[FIC] OURSONG ~我們的歌 -- หยางเฟิง / เพลงที่ 3
Pairing :: หยางหยาง x หลี่อี้เฟิง
Rating :: PG
Tell :: เปิดเพลงตอนอ่านด้วยเนอะ
เพลงที่อยากให้ฟังตอนอ่าน ::
TopCombine (至上励合) - Cotton Candy (棉花糖 )
*******************************************************************************
"โครตบังเอิญ!"
หยางหยางอุทานแม้จะเสียงเบาแต่ทำเอาแมวที่เดินผ่านมาอย่างบังเอิญตกใจวิ่งผ่านหนีหยางหยางไปทันที จากที่ก้าวอย่างอิดออดเพราะค่อนข้างเหนื่อยจากการซ้อมเทควันโด้อย่างหนักหน่วง เพราะทั้งต้องซ้อมให้รุ่นน้องที่เพิ่งเข้าชมรมมามากมาย แถมยังเป็นพวกที่สมัครเข้ามาเพราะเขาอีก ทั้งต้องซ้อมเพื่อตัวเอง ในการแข่งขันในฤดุกาลต่อไปที่จะมาถึง เหนื่อยแทบขาดใจ
แต่ตอนนี้ไม่ขาดแล้ว หัวใจของเขาได้รับการเยียวยา
น้องอี้เฟิงสุดที่รักของหยางหยางคนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าไม่เกิน 10 เมตร
ก้าวแรก หยางหยางมั่นใจ อยากจะเข้าไปทักรุ่นน้องคนน่ารักจนแทบลอยไปหาอีกฝ่าย
แต่ก้าวที่สองชักเริ่มไม่มั่นใจ อาการประหม่าเริ่มมากขึ้นเมื่อเริ่มก้าวที่สามสี่เป็นต้นไป
สุดท้ายหยางหยางก้าวถอยมายืนที่เดิม
เขาเป็นคนที่มั่นใจในหน้าตา และคารมตัวเองไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ใช้มันพร่ำเพรื่อกับใคร จนมาเจอหลี่อี้เฟิงคนนี้ ในช่วงก่อนหน้าที่เจอกัน หยางหยางได้ใช้ของดีในตัว ใช้จนเเทบหมดพลัง ดูน้องเขาหวั่นไหวเล็กน้อย แต่จากการประมาณการ น้องอี้เฟิงดูจะกลัวเขานิดหน่อย เพราะจู่โจมทันทีที่มีโอกาส ทุกช่องที่อี้เฟิงเผลอ เขาถึงรู้สึกว่า การจู่โจมแมวน่ารัก ๆ เป็นการทำการใหญ่ ซึ่งต้องใจเย็น
หมาป่าเฝ้ารอเหยื่อโอชะอยู่นาน กว่าจะเข้าจู่โจม และถึงคราวจู่โจมก็อยู่หมัด เหยื่อนั้นอยู่ในกำมือ เป็นของโอชะสมกับที่รอ
นั่นล่ะ เขาต้องอย่างนั้น แต่คิดว่าเขาคงเปรียบตัวเองน่ากลัวไปหน่อย หยางหยางไม่ใช่คนน่ากลัวเเบบหมาป่าขนาดนั้น แม้เพื่อนสนิทจะเคยบอกมาบ้างก็เถอะ
" เอ้า "
หยางหยางร้องอุทานอีกครั้ง เมือเห็นร่างเพรียวของอี้เฟิงรี่วิ่งไปพร้อมแบกกีตาร์ตัวโปรดออกไปที่ถนนใหญ่ พ้นรั้วมหาวิทยาลัยเเล้ว รุ่นพี่ที่แอบตามน้องที่รักรีบสาวก้าวตามไป แต่ทิ้งห่างให้อีกคนไม่รู้ตัว จนเมื่อมาพบสาเหตุที่ทำให้อี้เฟิงถลันออกไปเร็วขนาดนั้น ก็เพราะไปดักทางเพื่ื่อนอีกกลุ่มหนึ่งของเขาที่อยู่รั้วมหาวิทยาลัย คุยอะไรกันดูเครียด ๆ นิดหน่อย หลังจากนั้นก็หัวเราะขำกัน ดูย้อนแย่งแต่ก็คงไม่มีอะไรเครียด หยางหยางมองภาพนั้นอยู่ซักพัก ก็รู้สึกว่าตัวเองยืนผิดที่ไปหน่อย เลยหลบเข้ามุมซักนิด เพราะเหมือนจะได้ยินเสียงสาวน้อยหลายคนร้องทักเขาแล้ว แบบนี้น้องอี้เฟิงก็รู้กันหมดพอดีว่าเขากำลังเดินตามอยู่ ไม่ใช่สโตรคเกอร์ ้แค่อยากตามดูแลห่าง ๆ เปลี่ยนคำให้หรูว่าเป็นบอดี้การ์ดลับ ๆ แล้วกัน
ก็บอกไปก่อนหน้าที่เจอกันแล้ว ว่าจะเป็นบอดี้การ์ด ถึงน้องอี้เฟิงจะไม่อนุญาตในตอนนี้ก็ขอเป็นแอบ ๆ แบบนี้ไปก่อน
อย่างน้อยก็ขอให้หยางหยางทำอะไรแบบนี้ เพื่อหัวใจของตัวเอง ขอแค่ได้เห็นหน้าน้องอี้เฟิง ให้ไปวิ่งรอบมหาลัยเป็นร้อยรอบก็ทำได้
"เอ้า" อีกครั้งที่อุทาน อี้เฟิงเดินออกจากทีเ่ดิมไปแล้ว เหมือนจะตรงไปทางป้ายรถเมล์ วันนี้เขาอาจจะออกนอกเส้นทางไปที่อื่น หยางหยางกำลังสองจิตสองใจว่าจะตามไปดีมั้ย เพราะดูเหมือนจะก้าวก่ายชีวิตน้องเขา เป็นสโตรคเกอร์ไปจริง ๆ แต่อีกใจนึงก็อยากตามไปดูแล จริง ๆ อ้างไปอย่างนั้น หยางหยางแค่อยากมองใบหน้าน่ารักนั้นให้มากกว่าเดิม แค่ นาทีเดียวก็ยังดี
"เอาวะ!"
