วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

[Fic] La La La :: Spe EP Beauty and The Bear : growth #Colezra




TITLE :  La La La 
CHAPTER : Beauty and The Bear : growth
PAIRING : Ben Affleck x lili elbe WITH  COLIN FARRELL x EZRA MILLER

La La La




“ลิลี่”
“อือ”
“ไม่หิวข้าวรึไง”
“หิวนิดหน่อย”
“ก็ไปกินข้าวกัน”
“งานยังไม่เสร็จ”
“เธอพูดแบบนี้มาตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วแล้วนะ”
“นายไปก่อนก็ได้”
“เธอเพิ่งหายป่วยมานะ”
“นั่นก็ตั้งสองอาทิตย์แล้ว เบน”


ให้ตาย ลิลี่อุทานในใจ เธอหายป่วยมาก็ทิ้งช่วงนานแต่เจ้าหมีก็เหมือนจะยังเกาะติดเขาแจ นายเป็นลูกหมีโคล่าหรือยังไงกันยะ  ลิลี่มีประชุมกับผู้ถือหุ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมง เธอต้องสรุปแผนงานทั้งหมดในมือเธอมาเป็นรูปร่างก่อนจะเข้าประชุม ไหนจะต้องทบทวนพรีเซนต์อีก เธอเข้าโรงพยาบาลไปนานงานก็ไม่คืบหน้าด้วย นี่คือข้อเสียที่เธอป่วย มันมีดีแค่อย่างเดียว คือเบน แอฟเฟล็ค ไม่ห่างจากเธอเลยซักวันเดียว


นั่นดีมาก ดีต่อใจเธอมาก ลิลี่ชอบเบนมานาน และมากแค่ไหน เธอรู้ใจเธอดี แต่เธอก็ห้ามตัวเองไว้ ไม่บอกใครนอกจากตาวัวบ้า เพื่อนสนิท เพราะถ้าเบนรู้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอเดาท่าทีเบนไม่ออก


“ลิลี่..”
“ไปก่อนเลย”
“ลิลี่”


เบนส่งเสียงรียกเธอมาเรื่อย ๆ เสียงเบนเป็นเสียงโทนชวนง่วงนอน ยานคาง ไร้ความสูงต่ำในเสียงแต่อย่างใด เธอคุยกับเบนอยู่ได้ทุกวันตอนที่อยู่ในโรงพยาบาลก็ไม่หลับนะ ก็เพราะเธออยากมองหน้าเบนใกล้ ๆ

ก็ขอให้ได้อ้อนหน่อย เพราะเมื่อกลับมาเป็นปกติ เธอไม่สามารถทำอย่างตอนที่ป่วยอยู่ได้ ก็มันขัดกับอิมเมจของฉันนี่ยะ!  เธอเคยบอกคอลินเมื่อคอลินบอกให้อ้อนเบนเข้าบ้าง หวานกับเบนหน่อย


“ลิลี่จ๋า ไปกินข้าวกัน” เบนเรียกเสียงหวาน ลิลี่ถึงกับชะงักปากกาที่เซนต์อยู่ในมือ มือไม้อ่อนขึ้นมา เธอพยายามไม่เงยหน้าไปมองเบนที่ตอนนี้ก็คงกำลังลุ้นคำตอบ และจ้องหน้าหวานของเธออยู่ ลิลี่หลับตา และเม้มปากที่แต่งแต้มด้วยสีสวยของลิปสติกที่เข้ากับเธอยิ่งนัก

“เออ ไป! อยากกินอะไร บุฟเฟต์เลยมั้ย ไป! เดี๋ยวนี้เลย!


เธอแพ้ลูกอ้อนของเบนแค่ไหน ก็เพิ่งจะได้รู้เดี๋ยวนี้ เธอไม่เคยพบเบนในเวอร์ชั่นหมีอ้อนแบบนี้เหมือนกัน พอเธอลุก เบนก็ลุกด้วย หมีตัวใหญ่เต็มความสูง ทำให้ลิลี่ต้องเงยหน้าคุยกับเบน พอพูดจบประโยคเธอก็ดันละสายตาจาใบหน้าหล่อที่นิ่งไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ทั้งที่เสียงหวานเพิ่งอ้อนเธอไป

