วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

[Fic] คุณในนั้น-- You're in ตอนที่ 5 #หยางเฟิง




TITLE :   คุณในนั้น--  You're in
Chapter : 5
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG 
TELL : ยิ่งมามากตอน ยิ่งเดาทางไม่ถูก 555แต่ตอนนี้ก็สมใจคนอ่านแล้วนะคะ 



*****************************************************************************



“คุณอี้เฟิง ผมมาแล้ว”


ช่วงนี้หยางหยางจำต้องออกไปทำงานอย่างที่พ่อสั่ง เพราะเขาอู้งานหมกตัวในบ้านนานเกินไปจนลูกน้องคนสนิทบอกว่างานในส่วนของหยางหยางที่ทำแทนไม่ได้ มันพอกพูนขึ้นมาเสียจนกองเท่าภูเขา ชายหนุ่มจึงเลี่ยงไมได้ที่จะต้องออกไปนอกเรือนเล็กบ้านหลี่ เขารีบเคลียร์งาน กลับบ้านมาก็ตะโกนเรียกคุณเจ้าของบ้านคนเก่าเสียลั่น



โคตรคิดถึงคุณเขาเลย!



“อือ! “ เสียงแว่วหวานหูตอบกลับมาจากไกล ๆ แค่นี้หยางหยางก็ชื่นใจแล้ว วันนี้เขาก็หวังจะได้คุยกับคุณอี้เฟิงแบบอย่างที่นึกอยาก อย่างหลาย ๆ คืนเราได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นแล้ว


เขารู้สึกเขินเหมือนกัน มันคล้าย ๆ คนรักรอเรากลับบ้าน หยางหยางคิดจินตนาการเอาเองว่า คุณอี้เฟิงรอเขาเหมือนคนรักที่ดีที่รอคอยคนที่เขารักกลับบ้าน
เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็คงดี แต่คงดีกว่านี้ หากเขาได้เห็นใบหน้าสวยหวานของคุณอี้เฟิงกับตาสองข้างของตัวเองซักครั้ง


“เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ”  เสียงหวานที่จากไกล ๆ เข้ามาใกล้ ๆ หูมากขึ้น พร้อมกับกลิ่นเครื่องหอมประจำตัวคุณในรูป หยางหยางยิ้มให้กับทิศทางที่น่าจะมีคุณในรูปอยู่ และบอกไป


“ผมคิดว่า ถ้าเรามองเห็นกันและกันได้ก็คงดี”  หยางหยางบอกไปตามตรงตามความกังวลในใจเขา สายลมพัดผ่านเบา ๆ กลิ่นเครื่องหอมพัดเตะจมูก เหมือนคุณในรูปจะเคลื่อนที่ น่าจะมาทางที่หยางหยางยืนอยู่ เขาเดาเอาว่าอีกคนก็คงอยากบอกอะไร


“ข้ามองเห็นเจ้า แต่เจ้าไม่..อย่างนั้นสินะ”
“ครับ “


หยางหยางตอบกลับเสียงหงอย อีกฝ่ายที่อยู่ตรงไหนใกล้ ๆ เขาซักแห่ง หัวเราะเสียงใส ฟังแล้วเขาก็สดชื่นขึ้นเล็กน้อย อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า


“ข้าคิดว่าซักวันเราอาจจะได้สัมผัสกันมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้ ข้าแค่เดาเอา”


ชายหนุ่มรู้ดีว่านั่นเป็นคำปลอบใจ เขายิ้มให้กับความว่างเปล่าแต่รู้ว่าคุณอี้เฟิงของเขาอยู่ตรงนั้น คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเห็นใบหน้าและรอยยิ้มของเขาดี เพราะหลังจากยิ้มหงอย ๆ ให้อีกฝ่ายเห็นได้ไม่นาน ก็เหมือนมีสายลมพัดสายแถว ๆ ใบหน้า และรู้สึกถึงความอบอุ่นแถว ๆ กลุ่มผมของตัวเอง  ชายหนุ่มยิ้มออกและยิ้มกว้างขึ้น



คุณในรูปคนนี้ทำให้เขาตกหลุมรักมากขึ้นทุกวัน
แบบนี้ก็ยิ่งปรารถนา อยากเห็นใบหน้าหวานมากขึ้นเรื่อย ๆ มันเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด
เขาไม่พอใจเพียงแค่นี้ แต่เขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ถึงจะเห็นกัน

“เจ้าอย่ากังวลเลย หยางหยาง อย่างน้อย ข้าก็มองเห็นเจ้า ยิ้มของเจ้าก็งดงามไม่แพ้กับที่เจ้าเอ่ยชมรอยยิ้มข้าเลย”
เสียงหวานเอ่ยประโยคน่ารักออกมานั่นทำให้เขายิ้มออกนั่นเป็นคำชมที่ทำให้หัวใจของหยางหยางพองโตมากที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาในชีวิต

“ขอบคุณครับ คุณอี้เฟิง”

 ก่อนหน้าที่เราได้อยู่ด้วยกันในหลาย ๆ คืน หลังจากคืนที่คุณอี้เฟิงอุตริไปแอบดูเขาอาบน้ำ เราต่างก็ได้แนะนำตัวซึ่งกันและกัน แต่เหมือนคลื่นของคนกับวิญญาณจะจูนติดกันยากหน่อย (เขาก็คาดเดาเอาเองไปเรื่อย) ทำให้หยางหยางได้รับสารจากคุณในรูปบ้างไม่ได้บ้าง เรารู้จักกันมากขึ้น หยางหยางยิ่งมีความสุขและยิ้มได้


ขนาดคุณอยู่ตรงหน้า ผมก็ยังคิดถึงคุณเลย คุณหลี่อี้เฟิง ...หยางหยางรำพันในใจ



เขาปรารถนาแค่เพียงซักครั้ง ต้องทำอย่างไร ที่เขาจะมองเห็นใบหน้าที่คิดถึงด้วยตาตัวเองเสียที  เขาต้องการ








*******คุ ณ ใ น นั้ น **************









“วันนี้เจ้าไมได้กินข้าวมารึไง”
“ก็ทำงานทั้งวันนี่หน่า”


วันนี้หยางหยางยกเอาอาหารมื้อใหญ่มานั่งกินด้านอกเรือนเล็ก พร้อมกับเครื่องดื่มชูกำลังประมาณหนึ่ง วันนี้เขาไม่แตะต้องเครื่องดื่มมึนเมาแล้ว เพราะมันทำให้เขาชิงหลับไปก่อนเช้าเสียทุกที คุณอี้เฟิงคงนั่งมองเขาหลับตลอดในหลาย ๆ วันที่เจอกันในยามค่ำคืน


“จะว่าไป ผมยังไม่รู้เลยว่า ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่ เราคุยค้างกันไว้นะ “

คุณอี้เฟิงของหยางหยางไม่อยากเล่าเรื่องนี้เท่าไหร่ หลังจากวันนั้นที่เราได้คุยและใกลชิดกันมากขึ้น หยางหยางถามคุณในรูปหลายอย่าง ชวนคุยสัพเพเหระ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมต่างเวลาต่างภพกัน  แต่เมื่อวกกลับมาในเรื่องที่หยางหยางอยากรู้ ว่าทำไมเขาอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนแบบวิญญาณอื่น ๆ คุณอี้เฟิงเลือกที่จะเงียบไป



“เอ่อ... ไม่เป็นไร ผมไม่อยากรู้แล้วก็ได้”



คุณในรูปไม่ยอมบอก แต่เขายังนั่งอยู่ใกล้ ๆ ไม่หนีไปไหน สัมผัสได้จากลิ่นเครื่องหอม และอีกฝ่ายก็บรรเลงเพลงจากขลุ่ยของตนแทน เสียงเพลงเพราะเอื่อยมาตามสายลมเบา ๆ ในยามค่ำคืนดึก แสงพระจันทร์ต้องกระทบผืนน้ำตรงแอ่งน้ำเล็ก ๆ หน้าเรือนเล็กนั่น วันก่อนหยางหยางนึกคึกลุกไปทำความสะอาดบ่อน้ำนี่และเติมน้ำเข้าไปให้บ่อน้ำเป็นบ่อที่ดูเป็นบ่อจริง ๆ มีพืชน้ำสวย ๆ อยู่ด้วย พร้อมปลาสวยงามที่หยางหยางซื้อมาก็ใส่เข้าไป ดูมีชีวิตชีวาดี เพิ่มฮวงจุ้ยในเรือนอีกด้วย


