วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

[Fic] คุณในนั้น-- You're in ตอนที่ 2 #หยางเฟิง


TITLE :   คุณในนั้น--  You're in
Chapter : 2
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG 
TELL : อ่านแล้วลองคิดกันเล่น ๆ ว่าจะเป็นแนวไหน แต่แม่แมวบอกเลยว่า เรื่องนี้ คดีพลิกหลายตลบ!










หลังจากคำสารภาพรัก...ที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่สายลมพัดผ่าน แต่นั่นทำให้หยางหยางเขินอายได้ไม่น้อย
เขาสารภาพความในใจกับคนในรูปภาพ คุณคนนั้นที่อยู่ในรูป
แค่เพียงต่อหน้ารูป ของคุณหลี่อี้เฟิง หยางหยางก็ใจเต้นแรงได้มากเพียงนี้
เขาหลงรักคนที่พบพานเพียงในรูป



“นี่ฉันชักไม่ปกติซะแล้วล่ะมั้ง”  เขาพูดกับตัวเองเบา ๆ ในขณะที่ยังทอดมองรูปวาดของหลี่อี้เฟิงคนนั้นอยู่


ตั้งแต่เมื่อวานที่เขาพบกับคุณในรูปเป็นครั้งแรก เขาก็ตัดสินใจหลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีว่า เขาจะเป็นเจ้าของบ้านและสวนหลังนี้เสียเอง โดยไม่สนใจเสียงคัดค้านของที่บ้านเขาจะว่าอย่างไร บ้านหลังนี้มีประวัตมากมาย มีราคาค่างวดสูงมาก เพราะความโบราณตามเวลาแต่ยังคงความงามได้ถึงเพียงนี้ แต่หยางหยางยื่นคำขาด ยอมใช้เงินเก็บของตนซื้อบ้านหลังนี้มาเอง โดยไม่รบกวนที่บ้านเลย สุดกำลังที่ครอบครัวจะค้าน เขาจึงเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้โดยสมบูรณ์ รวมถึงของทุกอย่างในบ้านและสวนแห่งนี้


รวมทั้ง รูปวาดคุณหลี่อี้เฟิงที่อยู่ในเรือนเล็กด้วย





หยางหยางรู้สึกเหมือนตนถูกสะกดไว้ด้วยมนต์อะไรสักอย่าง ทำให้เขาตกหลุมรักคนนี้ ๆ มองเข้าไปในดวงตาของคนในรูป เขาระลึกไปถึงครั้งที่เคยมีโอกาสไปเที่ยวเมืองนอก รุปวาดโมนาลิซ่าที่วิจิตรก็ดูเหมือนชีวิต ดวงตาของเธอ ริมฝีปากของเธอในรูปยิ้มได้


คล้ายกับคุณหลี่อี้เฟิงที่อยู่ในรูปวาดนี้ ที่ส่งยิ้มน้อย ๆ จากริมฝีปากได้รูปนั้น พร้อมทั้งเครื่องหน้าหวานหยดที่แม้เขาจะเป็นชาย แต่ชายด้วยกันอย่างหยางหยางยังหลงใหล




“คุณ... คุณในช่วงที่ยังมีชีวิต คงเป็นคนที่ใคร ๆ ก็หลงรัก ผมคิดว่าอย่างนั้น” หยางหยางเอ่ยออกมา ต่อหน้ารูปเหมือนคุณในนั้นจะตอบโต้ได้ เขารู้ดีว่าไม่มีทาง แต่หยางหยางแค่อยากพูดออกไป