“ในที่สุดก็เงยหน้าออกจากงานบ้าง เดี๋ยวไม่สบายอีก ไปกินข้าวกัน” พูดประโยคนั้นไป ก็พร้อมกับคว้ามือของลิลี่ไป เบน แอฟเฟล็คที่เดี๋ยวนี้ชักเหิมเกริมขึ้นใหญ่ กล้าลุกล้ำหัวใจของลิลี่ เอลบ์ขนาดนี้


ลิลี่เองก็มีขีดจำกัดของความเขินเหมือนกัน ตอนนี้เธอแทบจะระเบิดตัวเองอยู่แล้ว



หลังจากนั้นทั้งคู่ก็มากันที่ร้านประจำของลิลี่ที่เบนให้เธอเป็นเลือก เป็นร้านที่ไม่ได้หรูหราอะไรมากหรอก แต่มันมีอาหารที่เธอชอบ แล้วรสชาติถูกปากด้วย เบนเป็นคนกินง่าย โยนอะไรให้ก็เอาเข้าปากหมด ถ้าไม่ใช่เก้าอี้ ก็กินได้ล่ะ เบนสั่งอาหารง่าย ๆ ซึ่งนั่นก็คือก็อปเมนูของลิลี่โดยสั่งเป็นสองที่ไปนั่นเอง เธอนั่งตรงข้ามกับอีกฝ่าย ตัวโตใหญ่อย่างกับหมีแหน่ะ เธอมองแล้วจุดยิ้มสวยแต้มมุมปาก เบนเห็นก็ยิ้มด้วย แต่แม้ว่าปากยิ้มหน้าไม่ยิ้มตาม ลิลี่เห็นว่านั่นตลกดี เลยยกมือถือแชะรูปเบนไว้แล้วก็กดเซฟ คิดว่าเดี๋ยวจะส่งไปให้คอลิน

“ส่งรูปตลก ๆ นายไปแฉให้คอลินดูดีกว่า”

พอพูดแบบนั้นปุ๊บ เบนก็หน้าบึ้งปั๊บ แถมส่งสัญญสาณโดยการเคาะช้อนส้อมกระทบกันให้เกิดเสียงดัง จนลิลี่ต้องสนใจ หมีโกรธหรือ ?

“อะไรเบน?”
“อย่าเอาเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเธอไปบอกคอลินได้มั้ยเล่า”
ลิลี่นิ่วหน้าคิ้วขมวด ตานี่เป็นอะไร คอลินนั่นก็เพื่อนนาย แล้วก็เพื่อนฉันนะ “อะไรของนาย นั่นเพื่อนนะ”
“ก็ไม่ชอบ แค่เราสองคนก็ได้ไม่ใช่รึไง”


ฮึ

ฮึฮึฮึ เบน แอฟเฟล็ค


ลิลี่หัวเราะเสียงต่ำคำรามอยู่ในใจ ได้ เบนได้! อีตาวัวบ้า นายจะไม่ได้รับรู้เรื่องของฉันกับเบนอีกเลยต่อจากนี้ หายไปซะ! ลิลี่กดลบข้อความที่จะส่งหาคอลินที่พิมพ์ไว้ได้นิดหน่อยทัน แล้วก็วางโทรศัพท์ลงเลย

เบน นายมันขี้โกง! ขี้โกงมาก! จริง ๆ แล้วนายรู้ใช่มั้ย ว่าฉันชอบนายอยู่น่ะ!หา


พออาหารที่สั่งมาเสิร์ฟ คุณบริการก็ยั้งเท้าไว้ไม่หันกลับไปทันทีที่เสิร์ฟเสร็จกลับขออนุญาตทักทายเบน ที่เป็นผู้กำกับที่รู้จักในใจดวงใจ เบนพยักหน้าให้จับมือทักทาย แล้วก็ร่วมถ่ายรูปคู่ด้วย ส่วนลิลี่คือตากล้องคนนั้น

ฮึ.. ลิลี่แสยะยิ้มแล้วกดชัดเตอร์รูปรัว ๆ แต่ไม่มีรูปไหนใช้ได้ และเบลอมันทุกรูป


ฝันไปเถอะย่ะ กลับไปที่ของหล่อนได้แล้ว ลิลี่ส่งมือถือคืนและทำท่าที่ที่แสดงความรู้ว่า คุณบริกรคนนี้ควรออกจากพื้นที่นี้ไปได้แล้วก่อนที่เธอจะแปลกงร่างเป็นนางยักษ์เขมือนหัวเสียก่อน