ครู่หนึ่งหลังเพลงบรรเลงขลุ่ยหวานจบ มีแค่แว่วสายลมพัด กลิ่นเครื่องหอม บวกกันเสียงกินข้าวของหยางหยางเท่านั้นที่อยู่ระหว่างเราสองคน เงียบกันไปนาน หยางหยางเองก็ไม่อยากรื้อความ คาดเอาว่ามันอาจจะเป้นความทรงจำที่ไม่ดีของคุณอี้เฟิง หรืออะไรที่สะเทือนใจ



“เจ้ารู้ไหม ข้าอยู่ที่นี่มานานจนแทบจำอะไรไม่ได้ ข้าไม่รู้จะเล่าอะไรให้เจ้าฟัง ที่พูด ๆ ให้ฟังก่อนหน้าก็แค่ควาททรงจำในช่วงเร็ว ๆ นี้ที่จำได้ก็เพียงเท่านั้น”


แค่ประโยคแรกที่ทะลุปล้องกลางความเงียบงันออกมาก็ร้าวรานใจแล้ว


เขาจำอะไรไม่ได้ อยู่มานานจนจำอะไรไม่ได้...เลยไม่เล่าอะไรออกมา ฟังดูแล้วน่าเศร้ากว่าอีก



“ไม่เป็นไรครับ คือผมไม่ได้จะถามให้คุณ..---
“ไม่เป็นไรเช่นกัน ข้าก็ไม่คิดว่าข้าจะได้คุยกับมนุษย์แบบเจ้า ในสภาพอย่าวมรตอนนี้ อย่างน้อยเจ้าก็ทำให้ข้าไม่เหงา “



น้ำเสียงของคนน่ารักเศร้าลงจากก่อนหน้าที่คุณอี้เฟิงยังปลอบเขาอยู่เลย แต่ตอนนี้คุณอี้เฟิงกลับเศร้าเสียเอง หยางหยางไม่อยากให้เป็นแบบนี้เท่าไหร่




“ถ้าคุณจำอะไรได้ไม่มาก ผมขอเป็นความทรงจำใหม่ของคุณได้มั้ย”




เสียงหัวเราะใส ๆ ดังออกมาแต่เหมือนอีกฝ่ายกลั้นเอาไว้เหมือนเก้อเขิน แต่ในที่สุด ก็ตอบว่าได้ออกมาให้ได้ยินเพื่อให้คนที่รอฟังเขินตามไปด้วยเหมือนกัน









***** คุ ณ ใ น นั้ น ******










กลับถึงเรือน ก็ตามเคย หยางหยางในวันนี้รีบเร่งมาหาคุณในรูปตะโกนทักทายเมื่อกลับถึงเรือน หากไม่มีเสียงหวานแว่วมา ก็จะเป็นกลิ่นเครื่อหมอที่วนอยู่รอบตัวหรือเป็นขลุ่ยบรรเลงตอบมาแทน แบบนี้ทำให้หยางหยางอุ่นใจได้ว่า คุณอี้เฟิงยังไม่ไปไหน




เมื่อได้เวลา ทั้งสองก็มานั่งคุยด้วยกันอย่างที่ทำมาก่อนหน้า กลายเป็นกิจวัตรประหลาดอย่างหนึ่งของหยางหยาง  คือการคุยกับวิญญาณน่ารักดวงหนึ่ง แม้มองไม่เห็น ก็ฟังเสียงหวาน ๆ สูดกลิ่นหอม ๆ เขาไป แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่สัมผัสได้คือ ความรู้สึกระหว่างเราสองคนที่คุยกัน มันอบอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับความรักในใจของหยางหยางที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ

เขารักคุณอี้เฟิงจริง ๆ แบบถอนตัวไม่ขึ้น




“วันนี้ข้านั่งนึกบางอย่างออก ที่ไม่นับเรื่องของเจ้าที่ข้าจดจำได้แล้ว”



หยางหยางยิ้มมุมปาก เมื่อคุณอี้เฟิงเขาพูดแบบนั้น แสดงว่าตอนนี้หยางหยางกลายเป็นความทรงจำของวิญญาณอย่างคุณเขาไปแล้ว


“ตั้งใจฟังหน่อย เจ้าคนบ้า เจ้าอยากรู้ประวัติข้าไม่ใช่หรือ ข้าอุตส่าห์นั่งสมาธิบำเพ็ญเพียรสารพัด เพื่อให้นึกออก ก็ฟังข้าหน่อย”


คุณเขาดุมา เพราะหยางหยางยิ้มออกนอกหน้าเกินไปเพราะคุณอี้เฟิงของหยางหยางบอกว่า หยางหยางเป็นความทรงจำที่คุณในรูปจดจำได้แล้ว พอโดนดุก็กลับมาตีหน้าขรึมฟังเรื่องเล่าจากเสียงแว่วหวานข้าง ๆ หู


“ข้าที่อยู่ในนี้มานาน นานจนลืมไปว่าทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่ ตอนแรกก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะข้าน่าจะหวงเรือนนี้มากเลยไม่ยอมไปไหน คงลั่นวาจาไว้ตั้งแต่ตายใหม่ ๆ จนมาถึงตอนนี้ที่ข้าแทบจำอะไรไม่ได้ ...”



ทิ้งช่วงไปครู่หนึ่ง เสียงหวานสั่นไหวเล็กน้อย หยางหยางรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ หากร่างนี้..หากเขาสัมผัสคุณอี้เฟิงได้ เขาอยากโอบคน ๆ นี้ไว้ในอก




“ข้ารู้สึกได้ว่าข้าตายมานานมาก และจริง ๆ ก็คงตายแบบไม่ดีด้วย พอพยายามนึก ความทรงจำที่ถูกลืมฝังไว้ในจิตวิญญาณของข้าก็ทักเตือนว่า อย่าไปนึกมัน มันเศร้านัก แต่ข้าก็อยากรู้ แต่ขุดมาได้เพียงหยิบมือ เพราะพลังของข้าไม่พอ”



เงียบไปอีกครั้ง หยางหยางขยับร่างเข้าไปในทิศทางที่คุณในรูปน่าจะอยู่ตรงนั้น แม้ว่างเปล่าแต่เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานอุ่น ๆ ตรงบริเวณนั้น เขาคิดว่าเขาน่าจะใกล้ชิดคุณเขา และมอบความอบอุ่นของตนให้อีกฝ่ายบ้าง





“เมื่อลองนึก เท่าที่รื้อขึ้นมาได้ ข้านั้นก็คงสิงอยู่ในรูปวาดตั้งแต่ตาย อาจจะไม่เรียกว่าสิงแต่อาจจะถูก...อืม...สะกดไว้ ..ด้วยเหตุใด ข้าก็ไม่เข้าใจ และในความทรงจำที่รื้อมาได้ มันบอกว่า ข้านั้นพยายามจะออกจากการถูกสะกดไว้ในรูปหลายต่อหลายครั้ง   มันก็เป็นผลแต่ก็นานนับหลายสิบปี ในที่สุดข้าก็ออกจากรูปมาได้ แต่ก็ออกจากเรือนนี้ไปไม่ได้ก็ตามพลังตัวเองที่มีก็แค่ท่องไปบริเวณเรือนเท่านี้ก็เกินพลังมาก ที่มาให้เจ้าพบได้ คุยด้วยเสียง สัมผัสได้ด้วยกลิ่นนี่ก็ใช้พลังเยอะมาก”




คุณอี้เฟิงพูดจบก็หยุด เพราะเหมือนเหนื่อย เขาพูดทุกอย่าง เล่าทุกอย่างออกมาหมดด้วยน้ำเสียงหวานที่ตะหนกอยู่ไม่น้อย คำพูดไหลหลากเหมือนสายน้ำเพราะนึกอะไรได้ก็อาจจะอยากจะเล่าไว้ก่อน




