หืม ?
เพอร์ซิวัลเงี่ยหูฟัง
หยุดการกระทำของตนเองทุกอย่าง แล้วตั้งใจ ฟัง เสียง ๆ หนึ่ง
เพลงหรือ ?
เป็นเพลงที่บรรเลงด้วยการร้องอย่างไพเราะแม้เบาหวิวเหมือนเสียงกระซิบ
แต่เขาได้ฟังเพราะการเป็นผู้ฟังอย่างตั้งใจ มันไม่มีทำนอง มีแค่เสียงใสเสียงหนึ่ง
นั่นทำให้เขาตามเสียง
เจ้าของเสียงใสอย่างกับมีเทพสวรรค์มากล่อม
ยิ่งเดินเข้าไป ลึกล้ำมากเท่าใด
เขาก็ได้ยินชัดเจนขึ้น มากก้าวเข้าไป มุ่งสู่ป่าที่เต็มไปด้วยพรรณไม้มากมาย
ทรัพยากรที่สมบูรณ์ เป็นป่าโปร่งที่แม้ไม่รกชัฏจนน่ากลัว
แต่เป็นป่าที่เต็มไปด้วยแมกไม้ที่เติบโตมากมาย
“เสียงนั่น..เงียบไปหรือ ?”
เพอร์ซิวัลลองเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจอีกครั้ง เสียงนั้นหายไปแล้ว
เขาเลยจำต้องหยุดเท้าเพราะไม่สามารถสืบสาวหาต้นเสียงจากร่องรอยใด ๆ
นอกจากเสียงใสที่ลอยมาตามลม
หืม ? เสียงใสแว่วมาอีกครั้ง
เหมือนจะเปลี่ยนเพลง เพอร์ซิวัลไม่ค่อยได้ซึมซับดนตรีอะไรกับเขา วัน ๆ
ก็มีแต่ทำงานหนัก ล่าสัตว์ เก็บของป่า แต่วันนี้เป็นวันพักของเขา
เลยเข้ามาหาความรื่นรมย์ก็เหมือนว่าป่านี้จะเป็นที่ที่เขาจะมาตามหาความรื่นรมย์นั่นได้
แม้ไมได้หวังว่าจะได้อะไรกลับไปนักในตอนแรก แค่มาเดินทอดน่องให้อารมณ์ดี
แต่วันนี้เขากลับได้รับเสียงใสที่แว่วเพลงมาตามสายลม
เขาต้องตามให้เจอ เจ้าของเสียงนี้
“ประหลาด...” เขาเจอบางอย่าง
บ้านอะไร ประหลาด ? เพอร์ซิวัลเอ่ยในใจ
ความประหลาดใจนี้กลบความกระหายใคร่รู้ของเขาหมดสิ้น เพราะว่าบ้านหลังนี้ประหลาด
ความคิดเขา บ้านมันต้องเนบ้านมากกว่านี้ แต่นี่
กลับเหมือนกล่องสีเหลี่ยมที่มีจั่วหลังคา แต่กลับมีประตู ? หรือหน้าต่างกัน ?
มีแค่ช่องขนาดไม่กว้างนัก พอให้เด็กโตเข้าไปได้
ส่วนเขาที่เป็นหนุ่มฉกรรจ์ล่ำสันด้วยกล้ามเนื้อ
ไม่มีทางผ่านไอ้เจ้าช่องนี้เข้าไปได้แน่ ๆ หรือถ้าเป็นสาวน้อยสโอดสะองค์หน่อยก็พอเข้าไปได้
บ้านหลังนี้ทำจากไม้ ไม่ใหญ่มากนัก พออยู่แค่หนึ่งหรือสองคน
กินพื้นที่ป่าไม่เท่าไหร่ เป็นกระท่อมก็เรียกได้ แต่มันแข็งแรงกว่านั้น
“เสียงนั้น....” ต้นเสียงมาจาก
...บ้านประหลาดหลังนี้
และเมื่อเขาอุทานออกมาจากปากตน เลยทำให้ต้นเสียงใสนั้นเงียบไปแล้ว
..เพอร์ซิวัลยกมือตีปากตนเองหนึ่งครั้ง แล้วหุบปากสนิท เงี่ยหูฟังใหม่
เผื่อจะได้ยินอีกครั้ง เจ้าของเสียงเอ๋ย โปรดร้องอีกครั้งเถิด ผมอยากฟัง
อย่างน้อยวันนี้ วันว่างของเขา
ก็ได้มีโอกาสได้ฟังเสียงเพราะ ๆ นี้ เสียงที่ฟังครั้งแรกก็หลงใหล
จนต้องตามหาผู้ที่เปล่งมันออกมา
ไพเราะจริง ๆ
เสียงเพลงหายไปแล้ว...
เพอร์ซิวัลนึกเสียดาย
“..นั่น...คุณแม่หรือครับ ?”
เพอร์ซิวัลได้ยินเสียงหนึ่งกล่าวประโยคนั้น
จากที่ไหนซักแห่ง
แต่เมื่อตั้งใจฟังแล้วก็พบว่าเสียงนั้นออกมาจากบ้านประหลาดหลังนั้น เขาเดินเข้าไปใกล้ช่องเล็กเท่าหน้าต่างแม้คล้ายประตูนั่น
แล้วโน้มตัวไปมอง เผื่อจะเห็นอะไร
แล้วใช้มือหนาเคาะช่องเล็กที่กั้นภายนอกภายในด้วยกระจกใส
เหมือนว่าจะมีม่านสีเรียบกั้นอยู่ แต่กระจกถูกเปิดรับลมเอาไว้
ม่านจึงพลิ้วไหวอยู่เนือง ๆ เขาได้ยินความเคลื่อนไหวจากในนั้น
ซึ่งคงเป็นมนุษย์ซักคนที่อยู่ในนั้นพิจารณาแล้วก็น่าจะเป็น
“เห้ย!”
