TITLE : คุณในนั้น-- You're in
Chapter : 4
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG
RATE : PG
TELL : ยิ่งมามากตอน ยิ่งเดาทางไม่ถูก 5555
******************************************************************************************************************
“อย่างกับฝันไป”
เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเชื่องช้า
เมื่อมีแสงแดดเบาบางกระทบใบหน้าแยงตาเสียจนเขาต้องตื่นจากฝันอย่างที่เขาคิด
“โอย นี่ดื่มไปเท่าไหร่ล่ะเนี่ย”
หยางหยางยกมือลูบต้นคอไปมา เหมือนคนนอนผิดท่า ลุกขึ้นจากที่ที่ตัวเองนอนหลับช้า
ๆ สอดสายตามองไปรอบ ๆ ตัว
เขากึ่งหลับกึ่งอนอยู่บนเก้าอี้ตัวเก่งที่ตนเอามาวางคู่กับโต๊ะทำงานหรูหราตรงหน้าเขานั้นเป็น
“คุณหลี่อี้เฟิง” รูปวาดฝีมือดีและคนในรูปที่เขาหลงใหล
หยางหยางพบกับหลี่อี้เฟิงแล้ว พบแล้ว... ถึงเขาจะดื่มไปจนเมามาย
สัมผัสได้จากกลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจของตัวเอง
แต่ก็รู้ตัวว่าทำอะไรไปบ้างเมื่อคืนนี้
เขาไม่ได้ฝัน...เขา..มั่นใจ..มั่นใจว่าอย่างนั้น
หยางหยางย้ำกับตัวเองว่า เมื่อคืนนั้นเขาไมได้เพ้อเจ้อมากเกินไป
เพราะความบ้าของตัวเองส่วนหึ่งบวกกับฤทธิ์เหล้า เสียงหวานจับใจที่ยังวนก้องอยู่หู
กลิ่นหอมตรึงใจก็ยังติดปลายจมูก
“ไม่ได้ฝันหรอก ความจริง ผมรู้คิดเอาว่า ..อืม..
ว่าคุณ..ก็สนใจผมเหมือนกัน ใช่มั้ย ? คุณหลี่อีเฟิง”
งพูดเองก็เขินเอง ที่เข้าข้างตัวเองแบบนั้น หยางหยางพลันนึกถึงเสียงหัวเราะหวานเท่าที่จำได้
เท่าที่มีความทรงจำเก็บไว้ เขายิ้มให้กับความทรงจำแสนหวานนั้น ปลายนิ้ว
ชายหนุ่มยกมันแตะที่ปลายจมูกหลับตาลงเหมือนพยายามนึกและจดจำกลิ่นเครื่องหอมที่เขาได้สัมผัส
เขาพยายามจดจำให้ซึมซาบถึงหัวใจ
ยิ่งคิดถึงยิ่งเพ้อเจ้อ หยางหยางบอกตัวเอง แต่เขาหยุดไม่ได้แล้ว หลงใหล เป็นหลงรัก
น่าจะเข้าขั้นหัวปักหัวปรำแล้ว แบบนี้พ่อเขาคงคิดเป็นห่วงแย่
ที่เขามาหลงรักคนในรูปวาดแบบนี้ แม้ว่าเขาจะมีตัวตนจริง
แต่คนในรูปกลับอยู่กันคนละภพชาติแล้ว
มันหักห้ามใจไมได้ เหมือนต้องมนต์
แววตาในรูปเมื่อหยางหยางหันไปมองจดจ้องเข้าไปในดวงตากลมสุกใสที่ฉายอยู่ในรูป
เหมือนดวงตาคู่นั้นมองตรงมายังเขา เขามองกลับไป หยางหยางก็ยิ้มให้อย่างยอมแพ้
ครู่หนึ่งเขาอยากลองทรมานใจหักห้ามความรู้สึกดู และแน่นอน เขาทำไมได้อยู่แล้ว
“ผมอยากพบคุณอีกจังเลย”
****** คุ ณ ใ
น นั้ น ******
แต่คุณในนั้นก็ไม่ได้ออกมาให้หยางหยางพบบ่อยอย่างที่เขาเฝ้ารอและอยากเจอ
บางวันก็ออกมาให้ได้ชื่นใจ เป็นกลิ่นเครื่อหอมแสนหอมบ้าง
หรือเป็นเสียงขลุ่ยเป็นเพลงขาดเป็นห้วง ๆ แต่ก็ยังไพเพราะ
หรือบางครั้งเป็นเสียงของเจ้าตัวฝั่งโน้นเอง อย่างวันก่อนที่ได้ยินเป็นคำว่ามา