“ข้าเดาว่าเพราะพระจันทร์ พลังจากจันทร์ข้างขึ้นเสริมพลังข้า หยกปลายขลุ่ยของข้ามันสัมพันธ์กับพระจันทร์ หยกนี้มันรองรับแสงจันทร์เป็นพลังของตน สะสมพลังแสงจันทร์ได้ ข้าค้นพบมันเมื่อไม่นานมานี้ จึงใช้พลังจากแสงจันทร์ในการคงรูปจิตวิญญาณไม่ให้กลายเป็นวิญญาณที่ดูโรยแรงทำอะไรไม่ได้ ใช้พลังนี้เป็นพลังในการสื่อสารกับเจ้าด้วย ในวันมีแสงจันทร์ข้าจึงอยู่กับเจ้าได้นาน อย่างที่ผ่านมา”




หยางหยางรู้สึกถึงความหอมของเครื่อมหอมที่ชัดเจนขึ้น นั่นคือสัญญาณว่าคุณอี้เฟิงขยับเข้ามาใกล้หยางหยางด้วย

เราน่าจะใกล้กันมากกว่าที่เคยเป็น





“ข้าเศร้ามากเมื่อพูดถึงมันแม้ว่าข้าจะไม่รู้แน่ว่าในอดีตชีวิตข้าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้ว่ามันเศร้า ความรู้สึกตอนนั้นมันบอกข้า”



ชายหนุ่มที่นั่งฟังเสียงหวานเล่าช้า ๆ ด้วยเสียงที่เศร้าลงถนัดนัก น่าเศร้าที่จำเรื่องของตัวเองแทบไมได้ แต่พอไปกระตุ้นตัวเองและนึกถึงขึ้นมาก็รู้ว่ามันเศร้าจนไม่กล้าจะนึกให้ออก นี่มันเศร้ายิงกว่า เหมือนว่ามันเป็นความทรงจำที่เลวร้ายและอยากจะทิ้งมันไป




“พอแล้วครับ ผมไม่อยากรู้แล้ว ผมบอกแล้วไงว่าผมจะเป็นความทรงจำใหม่ๆ ที่ดีที่สุดของคุณเอง”
“ก็รู้แล้ว แต่ข้าเพียง อยากเล่าเท่าที่จำได้ และให้เจ้าที่เป็นมนุษย์ผู้จดจำอะไรได้ดีกว่าวิญญาณเก่าแก่แบบข้าฟัง และจำมันว่าแทนข้าก็แล้วกัน”




เมื่อฟังแล้วก็อึ้งไป ...หยางหยางหลับตาลงซึมซับความอบอุ่นในเวลานี้ไว้ คุณที่น่ารักของหยางหยางไว้ใจให้เขาจดจำเรื่องราวของตนเองไว้ เหมือนฝากความทรงจำไว้ที่เขา


“ผมจะจดจำมันแทนคุณจนกว่าผมจะสลายไปเลย”



เมื่อจบประโยคของหยางหยาง  กลิ่นเครื่องหอมชัดเจนกว่าเดิมมาถึงตัวชายหนุ่ม ก่อนมีเสียงกระซิบแว่วข้างหู


“ขอบคุณเจ้ามาก อย่างน้อยข้าก็อยู่ในเรือนหลังเล็กนี้โดยไม่มีความเหงาเป็นเพื่อนข้าอีกแล้ว ขอบคุณเจ้า หยางหยาง”


เพื่อตอบแทนการช่วยจำ คุณในรูปจึงบรรเลงเพลงหวานที่เศร้าสร้อยอีกเพลงหนึ่งขึ้นมาตอบความเศร้าในตอนนี้ของผู้บรรเลงเพลง และตอบแทนคนข้าง ๆ ที่จดจำมันไว้แทน

ยิ่งทำให้หยางหยางนึกอยากกอดผู้บรรเลงเพลงนี้ที่อยู่ใกล้ ๆ เขาจับใจ ทำอย่างไรก็ได้ให้เราได้สัมผัสกันทางใดทางหนึ่ง..มากกว่านี้



อย่างน้อย ก่อนอื่น เขาอยากมองเห็นใบหน้าหวานเทียมฟ้าของคุณอี้เฟิงซักเพียงหนึ่งครั้งก็ยังดี หรือจะให้ดี ตลอดไปจนกว่าเขาจะแยกจากกับคุณในรูปไปเลย



หรือถ้า..ได้มากกว่านั้น ก็คงดี



เขาอยากทำอะไรได้มากกว่านี้จริง ๆ







***** คุ ณ ใ น นั้ น ****









วันนี้เขาได้พบเรื่องดี ๆ อย่างหนึ่ง..



คุณอี้เฟิง.. บางที ผมจะมีโอกาส..หยางหยางคิดเข้าข้างตัวเอง


เพราะวันนี้เขาได้ค้นพบอะไรบางอย่าง


ก่อนหน้านี้ เขาแวะไปร้านหนังสือร้านหนึ่ง เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องเป็นร้านหนังสือแต่เห็นว่าดูเก่าน่าสนใจดี และอยู่ ๆ ก็มีความคิดบ้าบอในใจว่า มันอาจจะมีหนังสือแนวลึกลับ หรือผีสางอะไรทำนองนี้ เขาเลยลองจอดแวะและเดินเข้าไปดูซักครั้ง


พอเข้าไปก็พบของดี ซึ่งแม้ว่ามันอาจจะเป้นหนังสือที่เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิงหรือกุเรื่องอะไรมาก็ตาม แต่ หนังสือชื่อว่า  วิธีเห็นผี ก็น่าจะพอช่วยอะไรเขาได้ และไม่นานมานี้ เขาก็ลองถามพวกลูกน้อง หรือเพื่อนสนิทดูว่า มันจะเป็นไปได้มั้ยที่คนไม่มีเซนส์ทางนี้แบบเขา จะมองเห็นสิ่งประหลาดลี้ลับ

หลายคนตอบตรงกัน เป็นไปไม่ได้เลย นอกจากว่าจะดวงตกสุดขีด



หลายอย่างในใจตีพันยุ่งเหยิง ถึงขั้นหยางหยางทำอะไรที่ไม่คาดคิด อย่างเช่นเรื่องไปดูดวง ซึ่งก็ไม่ได้อะไรมากนัก แต่พอถามถึงเรื่องราวที่สนใจอยู่ แม่หมอก็ตอบกลับมาว่า


ดวงคุณมันแปลก แปลกมาก แปลกเสียจนไม่อยากเชื่อ หลังจากนี้ชีวิตคุณจะพลิกผันไปตลอดกาล อีกไม่นานเกินรอ


เธอบอกคร่าว ๆ มาแค่นี้ และไม่พูดอะไร เก็บกองหนังสือดูดวงและปิดร้านไล่เขาออกไปเลย หยางหยางได้แต่งงแต่ก็จำต้องออกจากร้านอย่างเสียไมได้ และก็ตรงกลับเรือน และก่อนถึงเรือนก็ถึงได้จอดแวะร้านหนังสือเก่านั่น ที่ปกติเวลาขับรถผ่านเขาแทบไม่รู้ว่ามันอยู่แถว ๆ นี้ แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะได้สิ่งที่ต้องการมาแล้ว



เขาจะลองดู





ถ้าเป็นไปได้ ก็จะลองหลาย ๆ วิธี
ถ้าไม่เกินความสามารถเขา
แต่กลัวว่าใจตัวเองจะสั่งให้ทำทุกวิธีเพื่อที่จะพบคุณในรูปคนนั้น แม้จะแลกด้วยอะไรก็ตาม
คุณหลี่อี้เฟิง
เพราะหยางหยางคนนี้ตกหลุมรักหลี่อี้เฟิงอย่างหมดหัวใจแล้วจริง ๆ



“ถ้าเป็นไปได้ ก็ขอให้มันสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ ผมขออธิษฐานอย่างจริงจังครั้งแรกในชีวิต แม้ว่าผมจะไม่ค่อยเชื่อพวกนี้จนมาพบกับคุณอี้เฟิง “


หยางหยางพูดออกมาหลังจากจอดรถที่โรงรถหน้าบ้านใหญ่ ก่อนเข้าเรือนเล็กบ้านหลี่ เขาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านนั้น และอธิษฐานกับ...พระจันทร์...ซึ่งวันนี้ทอแสงสวยกว่าทุกวัน เพราะวันนี้พระจันทร์เต็มดวง



“ผมอยากพบคุณอี้เฟิง อยากมองเห็นด้วยตา สูดกลิ่นหอมด้วจมูกนี้ อยากได้ยินเสียงเขาตอนพูดต่อหน้าผม อยากสัมผัสเขาทั้งร่าง...”


