ปกติไม่เขียนฟิคช่วงเทศกาลเลยค่ะ แต่ด้วยรักและคิดถึงหยางเฟิง
แม่แมว
วันวาเลนไทน์ทั้งที มีอะไรให้คนที่รักบ้างก็ดีนะ
หยางหยางหันไปมองป้ายโฆษณาที่ส่องแสงวิบวับตามท้องถนน
ข้อความนี้เป็นข้อความหนึ่งที่เขาไล่สายตาอ่านทัน ขณะที่เขากำลังขับรถกลับคอนโดเพื่อพักผ่อนจากงาน
หลังแยกย้ายกับทีมงานคนสนิททั้งหลาย ทุกคนไม่ถามอะไรหยางหยาง
เพียงแต่บอกลาแล้วก็ให้ขับรถดี ๆ
ไม่มีใครพูดถึงหลี่อี้เฟิงให้หยางหยางได้ยิน ไม่มีใครเอ่ยถาม
ก็เพราะว่าหยางหยางกับหลี่อี้เฟิงไม่ได้คุยกันมานานแล้วน่ะสิ
ความสัมพันธ์ของนักแสดงรุ่นพี่และรุ่นน้องที่แสนจะซับซ้อนแต่มันก็ไม่มีอะไรมากขนาดนั้นหรอก
มันไม่ได้ซับซ้อนอะไรขนาดนั้น เขาแค่มีความรู้สึกหนึ่งถึงอี้เฟิง
เขารักหลี่อี้เฟิงมากแค่ไหน ใคร ๆ เขาก็รู้
แต่อี้เฟิงไม่เคยแสดงออกกับเขา
ไม่มีอะไรให้เขาคาดเดาได้เลย อี้เฟิงไม่เคยเปิดโอกาสให้ เพราะอะไรน่ะหรือ ?
บอกให้ได้เลยว่าหลี่อี้เฟิงคนนั้นไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว ไม่ใช่คนเอาแต่ใจ
ไม่ใช่คนไม่ดี แต่เป็นห่วงเขามากกว่าใครต่างหาก
ความสัมพันธ์ของเราถึงได้เป็นแบบ ค้าง ๆ คา ๆ จนถึงทุกวันนี้
แต่บอกได้เลยว่าหยางหยางไม่เคยเปลี่ยนใจไปรักใครอยู่แล้ว
หยางหยางไม่ได้รีบไปไหนอยู่แล้ว เขายังอยู่ตรงนี้เสมอ
อี้เฟิงมองเห็นเขาเสมอ เราต่างก็มองเห็นกัน เขายังมีอี้เฟิงเสมอ
ข่าวอะไรที่ออกไปทางสื่อโซเชี่ยล หยางหยางคนนี้ขอให้ชื่อเสียงเป็นประกันเลยว่า
โกหกทั้งเพ
มาถามเขาสิ ถ้าเขาตอบได้โดยที่ประธานบริษัทไม่ฆ่าฝังกลบเขา
เขาก็จะตอบว่าหลี่อี้เฟิง
“อืม”
หยางหยางขับมาจนถึงสีแยกใหญ่ใจกลางเมืองเศรษฐกิจของประเทศ เป็นสแควร์ที่มีแสงสีมากมาย เขาจำได้ว่าช่วงวันเกิดของเขาจะมีข้อความอวยพรวันเกิดของแฟนคลับที่ซื้อเวลาไว้มาฉายอวยพรให้
เขาก็มายืนอ่านแล้วถ่ายรูปอยู่ยกใหญ่ ปลื้มใจล่ะ เพราะสแควร์นี้เป็นสแควร์ดังของเมือง
มีคนผ่านไปมานับแสนคนต่อวัน
นั่นทำให้ชื่อของหยางหยางถูกเสิจเพิ่มขึ้นอีกหลังจากวันเกิด
