วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

[SF] TexT #หยางเฟิง (for Valentine's Day 2017)




ปกติไม่เขียนฟิคช่วงเทศกาลเลยค่ะ แต่ด้วยรักและคิดถึงหยางเฟิง 
แม่แมว





วันวาเลนไทน์ทั้งที มีอะไรให้คนที่รักบ้างก็ดีนะ


หยางหยางหันไปมองป้ายโฆษณาที่ส่องแสงวิบวับตามท้องถนน ข้อความนี้เป็นข้อความหนึ่งที่เขาไล่สายตาอ่านทัน ขณะที่เขากำลังขับรถกลับคอนโดเพื่อพักผ่อนจากงาน หลังแยกย้ายกับทีมงานคนสนิททั้งหลาย ทุกคนไม่ถามอะไรหยางหยาง เพียงแต่บอกลาแล้วก็ให้ขับรถดี  ๆ


ไม่มีใครพูดถึงหลี่อี้เฟิงให้หยางหยางได้ยิน ไม่มีใครเอ่ยถาม


ก็เพราะว่าหยางหยางกับหลี่อี้เฟิงไม่ได้คุยกันมานานแล้วน่ะสิ



ความสัมพันธ์ของนักแสดงรุ่นพี่และรุ่นน้องที่แสนจะซับซ้อนแต่มันก็ไม่มีอะไรมากขนาดนั้นหรอก มันไม่ได้ซับซ้อนอะไรขนาดนั้น เขาแค่มีความรู้สึกหนึ่งถึงอี้เฟิง

เขารักหลี่อี้เฟิงมากแค่ไหน ใคร ๆ เขาก็รู้

 แต่อี้เฟิงไม่เคยแสดงออกกับเขา ไม่มีอะไรให้เขาคาดเดาได้เลย อี้เฟิงไม่เคยเปิดโอกาสให้ เพราะอะไรน่ะหรือ ?


บอกให้ได้เลยว่าหลี่อี้เฟิงคนนั้นไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว ไม่ใช่คนเอาแต่ใจ ไม่ใช่คนไม่ดี แต่เป็นห่วงเขามากกว่าใครต่างหาก



ความสัมพันธ์ของเราถึงได้เป็นแบบ ค้าง ๆ คา ๆ จนถึงทุกวันนี้ แต่บอกได้เลยว่าหยางหยางไม่เคยเปลี่ยนใจไปรักใครอยู่แล้ว


หยางหยางไม่ได้รีบไปไหนอยู่แล้ว เขายังอยู่ตรงนี้เสมอ อี้เฟิงมองเห็นเขาเสมอ เราต่างก็มองเห็นกัน เขายังมีอี้เฟิงเสมอ ข่าวอะไรที่ออกไปทางสื่อโซเชี่ยล หยางหยางคนนี้ขอให้ชื่อเสียงเป็นประกันเลยว่า โกหกทั้งเพ


มาถามเขาสิ ถ้าเขาตอบได้โดยที่ประธานบริษัทไม่ฆ่าฝังกลบเขา เขาก็จะตอบว่าหลี่อี้เฟิง


“อืม”  หยางหยางขับมาจนถึงสีแยกใหญ่ใจกลางเมืองเศรษฐกิจของประเทศ  เป็นสแควร์ที่มีแสงสีมากมาย เขาจำได้ว่าช่วงวันเกิดของเขาจะมีข้อความอวยพรวันเกิดของแฟนคลับที่ซื้อเวลาไว้มาฉายอวยพรให้ เขาก็มายืนอ่านแล้วถ่ายรูปอยู่ยกใหญ่ ปลื้มใจล่ะ เพราะสแควร์นี้เป็นสแควร์ดังของเมือง มีคนผ่านไปมานับแสนคนต่อวัน นั่นทำให้ชื่อของหยางหยางถูกเสิจเพิ่มขึ้นอีกหลังจากวันเกิด


ไว้วันเกิดของอี้เฟิงปีหน้าเขาจะโอนเงินเข้าร่วมทุนอวยพรวันเกิดในกลุ่มแฟนคลับอี้เฟิงดีกว่า เหมืนแอคเคาท์โซเชี่ยลดังก็ยังมีอยู่ สร้างเอาแอบส่องหลี่อี้เฟิงและแฟนคลับโดยเฉพาะ


“ชักคิดถึงแมวอ้วนแล้วสิ” แมวอ้วนเป็นฉายาที่เขาไว้เรียกอี้เฟิงเมื่อช่วงเวลาที่เรายังอยู่กับตามลำพังได้ ช่วงที่เราพบกันบ่อย ๆ ช่วงนั้นล่ะที่หยางหยางมีความสุขที่สุด กำลังหวานเข้าขั้นเลย ส่วนอี้เฟิงเองก็เรียกเขาว่าไอ้หมาบ้า ใช่ เวลาเขาอยู่กับอี้เฟิงแล้วก็มักจะมีความสุขเกินไปจนเหมือนคนเป็นบ้า อี้เฟิงเลยเรียกเขาแบบนั้น



ไฟแดงตรงนี้นานไปหน่อย


ใกล้วาเลนไทน์แบบนี้ ใครหลายคนก็มีความพิเศษมอบให้กับคนที่รัก แต่หยางหยางยังไม่มี เขายังคิดไม่ออกว่าจะส่งข้อความอะไรไปหาอี้เฟิง ก็ใช้ช่วงเวลาติดไฟแดงนี้คิดเอาแล้วกัน ระหว่างนี้หยางหยางก็ยกโทรศัพท์มาเลื่อนหาไอเดียดี ๆ เผื่อก็อปไปใช้จากเหวยบ๋อเอา


อี้เฟิงอัพเหวยบ๋อ ?


นานทีเขาก็จะอัพ แต่ก็เป็นข้อความถึงวันวาเลนไทน์ซึ่งเขาก็เขียนส่งให้แฟนคลับ อืม หยางหยางก็เป็นนะ งั้นเขาจะถือว่าเขาขอแบ่งความรักนี้จากอี้เฟิงด้วยแล้วกัน


“เอ๋?” คุ้น ๆ ?แฮะ ข้อความนั้น


เงยหน้าจากโทรศัพท์ไม่กี่วินาทีนั้น ก็เจอข้อความที่เขียนแทบเป็นข้อความเดียวกัน บนจอใหญ่กลางสแควร์ พร้อมลงท้ายชื่อผู้รับ และผู้ส่งข้อความ



หยางหยางจุดยิ้มทันที เมื่ออ่านจบ


และมือถือของเขาก็มีเสียงเตือนว่า มีคนโทรเข้ามานะ



“ร้อยวันพันปี คุณไม่เห็นจะโทรมาหาผม หลี่อี้เฟิง”


“นี่ไงก็ครบพันปีแล้ว ฉันถึงโทรมาหานาย และมีเวลาแค่สามนาที ก่อนที่ใครจะพบว่าฉันแอบกระซิบอยู่กับใคร “


หยางหยางหัวเราะขำ อีกปลายสายเหวใส่ ดุว่าอะไรจะมาหัวเราะให้เปลืองเวลาทำไม มีอะไรจะพูดมั้ย


“คุณรู้ได้ยังไง ว่าผมจะผ่านสแควร์ตอนเวลานี้”
“ก็ฉันเพิ่งโทรถามบอดี้การ์ดของนาย”
“ทำไมคุณกล้าขนาดนี้เนี่ย”
“เงินเลย หนาพอ ๆ กับหนังสือเรียกประวัติศาสตร์เลยล่ะ”


หยางหยางเงยหน้ามอง ข้อความที่ปรากฏตรงหน้ายังไม่หายไป เขาเลยเอ่ยเสียงกับปลายสาย คือหลี่อี้เฟิงต่อ

“แพงมากมั้ย”
“เงินหนาพอ ๆ หนังสือประวัติศาสตร์สามเล่ม”

คำลงท้ายที่เป็นชื่อที่ไว้เรียกกันเพียงสองคน แมวอ้วน หมาบ้า และก็มีชื่อแอคเคาท์ลับของทั้งเขาและอี้เฟิง แน่นอนล่ะ เขารู้อยู่แล้วว่าแอคเคาท์ของอี้เฟิงชื่ออะไร ก็เหมือนกับที่อีกฝ่ายรู้เรื่องราวของเขาดี


“คุณให้เงินพี่บอดีการ์ดของผมไป เดี๋ยวผมจะไปใช้คืนก็แล้วกัน”