ถือซะว่าจะได้ส่งน้องเขากลับหอด้วย ก็บอกไปว่ากลับหอทางเดียวกัน ถ้าบังเอิญเจอะหน้ากัน หยางหยางคิด
หยางหยางทิ้งภาพคนหล่อระดับเดือนมหาวิทยาลัยและนายแบบ เดินสะกดรอยก้าวตามหนุ่มน้อยน่ารักที่แบกกีตาร์ ตอนนี้ร่างนั้นพาตัวเองขึ้นรถเมล์ไปแล้ว หยางหยางรีบสาวเท้าก้าวให้ทันที่รถเมล์จะทิ้งสถานีไป และทันพอดี เขาขึ้นรถมาทัน และเห็นอี้เฟิงยืนอยู่อีกฝั่ง หยางหยางยืนอยู่ที่ท้ายรถ ส่วนอี้เฟิงยืนอยู่ส่วนหน้าของรถ เหมือนแทรกตัวไปให้เจอที่ว่างพอที่ร่างเพรียวพร้อมกีตาร์ยืนได้พอดีและหยางหยางก็เห็นว่าต่อไปจะเริ่มไม่พอดีเพราะเริ่มมีนักเรียนจากโรงเรียนที่เพิ่งเลิกเรียนก็เริ่มขึ้นรถมาเรื่อย ๆ เเละไม่ทันที่อี้เฟิงจะนั่งที่ไหน ที่นั่งก็ถูกจับจองไปเสียหมดแล้ว เห็นอีกคนเบ้หน้า ดูหงุดหงิดเล็ก ๆ หยางหยางอมยิ้มเล็กน้อยเพราะดูน่ารักไม่หยอก ไม่ว่าอี้เฟิงจะทำหน้าตาแบบไหน แต่คิดว่าไม่ใช่ช่วงเวลาขำ แต่ควรหาทางช่วยให้น้องเขายืนได้สบายจนกว่าจะลงป้ายที่เขาต้องการ แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครลงและลุกขึ้น ก็ยังหาที่นั่งไม่ได้ไปซักพักใหญ่
" เอ้า "
และอีกครั้งเป็นรอบที่สาม หลังจากรถเมล์ขับเคลื่อนไปได้พักใหญ่ เขาสองคนไม่แม้จะได้นั่ง หยางหยาง ไม่ทันตั้งตัว อี้เฟิงก็พรวดลงจากรถ หลังจากจ่ายเงินค่ารถเมล์เรียบร้อย ร่างของอี้เฟิง รีบสาวเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่ง พลางดูนาฬิกาที่ข้อมือ ดูรีบเร่งจากเดิมมากขึ้น น้องเขาอาจมีธุระ หยางหยางคิด รุ่นพี่ในชุดวอร์มของชมรมกระชับแจ็คเกตเล็กน้อย และพากกระเป๋าบนไหล่ให้พอดี แล้วรีบสาวเท้าตามอี้เฟิงไป ไม่ติดขนาดนั้นแต่ทิ้งห่างให้อีกคนไม่รู้ตัวเช่นเดิม ก็ให้สมกับเป็นบอดี้การ์ดในคราบสโตรคเกอรฺ์ในวันนี้หน่อย
"โรงพยาบาล?"