หาว่าหยางหยางเจ้าขู้ แต่เขาก็พอรู้ว่าตัวทำสายตาแบบไหนใส่คุณหลี่อี้เฟิงไป
เขาพูดสะท้อนเสียงไปหาคุณหลี่อี้เฟิง
อีกฝ่ายตอบมาบ้างไม่ตอบบ้างเป็นเสียงหัวเราะบ้าง หรือเป็นคำแก้เก้อเขินในบางที
จนเมื่อเช้าเราทั้งคู่ก็จำต้องจากกัน บางครั้งก็ได้บอกลากันด้วยจะเสียงพูดคุย
เสียงขลุ่ยหวานที่บรรเลงหรือกลิ่นเครื่องหอม แต่บางครั้งหยางหยางล้าเพราะไม่ได้นอน
ชิงหลับไปเสียก่อนดื้อ ๆ เขานึกด่าตัวเองในใจว่าหลับไปทำไม และเมื่อตื่นขึ้นมากคุณเขาก็ไม่อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว
และต้องมานั่งลุ้นข้ามวัน ในบางครั้งที่เขาคิดถึงมากจนทนไม่ไหว
ต้องมานั่งเฝ้าอยู่หน้ารูปวาดทั้งวัน นั่งมองคุณในนั้นยิ้มให้เขา หยางหยางเฝ้าอย่างเลื่อนลอย
ใจไม่อยู่กับเนื้อตัว
ทำงานผิดพลาดบ้างก็ยังดีที่ลูกน้องเขานำกลับมาให้เขาตรวจทานได้
พ่อของเขาก็คงจะรู้เรื่องนี้บ้างจากพวกลูกน้อง บางครั้งก็โทรมาหา บ้าง ดุด่าบ้าง
แต่เพราะเขาทานหัวใจตัวเองไม่ไหว พ่อจึงสุดจะทน
“อยากทำบ้าบออะไรของแกก็ทำ อย่าให้เสียงาน และฉันเตือนแกแล้ว
บ้านนั้นน่ะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับแก ฉันคงปวดหัวจนแทบระเบิด เข้าใจมั้ย หยางหยาง”
เขารับคำพ่อ เข้าใจที่คนเป็นพ่อเป็นห่วง
อย่างน้อยพ่อนี่ล่ะที่คอยดุด่า ครอบครัวเราไม่มีใครให้เป็นห่วงมากนักเท่าไหร่
ชายหนุ่มถอนหายใจ แม้ไม่อยากให้ใครเป็นห่วงไปมากกว่านี้
มันดูเหมือนเป็นคนบ้าที่มานั่งเฝ้าอะไรซักอย่างที่คาดเดาไม่ได้ เหนือธรรมชาติ
และดูไม่เป็นความจริงแบบนี้ แต่เขาพบเจอแล้ว มันเป็นเรื่องจริงแน่ ๆ
เรื่องมหัศจรรย์ในชีวิตที่หยางหยางได้เจอ เขาจะไม่ยอมให้มันหายไปเฉย ๆ
“ผมรอคุณอยู่นะ “ หยางหยางรำพันถึงคุณในรูป ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายใฃ้เกณฑ์ใด
ในแต่ละครั้งเพื่อมาติดต่อสื่อสารกับเขา
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝั่งจะได้ยินเขาหรือไม่ แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้ได้ยิน
และยอมออกมาพบกันอีก อย่างน้อยเป็นแค่สายลมพัดผ่านแค่ไม่กี่เสี้ยววินาทีก็ได้
****** คุ ณ ใ
น นั้ น ******
วันหนึ่งหยางหยางที่หอบเอางานมาทำที่บ้าน
ก็ต้องแบ่งใจส่วนหนึ่งไปเฝ้ารออีกคนที่คงจะอยู่ที่ไหนซักแห่งผู้ที่เป็นคนในรูปวาดรุปนั้นออกมาพบกัน
หลัง ๆ นี้เขาต้องออกไปเอางานเองบ้าง เพราะบางอย่างมันไม่สามารถจะเคลื่อนย้ายได้
เขาต้องออกไปดูงานนอกสถานที่ด้วย จะข้เกียจ
เอาเปรียบลูกน้องก็ไมได้เดี๋ยวจะเสียศรัทธากันไป แต่ถ้าเสร็จงานเมื่อไหร่
หยางหยางก็จะรีบกลับมาเฝ้ารูปวาดคนที่เขาหลงใหล และเรียกอีกคนอยู่เสมอ
“คุณหลี่อี้เฟิง สวัสดีครับ วันนี้เราจะได้พบกันมั้ยนะ”
เเละวันนี้เองก็ต้องลุ้นอีกวันว่าวันนี้อีกฝ่ายจะมาพบเขามั้ย ? มาในรูปแบบใด ?