นั่นเสียงของเพอร์ซิวัลเอง เพราะตกใจที่จู่
ๆ ก็มีบางอย่างเปิดม่านออกมา สิ่งนั้นแอบอยู่หลังม่าน
“ผู้หญิง ?!” ใบหน้าหวานนั้นง้ำงอทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น แล้วก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบเฉย
งามอะไรอย่างนี้
เขาคิด ชายหนุ่มจึงเผลอจ้องอย่างเสียมารยาท สบตากับเจ้าของใบหน้านั้น
แล้วนิ่งตะลึงไป
เสียงที่พูดนั่นเขาเดาว่าผู้ชายและกำลังคิดแผนแล้วว่าหากเป็นคนประหลาดเหมือนเจ้าบ้านประหลาดของเขาจะทำอย่างไรกับคน
ๆ นั้น แต่ทันใดก็กลับกลายเป็นใบหน้าหวานสวยราวกับเทพธิดา นางไม้หรือ ?
เขาจ้องมองใบหน้านั้นดั่งถูกมนต์สะกด
“...คุณเป็นใครครับ”
ได้ทีเจ้าของใบหน้าหวานนั้นส่งเสียงใส ถามออกมาอย่างซื่อ ๆ
ชายหนุ่มตรงหน้าช่องเล็กนั้นสะดุ้งตัวแล้วจึงได้สติ หลังจากที่ต้องมนต์ไปนาน
เพราะใบหน้านั้น
“เพอร์ซิวัล เกรฟส์” เขาบอกชื่อเสียงเรียงนามกับเจ้าของใบหน้าหวานที่อยู่ในบ้านประหลาดนั้น
คุณในนั้นพยักหน้าช้า ๆ
“มากับคุณแม่หรือ ? ไหนคุณแม่ล่ะครับ ?”
“ผมมาคนเดียว”
คุณในบ้านนั้นมีสีหน้าเปลี่ยน
กลับกลายเป็นประหวั่นคนแปลกหน้าอย่างเพอร์ซิวัลแล้วถอยหลัง
ถอนใบหน้าออกจากบานกระจกของช่องเล็ก
“เอ่อ ขอโทษ ฉันแค่เดินหลงมาเรื่อย ๆ
จนมาถึงนี่...แค่ตามเสียงของเธอมา..”
เพอร์ซิวัลยิ่งมั่นใจมากขึ้นทันทีที่ได้สบตากลมโตใสบริสุทธิ์ดุจแก้วและใบหน้าหวานที่น่ารักนั้น
อา..ใช่ เขาเป็นผู้ชาย ก็เมื่อครู่นี้ เมื่อเขาร้องทักอย่างตกใจว่าผู้หญิง
เจ้าของใบหน้าหวานนั้นง้ำงอไม่ชอบใจ ..เขาเป็นผู้ชายหรือ
งามนัก
“คุณหลงมา?”
“ ใช่ฉันหลงมา ตามเสียงของเธอมา..มันเพราะมากเลยนะ
เพลงของเธอ แม้ฉันมันเป็นพวกคนเถื่อน
ฟังเพลงอะไรก็ไม่ซาบซึ้งใจอะไรกับเขาก็เถอะ..อาใช่ เว้นแต่เสียงเพราะ ๆ ของเธอ”
อะไรที่ดลใจทำให้เพอร์ซิวัลพูดอย่างนั้นไม่ทราบ
แต่นั่นเป็นความในใจที่กลั่นมาทันทีเมื่อพบเจ้าของเสียงที่แค่ได้ฟังไม่กี่วินาทีก็กลับทำให้เขาต้องเดินตามหาเจ้าของมัน
เมื่อพบแล้ว ถือว่าเขาเป็นผู้ชมที่ชื่นชอบได้หรือไม่?
“เอ่อ...” เขาเป็นคนแปลกหน้า
เพอร์ซิวัลมองคนที่อยู่หลังบานกระจกที่อยู่ภายใน
ร่างนั้นแม้ดูบอบบาง
ตัวเล็กเมื่อมาอยู่หน้าบานกระจกของช่องเล็กเพียงช่องเดียวของบ้านประหลาดนี้
ทำให้เพอร์ซิวัลมองไม่เห็นภายในของบ้านเท่าไหร่ เพราะร่างนี้บังไว้ช่องนี้ก็เล็กเพียงบานหน้าต่างเล็ก
ยังนับเป็นประตูไม่ได้เลย
“ครับ ?”
“อยากฟังเพลงของเธอ..อีกได้มั้ย”
คุณในบ้านหลังนั้นส่งสายตาไม่ไว้ใจ
อะไรของเขานะ ? ราวกับคุณเขาจะพูดแบบนั้น
แต่เพอร์ซิวัลก็นั่งอยู่ตรงริมขอบช่องเล็ก ๆ นั่น แล้วเตรียมเป็นผู้ฟังที่ดี
เขาไม่ค่อยทำตัวมีมารยาทแบบนี้เท่าไหร่ แต่ตอนนี้เขาปฏิบัติตัวราวกับใส่สูทไปนั่งฟังโอเปร่าในโรงละครใหญ่ใจกลางเมือง
“ไม่ได้หรือ?”