ชายหนุ่มตั้งใจพูด ตั้งใจอธิษฐานอย่างแน่วแน่ และจริงจัง





“ผมอยากพบเขา คุณหลี่อี้เฟิงคนนั้น”



เมื่อพูดดังใจ หยางหยางก็ถือหนังสือที่ได้มา พกความมั่นใจที่ได้มาหลังจากให้พระจันทร์ยามค่ำคืนอวยพรแล้ว ตรงสู่เรือนเล็กหลังบ้านอย่างที่ใจปรารถนาอย่างที่อธิษฐานไว้




“พระจันทร์วันนี้สวยจริง ๆ “

วันนี้เขาชมพระจันทร์หลายต่อหลายครั้ง เพราะคุณอี้เฟิงบอกว่ามันเป็นสิ่งที่มอบพลังให้กับเขา หยางหยางจึงนึกชอบมันไปด้วย จากก่อนหน้าที่ไม่เคยสนใจความงามของมัน


ขายาวสาวตรงไปเรือนเล็ก ผ่านบ่อน้ำหน้าเรือนที่เขาเองลงมือจัดตกแต่งอย่างสวยงาม เป็นบ่อไม่ใหญ่มาก ไม่เล็กจนไม่เหมาะกับเรือน พอดีเพื่อความสวยงามของบริเวณนี้ ผืนน้ำที่สงบนิ่งนั้นต้องแสงจันทร์เพิ่มความสวยงามของบริเวณนี้ได้อีกมาก ชายหนุ่มเข้าไปชิดบ่อหน่อย ชะเง้อมองพระจันทร์อีกดวงบนผิวน้ำ สวยงดงาม เขาคิดว่าจะชวนคุณอี้เฟิงมาชมจันทร์วันนี้ด้วยกัน











“เห้ย ! “ 



ถึงจะดูเป็นชายที่สุขุมนุ่มลึก แต่หยางหยางก็มีมุมหลุด ๆ ให้เห็นบ้าง เขาเป็นคนซุ่มซ่ามในบางครั้งอย่างไม่น่าให้อภัย

เหมือนอย่างเช่นครั้งนี้



“บ้าเอ๊ย “ เขาทำหนังสือที่ได้มาตกน้ำ  




หยางหยางยกมือขยี้ผมอย่างปวดหัวสุดขีด ได้มาก็ทำร่วงตกบ่อน้ำไปเสียอย่างนั้น ทำไมต้องมาซุ่มซ่ามแบบนี้กัน เขาบ่นในใจ และ ณ ขณะนี้ก็ไม่คิดอะไรแล้ว เขากระโดดลงไปในบ่อทันทีเพื่อเอาหนังสือ วิธีเห็นผี ที่ได้มา อย่างน้อนมันก็เป็นทางออกเดียวทีเขามองเห็น เพื่อจะใช้มันพบคุณอี้เฟิง



หยางหยางกระโดดลงไปในบ่อ



ด้วยความสูงของตัวเอง บ่อนี้ก็จะมีระดับสูงถึงประมาณท่วมหัวเขาได้ หากเติมน้ำเต็มบ่อ หรือไม่ก็ต่ำกว่านั้น







แต่มันไม่ใช่







เห้ย! อะไรวะ?





เขาประหลาดใจที่ระดับน้ำมันไมได้ใช่ดังที่ตัวเองคิด มัน..ลึกกว่าที่คิด  ทั้งที่เป็นบ่อหน้าเรือน เป็นแค่บ่อในสวนของบ้านหลังหนึ่ง ทำไมถึงลึกขนาดนี้ แต่ในครั้งที่เขาทำความสะอาดบ่อน้ำ มันไม่ใช่ ความลึกเท่าที่เห็นมันก็แค่ระดับอกถึงท่วมหัว




หยางหยางจมดิ่งสู่ความลึกลงเรื่อย ๆ ลงสู่เบื้องล่าง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงก้นบ่อ



บ้าชิบ! หายใจไม่ออก เขาใช้ลมหายใจที่กักไว้แทบหมดไม่เหลือ เริ่มหายใจติดขัด


และ




เสียง? เสียงอะไร ?




ขลุ่ย ?




คุณอี้เฟิงหรือ ?





เสียงนี้เรียกสติหยางหยางให้กลับคืนมา ชายหนุ่มพยายามว่ายน้ำทวนขึ้นสู่ผิวน้ำให้เร็วด้วยแรงที่มีก่อนจะหมดลมหายใจและจมน้ำไปจริง ๆ


ถึงแม้ว่าความตายจะเป็นหนทางที่อาจจะทำให้พบกับคุณอี้เฟิงในอีกภพ แต่เขาขอใช้วิธีนั้นเป็นวิธีท้ายของท้ายสุดแล้วกัน


เขาเองก็ยังไม่กล้าถึงเพียงนั้น



หยางหยางพยายามว่ายน้ำทวนขึ้นไปสู่ผิวน้ำ แรงใกล้หมดเต็มที ไม่เข้าใจว่าทำไมบ่อน้ำของบ้านหลังนี้มันถึงลึกเกินกว่าที่คิดไว้



ใกล้แล้ว ใกล้เสียงขลุ่ยแล้ว คุณอี้เฟิงคงเป่าขลุ่ยรอ และเรียกสติ เขาลงมาช่วยไมได้ จึงใช้วิธีนี้แทน



ผมกำลังจะไปหาคุณแล้ว  หยางหยางคิด



และในที่สุด เขาก็ว่ายทวนขึ้นมาจนถึงผิวน้ำเสียที และเสียงขลุ่ยก็หยุดไปพลัน ชายหนุ่มโผล่หัวให้พ้นน้ำเพื่อสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอดไป จากใต้น้ำเมื่อครู่นี้เกือบทำให้เขาขาดอากาศตายอยู่ในบ่อนั้น


มือใหญ่ลูบหน้าตัวเองไล่เอาหยดน้ำที่เกาะพราวบนใบหน้าหล่อเหลาออกไป ดวงตาเขายังหลับอยู่กันหยดน้ำเข้าตา เมื่อจัดการเสร็จ หยางหยางลืมตาขึ้น


แสงจันทร์ต้องกระทบดวงตาเขาโดย เขาเหลือบมองขึ้นไปบนฟ้า ที่วันนี้เมฆน้อย ท้องฟ้าสว่าง เปิดให้พระจันทร์ฉายแสงสวยได้เต็มความสามารถ เขายิ้มกับความงดงามนี้



แต่



“นี่มัน...”
แต่รอบตัวเขาเปลี่ยนไป


หยางหยางมองไปรอบตัว อย่างตกตะลึง วิวทิวทัศน์นี้



“อะไรกันวะเนี่ย” เสียงทุ้มสบถออกมา ชายหนุ่มรูปหล่องงเป็นไก่ตาแตกก็ครั้งนี้ รอบตัวเขามันเปลี่ยนไป ไม่คุ้นตา


ที่เดิมไม่ใช่หรือ แต่มันไม่เหมือนเดิม  มันไม่ใช่...มันเหมือนคนละที่ เรือนเล็กก็อยู่ที่เดิม บ่อน้ำบ่อนี้ แต่รอบข้างไม่ใช่ มันแปลกตาไปจนแปลกใจ  ขาของหยางหยางที่ลอยอยู่ใต้น้ำพยายามควานหาที่วาง เขาสามารถเตะพื้นใต้น้ำได้แล้ว เมื่อเขาตะเกียดตะกายไปหาที่ตื้น ๆ  แต่ร่างเขายังอยู่ใต้น้ำ ส่วนบนโผล่พ้นน้ำมาแล้วบ้าง เขาพยายามเดินใต้น้ำเพื่อขึเนฝั่งให้เร็วเพราะอากาศค่อนข้างหนาว บวกกับเปียกน้ำยิ่งหนาวสะท้านใจ แต่เดินช้าเหลือเกิน เพราะเขาหมดแรงจากการว่ายน้ำทวนจากเบื้องล่างขึ้นมา เสื้อผ้าราคาแพงเปียกลู่น้ำไปหมด จนเผยรูปร่างสัดส่วนทองคำที่ชายใดก็พึงปรารถนาของเขาออกมาด้วย ดวงตาของชายหนุ่มมองไปรอบตัว ชายหนุ่มยังข้องใจ แม้ว่าเป็นที่เดิมแต่บรรยากาศไม่คุ้นเลย เหมือนเป็นคนละที่ หรือคนละโกลอย่างไรอย่างนั้น



“เจ้า ... ?” หยางหยางตั้งสติจากความตะลึงพรึงเพริด  ก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยทักเขามา ..แว่วมาจากซักที่ หยางหยางหันหาต้นเสียงนั้น เหตุเพราะน้ำเสียงหวานนี้คุ้นหูเหลือเกิน  



“คุณ... ?!