เขากำลังแปลกใจที่อี้เฟิงมุ่งตรงมาที่โรงพยาบาล ซึ่งเป้นโรงพยาบาลเล็ก ๆ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเด็กเสียด้วย มีตึกแค่สองสามตึก เมื่อผ่านเข้ามาในตึกก็เห็นป้ายบุคลากรในโรงพยาบาบมีไม่ถึง 30 คนด้วยซ้ำ รุ่นน้องรีบวิ่งไปที่เค้าท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ มีใครในครอบครัวของน่้องเข้าเป็นอะไรหรือ หยางหยางเริ่มรู้สึกเป็นห่วงมากขึ้น แต่ก่อนที่ความเป็นห่วงนั้นจะเพิ่มขึ้นเป็นสองสาม
"ตายล่ะ"
อี้เฟิงเดินหันหลังกลับมา หยางหยางแทบหลบไม่ทัน เขาวิ่งหลบไปอีกทาง รุ่นน้องเดินผ่านจุดทีเขาหลบอยู่ออกไปทางหลังโรงพยาบาล
แต่ยังไม่ทันจะเลยไปเกินสิบก้าว
"รุ่นพี่ ไหน ๆก็ตามมาถึงนี่แล้ว ก็มาช่วยกันมั้ยล่ะ ? "
ตายล่ะ.....
คิดว่าถ้าเขาจะสะกดรอยใครคงทำไม่ได้ ยิ่งเป็นหลี่อี้เฟิงคนนี้ยิ่งทำไม่ได้ อาจเป็นเพราะความห่วงหาจากเขามีเยอะเกินไปจนน้องเขารู้สึกได้
"รุ่นพี่ตามผมมาทำไม"
"เอ่อ..."
"เห็นตั้งแตเมือ่ไหร่"
"หน้ามหาลัย เพื่อนชี้ให้ดู บนรถก็หงุดหงิดรุ่นพี่น่ะล่ะ เล่นตามมาด้วยแบบนั้น"
"ขอโทษนะครับ"
"ช่างเถอะ รุ่นพี่มีธุระอะไรกับผม "
หยางหยางออกจากที่ซ่อนมา ยืนตรงหน้าอี้เฟิงอย่างยอมรับผิด คิดว่าถ้าเป็นสาวเจ้าคนอื่นเขาคงใช้คารมบวกใบหน้าสู้เอาได้ แต่คนนี้แตกต่างออกไป ทำไม่ได้
"บอดี้การ์ด"
"หา?"
"ก็คราวที่เเล้วที่เจอกัน ก็บอกแล้วไงว่าจะเป็นบอดี้การ์ด"
อี้เฟิงขมวดคิ้วพร้อมส่ายหัวไม่เห็นด้วย ก้าวไปหารุ่นพี่อีกก้าว
"แบบนี้ผมเรียกว่าสโตรคเกอร์"
"ขอโทษด้วยนะ จริง ๆ ผิดไปแล้ว แต่ผมแค่สงสัยว่าคุณไปไหน ทั้งที่มันคนละทางกับหอพัก"
"เป็นห่วงเพื่อนบ้านข้างห้องขึ้นมา ? "
"นั่นเป็นประเด็นหลักเลยล่ะ"
ตอบอย่างไม่หลบเลี่ยง จนอี้เฟิงยกยิ้มขำ ไม่รู้จะเอายังไงกับสถานการณ์นี้ แต่ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้
"ผมต้องรีบไปที่ที่หนึ่ง ไหน ๆ พี่ก็มาแล้ว ก็มาช่วยทำงานหน่อย "
พูดจบรุ่นน้องก็รีบดึงมือเขาไป หยางหยางรู้สึกตกใจเล็กน้อย แน่นอนเขาไม่มีทางขัดขืนอยู่แล้ว จะจับก็จับเลย เขาอยากให้ทำมากกว่าด้วยซ้ำแต่ก็ได้แค่คิด
"เพื่อนผมกับผมมีนัดจะมาเล่นดนตรีที่นี่กัน แต่เจ้าเพื่อนเวรมันดันโดดไป แต่มันก็จำเป็น ที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อย ผมเลยจะต้องมารับมือกับเด็ก ๆ 30 คน อยู่คนเดียว"
อี้เฟิงหยุดเดิน และหยุดกึ่งลากหยางหยาง มาหยุดที่หน้าห้องโถงเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง มีคุณพยาประมาณห้าคนพร้อมเด็ก ๆ อีกประมาณสามสิบ กำลังน่ารักและอยู่ในวัยซนเเสบ เสียงดังเจี๊ยวจ๊าว มีคุณพยาบาลคนหนึ่งประกาศว่าจะมีพี่ชายมาเล่นดนตรีให้ฟัง อี้เฟิงก็ผลันผลักประตูไปทันที่คุณพยาบาลประกาศ
"อ้าว หนูอี้เฟิงมาคนเดียวเหรอ ? "
"ก็มีรุ่นพี่มาด้วยน่ะครับ แต่ไม่มั่นใจว่าพี่เขาจะเล่นดนตรีเป็นมั้ย"
หมายถึงเขาสินะ ?
หยางหยางรีบก้าวเข้าไปในโถงเล็ก ๆ นั่น พร้อมกับวางกระเป๋าข้าง ๆ สาวน้อยวัยกระเตาะเข้ามารุมล้อมหยางหยางที่คนละคนสอง ร้องถามชื่อ
"พี่ชายชื่ออะไรคะ?"