ชายหนุ่มก้าวถอยหลังไปเล็กน้อยก่อนทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ไม้อย่างดีรองด้วยเบาะนั่งไว้ เขาจัดเซตโต๊ะเก้าอี้ชุดใหม่มาจัดวางในเรือนหลังเล็กนี้ กะจะให้เป็นมุมที่ดี เพื่อการละเมอเพ้อพกของเขาถึงคุณหลี่อี้เฟิง การจัดวางของเก้าอี้นี้ พอเหมาะกับองศาที่จะเห็นใบหน้าคุณในรูปได้ชัดทั้งตอนเช้าที่ต้องแสงแดด ทั้งย่ำค่ำที่ต้องแสงจันทร์ วันนี้เขาให้คนงานขนข้าวของของตนเพื่อมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนี้ ดีที่กิจการบ้านเขามันสามารถทำอยู่ที่บ้าน โดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ สั่งงานผ่านลูกน้องคนสนิทได้ เขามีคนที่ไว้ใจได้เสมอ เพื่อนสนิทก็เช่นกัน มีทั้งคนในเครื่องแบบ เพื่อนที่ทำธุรกิจใหญ่โต เรื่องการติดต่อเรื่องงานเขาไม่มีปัญหาแม้จะไม่ได้ออกไป จะเชิญมาคุยงานที่นี่ก็ย่อมได้


แต่คงไม่ใช่เรือนหลังเล็กนี้ นอกจากเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านหลังนี้คนก่อน และ คนงานของเขาแล้ว เขาไม่อยากให้ใครมาเห็นความงดงามของคุณหลี่อี้เฟิงอีก





แม้จะย้อนกลับมาคิดว่า นี่เขาทำบ้าอะไรอยู่วะ ? แต่หยางหยางก็ถอนใจไม่ได้จากคุณในนั้น คุณที่อยู่ในรุปและสายตาคู่งามคู่นั้นได้อีกแล้ว

เขารู้สึกเหมือนภาพนี้ ภาพของคุณหลี่อี้เฟิงนี้ มีชีวิตจริง ๆ ด้วยซ้ำ




เพราะความรู้สึกนี้ล่ะที่ทำให้เขาย้ายตัวเองมาอยู่ที่บ้านนี้ หยางหยางคิดว่าตัวเองนิดหน่อยที่กลัวคุณในรูปจะเหงา





“ผมจะมาอยู่นี่ ขออนุญาตคุณนะครับ คุณหลี่อี้เฟิง”


หยางหยางเอ่ยเสียงทุ้มเบากับรุปที่อยู่ตรงหน้า แล้วเขาก็หันกลับไปทำงานบนโต๊ะที่วางอยู่ด้านหน้า


ถือว่าขอเจ้าบ้านกันแล้ว เขาก็ขออยู่กับคุณในรูปอย่างถือวิสาสะแล้วกัน



หยางหยางย้ำคิดตลอดว่า เขารักยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้าหวานหยดในรูปวาดนี้จริง ๆ





***************คุ ณ ใ น นั้ น ***********





แม้ไม่อยากไป แต่ในที่สุดเขาก็ต้องออกจากบ้านหลังนี้จนได้ หยางหยางจะต้องไปจัดการเรื่องการโอนบ้านหลังนี้ให้เสร็จ เหมือนจะมีขั้นตอนที่เขาจะต้องไปยืนยันเองก็เจ้าของบ้าน มีบางอย่างต้องเซนต์เพิ่มเติมกับผู้ที่เสนอขายบ้านมา เขาจึงต้องออกไปตั้งแต่เข้า กว่าเรื่องจะเสร็จก็ย่ำเย็น เขาจึงแวะไปบ้านใหญ่ เยี่ยมครอบครัว ครูหนึ่งและหอบงานกลับมาทำที่เรือนเล็กที่บ้านนี้


ก่อนกลับมาที่นี่ คุณพ่อเขาเอ่ยถาม


“แก ติดใจอะไรบ้านนั้นนักหนา? “
“ก็มันน่าอยู่ดีนี่ครับ”
“ถึงกับขุดเนื้อตัวเองซื้อ แถมไม่ใช่ถูก ๆ อีกเนี่ยนะ”
“ผมรู้สึกชอบที่นั่นมากน่ะสิ”
“แกแน่ใจนะว่า แค่บ้านไม่ใช่ของในบ้าน”