ไว้วันเกิดของอี้เฟิงปีหน้าเขาจะโอนเงินเข้าร่วมทุนอวยพรวันเกิดในกลุ่มแฟนคลับอี้เฟิงดีกว่า
เหมืนแอคเคาท์โซเชี่ยลดังก็ยังมีอยู่ สร้างเอาแอบส่องหลี่อี้เฟิงและแฟนคลับโดยเฉพาะ
“ชักคิดถึงแมวอ้วนแล้วสิ”
แมวอ้วนเป็นฉายาที่เขาไว้เรียกอี้เฟิงเมื่อช่วงเวลาที่เรายังอยู่กับตามลำพังได้
ช่วงที่เราพบกันบ่อย ๆ ช่วงนั้นล่ะที่หยางหยางมีความสุขที่สุด
กำลังหวานเข้าขั้นเลย ส่วนอี้เฟิงเองก็เรียกเขาว่าไอ้หมาบ้า ใช่
เวลาเขาอยู่กับอี้เฟิงแล้วก็มักจะมีความสุขเกินไปจนเหมือนคนเป็นบ้า
อี้เฟิงเลยเรียกเขาแบบนั้น
ไฟแดงตรงนี้นานไปหน่อย
ใกล้วาเลนไทน์แบบนี้ ใครหลายคนก็มีความพิเศษมอบให้กับคนที่รัก
แต่หยางหยางยังไม่มี เขายังคิดไม่ออกว่าจะส่งข้อความอะไรไปหาอี้เฟิง
ก็ใช้ช่วงเวลาติดไฟแดงนี้คิดเอาแล้วกัน ระหว่างนี้หยางหยางก็ยกโทรศัพท์มาเลื่อนหาไอเดียดี
ๆ เผื่อก็อปไปใช้จากเหวยบ๋อเอา
อี้เฟิงอัพเหวยบ๋อ ?
นานทีเขาก็จะอัพ
แต่ก็เป็นข้อความถึงวันวาเลนไทน์ซึ่งเขาก็เขียนส่งให้แฟนคลับ อืม หยางหยางก็เป็นนะ
งั้นเขาจะถือว่าเขาขอแบ่งความรักนี้จากอี้เฟิงด้วยแล้วกัน
“เอ๋?” คุ้น ๆ ?แฮะ ข้อความนั้น
เงยหน้าจากโทรศัพท์ไม่กี่วินาทีนั้น
ก็เจอข้อความที่เขียนแทบเป็นข้อความเดียวกัน บนจอใหญ่กลางสแควร์
พร้อมลงท้ายชื่อผู้รับ และผู้ส่งข้อความ
หยางหยางจุดยิ้มทันที เมื่ออ่านจบ
และมือถือของเขาก็มีเสียงเตือนว่า มีคนโทรเข้ามานะ
“ร้อยวันพันปี คุณไม่เห็นจะโทรมาหาผม หลี่อี้เฟิง”
“นี่ไงก็ครบพันปีแล้ว ฉันถึงโทรมาหานาย และมีเวลาแค่สามนาที
ก่อนที่ใครจะพบว่าฉันแอบกระซิบอยู่กับใคร “
หยางหยางหัวเราะขำ อีกปลายสายเหวใส่
ดุว่าอะไรจะมาหัวเราะให้เปลืองเวลาทำไม มีอะไรจะพูดมั้ย
“คุณรู้ได้ยังไง ว่าผมจะผ่านสแควร์ตอนเวลานี้”
“ก็ฉันเพิ่งโทรถามบอดี้การ์ดของนาย”
“ทำไมคุณกล้าขนาดนี้เนี่ย”
“เงินเลย หนาพอ ๆ กับหนังสือเรียกประวัติศาสตร์เลยล่ะ”
หยางหยางเงยหน้ามอง ข้อความที่ปรากฏตรงหน้ายังไม่หายไป
เขาเลยเอ่ยเสียงกับปลายสาย คือหลี่อี้เฟิงต่อ
“แพงมากมั้ย”