หรือจะใจร้ายไม่ออกมาพบกันเลย โชคดีที่วันนี้เขาสะสางงานทุกอย่างเรียบร้อย
วันนี้จึงหอบเอาของกินรสเลิศพร้อมไวน์ชั้นดีที่ได้จากการนัดพบลูกค้า
เป้นของกำนัลติดมือมาด้วย ไวน์ก็เมาน้อยหน่อย..อย่างน้อยก็คงพอจำได้
ถ้าหากเขาดื่มไปแล้วคุณหลี่อี้เฟิงยอมมาพบเขา
พอคุยกับคุณในนั้นตรงที่หน้ารูปเสร็จเขาก็รีบจัดการตัวเอง
วันนี้ผจญงานมามาก ไปหลากหลายที่ จึงขอผ่อนคลายโดยการนอนแช่น้ำอุ่น ๆ คลายกล้ามเนื้อเสียหน่อย
วันก่อนเขาให้ลูกน้องพาช่างมาปรับปรุงห้องน้ำที่เรือนเล็กบ้านหลี่นี่เสียใหม่
จนมีอ่างอาบน้ำพอสำหรับชายโสดร่างสูงหนึ่งคน
วันนี้เขาจึงขอผ่อนคลายตัวเองสักครูก่อนที่คุณหลี่อี้เฟิงจะออกมาหา
อาบน้ำแต่งตัวหล่อ ๆ เสียหน่อย จะไปจีบเขาก็ต้องทำให้ตัวเองดูดี
ชายหนุ่มถอดเสื้อเชิ้ตออกวันนี้เขาไปคุยงานแบบกึ่งทางการจึงไม่พ่วงสูทกับไทด์ให้อึดอัดไป
จึงมีเพียงแค่เชิ้ตสีเรียบและสแลคเนื้อดีบนตัว ไม่นับชั้นในด้านใน เมื่อจัดการเสื้อผ้าออกจนหมด
มือใหญ่คว้าผ้าขนหนูพาดตัวมัดตรงเอวปิดบังส่วนล่างและเดินเข้าห้องน้ำไป
เมื่อเห็นแล้วว่าน้ำอุ่นพอดีและปริมาณก็พอเจาะ เขาจึกกระตุกปมผ้าขนหนูตรงเอว
จัดแจงตัวเองลงไปในน้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ
“ค่อยยังชั่ว วันนี้งานเยอะเป็นบ้า “ เขานึกไปถึงงานที่พ่อโอนถ่ายมาให้เขา
ก็คงจำเป็นเพราะอยากให้เขาไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องคุณหลี่อี้เฟิง
แต่ที่เขารีบทำจนเสร็จเคลียร์ทันก่อนจะมืดก็เพราะจะมาหาคุณเขานี่ล่ะ
พ่อก็ห้ามเขาไม่ได้หรอก
“วันนี้ลมแรงจังแฮะ” หยางหยางเปิดหน้าต่างส่วนบนของห้องน้ำทิ้งไว้
เขาได้ยินเสียงลมพัดจนมีอะไรซักอย่างตก ก็คงจะเป็นอุปกรณ์ทำสวน
หรืออะไรซักอย่างในสวนตกลงมาหยางหยางไม่สนใจ ตอนนี้เขาขอผ่อนคลายตัวเองซักครู่
คิดคำที่จะคุยกับคุณอี้เฟิง
ตอนนี้ก็ยังพอมีเวลาอยู่ก่อนจะถึงช่วงเวลาประจำที่คุณเขาจะออกมาพบกัน
“วันนี้จะใช้มุขไหนที่จะรั้งให้เขาอยู่นาน ๆ ดี”
ชายหนุ่มคิดถึงรูปวาดนั้น ใบหน้าหวานอันงดงามตราตรึงในใจหยางหยาง เสียงหวาน