ปลายสายหัวเราะกลับมา แต่ก็ยังเหมือนเสียงกระซิบ

“ไวท์เดย์สิ ขอข้อความถึงฉันแบบหวาน ๆ แล้วส่งไปลงจอตรงสแควร์นั้น แบบที่ฉันทำ ลงท้ายชื่อด้วยนะ ฉันจะรีบไปอ่านแล้วถ่ายเก็บไว้”
“ทำไมต้องทำอะไรอลังการแบบนี้ หืม อี้เฟิง”


อีกฝั่งหัวเราะอีกแล้ว ทีนี้เหมือนจะเสียงดังขึ้น เพราะชอบใจ ที่ทำอะไรให้หยางหยางประหลาดใจได้ ก็น้ำเสียงของหยางหยางระหว่างที่คุยอยู่นี้ ดูเหมือนคนที่เพิ่งถูกบอกรักใหม่ ตื่นเต้นจนแอบซ่อนไม่อยู่


“ถามมากจัง ที่ฉันไม่เคยบอกอะไรกับนายเลย ก็เก็บไว้ มาบอกเอาวันนี้แหละ ถือว่าแทนกันได้ เพราะคำบอกรักของฉันใหญ่โตเท่าบ้านเลยนะ บนจอนั่นละน่ะ”



โอเค เขาไม่ถามอะไรอี้เฟิงแล้ว ใก้ล้เวลาที่ต้องวางสายจริง ๆ ปลายสายหัวเราะอีกสองสามวิ แล้วก็บอกว่า ดูแลตัวเองด้วย

หยางหยางรับคำ แล้วต่างเงียบไปกันอีกสามสี่วินาที เพื่อฟังเสียงลมหายใจกันและกัน แล้วก็วางสายไป


บอกอีกอย่างว่า หลี่อี้เฟิงไม่ชอบบอกความรู้สึกของตัวเองด้วยริมฝีปากช่างจ้อนั้น เขาชอบสื่อผ่านการกระทำ โอเค ก็อย่างเช่นเขียนบอกเขาคำโต ๆ บนจอกลางสแควร์นั้น ซึ่งเป้นข้อความเดียวกับที่เขาเขียนบอกแฟนคลับ อะใช่ แต่ของเขาพิเศษกว่านิดหน่อย


อี้เฟิงเขียนบอกแฟน ๆ ว่า “ผมรักพวกคุณ”
ส่วนบนจอกลางสแควร์นั้น เป็นข้อความของเขาคนเดียว

“ผมรักคุณ ไม่มีวันเปลี่ยนใจ”


หยางหยางถือกับต้องจอดรถใกล้ ๆ สแควร์นั้น แล้วนั่งดูข้อความนั้นฉายอยู่นานจนหมดเวลาของมันไป เขาถ่ายรูปไว้ประมาณแสนรูปได้ล่ะมั้ง จนตอนนี้เขายังหุบยิ้มไมได้เลย


การกระทำของหลี่อี้เฟิงใหญ่อลังการสมเป็นเทพบุตรแห่งชาติจริง ๆ

คำบอกรักของเขาก็เช่นกัน

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

[SF] Into the Wood #Gradence






หืม ?

เพอร์ซิวัลเงี่ยหูฟัง หยุดการกระทำของตนเองทุกอย่าง แล้วตั้งใจ ฟัง เสียง ๆ หนึ่ง


เพลงหรือ ? เป็นเพลงที่บรรเลงด้วยการร้องอย่างไพเราะแม้เบาหวิวเหมือนเสียงกระซิบ แต่เขาได้ฟังเพราะการเป็นผู้ฟังอย่างตั้งใจ มันไม่มีทำนอง มีแค่เสียงใสเสียงหนึ่ง






นั่นทำให้เขาตามเสียง เจ้าของเสียงใสอย่างกับมีเทพสวรรค์มากล่อม 


ยิ่งเดินเข้าไป ลึกล้ำมากเท่าใด เขาก็ได้ยินชัดเจนขึ้น มากก้าวเข้าไป มุ่งสู่ป่าที่เต็มไปด้วยพรรณไม้มากมาย ทรัพยากรที่สมบูรณ์ เป็นป่าโปร่งที่แม้ไม่รกชัฏจนน่ากลัว แต่เป็นป่าที่เต็มไปด้วยแมกไม้ที่เติบโตมากมาย

“เสียงนั่น..เงียบไปหรือ ?” เพอร์ซิวัลลองเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจอีกครั้ง เสียงนั้นหายไปแล้ว เขาเลยจำต้องหยุดเท้าเพราะไม่สามารถสืบสาวหาต้นเสียงจากร่องรอยใด ๆ นอกจากเสียงใสที่ลอยมาตามลม


หืม ? เสียงใสแว่วมาอีกครั้ง เหมือนจะเปลี่ยนเพลง เพอร์ซิวัลไม่ค่อยได้ซึมซับดนตรีอะไรกับเขา วัน ๆ ก็มีแต่ทำงานหนัก ล่าสัตว์ เก็บของป่า แต่วันนี้เป็นวันพักของเขา เลยเข้ามาหาความรื่นรมย์ก็เหมือนว่าป่านี้จะเป็นที่ที่เขาจะมาตามหาความรื่นรมย์นั่นได้ แม้ไมได้หวังว่าจะได้อะไรกลับไปนักในตอนแรก แค่มาเดินทอดน่องให้อารมณ์ดี แต่วันนี้เขากลับได้รับเสียงใสที่แว่วเพลงมาตามสายลม


เขาต้องตามให้เจอ เจ้าของเสียงนี้



“ประหลาด...” เขาเจอบางอย่าง


บ้านอะไร ประหลาด ? เพอร์ซิวัลเอ่ยในใจ ความประหลาดใจนี้กลบความกระหายใคร่รู้ของเขาหมดสิ้น เพราะว่าบ้านหลังนี้ประหลาด ความคิดเขา บ้านมันต้องเนบ้านมากกว่านี้ แต่นี่ กลับเหมือนกล่องสีเหลี่ยมที่มีจั่วหลังคา แต่กลับมีประตู ? หรือหน้าต่างกัน ? มีแค่ช่องขนาดไม่กว้างนัก พอให้เด็กโตเข้าไปได้ ส่วนเขาที่เป็นหนุ่มฉกรรจ์ล่ำสันด้วยกล้ามเนื้อ ไม่มีทางผ่านไอ้เจ้าช่องนี้เข้าไปได้แน่ ๆ หรือถ้าเป็นสาวน้อยสโอดสะองค์หน่อยก็พอเข้าไปได้ บ้านหลังนี้ทำจากไม้ ไม่ใหญ่มากนัก พออยู่แค่หนึ่งหรือสองคน กินพื้นที่ป่าไม่เท่าไหร่ เป็นกระท่อมก็เรียกได้ แต่มันแข็งแรงกว่านั้น


“เสียงนั้น....” ต้นเสียงมาจาก ...บ้านประหลาดหลังนี้



และเมื่อเขาอุทานออกมาจากปากตน เลยทำให้ต้นเสียงใสนั้นเงียบไปแล้ว ..เพอร์ซิวัลยกมือตีปากตนเองหนึ่งครั้ง แล้วหุบปากสนิท เงี่ยหูฟังใหม่ เผื่อจะได้ยินอีกครั้ง เจ้าของเสียงเอ๋ย โปรดร้องอีกครั้งเถิด ผมอยากฟัง


อย่างน้อยวันนี้ วันว่างของเขา ก็ได้มีโอกาสได้ฟังเสียงเพราะ ๆ นี้ เสียงที่ฟังครั้งแรกก็หลงใหล จนต้องตามหาผู้ที่เปล่งมันออกมา

ไพเราะจริง ๆ



เสียงเพลงหายไปแล้ว... เพอร์ซิวัลนึกเสียดาย



“..นั่น...คุณแม่หรือครับ ?” 


