วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2559

[SF] สุญญากาศ + SPACE ---- หยางเฟิง












ผมมาที่ทะเลที่เราสองคนเคยแอบโดดงานมาด้วยกัน



ที่นี่เงียบสงบมาก ๆ  ยามค่ำคืนแทบไม่มีใครเลยล่ะ เงียบสงบ เสียจนผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง
ที่ร้องไห้และสับสนกับเรื่องราวความรักที่ผมไม่อาจหักห้ามใจ แม้จะค้านกับเสียงทุกเสียงจากทุกคน
แม้แต่ผมก็ค้านด้วย ความรักที่ไม่รักดีนี้
ผมไปรักคนที่ไม่น่าจะรักเขาได้
ในที่สุดจากที่ผมเคยเดินนำเขา เขาไล่ตามผมาแท้ ๆ แต่เขากลับวิ่งแซงผมไปเสียไกล หลังของเขาคนนั้นที่มองเห็นอยู่ไกลลับตา แทบมองไม่เห็นเลย เราห่างไกลกันเหลือเกิน มือก็คว้ากันไม่ได้ ผมไม่อยากเห็นเขาหันหลังให้ผมแบบนั้น


พอเขายิ่งห่างไป ยิ่งไกล ช่องว่างระหว่างเราก็ยิ่งมากขึ้น เสียงผมอาจจะไปไม่ถึงหยางหยาง
ผมเรียกไอบ้าช่องว่างนั่นว่า สุญญากาศ


“นายได้ยินฉันมั้ย หยางหยาง ว่าเราต่างก็ห่างไกลกัน ตอนนี้นายแซงหน้าฉันไป นายทำให้ฉันคิดถึงมากขนาดนี้ “



ผมบ่น เรียกร้องหาเขาอีกแล้ว เมื่อครู่ก่อนหน้า ผมตะโกนใส่ทะเลไปหนึ่งครั้ง เรียกชื่อเขาและน้ำตาผมก็ไหลรินออกมาจากตาของผมทั้งสองข้าง จากเป็นหยดกลายเป็ผมอาบน้ำตาให้แก้มตัวเอง


ผมรักเขามากขนาดนี้ แต่เขากลับเดินนำผมไปไกล
จากที่เขาไล่ตามเพื่อคว้าความรักของผม แต่ตอนนี้น่ะหรือ ? ผมเสียเองที่ไล่ตามความอบอุ่นจากรักของเขา



หลังจากวันนี้ ผมจะได้พบเขาอีกหรือเปล่าไม่รู้

ไอบ้าสุญญากาศเอ๊ย บางทีนายอาจจะทไใ้ฉันกับหยางหยางทะเลาะกันนานขึ้นนะ เห๊อะ!



“ฉันคิดถึงนาย ..หยางหยาง”














เขาชอบตัดพ้อ เหมือนผมไม่มีหัวใจทั้งที่หัวใจของผมก็อยู่ที่เขานั่นล่ะ
ทำไมเขาทำแบบนั้น
ก็อาจเป็นเพราะผมแสดงรักของผมต่อเขาไม่มากพอ นั่นเป็นความผิดของผมเองที่ไม่สามารถทำให้เขามองเห็นถึงความรักของผมได้

ผมรักเขาสุดที่หัวใจดวงหนึ่งจะรักใครได้ หลี่อี้เฟิงคนนั้น ทำให้ผมเป็นบ้าแทบตาย
ผมรักเขา รักมากที่สุดด้วย คำธรรมดาของผมนี่ล่ะ ที่พร่ำบอกตลอดเวลา แต่บางทีเขาก็ทำเป็นไม่ได้ยินผม เขาแทบไม่ตอบอะไรกลับมา แล้วทำไมเขาถึงมาตัดพ้อผมด้วยสีหน้าและอาการแบบนั้นล่ะ ก็เพราะหลี่อี้เฟิงคนนั้นทั้งปากหนักและไม่ตรงกับใจ