"พี่ชายหล่อจังเลย"
อี้เฟิงตวัดสายตามามองอย่างนึกค้อน หยางหยางที่ทันหันไปเห็นก็บอกด้วยสีหน้าว่า ไม่รู้จะทำำอย่างไร แกมยิ้มเเหยส่งกลับ คนเป็นรุ่นน้องงอนสะบัดหน้าหนีกลับไปแล้ว เขาจึงได้แค่ถอนใจ คิดว่าเดี๋ยวจะหาขนมเเพคใหญ่ไปง้อแล้วกัน
"ผมเล่นเปียโนได้ครับ เปียโนหลังนั้นใช้ได้ใช่มั้ย?"
คุณพยาบาลพยักหน้าและตอบว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็มีคุณหมอเวรที่อยู่ประจำมาเล่นให้เด็ก ๆ ฟัง แล้วก็แอบเเซวว่าวันนี้จะมีคนหล่อขนาดเด็กรุมล้อมขนาดนี้มาเล่นให้ฟัง คงเพราะไม่แพ้กัน อี้เฟิงส่งเสียงงอนบอกว่าจะกลับแล้วให้หยางหยางเล่นคนเดียวไปเลย
"หนูอี้เฟิง อย่างอนไปเลย รุ่นพี่หนูเขาหล่อแต่หนูน่ารักสดใส คนละสายกัน พี่ๆ กับเด็ก ๆ มาชมยังไงก็คุ้ม "
อี้เฟิงพยักหน้ายิ้มแกมขำ ก็ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรแต่คำว่าน่ารัก เขาได้ยินจนชินแล้ว ก็แล้วกันไป จบคำ สายตาแมวดุพุ่งมาหาหยางหยางและบอกว่าให้ไปเตรียมเล่นเปียโนได้แล้ว
"รุ่นพี่เล่นเพลงอะไรได้บ้าง "
หยางหยางเงียบไปครู่หนึ่ง ขอใช้เวลาคิด เขาเล่นได้เยอะเพลงเพราะคุณแม่ให้เรียนไว้บ้างตั้งแต่ประถม แต่ก็จำโน๊ตไม่เยอะนัก
"วันนี้ขนมเป็นสายไหมนะจ๊ะเด็ก ๆแต่ทานแล้วอย่าลืมแปรงฟันด้วยน้า"
ได้ยินคุณพยาบาลประกาศเช่นนั้น หยางหยางก็นึกออกมาหนึ่งเพลงที่ฟังบ่อย ๆ ในเครื่องเล่นเพลงของเขาก็มี โน๊ตก็ไม่ยากมากและเด็ก ๆ ก็พอฟังได้ไม่ใช่เพลงรักที่หวานเกินไป
"棉花糖 พอเล่นได้ไหม "
"อ๋า รู้จักล่ะ ชอบเลยด้วย เพลงนี้ก็ได้ รุ่นพี่เล่นเปียโน ผมก็กีตาร์ งั้นเรามาซ้อมกันแป๊บนึงแล้วกัน"
อี้เฟิงรีบวิ่งไปคว้ากีตาร์ตัวโปรดมา ลากเก้าอี้มานั่งใกล้กับเปียโน นั่งลงข้างๆ หยางหยางที่เตรียมจะเล่นเปียโนแล้วเหมือนกัน ก่อนนั้นอี้เฟิงบอกคุณพยาบาลว่าขอ 10 นาทีให้เด็ก ๆ เล่นเกมส์กันก่อน เพื่อให้เขาสองคนได้เตรียมตัว
"รุ่นพี่หยางหยาง เดี๋ยวพี่เริ่มเล่น เดี๋ยวผมจะต่อจากรุ่นพี่ แล้วจะประสานกันจนจบเนอะ"
"ครับ แบบนั้นก็ได้ แต่มีอะไรจะขอซักอย่าง ได้ไหม"
อี้เฟิงประหลาดใจกับคำขออันเร่งด่วน เงยหน้าจากกีตาร์มามองรุ่นพี่ เห็นสายตาแน่วแน่ ท่าทางจะตั้งใจขอจริงๆ เขาเลยลองรับฟัง
"เปลี่ยนจากรุ่นพี่ เป็น หยางเกอ แทนได้มั้ย จะตั้งใจเล่นเลย"
"หา?"
