นชายยังต้องใจอ่อนกับทุกอย่างที่ชายหนุ่มนามหยางหยางแสดงออกมา
พอได้ยินแบบนั้น
ในความคิดของอี้เฟิงก็พลันนึกไปถึงบทสนทนาจิปาถะบนโต๊ะงานเลี้ยงสังสรรค์งานแต่งเมื่อครู่
ของกลุ่มเพื่อนเจ้าสาวของอี้เฟิง ได้ยินผ่าน ๆว่า
คุณหยางหยางคนนี้ชื่อเสียงเรื่องความเจ้าชู้มีไม่น้อยเลย
แต่มันเกี่ยวกบเขาอย่างไรล่ะ ? พอหลังจากนั้นหลังจากที่เพื่อนชายของอี้เฟิงทักว่าเขาช่างไม่รู้อะไรเสียเลย
เพื่อน ๆ ของอี้เฟิงก็ทำตัวแปลก มากันหน้ากันหลังเดินไปไหนมาไหนคนเดียวไม่ได้แล้ว
“คุณจีบผมอยู่หรือ”
“คร๊าบ ผมคิดว่าคุณจะไม่รู้สึกตัวเสียเเล้ว”
“จะบ้ารึคุณ เราผู้ชายด้วยกัน”
“ผมไม่สนหรอก ผมชอบคุณแค่นั้นก็พอ”
สายตาแบบนี้อีกแล้ว...หมอนี่ แววตากรุ้มกริ่มเหมือนจะกลืนกินเขาได้ทั้งตัวอี้เฟิงโอดเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ของวันนี้
รู้สึกทนมองไม่ไหวกับสายตาของชายหนุ่มคนนี้
เขาไม่เคยถูกรุกจีบหนักจนหวั่นใจแบบนี้มาก่อน คนอะไรเถรตรงเหลือเกิน
“เห้ย อี้เฟิง..อี้..เฟิง”
แล้วก็มีอะไรมาสะดุดอารมณ์ในขณะที่อี้เฟิงกำลังพยายามอ่านความนัยที่เหลือของคุณหยางหยางที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ช่อดอกไม้งานแต่งงาน...
มันลอยข้ามผ่านสาว ๆ ในงานหลายคน
และอี้เฟิงที่ยืนเกือบหลังสุดของกลุ่มคน
สุดท้ายช่อดอกไม้น่ารักจากมือเจ้าสาวก็มาอยู่ในมือของอี้เฟิงคู่อย่างไม่ทันตั้งตัว
แต่ดูเหมือนเป็นใจ
อี้เฟิงได้ยินเสียงนั่นปะไร อุทานของเพื่อนชายของตัวเองมาจากไกล ๆ
คุณหยางหยางที่ยืนยิ้มส่งมาให้ เขามองตรงมายังอี้เฟิง
และไม่ละสายตาจากใบหน้าหวานเลยแม้แต่วินาทีเดียว จนอี้เฟิงจนเสหลบก้มลงต่ำ
ก็พลันมาเห็นมือตัวเองที่กอบกำช่อดอกไม้แสนสวยเอาไว้
อี้เฟิงก็กลั้นเขินไม่อยู่อีกต่อไป ใบหน้าหวานแดงระเรื่อ
แบบนี้มันอย่างกับว่าเราเป้นเจ้าสาวเองเลยนี่หว่า
คิดบ้าบอเอาเองจนทนมองช่อดอกไม้แสนสวยนี่ไม่ไหวก็พลันเงยหน้าขึ้นมา
ก็พบคุณหยางหยางรูปหล่อยิ้มไม่เลิกส่งมาให้ แถมยังแกมล้ออี้เฟิงเสียด้วย
จะบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าบ่าวหรือกัน ? ห้ามส่งสายตาแบบนั้นมานะ!
“ถ้าผมมีแหวนตอนนี้ ผมคงสวมให้คุณไปแล้วครับ คุณหลี่อี้เฟิง”
คุณหยางหยางขยับเข้ามาหาใกล้ทีละจังหวะ อีกฝ่ายคงหาข้อมูลเรื่องของอี้เฟิงมาดีอยู่แล้ว คงรู้ชื่อนามสกุล
รู้ว่าเขาไม่มีแฟนและ รู้ว่าเขาเป็นคนที่เขินง่ายกับสถานการณ์ชวนใจเต้นแบบนี้ที่สุด
หลี่อี้เฟิงคนนี้อยากเอาช่อดอกไม้ปาหัว
คนรูปหล่อที่ยืนยิ้มให้ตรงหน้านี้จริง ๆ
แต่อี้เฟิงก็รู้สึกได้ว่าใบหน้าของตัวเองก็เผลอยกยิ้มตามเขาไปแล้วเหมือนกัน
สายตาสอดประสาน เหมือนบอกความนัยกันทั้งหมดทั้งมวล ผ่านบรรยากาศตรงนี้
และด้วยสายตาของคนสองคน
“ตาคุณสวยจริง ๆ นะคุณอี้เฟิง”
“ขอบคุณ”
คุณหยางหยางก็ยังยิ้มอยู่ แต่แอบเห็นว่าคุณคนหล่อคนนี้ก็แอบเขินแล้วบ้างเหมือนกัน
เพื่อน ๆ รอบ ๆ ก็เริ่มแซวกันแล้ว ฝั่งเพื่อนของอี้เฟิงก็ไม่แพ้กัน อะไรกันน่ะ ?
เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ลงมาเชียร์เขาสองคนดันด้วยหรือ
จะบ้ากันไปแล้ว อี้เฟิงเหมือนจะได้ยินเพื่อนฝั่งเจ้าบ่าวเชียร์ให้คุณหยางหยางขออี้เฟิงแต่งงาน
ส่วนหมอนี่ตรงหน้าอี้เฟิงก็ยิ้มเขิน แต่ก็ยังใจดีมองตากันอยู่เขินกันเป็นเพื่อนอี้เฟิง เขาส่งสายตาขอร้องไปหาคุณหยางหยางว่า ให้ช่วย
แต่คุณหยางหยางดูเหมือนจะไปไม่เป็นเหมือนกัน
กลายเป็นทั้งอี้เฟิงทั้งคุณหยางหยางกำลังเขินแข่งกัน
เห๊อะ ให้ตายเถอะ
ฉันเป็นเจ้าสาวให้นายไม่ได้หรอกเว้ย แต่ถ้านายเป็นเจ้าสาวให้ฉันแทนก็ตกลงกันได้หน่อย