หวงสิยะ ถามได้ ไป๊! หมีของฉัน ใครก็ห้ามยุ่ง


“ลิลี่ กินได้แล้ว เธอจะกินหัวเขาแทนอาหารตรงหน้ารึไง” ลิลี่ขู่แฟนคลับของเบนคนนั้น จ้องไม่วางตาจนอีกฝ่ายล่าถอยไป ท่าทางหวาดหวั่นไม่น้อย จนเบนพูดอย่างนั้นน่ะล่ะ เธอจึงได้หันมายิ้มหวานแล้วลงมือดินเนอร์กับเบนในช่วงเวลาค่ำที่แสนสงบแบบนี้



 La La La



เบนพาเธอกลบไปส่งบ้าน ทั้งที่เธอบอกว่า อยากจะไปทำงานต่อแต่หมีตัวนี้ไม่ยอมท่าเดียว อ้างเรื่องที่เธอป่วยก็นั่นมันเมื่ออาทิตย์สองอาทิตย์ก่อนแล้ว แต่เบนยังตามดูแลเธอไม่ผ่าน ไม่ใช่แค่หวั่นไหวตอนนี้ลิลี่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับหัวใจของเธอดีที่จะไม่ให้เต้นโครมครามต่อหน้าเบน แล้วเผลอเผยความในใจของเธอให้เบนรู้ เธอกลัวนะ เธอกลัวจริง ๆ ถ้าเบนไม่ชอบ เบนเป็นเป็นหมี เอ๊ย คนที่ดุไม่เข้าใจความรัก เผลอ ๆไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคำว่า รัก อยู่บนโลก เป็นหมี เอ๊ย ก็คนน่ะ คนสิ คนที่ไม่รู้ความหมายของคำ ๆ นี้ ไม่ลึกซึ้งไม่พยายามรู้ด้วย เขาเลือกที่มองมันเป็นอย่างอื่นที่ไม่สำคัญและมองข้ามไป ดูจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ถ้าเธอไม่ใช่คนที่จะพิชิตใจเบน แอฟเฟล็คแล้วล่ะก็ คนอื่น ๆ ก็คงเข้ากับตานี่ยากไม่แพ้กัน แต่นั่นน่ะไม่มีทาง เพราะถ้าใครเข้ามาทำแบบนั้น มาชอบเบนเหมือนกันอย่างกับที่เธอรู้สึกอยู่ รับรองได้เลย มันผู้นั้นต้องลงไปอยู่แทบเท้าเธอ เพราะเธอตบคว่ำไปแล้ว


“โอเค บ้านก็บ้าน ก็อย่าดุกันนักซี่”
“เธอเอาแต่บ้าทำงานอะ”
“ก็เพราะป่วยไปนาน งานไม่คืบ มันไม่เสร็จไงยะ”
“ก็ขอโทษที่ทำให้เธอเป็นแบบนั้น เธอป่วยเพราะฉัน”

เบนยังพูดประโยคเดิมอย่างที่เคยพูดกับเธอไว้ว่า ที่จะต้องมาตามดูแลลิลี่ เพราะเบนเป็นคนทำให้เธอเข้าโรงพยาบาล และเรื่องที่ทำให้เธอต้องถึงกับป่วยเพราะว่าเธอกังวลเรืองที่เบนแกล้งคอลิน เบนยุแยงให้หนูเอซร่าเข้าใจผิดกับคอลิน ให้คิดว่าลิลี่กับคอลินที่แท้จริงคือคนรักกันไม่ใช่เพื่อน แต่มันไม่ใช่ความจริง ตาหมีนี่ผิดแผน ถึงกับหงอไป วันนั้นที่ลิลี่โมโหเบนใหญ่ ถึงกับเซและสลบไปในอ้อมกอดของเบน วันนั้นเป็นต้นมา หมีตัวนี้ก็เกาะเธอแจไม่ห่าง


“เข้าบ้านไป อาบน้ำ กินนม นอน เลยโอเคนะ ฉันจะโทรมาเช็คอีกทีว่าเธอใกล้จะเข้านอนแล้ว” เบนเอามือโบกหัวลิลี่เหมือนที่เขาติดนิสัยชอบทำ ใบหน้านิ่งไร้ความรู้สึกใด ๆ ยกยิ้มมอบให้