รุ่นน้องประหลาดใจคูณสองเมื่อได้ยินคำขอ
"เหตุผล ? "
"เรียกรุ่นพี่ดูห่างเหิน"
"แต่ผมก็ไม่ได้สนิทกับพี่ขนาดนั้น แถมครั้งนี้ รุ่นพี่สโตรคเกอร์ผม ตามผมมา ผมจับได้ ต้องลงโทษ"
"ยอมให้ลงโทษแล้วไงครับ แต่ถือว่าเป็นคำขอของนักโทษ..นะ"
หยางหยางพูดอ้อนวอน หันใบหน้ามาพยายามมองดวงตาสดใสของอี้เฟิง แต่อีกฝ่ายเสหลบได้ทัน แต่แว้บหนึงที่เขาเห็นสายตาสดใสคู่นั้นวูบไหว ทำให้หยางหยางคิดว่ารอยยิ้มและคำอ้อนวอนเขาอาจจะเป้นผล
"ที่สำคัญกว่านั้น รุ่นพี่คนนี้อยากสนิทกับรุ่นน้องคนนี้ด้วย เรามาเปลี่ยนสรรพนามให้สนิทกันกว่าเดิมนะ อย่างหยางหยางเกอเกอ หยางเกอ ผมก็จะเรียกคุณว่าน้องอี้เฟิง อี้เฟิง ทำนองนี้ ดีมั้ย"
"นักโทษขอเยอะจัง ไม่ให้ได้มั้ย"
หยางหยางยิ้มขำ ท่าทางอีกคนพูดหยอกแถมดูไม่สนใจคำขอเขาเท่าไหร่ ไม่เป็นไร งั้นค่อยไปทีละขั้นก็ได้ และวันนี้เขาผิดที่แอบตามอีกฝ่ายมาด้วย
"โอเค..ยอมแล้ว " หยางหยางยกมือยอมแพ้ไม่ขอต่อรอง อี้เฟิงก็ยักไหล่เม้มปากยิ้มพอใจ ก่อนก้มไปเล่นกีตาร์ซ้อมเพลง 棉花糖 ต่อ รื้อฟื้นความจำ
หยางหยางก็หันกลับมารื้อโน๊ตเพลงนี้เช่นกัน
"หยางเกอ เราจะเริ่มเล่นตั้งแต่ต้นเพลงเลยนะ แต่พอจบเราก็วนท่อนฮุ๊คซักรอบหนึ่งยืดต่อ เพื่อให้เพื่อนผมมาทันรอบต่อไป"
"โอเคครับ.."
ห๊ะ?
"เมื่อกี้..."
"อะไรกัน ตัวเองขอเองแท้ ๆ "
อี้เฟิงพูดในขณะที่ใบหน้าก้มง่วนอยู่กับกีตาร์ไม่ได้มองใบหน้าของหยางหยางที่ยิ้มกว้างใกล้เป้นคนบ้าเต็มที แต่ก่อนจะเป้นบ้าจริง ๆเขารีบเรียกสติกลับคืน เรียกความคูลคืนมาด้วย จริง ๆวันนี้ต้องเท่ แต่เขาหลุดไปหลายครั้ง ก็เพราะเจอน้องอี้เฟิงใกล้ ๆ นี่ล่ะ
"แล้วที่บอกตะกี้น่ะเข้าใจรึยังครับ หยางเกอ?"
"เข้าใจแล้วครับ ...น้องอี่้เฟิง"
อี้เฟิงขมวดคิ้วทั้งที่ยังคงก้มง่วนกับกีตาร์เช่นเดิม หยางหยางสังเกตเห็นและนอกจากนั้น ยังเห็นแก้มที่น่าจะนุ่มนิ่มของน้องอี้เฟิงของเขาอมยิ้มแก้มตุ่ยน่ารักเสียด้วย
พอแล้ว หยางหยาง วันนี้แกได้ความหวานกลับไปนอนกอดมากเกินไปแล้ว
หวานยิ่งกว่าชื่อเพลงที่จะเล่นวันนี้เสียอีก
"หนุ่ม ๆ พร้อมกันรึยัง แฟนเพลงตัวน้อยพร้อมจะฟังแล้วจ้า"
แฟนเพลงตัวน้อยมองตาแป๋ว ในขณะที่พี่ชายคนหล่อคนน่ารักกำลังเตรียมเครื่องดนตรี ลองซ้อมกันไปสามสี่รอบ ก็เข้ากันได้อย่างรวดเร็ว อี้เฟิงเอ่ยชมหยางหยางว่าเล่นเปียโนใช้ได้เลย แม้จะเป้นพวกเล่นกีฬา ทำเอาหยางยิ้มพอใจจนอี้เฟิงนึกหมั่นไส้ ส่งสายไหมมาให้จนแทบจะทิ่มใบหน้าเขา
