วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2559

PROJECT SWEET :: [SF] Sweet Bouquets - หยางเฟิง














“ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมเป็นพยานของเราในวันนี้นะ”









จบคำกล่าวขอบคุณอย่างเป็นกันเองของคู่บ่าวสาวบนเวทีนั้นแล้ว  บ่าวสาวที่น่ารักก็โชว์ความหวานกันในคนในงานซึ่งมีทั้งเพื่อนร่วมงาน ทั้งเพื่อนสมัยเก่าก่อน หรือญาติทุกคนได้อิจฉาตาร้อนกัน  หลายคนในงานก็คงจะเป็นเพื่อนฝั่งเจ้าบ่าวส่งเสียงตะโกนเชียร์กันใหญ่ ชอบใจ อีกฝ่ายเพื่อนเจ้าสาวไม่แพ้กันก็เชียร์ให้เพื่อนสาวของพวกเธออย่ายอมให้เจ้าบ่าวหวานใส่อยู่ฝ่ายเดียว









“เอะอะกันจริ๊ง”  อี้เฟิงเอ่ยกับตัวเองอยู่เพียงผู้เดียว เจ้าสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นเพื่อนสมัยเรียนที่เคยกุ๊กกิ๊กกันแต่ตอนนี้ เธอมีรักใหม่ที่น่ารักและดูมีความสุข ซึ่งอี้เฟิงก็ดีใจไปกับเธอ รวมทั้งเจ้าบ่าวคนนั้นก็แสนดีจนอี้เฟิงนึกอิจฉาเพื่อนสาวของเขาเสียเอง ตอนนี้เพื่อนสาวของอี้เฟิงพากันมาให้รู้จัก เพื่อน ๆ ในกลุ่มรวมทั้งอี้เฟิงได้รู้จักเจ้าบ่าวคนนั้นก็ส่งเสียงโอดครวญอิจฉากันเป็นการใหญ่ เขาแสนดีอย่างที่ทุกคนพูดกัน จึงหวังว่าเธอกับเขาจะครองรักกันไปตราบนานเท่านาน









อี้เฟิงไม่ได้มีความรู้สึกดั่งเช่นเมื่อวาน เหลือเพียงความเป็นเพื่อนให้แล้วจึงได้แต่อวยพรให้เธอมีความสุข












“โอ๊ะ ขอโทษครับคุณ”











ในระหว่างที่อี้เฟิงกำลังทอดมองความสุขของเพื่อนสาวตรงหน้า เขาไม่กล้าเข้าไปร่วมวงตะโกนด้วย เพราะเพื่อนเจ้าสาวฝั่งเขาเป็นผู้หญิงเสียเยอะ แถมยังเฮ้วไม่ใช่เล่น ตะโกนปาว ๆ เชียร์เพื่อนสาวที่ใส่ชุดแต่งงานให้หอมแก้มเจ้าบ่าวโชว์กันใหญ่ แต่ไม่ทันไรก็มีบางอย่างที่ทำให้เขาอารมณ์สะดุด











หล่อ..มาก  .... แบบนี้เจ้าบ่าวต้องอายกันแล้วมังเนี่ย






“มะ..ไม่เป็นไร”  อี้เฟิงตอบเสียงเบากลับไปหาชายหนุ่มอีกคนที่ทำให้เขาอารมณ์สะดุด จากที่ทอดสายตาความน่ารักของหมู่เจ้าบ่าวเจ้าสาวและเพื่อน ๆ หน้าเวที ชายหนุ่มคนนี้ทำให้เขาต้องละสายตามา









“แต่สูทคุณมันเปื้อนนิดหน่อย”







เสียงทุ้มเข้มบอกเช่นนั้น แต่ด้วยระยะที่ทำให้อี้เฟิงตกใจ ทำให้ร่างของอี้เฟิงขยับหนีตามสัญชาตญาณ อีกฝ่ายเห็นก็ยกยิ้มขำ






“ขอโทษอีกทีนะครับ”
“อื้อ”