เพอร์ซิวัลได้ยินเสียงหนึ่งกล่าวประโยคนั้น จากที่ไหนซักแห่ง แต่เมื่อตั้งใจฟังแล้วก็พบว่าเสียงนั้นออกมาจากบ้านประหลาดหลังนั้น เขาเดินเข้าไปใกล้ช่องเล็กเท่าหน้าต่างแม้คล้ายประตูนั่น แล้วโน้มตัวไปมอง เผื่อจะเห็นอะไร


แล้วใช้มือหนาเคาะช่องเล็กที่กั้นภายนอกภายในด้วยกระจกใส เหมือนว่าจะมีม่านสีเรียบกั้นอยู่ แต่กระจกถูกเปิดรับลมเอาไว้ ม่านจึงพลิ้วไหวอยู่เนือง ๆ เขาได้ยินความเคลื่อนไหวจากในนั้น  ซึ่งคงเป็นมนุษย์ซักคนที่อยู่ในนั้นพิจารณาแล้วก็น่าจะเป็น


“เห้ย!
นั่นเสียงของเพอร์ซิวัลเอง เพราะตกใจที่จู่ ๆ ก็มีบางอย่างเปิดม่านออกมา สิ่งนั้นแอบอยู่หลังม่าน



“ผู้หญิง ?!” ใบหน้าหวานนั้นง้ำงอทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น แล้วก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบเฉย



งามอะไรอย่างนี้ เขาคิด ชายหนุ่มจึงเผลอจ้องอย่างเสียมารยาท สบตากับเจ้าของใบหน้านั้น แล้วนิ่งตะลึงไป เสียงที่พูดนั่นเขาเดาว่าผู้ชายและกำลังคิดแผนแล้วว่าหากเป็นคนประหลาดเหมือนเจ้าบ้านประหลาดของเขาจะทำอย่างไรกับคน ๆ นั้น แต่ทันใดก็กลับกลายเป็นใบหน้าหวานสวยราวกับเทพธิดา นางไม้หรือ ? เขาจ้องมองใบหน้านั้นดั่งถูกมนต์สะกด

“...คุณเป็นใครครับ” ได้ทีเจ้าของใบหน้าหวานนั้นส่งเสียงใส ถามออกมาอย่างซื่อ ๆ ชายหนุ่มตรงหน้าช่องเล็กนั้นสะดุ้งตัวแล้วจึงได้สติ หลังจากที่ต้องมนต์ไปนาน เพราะใบหน้านั้น


“เพอร์ซิวัล เกรฟส์”  เขาบอกชื่อเสียงเรียงนามกับเจ้าของใบหน้าหวานที่อยู่ในบ้านประหลาดนั้น คุณในนั้นพยักหน้าช้า ๆ

“มากับคุณแม่หรือ ?  ไหนคุณแม่ล่ะครับ ?”
“ผมมาคนเดียว”

คุณในบ้านนั้นมีสีหน้าเปลี่ยน กลับกลายเป็นประหวั่นคนแปลกหน้าอย่างเพอร์ซิวัลแล้วถอยหลัง ถอนใบหน้าออกจากบานกระจกของช่องเล็ก

“เอ่อ ขอโทษ ฉันแค่เดินหลงมาเรื่อย ๆ จนมาถึงนี่...แค่ตามเสียงของเธอมา..”

เพอร์ซิวัลยิ่งมั่นใจมากขึ้นทันทีที่ได้สบตากลมโตใสบริสุทธิ์ดุจแก้วและใบหน้าหวานที่น่ารักนั้น อา..ใช่ เขาเป็นผู้ชาย ก็เมื่อครู่นี้ เมื่อเขาร้องทักอย่างตกใจว่าผู้หญิง เจ้าของใบหน้าหวานนั้นง้ำงอไม่ชอบใจ ..เขาเป็นผู้ชายหรือ

งามนัก

“คุณหลงมา?”
“  ใช่ฉันหลงมา ตามเสียงของเธอมา..มันเพราะมากเลยนะ เพลงของเธอ แม้ฉันมันเป็นพวกคนเถื่อน ฟังเพลงอะไรก็ไม่ซาบซึ้งใจอะไรกับเขาก็เถอะ..อาใช่ เว้นแต่เสียงเพราะ ๆ ของเธอ”

อะไรที่ดลใจทำให้เพอร์ซิวัลพูดอย่างนั้นไม่ทราบ แต่นั่นเป็นความในใจที่กลั่นมาทันทีเมื่อพบเจ้าของเสียงที่แค่ได้ฟังไม่กี่วินาทีก็กลับทำให้เขาต้องเดินตามหาเจ้าของมัน เมื่อพบแล้ว ถือว่าเขาเป็นผู้ชมที่ชื่นชอบได้หรือไม่?

“เอ่อ...” เขาเป็นคนแปลกหน้า เพอร์ซิวัลมองคนที่อยู่หลังบานกระจกที่อยู่ภายใน  ร่างนั้นแม้ดูบอบบาง ตัวเล็กเมื่อมาอยู่หน้าบานกระจกของช่องเล็กเพียงช่องเดียวของบ้านประหลาดนี้ ทำให้เพอร์ซิวัลมองไม่เห็นภายในของบ้านเท่าไหร่ เพราะร่างนี้บังไว้ช่องนี้ก็เล็กเพียงบานหน้าต่างเล็ก ยังนับเป็นประตูไม่ได้เลย
“ครับ ?”
“อยากฟังเพลงของเธอ..อีกได้มั้ย”

คุณในบ้านหลังนั้นส่งสายตาไม่ไว้ใจ อะไรของเขานะ ? ราวกับคุณเขาจะพูดแบบนั้น แต่เพอร์ซิวัลก็นั่งอยู่ตรงริมขอบช่องเล็ก ๆ นั่น แล้วเตรียมเป็นผู้ฟังที่ดี เขาไม่ค่อยทำตัวมีมารยาทแบบนี้เท่าไหร่ แต่ตอนนี้เขาปฏิบัติตัวราวกับใส่สูทไปนั่งฟังโอเปร่าในโรงละครใหญ่ใจกลางเมือง

“ไม่ได้หรือ?” เขาถามแต่น้ำเสียงเหมือนอ้อนวอน ใบหน้าหวานขมวดคิ้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วเงยหน้ามาสบตาเพอร์ซิวัล ทำให้ใจชายหนุ่มวูบไหวเหมือนถูกดึงไป ตกหลุมอย่างจัง หลุมนั้นคือหลุมรัก สายตากลมโตแสนน่ารักนั้นทำให้เขาไม่ละสายตาจากใบหน้านี้เลย

“ถ้าหากคุณแม่ของผมมา คุณจะต้องรีบไปเลยนะ” เจ้าของใบหน้าหวานบอกเช่นนั้น เขารีบพยักหน้า ไม่ว่าเงื่อนไขใดเขาก็รับหมด ขอแค่ได้ฟังเสียงเพราะ ๆ นี้กับได้มองใบหน้าหวานนี้ก็เพียงพอแล้ว




เครเดนซ์ แบร์โบน  หลังจากวันแรกที่เพอร์ซิวัลบังเอิญได้ยินเสียงสวรรค์จากในป่า เขานั่งฟังอย่างเพลิดเพลินใจ ชื่อนี้ก็ตราตรึงใจไปตลอด โดยเขาจดจำในความทรงจำภายใต้ความงดงามของเสียงไพเราะ และใบหน้าหวานงดงามจนไปถึงดวงตาที่สะกดเขาไว้ตั้งแต่แรกได้มองกันและกัน

“เพลงใหม่หรือ ?”
“ผมจำได้ เลยฮัมให้คุณฟัง”

เพอร์ซิวัลมาอีกครั้งที่บ้านประหลาดหลังนี้ มาฟังเพลงอันไพเราะ และปฏิบัติตัวอย่างมีมารยาทเพื่อเป็นผู้ฟังที่ดี แม้ว่าเขาจะสงสัยบางอย่าง ทำไมหนุ่มน้อยคนนี้ต้องมาอยู่ในบ้านนี้ หรือว่าทำไมบ้านนี้ประหลาดนัก และทำไมเขาไม่คิดจะออกมาจากบ้าน แม้เพอร์ซิวัลจะล่วงลวงใจเด็กหนุ่มที่คิดว่าน่าจะเด็กกว่าตนถึงสองรอบว่ามีแสงสีที่น่าจะทำให้เด็กหนุ่มที่เติบโตได้ไม่นานบนโลกต้องสนใจใคร่รู้ เมื่อเล่าให้ฟังเกริ่นให้เจ้าของเสียงสวรรค์ฟัง แม้แววตานั้นดูวาววับเปล่งประกายความใคร่รู้เต็มไปหมดจะฉายมา แต่ก็ส่ายหัวแทนคำตอบแล้วบอกไม่ได้หรอก