เขาถามแต่น้ำเสียงเหมือนอ้อนวอน ใบหน้าหวานขมวดคิ้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง
แล้วเงยหน้ามาสบตาเพอร์ซิวัล ทำให้ใจชายหนุ่มวูบไหวเหมือนถูกดึงไป ตกหลุมอย่างจัง
หลุมนั้นคือหลุมรัก สายตากลมโตแสนน่ารักนั้นทำให้เขาไม่ละสายตาจากใบหน้านี้เลย
“ถ้าหากคุณแม่ของผมมา
คุณจะต้องรีบไปเลยนะ” เจ้าของใบหน้าหวานบอกเช่นนั้น เขารีบพยักหน้า
ไม่ว่าเงื่อนไขใดเขาก็รับหมด ขอแค่ได้ฟังเสียงเพราะ ๆ
นี้กับได้มองใบหน้าหวานนี้ก็เพียงพอแล้ว
เครเดนซ์ แบร์โบน หลังจากวันแรกที่เพอร์ซิวัลบังเอิญได้ยินเสียงสวรรค์จากในป่า
เขานั่งฟังอย่างเพลิดเพลินใจ ชื่อนี้ก็ตราตรึงใจไปตลอด
โดยเขาจดจำในความทรงจำภายใต้ความงดงามของเสียงไพเราะ
และใบหน้าหวานงดงามจนไปถึงดวงตาที่สะกดเขาไว้ตั้งแต่แรกได้มองกันและกัน
“เพลงใหม่หรือ ?”
“ผมจำได้ เลยฮัมให้คุณฟัง”
เพอร์ซิวัลมาอีกครั้งที่บ้านประหลาดหลังนี้
มาฟังเพลงอันไพเราะ และปฏิบัติตัวอย่างมีมารยาทเพื่อเป็นผู้ฟังที่ดี
แม้ว่าเขาจะสงสัยบางอย่าง ทำไมหนุ่มน้อยคนนี้ต้องมาอยู่ในบ้านนี้ หรือว่าทำไมบ้านนี้ประหลาดนัก
และทำไมเขาไม่คิดจะออกมาจากบ้าน แม้เพอร์ซิวัลจะล่วงลวงใจเด็กหนุ่มที่คิดว่าน่าจะเด็กกว่าตนถึงสองรอบว่ามีแสงสีที่น่าจะทำให้เด็กหนุ่มที่เติบโตได้ไม่นานบนโลกต้องสนใจใคร่รู้
เมื่อเล่าให้ฟังเกริ่นให้เจ้าของเสียงสวรรค์ฟัง แม้แววตานั้นดูวาววับเปล่งประกายความใคร่รู้เต็มไปหมดจะฉายมา
แต่ก็ส่ายหัวแทนคำตอบแล้วบอกไม่ได้หรอก
“ฉันพาเธอออกมาได้
แต่เธอเคยลองหรือยัง”
“พยายามแล้ว แต่ผมออกไปไม่ได้หรอก ...”
เสียงนั้นหยุดไป เพอร์ซิวัลคิดว่าเครเดนซ์น่าจะมีบาดแผลในใจมากมายเพราะแม่ของเขาที่ดูแล้วก็ไม่ใช่แม่ที่ดีเท่าไหร่
การที่ปล่อยลูกไว้คนเดียวในบ้านประหลาดแบบนี้ก็ไม่น่าจะเป็นคนดีแล้ว
“บานประตูช่องเล็ก ๆ
นี้เธอลองพยายามออกมาหรือยัง”
“มันเล็กเกินกว่าตัวผม
ก่อนหน้าก็ออกไปได้นะ แต่พอออกไป แม่จับผมได้ก็บอกว่า ห้ามออกไปอีก”
เพอร์ซิวัลพยายามลอบมองเข้าไปในบ้าน
แต่เหตุใดไม่ทราบ เขาเห็นเพียงแค่สีขาว หลังเด็กน้อยก็น่าจะเป็นผนังห้องหรือ ?
พื้นก็เป็นพื้นไม้ แล้วก็เห็นแค่นั้น เขาไม่กล้าถามอะไรเด็กมาก ยิ่งถามไปเด็กน้อยยิ่งดูกลัวไปหมด
เขาเองก็กลัวจะกระทบใจเด็ก พยายามทีละน้อย ค่อย ๆ ถามตะล่อมไป น่าจะดีกว่า
ไม่ควรฝืนกัน อยากให้เขาออกมาเอง โดยใจที่อยากออกมา และไม่กลัวอยู่อย่างนี้
“ คุณแม่คงไม่ชอบใจ “
เครเดนซ์บอกเพอร์ซิวัลเช่นนั้น และเมื่อเขาพูดถึงคุณแม่ เขาจะเงียบและไม่พูดใด ๆ
ต่อเหมือนแม่ของเด็กหนุ่มน่ารักคนนี้จะดุไม่น้อย
“ถ้าแม่เธอมา ฉันจะช่วยกล่อม”
“ไม่ได้หรอกครับ” ก็ปฏิเสธอีก
แม่ของเด็กหนุ่มจะใจแข็งขนาดนั้นหรือ ดูจากในบ้านแล้ว ไม่มีใครอยู่เลย
นอกจากเครเดนซ์ที่นั่งอยู่ตรงช่องเล็กๆที่กั้นด้วยกระจำนี้
ไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวใด ๆ ภายในบ้าน
แล้วบ้านประหลาดนี้ก็อยู่ลึกมาจากเมืองพอสมควร เธอขังเครเดนซ์ไว้หรือ
ล่ามไว้ด้วยหรืออย่างไร ?