พอได้เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ คือ ชายหนุ่มสุดหล่อตรงหน้าอี้เฟิงเดินมาจากที่ไหนซักที่แล้วดันชนกับอี้เฟิงเข้าจนเชมเปญจากแก้วทรงสวยในมือของชายหนุ่มกระเฉาะออกจากแก้วมาเปื้อนสูทของอี้เฟิง แม้ไม่มากแต่ก็ถือว่าเปื้อน มือเรียวสวยของชายหนุ่มล้วงผ้าเช็ดหน้าผืนสวยราคาแพงมาจากอกเสื้อสูทและตั้งใจเช็ดแชมเปญที่เปื้อนให้







“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกคุณ แค่นี้เอง”
“ผมทำคุณเปื้อนนะ”








โอโห..สายตา...








สายตาของชายหนุ่มตรงหน้าที่ช้อนมองอี้เฟิงในระดับที่ต่ำกว่าเล็กน้อย เพราะเขาก้มมองระยะเปื้อนตรงสูทของอี้เฟิงบริเวณอกเสื้อ เมื่อละจากตรงหน้า เขาก็หันมาตอบอี้เฟิง และด้วยสายตาที่ส่งมา






“คุณครับ”
“หา ?”







สายตาชายหนุ่มคนนั้นยังไม่เปลี่ยนไปเลย จะฆ่ากันรึไง ... อี้เฟิงโอดครวญในใจ นี่ขนาดเขาเป็นผู้ชาย ยังหวั่นใจได้ขนาดนี้ หากว่าสาวที่ไหนลองเจอสายตาหวาน ๆ ของชายหนุ่มในสูทดำ ตาคมกริบ และหล่อเหลาระดับเทวดาจากสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าเขานี้แล้วล่ะก็ คงมีระทวยกันบ้างไม่มากก็น้อย









เขาทิ้งช่วงเสียงทุ้มหล่อนั้นอยู่นาน ทำให้อี้เฟิงรอลุ้นว่าเขาจะพูดอะไร








“หยางหยาง”








แต่เขาก็ไม่ได้พูดต่อ เพราะมีอีกเสียงจากที่ไกล ๆ น่าจะเป็นเพิ่อนของเขาที่ร้องเรียกให้ไปรวมกลุ่มกันสังสรรค์ เพื่อนเจ้าบ่าวหรือ ?








“ไว้เจอกันใหม่นะครับ”









เขาพูดเหมือนว่าเราจะต้องได้กลับมาพบกันแน่  ๆ เขาแน่ใจงั้นหรือ
แต่อี้เฟิงก็หวังว่าจะได้พบคน ๆ นี้อีกเช่นกัน
สายตานั้นมัดใจเขานัก
แถมยังดูมีความนัย อี้เฟิงอยากจะรู้อีกอย่างหนึ่งด้วยว่าเขาอยากจะเอื้อนความอะไรซักอย่างออกมา










ไว้เจอใหม่นะ คุณเพื่อนเจ้าบ่าว









PROJECT SWEET ::   Sweet Bouquets














หลังจากนั้นอี้เฟิงก็ถูกเรียกมาร่วมวงสังสรรค์ด้วยกับเพื่อน ๆ ในฝั่งเจ้าสาว โดยไม่มีถามความเห็นของเขาซักคำ ในกลุ่มเพื่อนเจ้าสาว นอกจากจะมีเพื่อนชายน้อยอยู่แล้ว เพื่อนผู้ชายของฝั่งเจ้าสาวก็มีแฟนกันหมดทุกคน









ดีจริง.. อี้เฟิงประชดประชันตัวเอง ก็เขามันเป็นพวกไม่สนใจเรื่องแบบนี้มากเท่าที่ควร หลังจากวัยเรียนนั้นมาก็ทำแต่งานจนแทบไม่มีเวลาคิดเรื่องพวกนี้










“นี่ ๆ ทุกคน ดูฝั่งโต๊ะนั้น เพื่อนเจ้าบ่าวกลุ่มนั้น ผู้ชายที่ดูสมาร์ท ๆ คนนั้นอ่ะ”
“คนที่หล่อสุด ๆ ไปเลยน่ะหรอ? “
“ก็คนนั้นล่ะ”







แล้วสาว ๆ  ก็จับกลุ่มคุยกันถึงประเด็นที่สาว ๆเขาชอบ อี้เฟิงขอนั่งกินอาหารเลี้ยงในงานไปแล้วกัน แม้จะเอออตามไปบ้างเดี๋ยวเพื่อนสาว ๆ จะโกรธเอาที่ไม่ฟังกัน แต่จู่ ๆ...









