วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

[Fic] คุณในนั้น-- You're in ตอนที่ 3 #หยางเฟิง




TITLE :   คุณในนั้น--  You're in
Chapter : 3
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG 
TELL : ยิ่งมามากตอน ยิ่งเดาทางไม่ถูก 5555







“คุณบรรเลงเพลงนี้ จากที่ไหนกัน คุณหลี่อี้เฟิง”


หลังจากวันนั้นที่เขาได้ยินเสียงชลุ่ยประหลาดแต่ทำให้หัวใจพองโตได้จากในเรือนเล็กที่เขาอยู่ บ้านหลังนี้มีประวัติมากมาย ไม่แน่ใจว่าที่เล่ามามากนั่นจริงแท้ประกาดใดบ้าง แต่ที่รู้คือ กลิ่นอายของเจ้าของบ้านที่ทั้งรักและทนุถนอมบ้านหลังนี้อย่างอบอุ่นยังคงอยู่ หากเป็นคุณหลี่อี้เฟิง ก็คงใช้เสียงเพลงขับกล่อมทุกอย่างในบ้านหลังนี้ รวมไปทั้งรอบ ๆ ให้บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่น่าอยู่ ขลุ่ยนั้น หยางหยางก็ไม่แน่ใจนักว่า เขาหูแว่วไปเอง เพราะเพ้อเจ้อถึงคุณในนั้น หรือ มันมีอยู่จริง เพราะหลังจากนั้น หยางหยางก็กลับไม่ได้ยินอะไรเลย แม้ว่าจะมีอยู่วันสองวันที่เขายอมไม่ไปไหน ไม่ทำอะไร เดินดุ่ม นั่งโยงเฝ้าอยู่ในเรือนเล็กของบ้านตระกูลหลี่ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย จนเขาเริ่มคิดได้ว่า อาจจะเป็นเพราะเขาเพ้อเจ้อเกินไปจริง ๆ



“แกนี่มันบ้าจริง ๆ ไอ้บ้าหยางหยางเอ๊ย “ เขาสบถว่าตัวเอง วันนี้เขามีงานเข้ามา แต่ก็ยังติดใจเรื่องเสียงขลุ่ยอยู่ดี เลยบอกให้ลูกน้องเอางานมาให้ถึงที่ จะอะไรก็จะทำที่นี่ บางอย่างที่จำเป็นจะต้องออกนอกพื้นที่ เขาก็จะไหว้วานให้คนที่สนิทใจไปดู บางทีพ่อเขาก็ปวดหัวกับความจดจ่อในบ้านหลี่นี่เกินก็อนุเคราะห์ลูกบ้า ๆ บอ ๆ อย่างหยางหยางคนนี้ไปดูงานให้ กลัวจะพังไปกับมือลูกชายเสียก่อน เพราะเป็นกิจการที่สร้างมารุ่นต่อรุ่น พ่อเขายกให้หยางหยางดูแลแล้ว แต่พอเห็นลูกชายติดอยู่กับอะไรบางอย่างในบ้าน คนเป็นพ่อก็นึกสงสัย แม้จะว่าจะดุก็แล้ว ลูกก็ติดใจ พ่อจึงต้องปล่อยให้ทำ แต่ก็มีลูกน้องคอยมาดูแลบ้าง ส่งข้าวปลาให้ ครั้งหนึ่ง พ่อของหยางหยางโทรมาหา


“แกนี่มันชักจะเอาใหญ่”
“พ่อครับ ผมมีอะไรบางอย่างที่อธิบายพ่อไม่ถูก แต่อยากให้แน่ใจ ขอเวลา ผมจะทำงานให้ได้มากที่สุด แต่ตรงนี้ทิ้งไปไมได้น่ะครับ”
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าแกติดใจอะไร เออ อย่าให้งานเสียไปมากกว่านี้ แกโตแล้ว แยกแยะ และก็คิดได้”
“ผมทราบแล้วครับ”


น้ำเสียงที่เจือความเป็นห่วงของคนเป็นพ่อมากเต็มเปี่ยม พ่อตามใจหยางหยางในทุกการกระกระทำเสมอ เพราะพ่อสอนให้หยางหยางเป็นคนมีเหตุผล และมีความมุ่งมั่น


เขาขอบคุณมากจริง ๆ ที่พ่อเข้าใจ

อืม.... จะว่าไปแล้ว



มันนานแล้วที่หยางหยางไม่ได้มานั่งทบทวนขึ้นความเป็นห่วงของผู้อื่นถึงตัวเองแบบนี้


 มีอีกคนหนึ่งเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ที่เป็นห่วงเขาแบบที่พ่อเป็น
แต่...