เป็นหยางหยางที่ตกใจกว่า อีกฝ่ายที่อยู่ไม่ไกลจากหยางหยาง คน ๆ นั้นอยู่บนฝั่งใกล้กันแต่เขายังคงอยู่ในน้ำ ที่จมอยู่ครึ่งตัวแล้ว  ดวงตาของชายหนุ่มเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อตาตัวเอง


หนุ่มน้อยตรงนั้นสวมชุดจีนโบราณเนื้อผ้าดี สีฟ้าอ่อนสลับขาว ผมยาวสลวยไปจนถึงบั้นท้ายมัดผูกด้วยผ้าพันผมสีขาว ในมือถือขลุ่ยที่พ่วงปลายด้วยหยกราคาแพง เขาจำได้แน่นอนว่าหยกนั่นเป็นของใคร ไล่มาถึงดวงหน้าที่คุ้นเคย หวานจนต้องตายิ่งกว่าแสงจันทร์ ริมฝีปากที่ฝันจะเคยสัมผัส แววตาน่าหลงใหลเหมือนเคย คนตรงหน้าสวยงามยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดในตอนนี้ ราวกับมนต์สะกดที่ทำให้หยางหยางตกอยู่ในห้วงนั้นมาก่อน เหมือนครั้งที่เขาพบรูปวาดในเรือนเล็กที่บ้านตระกูลหลี่ ความงดงามราวกับสวรรค์สร้างนั้นทำให้ชายหนุ่มต้องจับจ้องภาพตรงหน้าทั้งหมดทั้งมวลเพื่อให้สายตาของเขาบันทึกภาพตรงหน้าไว้ให้มากที่สุด หยางหยางนิ่งงันและเงียบอึ้งจนไม่กล้าเอ่ยอะไร เขาหยุดเดินไปนานแล้ว และอยู่กับที่เพื่อมองใบหน้าคนตรงนั้นให้ชัดแก่สายตา  อีกฝั่งก็มองเขาอย่างตกตะลึงไม่แพ้กัน ดูเหมือนว่าแก้มที่ดูนุ่มนิ่มนั้นต้องแสงจันทร์นวลแต่หยางหยางจับสายตาได้ว่าแก้มนั้นขึ้นสีระเรื่อด้วย

“เจ้า...ทำไม... ?” เสียงหวานเอ่ยถามเพิ่มมาอีกคำ และทอดมองเขาจากริมฝั่งที่เดิม ไม่ขยับไปไหน ดูเหมือนกลัวแต่ก็อยากรู้ สายตาของทั้งสองที่อยู่ไม่ไกลกัน คนในน้ำก็มองขึ้นไป คนบนฝั่งนั้นก็จ้องไม่ลดละ


หยางหยางสามารถสอดประสานสายตากันและกันกับคุณในรูปได้แล้ว  ท่ามกลางแสงจันทร์ที่เป็นพยาน ดวงตาสุกใสคู่นั้นตรงหน้าเขา สวยหยาดเยิ้มเหลือเกิน และเมื่อรับรู้ประสาทสัมผัสอย่างอื่น หยางหยางรู้สึกถึงกลิ่นเครื่องหอมที่คุ้นเคยรัญจวนใจมาตามลมพัดอ่อน ๆ เขาชอบใจกับกลิ่นนี้ ก่อนชายหนุ่มเอ่ยปากเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงล่องลอยเหมือนคิดว่าตัวเองอยู่ในฝัน



“คุณ....หลี่อี้เฟิง”









TBC -6

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

[Fic] คุณในนั้น-- You're in ตอนที่ 4 #หยางเฟิง





TITLE :   คุณในนั้น--  You're in
Chapter : 4
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG 
TELL : ยิ่งมามากตอน ยิ่งเดาทางไม่ถูก 5555




******************************************************************************************************************



“อย่างกับฝันไป”  เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเชื่องช้า เมื่อมีแสงแดดเบาบางกระทบใบหน้าแยงตาเสียจนเขาต้องตื่นจากฝันอย่างที่เขาคิด

“โอย นี่ดื่มไปเท่าไหร่ล่ะเนี่ย”  หยางหยางยกมือลูบต้นคอไปมา เหมือนคนนอนผิดท่า ลุกขึ้นจากที่ที่ตัวเองนอนหลับช้า ๆ สอดสายตามองไปรอบ ๆ ตัว เขากึ่งหลับกึ่งอนอยู่บนเก้าอี้ตัวเก่งที่ตนเอามาวางคู่กับโต๊ะทำงานหรูหราตรงหน้าเขานั้นเป็น


“คุณหลี่อี้เฟิง” รูปวาดฝีมือดีและคนในรูปที่เขาหลงใหล



หยางหยางพบกับหลี่อี้เฟิงแล้ว พบแล้ว... ถึงเขาจะดื่มไปจนเมามาย สัมผัสได้จากกลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจของตัวเอง แต่ก็รู้ตัวว่าทำอะไรไปบ้างเมื่อคืนนี้


เขาไม่ได้ฝัน...เขา..มั่นใจ..มั่นใจว่าอย่างนั้น หยางหยางย้ำกับตัวเองว่า เมื่อคืนนั้นเขาไมได้เพ้อเจ้อมากเกินไป เพราะความบ้าของตัวเองส่วนหึ่งบวกกับฤทธิ์เหล้า เสียงหวานจับใจที่ยังวนก้องอยู่หู กลิ่นหอมตรึงใจก็ยังติดปลายจมูก





“ไม่ได้ฝันหรอก ความจริง ผมรู้คิดเอาว่า ..อืม.. ว่าคุณ..ก็สนใจผมเหมือนกัน ใช่มั้ย ? คุณหลี่อีเฟิง”






งพูดเองก็เขินเอง ที่เข้าข้างตัวเองแบบนั้น หยางหยางพลันนึกถึงเสียงหัวเราะหวานเท่าที่จำได้ เท่าที่มีความทรงจำเก็บไว้ เขายิ้มให้กับความทรงจำแสนหวานนั้น ปลายนิ้ว ชายหนุ่มยกมันแตะที่ปลายจมูกหลับตาลงเหมือนพยายามนึกและจดจำกลิ่นเครื่องหอมที่เขาได้สัมผัส เขาพยายามจดจำให้ซึมซาบถึงหัวใจ

ยิ่งคิดถึงยิ่งเพ้อเจ้อ  หยางหยางบอกตัวเอง แต่เขาหยุดไม่ได้แล้ว หลงใหล เป็นหลงรัก น่าจะเข้าขั้นหัวปักหัวปรำแล้ว แบบนี้พ่อเขาคงคิดเป็นห่วงแย่ ที่เขามาหลงรักคนในรูปวาดแบบนี้ แม้ว่าเขาจะมีตัวตนจริง แต่คนในรูปกลับอยู่กันคนละภพชาติแล้ว

มันหักห้ามใจไมได้ เหมือนต้องมนต์ แววตาในรูปเมื่อหยางหยางหันไปมองจดจ้องเข้าไปในดวงตากลมสุกใสที่ฉายอยู่ในรูป เหมือนดวงตาคู่นั้นมองตรงมายังเขา เขามองกลับไป หยางหยางก็ยิ้มให้อย่างยอมแพ้ ครู่หนึ่งเขาอยากลองทรมานใจหักห้ามความรู้สึกดู และแน่นอน เขาทำไมได้อยู่แล้ว