กลิ่นหอม ๆ ที่ติดตัวมา หยางหยางหลงรักหลี่อี้เฟิงชนิดที่ถอนตัวยาก
นี่เพียงแค่พบกันเพียงกลิ่นและเสียง หากพบกันซึ่งหน้า มองตากันเขาจะรู้สึกลึกซึ้งกับคุณหลี่อี้เฟิงคนนี้ได้มากถึงเพียงไหน
แต่มันก็คงเป็นไปไมได้...หยางหยางคิด
เขาควรไปให่หมอผีเพื่อช่วยให้เขามีเซนส์ในเรื่องการมองผีวิญญาณรึเปล่านะ
ชายหนุ่มจุดยิ้มมุมปาก เขาบอกตัวเองว่านี่คิดอะไรบ้าบอไปแล้ว มันเป็นไปไม่ได้
คนไม่มีเซนส์ ยังไงก็ไม่มี เท่าที่ได้รับรู้ก็อาจจะเป็นเพราะฝ่ายโน้นจงใจให้เห็น
เขาคงอยากติดต่อกับใครซักคน
หยางหยางได้รับรู้และสัมผัสกันเพียงแค่นี้ก็รู้สึกดีมากแล้ว
เขาหวังมากไปมีแต่จะทำให้หวังเก้อและผิดหวัง
ก็อาจจะเป็นเพราะเขาไมเคยตกหลุมรักใครอย่างจังแบบนี้
ถึงจะเคยมีความรักมา แต่นี่มันมากกว่านั้น เหมือนมีอะไรตรึงเขาไว้
เหมือนมีเชือกที่มองไม่เห็นผูกอยู่
“ผมคิดเอาเองว่าคุณเป็นพรหมลิขิตของผมแล้วนะ คุณหลี่อี้เฟิง”
“หืม?! “ เขาได้ยินเหมือนเสียงอะไรบางอย่างตกจังใหญ่แต่มันอยู่ใกล้ ๆ นี้
หันไป มันเป็นขวดแชมพูและกล่องใส่ของในห้องน้ำ ก็ไม่ไกลจากตัวเขาเท่าไหร่
และไม่นานก็มีลมพัดอีกครั้ง หยางหยางนึกแปลกใจว่าลมอะไรพัดแรงนักเชียว
เขาลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำทั้งร่างเปลือยเปล่า เพื่อจะปิดหน้าต่างบานที่เปิดอยู่
ไม่นานก็มีเสียงของอย่างอื่นหล่นอีกครั้งในห้องน้ำ คราวนี้เป้นชั้นวางหนังสือ
หนังสือที่จัดวางไว้อย่างดี ล้มระเนระนาด จนเขานึกประหลาดใจ
“ทำไม ? “
เขาพูดหลังจากปิดหน้าต่างเสร็จหันหลังไปดูของทุกอย่างที่ล้มอยู่ตรงนั้น
คิดอยู่ซักพักก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล ลมพัดแรงขนาดนั้นเลยหรือ ? แชมพู
กล่องใส่ของยังพอว่า แต่นี่ชั้นวางหนังสือที่หนักออกขนาดนั้น
“เอ๋?! “ ไม่นาน..อีกหลังจากที่คิดเรื่องชั้นวางหนังสือจบ กลิ่นของบางอย่างอันคุ้นเคยก็เตะจมูกเขา
ชายหนุ่มรูปหล่อจุดยิ้มและยิ้มก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ
แววตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มฉายแววปิดไม่มิด หยางหยางก็คิดว่าตัวเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้อะไร