“ฉันพาเธอออกมาได้ แต่เธอเคยลองหรือยัง”
“พยายามแล้ว แต่ผมออกไปไม่ได้หรอก ...” เสียงนั้นหยุดไป เพอร์ซิวัลคิดว่าเครเดนซ์น่าจะมีบาดแผลในใจมากมายเพราะแม่ของเขาที่ดูแล้วก็ไม่ใช่แม่ที่ดีเท่าไหร่ การที่ปล่อยลูกไว้คนเดียวในบ้านประหลาดแบบนี้ก็ไม่น่าจะเป็นคนดีแล้ว
“บานประตูช่องเล็ก ๆ นี้เธอลองพยายามออกมาหรือยัง”
“มันเล็กเกินกว่าตัวผม ก่อนหน้าก็ออกไปได้นะ แต่พอออกไป แม่จับผมได้ก็บอกว่า ห้ามออกไปอีก”
เพอร์ซิวัลพยายามลอบมองเข้าไปในบ้าน แต่เหตุใดไม่ทราบ เขาเห็นเพียงแค่สีขาว หลังเด็กน้อยก็น่าจะเป็นผนังห้องหรือ ? พื้นก็เป็นพื้นไม้ แล้วก็เห็นแค่นั้น เขาไม่กล้าถามอะไรเด็กมาก ยิ่งถามไปเด็กน้อยยิ่งดูกลัวไปหมด เขาเองก็กลัวจะกระทบใจเด็ก พยายามทีละน้อย ค่อย ๆ ถามตะล่อมไป น่าจะดีกว่า ไม่ควรฝืนกัน อยากให้เขาออกมาเอง โดยใจที่อยากออกมา และไม่กลัวอยู่อย่างนี้
“ คุณแม่คงไม่ชอบใจ “ เครเดนซ์บอกเพอร์ซิวัลเช่นนั้น และเมื่อเขาพูดถึงคุณแม่ เขาจะเงียบและไม่พูดใด ๆ ต่อเหมือนแม่ของเด็กหนุ่มน่ารักคนนี้จะดุไม่น้อย
“ถ้าแม่เธอมา ฉันจะช่วยกล่อม”
“ไม่ได้หรอกครับ”  ก็ปฏิเสธอีก แม่ของเด็กหนุ่มจะใจแข็งขนาดนั้นหรือ ดูจากในบ้านแล้ว ไม่มีใครอยู่เลย นอกจากเครเดนซ์ที่นั่งอยู่ตรงช่องเล็กๆที่กั้นด้วยกระจำนี้ ไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวใด ๆ ภายในบ้าน แล้วบ้านประหลาดนี้ก็อยู่ลึกมาจากเมืองพอสมควร เธอขังเครเดนซ์ไว้หรือ ล่ามไว้ด้วยหรืออย่างไร ?

เครเดนซ์ที่ได้ฟังคำถามนั้น ตามที่เพอร์ซิวัลคิด ก็ตอบกลับมาว่า “ไม่หรอกครับ” เขาพูดหน้าเศร้าเหมือนแบกโลกไว้ แม้เป็นเช่นนี้เขาก็ยังปกป้องแม่ใจร้ายงั้นหรือ

อืม

ไม่ได้วันนี้ไม่เป็นไร ทีนี้เขาก็คิดได้แล้วว่า เครเดนซ์อาจจะถูกแม่ขังไว้ก็ได้ แต่เด็กน้อยกลัวเกินกว่าจะฝืนคำสั่งแม่แล้วออกมา ก็เขายังเด็กอยู่มาก เลยวัยเด็กเล็กมาเท่าไหร่กันเอง ยังไม่โตเต็มวัยหนุ่มดีด้วยซ้ำไป เด็กน้อยที่ไม่เคยพบกับใคร บ่อยที่สุดก็คือแม่ตัวเองนั้น แม่ของเขาก็น่าจะเป็นโลกทั้งใบและก็น่าจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกของเขา


เพอร์ซิวัลจะพาเด็กคนนี้ออกมาจากบ้านน่าเศร้านี้





“เอาขนมมาให้ด้วย” อีกวัน เพอร์ซิวัลก็เข้าป่ามาหาอีก วันนี้เขาพกของกินที่คิดว่าเด็กน่าจะชอบ พร้อมทั้งอุปกรณ์ในการนั่งนาน ตั้งแต่เสื่อพร้อมอาหารเย็น เขาตั้งใจจะอยู่กับเครเดนซ์จนถึงเกือบค่ำ นอกจากฟังเพลงแล้ว เขาก็อยากจะกล่อมให้เด็กหนุ่มมีใจจะออกมาจากบ้านหลังนั้น แม้ก่อนหน้าจะตั้งใจพูดตะล่อมอยู่นานมากแต่เครเดนซ์ก็ไม่ตอบรับแต่อย่างใด อย่างน้อยเขาก็อยากจะพาเด็กหนุ่มออกไป จะให้เข้าไปมั้ย ? เขาถามกลับไป อย่างน้อยออกมาไม่ได้ ก็แค่ไปนั่งเป็นเพื่อน แม้เขาจะหวังบางอย่างอยู่ก็ตาม แต่เครเดนซ์ก็ตอบว่าไม่ได้อีกเหมือนกัน “แม่จะรู้” เขากลัวแม่เหลือเกิน แม่ของเขาใจร้ายขนาดไหนกันนะ ที่ให้เด็กที่น่าสงสารอยู่บ้านประหลาดที่ดูเศร้าสร้อยนี้คนเดียว มันไม่เหมาะกับคนที่งดงามอย่างเด็กหนุ่มใบหน้าหวาน เสียงใสคนนี้เลย เครเดนซ์ควรจะออกไปพบแสงแดดที่เจิดจ้า ซึ่งเหมาะกับรอยยิ้มที่ฉายอยู่ใบหน้าของเขาตอนนี้ อย่างที่เพอร์ซิวัลมองอยู่

“เธอน่ารัก” เพอร์ซิวัลเผลอชมไปอย่างหลุดปาก แต่นั่นมาจากทั้งหมดจากใจของเขา เครเดนซ์ยิ้มหวานออกมาขวนเขินปิดไม่มิด เขาคิดว่าเด็กหนุ่มคงไม่ได้พบใครมากนัก นอกจากแม่ตัวเอง และตอนนี้ก็มีเขาเพิ่มเขามาอีกคน เพราะความไร้เดียงสา ทั้งด้วยวัยและเหมือนจะเป็นนิสัยของเครเดนซ์ด้วย ความเขินที่น่ารักที่แสดงออกมาให้เพอร์ซิวัลเห็นทำให้เขาอยากสัมผัสเด็กคนนี้มากขึ้นไปอีก จากเพียงแค่ได้สบตา ตอนนี้เขาอยากจูบคนที่อยู่ตรงหน้าที่มีกั้นกลางเพียงแค่กระจกบางด้วยซ้ำ แต่เพอร์ซิวัลไม่อยากบังคับใจ

“เธอยิ้มสวยมากจนฉันคิดว่าเธอเป็นเด็กสาว”
“อยากลองพิสูจน์มั้ยล่ะครับ”

เพอร์ซิวัลถึงกับทำขนมที่จะยื่นให้เด็กน้อยเพิ่มตกลงพื้นดินที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้ง เขาเบิกตากว้างมองใบหน้าที่น่ารักนั้นขึ้นสี จะพิสูจน์อย่างไร จะยอมให้ฉันเข้าไปแล้วหรือ ? หรือจะยอมออกมา โดยที่เธอจะฝ่าฝืนคำสั่งแม่ที่เธอตั้งใจปฏิบัติตาม ? เขาคิดไปเรื่อย

เด็กหนุ่มจากในบ้านประหลาดยื่นมือออกมาผ่านหน้าต่างช่องเล็ก ๆ ที่พอได้มองแค่ช่วงบนประมาณอกของเขาไล่ขึ้นไปจนถึงใบหน้าน่ารัก แขนเล็กราวกับคว้าไว้แล้วจะหักคามือ ดูบอบบางเหลือเกิน อย่างที่เขาวาดไว้ในใจ เพอร์ซิวัลกระด้างที่จะยื่นมืออันหยาบกร้านเพราะผ่านงานหนักมา แต่เขาก็ยื่นมือไปคว้ามือบอบางที่แสนนุ่มนิ่มเหมือนไม่ได้คว้าจับงานใด ๆ แม้ตามแขนเล็กจะมีรอยจ้ำช้ำบ้าง ให้เขารำคาญใจ แม่เด็กทำร้ายเขาด้วยหรือ ?