เครเดนซ์ที่ได้ฟังคำถามนั้น
ตามที่เพอร์ซิวัลคิด ก็ตอบกลับมาว่า “ไม่หรอกครับ” เขาพูดหน้าเศร้าเหมือนแบกโลกไว้
แม้เป็นเช่นนี้เขาก็ยังปกป้องแม่ใจร้ายงั้นหรือ
อืม
ไม่ได้วันนี้ไม่เป็นไร
ทีนี้เขาก็คิดได้แล้วว่า เครเดนซ์อาจจะถูกแม่ขังไว้ก็ได้
แต่เด็กน้อยกลัวเกินกว่าจะฝืนคำสั่งแม่แล้วออกมา ก็เขายังเด็กอยู่มาก
เลยวัยเด็กเล็กมาเท่าไหร่กันเอง ยังไม่โตเต็มวัยหนุ่มดีด้วยซ้ำไป
เด็กน้อยที่ไม่เคยพบกับใคร บ่อยที่สุดก็คือแม่ตัวเองนั้น
แม่ของเขาก็น่าจะเป็นโลกทั้งใบและก็น่าจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกของเขา
เพอร์ซิวัลจะพาเด็กคนนี้ออกมาจากบ้านน่าเศร้านี้
“เอาขนมมาให้ด้วย” อีกวัน
เพอร์ซิวัลก็เข้าป่ามาหาอีก วันนี้เขาพกของกินที่คิดว่าเด็กน่าจะชอบ
พร้อมทั้งอุปกรณ์ในการนั่งนาน ตั้งแต่เสื่อพร้อมอาหารเย็น
เขาตั้งใจจะอยู่กับเครเดนซ์จนถึงเกือบค่ำ นอกจากฟังเพลงแล้ว
เขาก็อยากจะกล่อมให้เด็กหนุ่มมีใจจะออกมาจากบ้านหลังนั้น
แม้ก่อนหน้าจะตั้งใจพูดตะล่อมอยู่นานมากแต่เครเดนซ์ก็ไม่ตอบรับแต่อย่างใด
อย่างน้อยเขาก็อยากจะพาเด็กหนุ่มออกไป จะให้เข้าไปมั้ย ? เขาถามกลับไป
อย่างน้อยออกมาไม่ได้ ก็แค่ไปนั่งเป็นเพื่อน แม้เขาจะหวังบางอย่างอยู่ก็ตาม
แต่เครเดนซ์ก็ตอบว่าไม่ได้อีกเหมือนกัน “แม่จะรู้” เขากลัวแม่เหลือเกิน
แม่ของเขาใจร้ายขนาดไหนกันนะ ที่ให้เด็กที่น่าสงสารอยู่บ้านประหลาดที่ดูเศร้าสร้อยนี้คนเดียว
มันไม่เหมาะกับคนที่งดงามอย่างเด็กหนุ่มใบหน้าหวาน เสียงใสคนนี้เลย
เครเดนซ์ควรจะออกไปพบแสงแดดที่เจิดจ้า
ซึ่งเหมาะกับรอยยิ้มที่ฉายอยู่ใบหน้าของเขาตอนนี้ อย่างที่เพอร์ซิวัลมองอยู่
“เธอน่ารัก”
เพอร์ซิวัลเผลอชมไปอย่างหลุดปาก แต่นั่นมาจากทั้งหมดจากใจของเขา
เครเดนซ์ยิ้มหวานออกมาขวนเขินปิดไม่มิด เขาคิดว่าเด็กหนุ่มคงไม่ได้พบใครมากนัก
นอกจากแม่ตัวเอง และตอนนี้ก็มีเขาเพิ่มเขามาอีกคน เพราะความไร้เดียงสา
ทั้งด้วยวัยและเหมือนจะเป็นนิสัยของเครเดนซ์ด้วย
ความเขินที่น่ารักที่แสดงออกมาให้เพอร์ซิวัลเห็นทำให้เขาอยากสัมผัสเด็กคนนี้มากขึ้นไปอีก
จากเพียงแค่ได้สบตา
ตอนนี้เขาอยากจูบคนที่อยู่ตรงหน้าที่มีกั้นกลางเพียงแค่กระจกบางด้วยซ้ำ
แต่เพอร์ซิวัลไม่อยากบังคับใจ
“เธอยิ้มสวยมากจนฉันคิดว่าเธอเป็นเด็กสาว”
“อยากลองพิสูจน์มั้ยล่ะครับ”
เพอร์ซิวัลถึงกับทำขนมที่จะยื่นให้เด็กน้อยเพิ่มตกลงพื้นดินที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้ง
เขาเบิกตากว้างมองใบหน้าที่น่ารักนั้นขึ้นสี จะพิสูจน์อย่างไร
จะยอมให้ฉันเข้าไปแล้วหรือ ? หรือจะยอมออกมา
โดยที่เธอจะฝ่าฝืนคำสั่งแม่ที่เธอตั้งใจปฏิบัติตาม ? เขาคิดไปเรื่อย
เด็กหนุ่มจากในบ้านประหลาดยื่นมือออกมาผ่านหน้าต่างช่องเล็ก
ๆ ที่พอได้มองแค่ช่วงบนประมาณอกของเขาไล่ขึ้นไปจนถึงใบหน้าน่ารัก
แขนเล็กราวกับคว้าไว้แล้วจะหักคามือ ดูบอบบางเหลือเกิน อย่างที่เขาวาดไว้ในใจ
เพอร์ซิวัลกระด้างที่จะยื่นมืออันหยาบกร้านเพราะผ่านงานหนักมา
แต่เขาก็ยื่นมือไปคว้ามือบอบางที่แสนนุ่มนิ่มเหมือนไม่ได้คว้าจับงานใด ๆ
แม้ตามแขนเล็กจะมีรอยจ้ำช้ำบ้าง ให้เขารำคาญใจ แม่เด็กทำร้ายเขาด้วยหรือ ?
“พิสูจน์ได้นะ..”
เครเดนซ์บอกแล้วจึงดึงมือเพอร์ซิวัลให้ผ่านหน้าต่างบานเล็กนั้นเข้าไปในบ้านประหลาด
สัมผัสจากมือข้างนั้นของเพอร์ซิวัลที่ได้รับ
จุดความรู้สึกบางอย่างทำให้เขาเพ้อไปไกล สัมผัสนั้นคือผิวนุ่มลื่นมือ
ซึ่งรู้ว่าส่วนที่เขาสัมผัสนี้อยู่ใต้ร่มผ้า ลากผ่านทุกส่วนอย่างช้า ๆ
ยิ่งทำให้เขาคิดเตลิด
“อ๊ะ...” เครเดนซ์ครางเสียงหลงออกมา
นั่นทำให้เขารู้ว่ามือสากของเพอร์ซิวัลลากผ่านจุดสำคัญ ยอดอกที่เริ่มคุ้นมือ
เพราะเด็กหนุ่มใช้มือของเขาลากวนผ่านจุดนั้นถี่ขึ้น
และเพอร์ซิวัลเองก็เริ่มทำตามอารมณ์ บังคับให้มือตนย้ำอยู่จุดนั้น
เขารู้แล้วว่านี่เป็นจุดอ่อนไหวของเด็กหนุ่ม เพอร์ซิวัลครางฮืมในลำคอบ้าง
เขาเองก็รู้สึกถึงจุดนั้นรำไรมาแต่ไกลแล้วเหมือนกัน
“อืม..”