เหมือนพ่อเขาจะรู้อะไรมากกว่านั้น คนงานคงเล่าบางอย่างให้ฟัง ผ่านการวิเคราห์จากคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างคุณพ่อของเขา หยางหยางจึงไม่อาจจะเอ่ยคำโกหกเพิ่ม


“อย่าให้มันมากไป แกรู้ใช่มั้ย ว่ามันไม่ปกติ”
“ก็ครับ”
“แต่ฉันก็ไม่ว่าแกหรอก มันไมได้เดือดร้อนใครแต่คุมตัวเองให้อยู่ล่ะ ยังไงก็ตามอยู่คนเดียวก็ระวังตัว”
“เอ๋?”
“บ้านหลี่นั่นมีผี เขาว่ากันมา”



หยางหยางหัวเราะขำหลังจากคุณพ่อของเขาบอกข้อมูลใหม่มา นี่น่ะหรือเป็นเหตุผลที่ทำให้บ้านนี้เปลี่ยนมือกันพัลวัน เขาเองที่ไปอยู่ที่นั่นมาคืนหนึ่งก็ไม่รู้สึกอะไรถึงเรื่องลึกลับนั้น แต่ดูเหมือนคุณพ่อจะไม่ขำ เมื่อหยางหยางยิ้มเสมือนพ่อพูดเรื่องตลก



“ครับ ผมจะระวัง”




หลังจากนั้น หยางหยางก็ลาคุณพ่อ และคนอื่น ๆ ในบ้านมา กลับมาทีเรือนเล็ก ของบ้านหลี่.. อืม เขาก็ลืมคิดว่า บ้านนี้เป็นของคนตระกูลหลี่สินะ คงเป็นตระกูลร่ำรวยมากและเป็นที่รู้จักในแถบนี้ ในสมัยก่อน คนในสมัยนี้ไม่ค่อยนับ ไม่ค่อยสนใจอะไรกับเรื่องแบบนั้นแล้ว แค่มีเงิน ทำมาหากินร่ำรวยก็นับเป็นผู้มีอิทธิพล มีหน้าตา ไม่ใช่แบบเมื่อก่อนที่คงนับเรื่องความเก่าแก่ของตระกูล หรือนับจากความสามรถของคนในตระกูลเป็นที่เลื่องลือจนมีชื่อมีหน้าตาในสังคม





“กลับมาแล้วครับ”  เสียงทุ้มเอ่ยทันทีเมื่อเหยียบธรณีบ้านหลี่ เขาขนกับข้าวกับปลาที่ซื้อเพื่อมื้อค่ำนี้ เขากะจะทำงานยาวโต้รุ่งกันไปเลย เพราะมีเอกสารที่จะต้องตรวจสอบและจัดการให้เรียบร้อยก่อนวันพรุ่งนี้จะมาถึง งานเยอะเอาการ เสบียงรองท้องต้องเป็นกำลังให้เขา



หืม ?




...เสียงอุทานของหยางหยางดังขึ้นในใจ หลังจากเขาคิดว่าตนได้ยินเสียง..เขาอาจจะหูแว่วไป



หรือจะเป็นอย่างที่คุณพ่อเขาบอก ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่กลัว แต่เพราะความหลงใหลในรุปวาดและคุณในรูปเลยอยู่



หยางหยางหลับตาแล้วบอกในใจว่า ถ้ามีอะไรในนี้ก็ขอให้ต่างคนต่างอยู่ พอจบ เขาลืมตา ก็คิดอยู่ว่าจะเจออะไรโป้งชึ่งตรงหน้ารึเปล่าแต่ก็ไม่มี เขาจึงรีบวิ่งเข้าเรือนเล็กไป วันนี้พระจันทร์ข้างขึ้นสวยและส่องสว่าง แต่เขาไม่มีเวลาทอดมอง กลัวจะมีอะไรจริง ๆ จึงรีบเดินเข้าไปในเรือนโดยเร็ว