“เงินหนาพอ ๆ หนังสือประวัติศาสตร์สามเล่ม”
คำลงท้ายที่เป็นชื่อที่ไว้เรียกกันเพียงสองคน แมวอ้วน หมาบ้า
และก็มีชื่อแอคเคาท์ลับของทั้งเขาและอี้เฟิง แน่นอนล่ะ เขารู้อยู่แล้วว่าแอคเคาท์ของอี้เฟิงชื่ออะไร
ก็เหมือนกับที่อีกฝ่ายรู้เรื่องราวของเขาดี
“คุณให้เงินพี่บอดีการ์ดของผมไป เดี๋ยวผมจะไปใช้คืนก็แล้วกัน”
ปลายสายหัวเราะกลับมา แต่ก็ยังเหมือนเสียงกระซิบ
“ไวท์เดย์สิ ขอข้อความถึงฉันแบบหวาน ๆ แล้วส่งไปลงจอตรงสแควร์นั้น
แบบที่ฉันทำ ลงท้ายชื่อด้วยนะ ฉันจะรีบไปอ่านแล้วถ่ายเก็บไว้”
“ทำไมต้องทำอะไรอลังการแบบนี้ หืม อี้เฟิง”
อีกฝั่งหัวเราะอีกแล้ว ทีนี้เหมือนจะเสียงดังขึ้น เพราะชอบใจ
ที่ทำอะไรให้หยางหยางประหลาดใจได้ ก็น้ำเสียงของหยางหยางระหว่างที่คุยอยู่นี้
ดูเหมือนคนที่เพิ่งถูกบอกรักใหม่ ตื่นเต้นจนแอบซ่อนไม่อยู่
“ถามมากจัง ที่ฉันไม่เคยบอกอะไรกับนายเลย ก็เก็บไว้
มาบอกเอาวันนี้แหละ ถือว่าแทนกันได้ เพราะคำบอกรักของฉันใหญ่โตเท่าบ้านเลยนะ
บนจอนั่นละน่ะ”
โอเค เขาไม่ถามอะไรอี้เฟิงแล้ว ใก้ล้เวลาที่ต้องวางสายจริง ๆ
ปลายสายหัวเราะอีกสองสามวิ แล้วก็บอกว่า ดูแลตัวเองด้วย
หยางหยางรับคำ แล้วต่างเงียบไปกันอีกสามสี่วินาที
เพื่อฟังเสียงลมหายใจกันและกัน แล้วก็วางสายไป
บอกอีกอย่างว่า
หลี่อี้เฟิงไม่ชอบบอกความรู้สึกของตัวเองด้วยริมฝีปากช่างจ้อนั้น
เขาชอบสื่อผ่านการกระทำ โอเค ก็อย่างเช่นเขียนบอกเขาคำโต ๆ บนจอกลางสแควร์นั้น
ซึ่งเป้นข้อความเดียวกับที่เขาเขียนบอกแฟนคลับ อะใช่ แต่ของเขาพิเศษกว่านิดหน่อย
อี้เฟิงเขียนบอกแฟน ๆ ว่า “ผมรักพวกคุณ”
ส่วนบนจอกลางสแควร์นั้น เป็นข้อความของเขาคนเดียว
“ผมรักคุณ ไม่มีวันเปลี่ยนใจ”
หยางหยางถือกับต้องจอดรถใกล้ ๆ สแควร์นั้น
แล้วนั่งดูข้อความนั้นฉายอยู่นานจนหมดเวลาของมันไป
เขาถ่ายรูปไว้ประมาณแสนรูปได้ล่ะมั้ง จนตอนนี้เขายังหุบยิ้มไมได้เลย
การกระทำของหลี่อี้เฟิงใหญ่อลังการสมเป็นเทพบุตรแห่งชาติจริง ๆ
คำบอกรักของเขาก็เช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น