“พิสูจน์ได้นะ..” เครเดนซ์บอกแล้วจึงดึงมือเพอร์ซิวัลให้ผ่านหน้าต่างบานเล็กนั้นเข้าไปในบ้านประหลาด


สัมผัสจากมือข้างนั้นของเพอร์ซิวัลที่ได้รับ จุดความรู้สึกบางอย่างทำให้เขาเพ้อไปไกล สัมผัสนั้นคือผิวนุ่มลื่นมือ ซึ่งรู้ว่าส่วนที่เขาสัมผัสนี้อยู่ใต้ร่มผ้า ลากผ่านทุกส่วนอย่างช้า ๆ ยิ่งทำให้เขาคิดเตลิด

“อ๊ะ...” เครเดนซ์ครางเสียงหลงออกมา นั่นทำให้เขารู้ว่ามือสากของเพอร์ซิวัลลากผ่านจุดสำคัญ ยอดอกที่เริ่มคุ้นมือ เพราะเด็กหนุ่มใช้มือของเขาลากวนผ่านจุดนั้นถี่ขึ้น และเพอร์ซิวัลเองก็เริ่มทำตามอารมณ์ บังคับให้มือตนย้ำอยู่จุดนั้น เขารู้แล้วว่านี่เป็นจุดอ่อนไหวของเด็กหนุ่ม เพอร์ซิวัลครางฮืมในลำคอบ้าง เขาเองก็รู้สึกถึงจุดนั้นรำไรมาแต่ไกลแล้วเหมือนกัน 

“อืม..” เป็นเสียงหวานอีกรอบที่ครางเสียงต่ำออกมา หลุดออกมาจากริมฝีปากสวยที่มักจะเปล่งเสียงสวรรค์ให้เขาฟังเสมอ ได้อารมณ์ยิ่งนัก เสียงครางนี้ยิ่งเพราะกว่า เขาคิดอยากทำมากกว่านี้ มือเขาไปถึงสวรรค์แล้ว เพราะได้สัมผัสเนียนนุ่มไล้ไปตามผิวของเครเดนซ์ ความคิดเขาโลดแล่นไปไกล เพอร์ซิวัลขยับนั่งให้ตัวชิดกับผนังบ้าน ใกล้หน้าต่างมากที่สุด เขาขอมองใบหน้าหวานให้เต็มตา

“เปิดกระจกให้สุดบานได้มั้ย”

เครเดนซ์หยุดอารมณ์ไว้ แม้เหมือนถูกขัดใจหน่อยเพราะกำลังอารมณ์กรุ่นได้ที่แต่ก็ทำตาม กระจกที่กั้นทั้งคู่ไว้ ถูกเปิดจนสุดจากที่เปิดไว้ให้เพียงแค่ได้ยินเสียงและยื่นมือไปสัมผัสกันได้ เพอร์ซิวัลยื่นใบหน้าให้ใกล้ที่สุด แน่นอนเครเดนซ์ก็เหมือนถูกดึงดูดเหมือนกัน  ทั้งสองใกล้กันจนปลายจมูกประชิดมือที่ถูกยึดไปก่อนหน้า เพอร์ซิวัลใช้มันประคองใบหน้าหวานไว้


“เธอน่ารักจัง เด็กน้อย”
“คุณชอบผมมั้ย ?”
“อืม แน่นอน”
“ผม..นอกจากแม่ตอนนี้ก็มีคุณ คุณเพอร์ซิวัล “


เครเดนซ์ยิ้มน้อย ๆ ออกมาให้เพอร์ซิวัลนึกเอ็นดู หัวใจเขาแกว่งเป็นลูกตุ้มนาฬิกา แบบนี้เหมือนคนใกล้ตายชัด ๆ หัวใจเต้นแรงเพราะรอยยิ้มไร้เดียงสาเมื่อครู่ของเด็กหนุ่มที่เพิ่งพ้นวัยเด็กเล็กมาไม่นาน  ใบหน้าของชายหนุ่มแม้ปกคลุมไปด้วยเคราครึ้มดูน่าเกรงขาม แต่จังฉายความหล่อเหลาเต็มพิกัดของเพอร์ซิวัลไว้ เครเดนซ์มองชายหนุ่มตรงหน้า เขาหลงใหลเข้าให้แล้ว ทั้งคู่ต่างหลงใหลกันและกัน
“อืม” จูบแรกที่เพอร์ซิวัลมอบให้เด็กน้อย ความไร้เดียงสาไม่รู้จักตัณหาของผู้ใหญ่ รสชาติเป็นเช่นนี้หรือ เพอร์ซิวัล เขากำลังจูบเครเดนซ์ผ่านหน้าต่างบ้านประหลาด ฉากแรเป็นการประทับจูบสร้างความคุ้นเคยจากคนหยาบอย่างเขา เด็กน้อยรับจูบไว้ อีกครู่ก็เปลี่ยนเป็นร้อนแรงยิ่งขึ้น ลิ้นร้อนลากผ่านไรฟันเด็กน้อยให้เขาเปิดทางและสบายมาก เครเดนซ์เปิดทางให้เข้าไปชิมลิ้มลองน้ำหวานจากเขา ลิ้นเรียวลิ้นร้อนแลกความหวานกันไม่รู้จะเหน็ดเหนื่อย เสียงอืมอาให้ลำคอสลับกันให้ต่างคนต่างฟัง เสียงจูบดังจนน่าอาย เพอร์ซิวัลเอียงคอปรับมุมให้จูบได้ดียิ่งขึ้น

“อืม” เด็กหนุ่มที่เขาหลงใหลเสียงในวันนั้น กลับกลายเป็นตกหลุมรักอย่างหมดใจ เขาหลงใหลเสียงใส ๆ แต่ที่สุดรอยยิ้มไร้เดียงสาและดวงตากลมโตที่ช้อนมองเขาอยู่ตอนนี้ หวั่นใจเป็นอย่างยิ่ง เพอร์ซิวัลรู้สึกเหมือนคนใกล้ตายเพราะใจเต้นแรงเข้าไปทุกที เขาถูกละลายใจเพียงแค่ยิ้มเดียว

“คุณเพอร์ซิวัล..” เสียงเครเดนซ์เอ่ยเรียกชายหนุ่มที่เพิ่งมอบจูบให้ หลังจากถอนจูบออกมา ต่างคนต่างโกยอากาศให้ตัวเองหายใจหายคอให้ทัน น้ำลายหยดน้อยยังหวานแต้มที่ตรงริมฝีปากอิ่มแดงเพราะจูบร้อนแรงเมื่อครู่ จูบหวานนักเหมือนแอปเปิ้ลในน้ำเชื่อม ที่เขาเอามาฝากเด็กน้อย ดวงตานั้นจ้องมองเขาเหมือนกันเหมือนกับที่เขามองอยู่ เราต่างก็ขวยเขิน แต่ก็ยังสบตากันอยู่ เครเดนซ์ยิ้มออกมาก่อนเก้อเขินอย่างกลั้นไม่อยู่ มือเล็กยื่นออกมาด้วย เหมือนตั้งใจจะทำอะไร

“คุณ..น่ารักจัง”  เด็กน้อยของเพอร์ซิวัลเอ่ยชมเขาด้วยคำที่ไม่น่าจะเหมาะกับเขาเลย แต่เขาจะรับไว้หากเครเดนซ์มอบให้ เด็กน้อยยื่นมือเล็กที่แสนบอบบางเปรียบเหมือนดินสอวาดไปตามโครงหน้าของชายหนุ่ม เขาเอียงใบหน้ารับสัมผัสน้อย ๆ นั่นจนเมื่อปลายสุดของสัมผัสมาจุดที่ริมฝีปากหยักของเขา นิ้วโป้งของเครเดนซ์หยุดตรงริมฝีปากล่าง นิ้วโป้งของเครเดนซ์ลากช้า ๆ ไล้ไปริ้วริมฝีปากของชายหนุ่ม เสียงใสร้องฮืมให้คอ จุดให้เพอร์ซิวัลมีอารมณ์อย่างยิ่ง จนเมื่อพอใจ นิ้วโป้งนั้นก็กดแรงเข้าไปเล่นกับไรฟันของเพอร์ซิวัลให้เขางับมันเข้าให้


“อ๊ะ”

มือใหญ่อีกข้างคว้ามือเล็กบอบบางนั้นไว้ เขางับนิ้วโป้งนั้นเข้าไป ใช้ลิ้นตวัดนึกถึงบางอย่างใต้ร่มผ้าของเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาแต่ยั่วยวนใจเขา



“อืม” เสียงครางอย่างได้อารมณ์ของเพอร์ซิวัลทำให้เครเดนซ์เผลอครางตามไปด้วย




หืม ? เพอร์ซิวัลรู้สึกถึงความประหลาดภายในตัว



เขาเหลือกตามองร่างตรงหน้า รอยยิ้มนั้นมีความเปลี่ยนแปลง









“อ๊ะ...อา อืม..” เพอร์ซิวัลลืมตาขึ้นมา เขารู้สึกตัว ภายหลังจากที่รู้สึกประหลาด และภาพสุดท้ายที่เห็นคือรอยยิ้มของเครเดนซ์ที่ต่างไปจากเดิม

และตอนนี้ที่เขารู้สึกเพิ่มขึ้นมาคือความต้องการที่พุ่งทะยาน วูบโหวงในท้องจนจวนเจียนจะปลดปล่อย มีคนทำอะไรกับร่างกายเขา

“พอต้องการ ก็ขยายใหญ่ขนาดนี้ คุณเป็นคนแรกเลยนะ ที่เข้าไปในตัวผมจนสุดทาง อืม...”