คิดแล้ว เขาวูบไหวในใจอีกครั้ง คิ้วเข้มขมวดเป็นปม มือใหญ่ยกกุมที่อก เสียงถอนหายใจออกมาตามกัน



ขอบคุณคน ๆ นั้นเช่นกัน






หืม?   มาอีกแล้ว เสียงนี้



“คุณอยู่แถวนี้ใข่มั้ย คุณรู้ใข่มั้ยว่าผมอยากเจอคุณ”  หยางหยางที่ตามหา และเฝ้ารอเสียงปริศนานี้มานานหลายวัน จนเขานั่งนับเวลาเป็นวินาทีเพื่อรอคอย เมื่อเสียงนี้คืนมาอีกครั้ง ชายหนุ่มไม่รอช้า ที่จะตะโกนถามหาสิ่งเป็นต้นกำเนิดเสียงนี้


หยางหยางลุกขึ้นเดินตามหา เมื่อเสียงมาดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเบามาก เหมือนลอยตามลมมาจากไหนซักแห่ง  แต่เขาก็คิดว่าต้นกำเนิดเสียงก็คงมาจากรูปวาดของคุณหลี่อี้เฟิงนี้ ไม่น่าจะผิด แต่เมื่อตรงเข้าไปใกล้รูป เสียงก็เงียบไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



ชายหนุ่มขมวดคิ้วเม้มปาก ไม่เข้าใจว่านี่เกิดอะไรขึ้น และอีกครั้งเมื่อเขาถอนใจ จะเดินกลับไปนั่งทำงานรอให้เสียงขลุ่ยแผ่วหวานกัลบมาอีกครั้ง แค่ถอยกลับไปก้าวเดียว  เสียงนั้นก็ดังขึ้นเหมือนแกล้งหยอกล้อ




“เอาอีกแล้ว”



เสียงขลุ่ยนั้น เบาบ้างชัดบ้าง หายไปบ้าง เป็นแบบนี้อยู่ทั้งคืนจนหยางหยางนึกเหนื่อยใจคนช่างแกล้งหรืออาจจะอยากไล่เขาออกไปจากบ้านก็เป็นได้ แต่เขาซื้อมาแล้ว และเขาก็อยากเจอคุณหลี่อี้เฟิงด้วย


เสียงขลุ่ยแผ่วเบา และหายไปกับสายลมอีกครั้ง




“คุณครับ! “ หยางหยางเอ่ยเรียก แม้ไม่มีใครที่สามารถคุยด้วยในห้องได้ แต่หยางหยางเริ่มรู้สึกแล้วว่ามีอะไรบางอย่างในเรือนเล็กหลังนี้  ซักแห่งซักจุดในทั่วบริเวณของเรือนเล็กตระกูลหลี่ ใครบางคนกำลังหยอกล้อเขาด้วยเสียงขลุ่ย


บางคนนั้นไม่ใช่ใคร ก็คุณในนั้น ในรูปที่เขารอพบอยู่นี่อย่างไร


“เฮ้อ คุณครับ นี่เรากำลังเล่นเก้าอี้ดนตรีกันอยู่หรือไง”

********************* คุ ณ ใ น นั้น **********************





“ให้ตายเหอะ” วันนี้หยางหยางยุ่งทั้งวันกับงานที่กองสุมไว้ที่ตะ เพราะเมื่อคืนเขามัวแต่เล่นเก้าอี้คนตรีกับเจ้าของเสียงขลุ่ยนั่น พอใกล้เช้า เสียงขลุ่ยก็หายไปจริง ๆ ถ้าเป็นผีอย่างที่พ่อเขาว่า ผีก็คงแสดงตัวเฉพาะยามค่ำคืน

ตอนนี้ใกล้ตกค่ำแล้ว ชายหนุ่มจัดการงานทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยไปหมดก่อนหน้านี้ไม่นาน  และจัดการตัวเองให้เรียบร้อย




มานั่งรอคุณในนั้นเล่นเก้าอี้ดนตรี เสียงขลุ่ยนั้นจะมาอีกไหม ? เขาจะรอฟัง







หยางหยางเฝ้าคอยอย่างใจเย็น...ในมุมของเขา หนึ่งวินาทีก็ยาวนานเหลือเกิน







หืม ? ....