“ไม่ใช่ว่าคุณชายสุดหล่อคนนั้นมองอี้เฟิงอยู่หรอวะ ตั้งแต่เมื่อกี้นี่แล้ว “










คำพูดของเพื่อนชายหนึ่งในเพียงไม่กี่คนที่นั่งข้างอี้เฟิงถัดไปข้าง ๆ ก็มีแฟนของเพื่อนคนนี้อีกที  เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทุกคนหันไปมองอี้เฟิงเป็นตาเดียว และเขาก็กำลังกินอาหารไม่ทันใส่ใจอะไร








“เอ่อ.. เดี๋ยวนะเว้ย ฉันไม่รู้เรื่อง”








คนที่ตกเป็นเป้าตอบทั้งที่อาหารยังคาปากอยู่ แต่สายตากลมโตหันไปคาดคั้น ค้อนใส่เพื่อนชายที่นั่งข้างกัน ด่าไอบ้าทางสายตาแล้วเมื่อเคี้ยวของในปากจนหมดก็เอ่ยต่อว่าว่าพูดอะไรก็ไม่รู้ สุดท้ายประเด็นของอี้เฟิงก็กลายเป็นประเด็นใหม่ของสาว ๆ เพื่อนของเขาบนโต๊ะสังสรรค์นี้ซะแล้ว








เพื่อนชายของอี้เฟิงคนนี้หันมาถามเขาชัด ๆ อีกที






“นี่แกไม่รู้จริง  ๆ หรอวะ ว่าเขามองแกมาตั้งแต่เข้างานมา เจอพวกเขาหน้างาน เข้าก็จับตาดูแกอยู่ ไม่ปล่อย อย่างกับหมาป่ารอล่าเหยื่อ”









อี้เฟิงส่ายหัวบอกว่าไม่ได้คิดแบบนั้นเสียหน่อย เขาเป็นผู้ชายจะมาจับตาดูอะไรผู้ชายด้วยกัน






“แกนี่มันไม่รู้อะไรเล๊ย อี้เฟิง”






พออี้เฟิงบอกเช่นนั้นจบ เหมือนทุกคนบนโต๊ะจะได้ยินกันหมด โดยที่อี้เฟิงไม่รู้ และอีกอย่างที่เขาไม่เข้าใจคือทุกคนหัวเราะขำกันไปหมด










PROJECT SWEET :: Sweet Bouquets








จนสุดท้ายท้ายที่สุดของงาน เหมือนเป็นเวลาที่หญิงสาวในงานต่างรอคอย พิธีในงานแต่งของเพื่อนของอี้เฟิงไม่ค่อยเป็นรูปแบบแบบแผน อยากจะทำอะไรก็ทำ เพราะเป็นงานกันเองไม่ได้มีแขกเกรื่อมาก ก็เท่าที่เชิญไป เขาถูกดึงให้มายืนคอยเป็นทัพเสริมให้เพื่อนสาวที่อยากได้ช่อดอกไม้จากมือเจ้าสาวแสนสวยเพื่อนของเขา อี้เฟิงไม่ขัดอะไรอยู่แล้ว วันนี้ที่มาก็เหมือนถูกลากมาอย่างเสียไม่ได้  อาหารเลี้ยงที่กินค้างไว้ก็จำต้องละไว้ก่อน










“สวัสดีครับ มารอรับช่อดอกไม้ด้วยหรือ? “
“เอ๊ะ?”
“ผมแซวเล่นหน่า”