แต่ลิลี่ยังไม่ยอมลงจากรถ วันนี้เบนทำตัวน่ารัก นั่งเฝ้าเธอ แถมยังอ้อนเสียงหวานให้ได้ยินด้วย ที่สำคัญคนเค็มๆ อย่างตานี่ กลับเลี้ยงดินเนอร์ก่อนพามาส่ง วันนี้หมีเบนทำตัวดี


“สำหรับวันนี้ ขอบคุณที่ดูแลกัน” ลิลี่ยกยิ้มตอบเบน แล้วหลังจากนั้น เธอก็ประทับจูบแผ่วเบาแต้มสีลิปแสนหวานลงบนแก้มสากของชายหนุ่มตรงหน้าเธอ เธอรวบรวมพลังให้ใจกล้าตั้งแต่หลังดินเนอร์จนเบนขับรถมาส่งที่บ้าน จนในที่สุดเธอก็กล้าทำ และเมื่อเธอละจูบจากแก้มสากนั้นและกลับมานั่งตัวตรงข้างคนขับเหมือนเบน ..เบนก็เหมือนเดิม เธอรู้อยู่แล้วว่าเบนจะไม่แสดงสีหน้าใด ๆ หรอก เพราะตานี่มันต่อมรับความรู้สึกพังไปแล้ว แล้วก็ปุ่มแสดงสีหน้าก็พังตามไปด้วย


แต่ตอนนี้ ตรงหน้าเธอ มีเรื่องตลกปรากฏให้เห็น แม้ว่าเธออยากเล่าให้คอลินเพื่อนรักฟัง แต่เบนบอกว่าให้เก็บเรื่องราวไว้แค่เราสองคน

โอเคไม่บอกก็ได้ ว่าฉันกำลังเห็นนายหมีเบนนี่ นั่งหน้านิ่ง แต่หูแดงจนขึ้นสีชัดเจน เพราะอะไรกันน้า



 La La La




ลิลี่แปลกใจที่นับตั้งแต่วันที่เธอประทับจุ๊บแรก เป็นสัมผัสที่ลึกล้ำและใกล้ที่สุดของเธอกับเบน วันนั้นตาหมีนี่ก็ไม่มาหาเธออีกเลย


นั่นทำให้เธอคิดว่าสิ่งที่เธอทำมันผิด


เบนอาจจะรู้ หรือ เบนอาจจะกำลังคิดว่า ลิลี่เข้าใกล้เขา และรุกล้ำพื้นที่ในใจของเบนโดยไม่ได้รับอนุญาต เข้าใกล้เกินไป ก็มักจะโดนไล่ออกมา หากอีกคนมันไม่ยอมให้เข้าไป


อยากบอกรักให้เบนฟังจะตายไป แต่เธอไม่กล้าทำหรอก ลิลี่ เอลบ์ที่กำลังเริ่มคิดหนัก ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอจะใช้บุหรี่เพื่อดับความเครียดแต่ตอนนี้เธอเริ่มดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น ให้เครียดแค่ไหนก็จะใช้วิธีอื่นเพื่อให้ผ่อนคลาย หนึ่งในนั้นคือการคิดถึงเบน แต่ตอนนี้มันกลับเป็นเรื่องที่เธอกลับมาเครียดเสียแล้ว


ลิลี่กลัวเบนจะผลักไสเธอออกไป คน ๆ นั้นหวงพื้นที่ส่วนตัวของตนมาก หวงจนใครเข้าไปไม่ได้ ไม่มีใครคนไหนที่เข้าไปนั่งในใจเบนได้เลย คอลินที่สนิทกับเบนมาก่อนเธอ เพราะทั้งคู่ร่วมงานกัน คอลินมักจะเล่าว่า เบนน่ะตั้งแต่คบเป็นเพื่อนกันและสืบสาวราวเรื่องชีวิตหมีตัวนี้ ก็พบว่า เป็นคนเนิร์ดโดนกำเนิดเลยละมั้ง คอลินพูดติดตลก แต่จริง ๆ คือ เบนเป็นคนหวงความเป็นส่วนตัว และชีวิตส่วนตัวมาก มีความสันโดษในชีวิตสูง และไม่ยอมให้ใครเข้าไปง่าย ๆ เรียกได้ว่าหมีขี้ระแวง ไม่ค่อยไว้วางใจใคร เพราะเห็นคอลินไปคุยมาแล้วก็เล่าให้ฟัง ว่าเขาก็ถูกสอนมาจากครอบครัวที่ก็ค่อนข้างมีนิสัยไปในทางเดียวกันว่าอย่าวางใจใครง่าย ๆ


แล้วทีนี้ลิลี่จะทำอย่างไร หากเบนไม่ยอมรับเธอให้เข้าไปในใจ ให้ลึกกว่าคำว่เพื่อนที่เราเป็นกัน หรือจริง ๆ แล้วเบนอยากมอบเพียงแค่คำนี้ให้เธอเท่านั้น ส่วนคำอื่นอาจจะ*-----


“ลิลี่!