แต่วันนี้ได้ใช้ความเจ้าชู้ในแบบที่ชายหนุ่มทั่วไปมีกับใครบางคนแล้ว
“คุณหลี่อี้เฟิง! คุณแอบดูผมอาบน้ำหรือ! “
**** คุ ณ ใ น นั้
น *****
“ข้าเปล่า! “ ชายหนุ่มหัวเราะร่าหลังจากที่ตะโกนในห้องน้ำไปอย่างนั้น
ทันควันคุณหลี่อี้เฟิงสวนกลับมาทันทีและกลิ่นเครื่องหอมก็หายไป
เป็นสัญญาณว่าคุณเขาหนีไปเขินที่อื่นแล้ว
หลังจากนั้นหยางหยางก็รีบอาบน้ำให้เสร็จแล้วก็รีบไปง้อคุณเขา พอมาถึงตรงหน้ารูป
วันนี้คุณหลี่อี้เฟิงยอมออกมาพบเขาแล้ว
เพราะสัมผัสได้ถึงกลิ่นเครื่องหอมที่เตะจมุกจนเกือบฉุนแต่หยางหยางชอบกลิ่นนี้
วันนี้พระจันทร์แม้ไม่เต็มดวงแต่ทอแสงสวย
ทำให้รุปวาดอันงดงามที่ถูกแสงจันทร์ต้องงดงามมากขึ้นเท่าทวี
“คุณหลี่อี้เฟิง” หยางหยางลองเรียกดู ฝ่ายนั้นไม่รู้จะตอบมามั้ย
เพราะรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่ตอบกลับมาเหมือนว่าจะเขินและงอนไปแล้ว หยางหยางอยากง้อ
แต่การง้อวิญญาณนี่ก็เหมือนคนใช่หรือเปล่า
แต่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็เคยเป็นเหมือนกับเขา ก็คงไม่ได้ต่างกัน
ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่โกรธมาก เขาเองก็เขินเหมือนกัน ก็โดนแอบดูแบบนั้น
“ผมไม่ถือสาหรอก เอ่อ..นี่บ้านคุณ ผมถือวิสาสะมาอยู่เอง
แต่ยังไงผมก็ซื้อบ้านต่อมานะครับ.. เอ่อ.. คุณหลี่อี้เฟิง ออกมาคุยเถอะนะ”
ครู่หนึ่งหลังจากที่พูดจบ
กลิ่นเครื่องหอมประจำตัวคุณในรูปก็ยิ่งฉุนจมุก อาจจะเป็นเพราะฝ่ายนั้นเริ่มเข้ามาใกล้หยางหยางแล้ว
และในที่สุด
“เจ้าคนบ้า!” พอได้คุยกันก็โดนว่าอีกแล้ว แต่หยางหยางก็ไมได้เจ็บใจตรงไหน
กลับยิ้มให้เสียอีก รู้สึกเหมือนคุณในรูปอยู่ตรงหน้า หยางหยางทรุดนั่งลงตรงพื้นห้องหน้ารูปไม่สนใจเก้าอี้
“ผมแค่ไปอาบน้ำ”
ครู่หนึ่งคุณเขาตอบกลับมา
“ข้าก็..แค่..ก็แค่ผ่านไป”
“ผ่านไป ? ห้องน้ำน่ะหรือ? “ เมื่ออีกฝ่ายตอบมาได้น่ารักขนาดนั้น
หยางหยางจึงขอหยอกให้หายคิดถึง
อีกครู่ก็มีเสียงแว่วหูตอบกลับมา “ก็เจ้าสร้างอะไรในห้องน้ำเรือนเล็ก
..ข้าไม่เคยเห็น..ก็เลย..”