“ผมอยากพบคุณอีกจังเลย”









****** คุ ณ ใ น นั้ น ******










แต่คุณในนั้นก็ไม่ได้ออกมาให้หยางหยางพบบ่อยอย่างที่เขาเฝ้ารอและอยากเจอ บางวันก็ออกมาให้ได้ชื่นใจ เป็นกลิ่นเครื่อหอมแสนหอมบ้าง หรือเป็นเสียงขลุ่ยเป็นเพลงขาดเป็นห้วง ๆ แต่ก็ยังไพเพราะ หรือบางครั้งเป็นเสียงของเจ้าตัวฝั่งโน้นเอง อย่างวันก่อนที่ได้ยินเป็นคำว่ามา หาว่าหยางหยางเจ้าขู้ แต่เขาก็พอรู้ว่าตัวทำสายตาแบบไหนใส่คุณหลี่อี้เฟิงไป เขาพูดสะท้อนเสียงไปหาคุณหลี่อี้เฟิง อีกฝ่ายตอบมาบ้างไม่ตอบบ้างเป็นเสียงหัวเราะบ้าง หรือเป็นคำแก้เก้อเขินในบางที จนเมื่อเช้าเราทั้งคู่ก็จำต้องจากกัน บางครั้งก็ได้บอกลากันด้วยจะเสียงพูดคุย เสียงขลุ่ยหวานที่บรรเลงหรือกลิ่นเครื่องหอม แต่บางครั้งหยางหยางล้าเพราะไม่ได้นอน ชิงหลับไปเสียก่อนดื้อ ๆ เขานึกด่าตัวเองในใจว่าหลับไปทำไม และเมื่อตื่นขึ้นมากคุณเขาก็ไม่อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว และต้องมานั่งลุ้นข้ามวัน ในบางครั้งที่เขาคิดถึงมากจนทนไม่ไหว ต้องมานั่งเฝ้าอยู่หน้ารูปวาดทั้งวัน นั่งมองคุณในนั้นยิ้มให้เขา หยางหยางเฝ้าอย่างเลื่อนลอย ใจไม่อยู่กับเนื้อตัว ทำงานผิดพลาดบ้างก็ยังดีที่ลูกน้องเขานำกลับมาให้เขาตรวจทานได้ พ่อของเขาก็คงจะรู้เรื่องนี้บ้างจากพวกลูกน้อง บางครั้งก็โทรมาหา บ้าง ดุด่าบ้าง แต่เพราะเขาทานหัวใจตัวเองไม่ไหว พ่อจึงสุดจะทน





“อยากทำบ้าบออะไรของแกก็ทำ อย่าให้เสียงาน และฉันเตือนแกแล้ว บ้านนั้นน่ะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับแก ฉันคงปวดหัวจนแทบระเบิด เข้าใจมั้ย หยางหยาง”





เขารับคำพ่อ เข้าใจที่คนเป็นพ่อเป็นห่วง อย่างน้อยพ่อนี่ล่ะที่คอยดุด่า ครอบครัวเราไม่มีใครให้เป็นห่วงมากนักเท่าไหร่


ชายหนุ่มถอนหายใจ แม้ไม่อยากให้ใครเป็นห่วงไปมากกว่านี้ มันดูเหมือนเป็นคนบ้าที่มานั่งเฝ้าอะไรซักอย่างที่คาดเดาไม่ได้ เหนือธรรมชาติ และดูไม่เป็นความจริงแบบนี้ แต่เขาพบเจอแล้ว มันเป็นเรื่องจริงแน่ ๆ เรื่องมหัศจรรย์ในชีวิตที่หยางหยางได้เจอ เขาจะไม่ยอมให้มันหายไปเฉย ๆ


“ผมรอคุณอยู่นะ “ หยางหยางรำพันถึงคุณในรูป ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายใฃ้เกณฑ์ใด ในแต่ละครั้งเพื่อมาติดต่อสื่อสารกับเขา แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝั่งจะได้ยินเขาหรือไม่ แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้ได้ยิน และยอมออกมาพบกันอีก อย่างน้อยเป็นแค่สายลมพัดผ่านแค่ไม่กี่เสี้ยววินาทีก็ได้






****** คุ ณ ใ น นั้ น ******







วันหนึ่งหยางหยางที่หอบเอางานมาทำที่บ้าน ก็ต้องแบ่งใจส่วนหนึ่งไปเฝ้ารออีกคนที่คงจะอยู่ที่ไหนซักแห่งผู้ที่เป็นคนในรูปวาดรุปนั้นออกมาพบกัน หลัง ๆ นี้เขาต้องออกไปเอางานเองบ้าง เพราะบางอย่างมันไม่สามารถจะเคลื่อนย้ายได้ เขาต้องออกไปดูงานนอกสถานที่ด้วย จะข้เกียจ เอาเปรียบลูกน้องก็ไมได้เดี๋ยวจะเสียศรัทธากันไป แต่ถ้าเสร็จงานเมื่อไหร่ หยางหยางก็จะรีบกลับมาเฝ้ารูปวาดคนที่เขาหลงใหล และเรียกอีกคนอยู่เสมอ




“คุณหลี่อี้เฟิง สวัสดีครับ วันนี้เราจะได้พบกันมั้ยนะ”





เเละวันนี้เองก็ต้องลุ้นอีกวันว่าวันนี้อีกฝ่ายจะมาพบเขามั้ย ? มาในรูปแบบใด ? หรือจะใจร้ายไม่ออกมาพบกันเลย โชคดีที่วันนี้เขาสะสางงานทุกอย่างเรียบร้อย วันนี้จึงหอบเอาของกินรสเลิศพร้อมไวน์ชั้นดีที่ได้จากการนัดพบลูกค้า เป้นของกำนัลติดมือมาด้วย ไวน์ก็เมาน้อยหน่อย..อย่างน้อยก็คงพอจำได้ ถ้าหากเขาดื่มไปแล้วคุณหลี่อี้เฟิงยอมมาพบเขา




พอคุยกับคุณในนั้นตรงที่หน้ารูปเสร็จเขาก็รีบจัดการตัวเอง วันนี้ผจญงานมามาก ไปหลากหลายที่ จึงขอผ่อนคลายโดยการนอนแช่น้ำอุ่น ๆ คลายกล้ามเนื้อเสียหน่อย วันก่อนเขาให้ลูกน้องพาช่างมาปรับปรุงห้องน้ำที่เรือนเล็กบ้านหลี่นี่เสียใหม่ จนมีอ่างอาบน้ำพอสำหรับชายโสดร่างสูงหนึ่งคน วันนี้เขาจึงขอผ่อนคลายตัวเองสักครูก่อนที่คุณหลี่อี้เฟิงจะออกมาหา อาบน้ำแต่งตัวหล่อ ๆ เสียหน่อย จะไปจีบเขาก็ต้องทำให้ตัวเองดูดี




ชายหนุ่มถอดเสื้อเชิ้ตออกวันนี้เขาไปคุยงานแบบกึ่งทางการจึงไม่พ่วงสูทกับไทด์ให้อึดอัดไป จึงมีเพียงแค่เชิ้ตสีเรียบและสแลคเนื้อดีบนตัว ไม่นับชั้นในด้านใน เมื่อจัดการเสื้อผ้าออกจนหมด มือใหญ่คว้าผ้าขนหนูพาดตัวมัดตรงเอวปิดบังส่วนล่างและเดินเข้าห้องน้ำไป เมื่อเห็นแล้วว่าน้ำอุ่นพอดีและปริมาณก็พอเจาะ เขาจึกกระตุกปมผ้าขนหนูตรงเอว จัดแจงตัวเองลงไปในน้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ



“ค่อยยังชั่ว วันนี้งานเยอะเป็นบ้า “ เขานึกไปถึงงานที่พ่อโอนถ่ายมาให้เขา ก็คงจำเป็นเพราะอยากให้เขาไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องคุณหลี่อี้เฟิง แต่ที่เขารีบทำจนเสร็จเคลียร์ทันก่อนจะมืดก็เพราะจะมาหาคุณเขานี่ล่ะ พ่อก็ห้ามเขาไม่ได้หรอก