ทำไมเบนชอบมาแบบนี้อยู่เรื่อย เธอจำเสียงตาหมีนี่ได้หน่า ทำไมเบนชอบโผล่แบบทันทีทันใด ตอนนี้เธอเกือบจะร้องไห้อยู่รมร่อเพราะคิดว่าเบนอาจจะปิดจ็อบรักของเธอ เธอจะอกหักแน่ ๆ แต่ตานี่ดันโผล่พรวดพราดเข้ามาอีก แบบนี้ประจำ แล้วเลขาหน้าห้องเธอก็คงห้ามไม่ทัน ต่อให้แหเหวี่ยงก็คงหยุดเจ้าหมีบ้านี่ไมได้หรอก


“อะไรของนายเนี่ย มาให้มันธรรมดากว่านี้ไม่ได้รึไง! “ จะรักยังไงก็ขอด่าหน่อยแล้วกัน ตานี่ทำให้ลิลี่หัวหมุนมากจริง ๆ

เบนมองหน้าลิลี่ “ลิลี่!” แล้วก็เรียกเธอเสียงดังลั่นห้อง เธอไล่ให้ลูกน้องปิดประตูแล้วบอกให้ล็อคด้วย และสั่งห้ามใครเข้ามาไม่ว่าจะยังไง ลูกน้องเธอรับคำแล้วก็ทำตาม ตอนนี้เหลือเพียงแค่เธอกับเบน ตาหมีนี่ถือร่มมาอีกแล้ว เอามาทำไมยะเนี่ย แล้วก็ กิ๊บติดผมของลิลี่ ไปปรากฏเป็นพร็อบแต่งเสื้อคลุมหมี เขาติดมันไว้ที่ขอบกระเป๋าเสื้อ เอาไปตั้งแต่เมื่อไหร่?

“ว่าไง ?”


ลิลี่ถามเขา และเบนที่ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขาเขวี้ยงร่มไปข้างตัว ไม่รู้ว่ามันไปตกอยู่ตรงไหนแล้ว เดินย่ามสามขุมตรงมาหาร่างบอบบางอีกมุมห้องที่ยืนงงกับเหตุการณ์และท่าทีของเบน ไม่นานนัก เมื่อคนสูงใหญ่ถึงตัวร่างงดงามนั้น เขาก็ใช้มือทั้งสองข้างที่ทั้งใหญ่และหนาประคองใบหน้าหวาน เบนเอียงใบหน้าหล่อของเขาให้รับมุมกับร่างสวยและบอบบางนั้น ใบหน้าหวานที่ประคองไว้ หลังจากนั้นเขาจึงบรรจงจูบ


เห้ย!


ลิลี่เบิกตากว้าง ตาหมีบ้านี่ทำอะไร!  เธอกำลังถูกเบนจูบ เขาจูบเธอ แต่ไมได้รุกเข้าสู่พื้นที่น้อยหนึ่งภายใน แค่อยากจูบแล้วบอกให้รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร ผ่านจูบที่แสนหอมหวานนี้ เมื่อทิ้งความอบอุ่นภายใต้ริมฝีปากของชายหนุ่มได้แล้ว เขาถอนจูบออกมา


เบนมองลึกลงมา นัยนตาของลิลี่วูบไหว ในที่สุดเธอก็อดกลั้นไมได้ และร้องไห้ออกมา เพราะมันเต็มที่แล้วจริง ๆ


“ถ้านายไม่มีเหตุผลดี ๆ ที่จะอธิบายว่านายจูบฉันทำไม ฉันจะจับนายโยนออกไปนอกหน้าต่าง”


ลิลี่บอกเสียงหวานขาดหายเพราะก้อนสะอื้นที่จุกที่ลำคอ เธอสับสนในท่าทีของชายคนที่เธอแอบรักมาเนิ่นนาน ไม่เคยพูดไม่เคยแสดงออกอะไรเลย ทำให้เธอวุ่นวายเป็นบ้าอยู่คนเดียว ให้คิดถึงอยู่แบบนี้ แล้วจู่  ๆ ก็มาทำกันแบบนี้ มันเหมือนเล่นกับหัวใจของลิลี่มากเกินไป