เครเดนซ์!

“เครเดนซ์!?”  แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน กลิ่นมันช่างชวนคลื่นไส้ ไม่ได้เหม็นจนทนไมได้ แต่มันเวียนหัวจนไม่อยากอยู่ต่อ แต่ความต้องการมากมายทำให้เขาอ่อนแรง และเด็กน้อยที่เขาหลงใหลขย่มร่างตัวเองอยู่บนตัวเขา แล้วก็ยังเอาของ ๆ เขาสอดใส่ในร่างกายเล็ก ๆ บอบบางนั่นเข้าไป เสียงครางสุขสมร้องระงมอย่างเป็นสุข

“อา...ลึกจัง “  เครเดนซ์เอ่ยอย่างล่องลอย


ทำไม ...มันเกิดอะไรขึ้น



“ทำหน้าตาเหลอหลาตลกจังคุณ ก็ที่นี่ไง ที่ที่คุณอยากพาผมออกไป หรือที่ที่คุณอยากจะมาอยู่กับผมกันนะ “

เด็กน้อยเลิกขย่มอารมณ์สุดยอดบนร่างของเพอร์ซิวัลแล้วบอกเขา เขาเพิ่งใช้สายตาสังเกตตัวเอง น้ำสีขาวขุ่นเปรอะเปื้อนปริมาณไม่น้อย ไม่รู้ของใครเป็นของใคร แต่มันมากพอที่จะทำให้รู้ว่า เขาเป็นสิ่งปรนเปรอร่างตรงหน้านานพอสมควร ใบหน้าหวานตอนนี้ ยิ้มเหยียดดูร้ายกาจ ใบหน้านั้นเปื้อนคราบขาวเช่นกัน เลอะเทอะไปจนถึงเส้นผม มือเล็กรู้ว่ามันเลอะไปถึงตรงไหนก็ปาดมันมาลากลิ้นชิม

“อร่อย..ของคุณ..น่ะอร่อยดี”  บอกได้อย่างไม่รู้สึกเขินอายแต่อย่างใด ...เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่านี่เป็นฝัน หรือความจริง เพราะความจริงที่เขาเห็นคือ เครเดนซ์ผู้แสนเขินอายและขี้กลัวนั้นต่างหาก

แสงในที่ที่เขาอยู่ไม่ค่อยมี เพอร์ซิวัลจึงมองเห็นแค่เพียงลาง ๆ กลางคืนแล้วหรือ ? เขาตั้งใจจะกลับไปบ้านก่อนค่ำ แต่วันนี้มันเลยมาแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ?


“ในบ้านประหลาดที่คุณคิดนั่นล่ะ จะคิดไปไหนกัน จะมีที่ไหนที่คุณอยากไปอีก ไม่ต้องคิดมากแล้ว ชอบผมก็อยู่..กับผมเนอะ”

 เสียงแว่วหวานสุดท้ายมากระซิบข้างหู ใบหน้านี้หวานจับใจจริง ๆ แต่ตอนนี้เพอร์ซิวัลรู้สึกกลัวขึ้นมา


ทำไมเขาถึงสติขาดหาย ความต้องการก็ยังไม่ลดลง ทั้งที่เห็นอยู่ว่าถูกปลดปล่อยทั้งที่ไม่รู้ตัวไปเท่าใด


เขาขยับไม่ได้



“อยู่กับผม ที่นี่นะ” เสียงหวานเว้าวอนอีกครั้ง ทีนี้ร่างตรงหน้ากลับมาเป็นเครเดนซ์ที่เขาเจอเป็นครั้งแรก ทำให้เขารู้แล้วว่าทั้งหมดนั้นมันโกหก



แสงจันทร์สาดส่องลอดช่องหน้าต่างเล็กที่เราจูบกันก่อนหน้า ค้างอยู่นาน ทำให้เขาเห็น



..เพอร์ซิวัลตัวแข็ง จากที่แค่รู้สึกกลัว แต่ตอนนี้จับจับใจ



แม่ที่ไหนกัน นั่นร่างผู้หญิงใช่มั้ย ? มีชุดผู้หญิงกองอยู่ไม่ไกลจากที่เขานอนอยู่ มีโครงกระดูก แล้วพร้อมเครื่องประดับ ไล่ไปแล้วก็เหมือนส่วนคอที่คล้องสร้อยไว้ เขาไล่สายตาไปอีก มือเครื่องมือประหลาดที่เขาไม่รู้จัก และไล่ไปจนเขารู้จัก มันคือเครื่องมือทรมาณมนุษย์ และรวมไปถึงเครื่องมือบำเรอกามราคะ จากนั้นแสงจันทร์ก็ถูกเมฆบดบังไป


เขาหลงมาอยู่ที่ไหนบนโลกกัน


“แกมัน...”

ยิ่งกลัวจับใจ เขาก็เปลี่ยนสรรพนามให้ร่างตรงหน้าหยาบคายมากขึ้น เครเดนซ์ไม่ยี่หระใด ๆ เลย แล้วเริ่มขย่มอารมณ์ตัวเอง สอดใส่ให้ตัวตนของเพอร์ซิวัลเข้าไปให้ลึกถึงใจกลางอารมณ์ของร่างเล็กอีกครั้ง ส่วนนั้นของเครเดนซ์ชูชันสู้อยู่ ไม่ไกลจากใบหน้าของชายหนุ่ม รู้เลยว่าความต้องการมากแค่ไหน ทำไมเขาถึงไร้แรงเช่นนี้


นิ้วโปงที่กดเข้าปากเขา เขาใช้ลิ้นตวัดเลีย...มันอาบยา


“รู้ตัวช้าจัง ฉันน่ะผสมยาเก่งน่ะคุณเพอร์ซิวัล แรงทีเดียวล่ะ อะไรบ้างก็แยกเอาเองนะ” เครเดนซ์ที่เปลี่ยนไปพูดเสียงใส กระเส่าเร่าร้อนเพราะอยู่กับความหรรษาในแรงอารมณ์ของตน เพอร์ซิวัลก็ปลดปล่อยตามไป ก็ในเมื่อถูกกระตุ้นด้วยท่าขย่มและช่องทางที่สอดจนสุดบีบรัดให้เขาปลดปล่อยมาไม่ขาดสาย เริ่มเหนื่อยอ่อนอีก

“อา..”

เพอร์ซิวัลหมดแรงจะพูด เขาคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะไปจากที่ประหลาดและเด็กประหลาดคนนี้ เขาตกหลุมพรางแล้ว เห็นเครื่องน่ากลัวเหล่านั้น พร้อมโครงกระดูกผู้หญิง เขาก็หวั่นใจ แถมตอนนี้เขาขยับร่างไม่ได้ และรู้แล้วว่าถูกตรึงไว้กับเตียงนอนแคบ ๆ สำหรับหนึ่งคน เขาลองสาดสายตาไปอีกครั้ง เมื่อแสงจันทร์พาดหน้าต่างมาใหม่


“..นั่น..”
“คนพวกนั้นก็มาอยู่กับผมตั้งนานแล้ว แต่พวกเขาด่วนจากไปก่อนน่ะซี่ คุณก็อย่ารีบตามพวกนั้นไปนะ”



ศพมนุษย์..



เพอร์ซิวัลตัวแข็งราวกับถูกแข่งเย็น ความกลัวแล่นริ้วไปถึงสมองยันสันหลัง เขาเริ่มดิ้นจนเครเดนซ์ต้องใช้มือที่มีเล็บคมข่วนบนใบหน้าหล่อให้เจ็บแสบ

“โอ๊ย”

ชายหนุ่มมากหน้าหลายตาที่เขาเคยได้ข่าวว่าหลงป่าและหายตัวไป...มาอยู่ที่นี่ มาเป็นศพที่นี่เองหรือ เขานึกอยู่นานว่ากลิ่นคลื่นเหียนนี้มาจากไหน ก็คงกลบกลิ่นจนตีกันมั่ว จำนวนศพนั้นไม่น้อยเลย ทั้งหมดนั้นล้วนเปลือยกายทั้งสิ้น ส่วนนั้นของชายหนุ่มทั้งหลายถูกตัดออกไปบ้าง มีแผลบ้าง ศพบางคนเหมือนถูกเฆี่ยนตี บางคนอวัยวะไม่ครบสามสิบสอง บางคนใบหน้าถูกรีดยับ บางคนหัวขาดหายไป...