เป็นเสียงหวานอีกรอบที่ครางเสียงต่ำออกมา
หลุดออกมาจากริมฝีปากสวยที่มักจะเปล่งเสียงสวรรค์ให้เขาฟังเสมอ ได้อารมณ์ยิ่งนัก
เสียงครางนี้ยิ่งเพราะกว่า เขาคิดอยากทำมากกว่านี้ มือเขาไปถึงสวรรค์แล้ว
เพราะได้สัมผัสเนียนนุ่มไล้ไปตามผิวของเครเดนซ์ ความคิดเขาโลดแล่นไปไกล
เพอร์ซิวัลขยับนั่งให้ตัวชิดกับผนังบ้าน ใกล้หน้าต่างมากที่สุด เขาขอมองใบหน้าหวานให้เต็มตา
“เปิดกระจกให้สุดบานได้มั้ย”
เครเดนซ์หยุดอารมณ์ไว้ แม้เหมือนถูกขัดใจหน่อยเพราะกำลังอารมณ์กรุ่นได้ที่แต่ก็ทำตาม
กระจกที่กั้นทั้งคู่ไว้ ถูกเปิดจนสุดจากที่เปิดไว้ให้เพียงแค่ได้ยินเสียงและยื่นมือไปสัมผัสกันได้
เพอร์ซิวัลยื่นใบหน้าให้ใกล้ที่สุด แน่นอนเครเดนซ์ก็เหมือนถูกดึงดูดเหมือนกัน ทั้งสองใกล้กันจนปลายจมูกประชิดมือที่ถูกยึดไปก่อนหน้า
เพอร์ซิวัลใช้มันประคองใบหน้าหวานไว้
“เธอน่ารักจัง เด็กน้อย”
“คุณชอบผมมั้ย ?”
“อืม แน่นอน”
“ผม..นอกจากแม่ตอนนี้ก็มีคุณ
คุณเพอร์ซิวัล “
เครเดนซ์ยิ้มน้อย ๆ
ออกมาให้เพอร์ซิวัลนึกเอ็นดู หัวใจเขาแกว่งเป็นลูกตุ้มนาฬิกา
แบบนี้เหมือนคนใกล้ตายชัด ๆ
หัวใจเต้นแรงเพราะรอยยิ้มไร้เดียงสาเมื่อครู่ของเด็กหนุ่มที่เพิ่งพ้นวัยเด็กเล็กมาไม่นาน ใบหน้าของชายหนุ่มแม้ปกคลุมไปด้วยเคราครึ้มดูน่าเกรงขาม
แต่จังฉายความหล่อเหลาเต็มพิกัดของเพอร์ซิวัลไว้ เครเดนซ์มองชายหนุ่มตรงหน้า
เขาหลงใหลเข้าให้แล้ว ทั้งคู่ต่างหลงใหลกันและกัน
“อืม”
จูบแรกที่เพอร์ซิวัลมอบให้เด็กน้อย ความไร้เดียงสาไม่รู้จักตัณหาของผู้ใหญ่
รสชาติเป็นเช่นนี้หรือ เพอร์ซิวัล เขากำลังจูบเครเดนซ์ผ่านหน้าต่างบ้านประหลาด ฉากแรเป็นการประทับจูบสร้างความคุ้นเคยจากคนหยาบอย่างเขา
เด็กน้อยรับจูบไว้ อีกครู่ก็เปลี่ยนเป็นร้อนแรงยิ่งขึ้น
ลิ้นร้อนลากผ่านไรฟันเด็กน้อยให้เขาเปิดทางและสบายมาก
เครเดนซ์เปิดทางให้เข้าไปชิมลิ้มลองน้ำหวานจากเขา
ลิ้นเรียวลิ้นร้อนแลกความหวานกันไม่รู้จะเหน็ดเหนื่อย
เสียงอืมอาให้ลำคอสลับกันให้ต่างคนต่างฟัง เสียงจูบดังจนน่าอาย
เพอร์ซิวัลเอียงคอปรับมุมให้จูบได้ดียิ่งขึ้น
“อืม” เด็กหนุ่มที่เขาหลงใหลเสียงในวันนั้น
กลับกลายเป็นตกหลุมรักอย่างหมดใจ เขาหลงใหลเสียงใส ๆ
แต่ที่สุดรอยยิ้มไร้เดียงสาและดวงตากลมโตที่ช้อนมองเขาอยู่ตอนนี้
หวั่นใจเป็นอย่างยิ่ง เพอร์ซิวัลรู้สึกเหมือนคนใกล้ตายเพราะใจเต้นแรงเข้าไปทุกที
เขาถูกละลายใจเพียงแค่ยิ้มเดียว
“คุณเพอร์ซิวัล..”