คุณหมาป่า.. อืม..อี้เฟิงตั้งชื่อให้เขาแม้จะรู้นามของคุณหมาป่าอยู่แล้ว  ชายหนุ่มคนนี้มายืนเลียบเคียงไหล่อยู่ใกล้ ๆ ใช้สายตาคมกริบเยี่ยงหมาป่าแอบมองอี้เฟิงลัดเลาะมา แม้อี้เฟิงจะจับได้แล้วว่าเขาแอบมองอยู่นะ ก็ยังไม่เลิกมองอยู่ดี








“คุณมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า”
“คุณไม่สงสัยหรือว่าผมจะพูดอะไรกับคุณ..เมื่อตอนนั้น”
“เอ๋? “









นึกไปถึงก่อนหน้าที่เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยที่ชายหนุ่มคนรูปหล่อที่ชื่อหยางหยางทำเชมเปญหกรดสูทเขา เมื่อเขารับผิดชอบเช็ดคราบเชมเปญที่เปื้อนสูทให้แล้ว ที่จริงอี้เฟิงรู้สึกเหมือนเขาจงใจที่จะให้เกิดอุบัติเหตุเล็ก ๆ นั่น ก่อนเขาจากไปก็ดูเหมือนมีความนัยซะอย่างอยากจะเอ่ย อี้เฟิงคิดว่าเขาใช้สายตาบอกมาแล้วล่ะแต่แค่อี้เฟิงไม่เข้าใจ








“แล้วคุณอยากจะพูดอะไรกันล่ะครับ”









ชายหนุ่มคนรูปหล่อหันมาหาอี้เฟิงแบบเต็มตัว บดบังทัศนวิสัยของอี้เฟิงที่มองสถานการณ์การเตรียมโยนช่อดอกไม้เจ้าสาวตรงหน้า อี้เฟิงมองเห็นหยางหยางแทน และทันใดนั้น... เขาขยับปลายเท้าที่สวมใส่รองเท้าหนังราคา ใกล้ชิดอี้เฟิงได้มากเท่าที่ทำได้ และเอียงกระซิบใกล้หู ส่วนสูงของทั้งสองแตกต่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตร















“ผมตกหลุมรักคุณแล้ว คุณตาสวย”

















“โอ๊ย”









มือสองมือมันไปเองโดยทันทีที่ได้ยิน เหมือนกำลังใช้ระบายความเขินที่เกิดโดยฉับพลัน ร่างของชายหนุ่มคนนั้นถอยห่างไปเพียงไม่กี่ก้าว เขาก็ดูตกใจไม่น้อยแต่ก็ยกยิ้มแบบที่ฆ่าหัวใจอี้เฟิงได้ ไม่เข้าใจชายหนุ่มคนนี้จริง ๆ





“นี่คุณหยางหยาง!”
“ในที่สุดคุณก็เรียกชื่อผมซักที”









เขาพูดเหมือนเขารออยู่อย่างนั้น อี้เฟิงมองใบหน้าหล่อราวเทวดาตกสวรรค์ชองอีกฝ่าย ไม่เข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้น อยากให้คน ๆ นี้อธิบายแต่ใจอี้เฟิงยังไม่พร้อมฟังเท่าไรนักแม้อยากจะรู้ เขาเขินมากเหลือเกิน อายเสียด้วยอีกอย่างก็เพราะประโยคบอกรักที่ได้ยินจากปากได้รูปและเสียงทุ้มของคุณหยางหยางนี่








“ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ เอาจริง ๆ เพื่อนคุณเขาก็รู้กันอยู่นี่หน่า แถมกันผมสุดฤทธิ์ ถึงผมจะชื่อเสียงไม่ค่อยดีนักแต่ก็ช่วยให้โอกาสผมหน่อย กว่าผมจะใจกล้าเข้ามาคุยกับคุณ ผมก็ใช้เวลาทำใจอยู่นานเลยนะครับ"