“อยากดู ? แต่ตอนนั้นผมอาบน้ำอยู่นะ”
เงียบไปอีกครู่เสียงแว่วหวานก็ตอบกลับมาด้วยความเขินในเสียงที่สัมผัสได้หลายระดับ
ทำเอาหยางหยางยิ้มร่าออกมา พอใจจนเก็บไม่ไดอยู่ ความเจ้าชู้ก็เพิ่มตามไปด้วย
แววตานี้คุณหลี่อี้เฟิงไม่รู้จะมองเห็นมั้ย แต่หยางหยางรู้ดีว่า
ถ้าคุณเขาอยู่ตรงหน้าเป็นรูปร่างมนุษย์ให้ได้สัมผัส
เขามั่นใจว่าสัญชาติญาณชายหนุ่มของเขาจะไม่มีวันให้คุณหลี่อี้เฟิงรอดมือแน่ ๆ
“ก็เรือนข้า! ข้าจะไปไหนมาไหนก็เรื่องของข้า! “
เหมือนตะโกนให้กลบความเขินตัวเองออกมา คุณเขาคงเขินเต็มที่จนหยางหยางนึกไปถึงใบหน้าของคุณหลี่อี้เฟิงในรูป
อยากยกมือหยิกแก้มกลม ๆ บนใบหน้างดงามนั้นเหลือเกิน
“แบบนี้คุณก็เห็นทุกอย่างของผมหมดแล้วล่ะสิ”
ครั้งนี้ไม่ต้องปล่อยให้รอนาน เสียงหวานตอบมาทันที
พร้อมกับกลิ่นของเครื่องหอมที่หอมเตะจมูกมากเหมือนเจ้าของกลิ่นนี้อยู่ใกล้แค่เพียงเอื้อม
“ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น! “
ได้ยินก็หัวเราะร่าออกมา เหมือนอีกฝ่ายจะฮึดฮัดน่าดูฟังจากเสียงใส ๆ
นั้นแล้ว หยางหยางในตอนนี้มีความสุขจนจะเป็นบ้าตาย
เขาอยากให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ จริง ๆ
“ถือว่าเป็นของขวัญจากผมแล้วกัน รูปร่างผมดีออกนะ “
“เจ้าบ้า! “ เสียงหวานเเว่วตอบกลับมา เขินสุดกำลังแล้วล่ะสินะ เขาคิดแกมขำไปด้วย
คิดไปแล้ว หยางหยางจินตนการเอาว่าคุณหลี่อี้เฟิงคงอยู่ใกล้เขามาก
หากมองเห็นกัน
“ผมมองไม่เห็นใบหน้าคุณ แต่ผมคิดว่ามันต้องงดงามกว่าที่เห็นในรูปแน่
ผมมั่นใจ อย่าโกรธผมเลยนะครับ”
สิ้นเสียงทุ้มของหยางหยาง แต่เสียงหวานไม่ปรากฏ
เขาใจหายแต่กระนั้นก็โชคดีที่คุณหลี่อี้เฟิงยังไม่หนีเขาไป
กลิ่นเครื่องหอมยังอยู่ใกล้ ๆ นี้
“คุณหลี่อี้เฟิง ผมไม่รู้ว่าคุณมาไหนมาไหนหรืออยู่ตรงไหน
ผมมองคุณไม่เห็น นอกจากเสียงเพลงของคุณ เสียงหวาน ๆของคุณกับกลิ่นหอม ๆที่คุณมี
เท่านั้นผมถึงจะรู้ว่าคุณมา”
ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ เจ้าของเสียงหวานอีกภพหนึ่งไม่เอื้อนเอ่ยใด ๆ
หยางหยางถึงเอ่ยคำเผด็จศึกที่คิดว่าอีกฝ่ายต้องใจอ่อนแน่ ๆ อย่างที่เขาจินตนาการเอาไว้
“ผมคิดถึงคุณ”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ช่างมันประไร!”