“วันนี้ลมแรงจังแฮะ” หยางหยางเปิดหน้าต่างส่วนบนของห้องน้ำทิ้งไว้ เขาได้ยินเสียงลมพัดจนมีอะไรซักอย่างตก ก็คงจะเป็นอุปกรณ์ทำสวน หรืออะไรซักอย่างในสวนตกลงมาหยางหยางไม่สนใจ ตอนนี้เขาขอผ่อนคลายตัวเองซักครู่ คิดคำที่จะคุยกับคุณอี้เฟิง ตอนนี้ก็ยังพอมีเวลาอยู่ก่อนจะถึงช่วงเวลาประจำที่คุณเขาจะออกมาพบกัน





“วันนี้จะใช้มุขไหนที่จะรั้งให้เขาอยู่นาน ๆ ดี” ชายหนุ่มคิดถึงรูปวาดนั้น ใบหน้าหวานอันงดงามตราตรึงในใจหยางหยาง เสียงหวาน กลิ่นหอม ๆ ที่ติดตัวมา หยางหยางหลงรักหลี่อี้เฟิงชนิดที่ถอนตัวยาก นี่เพียงแค่พบกันเพียงกลิ่นและเสียง หากพบกันซึ่งหน้า มองตากันเขาจะรู้สึกลึกซึ้งกับคุณหลี่อี้เฟิงคนนี้ได้มากถึงเพียงไหน





แต่มันก็คงเป็นไปไมได้...หยางหยางคิด เขาควรไปให่หมอผีเพื่อช่วยให้เขามีเซนส์ในเรื่องการมองผีวิญญาณรึเปล่านะ







ชายหนุ่มจุดยิ้มมุมปาก เขาบอกตัวเองว่านี่คิดอะไรบ้าบอไปแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ คนไม่มีเซนส์ ยังไงก็ไม่มี เท่าที่ได้รับรู้ก็อาจจะเป็นเพราะฝ่ายโน้นจงใจให้เห็น เขาคงอยากติดต่อกับใครซักคน หยางหยางได้รับรู้และสัมผัสกันเพียงแค่นี้ก็รู้สึกดีมากแล้ว เขาหวังมากไปมีแต่จะทำให้หวังเก้อและผิดหวัง





ก็อาจจะเป็นเพราะเขาไมเคยตกหลุมรักใครอย่างจังแบบนี้ ถึงจะเคยมีความรักมา แต่นี่มันมากกว่านั้น เหมือนมีอะไรตรึงเขาไว้ เหมือนมีเชือกที่มองไม่เห็นผูกอยู่






“ผมคิดเอาเองว่าคุณเป็นพรหมลิขิตของผมแล้วนะ คุณหลี่อี้เฟิง”













“หืม?! “ เขาได้ยินเหมือนเสียงอะไรบางอย่างตกจังใหญ่แต่มันอยู่ใกล้ ๆ นี้ หันไป มันเป็นขวดแชมพูและกล่องใส่ของในห้องน้ำ ก็ไม่ไกลจากตัวเขาเท่าไหร่






และไม่นานก็มีลมพัดอีกครั้ง หยางหยางนึกแปลกใจว่าลมอะไรพัดแรงนักเชียว เขาลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำทั้งร่างเปลือยเปล่า เพื่อจะปิดหน้าต่างบานที่เปิดอยู่ ไม่นานก็มีเสียงของอย่างอื่นหล่นอีกครั้งในห้องน้ำ คราวนี้เป้นชั้นวางหนังสือ หนังสือที่จัดวางไว้อย่างดี ล้มระเนระนาด จนเขานึกประหลาดใจ




“ทำไม ? “ เขาพูดหลังจากปิดหน้าต่างเสร็จหันหลังไปดูของทุกอย่างที่ล้มอยู่ตรงนั้น



คิดอยู่ซักพักก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล ลมพัดแรงขนาดนั้นเลยหรือ ? แชมพู กล่องใส่ของยังพอว่า แต่นี่ชั้นวางหนังสือที่หนักออกขนาดนั้น




“เอ๋?! “ ไม่นาน..อีกหลังจากที่คิดเรื่องชั้นวางหนังสือจบ กลิ่นของบางอย่างอันคุ้นเคยก็เตะจมูกเขา







ชายหนุ่มรูปหล่อจุดยิ้มและยิ้มก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ แววตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มฉายแววปิดไม่มิด หยางหยางก็คิดว่าตัวเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้อะไร แต่วันนี้ได้ใช้ความเจ้าชู้ในแบบที่ชายหนุ่มทั่วไปมีกับใครบางคนแล้ว





“คุณหลี่อี้เฟิง! คุณแอบดูผมอาบน้ำหรือ!








**** คุ ณ ใ น นั้ น *****







“ข้าเปล่า! “ ชายหนุ่มหัวเราะร่าหลังจากที่ตะโกนในห้องน้ำไปอย่างนั้น ทันควันคุณหลี่อี้เฟิงสวนกลับมาทันทีและกลิ่นเครื่องหอมก็หายไป เป็นสัญญาณว่าคุณเขาหนีไปเขินที่อื่นแล้ว หลังจากนั้นหยางหยางก็รีบอาบน้ำให้เสร็จแล้วก็รีบไปง้อคุณเขา พอมาถึงตรงหน้ารูป วันนี้คุณหลี่อี้เฟิงยอมออกมาพบเขาแล้ว เพราะสัมผัสได้ถึงกลิ่นเครื่องหอมที่เตะจมุกจนเกือบฉุนแต่หยางหยางชอบกลิ่นนี้ วันนี้พระจันทร์แม้ไม่เต็มดวงแต่ทอแสงสวย ทำให้รุปวาดอันงดงามที่ถูกแสงจันทร์ต้องงดงามมากขึ้นเท่าทวี






“คุณหลี่อี้เฟิง” หยางหยางลองเรียกดู ฝ่ายนั้นไม่รู้จะตอบมามั้ย เพราะรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่ตอบกลับมาเหมือนว่าจะเขินและงอนไปแล้ว หยางหยางอยากง้อ แต่การง้อวิญญาณนี่ก็เหมือนคนใช่หรือเปล่า แต่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็เคยเป็นเหมือนกับเขา ก็คงไม่ได้ต่างกัน





ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่โกรธมาก เขาเองก็เขินเหมือนกัน ก็โดนแอบดูแบบนั้น



“ผมไม่ถือสาหรอก เอ่อ..นี่บ้านคุณ ผมถือวิสาสะมาอยู่เอง แต่ยังไงผมก็ซื้อบ้านต่อมานะครับ.. เอ่อ.. คุณหลี่อี้เฟิง ออกมาคุยเถอะนะ”



ครู่หนึ่งหลังจากที่พูดจบ กลิ่นเครื่องหอมประจำตัวคุณในรูปก็ยิ่งฉุนจมุก อาจจะเป็นเพราะฝ่ายนั้นเริ่มเข้ามาใกล้หยางหยางแล้ว และในที่สุด



“เจ้าคนบ้า!” พอได้คุยกันก็โดนว่าอีกแล้ว แต่หยางหยางก็ไมได้เจ็บใจตรงไหน กลับยิ้มให้เสียอีก รู้สึกเหมือนคุณในรูปอยู่ตรงหน้า หยางหยางทรุดนั่งลงตรงพื้นห้องหน้ารูปไม่สนใจเก้าอี้


“ผมแค่ไปอาบน้ำ”



ครู่หนึ่งคุณเขาตอบกลับมา




“ข้าก็..แค่..ก็แค่ผ่านไป”





“ผ่านไป ? ห้องน้ำน่ะหรือ? “ เมื่ออีกฝ่ายตอบมาได้น่ารักขนาดนั้น หยางหยางจึงขอหยอกให้หายคิดถึง

อีกครู่ก็มีเสียงแว่วหูตอบกลับมา “ก็เจ้าสร้างอะไรในห้องน้ำเรือนเล็ก ..ข้าไม่เคยเห็น..ก็เลย..”
“อยากดู ? แต่ตอนนั้นผมอาบน้ำอยู่นะ”