ออดอ้อนเก่งเหลือเกิน ... เมื่อคิดไปแบบนั้นก็พลันมองใบหน้าและท่าทางอีกฝ่าย เหลือเกินจริง ๆ ขนาดเขาที่เป็นชายยังต้องใจอ่อนกับทุกอย่างที่ชายหนุ่มนามหยางหยางแสดงออกมา








พอได้ยินแบบนั้น ในความคิดของอี้เฟิงก็พลันนึกไปถึงบทสนทนาจิปาถะบนโต๊ะงานเลี้ยงสังสรรค์งานแต่งเมื่อครู่ ของกลุ่มเพื่อนเจ้าสาวของอี้เฟิง ได้ยินผ่าน ๆว่า คุณหยางหยางคนนี้ชื่อเสียงเรื่องความเจ้าชู้มีไม่น้อยเลย แต่มันเกี่ยวกบเขาอย่างไรล่ะ ? พอหลังจากนั้นหลังจากที่เพื่อนชายของอี้เฟิงทักว่าเขาช่างไม่รู้อะไรเสียเลย เพื่อน ๆ ของอี้เฟิงก็ทำตัวแปลก มากันหน้ากันหลังเดินไปไหนมาไหนคนเดียวไม่ได้แล้ว









“คุณจีบผมอยู่หรือ”
“คร๊าบ ผมคิดว่าคุณจะไม่รู้สึกตัวเสียเเล้ว”
“จะบ้ารึคุณ เราผู้ชายด้วยกัน”
“ผมไม่สนหรอก ผมชอบคุณแค่นั้นก็พอ”









สายตาแบบนี้อีกแล้ว...หมอนี่  แววตากรุ้มกริ่มเหมือนจะกลืนกินเขาได้ทั้งตัวอี้เฟิงโอดเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ของวันนี้ รู้สึกทนมองไม่ไหวกับสายตาของชายหนุ่มคนนี้ เขาไม่เคยถูกรุกจีบหนักจนหวั่นใจแบบนี้มาก่อน คนอะไรเถรตรงเหลือเกิน

















“เห้ย อี้เฟิง..อี้..เฟิง”








แล้วก็มีอะไรมาสะดุดอารมณ์ในขณะที่อี้เฟิงกำลังพยายามอ่านความนัยที่เหลือของคุณหยางหยางที่ยืนอยู่ตรงหน้า














ช่อดอกไม้งานแต่งงาน...















มันลอยข้ามผ่านสาว ๆ ในงานหลายคน และอี้เฟิงที่ยืนเกือบหลังสุดของกลุ่มคน สุดท้ายช่อดอกไม้น่ารักจากมือเจ้าสาวก็มาอยู่ในมือของอี้เฟิงคู่อย่างไม่ทันตั้งตัว












แต่ดูเหมือนเป็นใจ











อี้เฟิงได้ยินเสียงนั่นปะไร อุทานของเพื่อนชายของตัวเองมาจากไกล ๆ คุณหยางหยางที่ยืนยิ้มส่งมาให้ เขามองตรงมายังอี้เฟิง และไม่ละสายตาจากใบหน้าหวานเลยแม้แต่วินาทีเดียว จนอี้เฟิงจนเสหลบก้มลงต่ำ ก็พลันมาเห็นมือตัวเองที่กอบกำช่อดอกไม้แสนสวยเอาไว้ อี้เฟิงก็กลั้นเขินไม่อยู่อีกต่อไป ใบหน้าหวานแดงระเรื่อ







แบบนี้มันอย่างกับว่าเราเป้นเจ้าสาวเองเลยนี่หว่า









คิดบ้าบอเอาเองจนทนมองช่อดอกไม้แสนสวยนี่ไม่ไหวก็พลันเงยหน้าขึ้นมา ก็พบคุณหยางหยางรูปหล่อยิ้มไม่เลิกส่งมาให้ แถมยังแกมล้ออี้เฟิงเสียด้วย จะบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าบ่าวหรือกัน ? ห้ามส่งสายตาแบบนั้นมานะ!