เสียงเครเดนซ์เอ่ยเรียกชายหนุ่มที่เพิ่งมอบจูบให้ หลังจากถอนจูบออกมา
ต่างคนต่างโกยอากาศให้ตัวเองหายใจหายคอให้ทัน
น้ำลายหยดน้อยยังหวานแต้มที่ตรงริมฝีปากอิ่มแดงเพราะจูบร้อนแรงเมื่อครู่
จูบหวานนักเหมือนแอปเปิ้ลในน้ำเชื่อม ที่เขาเอามาฝากเด็กน้อย
ดวงตานั้นจ้องมองเขาเหมือนกันเหมือนกับที่เขามองอยู่ เราต่างก็ขวยเขิน
แต่ก็ยังสบตากันอยู่ เครเดนซ์ยิ้มออกมาก่อนเก้อเขินอย่างกลั้นไม่อยู่
มือเล็กยื่นออกมาด้วย เหมือนตั้งใจจะทำอะไร
“คุณ..น่ารักจัง”
เด็กน้อยของเพอร์ซิวัลเอ่ยชมเขาด้วยคำที่ไม่น่าจะเหมาะกับเขาเลย
แต่เขาจะรับไว้หากเครเดนซ์มอบให้ เด็กน้อยยื่นมือเล็กที่แสนบอบบางเปรียบเหมือนดินสอวาดไปตามโครงหน้าของชายหนุ่ม
เขาเอียงใบหน้ารับสัมผัสน้อย ๆ
นั่นจนเมื่อปลายสุดของสัมผัสมาจุดที่ริมฝีปากหยักของเขา
นิ้วโป้งของเครเดนซ์หยุดตรงริมฝีปากล่าง นิ้วโป้งของเครเดนซ์ลากช้า ๆ
ไล้ไปริ้วริมฝีปากของชายหนุ่ม เสียงใสร้องฮืมให้คอ
จุดให้เพอร์ซิวัลมีอารมณ์อย่างยิ่ง จนเมื่อพอใจ นิ้วโป้งนั้นก็กดแรงเข้าไปเล่นกับไรฟันของเพอร์ซิวัลให้เขางับมันเข้าให้
“อ๊ะ”
มือใหญ่อีกข้างคว้ามือเล็กบอบบางนั้นไว้
เขางับนิ้วโป้งนั้นเข้าไป
ใช้ลิ้นตวัดนึกถึงบางอย่างใต้ร่มผ้าของเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาแต่ยั่วยวนใจเขา
“อืม”
เสียงครางอย่างได้อารมณ์ของเพอร์ซิวัลทำให้เครเดนซ์เผลอครางตามไปด้วย
หืม ? เพอร์ซิวัลรู้สึกถึงความประหลาดภายในตัว
เขาเหลือกตามองร่างตรงหน้า
รอยยิ้มนั้นมีความเปลี่ยนแปลง
“อ๊ะ...อา อืม..”
เพอร์ซิวัลลืมตาขึ้นมา เขารู้สึกตัว ภายหลังจากที่รู้สึกประหลาด และภาพสุดท้ายที่เห็นคือรอยยิ้มของเครเดนซ์ที่ต่างไปจากเดิม
และตอนนี้ที่เขารู้สึกเพิ่มขึ้นมาคือความต้องการที่พุ่งทะยาน
วูบโหวงในท้องจนจวนเจียนจะปลดปล่อย มีคนทำอะไรกับร่างกายเขา
“พอต้องการ ก็ขยายใหญ่ขนาดนี้
คุณเป็นคนแรกเลยนะ ที่เข้าไปในตัวผมจนสุดทาง อืม...”
เครเดนซ์!
“เครเดนซ์!?” แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน
กลิ่นมันช่างชวนคลื่นไส้ ไม่ได้เหม็นจนทนไมได้ แต่มันเวียนหัวจนไม่อยากอยู่ต่อ
แต่ความต้องการมากมายทำให้เขาอ่อนแรง
และเด็กน้อยที่เขาหลงใหลขย่มร่างตัวเองอยู่บนตัวเขา แล้วก็ยังเอาของ ๆ เขาสอดใส่ในร่างกายเล็ก
ๆ บอบบางนั่นเข้าไป เสียงครางสุขสมร้องระงมอย่างเป็นสุข
“อา...ลึกจัง “ เครเดนซ์เอ่ยอย่างล่องลอย
ทำไม ...มันเกิดอะไรขึ้น
“ทำหน้าตาเหลอหลาตลกจังคุณ ก็ที่นี่ไง
ที่ที่คุณอยากพาผมออกไป หรือที่ที่คุณอยากจะมาอยู่กับผมกันนะ “
เด็กน้อยเลิกขย่มอารมณ์สุดยอดบนร่างของเพอร์ซิวัลแล้วบอกเขา
เขาเพิ่งใช้สายตาสังเกตตัวเอง น้ำสีขาวขุ่นเปรอะเปื้อนปริมาณไม่น้อย
ไม่รู้ของใครเป็นของใคร แต่มันมากพอที่จะทำให้รู้ว่า
เขาเป็นสิ่งปรนเปรอร่างตรงหน้านานพอสมควร ใบหน้าหวานตอนนี้ ยิ้มเหยียดดูร้ายกาจ ใบหน้านั้นเปื้อนคราบขาวเช่นกัน
เลอะเทอะไปจนถึงเส้นผม มือเล็กรู้ว่ามันเลอะไปถึงตรงไหนก็ปาดมันมาลากลิ้นชิม
“อร่อย..ของคุณ..น่ะอร่อยดี” บอกได้อย่างไม่รู้สึกเขินอายแต่อย่างใด
...เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่านี่เป็นฝัน หรือความจริง เพราะความจริงที่เขาเห็นคือ
เครเดนซ์ผู้แสนเขินอายและขี้กลัวนั้นต่างหาก
แสงในที่ที่เขาอยู่ไม่ค่อยมี
เพอร์ซิวัลจึงมองเห็นแค่เพียงลาง ๆ กลางคืนแล้วหรือ ?
เขาตั้งใจจะกลับไปบ้านก่อนค่ำ แต่วันนี้มันเลยมาแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ?