เขาคิดว่าผมไม่รักเขา
ผมดังขึ้น ? ใช่ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราทะเลาะกันเรื่องนี้ ผมมีงานเข้ามา มีภาระมากขึ้น เราห่างกันมากขึ้น ไม่มีเวลาให้กันเหมือนเมื่อก่อน ยิ่งห่างไกล เขาก็ตัดพ้อออกมาทันทีว่าผมห่างเขาเกินไป
ผมแซงเขาไปไหนต่อ จะบ้าหรือไง หลี่อี้เฟิง คุณน่ะ อย่างไรก็เป็นดาวที่สะท้อนบนท้องฟ้าเพียงผู้เดียว ทำแค่เสมือนดาวไม่มีทางเทียบดวงดาวตัวจริงแบบเขาเลย
แต่เขาคิดไปมากมาย สารตะไปเรื่อย
แต่ผมไม่มีเวลาแม้แต่จะแก้ตัวสำหรับเรื่อง
จึงได้แค่มาบ่นใส่ทะเลที่เงียบสงบที่แทบไม่มีเสียงคลื่นตอบโต้
“ผมอยากให้คุณเข้าใจ คุณดวงดาวของผมเสมอนะ อี้เฟิง”
ว่าแต่เขาปากหนัก ผมเองก็เป็นผู้ชายประเภทกลั่นคำพูดดี ๆ ไม่เป็น กลัวเขาจะคิดมาก


เรื่องราวจึงกลายเป็นแบบนี้ เราไม่เข้าใจกัน ค้างคากันมานาน ปล่อยให้มันเป็นช่องว่าง คล้าย สุญญากาศ ที่ว่างเปล่าไม่มีใครเข้าไปตรงพื้นที่นี้ ทั้งผมและอี้เฟิงเราจึงทำได้เพียงเว้นช่องว่างนั้นไว้

ไม่มีใครกล้าเข้าไปทำให้สุญญากาศนั้นมันหายไป










หืม?!


บางทีผมอาจจะคิดถึงอี้เฟิงมากไป เพราะเหมือนผมจะได้ยืนเสียงของคนรักร้องเรียกผมเมื่อครู่ก่อนหน้าไม่กี่วินาที






“หยางหยางงงงงงงงงงงงงงง ไอบ้าเอ๊ยยยยยยยยยยย”





มีคำด่าตามหลังมา.. ในระยะใกล้ ๆ แบบนี้



“อี้เฟิง!




ผมหันไปหาเสียงนั้นอย่างจริงจัง หลี่อี้เฟิงอยู่ตรงนั้น ริมหาดที่ไม่ไกลจากผมเท่าไหร่











“หยางหยาง....”



เขามาทำอะไรตรงนี้..วะเนี่ย? ผมคิด ตอนแรกคิดว่าผีหลอกเข้าให้แล้วหรือคิดถึงไอบ้าหยางหยางมากจนสมองเพี้ยนแต่ผมเห็นเขาจริง ๆ หมอนั่นก็ยืนตะลึงงันแบบที่ผมเป็น ทำท่าเหมือนแคะหูด้วย แหงล่ะ ผมเพิ่งด่าเขาไปตะกี้ว่า ไอบ้าเอ๊ย ก็เพราะว่าเขาเป้นแบบนั้นจริง ๆ ทำให้ผมคนนี้ต้องวุ่นวายใจ ถึงขั้นต้องหนีงานมาทำใจที่ทะเลไกลขนาดที่กลับไปทำงานอีกครั้งต้องโดนด่าแบบเช็ดทุดคำ


หมอนั่นเดินมาแล้ว..ตรงมาหาผม หน้าดุด้วย ...ยังไงดีวะ ผมกับเขา ความรู้สึกและหลาย ๆ อย่างมันยังเป็นสุญญากาศอยู่เลย


ยังไม่พร้อมจะเจอหยางหยางตอนนี้

ผม..แต่..ผมน่ะ




“อ๊ะ!