“ถ้าผมมีแหวนตอนนี้ ผมคงสวมให้คุณไปแล้วครับ คุณหลี่อี้เฟิง”










คุณหยางหยางขยับเข้ามาหาใกล้ทีละจังหวะ อีกฝ่ายคงหาข้อมูลเรื่องของอี้เฟิงมาดีอยู่แล้ว คงรู้ชื่อนามสกุล รู้ว่าเขาไม่มีแฟนและ รู้ว่าเขาเป็นคนที่เขินง่ายกับสถานการณ์ชวนใจเต้นแบบนี้ที่สุด







หลี่อี้เฟิงคนนี้อยากเอาช่อดอกไม้ปาหัว คนรูปหล่อที่ยืนยิ้มให้ตรงหน้านี้จริง ๆ
แต่อี้เฟิงก็รู้สึกได้ว่าใบหน้าของตัวเองก็เผลอยกยิ้มตามเขาไปแล้วเหมือนกัน
สายตาสอดประสาน เหมือนบอกความนัยกันทั้งหมดทั้งมวล ผ่านบรรยากาศตรงนี้ และด้วยสายตาของคนสองคน









“ตาคุณสวยจริง ๆ นะคุณอี้เฟิง”
“ขอบคุณ”









คุณหยางหยางก็ยังยิ้มอยู่ แต่แอบเห็นว่าคุณคนหล่อคนนี้ก็แอบเขินแล้วบ้างเหมือนกัน เพื่อน ๆ รอบ ๆ ก็เริ่มแซวกันแล้ว  ฝั่งเพื่อนของอี้เฟิงก็ไม่แพ้กัน อะไรกันน่ะ ? เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ลงมาเชียร์เขาสองคนดันด้วยหรือ













จะบ้ากันไปแล้  อี้เฟิงเหมือนจะได้ยินเพื่อนฝั่งเจ้าบ่าวเชียร์ให้คุณหยางหยางขออี้เฟิงแต่งงาน
ส่วนหมอนี่ตรงหน้าอี้เฟิงก็ยิ้มเขิน แต่ก็ยังใจดีมองตากันอยู่เขินกันเป็นเพื่อนอี้เฟิง เขาส่งสายตาขอร้องไปหาคุณหยางหยางว่า ให้ช่วย
แต่คุณหยางหยางดูเหมือนจะไปไม่เป็นเหมือนกัน
กลายเป็นทั้งอี้เฟิงทั้งคุณหยางหยางกำลังเขินแข่งกัน














เห๊อะ ให้ตายเถอะ














ฉันเป็นเจ้าสาวให้นายไม่ได้หรอกเว้ย แต่ถ้านายเป็นเจ้าสาวให้ฉันแทนก็ตกลงกันได้หน่อย




















END PROJECT SWEET ::   Sweet Bouquets




วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2559

[Fic] THISMAN :: HiddeN - CHAPTER : PHOTO




TITLE :  THISMAN :: HiddeN
CHAPTER :  PHOTO
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG - 13




**************************************************************************************************************



อยากคุยด้วยจะแย่









ทำได้ที่ไหนกันเล่า









หลี่อี้เฟิงบ่นกับตัวเองในใจ จะไปทำอะไรได้ในตอนนี้ มีทั้งพี่ผู้จัดการทั้งทีมงานละคร ไหนจะมีแฟนคลับอยุ่รอบ ๆ กองถ่ายอีก เขาจะไปหาที่เงียบๆ คุยสงบ ๆ แบบที่ต้องการนั่นเป็นไปไมได้เลย








อยากโทรหาหยางหยางจะแย่









วันนี้หลังจากที่เขาแกล้งทำเป็นบ่นรำพึงรำพันกับเหวยบ๋อส่วนตัว(ที่มันจะเป็นอะไรที่มีไว้เพื่องานถึง 90 %) แต่ก็ใช้มันสื่อถึงอีกคนที่อยู่ห่างกันข้ามขอบโลก เจ้าบ้านั่นส่งข้อความมาหากันก็จริงแต่ไมได้ถี่อะไรขนาดนั้น บอกเพียงสารทุกข์สุบดิบ แต่เมืองนั้น อี้เฟิงก็เคยไปอยู่แล้ว เขารู้ดีว่าเมืองนั้นเป็นอย่างไร