ชายหนุ่มขมวดคิ้วเป็นปมยิ่งกว่าเดิม เขาสงสัย






จำได้ว่าเขาไม่มีเครื่องหอมทำนองนี้ไม่เคยเอาเข้ามาในเรือนเล็ก หยางหยางอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว  ไม่เคยสัมผัสกลิ่นหอมรัญจวนใจและอบอุ่นจากเครื่องหอมกลิ่นเฉพาะเจ้าตัวแบบตอนนี้ที่ได้สัมผัสอยู่





หยางหยางพอเดาได้ว่าเป็นเครื่องหอมโบราณกลิ่นชั้นยอดจากวัตถุดิบราคาแสนแพงซึ่งจะต้องเป็นพวกชั้นสูงเท่านั้นถึงจะมีครอบครอง เขาเคยศึกษามาบ้าง และต้องปรุงแต่งขึ้นมาเพื่อใครโดยเฉพาะ เพราะไม่มีทำขายทั่วไปเป็นแน่



เขามั่นใจว่าแฟชั่นน้ำหอมของตัวเอง ไม่ใช่เครื่องหอมกลิ่นโบราณแบบนี้ และไม่มีใครมาที่บ้านนี้ที่ใช้เครื่องหอมแบบนี้ และบริเวณบ้านตระกูลหลี่ห่างรั้วกับบ้านหลังอื่นมากพอสมควรที่กลิ่นใด ๆ จะมาถึง




“คุณ..เครื่องหอมนี้ของคุณหรือ ?” จะมีใครได้ เขาอยู่ในบ้านใคร




“คุณหลี่อี้เฟิง”  วันนี้ไม่มีเสียงแต่มันเป็นกลิ่นสัมผัสปลายจมูก มาเพียงแค่เสี้ยวแต่หอมรัญจวนใจจนสะท้าน เขาจดจำกลิ่นได้แม้รับรู้แตะปลายจมูกไม่กี่วินาที กลิ่นหอมเช่นนี้ เมื่อหยางหยางเสมองไปยังรูปวาดรูปเดิม คุณคนนั้นในรูปช่างเหมาะกับกลิ่นนี้ ช่างที่ปรุงแต่งเครื่องหอมให้เขา ช่างเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทาน



“ผมชอบกลิ่นนี้นะครับ” เขาบอกสายลมแถวนั้น เมื่อพัดกลิ่นมาให้สัมผัสแตะปลายจมูกอีกครั้ง และไม่นานก็หายไป





หยางหยางไม่เดินตามหาต้นกำเนิดกลิ่น มันหายากกว่าเสียงนัก ลมพัดก็หายไปง่าย ๆ จึงทำเพียงรอให้มันมาใหม่และจางหายไป มาใหม่และจางหายไปตามสายลม กลิ่นนี้นอกจากรัญจวนใจ ยังทำให้หยางหยางผ่อนคลายได้อีกด้วย




“ขอบคุณครับ” เมื่อเขารู้สึกเช่นนั้น หยางหยางจึงเอ่ยขอบคุณเมื่อสายลมพัดผ่านเอากลิ่นเครื่องหอมแสนแพงมาถึงจมูกอีกครา




และไม่นาน เสียงขลุ่ยแผ่วเบาก็เริ่มขึ้นอีกครา หยางหยางยิ้มย่อง ยกมุมปากขึน ดีใจที่เขาได้ยินอีกครั้ง



มีความรู้สึกว่าเขาได้ใกล้กับใครบางคนที่เป้นเจ้าของเสียงและกลิ่นเครื่องหอม



เขาเดาเอาเองแล้วว่าเป็นคุณหลี่อี้เฟิง
แม้ที่จริงอาจจะเป็นคนอื่นก็ได้ เป็นสาวสวยที่ไหน หรือชายผู้รักสำอางอื่นใด
แต่ในใจของหยางหยาง คือ คุณหลี่อี้เฟิง
ให้เขาได้จินตนาการเข้าข้างตัวเองเถิด



“ผมจะขอเดาว่าเป็นคุณที่มาอยู่ใกล้ ๆ ผมตอนนี้  หากเป็นคุณจริง ๆ คุณหลี่อี้เฟิง เป็นไปได้ ผมอยากฟังเสียงขลุ่ยเพราะ ๆ ของคุณซักเพลงเคล้ากับกลิ่นเครื่องหอมที่มัดใจผมดีถึงเพียงนี้ สักครู่หนึ่งผมจะไปยกเหล้ามาดื่มคลอไปกับเพลงของคุณ และกลิ่นเครื่องหอมของคุณที่เย้ายวนใจผมมากเหลือเกิน”





เพียงสิ้นคำจบเสียงของหยางหยาง ทั้งเสียงทั้งกลิ่นก็หายไปพลัน จนหยางหยางนึกใจหาย








“เอ่อ... คุณหลี่อี้เฟิง.....”