“ในบ้านประหลาดที่คุณคิดนั่นล่ะ
จะคิดไปไหนกัน จะมีที่ไหนที่คุณอยากไปอีก ไม่ต้องคิดมากแล้ว
ชอบผมก็อยู่..กับผมเนอะ”
เสียงแว่วหวานสุดท้ายมากระซิบข้างหู
ใบหน้านี้หวานจับใจจริง ๆ แต่ตอนนี้เพอร์ซิวัลรู้สึกกลัวขึ้นมา
ทำไมเขาถึงสติขาดหาย
ความต้องการก็ยังไม่ลดลง ทั้งที่เห็นอยู่ว่าถูกปลดปล่อยทั้งที่ไม่รู้ตัวไปเท่าใด
เขาขยับไม่ได้
“อยู่กับผม ที่นี่นะ”
เสียงหวานเว้าวอนอีกครั้ง
ทีนี้ร่างตรงหน้ากลับมาเป็นเครเดนซ์ที่เขาเจอเป็นครั้งแรก
ทำให้เขารู้แล้วว่าทั้งหมดนั้นมันโกหก
แสงจันทร์สาดส่องลอดช่องหน้าต่างเล็กที่เราจูบกันก่อนหน้า
ค้างอยู่นาน ทำให้เขาเห็น
..เพอร์ซิวัลตัวแข็ง จากที่แค่รู้สึกกลัว
แต่ตอนนี้จับจับใจ
แม่ที่ไหนกัน นั่นร่างผู้หญิงใช่มั้ย
? มีชุดผู้หญิงกองอยู่ไม่ไกลจากที่เขานอนอยู่ มีโครงกระดูก
แล้วพร้อมเครื่องประดับ ไล่ไปแล้วก็เหมือนส่วนคอที่คล้องสร้อยไว้ เขาไล่สายตาไปอีก
มือเครื่องมือประหลาดที่เขาไม่รู้จัก และไล่ไปจนเขารู้จัก มันคือเครื่องมือทรมาณมนุษย์
และรวมไปถึงเครื่องมือบำเรอกามราคะ จากนั้นแสงจันทร์ก็ถูกเมฆบดบังไป
เขาหลงมาอยู่ที่ไหนบนโลกกัน
“แกมัน...”
ยิ่งกลัวจับใจ
เขาก็เปลี่ยนสรรพนามให้ร่างตรงหน้าหยาบคายมากขึ้น เครเดนซ์ไม่ยี่หระใด ๆ เลย
แล้วเริ่มขย่มอารมณ์ตัวเอง
สอดใส่ให้ตัวตนของเพอร์ซิวัลเข้าไปให้ลึกถึงใจกลางอารมณ์ของร่างเล็กอีกครั้ง
ส่วนนั้นของเครเดนซ์ชูชันสู้อยู่ ไม่ไกลจากใบหน้าของชายหนุ่ม
รู้เลยว่าความต้องการมากแค่ไหน ทำไมเขาถึงไร้แรงเช่นนี้
นิ้วโปงที่กดเข้าปากเขา
เขาใช้ลิ้นตวัดเลีย...มันอาบยา
“รู้ตัวช้าจัง
ฉันน่ะผสมยาเก่งน่ะคุณเพอร์ซิวัล แรงทีเดียวล่ะ อะไรบ้างก็แยกเอาเองนะ”
เครเดนซ์ที่เปลี่ยนไปพูดเสียงใส
กระเส่าเร่าร้อนเพราะอยู่กับความหรรษาในแรงอารมณ์ของตน เพอร์ซิวัลก็ปลดปล่อยตามไป
ก็ในเมื่อถูกกระตุ้นด้วยท่าขย่มและช่องทางที่สอดจนสุดบีบรัดให้เขาปลดปล่อยมาไม่ขาดสาย
เริ่มเหนื่อยอ่อนอีก
“อา..”
เพอร์ซิวัลหมดแรงจะพูด
เขาคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะไปจากที่ประหลาดและเด็กประหลาดคนนี้ เขาตกหลุมพรางแล้ว
เห็นเครื่องน่ากลัวเหล่านั้น พร้อมโครงกระดูกผู้หญิง เขาก็หวั่นใจ
แถมตอนนี้เขาขยับร่างไม่ได้ และรู้แล้วว่าถูกตรึงไว้กับเตียงนอนแคบ ๆ
สำหรับหนึ่งคน เขาลองสาดสายตาไปอีกครั้ง เมื่อแสงจันทร์พาดหน้าต่างมาใหม่
“..นั่น..”
“คนพวกนั้นก็มาอยู่กับผมตั้งนานแล้ว
แต่พวกเขาด่วนจากไปก่อนน่ะซี่ คุณก็อย่ารีบตามพวกนั้นไปนะ”
ศพมนุษย์..
เพอร์ซิวัลตัวแข็งราวกับถูกแข่งเย็น
ความกลัวแล่นริ้วไปถึงสมองยันสันหลัง
เขาเริ่มดิ้นจนเครเดนซ์ต้องใช้มือที่มีเล็บคมข่วนบนใบหน้าหล่อให้เจ็บแสบ
“โอ๊ย”
ชายหนุ่มมากหน้าหลายตาที่เขาเคยได้ข่าวว่าหลงป่าและหายตัวไป...มาอยู่ที่นี่
มาเป็นศพที่นี่เองหรือ เขานึกอยู่นานว่ากลิ่นคลื่นเหียนนี้มาจากไหน ก็คงกลบกลิ่นจนตีกันมั่ว
จำนวนศพนั้นไม่น้อยเลย ทั้งหมดนั้นล้วนเปลือยกายทั้งสิ้น
ส่วนนั้นของชายหนุ่มทั้งหลายถูกตัดออกไปบ้าง มีแผลบ้าง ศพบางคนเหมือนถูกเฆี่ยนตี
บางคนอวัยวะไม่ครบสามสิบสอง บางคนใบหน้าถูกรีดยับ บางคนหัวขาดหายไป...