“ก็ลองหลายวิธี เผื่อจะสนุกขึ้นมาไง แต่น่าเบื่อจะตายไป บางคนอยู่แค่แป๊บเดียวไม่ทันข้ามวันก็ตายซะละ” เครเดนซ์บอกเสียงใส เสียงนั้นเหมือนเสียงที่เขาหลงใหล เสียงสวรรค์ที่เขาได้ยินจากที่ไกล ๆ และเขาถูกเสียงนั้นดึงดูดมาใกล้ แต่ตอนนี้เขามาใกล้เกินไป ใกล้นรก


“อ๊ะ...อ๊า” เครเดนซ์ครางหยาดสุดท้าย ปลดปล่อยอารมณ์ออกมา จากนั้นร่างเล็กเปลือยก็ลุกและดึงแกนกายของเพอร์ซิวัลถอนออกไปจากตัวเอง เพอร์ซิวัลต้องตกตะลึงเมื่อพบว่ามีอุปกรณ์บำเรอกามครอบทับส่วนหัวของเขา มิน่าทำให้ถึงรู้สึกแปลกและอึดอัด


“นั่นแค่ของเล็กน้า คุณเพอร์ซิวัล เรามาลองของใหม่กัน” เสียงหวานพูดจบก็ฮึมฮัมเพลงโปรดที่เขาพร่ำบอกเครเดนซ์คนนั้นคนที่เขาหลงรัก แต่ตอนนี้ตรงหน้าเขาไม่ใช่ นี่มันปีศาจ


ของใหญ่นั้นที่เครเดนซ์หยิบมาทำให้เพอร์ซิวัลเลิกคิ้วเบิกตากว้าง ของใหญ่ของเครเดนซ์ที่ว่านั้นทำให้เขากลัวจนแทบสิ้นสติ เสียงของมันทำให้เขาต้องดิ้นออกจากพันธนาการอันแน่นหนา เด็กนี่ทำอะไรแบบนี้คนเดียวได้ยังไง แรงที่ไหนมาทำ ทั้งที่ดูบอบบาง


แรงราคะนั้นปลุกพละกำลังจากในตัวเขามาหมดเลยงั้นหรือ


“ฉันไมได้บอกบางเป็นเด็กอ่อนแอ แต่ก็ไมได้แบกคุณไหวหรอก ยานั่นกล่อมประสาท คุณแค่เดินตามเสียงฉันมา เสียงฉันมันหวาน และแน่อน คุณตามมาอย่างไม่อิดออด อ๋อ ประตูอยู่นั่น มันแอบอยู่”


แสงจันทร์ใกล้จะหายไปแล้ว แต่ก็ทันเห็นประตูกลที่หลอกตาเพอร์ซิวัล มันเผยให้เห็นอยู่ไม่ไกลจากหน้าต่างบานเล็กนั่นเลยด้วยซ้ำ เขาถูกหลอก


บ้านนี่มันนรก



เด็กนี่ก็นรก


ร่างเล็กที่ถือของใหญ่ ของเล่นอีกชิ้นที่ดูเหมือนจะเป็นชิ้นโปรดของเขาเสียด้วย เครเดนซ์เจ้าของเสียงใส ยิ้มหวานหยดและใบหน้าที่ตราตรึงนั้นเป็นแค่ภาพลวงตา ความน่าสงสารทั้งหมดนั้นหลอกกัน และอะไรกันที่บอกว่าถูกขัง เด็กคนนี้ไม่ได้ถูกขัง แต่เขาขังตัวเองไว้ด้วยแรงราคะที่มากมายจนกลายเป็นวิปริต และขังวิญญาณและร่างไร้ชีวิตของหลายคนไปตลอดกาล เขาสาดสายตาไปยังโครงกระดูกที่อยู่ใกล้ชุดคลุมของหญิงสาวที่น่าจะตายก่อนใคร เครเดนซ์มองแค่ครู่หนึ่งด้วยแววตาเรียบเฉยแล้วบอก

“แม่ไม่ชอบน่ะ ก็เลยเป็นแบบนั้นแค่คุณไม่ต้องรีบไปหาแม่หรอกนะ”

แม่อะไรกัน เด็กนี่มันฆ่าแม่ตัวเอง แล้วหลอกล่อให้ชายหนุ่มที่ตามหาเสียงและหลงใหลไปกับความงดงามนั้น หลอกล่อให้สงสาร แล้วจัดการเขาด้วยความวิปริตของตน


หลอกกันหมดทุกอย่าง เครเดนซ์ไม่ได้น่าสงสารแต่ตอนนี้เพอร์ซิวัลเองต่างหากเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด


“ไม่..อย่า”

“โอ้ว คนดีคนน่ารักของเครเดนซ์เอ๋ย อย่าทำหน้าตาเหยเกแบบนั้น มาอยู่ด้วยกันไปตลอดนะครับ”



ยิ้มยิหวานเหยียดบนใบหน้าหวาน ของเล่นชิ้นใหญ่ทาบลงบนร่างของชายหนุ่ม หมายจะเล่นกับเพอร์ซิวัลจนขาดใจ เครื่องนี้เริ่มทำงานของมัน เสียงเครื่องจักรเริ่มทำงาน งานของมันคือทำให้ของต่างๆ แยกออกจากกัน มันไม่ใช่ของเล่นหรอกนะแค่เครเดนซ์นับมันว่าใช่ ทั้งที่ควรจะใช้กับงานไม้แท้ ๆ แต่มันกลับทาบอยู่บนตัวชายหนุ่มเสียงของมันสอดประสานกับเสียงกรีดร้องสุดเสียงของเพอร์ซิวัล ดังจนคิดว่าเขย่าขวัญทุกชีวิตในป่า แต่ก็หาต้นเสียงไม่พบ ไม่ว่าจะใคร

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

[FIC] 100 #หยางเฟิง




TITLE :  100 (One hundred)
CHAPTER :  INTRO
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG -13





---------------------------------------------1 0 0----------------------------------------------




“คุณอี้เฟิง เรา..มาลองคบกันมั้ย”



“ไม่ ขอปฏิเสธ”



แน่นอน คนที่ถูกเรียกตอบปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดอะไรด้วยซ้ำ เป็นการพบกันหนึ่งในไม่กี่ครั้งของเรา แต่เขาใช้ช่วงเวลาอีกนิดหน่อยที่เราอยู่ด้วยกัน มาเพื่อบอกความรู้สึกถึงกันแบบนี้


เพิ่งจะเจอกันไม่กี่ครั้ง คนเรามันจะมารู้สึกกันได้ นอกจากแค่คนรู้จัก

หลี่อี้เฟิงไม่รู้สึกอะไรด้วยหรอก


“อืม... โอเคครับ ..ผมเข้าใจดี แต่ผมไม่เลิกพยายามหรอกนะ”
“นั่นมันก็เรื่องของคุณครับ”

อี้เฟิงตอบไปด้วยความรู้สึกและน้ำเสียงปกติ อีกฝั่งเหมือนตั้งใจมาพูดสิ่งนี้ทำให้เขาดูหมดความมั่นใจไปชั่วครู่ แต่ท่าทีของอี้เฟิงไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายที่ตั้งใจมาบอกความรู้สึกนั้นเสียกำลังใจมากนัก แต่ก็ไม่ได้ให้กำลังใจอะไรเลยเหมือนกัน

เท่ากับศูนย์

“ผมจะพยายาม...เอาใจคุณมา”



อีกฝ่ายเหมือนกำลัง พยายามพูดโน้มน้าวให้อี้เฟิงใจอ่อน แต่ไม่ต้องห่วง หลี่อี้เฟิงเป็นมนุษย์ผู้ไม่สนใจโลกใด ๆ นอกจากโลกส่วนตัว และความสันโดษของตน เพื่อนของเขามีน้อยนิด แต่น่ารักเสมอ ส่วนเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ


เขาไม่สนใจตั้งแต่ไหนแต่ไร อันดับของมันอยู่รั้งท้ายด้วยซ้ำ ก็มันไม่ทำเงินให้นี่ แล้วเขาก็ไม่ชอบไปหลอกใช้ใครด้วย


“ไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมกลับนะ”
“เดี๋ยวครับ”


อี้เฟิงถอนหายใจแล้วก็อยู่ตามที่อีกฝ่ายรั้งเขาไว้ ถือว่าเป็นการไม่เสียมารยาทกันเพราะการเจอกันของเรา คือการร่วมงานที่ดีต่อกัน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ทางฝั่งนั้นจ้างอี้เฟิงและเดอะแก๊งค์ด้วยเงินงาม ๆ

“ผมพยายามต่อได้ใช่มั้ย”