หยางหยางเลิกคิ้ว หรือว่าเขาพูดอะไรไม่เข้าท่า หรือเขาทำอะไรผิด ไม่ควรพูดวาจาหวานเลี่ยนเหมือนกำลังเกี้ยวแบบนี้ใส่ผีเจ้าบ้านหรือ แต่เพราะเขาหลงรัก จะให้ทำอย่างไร ถึงจะฟังดูแปลกพิลึกก็เถอะ








แต่รอไม่นาน ไม่ให้หยางหยางใจหายจนใจห่อเหี่ยว เสียงขลุ่ยหวานก็กลับมาให้ใจชื้นอีกครั้ง  รื่นหูกว่าครั้งไหน ๆ เสียด้วย เหมือนคนบรรเลงกำลัง... เขิน ?


“เขิน? “ เขาทวนคำผ่านริมฝีปาก หยางหยางคิดว่าเขานี่ก็บ้าดีจริง ๆ จีบได้แม้กระทั่งผีสางวิญญาณ



กลิ่นหอมรัญจวนใจมัดใจเขาก็ตามมาด้วย ครั้งนี้สัมผัสกลิ่นชัดกว่าครั้งไหน เข้าถึงส่วนลึกของใจ กลิ่นหอมนี้เป็นส่วนหนึ่งจะทำให้เขาตกหลุมรักหลี่อี้เฟิงได้อีกหลายขุม



“หอม..หอมเหลือเกิน”  ชายหนุ่มเอ่ยชมกลิ่นที่แสนพิสมัยนี้ ก่อนยกยิ้มอย่างพอใจ ยิ้มนี้ถ้าสาวที่ไหนเห็นก็ต้องบอกว่าหล่อเหลามีเสน่ห์แกมความเจ้าชู้ที่มีมากมายของเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาดั่งเสกสรรค์ปั้นแต่งของหยางหยาง




ไม่นานเขาก็ทำอย่างที่เอ่ย หยางหยางสาวเท้าไปคว้าเหล้าขวดพอดีมือบนโต๊ะทำงาน รินใส่แก้วใบหนึ่งใสแจ๋ว ยกจิบอย่างสบายใจ ทั้งเพลงไพเราะ ทั้งกลิ่นหอมแสนหวาน  เขาบอกตัวเองว่ามีความสุข


“ถ้าเป็นคุณจริง ๆ คุณหลี่อี้เฟิง หากคุณอยู่ตรงหน้าผม ผมคงอดใจไม่ไหว” พอเริ่มเอาเหล้าเทเข้าปาก ปากที่ว่าก็เอ่ยไปเรื่อย หยางหยางพูดจบก็ยกดื่มอีกแก้ว ยิ้มเจ้าชู้เมื่อครู่ไม่หายไปจากใบหน้าหล่อเลย เขาทำอย่างกับว่ามีคุณในรูปที่เขาหลงรักนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างไรอย่างนั้น




“อ้าว ?” เสียงเพลงหยุดลง แต่กลิ่นเครื่องหอมแตะจมูกเข้าขั้นฉุน




และไม่นาน บางอย่างที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น







“คนเจ้าชู้~”  เสียงหวานยิ่งกว่าเสียงบรรเลงขลุ่ยกระซิบที่ข้างหูของหยางหยาง ใสหวานยิ่งกว่าใด ๆ  จับใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด หยางหยางยิ้มพอใจอย่างหยุดไม่อยู่ ความเจ้าชู้ดั่งที่ถูกว่ามาก็ยิ่งเพิ่มตามรอยยิ้มที่กว้างขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาของหยางหยางเบี่ยงเล็กน้อยไปทางฝั่งที่ได้ยินเสียง




หยางหยางขยับริมฝีปากจะเอื้อนเอ่ยบางอย่าง แต่เขากลับหัวเราะออกมา เขาดีใจจนแทบบ้า


“บรรเลงเพลงจนจับใจ กลิ่นหอมน่าพิสมัย เสียงใสจนอยากถวิลหา ใบหน้าที่อยากฝันถึง”



เหล้าเข้าปาก หยางหยางก็เป็นนักเจ้าบทเจ้ากลอนมาเชียว แม้จะไม่ตรงบทบาทนัก แต่หวังว่าคุณหลี่อี้เฟิงที่รักจะได้ยิน และมั่นใจว่าอีกฝั่ง ฝั่งนั้นได้ยินที่เขาเอ่ยกลอน เพราะหยางหยางได้ยินเสียงหัวเราะหวานใสจากฝั่งนั้น ผ่านสายลมเอื่อยในยามดึกสงัดผ่านมาถึงเขา






TBC4

1 ความคิดเห็น:

  1. โธ่ พ่อคุณเมื่อไหร่จะออกมาแบบตัวเป็นๆ ไม่ใช่แค่เสียง

    ตอบลบ