"เอาไปกินก่อนเลย เกอยิ้มจนจะเหมือนคนบ้าแล้ว จะดีใจอะไร เกอพอใจอะไรนักหนา"
หยางหยางรับสายไหมจากมือรุ่นน้องมากินสองสามคำก็หมด เพราะเป็นก้านเล้็ก ๆ ที่ทำไว้สำหรับเด็ก ๆ พอหมดก็หันไปยิ้มให้จนอีกฝ่ายหมั่นไส้ลงมือทำร้ายร่างกายนักโทษจนได้ โดยการหยิกให้หายหมั่นไส้
"โอ๊ย อี้เฟิง"
"หมั่นไส้อะ ยิ้มอะไรนักหนาเนี่ย"
"แต่เกอคนนี้มีความสุข ยิ้มแล้วผิดอะไรล่ะ"
"ผิดทุกประตูเพราะหมั่นไส้มากกกกก"
พูดลากเสียงยาวแล้วก็เดินหนีไปเตรียมตัวเล่นกีตาร์ซะเเล้ว ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเขินเขาอยู่ไม่มากก็น้อย หยางหยางขำกับตัวเเองเสียงเบา เขารู้ว่าวันนี้ตัวเองกำไรสุด ๆ แล้ว เข้าใกล้อีกฝ่ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนขนาดนี้ เวลาเช่นนี้ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ และหยางหยางก็ไม่คิดว่าเขาจะโชคดีแบบนี้ไปทุกครั้ง ซึ่งหมายความว่า
วันนี้เขาต้องความหวานยิ่งกว่าสายไหมในวันนี้ไปเต็มอิ่ม เป็นเบาหวานตายก็ยอม
หลังจากนั้นก็เป็นบรรยากาศความหวานจากเพลง 棉花糖 เพลงตันฉบับนั้นเป็นเพลงที่ฟังง่าย สบายๆ แต่หวานเหมือนชื่อเพลง ความหมายก็ใส ๆ หวานในระดับที่เด็กน้อยเข้าใจได้แต่ผู้ใหญ่ก็เขินได้เหมือนกัน ส่วนทั้งหยางหยางและอี้เฟิงที่กลายเป็นดูโอ้จำเป็นต่างบรรเลงเพลงนี้ด้วยเครื่องดนตรีที่ตัวเองถนัด โดยมีอี้เฟิงเป็นคนร้องเพลง เนื้อเพลงกำลังหวานพอดีทั้งสำหรับแฟนตัวน้อยและเขาสองคน ให้ยิ้มไปกับทุกประโยคที่อี้เฟิงกำลังร้อง แฟนคลับตัวน้อยมีโบกมือ โยกตัวตามด้วย เมื่ออี้เฟิงโยกเป็นจังหวะตามที่เขาเล่นกีตาร์เล่นร้องเพลง สาวน้อยคนหนึ่งเดินมายืนใกล้ ๆ อี้เฟิง แล้วยืนโยกตัวใกล้ๆ พี่ชายคนน่ารักของเธอ มีอีกคนนมายืนใกล้หยางหยาง แล้วก็ทำอย่างเพื่อนสาวน้อยของเธอ จนจบเพลง เด็กน้อยทุกคนปรบมือขอบคุณ และมีของตอบแทนให้เป็นสายไหมคนละไม้คนละสีให้พี่ชายคนน่ารักกับคนหล่อ
"พี่คนหล่อต้องสีฟ้านะ ส่วนพี่อี้เฟิงหนูให้ชมพู"
"อ้าว ทำไมล่ะ?"
"พี่น่ารักเหมือนตุ๊กตาที่ห้องหนูเลย"
เด็กน้อยพูดจบล้วก็ยิ้มกับเพื่อน และก็ไปวิ่งเล่นตามประสาเด็ก ที่คิดไวทำไวไปไวเหลือเกิน วิ่งไปโน่นและทิ้งให้พี่ชายสองคนยืนมองหน้าแล้วก็เขินกันไปเอง และงับสายไหมกันคนละคนสองคำ จนหมดไม้แก้เก้อกันไป
สายไหมหวานสู้บรรยากาศของหยางหยางและอี้เฟิงตอนนี้ได้มั้ย ?