เบนเงียบไปครู่ใหญ่ เงียบไปจนลิลี่ใจไม่ได้ และเธอก็ดันร่างใหญ่ออกห่างจากเธอนิดหน่อย ให้พอที่จะเช็ดน้ำตาด้วยตัวเอง แต่เธอก็ทำได้เพียงครู่ เบนก็เอื้อมมาคว้าตัวเธอไปอยู่ใยวงแขนอบอุ่น กอดเธอไว้แขนหนึ่งแล้วใช้นิ้วใหญ่เช็ดน้ำตาแทนผ้าเช็ดหน้าให้ ลิลี่ที่ยิ่งได้รับความอบอุ่นนั้นก็ยิ่งตื้นตันบวกกับความรู้สึกอื่น ๆ อีกมากมาย มากกว่าคำว่าสับสน ยิ่งเบนทำแบบนั้น เธอก็ยิ่งร้องไห้หนัก จนเบนต้องรวบตัวบอบบางของเธอเข้าไปกอดใหนิ่งเสียที


“โอ๋ ไม่ร้องนะลิลี่ ขอโทษนะ ถ้าไม่ชอบจะไม่ทำอีกแล้ว”


เบนพูดแบบนั้น ได้ยินแบบนั้น ลิลี่ก็อยากจะขัดว่า ชอบมากว้อย แต่ร้องไห้อยู่ไม่มีอารมณ์ตอบ เลยจำต้องเป็นางเอกดราม่าน้ำตารินอยู่ต่อไป เบนก็ปลอบเธอต่อไปจนเธอเลิกสะอื้น และไม่มีร่องรอยการก่อน้ำตาอีก


“ร้องทำไม”
“ก็นายทำให้ฉันเป็นแบบนั้น ไหน ลองว่ามาซิ ที่ฉันถามไปก่อนหน้านี้น่ะ มีคำตอบมากกว่าการกอดฉันเสียแน่นจนอกนายมั้ย”

เบนไม่พูดอะไรเลย จนถึงท้ายที่สุด เลือกใช้วิธีกอดลิลี่ไว้เงียบ ๆ เหมือนตั้งใจจะใช้ทั้งหมดที่เขาทำตั้งแต่มาเจอกันแทนสิ่งที่เธอถามหาทั้งหมด

“ฉะ..ขอกอดเธอ และใช้จูบที่ฉันทำไปก่อนหน้า แทนเหตุผลทั้งหมดของฉันได้มั้ย แทนกันได้มั้ย ฉันจะกอดเธอให้แน่น ให้ตัวเธออุ่น อุ่นจนถึงใจเธอ เธอจะได้รู้สึกไง เธอจะได้รู้ ลิลี่ ว่าทั้งหมดที่ฉันทำ มันมีเหตุผล ...อยู่ข้อเดียว”


นั่นไงล่ะ..เฮ้อ จะง้างปากหมีนี่ไม่ได้เลยสินะ



“เธอหอมแก้มฉัน ฉันจูบเธอ คืนกัน แต่ครั้งหน้าฉันจะจูบเธอก่อน แล้วเธอก็จูบฉันกลับบ้าง แบบนั้นก็ได้นะ หรือเธอจะจูบก่อนบ้าง..เอ่อ.. แบบว่าเราหายกัน อย่างนั้นก็ได้เหมือนกัน” เบนพูดต่อ มันรู้สึกจั๊กจี้ยังไงก็ไม่รู้ ฟังแล้วจู่ๆลิลี่ก็หัวเราะออกมา สมกับที่เป็นเขาแล้วล่ะ


นี่คือวิธีบอกรักของเบน แอฟแฟล็ค

เบน แอฟเเฟล็คที่ไม่เข้าใจระบบความรักและตรรกกะแห่งมันทั้งหมด ใช้คำที่พูดมานี้แทนสิ่งนั้นที่คนเราพูดกันด้วยคำ ๆ เดียวคือ รัก แต่เบนไม่พูด แต่ใช้การกระทำและคำพูดยาวเยียดแทนมัน


สมเป็นเบนแล้ว ถ้าลองเบนบอกว่า ผมรักคุณ ดูสิ บางทีเธออาจจะจับเบนโยนออกไป เพราะไม่รู้ว่าไอบ้าที่ไหนปลอมมาเป็นเขา