อีกแล้ว ? ... เขาได้ยินเสียงแว่ว  ๆ ผ่านหูมีอีกครั้ง ตอนเดินออกจากห้องอาบน้ำ เขาเพิ่งให้ทีมงานช่างมาซ่อมแซมและต่อเติมให้เข้ากับความเป็นปัจจุบัน จากก่อนหน้าที่มีแค่อ่างใหญ่ที่ไม่ได้ใช้งานมาแรมปี





พอออกมาจากห้องน้ำ เขาก็ได้ยินอีกครั้งสองครั้ง ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเสียงอะไร แต่เป็นเสียงที่มันไม่ควรจะอยู่ในบ้านหลังนี้แน่ ถ้าเขาเป็นผู้เดียวที่อยู่ในบ้าน





อะไรกันแน่  หยางหยางถามตัวเองอยู่ในใจแม้จะไม่มีคำตอบ ก่อนผันสายตาคมไปหาคุณในรูป ซึ่งแน่นอนว่านิ่งสนิทและสายตามองตรงมาเช่นเดิม ชายหนุ่มรูปหล่อยิ้มให้รูป เขาคิดเอาเล่น ๆ ว่าคุณในรุปกำลังแกล้งอะไรเขาหรือ





หลังจากนั้นหยางหยางก็ไปแต่งตัวให้เรียบร้อย เอากับข้าวจัดใส่จาน มันเป็นอาหารง่าย ๆ แค่บะหมี่ชามใหญ่กับซุปร้อน ๆ เขาเปลี่ยนบรรยากาศไปกินที่หน้าเรือนเล็ก เอาโต๊ะพับไปวาง กินมื้อค่ำค่อนไปทางดึกใต้แสงจันทร์ข้างึ้น วันนี้ยังไม่ทันจะเต็มดวงก็งามและสว่างถึงเพียงนี้




“เอ่ ...”  กินไปก็ทอดมองไปรอบ ๆ เรือน และบริเวณที่เขานั่ง หยางหยางหยุดสายตาไว้ที่แอ่งน้ำที่แห้งขอด ช่วงนี้ไม่มีฝนเสียด้วย แอ่งน้ำนี้ก็เลยเป็นแค่หลุมดินโคลนที่เต็มไปด้วยวัชพืช


พอจบมื้อค่ำ หยางหยางก็ลงมือทำบางอย่าง ที่คิดไว้ ณ ขณะซัดบะหมี่และซุปเอาแรง และมองที่แอ่งน้ำที่แห้งขอดไม่ละสายตา



***************คุ ณ ใ น นั้ น ***********



“เอาล่ะ แค่นี้ก่อน “  ชายหนุ่มเหงื่อแตกพลั่ก เพราะลงแรงทำบางอย่างที่คิดไว้ เขากำจัดวัชพืชในแอ่งดินที่เคยเป็นแองน้ำใส เอาอุปกรณ์ทำสวนที่มีอยู่แถว ๆ นั้น ก็ใช้ก่อน คงจะเป็นของที่คนงานทิ้งไว้เผื่อใช้ เมื่อคิดว่าใช้ได้ เขาเติมน้ำใส่แอ่งไป เอาเป็นว่าแค่นี้พอใช้ได้ หลังนี้ค่อยเอาพวกพืชน้ำมาใส่ ดอกไม้อะไรก็ว่าไป แบบนี้เขาก็มีที่พักผ่อนอย่างที่คิดไว้ คิดว่าคุณหลี่อี้เฟิงเมื่อก่อนก็คงชอบที่จะมานั่งทอดอารมณ์ตรงนี้ เพราะเห็นวิวสวย ๆ ทั้งแสงจันทร์ที่สาดส่องกระทบพอดีแอ่งน้ำ สวยน่าชม