ผมกอดอี้เฟิงเข้าเต็มรัก เต็มอ้อมกอด ตอนแรกอี้เฟิงก็ตกใจออกแรงดิ้น แต่เมื่อผมหอมแก้มเขาซะฟอดให้หายคิดถึง เขาก็อ่อนลง และออดอ้อนขึ้นด้วยการแสดงท่าแมวเหมียวเอาคางมาเกยตรงไหล่ผม แต่วันนี้เขาบวกกับแรงสะอื้นและน้ำตาหยดสวยที่ทำให้ผมแทบเป็นบ้าเพราะทำให้อี้เฟิงร้องไห้ ผมกอดปลอบร่างนุ่มนิ่มให้แนบแน่นขึ้น ให้เขาร้องไห้ให้พอและผมสัญญาว่าเมื่อคนรักหน้าแมวของผมหยุดร้อง ผมก็จะทำให้สุญญากาศระหว่างเราหายไป



ด้วยคำว่า ผมรักคุณ ให้เท่ากับจำนวนดาวบนท้องฟ้าในวันนี้













“ผมรักคุณ”




หลังจากผมหยุดร้องไห้หนัก ตรงบ่าของหยางหยางเปียกน้ำตาน้ำมูกผมเต็มไปหมด เขาหัวเราะเบา ๆ ออกมาให้ผมสะท้านหัวใจกับเสียงทุ้ม ๆ ของเขา และบอกคำที่ผมฟังจนเบื่อ แต่ก็อยากฟังอีกเรื่อย ๆ



“ผมรักคุณ อี้เฟิง รักคุณมากนะ”



เป็นคำที่โคตรธรรมดา แต่มันก็บอกได้ว่า สุญญากาศระหว่างเรามันหมดไปแล้ว


คำอธิบายอะไรนั่น ก็คงไม่เป็นไรแล้ว
คำอธิบายที่ว่าทำให้ผมมายืนด่าเขาที่ทะเล ทำผมถึงรู้สึกว่าเขาห่างไกลและไล่หลังเขาไม่ทัน เราดูไม่ใกล้กันเท่าเมื่อก่อน


หยางหยางตอบผมด้วยการ ที่เขามายืนเป้นผีทะเลกลางคืนมืด ๆ ดึก ๆ ในตอนนี้ พร้อมผม และที่เดียวกับผม
หยางหยางตอบผมด้วยการเดินเข้ามาโดยไม่มีการหยุดจังหวะเท้า และสวมกอดผมอย่างแนบแน่นทำให้ความอบอุ่นแบบอย่างเดิมเจ้าเก่าที่ผมรักและใฝ่หามาตลอดที่ห่างไป กอดแบบนี้ล่ะ ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร
และหยางหยางย้ำคำตอบกับผมอีกครั้งให้ผมมั่นใจ ด้วยคำว่า ผมรักคุณ สั้น ๆ แต่น้ำเสียงหวานหูและบาดหัวใจ มันมาพร้อมความรู้สึกที่ทั้งผมและหยางหยางต่างอยากให้อีกฝ่ายรับรู้และรู้มันด้วยใจ


แค่นี้ล่ะ ผมทั้งสองคนเป้นพวกไม่ชอบพูดมาก เพราะอีกคนหยางหยางก็พูดน้อยไม่กล้าพูด ส่วนผมก็ปากหนักไม่อยากพูด


เรามันก็เป็นแซะแบบนี้ สุญญากาศก็เลยเกิดขึ้นบ่อย ๆ เหมือนกับฝนตกในฤดูร้อน




แต่สุญญากาศครั้งล่าสุดของเราตอนนี้หายไปแล้ว


ด้วยกอดของหยางหยางและคำบอกรัก


ผมต้องขอบคุณเขาบ้างล่ะ


“ฉันคิดถึงนาย หยางหยาง”







เขาที่ยังกอดผมอยู่ คลายมือออกมาหนึ่งข้างและยกลูบกลุ่มผมของผมและหัวเราะกลั้วทั้งพูดไปด้วยว่า “คุณนี่มันปากหนักเหลือเกิน”
  
ก็เพราะว่าเขาหวานเกินไปน่ะสิ คำบอกรักน่ะ ให้หยางหยางพูดแทนผมก็หวานพอแล้ว







--------------------END -สุญญากาศ + SPACE ------------



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น