"ดีนะที่เจ้าพวกนั้นมาทันการแสดงดนตรีอีกรอบ ไม่งั้นโดนเอ็ดแน่ เป็นโปรเจคของชมรมซะด้วย"
เพราะชมรมมีการทำสัญญาไว้เป็นโปรเจคของชมรมว่าจะมีการเล่นดนตรีการกุศลวนไปในที่ที่สามารถไปเล่นได้ วันนี้เป้นคิวของโรงพยาบาลเด็กในแถบนี้ แต่เพื่อนของอี้เฟิงติดภารกิจที่บ้านกันหมด จึงกลายเป็นอี้เฟิงต้องมารับหน้าและเพื่อนเหล่านั้นก็จะมาสลับกันอี้เฟิงในรอบหลัง ทดแทนกันไปและหยางหยางนั้นก็เป็นผู้โชคดีหรือที่อี้เฟิงเรียกว่านักโทษในวันนี้ได้เป็นนักดนตรีจำเป็นมาเล่นคู่กับอี้เฟิงอย่างบังเอิญ
จะว่าบังเอิญก็ดี หรือตั้งใจก็ดี แต่วันนี้ของหยางหยางหวานกว่าใคร ๆ เสียแล้ว
"รุ่นพี่--"
"อ๊ะ "
"หยางเกอ"
"ครับ "
"ผมโครตหมั่นไส้พี่เลยตอนนี้ แค่เรียกว่าหยางเกอจะดีใจขนาดนั้นรึไง"
"เพราะมันลดระยะห่างระหว่างเกอกับอี้เฟิงไปเยอะเลยน่ะสิ"
"จ้า ตามใจเลย จะเรียกจะเเทนตัวเองยังไงก็ เอาที่สบายใจ"
"แล้วก็นะ หยางเกอ เข้าใจเลือกเพลงดีนะ"
"คิดสดได้ตอนนั้นน่ะครับ ก็เห็นสายไหมพอดี"
"ง่ายเกินไปแล้ว"
อี้เฟิงหัวเราะแกมขำ ก่อนยักไหล่เดินนำหยางหยางไป
จริง ๆ พอสัมผัสได้อยู่ว่าสรรพนามที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่เหมาะกับทั้งสองคนไม่เลวเลย
หยางหยางและอี้เฟิงในระหว่างทางกลับหอพัก ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่บนรถเมล์สายเดิมที่มา รู้สึกว่ารถจะขับช้ากว่าขามา เพราะตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืด และคนเริ่มน้อยจึงลดความเร็วลง หยางหยางอาสาเป็นคนถือกีตาร์ จริงๆ เขาอาสาทุกอย่าง อยากให้ลดความผิดเรื่องที่สโตรคเกอร์ตามอี้เฟิงมา ให้ทำอะไรก็ยอมได้หมด แค่อีกฝ่ายไม่กลัวและผวารุ่นพี่คนนี้เป็นพอ
ไม่สิตอนนี้เป็นหยางหยางเกอเกอของน้องอี้เฟิงแล้วนี่
"เกอตามผมมา นี่ถามจริง ไอ้เรื่องบอดี้การ์ดนี่จริงจังหรอ ?"
"จริงจัง แต่แค่อี้เฟิงอยากให้เกอจริงจังด้วยมั้ย ?"
"เรื่องบอดี้การ์ดนี่น่ะนะ?
"เปล่า ทุกเรื่องเลย "
หยางหยางพูดมีความนัยอีกเเล้ว อี้เฟิงยู่คิ้วไม่ตอบแล้วหันไปอีกทางออกหน้าต่างไป เพราะรุ่นน้องคนน่ารักนั่งชิดหน้าต่างเลยเฉไฉออกมองไปทางอื่นง่าย เห็นว่าไปแอบอมยิ้มกับต้นไม้ริมทางที่รถเมล์วิ่งผ่านเมื่อครู่นี้ แต่หยางหยางทำไม่ได้ เพราะเบาะที่เขานั่งอยู่ ฝั่งข้าง ๆ กันมีคุณตาคุณยายจ้องหน้าอยู่ แถมยิ้ม ๆ หันมาซุบซิบทางพวกเขาอีกด้วย
"น้องอี้เฟิง ขอคำตอบด้วยครับ"
"ไม่ตอบ คิดเอาเองแล้วกันนะ หยางหยางเกอเกอ"
เรียกซะเต็มยศแต่เสียงกวนคนเป็นรุ่นพี่เต็มที่ หยางหยางยื่นหน้าไปมองรุ่นน้องที่รัก พวกเขาสองคนไม่ได้นั่งเบาะที่นั่งเดียวกันแต่ หยางหยางนั่งหลังถัดจากอี้เฟิงมา ที่นั่งแม้จะนั่งสองคนได้โดยไม่คับแคบอะไรแต่ หยางหยางอยากเว้นระยะห่าง รุกรุ่นน้องที่รักมาขนาดนี้ วันนี้เขาคงพอ ให้อีกฝ่ายได้หายใจหายคอบ้าง
ก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์มหาวิทยาลัย หยางหยางนึกไปถึงคำถามนั้นว่า 'ถ้ามีคนที่ชอบ เขาจะทำอย่างไร' ตอนนี้ก็อย่างที่เห็น เขารุก ลุยเต็มที่ เพราะแน่ใจว่าคนนี้ตรงใจและใช่ที่สุดแล้ว และกลัวจะคว้าเขาไว้ไม่ทัน จึงติดสปีดรุกแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เขาแทบจะไมไ่ด้คุยเลยหลังจากเจอว่าหลี่อี้เฟิงคนนี้ล่ะใช่เลย เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้า และหยางหยางก็ให้รางวัลกับตัวเองไว้ว่า ถ้าชนะการแข่งซึ่งก็คือการแข่งก่อนหน้านี้ก็จะเข้ามาทำความรู้จักหรือคุยกับน้องเขาเป็นรางวัล เขาทำเต็มที่และขนะ และนี่คือของรางวัล
ได้มาเเล้ว และได้มากกว่าที่หวังไว้ ใกล้กว่าที่คิดและตั้งใจไว้มาก
เขาอาจจะมีโอกาสในความรักครั้งนี้ก็ได้
"ขอบคุณนะที่อุตส่าห์มาช่วย"
"ครับ ได้เสมออยู่แล้ว"
หยางหยางมองแค่ช่วงต้นคอที่โผล่พ้นเบาะที่นั่งผู้โดยสารมา เพระาหยางหยางนั่งเบาะหลัง อยากจะมองหน้าก็ไม่ถนัดนอกจากอีกฝ่ายจะหันมาหาเองเท่านั้น
และก็..