เจ้าของตากลมโตหันหน้าไปหาเจ้าของเสียงที่อ้อนวอนเขา ทำไมถึงต้องพยายามจีบเขาถึงขนาดนั้น โอเค ก่อนหน้าที่เราร่วมงานกัน ช่วงเวลาสั้น ๆ คน ๆ นี้เอาเวลาไหนมารักเขาอย่างนั้นหรือ ? ทั้งที่ตัวอี้เฟิงเองไม่ได้รู้สึกกับคน ๆ นี้ไปมากกว่าเพื่อนร่วมชั่วคราวที่ดีเลย ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

“ผมอยู่ในที่ของผม ส่วนคุณจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ แต่อย่ากระทบต่อชีวิตผมก็พอ”


อี้เฟิงพูดตามที่คิด เขาเป็นคนตรง  แต่ไม่ใช่ขวานผ่าซาก คน ๆ นี้อยู่ในรุ่นราวคราวเดียว แก่กว่าอ่อนกว่ากันก็ไม่กี่ปี เขาเลยพูดด้วยท่าทีที่สบาย ๆ กว่าคนที่แก่กว่าหน่อย ริมฝีปากเล็กเม้มปาก เขาคิดสงสัย คน ๆ นี้อะไรหนักหนา

“ครับ..” อีกฝ่ายรับคำอย่างเสียไม่ได้ แต่ดูเหมือนจะไม่เลิกพยายาม คืออย่างน้อยอี้เฟิงก็ไม่ได้ตอบปฏิเสธแล้วไล่อีกคนไปอย่างเสียน้ำใจ เกลียดขี้หน้า อย่างน้อย หากมีงานครั้งหน้า ก็ยังร่วมงานกันได้


“ผมน่ะ พยายามเก่งนะคุณอี้เฟิง อย่างน้อย ผมก็อยากให้คุณ..เห็นมัน”
อีกฝั่งยืนยันแบบนั้น ถือเป็นการโฆษณาสรรพคุณของตัวเองอีกอย่างหนึ่งหรอ อืม เขาก็พยักหน้ารับไว้แต่ไม่อยากไปอะไรด้วยหรอก อี้เฟิงไม่สนใจความรู้สึกนั้น แล้วเขาไม่ได้รู้สึกรักใครชอบใครมากนาน จนลืมไปแล้วว่ารู้สึกอย่างไร

คือพูดง่ายดายเลยว่า ความรักระหว่างการในรูปแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับเขาเท่าไหร่


“ผมควรบอกคุณว่าอย่างไรกับคุณดีล่ะ ผมควรบอกว่า ให้โอกาสคุณนะ เชิญจีบผม ได้ตามสบายอย่างนี้หรือ ?”  อี้เฟิงกล่าว ก็เขาบอกแล้วว่าเป็นคนพูดตรง ยิ่งกับอีกฝ่ายที่ตรงมาหากันแบบนี้ก็ยิ่งพูดง่าย คน ๆ นั้นขมวดคิ้ว แต่ใบหน้ายังสู้อยู่ เขายิ้มสู้อี้เฟิง แล้วเดินเข้ามาใกล้อีกก้าว ตอนนี้อีกฝ่ายอยู่ตรงหน้า ระยะหนึ่งก้าวถึงกัน


อีกฝั่งยืนมองหน้าอี้เฟิงอยู่นานแต่ก็ยังไม่พูดอะไร จนอี้เฟิงนึกสงสัยเอง

ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีกฝ่ายเข้าหาอี้เฟิงในรูปแบบเช่นนี้ การจู่โจมลักษณะนี้ไม่ใช่อี้เฟิงไม่เคยพบจากใคร แต่คน ๆ นี้ตรงที่สุดเท่าที่อี้เฟิงเคยพบมา และเปิดเผยกับอี้เฟิงอย่างตรงไปตรงมา ถือว่าเป็นคนที่อี้เฟิงนับว่าใช้ได้ เข้าใจทำดี อี้เฟิงประเมินเบื้องต้นว่าคนนี้ก็วิเคราะห์มาแล้วว่าอี้เฟิงไม่ชอบคนแบบไหน และแบบไหนที่จะทำให้อี้เฟิงสนใจมาหยุดฟัง ให้มาจีบกันโต้ง ๆ แบบนี้


แต่อีกฝ่ายนั้นดีกรีที่ได้ยืนมาหนาและข่าวลือ มากมายนัก ไม่ใช่ว่าไม่เคยฟัง ใคร ๆ ก็บอกกันมาให้ระวังนะ



แต่อี้เฟิงก็มายืนคุยกับคน ๆ นี้แล้วดันคิดเงื่อนไขอะไรตลก ๆ แล้วบอกเขาไป  ถ้าหากอีฝ่ายดันผ่านเงื่อนไขนี้ไปได้ แล้วก็ค่อยมาว่ากัน แต่เป็นเงื่อนไขที่สูงเกินไป ไม่มีใครทนทำได้ขนาดนั้น   นอกจากว่าคน ๆ นี้ไม่ได้แค่ถูกใจ ชอบ หรือ ตกหลุมรักแบบผิวเผิน


สำหรับหลี่อี้เฟิงเงื่อนไขในการวัดใจนี้นั้นถือว่ารักกันจริง หากผ่านไปได้  ถึงท้ายที่สุดตรงนั้นแล้ว อี้เฟิงก็อาจจะยอมรับคน ๆ นี้เข้ามาในใจ


ฮึ... อี้เฟิงจุดยิ้มในใจ ท่าทีอี้เฟิงเหมือนคุณครูกำลังประเมินนักเรียนอย่างไรอย่างนั้น  ถ้านายทำได้น่ะนะ ถ้านายผ่านไปได้ หยางหยาง ฉันก็จะยอมรับนาย


“หนึ่งร้อยครั้ง ชนะใจผม จีบผม ด้วยวิธีที่คุณคิดว่าผมจะแพ้ใจคุณได้แน่ ๆ หนึ่งร้อยครั้งนั้น จะไม่มีการโกงใด ๆ ต้องชนะแบบใส ๆ หากครั้งไหนคุณโกง ผมจะตัดสิทธิ์ กลับไปเป็นศูนย์ใหม่ แล้วจะไม่มีการนับหนึ่งอีกต่อไป”


มันเป็นจำนวนครั้งที่มากเอาการ จนทำให้หยางหยาง ที่ยืนเบิกตากว้างตรงหน้าถึงกับผงักไป เขานิ่งเหมือนกำลังกลั่นคำตอบ อี้เฟิงคิดไว้ คนทั่วไป เจอแบบนี้ คำตอบมันจะเป็นยังไงกัน ? ฮึ


“ได้”


ทีนี้กลายเป็นอี้เฟิงเบิกตาตกใจเอง แต่ก็เก็บซ่อนมันไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ภายในหนึ่งวินาที


“ครั้งที่หนึ่งร้อย คุณจะต้องรับรักผม เพราะผมจะชนะใจคุณ ทั้งหนึ่งร้อยครั้งนั้นแน่”

หยางหยางดูมั่นใจ และเหมือนว่าการท้าทายครั้งนี้ สำหรับหยางหยางจะเป็นการแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่ เพราะแววตาของเขาดูไฟลุกโชติ์ช่วงสุด ๆ ส่วนอี้เฟิงมองชายตรงหน้าด้วยท่าทางประเมินคะแนนแบบคุณครู ก็ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเฉยอีก อี้เฟิงคิดแล้วว่า

หนึ่งร้อยครั้งนั้น ถ้าทำได้ ก็ค่อยน่ารับรักหน่อย


แต่อี้เฟิงใช้ความโสดที่เป็นสมบัติของเขาตลอดอายุที่อยู่บนโลกนี้ รวมถึงความรู้สึกและใจที่มั่นคงของเขาแล้ว


“ถ้าคุณทำให้ผมแพ้ใจคุณได้ หลังจากที่คุณพยายามในครั้งที่หนึ่งร้อย ผมจะบอกคำตอบในใจผมกับคุณ คุณหยางหยาง....”


จบวรรคแรก หยางหยางมองด้วยสายตานิ่งและประเมินยาก  อี้เฟิงยิ้มในใจ ชายหนุ่มตรงหน้าเขาก็ดูเหมือนจะถูกปลุกสัญชาตญาณที่ชอบการแข่งขันและแพ้ไม่ได้ขึ้นมาเหมือนกัน อี้เฟิงเองคิดว่าแข่งไปก็ไม่เลว อย่างไรเสียเขาอี้เฟิงก็ถูกประเมินในฐานะผู้ที่อยู่เหนือกว่า เพราะเขาถูกขอความรัก


"และครั้งแรกของคุณ จะเริ่มเมื่อไหร่ก็ได้ หากคุณพร้อมที่จะนับหนึ่งกับผม"  นั่นเป็นการเริ่มต้น นับหนึ่ง ของเราทั้งคู่





TBC






TBC