ได้ผล คุณหลี่อี้เฟิงยอมตอบกลับมาแล้ว
ปลายเสียงจากฝั่งโน้นเป็นรูปแบบเสียงที่ไม่เหมือนกับการตอบโต้กับมนุษย์ปกติ
เสียงคุณเขาจะก้องกังวานหน่อย
เป็นคล้ายเสียงแว่วตามลมแต่ส่งมาถึงปลายสายก็คือหยางหยาง
“ได้ครับได้ ถ้าหายงอนผมแล้ว วันนี้เรามาอยู่ด้วยกันทั้งคืนเลยนะ”
หยางหยางรู้สึกได้ว่า อีกฝ่ายอยู่ตรงหน้า และอยู่ในระยะที่เอื้อมได้
แบบไม่ต้องสุดปลายแขนก็สัมผัสกันถึง
คาดเอาจากรูปร่างที่เห็นจากในรูปแม้จะนั่งอยู่ คุณหลี่อี้เฟิงคงสูงพอ
ๆ กับเขา หรือเตี้ยกว่าไม่กี่เซนติเมตร พอนั่งอยู่กับพื้นเช่นนี้
ระดับของใบหน้าก็น่าจะอยู่ในระนาบเดียวกัน หยางหยางจึงลองเสี่ยงดู
“ผมว่าเราใกล้กันมากเลยนะครับ.. ตอนนี้คุณตอบผมได้มั้ยว่า
ผมคิดถูกที่ขยับเข้ามาใกล้คุณแบบนี้”
หยางหยางขยับตามที่บอกคุณในรูปไป ชายหนุ่มขยับไปข้างหน้านิดหน่อย พร้อมเลื่อนใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้ในระยะอย่างที่เดาเอาเองว่าใบหน้าหวานของคุณหลี่อี้เฟิงจะอยู่ตรงนั้น
แววตาส่งความรู้สึกทั้งหมดของเขาออกไป จะรัก หลงใหล หรืออยากทำอะไรมากมายก็ตาม
มันอยู่ในแววตาหมาป่าล่าเหยื่อแสนเจ้าเล่ห์เจ้ากลของหยางหยางแล้ว
“ว่าไงครับ ?”
เสียงทุ้มปรับโทนเสียงให้อ่อนโยน นุ่มนวล ฟังแล้วออดอ้อนใจ
ฃวนละลายแก่ผู้ได้ยิน
ครู่หนึ่ง หยางหยางอดใจรออย่างมีความหวัง จนเสียงหวานตอบกลับมา
“หน้าเจ้าใกล้ข้ามาก จนจะ.. เอ่อ...”
“ครับ ? “
เหมือนได้ยินเสียงฟึดฟัดมาแว่ว ๆ
ยิ้มแสนเล่ห์แสนกลของหยางหยางปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า
เขาเอียงคอพลางคิดถึงใบหน้าหวานนั้นคงน่ารักน่าเอ็นดูเวลางอน
“ใกล้มากไป ..จนจะจูบช้าได้อยู่แล้ว”
ในที่สุดก็สารภาพออกมา ด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
เขินปิดไม่มิดแม้เป็นเสียงแว่วลมมาก็ฟังออก หยางหยางประสบความสำเร็จจริง ๆ
ที่ทำให้คุณเขาหวั่นไหวขนาดนี้
เขาอยากรั้งให้คนในรูปอยู่กับเขาจนเวลาของเราจะหมดจนเช้า
“อยู่กับผมได้มั้ยคืนนี้ “
เสียงทุ้มนุ่มนวลเอ่ยถาม ใบหน้าของหยางหยางยังอยู่ในตำแหน่งเดิม
และดูเหมือนอีกฝ่ายก็ยังไม่ไปจากที่เดิมของตัวเองด้วย คงใกล้มาก หากมองเห็นกัน
คงเป็นเขาเองที่ใจละลาย
“นี่เรือนเล็กตระกูลข้า ข้าจะอยู่จะไปก็เรื่องของข้า”
“แล้วอย่างไรครับ คุณจะอยู่หรือไป ?”
ถามกลับไปอีกหนึ่งคำถาม แต่เสียงหวานไม่ตอบกลับมาทันใจแบบเคย หากว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนแป็นเสียงขลุ่ยหวานบรรเลงให้ได้ยิน
เป็นคำตอบยืนยันว่าเราจะอยู่ด้วยกันเพื่อฟังและบรรเลงเพลงนี้จะหมดเวลาของเรา
มาตอนเมาก็ยังดี อิอิ รอตอนต่อไปเลยแบบนี้ เพราะไม่งั้นคงได้ช่วยหยางหยางหาหมอผีมาเอาอี้เฟิงออกจากภาพแน่ๆ 55555
ตอบลบ