ที่เขาอยากรู้คือเรื่องนี้ต่างหาก








เจ้าหมอนี่มันจะหล่อเกินไปแล้ว




คิดไปก็พาลจะหงุดหงิด อี้เฟิงไม่แน่ใจว่าเขาอิจฉาความหล่อของหยางหยางหรือเป็นความรู้สึกอื่นที่ไม่อยากคิดให้มันวุ่นวายกันแน่ แต่ที่รู้คือเห็นหน้าหยางหยางที่ทำงานอยู่เมืองใหญ่ฝั่งยุโรปแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่าเสียไม่ได้ แต่เขาไม่สามารถโทรไปโวยวายอะไรกับเจ้าบ้านั่นของเขาได้เลย













“อ๊ะ ?”



แต่จู่ ๆ โทรศัพท์ของอี้เฟิงก็ดังขึ้นโชว์เบอร์โทรของคนที่อี้เฟิงกำลังกร่นด่า ไม่รู้จะทำอย่างไร หลีกไม่ได้
เขาก็กดรับมัน คุยตรงนี้ไปเลยแล้วกั










“ผมเห็นคุณออนไลน์อยู่ ช่วงผมออกงาน”
“แล้วยังไง”
“ก็ไม่ยังไงหรอก แต่คุณคงเห็นผมแล้ว ผมดูดีใช่มั้ยล่ะ”
“ไม่เท่าไหร่หรอก”









ปลายสายส่งเสียงทุ้มหัวเราะผ่านสายมา ไม่รู้ว่าทำไมแค่เสียงเพียงแค่นี้ก็ทำให้อี้เฟิงเขินหน้าแดงขึ้นมา พี่ผู้จัดการมองเขาใหญ่แล้ว อี้เฟิงจึงควรทำตัวปกติ และคุยโทรศัพท์ต่อไป โดยไม่ทำให้ใคร ๆ รู้มากนักว่าปลายสายเป็นคนที่พวกเขารู้จักดี (แม้พี่ผู้จัดการจะทำหน้าหน่าย ๆและแกมดุมาเล็กน้อย คงอยากจะให้วางแต่อี้เฟิงไม่ทำแบบนั้นแน่)








“ผมคิดถึงคุณ......เหมือนกันกับที่คุณคิดถึงผม”









อี้เฟิงอยากจะอ้าปากเถียงปลายสาย มาเหมือนกันอะไร เขาไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น แต่ในใจค้านอย่างที่สุด อีกฝ่ายคงรู้ว่าเขาต้องเขินมากแน่ ๆ ปลายสายหัวเราะแถมมาอีก เหมือนหยอกล้อแล้วทำสำเร็จ สุดท้ายคุณเทพบุตรน้อยก็ถอนหายใจ ยอมแพ้เจ้าซาตานร้อยเล่ห์












“ก็ได้..ฉันคิดถึงนาย”  แม้เป็นเพียงเสียงเปล่งแสนเบา แต่ปลายสายอีกฝั่งทวีปได้ยินชัดเจน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฝั่งหยางหยางแต่เขาได้ยินเสียงของหล่นโครมใหญ่ เขาถามกลับไปอีกฝ่ายก็ปฏิเสธว่าไม่มีอะไร






“อีกอย่างนะ เจ้าหมาบ้า นายหล่อ!เกินไป พอไว้แค่นั้น กลับมาจะคิดบัญชีทีหลัง”
“จะทำยังไงครับคุณเทพบุตร”
“มีหลายวิธีที่จะทำให้ซาตานอย่างนายยอมฉัน แค่นี้นะ!”