“ก็ลองหลายวิธี เผื่อจะสนุกขึ้นมาไง
แต่น่าเบื่อจะตายไป บางคนอยู่แค่แป๊บเดียวไม่ทันข้ามวันก็ตายซะละ”
เครเดนซ์บอกเสียงใส เสียงนั้นเหมือนเสียงที่เขาหลงใหล
เสียงสวรรค์ที่เขาได้ยินจากที่ไกล ๆ และเขาถูกเสียงนั้นดึงดูดมาใกล้
แต่ตอนนี้เขามาใกล้เกินไป ใกล้นรก
“อ๊ะ...อ๊า” เครเดนซ์ครางหยาดสุดท้าย
ปลดปล่อยอารมณ์ออกมา
จากนั้นร่างเล็กเปลือยก็ลุกและดึงแกนกายของเพอร์ซิวัลถอนออกไปจากตัวเอง
เพอร์ซิวัลต้องตกตะลึงเมื่อพบว่ามีอุปกรณ์บำเรอกามครอบทับส่วนหัวของเขา
มิน่าทำให้ถึงรู้สึกแปลกและอึดอัด
“นั่นแค่ของเล็กน้า คุณเพอร์ซิวัล
เรามาลองของใหม่กัน”
เสียงหวานพูดจบก็ฮึมฮัมเพลงโปรดที่เขาพร่ำบอกเครเดนซ์คนนั้นคนที่เขาหลงรัก แต่ตอนนี้ตรงหน้าเขาไม่ใช่
นี่มันปีศาจ
ของใหญ่นั้นที่เครเดนซ์หยิบมาทำให้เพอร์ซิวัลเลิกคิ้วเบิกตากว้าง
ของใหญ่ของเครเดนซ์ที่ว่านั้นทำให้เขากลัวจนแทบสิ้นสติ
เสียงของมันทำให้เขาต้องดิ้นออกจากพันธนาการอันแน่นหนา
เด็กนี่ทำอะไรแบบนี้คนเดียวได้ยังไง แรงที่ไหนมาทำ ทั้งที่ดูบอบบาง
แรงราคะนั้นปลุกพละกำลังจากในตัวเขามาหมดเลยงั้นหรือ
“ฉันไมได้บอกบางเป็นเด็กอ่อนแอ
แต่ก็ไมได้แบกคุณไหวหรอก ยานั่นกล่อมประสาท คุณแค่เดินตามเสียงฉันมา
เสียงฉันมันหวาน และแน่อน คุณตามมาอย่างไม่อิดออด อ๋อ ประตูอยู่นั่น มันแอบอยู่”
แสงจันทร์ใกล้จะหายไปแล้ว แต่ก็ทันเห็นประตูกลที่หลอกตาเพอร์ซิวัล
มันเผยให้เห็นอยู่ไม่ไกลจากหน้าต่างบานเล็กนั่นเลยด้วยซ้ำ เขาถูกหลอก
บ้านนี่มันนรก
เด็กนี่ก็นรก
ร่างเล็กที่ถือของใหญ่
ของเล่นอีกชิ้นที่ดูเหมือนจะเป็นชิ้นโปรดของเขาเสียด้วย เครเดนซ์เจ้าของเสียงใส
ยิ้มหวานหยดและใบหน้าที่ตราตรึงนั้นเป็นแค่ภาพลวงตา
ความน่าสงสารทั้งหมดนั้นหลอกกัน และอะไรกันที่บอกว่าถูกขัง เด็กคนนี้ไม่ได้ถูกขัง
แต่เขาขังตัวเองไว้ด้วยแรงราคะที่มากมายจนกลายเป็นวิปริต และขังวิญญาณและร่างไร้ชีวิตของหลายคนไปตลอดกาล
เขาสาดสายตาไปยังโครงกระดูกที่อยู่ใกล้ชุดคลุมของหญิงสาวที่น่าจะตายก่อนใคร
เครเดนซ์มองแค่ครู่หนึ่งด้วยแววตาเรียบเฉยแล้วบอก
“แม่ไม่ชอบน่ะ
ก็เลยเป็นแบบนั้นแค่คุณไม่ต้องรีบไปหาแม่หรอกนะ”
แม่อะไรกัน เด็กนี่มันฆ่าแม่ตัวเอง
แล้วหลอกล่อให้ชายหนุ่มที่ตามหาเสียงและหลงใหลไปกับความงดงามนั้น หลอกล่อให้สงสาร
แล้วจัดการเขาด้วยความวิปริตของตน
หลอกกันหมดทุกอย่าง
เครเดนซ์ไม่ได้น่าสงสารแต่ตอนนี้เพอร์ซิวัลเองต่างหากเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด
“ไม่..อย่า”
“โอ้ว คนดีคนน่ารักของเครเดนซ์เอ๋ย
อย่าทำหน้าตาเหยเกแบบนั้น มาอยู่ด้วยกันไปตลอดนะครับ”
ยิ้มยิหวานเหยียดบนใบหน้าหวาน ของเล่นชิ้นใหญ่ทาบลงบนร่างของชายหนุ่ม หมายจะเล่นกับเพอร์ซิวัลจนขาดใจ เครื่องนี้เริ่มทำงานของมัน เสียงเครื่องจักรเริ่มทำงาน งานของมันคือทำให้ของต่างๆ แยกออกจากกัน มันไม่ใช่ของเล่นหรอกนะแค่เครเดนซ์นับมันว่าใช่ ทั้งที่ควรจะใช้กับงานไม้แท้ ๆ แต่มันกลับทาบอยู่บนตัวชายหนุ่มเสียงของมันสอดประสานกับเสียงกรีดร้องสุดเสียงของเพอร์ซิวัล ดังจนคิดว่าเขย่าขวัญทุกชีวิตในป่า แต่ก็หาต้นเสียงไม่พบ ไม่ว่าจะใคร