“ตาหมีบ้า” ลิลี่ขอหยิกแก้มพ่อคุณทูนหัวของตัวเองซักที หมั่นเขี้ยวแกมหมั่นไส้ ลิลี่ยิ้มให้ชายหนุ่มที่เธอรักแล้วเธอสัมผัสความรู้สึกในบรรยากาศทั้งหมดว่าเขาก็รักเธอเหมือนกัน เบนมองเธอด้วยสายตานั้น ก็นับเป็นเครื่องยืนยันได้อีกอย่างว่า เบนมีความรู้สึกถึงงเธอเช่นไร และเบนไม่สามารถสร้างหรือแสร้งความรู้สึกแบบนั้นได้ เธอจะดูออกทันที หากเขาหลอก ฮึ ซึ่งเบน แอฟเฟล็คมีทักษะการโกหกต่ำแต่แกล้งคนเก่งเหลือเกิน

“อือ บ้าจริง ๆ “ หลังคำพูดนั้น เบนก็ทำตามที่ว่า เขาจูบเธอ เธอจูบเขา และเราก็มอบจูบให้ซึ่งกันและกัน




                                                                           La La La






“ยัยลิลี่ไม่รับโทรศัพท์เลย เอซร่า”

ก่อนหน้านี้เบนมาหาเขาถึงที่ห้องพักของเอซร่า เขากับเอซร่ากำลังจะเข้าด้ายเข้าเข้มทีเดียว แต่เพื่อนรักเขาเขา เบนกำลังมีปัญหาชนิดที่ว่า เอซร่าต้องบอกให้เขาหยุดกิจกรรมรักไว้เพื่อมาฟัง และเขาเองก็อยากรู้


“ฉันถุกลิลี่หอมแก้ม แล้วใจฉันเต้นตึกตักแล้วฉันก็หูแดง” เบนบอกทุกอย่าง เมื่อครบเรื่อง ทั้งเอซร่ากับคอลินก็ขำกันกระจาย แต่เป็นตอนไล่หลังท่เบนกลับไป เบนมาขอคำแนะนำว่า เขาควรทำไงยัง


“ไปเลย ไปเอาคืนเธอสิ ยัยลิลี่ขโมยหอมแก้มนาย นายก็จูบเธอไปเลย ยัยนั่นจะบอกเองว่านายควรทำยังไงต่อ” หลังจากนั้นก็ระเบิดหัวเราะกันสุดพลัง เพราะเบนได้ฟังแค่คำแนะนำข้อเดียวของคอลินก็วิ่งออกจากห้องพักของเอซร่าไป


“คุณเบนนี่พาซื่อจังครับ คุณคอลิน”
“ผมก็ว่าอย่างนั้น คุณรู้มั้ย เอซ เบนไม่เข้าใจความรักหรอกนะ ก็เหมือนหมีกริซลีย์ตัวโตที่ไม่รู้ว่าความรักมันสะกดอย่างไร ก็แน่สิมันเป็นภาษาคน”

คอลินบอกเอซร่าเช่นนั้น เอซร่าพยักหน้าเข้าใจ และเห็นด้วย คุณเบนยังต้องเรียนรู้และทำความรู้จักกับคำ ๆ นี้เสียที คอลินยกหูโทรหาลิลี่ เตือนว่าหมีบ้ากำลังไปหาเธอ แต่ดันไม่รับโทรศัพท์เสียนี่ก็คงปล่อยไปตามที่ควรจะเป็นไป



ที่คอลินแนะนำไป มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก



ทำอย่างไรต่อที่เขาหมายถึงคือ ลิลี่จะสอนเบนให้เบนรู้จักหัวใจตัวเองเสียที และออกมาทำความรู้จักกับคำว่ารัก แบบมนุษย์โลกเขาได้แล้ว แบบที่เขากับเอซร่ากำลังรักกันอยู่








END La La La :: Beauty and The Bear : growth

1 ความคิดเห็น:

  1. หมีเบนไม่รู้จักคำว่านักเพราะเป็นภาษาคน// ขำตรงนี้มากค่ะ แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวให้คุณแม่ลิลี่สอนก็ได้น้อ
    ป.ล.อากับน้องทำไรคะ เข้าด้ายเข้าเข็มนี่ใช่ทำงานฝีมือมั้ยคะะะะะะ

    ตอบลบ