พูดจบไว ๆ และกดตัดวางสาย เพื่อให้ชัยชนะมาอยู่ที่อี้เฟิง และเพื่อระงับความเขินของตัวเองไว้แค่นี้ เพราะเท่าที่มีอยู่รอบข้างก็มองอี้เฟิงเป็นตาเดียวอยู่แล้ว บางคนสงสัยแต่ไม่เอ่ยอะไร บางคนรู้กันอยู่แล้วว่าคุยกับใคร







จนอี้เฟิงควบคุมการแสดงอารมณ์ออกมาได้ เขาหันไปมองบนจอโทรศัพท์ เขากดเข้าแฟ้มรูปที่บรรจุภายในโทรศัพท์เครื่องสวย








ทำไมมีรูปหมอนั่นเยอะขนาดนี้ แต่สุดท้ายอี้เฟิงก็ตัดใจลบไมได้อยู่ดี
เพราะทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้อี้เฟิงมีรอยยิ้มเมื่อมองมัน










และคิดไปพร้อมกันกับที่มองภาพในมือถือเหล่านี้ ...ฉันคิดถึงนาย











THISMAN :: HiddeN - CHAPTER : PHOTO
















....”ฉันคิดถึงนาย”  เขาไมได้ตั้งใจจะทำเสียงโครมครามอะไร แต่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าคนปากแข็งใจแข็งแบบอี้เฟิงจะพูดอะไรน่ารักแบบนั้นให้เขาได้ยิน  เสียดาย นี่เป็นอีกครั้งที่อี้เฟิงทำอะไรให้ตกใจแหยางหยางไมได้กดอัดเสียงน่ารักนั้นเก็บไว้ อีกฝ่านก็คงเขินพอดู









หยางหยางเองก็ไม่แพ้กัน











แค่รู้ว่าอีกฝ่ายใส่ใจเขาก็เพียงพอแล้ว คิดเสียตั้งนานกว่าหยางหยางจะกล้าโทรไปหา จะเสียค่าโทรศัพท์เป็นร้อยเป็นพัน ยอมโดนผู้จัดการด่าปาว ๆ ว่าสิ้นเปลืองเขาก็ไม่หวั่น  คุ้มแล้วที่โทรไป







ได้ยินเสียงใส ๆ กับความเขินที่คุณเทพบุตรน้อยระงับไม่อยู่ คิดถึงหน้าแดง ๆ น่ารักนั่นก็ทำให้หยางหยางมีแรงทำงานต่อไปแล้ว









ตั้งมาปารีส เขาแทบไม่มีเวลาได้หยิบจับอะไร แม้แต่โทรศัพท์ที่จะเช็คข่าวสาร หรือไว้เพื่อคอยดูอี้เฟิงเมื่อยามคิดถึง ก็ทำได้ไม่บ่อยนัก ได้เพียงแต่ส่งข้อความสั้นไปหา เมื่อได้โอกาสงาม เขากดโทรไปหาอีกฝ่าย พร้อมเสียงตะโกนด่าจากผู้จัดการว่าจะหักไปในเงินค่าแรงของเขา








เขาไม่ได้หวังอะไรมากไป แต่ได้มามากเกินพอ 

แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะพอใจนะ









หากทำได้ หยางหยางผู้นี้จะขอพยายามต่อไป











มือเรียวสวยยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมา เขากดไปดูไฟล์รูปในเครื่อง แน่นอน ทุกรูปในเครื่องแม้จะมีรูปของเขาปะปนแต่ส่วนใหญ่เป้นรูปของคนหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่เขาคิดถึงตลอดเวลา และมีรูปเซตหนึ่งที่หยางหยางหวงสุดหัวใจ จนเขาต้องทำแฟ้มใหม่เพื่อใส่รูปเหล่านี้ ตั้งรหัสผ่านห้ามให้คนอื่นได้พบเห็น









เทพบุตรน้อยยามหลับไหลช่างน่ารักเสียนี่กระไร
ซาตานหนุ่มยิ้มจุดที่มุมปาก จะมองดูว่าร้ายกาจนิดหน่อยก็ย่อมได้









“ไว้เจอรอบต่อไป เขาจะคิดบัญชีอะไรกันล่ะ ? ก็ช่างเขาเถอะ แต่จะแอบถ่ายรูปตอนหลับมาอีกแล้วกัน”














END ---- THISMAN :: HiddeN - CHAPTER : PHOTO