เงียบไปอีกครู่เสียงแว่วหวานก็ตอบกลับมาด้วยความเขินในเสียงที่สัมผัสได้หลายระดับ ทำเอาหยางหยางยิ้มร่าออกมา พอใจจนเก็บไม่ไดอยู่ ความเจ้าชู้ก็เพิ่มตามไปด้วย แววตานี้คุณหลี่อี้เฟิงไม่รู้จะมองเห็นมั้ย แต่หยางหยางรู้ดีว่า ถ้าคุณเขาอยู่ตรงหน้าเป็นรูปร่างมนุษย์ให้ได้สัมผัส เขามั่นใจว่าสัญชาติญาณชายหนุ่มของเขาจะไม่มีวันให้คุณหลี่อี้เฟิงรอดมือแน่ ๆ



“ก็เรือนข้า! ข้าจะไปไหนมาไหนก็เรื่องของข้า! “ เหมือนตะโกนให้กลบความเขินตัวเองออกมา คุณเขาคงเขินเต็มที่จนหยางหยางนึกไปถึงใบหน้าของคุณหลี่อี้เฟิงในรูป อยากยกมือหยิกแก้มกลม ๆ บนใบหน้างดงามนั้นเหลือเกิน


“แบบนี้คุณก็เห็นทุกอย่างของผมหมดแล้วล่ะสิ”


ครั้งนี้ไม่ต้องปล่อยให้รอนาน เสียงหวานตอบมาทันที พร้อมกับกลิ่นของเครื่องหอมที่หอมเตะจมูกมากเหมือนเจ้าของกลิ่นนี้อยู่ใกล้แค่เพียงเอื้อม



“ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น! “  ได้ยินก็หัวเราะร่าออกมา เหมือนอีกฝ่ายจะฮึดฮัดน่าดูฟังจากเสียงใส ๆ นั้นแล้ว หยางหยางในตอนนี้มีความสุขจนจะเป็นบ้าตาย เขาอยากให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ จริง ๆ




“ถือว่าเป็นของขวัญจากผมแล้วกัน รูปร่างผมดีออกนะ “
“เจ้าบ้า! “ เสียงหวานเเว่วตอบกลับมา เขินสุดกำลังแล้วล่ะสินะ เขาคิดแกมขำไปด้วย 





คิดไปแล้ว หยางหยางจินตนการเอาว่าคุณหลี่อี้เฟิงคงอยู่ใกล้เขามาก หากมองเห็นกัน

 เขาจึงอยากพูดอะไรบางอย่าง  มันมาจากใจ แต่จริง ๆ แล้วก็หวังง้อคนแสนงอนที่ภพหนึ่งด้วย






“ผมมองไม่เห็นใบหน้าคุณ แต่ผมคิดว่ามันต้องงดงามกว่าที่เห็นในรูปแน่ ผมมั่นใจ อย่าโกรธผมเลยนะครับ”





สิ้นเสียงทุ้มของหยางหยาง แต่เสียงหวานไม่ปรากฏ เขาใจหายแต่กระนั้นก็โชคดีที่คุณหลี่อี้เฟิงยังไม่หนีเขาไป กลิ่นเครื่องหอมยังอยู่ใกล้ ๆ นี้




“คุณหลี่อี้เฟิง ผมไม่รู้ว่าคุณมาไหนมาไหนหรืออยู่ตรงไหน ผมมองคุณไม่เห็น นอกจากเสียงเพลงของคุณ เสียงหวาน ๆของคุณกับกลิ่นหอม ๆที่คุณมี เท่านั้นผมถึงจะรู้ว่าคุณมา”





ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ เจ้าของเสียงหวานอีกภพหนึ่งไม่เอื้อนเอ่ยใด ๆ





หยางหยางถึงเอ่ยคำเผด็จศึกที่คิดว่าอีกฝ่ายต้องใจอ่อนแน่ ๆ อย่างที่เขาจินตนาการเอาไว้







“ผมคิดถึงคุณ”





“ไม่ต้องพูดแล้ว ช่างมันประไร!




ได้ผล คุณหลี่อี้เฟิงยอมตอบกลับมาแล้ว  ปลายเสียงจากฝั่งโน้นเป็นรูปแบบเสียงที่ไม่เหมือนกับการตอบโต้กับมนุษย์ปกติ เสียงคุณเขาจะก้องกังวานหน่อย  เป็นคล้ายเสียงแว่วตามลมแต่ส่งมาถึงปลายสายก็คือหยางหยาง



“ได้ครับได้ ถ้าหายงอนผมแล้ว วันนี้เรามาอยู่ด้วยกันทั้งคืนเลยนะ”





หยางหยางรู้สึกได้ว่า อีกฝ่ายอยู่ตรงหน้า และอยู่ในระยะที่เอื้อมได้ แบบไม่ต้องสุดปลายแขนก็สัมผัสกันถึง





คาดเอาจากรูปร่างที่เห็นจากในรูปแม้จะนั่งอยู่ คุณหลี่อี้เฟิงคงสูงพอ ๆ กับเขา หรือเตี้ยกว่าไม่กี่เซนติเมตร พอนั่งอยู่กับพื้นเช่นนี้ ระดับของใบหน้าก็น่าจะอยู่ในระนาบเดียวกัน หยางหยางจึงลองเสี่ยงดู





“ผมว่าเราใกล้กันมากเลยนะครับ.. ตอนนี้คุณตอบผมได้มั้ยว่า ผมคิดถูกที่ขยับเข้ามาใกล้คุณแบบนี้”  
หยางหยางขยับตามที่บอกคุณในรูปไป ชายหนุ่มขยับไปข้างหน้านิดหน่อย พร้อมเลื่อนใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้ในระยะอย่างที่เดาเอาเองว่าใบหน้าหวานของคุณหลี่อี้เฟิงจะอยู่ตรงนั้น แววตาส่งความรู้สึกทั้งหมดของเขาออกไป จะรัก หลงใหล หรืออยากทำอะไรมากมายก็ตาม มันอยู่ในแววตาหมาป่าล่าเหยื่อแสนเจ้าเล่ห์เจ้ากลของหยางหยางแล้ว




“ว่าไงครับ ?”  เสียงทุ้มปรับโทนเสียงให้อ่อนโยน นุ่มนวล ฟังแล้วออดอ้อนใจ ฃวนละลายแก่ผู้ได้ยิน




ครู่หนึ่ง หยางหยางอดใจรออย่างมีความหวัง จนเสียงหวานตอบกลับมา



“หน้าเจ้าใกล้ข้ามาก จนจะ.. เอ่อ...”
“ครับ ? “


เหมือนได้ยินเสียงฟึดฟัดมาแว่ว ๆ ยิ้มแสนเล่ห์แสนกลของหยางหยางปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า เขาเอียงคอพลางคิดถึงใบหน้าหวานนั้นคงน่ารักน่าเอ็นดูเวลางอน




“ใกล้มากไป ..จนจะจูบช้าได้อยู่แล้ว”





ในที่สุดก็สารภาพออกมา ด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เขินปิดไม่มิดแม้เป็นเสียงแว่วลมมาก็ฟังออก หยางหยางประสบความสำเร็จจริง ๆ ที่ทำให้คุณเขาหวั่นไหวขนาดนี้ เขาอยากรั้งให้คนในรูปอยู่กับเขาจนเวลาของเราจะหมดจนเช้า




“อยู่กับผมได้มั้ยคืนนี้ “





เสียงทุ้มนุ่มนวลเอ่ยถาม ใบหน้าของหยางหยางยังอยู่ในตำแหน่งเดิม และดูเหมือนอีกฝ่ายก็ยังไม่ไปจากที่เดิมของตัวเองด้วย คงใกล้มาก หากมองเห็นกัน คงเป็นเขาเองที่ใจละลาย








“นี่เรือนเล็กตระกูลข้า ข้าจะอยู่จะไปก็เรื่องของข้า”
“แล้วอย่างไรครับ คุณจะอยู่หรือไป ?”






ถามกลับไปอีกหนึ่งคำถาม แต่เสียงหวานไม่ตอบกลับมาทันใจแบบเคย หากว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนแป็นเสียงขลุ่ยหวานบรรเลงให้ได้ยิน เป็นคำตอบยืนยันว่าเราจะอยู่ด้วยกันเพื่อฟังและบรรเลงเพลงนี้จะหมดเวลาของเรา










****** TCB 5