“อะไรน่ะ ?... “ คราวนี้หยางหยางอุทานออกมาจากปากเป็นเสียงเบา ๆ เพราะนี่เป็นครั้งที่สามที่เขาได้ยินเสียงบางอย่าง หรือจะเป็นขโมย


หยางหยางออกจากที่เดิม เดินตามหาแหล่งเสียงแว่ว ๆ ผ่านหู ตอนนี้ชายหนุ่มนึกขุ่นข้องในใจว่ามันคือเสียงอะไร เขาเดินไปรอบ ๆ บ้าน และพยายามไม่คิดกลัวว่าจะเป็นผีอย่างที่คุณพ่อบอก เขาก็กลัวเหมือนกันล่ะหน่า เขาพยายามข่มใจไม่คิดมากแล้ว แต่คุณพ่อเองก็ปลุกความกลัวมาพูดด้วยสีหน้าจริงจังแบบนั้นอีก




ทีนี้เริ่มได้ยิน ...ถี่ และ ถี่ขึ้น เสียงแว่ว เริ่มกลายเป็นต่อเนื่อง หยางหยางพยายามนึกว่ามันคือเสียงอะไรกันแน่ เขาไม่คุ้นเคย






“เสียง..เสียงนี้ “  หยางหยางเริ่มนึกให้ดี ๆ เขาคิดว่ามันจะต้องเป็นเสียงอะไรซักอย่าง ลองนึกอะไรบนโลกที่จะส่งเสียงแบบนี้ได้



ฝีเท้าของหยางหยางที่เดินไปจนรอบหน้า ก็มาสุดที่หน้าเรือนเล็กเช่นเดิม





“ไม่ใช่..ไม่น่าจะใช่”



เขาพร่ำบอกตัวเอง
เสียงนี้..หยางหยางลองคิดดูแล้ว มันน่าจะเป็นบางอย่าง  เขาน่าจะรู้จักมัน






แม้ไม่แน่ใจ และไม่อยากจะเชื่อ เขายกมือขยี้หัว เหมือนคนที่เริ่มจะเสียสติ




ขายาววิ่งเข้าเรือนเล็กตรงไปยังจุดวางรูปของเจ้าของเรือนเล็กที่เขาคิด และเมื่อมาหยุดที่หน้ารูปวาด ดวงตาคมเบิกกว้าง ไม่อยากจะเชื่อว่าจะใช่




“คุณหลี่อี้เฟิง”






ถ้าเขาคิดไม่ผิด  ในรูปวาดนี้ คุณหลี่อี้เฟิง ถือขลุ่ยไม้พ่วงด้วยหยกหรูในมือ



“บ้าไปแล้วแน่  ๆ ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ “



เสียงที่หยางหยางได้ยินคือเสียงเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง นั่นคือขลุ่ยไม้
เสียงขลุ่ยไม้นั่น อาจจะมาจากที่ที่แสนไกล จากเจ้าของของมัน ผู้บรรเลงเสียงนี้
หรืออาจจะใกล้ตัวมากแต่เขาหาไม่เจอ




อาจจะเหนือธรรมชาติ และถ้าเป็นจริงที่พ่อของเขาว่า


“คุณบรรเลงเพลงนี้จากที่ไหนกัน คุณหลี่อี้เฟิง”








2 ความคิดเห็น:

  1. อ่าว!!! เฟิงเกอะเป็นผีอย่างนั้นรึ หรือรูปนี่เป็นเหมือนทวิตภพ?
    คิคิคิคิ ถ้าเจอแบบนี้ หน้าตาจิ้มลิ้มแบบนี้นี่ก็ไม่กลัวหรอก

    ตอบลบ
  2. ให้อารมณ์แบบทวิภพมาก อี้เฟิงได้โปรดออกมาจากรูปเถอะ สงสารหยางหยาง

    ตอบลบ