"กินสายไหมมั้ย เกอ ผมได้รับจากเด็ก ๆ มา แต่เหลือไม้เดียวแล้ว"
"ถ้าอี้เฟิงจะกินก็ไม่เป็นไร"
"ชวนแล้ว มากินด้วยกัน"
"งั้นป้อนเกอหน่อยสิ"
อี้เฟิงแทบลุกไปฟาดด้วยมือถือในมือ เรื่องช่างเต๊าะช่างหยอด รุ่นพี่คนนี้ได้ใจนัก อี้เฟิงถอนหายใจและส่ายหัวไม่โอเคกับมุกเมื่อกี้ของหยางหยางเลย
แต่
หยางหยางก็ต้องเบิกตาประหลาดใจ อี้เฟิงยกตัวเองขึ้นหันหลังคุกเข่าลงบนเบาะทีนั่งหันหน้ามาหารุ่นพี่ที่นั่งอยู่ข้างหลังตัวเอง ส่งสายไหมมาให้ทั้งที่อยู่ในมือ
"กินมั้ย ? "
"เอ่อ..."
"หนึ่ง สอง..--- "
รู้ดีว่าอีกฝ่ายจากดึงมือคืนไปถ้าครบสาม หยางหยางยื่นหน้างับสายไหมหนึงคำจากมือรุ่นน้องไป และขอแถมอีกคำเพราะความหวานเป็นพิเศษจากมือคนที่ชอบ หยางหยางลองมองขึ้นไปอยากมองหน้าตอนนี้ ว่าอี้เฟิงจะทำหน้าตาน่ารักแบบไหน
หยางหยางยู่คิ้วคิดเสียดาย อีกฝ่ายยกกระเป๋าเป้สะพายข้างบังหน้าตัวเองไว้ ไม่รู้ว่าอี้เฟิง จำทำหน้าตาอย่างไร แต่ดูจากท่าทางน่าจะเขินอยู่เหมือนกัน ก็เล่นป้อนสายไหมให้ขนาดนี้
"พอแล้ว เอาไปกินเอง"
อี้เฟิงดึงมือตัวเองกลับ และบอกให้คุณรุ่นพี่มารับสายไหมไปกินเอง หยางหยางรับมาแบบงง ๆ แต่ก็ทำตาม รุ่นน้องหันกลับไปนั่งแบบเดิม และไม่พูดไม่จากับหยางหยางอีกเลย
แต่แค่นี้หยางหยางก็แทบลอยได้แล้ว ความรักช่างมีอนุภาพรุนแรงจริง ๆ คนรูปหล่อส่ายหน้าไล่ความเขินไปเรื่อย ๆจนปากงับสายไหมก้านนี้หมด
รถเมล์ขับฃ้าเหลือเกิน หยางหยางคิด แต่นี่ก็ดีที่ทำให้เขาและอี้เฟิงได้อยู่ด้วยกันไปอีกซักพัก
"หลับไม่รู้เรื่องเลย เด็กคนนี้"
รุ่นพี่เห็นอี้เฟิงหลับลึกพอสมควร เพราะอี้เฟิงเงียบไปและดูร่างกายไม่ยุกยิกเหมือนก่อนหน้า เว้นแค่ส่วนหัวที่คล้อยไปตามขับเคลื่อนของรถซ้ายทีขวาทีดูน่ารักแต่คงเมื่อยไม่น้อย หัวแทบจะโขกชนกับขอบกระจกอยู่แล้ว มือแกร่งจึงยื่นไปรองรับก่อนที่รุ่นน้องเอาหัวไปโขกกับขอบนั้นหัวปูดไปเสียก่อน และดูเหมือนอี้เฟิงจะไม่ตื่นมาง่ายๆ จนกว่าจะถึงปลายทาง หยางหยางจึงใช้มือของเขารองหัวอี้เฟิงที่โยกไปมาแทนต่างหมอนให้คนน่ารักไปก่อนแล้วกัน
" เดี๋ยวจะหาว่าบอดี้การ์ดไม่ดูแลเสียอีก"
และตลอดทางคุณบอดี้การ์ดก็ฮัมเพลง 棉花糖 ไปตลอดทาง แต่ความหวานของบรรยากาศของเราสองคนอย่างไร หยางหยางเชื่อว่าสายไหมยอมแพ้เเน่นอน
******************************************************************TBC--4
talk
เอาซะหน่อย จริง ๆ ก็มีเหตุผลอยู่นะคะที่ใช้คำว่า เกอ แทนที่จะเป็น พี่ แทนในเรื่องนี้น่ะ
และเพลงน่ารักมากน่อว์